คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : ภาคปลายตอน8 สตรีอัปลักษณ์
จินเยว่ชิงหรี่ตามองสองสตรีอัปลักษณ์ที่คนหนึ่งมีปานแดงกับไฝเม็ดใหญ่น่าเกลียดและอีกคนหนึ่งมีแผลเป็นลากยาวที่ข้างแก้ม
หากเป็นสตรีงดงามสวยหยาดเยิ้มที่ทางจวนเฟ้นหาตามเงื่อนไขความงามและฝีมือในการตอบสนองความสำราญต่อบุรุษเพศขั้นเซียน นางเกรงว่าฟงชินหยางจักอดใจเอาไว้ไม่ไหวจนลากสตรีงดงามนางนั้นออกไปกลืนกินจนหนำใจทั้งยังนอนกกนอนกอดกันไม่ยอมปล่อยทำให้อารมณ์กระสันพวยพุ่งรุนแรงจนพลาดพลั้งติดใจกันไปถึงไหนต่อไหน
หึ! นางไม่มีวันยอม ไม่ยอมแน่ๆ
เมื่อจินเยว่ชิงคิดได้ดังนั้นจึงคำรามด้วยเสียงหวานใส
“ดีมาก เยี่ยมมาก ข้าชมชอบการแสดงชุดนี้ยิ่งนัก”
หญิงสาวเอ่ยคำดังกังวานมาทางสามทหารหน้าบากตรงหน้ากลางลานแสดง
เฉินจิ้นเหิอและเหลียนซือจินกำลังนั่งมองทหารทั้งสามที่แสดงการขับขานทั้งยังร่ายรำดาบเข้ากับบทเพลงอย่างนึกทึ่งแลประทับใจขึ้นมา เนื่องจากว่าการแสดงชุดนี้ช่างตรงใจพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก การที่บุรุษต้องออกไปทำศึกสงครามแล้วมีสตรีนั่งเฝ้ารออยู่ทุกยามตามความหมายแห่งบทเพลงนั่น ความรู้สึกเป็นเช่นไรนั้น พวกเขาสองสามีภรรยาต่างรู้ดี
“ทหารหญิงท่านนี้แสดงได้ถึงบทเพลงเป็นอย่างมาก เจ้าคงประสบด้วยตนเองเลยกระมัง” เหลียนซือจินเอ่ยถามตามตรงไปทางสตรีที่มีปานแดงกับไฝใต้ดวงตาผู้บรรเลงผีผาได้ตรึงใจ
หลิงเวยจึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วคลี่ยิ้มงดงามตามวิสัยก่อนเอ่ยเสียงหวานตอบกลับไป “ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ สามีของหม่อมฉันเป็นทหารกรำศึกหนักมาเนิ่นนานปีเหลือเกิน”
“อา...” เฉินจิ้นเหอและเหลียนซือจินครางในลำคอพร้อมกันพลางยกยิ้มละไมส่งให้สตรีเบื้องหน้า พวกเขากำลังรู้สึกถูกชะตากับสตรีอัปลักษณ์นางนี้เสียจริง
“ท่านพ่อ ลูกต้องการให้นักแสดงชุดนี้อยู่ร่วมงานเลี้ยงกับเราได้หรือไม่เพคะ” จินเยว่ซิงรีบหันไปออดอ้อนชินอ๋องผู้เป็นบิดาในทันทีเมื่อเห็นได้ชัดว่าบิดากับมารดาชมชอบการแสดงจากสตรีอัปลักษณ์นางนี้
เฉินจิ้นเหอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา “เราไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว”
จินเยว่ชิงรีบเอ่ย “ให้สาวงามออกไปก็ได้นี่เพคะ”
หากจะให้สตรีนั่งขนาบข้างกับฟงชินหยางก็ควรจะเป็นสตรีอัปลักษณ์เยี่ยงนี้แล
“อ่า...ได้ๆ” เฉินจิ้นเหอย่อมตามใจธิดาด้วยเรื่องเพียงเท่านี้และนึกชมชอบการแสดงของสตรีอัปลักษณ์นางนี้อยู่มากจึงส่งสัญญาณมือไปทางข้ารับใช้คนสนิทที่ยืนขนาบอยู่ด้านหลังซ้ายขวาของเขาให้ไปจัดการในทันที
สาวงามสองนางที่กำลังปฏิบัติการตามแผนการอย่างเคร่งครัดโดยนางหนึ่งกำลังยื่นหน้าอกนุ่มๆ เบียดเสียดกับท่อนแขนหนั่นแน่นของฟงชินหยางจนเสียรูปทรงที่กลมกลึงพลางโปรยผงปลุกกำหนัดใส่จอกเหล้าของเขาอย่างต่อเนื่องและอีกนางหนึ่งกำลังเตรียมยาพิษสำหรับฉีเล่อเอาไว้ในมือทว่าพลันได้ยินอย่างนั้นพวกนางจึงทำได้เพียงนิ่งชะงักเมื่อได้รับคำสั่งส่งตรงจากข้ารับใช้แห่งชินอ๋องว่าให้ลุกออกไป
เหมยเจียวนั้นรู้สึกชมชอบแม่ทัพฟงผู้นี้เป็นอย่างยิ่งนางจึงนั่งนิ่งทำทีไม่ได้ยินคำสั่งให้ลุกออกไปเสียอย่างนั้น
ฟงชินหยางที่กำลังนั่งจ้องมองใครบางคนอยู่ตรงกลางลานแสดงตลอดเวลาจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อสตรีน่ารำคาญข้างกายยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลุกออกไปเสียที เขาจึงเอียงตัวแล้วค่อยๆ ก้มหน้าเข้าหาใบหูขาวๆ ของนาง
เหมยเจียวถึงกับตกใจตาโตหน้าแดงซ่านเมื่อจู่ๆ สายตาคมเข้มจมูกคมสันของบุรุษหล่อเหลาเหลือร้ายข้างกายโน้มลงมาแบบนั้น แต่แล้วนางพลันเนื้อร้อนผ่าวก่อนชาวาบไปทั้งลำตัวเมื่อได้ฟังคำจากริมฝีปากสีแดงๆ ของเขา
“หากไม่ลุกออกไปข้าจักปาดคอเจ้าเสีย...” ฟงชินหยางกล่าวจบก็ยกยิ้มร้ายกาจใส่หน้านางข้างกายคล้ายกับว่ามิได้เอ่ยอันใดออกมา
เหมยเจียวมีหรือจะช้านางรีบลุกขึ้นพรวดพราดเดินคล้ายกระโดดออกไปในทันที นางรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีล้อเล่น!
สาวงามอีกนางหนึ่งที่นั่งอยู่กับองค์ชายฉีเล่อเห็นเหมยเจียวลุกขึ้นแล้วเดินพุ่งปราดออกไปแบบนั้นนางจึงต้องรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามออกไปด้วยเช่นกัน ใครมันจะโง่นั่งอยู่คนเดียว!
ฟงจินหมิงเห็นสาวงามตามเป้าหมายเดินออกไปอย่างรวดเร็วปานนัดกันเยี่ยงนั้นแล้ว เขาจึงไม่มีการรีรอรีบสานต่อแผนการของเขาในทันที ชายหนุ่มจึงรีบเดินตามสาวงามทั้งสองออกไปเช่นเดียวกัน เขาจะตามไปหักคอพวกนาง!
ฟงจินหมิงรีบพาสองสาวงามเจ้าของแผนการอันชั่วร้ายซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาให้เดินกรีดกรายติดตามเขาออกไปอย่างรวดเร็วไร้ข้อกังขา คงเหลือไว้เพียงหลิงเวยและฟงลี่หลินที่ยืนนิ่งตาโตตรงกลางลานแสดง
หลิงเวยและฟงลี่หลินหันหน้ามองตากันไปมา
เอาอย่างไรต่อดี?
จู่ๆ เสียงหวานใสของจินเยว่ชิงพลันดัง “เจ้าสองคนยืนทำบื้ออันใดไยไม่รีบไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพกับองค์ชาย ไป!”
หลิงเวยถึงกับสะดุ้งเฮือก
ในขณะที่ฟงลี่หลินนึกเข่นเขี้ยวมองตาเขียว องค์หญิงนางนี้ปากร้ายยิ่งนัก หาอะไรยัดปากนางดีหรือไม่?
หากแต่หลิงเวยและฟงลี่หลินไม่สามารถทำอันใดได้มากไปกว่านั้นเพราะว่ามันคือคำสั่งของธิดาหนึ่งเดียวของชินอ๋องเจ้าแห่งหัวเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยามนี้
ฟงชินหยางเพียงนั่งนิ่งๆ ด้วยมาดทรงพลังท่าทางเฉยชาสีหน้าไร้ความรู้สึกดังเดิม แต่ทว่าสายตาคมปลาบยังคงจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานที่ซ่อนอยู่ภายใต้ปานแดงและไฝเม็ดใหญ่
เขายังคงมองนางด้วยดวงใจที่เต้นระส่ำยากเก็บข่มพร้อมอารมณ์บางอย่างที่เริ่มพวยพุ่งรุนแรงกระหายมากอยากระบายกับนาง
"เจ้ามานั่งนี่!" เส้นเสียงทุ้มต่ำของบุรุษร่างใหญ่เจ้าของสายตาคมปลาบเอ่ยคำรามออกมาทางสตรีที่มีปานแดงและไฝใต้ดวงตา
หลิงเวยจำเสียงได้เป็นอย่างดีถึงแม้มิได้หันหน้าไปมอง
เสียงนั้นคือเสียงของฟงชินหยาง นางจึงรีบหมุนตัวแล้วเดินไปทางต้นเสียงในทันทีไม่มีรีรอ
เมื่อเดินมาจนถึงโต๊ะของเขาแล้วหญิงสาวรีบยอบกายทำความเคารพชายหนุ่มผู้ที่เป็นถึงแม่ทัพหนึ่งคราตามธรรมเนียมพึงปฏิบัติก่อนจะค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงเคียงข้างกับเขาที่โต๊ะตัวเดียวกันตรงข้างลานแสดง
นางทำทีเป็นไม่คุ้นเคยไม่รู้จักเขาตามแผนการที่ได้ตกลงเอาไว้กับน้องสามีทั้งสองได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ
ฟงชินหยางนั่งนิ่งจ้องมองนางผู้เป็นภรรยาด้วยสายตาร้อนแรงกล้ามเนื้อร้อนผ่าวอารมณ์บางอย่างที่ห่างเหินไปนานเริ่มปะทุพลุ่งพล่านคล้ายกับถูกวางยาปลุกกำหนัดก็ไม่ปาน
แต่ทว่าฝ่ามือกรุ่นร้อนของเขาที่กำลังจะยื่นออกมาแตะเอวบางกลับต้องชะงักไปเมื่อเห็นนางทำทีเป็นไม่รู้จักกันเยี่ยงนั้น เขาจึงได้แต่นิ่งงัน
เขาถึงกับหรี่ตามองภรรยาคนงามของตนที่บัดนี้ช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก มิรู้ได้ว่ากำลังทำบ้าอันใด ไยต้องติดปานติดไฝเสียน่าเกลียดน่ากลัวปานนั้น และท่าทางที่แสดงออกว่าไม่รู้จักกันนี่คืออันใด จับแก้ผ้าแล้วตีก้นดีหรือไม่!?
หลิงเวยก้มหน้าน้อยๆ หลุบตาลงเพื่อซุกซ่อนประกายหวามไหวในดวงตาสุดชีวิตเมื่อได้ใกล้ชิดกับฟงชินหยางเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี
ห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แอบชำเลืองมองชายหนุ่มข้างกายพลางเม้มปากเอาไว้แน่นพวงแก้มนวลเนียนเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ นางกำลังเนื้อร้อนไปหมดแล้วในยามนี้ และยิ่งร้อนรุ่มคล้ายเป็นไข้เมื่อรับรู้ถึงความร้อนจากกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของเขายามนั่งใกล้กัน
ฟงชินหยางยิ่งเพิ่มความร้อนแรงในแววตาเมื่อมองเห็นท่าทางของภรรยาเป็นอย่างนั้น
ห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่
นั่นคือความนัยจากห้วงคำนึงของความคิดถึงที่มิได้นัดหมายของสองสามีภรรยาที่ยามนี้คนหนึ่งปลอมตัวและอีกคนหนึ่งเล่นตามน้ำไปแบบมึนๆ
ทั้งสองยังคงนั่งนิ่งๆ ชำเลืองมองหน้ากันไปมาอยู่เงียบๆ ไร้สรรพเสียงใดๆ มีเพียงแต่อารมณ์บางอย่างที่ห่างหายไปนานเริ่มปะทุดุเดือดจนเลือดสูบฉีดแทบพุ่งอยู่ตรงแก่นกลางใจโดยมิได้นัดหมายแต่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน
ฟงลี่หลินได้แต่ยืนชะงักอยู่กลางอากาศที่จู่ๆ พี่สะใภ้ก็หมุนตัวเดินจากไปทิ้งเอาไว้เพียงนางให้ยืนตากลมอยู่กลางลานแสดงคนเดียว
อาซ้อนะอาซ้อ...
จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำพลันเอ่ยมาทางฟงลี่หลิน "เจ้า..." หญิงสาวจึงผินใบหน้าไปมองตามเสียง "มานั่งนี่มา..." ประโยคถัดมาเขาผู้นั้นยกฝ่ามือขึ้นแล้วกวักเรียกนางเลยทีเดียว
ฉีเล่อคือเจ้าของเส้นเสียงทุ้มต่ำและฝ่ามือที่กำลังกวักเรียกนั้น เขากำลังคิดว่านางสมควรมานั่งแทนที่สาวงามอันตรายเมื่อครู่นี้ หากเป็นนางเขาคงปลอดภัย
ฟงลี่หลินจึงเดินไปตามเสียงเรียกและฝ่ามือนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางค่อยๆ เดินไปอย่างยอมจำนน เมื่อเดินมาถึงโต๊ะขององค์ชายฉีเล่อนางจึงทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อมแล้วค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งข้างๆ ฉีเล่ออย่างหมดเรี่ยวแรงโดยทิ้งระยะห่างจากเขาเอาไว้พอประมาณ
นางต้องระวังตัวเอาไว้ ท่าทางของเขาดูฉลาดลึกล้ำไม่เบามิใช่รูปงามอย่างเดียว
นางต้องระวังตัวเอาไว้เผื่อพี่ใหญ่ของนาง...
ฉีเล่อเห็นท่าทางคล้ายกับรังเกียจกันอย่างนั้นจึงนึกแปลกใจขึ้นมา
เขาออกจะรูปงามปานนี้ ไยทำท่าทางเยี่ยงนั้นกัน?
สองหนุ่มสาวที่คนหนึ่งหน้าตางดงามกับอีกคนหนึ่งหน้าตาอัปลักษณ์มีแผลเป็นลากยาวข้างแก้มเพียงนั่งนิ่งๆ คล้ายหยั่งเชิงคล้ายรังเกียจกันอยู่อย่างนั้น โดยฝ่ายสตรีอัปลักษณ์นั้นกำลังทำท่าทางคล้ายกับรังเกียจบุรุษรูปงามในขณะที่บุรุษรูปงามกำลังหยั่งเชิงสตรีอัปลักษณ์นึกใคร่รู้บางอย่างขึ้นมา
บรรยากาศงานเลี้ยงจึงดำเนินต่อไป
เฉินจิ้นเหอกับองค์ชายฉีเล่อนั่งคุยและแลกเปลี่ยนความคิดกันไปมาสลับกับถกปัญหากับฟงชินหยางบ้างเป็นครั้งคราวโดยมีสองสาวที่เป็นสตรีหน้าตาน่าเกลียดนั่งขนาบข้างอยู่ตลอดเวลาให้ความรู้สึกไม่ธรรมดาแก่ข้าราชบริพานรายรอบเป็นอย่างมาก
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ E-Book คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น