คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ครวญเซียวหยก
บนยอดหน้าผาสูงชัน
เฟิงหลิวนั่งเป่าเซียวหยกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้วยบทเพลงเศร้าสลด ดวงตาดอกท้อบนใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความเสียใจและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ที่เขาทำผิดพลาดอย่างมหันต์ลงไป เขามิได้ตั้งใจจะให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ เขาเพียงแค่อยากชมฝีมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ก็เท่านั้น มิได้ต้องการสังหารใคร และยิ่งไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ต้องตกหน้าผาตายไปพร้อมคนรักเยี่ยงนั้น
อ่า...ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
ชายหนุ่มจึงเป่าเซียวเสียงทุ้มกังวานดังไปทั่ว เหล่าหมาป่าต่างพร้อมใจกันเห่าหอนโหยหวนชวนสยองไปทั้งผืนป่า
เพียงครู่ต่อมา เมื่อครวญเสียงเพลงอย่างอาลัยอาวรณ์จนพอใจ เฟิงหลิวจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่เหนือยอดผาสูงชัน ไปยังริมหน้าผาแห่งนั้น สายตาของเขาพยายามมองลึกลงไปยังหุบเหวไร้ก้น หมายจะได้เห็นเจ้านกประหลาดตัวใหญ่บินโฉบไปมา ในใจคิดเพียงว่ามันอาจจะยังไม่ตายตามนายของมันไป แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังมิได้เห็นแม้แต่เงาของมันบินถลากางปีกอย่างสง่าไม่ว่าจากทิศทางใด
เจ้าของเซียวหยกผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าใจ ทำได้เพียงหมุนกายเดินจากไปอย่างเงียบงัน ทิ้งเอาไว้เพียงป้ายไม้สามแผ่นสลักตัวอักษรด้วยกริชของเขา ตั้งเอาไว้ริมหน้าผา
หนึ่งในป้ายทั้งสามนั้นมีคำว่า หงซือกวน...
ในเขตวัดแห่งหนึ่งที่เกิดเหตุนองเลือดเมื่อสองวันก่อน
ชายผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าขาวผ่องแหลมเล็ก นัยน์ตาหรี่หยีเจ้าเล่ห์ เขายืนตระหง่านอยู่เหนือศพของบ่าวชายหญิงและโจรป่าที่นอนตายเกลื่อนกลาดภายในวัดแห่งนี้อย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
เขาแน่ใจว่าแผนการที่วางเอาไว้ค่อนข้างรัดกุม องค์หญิงโจวเหม่ยหลิน พระธิดาซึ่งเกิดจากสนมอันเป็นที่รักของโจวเหวินหลงฮ่องเต้ ทรงเดินทางมายังวัดแห่งนี้มิผิดแน่ ก่อนหน้านี้เขาแอบสั่งคนให้มาอัญเชิญหลวงจีนที่วัดไปเจริญภาวนายังอารามหลวงจนหมด เพราะปล่อยไว้อาจจะเป็นอุปสรรค บ่าวไพร่ทุกคนที่ติดตามขบวน เขาล้วนซื้อตัวเอาไว้จนสิ้น โจรป่าปล้นชิงก็เช่นกัน แผนการก็เตรียมเอาไว้อย่างดิบดี หลายชั้นเสียด้วย
ยามที่ฮ่องเต้ทรงออกว่าราชการเยี่ยมราษฎรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ องค์หญิงเหม่ยหลินก็ทรงแอบหนีออกมาจากวังหลวงอย่างไร้ความคิด อ่า...แต่แล้วองค์หญิงผู้สูงศักดิ์พลันถูกโจรป่าปล้นชิงแล้วสังหารโหด ตายอย่างอนาถในวัดร้างไร้คนพบเห็น อืม...อีกแผนหนึ่ง องค์หญิงทรงหนีโจรป่าจนเตลิดแบบไร้ทิศทาง กระทั่งตกหน้าผาแล้วตายไปด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ไม่สามารถเอาผิดใครได้สักคน อา...
ชายชุดน้ำเงินคิดลำดับเหตุการณ์อันชั่วร้ายอยู่ในใจด้วยสีหน้าปรับเปลี่ยนไปมาคล้ายเล่นงิ้ว เขาหรี่ตามองไปทางศพของบ่าวชายหญิงและโจรกระจอก
ฮึ! แล้วเหตุใดพวกมันจึงมานอนตายน่าเกลียดกันเยี่ยงนี้ บัดซบนัก!
ในขณะที่เรียวคิ้วบนดวงตาหรี่หยีของชายชุดน้ำเงินกำลังขมวดพันกันแน่นยามริมฝีปากเล็กบางบ่นพึมพำไร้ซึ่งสรรพเสียง ชายชุดดำอีกคนหนึ่งพลันเดินเข้ามา แล้วประสานมือทำความเคารพก่อนเอ่ยเสียงห้าว “เรียนใต้เท้าเฉียง ไม่พบศพขององค์หญิงเหม่ยหลินขอรับ”
ใต้เท้าเฉียงหรือ เฉียงยวิ๋น จึงหรี่ตาลงจนกลายเป็นเส้นตรงแล้วเอ่ยเสียงแหลมสูงผิดบุรุษออกมา “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อบ่าวไพร่ติดตามล้วนตายสิ้น กระทั่งโจรป่ายังไม่รอด องค์หญิงเป็นเพียงสตรีในห้องหอไหนเลยจักมีความสามารถล้นเหลือ” กล่าวจบก็ตวัดสายตาคล้ายแง่งอนแวบหนึ่ง
ชายชุดดำลอบปาดเหงื่อเล็กน้อย อันว่าอิสตรียากแท้หยั่งถึงแล้ว แต่บุรุษเหนือบุรุษตรงหน้ายิ่งยากจะหยั่งถึงซึ่งความนัย เขาจึงเอ่ยอีกคราอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม “เรียนใต้เท้าเฉียง ข้าน้อยตรวจสอบโดยรอบแล้ว ไม่พบรถม้าที่ควรจะอยู่หน้าวัด บางทีเราอาจจะแกะรอยจากรถม้าได้นะขอรับ”
ดวงตาของเฉียงยวิ๋นพลันทอประกายวูบไหว เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมเดินเข้าหาชายชุดดำก่อนเอ่ยเสียงแหลมหวาน “ดีมาก เจ้าเป็นชายที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก ข้าชอบเจ้า!” จบคำก็เอื้อมฝ่ามือเรียวยาวขึ้นมาลูบบ่ากว้างของชายชุดดำ
เจ้าของบ่ากว้างถึงกับเข่าอ่อนแทบทรุดฮวบ เมื่อถูกไท่เจี้ยน[1] ผู้นี้เอ่ยปากว่าชอบ คืนนี้เขาคงไม่แคล้วต้องทำงานพิเศษจนนอนซม
เฉียงยวิ๋นเป็นขันทีในวังหลวงมานานปี และทุกครั้งที่ได้ออกมานอกวัง เขามักจะหาโอกาสเสพสมกับบุรุษจนอิ่มหนำก่อนกลับทุกครั้งไป และยามนี้ บุรุษผู้เป็นเป้าหมาย เขาได้เจอแล้ว “หนุ่มน้อย รีบพาข้าไปดูเถิด ว่ารถม้าไปทางใด”
มิต้องรอให้เอ่ยซ้ำสอง ชายชุดดำรีบหมุนกายแล้วเดินกึ่งวิ่งนำทางไปเชิญขึ้นรถม้า
เวลาผ่านไปเพียงสามเค่อ
กลุ่มคนของเฉียงยวิ๋นก็มาเจอกับศพของบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเหม่ยหลินอีกจำนวนหนึ่ง โดยที่ยังไม่พบเจอศพขององค์หญิงแต่อย่างใด ครานี้ใบหน้าของพวกเขาล้วนพากันเปลี่ยนสี โดยเฉพาะเฉียงยวิ๋นผู้มีใบหน้าดำทะมึนกว่าผู้ใด
“คนของข้าตายจนหมด มิใช่ว่าองค์หญิงทรงถูกใครช่วยเหลือไปแล้วรึ?” เฉียงยวิ๋นบ่นพึมพำอยู่ในรถม้าพลางสะบัดผ้าม่านลงพึ่บอย่างขัดใจ
สายตาคมของสารถีผู้บังคับม้ามองไปเห็นรอยล้อรถลากยาวไปตามพื้นดินคดเคี้ยวไปมาจึงเอ่ยขึ้น “เรียนใต้เท้า ข้าเห็นรอยรถม้าเลี้ยวไปทางนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะพบเบาะแสขอรับ”
สายตาหรี่หยีของเฉียงยวิ๋นพลันทอประกายวูบไหว เขาเปิดผ้าม่านออกทันใด แล้วกล่าวคำด้วยเสียงทุ้มหวาน
“ดีมาก หนุ่มน้อย ข้าชอบเจ้ายิ่งนัก ตามไป!”
“ขอรับ” สารถีรับคำอย่างห้าวหาญสะบัดแส้ในมือเสียงดังขวับ เพื่อบังคับรถม้าให้ไปตามทางรอยล้อที่ว่า โดยมิได้หันหน้ามามองข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
ชายชุดดำที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ พลันลอบหายใจโล่งอกประหนึ่งยกภูเขาให้พ้นตัว
คืนนี้คงมีคนทำงานพิเศษแทนเขาแล้ว
เมื่อรถม้าของเฉียงยวิ๋นตามรอยมาจนเข้าอาณาเขตชายป่าแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงได้เห็นศพของหมาป่านอนตายกระจัดกระจาย กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่ว ถัดจากซากศพหมาป่า ก็เห็นรอยล้อรถม้าหายไปยังทิศทางของป่ารกทึบ
เฉียงยวิ๋นจึงลงจากรถม้า เพื่อเดินตามทางที่ล้อรถม้าหายไปพร้อมสมุนอีกสองคน เมื่อโผล่พ้นพุ่มไม้ใบหนาจึงได้เห็นเป็นหน้าผาสูงชัน พวกเขาพากันก้มหน้ามองพร้อมจับยึดต้นไม้ข้างกายเอาไว้แน่น ในหัวอกวูบโหวงเหลือเกินเมื่อเห็นเป็นหุบเหวลึกมาก ประหนึ่งดั่งไร้ก้นบึ้งกระนั้น
มุมปากบางเฉียบของเฉียงยวิ๋นพลันยกโค้ง
หึหึ! รอยล้อของรถม้าที่เขาตามแกะรอยมาจากในวัดแห่งนั้น หายไปในหุบเหวลึกถึงเพียงนี้ ทั้งยังมีซากศพหมาป่าเต็มไปหมด ไม่บอกก็รู้ว่า รถม้าขององค์หญิงคงไม่แคล้วถูกหมาป่ารุมขย้ำจนเตลิดตกเหวและศพขององค์หญิงจักแหลกเหลวปานใด
ในขณะที่เฉียงยวิ๋นกำลังยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ในการตายได้อย่างแนบเนียนขององค์หญิงโจวเหม่ยหลิน เสียงทุ้มห้าวของชายชุดดำคนเดิมพลันเอ่ย “เรียนใต้เท้า ทางนี้มีป้ายศพปักอยู่ขอรับ” จบคำก็เบนสายตาไปทางหลุมศพที่สร้างขึ้นแบบเรียบง่ายโดยการนำหินมาวางเรียงรายยกสูง ซึ่งมีด้วยกันสามหลุมศพ
หน้าหลุมศพทั้งสามมีป้ายไม้ตั้งอยู่ แผ่นแรกสลักคำว่าหญิงคนรัก แผ่นที่สองสลักคำว่านกประหลาด และแผ่นที่สามคำว่าหงซือกวน
ชายชุดดำรู้สึกสะดุดกับนามบนป้ายศพแผ่นสุดท้ายยิ่งนัก เขาถึงกับกลอกตาไปมาครุ่นคิด นามนี้คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินมาก่อน น่าจะเป็นนามของผู้ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่ง ใครกันนะ!
แต่ยังมิทันที่ชายชุดดำจะคิดการณ์อันใด เสียงหัวเราะแหลมสูงพลันดังจนเสียดแทงแก้วหูไปหมด
เฉียงยวิ๋นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ในใจรู้สึกยินดีปรีดาเสียยิ่งกว่าได้เสพสมกับบุรุษในคราเดียวกันถึงสองคน เขามิได้สนใจป้ายศพของครอบครัวผิดปกติที่มีชายหญิงและนกตรงนี้เลยสักนิด หากแต่ในใจคิดเพียงว่า การที่ริมหน้าผาแห่งนี้มีป้ายศพตั้งอยู่ นั่นก็หมายความว่าคนที่ตกลงไปย่อมต้องตายอย่างแน่นอน...
องค์หญิงเหม่ยหลินสิ้นชีพแน่แล้ว! ว่ะฮาฮ่า
เมื่อหัวเราะจนพอใจ จึงหันมากล่าวกับชายชุดดำ “ดีมาก หนุ่มน้อยเจ้าพูดได้ดี ข้าชอบเจ้า คืนนี้...”
ชายชุดดำไม่รอให้เฉียงยวิ๋นกล่าวจบ เขารีบประสานมือทำความเคารพแล้วหมุนตัววิ่งไปหยุดยืนรอที่รถม้าทันที
เฉียงยวิ๋น “...!?”
ในเวลาเดียวกันอีกทางด้านหนึ่ง ห่างออกมาจากริมหน้าผาประมาณหนึ่งลี้[2] เฟิงหลิวรู้สึกว่าตนเองยังทำใจมิได้เลย ที่เป็นต้นเหตุให้ท่านหงซือกวนผู้ยิ่งใหญ่ต้องตกหน้าผาแล้วตายไป เขาจึงกลับมายังต้นไม้ใหญ่ที่ห่างออกมาจากริมหน้าผาไม่ไกลมากนัก แล้วบรรเลงเพลงคร่ำครวญรัญจวนใจจากเซียวหยกด้วยความรู้สึกที่โศกศัลย์ลึกซึ้ง
เขากำลังเป็นโรคสุ่ยหลิน[3]อย่างแท้จริง
ยามเมื่อเสียงทุ้มลึกแฝงความกังวานใสแว่วซึ้งตรึงใจดังไปจนทั่ว ยังผลให้เหล่าหมาป่าตัวใหญ่ที่หลับใหลได้ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครา พวกมันพากันเคลื่อนตัวทรงพลังจนโพรงหญ้ากระเพื่อมไหว คมเขี้ยวของพวกมันมีน้ำลายไหลยืด คล้ายกับเศร้าสลดและแค้นเคืองในคราเดียวกัน
ริมฝีปากหยักได้รูปของเฟิงหลิวยังคงส่งลมร้อนกรุ่นเป่าใส่เซียวหยก โดยลืมไปเสียสิ้นว่า บทเพลงนี้สามารถสร้างอารมณ์เคียดแค้นและความรู้สึกเศร้าสร้อยให้แก่ฝูงหมาป่าทมิฬเป็นอย่างมาก พวกมันยืนโงนเงนส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพากันคืบคลานไปหาเหยื่อที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกมันตรอมตรม พวกมันต้องขย้ำศัตรูให้จมเขี้ยวแล้วฉีกกระชากเนื้อจนเลือดสาด ทึ้งกระดูกให้แหลกเหลว สะบั้นหัวให้หลุดจนลอยกระเด็นให้จงได้
เจ้าของเซียวหยกกำลังเป็นโรคสุ่ยหลินแบบเต็มขั้น จึงมิได้รับรู้อันใดทั้งนั้นแล้วในยามนี้ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันพลันบังเกิด เมื่อหมาป่าจอมโหดเขี้ยวใหญ่มองเห็นรถม้าของเฉียงยวิ๋นเข้าพอดี พวกมันพากันพุ่งร่างทะยานไปยังทิศทางนั้นในทันที
เพียงชั่วลมหายใจเดียว เสียงกรีดร้องแหลมสูงปานสตรีพลันดังขึ้น ตามด้วยเสียงแหบห้าวร้องร่ำอย่างเจ็บปวดเหลือประมาณของชายหนุ่ม ผสมผสานกับเสียงขู่กรรโชกรุนแรงของฝูงหมาป่าที่ได้ชื่อว่าหฤโหดเหนือพนาไพร...
และเพียงชั่วอึดใจ เศษซากชิ้นเนื้อมนุษย์พลันกระจัดกระจายปะปนกับเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณพร้อมซากไม้ของรถม้าที่พังยับไปทั้งคัน
|
ความคิดเห็น