คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่๑๖ รอยแผลเป็น
ตอนที่๑๖ รอยแผลเป็น
เวลาผ่านไปการแข่งขันต่างๆก็เป็นอันสิ้นสุดลง
มีสาวงามผ่านการคัดเลือกอยู่หลายนาง หนึ่งในนั้นมีหงเหม่ยหลงรวมอยู่ด้วย
แม้ว่าหงเหม่ยหลงนั้นจะได้คะแนนน้อย แต่ด้วยแรงกำลังใจอย่างท่วมท้นจากบรรดาสาวใช้ในเรือนที่ส่งไปยังขันที รวมถึงสายตากดดันจากใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงจุดสูงสุดของเวที ทำให้เหล่าขันทีเป็นอันเข้าใจได้ตรงกัน
ทำให้หงเหม่ยหลงผ่านการคัดเลือกได้อย่างหวุดหวิด สร้างความแปลกใจระคนขบขันให้สาวงามคนอื่นๆ
แต่หงเหม่ยหลงมิได้สนใจ เพราะถึงอย่างไรก็ถือว่าผ่าน
สิ่งที่นางสนใจและเป็นกังกลอยู่ในยามนี้ก็คือพลังฝ่ามือของนางมากกว่า
พลังฝ่ามือนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาหมื่นโลกันต์ วิชาที่นางไม่คิดจะฝึกฝนต่อจนจบ ตามที่บิดาของนางบังคับ
เพราะวิชาพลังฝ่ามือนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้มารดาของนางต้องจบชีวิตลง จนนางต้องผิดใจกับบิดาของนาง จนเป็นเหตุให้นางต้องมาอยู่ที่นี่
นางพยายามจะไม่ใช้พลังฝ่ามือนี้ เพราะเมื่อยามใดที่นางใช้มัน ร่างกายของนางจะบาดเจ็บ จนอวัยวะภายในบอบช้ำไปหลายส่วน เหตุการณ์ที่ริมแม่น้ำนั้นเป็นบทเรียนที่ดี
หงเหม่ยหลงยังคงนอนเหม่อมองฝ่ามือของตนเองพลางถอนหายใจอยู่บนเตียงภายในห้องนอนที่เสี่ยวซิงจัดเอาไว้ให้
นางนอนเหม่อมองฝ่ามืออยู่นาน จนผู้ที่มาเยือนอยู่หน้าประตูห้อง ต้องส่งเสียงกระแอมออกมา
หญิงสาวถึงกับสะดุ้งดีดตัวขึ้นมา จัดเสื้อผ้าหน้าผมเป็นการใหญ่
“เป็นท่าน” หญิงสาวถามออกไปเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“เป็นข้าเอง” หลี่ซื่อหมินตอบคำนิ่งๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามวิสัยพลางเดินเข้ามานั่งตรงตั่งที่โต๊ะใกล้เตียงของหญิงสาว
“บุรุษไม่ควรเข้ามาในห้องนอนของสตรี”
“ห้องนอนเจ้า แต่เรือนข้า ข้ามีสิทธิ์” เขาตอบเรียบๆ หรี่ตามองนาง “เจ้าเองยังเคยเข้าห้องข้า”
“ท่าน” หญิงสาวถึงกับถลึงตาโตอย่างจนคำพูด
“เฮ่อ... ก็ได้” นางถอนหายใจคำโต แต่ก็ยังเดินไปชงชามารินให้เขาแต่โดยดี พลางคิดในใจ สาวงามคนอื่นไปไหนกันหมด อู้งานกันหรืออย่างไร
แต่นางหารู้ไม่ ว่าสาวงามที่นางบ่นถึงนั้น ต้องการที่จะทำในสิ่งที่นางกำลังทำ ใจจะขาด แต่ถูกหลี่ซื่อหมินไล่กลับไป
เขารอนางไปหาเขา แต่นางยังไม่ยอมไปหาเขา
เขารอนางอยู่เป็นนาน
จนทนไม่ไหว
เขาจึงเป็นฝ่ายเดินมาหานางที่ห้องนอนของนางอย่างถือสิทธิ์
นางผ่านการคัดเลือกให้เป็นสาวงามของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาจากหัวหน้าบ่าวไพร่นามว่าเซี่ยวซิงแล้วว่านางเพียงแค่ต้องการได้งานทำ
แต่...
เขาอยากใกล้ชิดนาง...
เขามายืนมองนางอยู่นาน นางมัวแต่นอนเหม่อมองฝ่ามือของตนเองอยู่ โดยไม่สนใจเขา จนเขาต้องกระแอมเรียกสติของนาง
ถึงแม้ว่านางจะบ่นแต่นางก็ยินยอมทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี นางทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดในใจได้ตลอดเวลา
“ข้าปวดเมื่อย นวดให้ข้าหน่อย” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แค่อยากหาเรื่องหางานให้นางทำ
หงเหม่ยหลงที่เดิมทีทำท่าจะนั่งลงที่ตั่งตรงข้ามกับเขาเพื่อจิบชา ถึงกับต้องเด้งตัวขึ้นมาเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น
หญิงสาวเดินอ้อมไปด้านหลังของชายหนุ่มแต่โดยดี ด้วยเพราะนางพอรู้อยู่บ้างถึงหน้าที่ที่พึงกระทำของบ่าวไพร่ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา จับผมดำขลับของเขาให้ปัดออกไปทางด้านข้างเพื่อจะได้นวดหลังให้เขาได้ตรงจุด
หงเหม่ยหลงนวดหลังให้หลี่ซื่อหมินไปเรื่อยๆไล่ไปตามไหล่บึกบึนของเขา ต้นคอของเขา เลื่อนลงไปตามกระดูกสันหลัง
แผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขานั้นนางเคยเห็นมาแล้ว เมื่อครั้งที่ถอดเสื้อให้เขา เพื่อที่จะทำแผลจากธนูดอกนั้นตอนอยู่ในถ้ำด้วยกัน
ป่านนี้แผลนั่นคงจะหายดีแล้ว แต่อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้อยู่ไม่น้อย
ภายใต้รูปร่างสง่างามของเขา
เขาต้องมีตำหนิ มีมลทิน ก็เพราะนาง
แผลเป็นนี้ เพราะเขามีน้ำใจช่วยนาง...
“เจ้าเหม่อลอยไปไหนกัน” หลี่ซื่อหมินเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่าฝ่ามือน้อยๆของนางที่กำลังนวดคลึงแผ่นหลังเขาอยู่คล้ายกับชะงักงันไป
“อืม...หืม! ข้าเปล่า”
“ยังจะเถียง”
“เปล่าน่า...” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาพลางตั้งใจบีบนวดอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มถึงกับแอบยกยิ้มตรงมุมปาก คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงแอบเอื้อมมือของตนเองขึ้นหมายจะคลายผ้าคาดเอวออกเพียงนิด เพื่อให้เสื้อของเขาได้คลายตัวออก เพราะท่าทางของนางเหมือนอยากจะดูอะไรบางอย่างบนแผ่นหลังของเขา
และมันก็เป็นดังที่เขาคาด เมื่อเสื้อของเขาคลายตัว หงเหม่ยหลงที่กำลังบีบนวดหลังให้เขา ก็แอบเปิดเสื้อของเขาออกอย่างเบามือ
เสื้อของหลี่ซื่อหมินค่อยๆคลายตัวออกจนเห็นแผ่นหลังกว้างใหญ่และปรากฎรอยแผลเป็นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแก่สายตาของหงเหม่ยหลง
อืม...แผลเป็นนี่มันใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้ หญิงสาวนึกในใจพลางเอื้อมมือมาลูบไล้แผลเป็นนั่นอย่างเบามือ
เพราะแผลเป็นนี้ เกิดจากธนูดอกนั้น ธนูที่พุ่งตรงมา ถ้าไม่มีแผลเป็นนี่ นางอาจจะตายไปแล้ว ที่ริมแม่น้ำ
ในวันนั้นนางหลบมันไม่ทัน ไม่ทันอย่างแน่นอน นางไม่มีเรี่ยวแรงพอจะหลบมัน...
หญิงสาวเหม่อมองรอยแผลเป็นนั่น เนิ่นนาน พลางสัมผัสอย่างเบามือ เป็นเชิงขอโทษ ขอบคุณ อยู่อย่างนั้น เนื่องจากว่าการมีแผลเป็นอย่างนี้ย่อมไม่ใช่ผลดีกับร่างกายของบุรุษผู้สูงศักดิ์เช่นเขา
และการกระทำของหญิงสาวในยามนี้นั้น กำลังสร้างความรู้สึกปั่นป่วนให้หลี่ซื่อหมินอยู่ไม่น้อย
ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งกำมือเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านบางอย่าง
นางมักจะทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้เสมอ
ความรู้สึกนี้มัน...
ชายหนุ่มยังคงนั่งอดทน
อดกลั้นอยู่อย่างนั้น...
หงเหม่ยหลงไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างแรงปรารถนาบางอย่างแก่ชายหนุ่มตรงหน้า นางยังคงสัมผัสแผ่นหลังของเขา สัมผัสผิวพรรณของเขาอย่างเบามือ
นางเหม่อมองร่างกำยำของเขา แผ่นหลังของเขา ผิวเนียนละเอียดสะอาดสะอ้านงามตาของเขา ช่วงไหล่ ลำคอ ทุกสัดส่วนของเขา
ช่างมีเสน่ห์เย้ายวนสะกดสายตาของนาง
สะกิดอารมณ์บางอย่างของนาง
อืม...บุรุษผู้นี้ช่าง...
หงเหม่ยหลงมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
ความคิดกำลังเตลิดมิได้อยู่แค่รอยแผลเป็น
หลี่ซื่อหมินที่นั่งเงียบอยู่ เขารู้สึกได้ถึงมือเรียวงามของหญิงสาวบนแผ่นหลังของเขา
เขาพยายามแล้วที่จะสะกดกลั้นอดทนกับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผล
มันเกินทานทน
เขาไม่อยากทน...
อีกต่อไป...
ชายหนุ่มจึงหันหน้าไปทางหญิงสาวที่กำลังเหม่อมองเขาจากทางด้านหลัง
“เจ้ากำลังทำอะไร” เขาถามเสียงแผ่ว
“กำลังนวดหลังให้ท่าน” นางตอบเสียงแผ่วเช่นกัน
“มานี่ มา” ชายหนุ่มเอ่ยพลางใช้มือจับท้ายทอยของหญิงสาวให้ก้มหน้าลงมา
“หืม...” หญิงสาวก้มหน้าลงมาแบบไม่รู้ตัว นางเพียงรู้สึกได้ถึงใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของนาง
ความรู้สึกแปลกประหลาดสายหนึ่งพลันแล่นเข้ามา
ผ่านริมฝีปาก
หญิงสาวเพียงหลับตา
“อืม...”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากลำคอระหงของหงเหม่ยหลง
หลี่ซื่อหมินค่อยๆรั้งร่างบางของหงเหม่ยหลงให้ลงมานั่งบนตักแข็งแกร่งของเขา
มือข้างหนึ่งของเขาประคองท้ายทอยของนาง ส่วนอีกข้างหนึ่งเอื้อมมาจับประคองกอดเอวบาง
ความรู้สึกซาบซ่านมากกว่าครั้งก่อนสายหนึ่งเริ่มทำงานเมื่อการจูบที่นุ่มนวลคล้ายคลึงดั่งเช่นสองคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นดูดดื่มเมื่อเขาเริ่มแทรกซึมล้วงลึกด้วยปลายลิ้นของเขา
ชายหนุ่มเริ่มมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เขากำลังต้องการมากกว่าการจูบ มากกว่าเมื่อสองคราก่อนหน้านี้ เขากำลังมีความต้องการโดยธรรมชาติของบุรุษเพศ
ความรู้สึกเคลิ้บเคลิ้มกำลังครอบคลุมหญิงสาวอยู่เช่นเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเหมือนเคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน เพียงแต่มัน...
มัน...
“อืม...” หญิงสาวเริ่มส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาจากลำคอระหงอีกคราเมื่อรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของชายหนุ่มเริ่มล้วงลึกผิดจากสองคราก่อนหน้านี้
นางกำลังรู้สึกชมชอบสัมผัสของเขาอย่างมิอาจห้ามใจ มือเรียวงามของหญิงสาวที่ควรจะผลักไหล่ผลักแผงอกของเขากลับกลายมาเป็นจับขยุ้มอยู่ตรงแผงอกของเขาเสียอย่างนั้น
หญิงสาวเพียงปลดปล่อยอารมณ์ของตนที่กำลังเหม่อลอยให้คล้อยตามอย่างลอยละล่องอยู่อย่างนั้น
ความรู้สึกเคลิ้บเคลิ้มล่องลอยของหญิงสาวเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกวาบหวิวเสียวซ่านเมื่อชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการจูบที่นุ่มนวล อ่อนโยน เป็นหนักหน่วงและเริ่มเร่าร้อนก่อนที่ร่างบางของนางจะถูกเขายกลอยตัวในขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงประกบกันอยู่
หลี่ซื่อหมินประคองกอดร่างของหงเหม่ยหลงขึ้นแนบอกก่อนจะพาร่างบางของนางให้มานอนลงบนเตียงนุ่มที่อยู่ไม่ไกล
เขาเริ่มจะทนไม่ไหว
และไม่คิดจะทนอีกต่อไป
มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มกระตุกสาบเสื้อของหญิงสาวให้ออกจากกันอย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปที่หน้าอกของนางอย่างรู้งาน
ริมฝีปากอุ่นจัดของชายหนุ่มเลื่อนออกจากริมฝีปากอิ่มนุ่มของหญิงสาวก่อนจะไล้เลียไปตามพวงแก้ม เลื่อนไปที่ติ่งหู ไต่ลงมาตามลำคอระหง แล้วกลับขึ้นไปบดขยี้อยู่กับริมฝีปากบวมแดงของนางดังเดิม ในขณะที่ฝ่ามือของเขายังคงลูบคลำเค้นคลึงไปพร้อมกันกับการจูบที่ดูดดื่มเร่งเร้า จนร่างของหญิงสาวถึงกับสะท้านแอ่นอกยกตัวขึ้นตามฝ่ามือร้อนลวกของเขา
สักพักชายหนุ่มค่อยๆถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนาง ก่อนจะจ้องมองใบหน้างามของนาง ที่กำลังเคลิ้บเคลิ้มเพราะเขา
ครู่เดียวหญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกตัวและกลับมาจากอารมณ์ที่กำลังเตลิดด้วยฝีมือของชายหนุ่ม
นางเอ่ยเสียงเบา “ท่าน...”
“เจ้า...ยั่วยวนข้า” เขาเอ่ยเสียงพร่า
“หา..” หญิงสาวได้สติ
ชายหนุ่มก้มหน้ากระซิบ “เจ้ายั่วยวนข้า ได้เก่งยิ่งนัก”
“เป็นท่าน...ท่านต่างหาก ยั่วยวนข้า” นางกระซิบกลับอย่างไม่ยินยอม
ชายหนุ่มไม่ฟังคำตัดพ้อใดๆของหญิงสาว เขาเพียงก้มหน้าลงจัดการกับริมฝีปากช่างเจรจานั่นอีกครั้ง
เมื่อริมฝีปากอุ่นประทับริมฝีปากนุ่ม ความรู้สึกรัญจวนวาบหวิวยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
แต่ครั้งนี้หญิงสาวมีสติดีพอ นางจึงพยายามดันไหล่แข็งแรงของเขา
นางดันไหล่เขา ทุบอกเขาเป็นพัลวันอยู่อย่างนั้น
แต่หาได้มีผลอันใดกับชายหนุ่มไม่ เขายังคงกระทำการอย่างเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
สักพักหญิงสาวเหมือนเรี่ยวแรงมีไม่มากพอ มือเรียวงามของนางจึงค่อยๆแปรเปลี่ยนจากการดันไหล่ของเขาให้ออกห่างกลับกลายเป็นจิกกดอยู่บนไหล่ล่ำสันของเขาเสียอย่างนั้น
นางชอบ
สัมผัสของเขา
อา...
มันช่าง....
รู้สึกดี.....
เพียงไม่นานต่อมาเสียงอู้อี้พยายามจะปฏิเสธของหญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางบางเบา
ฝ่ามือเรียวเล็กของนางก็เคลื่อนออกเพื่อไล้เลื่อนไปตามช่วงไหล่ ตามลำคอของชายหนุ่ม
กิริยาของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซื่อหมินยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้พลุ่งพล่านเกินควบคุมเกินยับยั้ง
เขาไม่อยากจะหยุดมัน
เขาไม่คิดจะหยุดมัน
เขาคิดจะดำเนินการต่อไปจนจบ
หลี่ซื่อหมินค่อยๆถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของหงเหม่ยหลงแล้วไล้เลียไปเรื่อยๆตามปลายคาง ลงไปตามแนวลำคอระหงหอมกรุ่ม ขบเม้มไปเรื่อยๆจนถึงเนินอกของนาง
หงเหม่ยหลงถึงกับหลุดเสียงครางแผ่วหวานออกมาพลางจับขยุ้มอยู่ตรงช่วงไหล่ของเขา
เพล้ง!
เสียงๆหนึ่งพลันดังขึ้นอยู่หน้าห้อง
เสียงนั้นเป็นเสียงของถ้วยขนมที่ตกกระทบพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่หน้าประตูห้อง
เสียงนั้นมีผลทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มพลุ่งพล่านพลันสะดุ้งเฮือกชะงักกิจกรรมแล้วหันหน้าไปทางต้นเสียงพร้อมๆกัน
เป็นเสี่ยวอิงนั่นเอง
สาวน้อยเสี่ยวอิงยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่มิทราบได้
นางเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น
ภาพนั้น...
หงเหม่ยหลงนอนอยู่บนเตียงภายใต้ร่างกำยำของหลี่ซื่อหมิน
เสื้อของทั้งสองหลุดรุ่ย เปิดเผยอออกจนเห็นหลังไหล่ล่ำสันของชายหนุ่มและไหล่ขาวนวลเนียนของหญิงสาว
แขนสองข้างของชายหนุ่มกำลังประคองกอดร่างของหญิงสาว
ศีรษะของชายหนุ่มกำลังเบียดเสียดอยู่ระหว่างซอกคอกับเนินอกของหญิงสาว
พร้อมทั้งน้ำเสียงชวนขนลุกที่ได้ยิน
โอย...จะเป็นลม
เพิ่งเคยเห็น
เกิดมาเพิ่งเคยเห็น
นางยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้
ทำอย่างไรดี
นางจะทำอย่างไรดี...
สีหน้าของเสี่ยวอิงทำเอาชายหนุ่มหญิงสาวถึงกับหน้าถอดสีในฉับพลันจนต้องรีบผละออกจากกันในทันที
หลี่ซื่อหมินดึงเสื้อที่เปิดออกให้กลับเข้าที่อย่างทุลักทุเล
หงเหม่ยหลงจัดเสื้อผ้าและทรงผมของตนเองอย่างลนลาน
เสี่ยวอิงยืนตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินทำสิ่งใดไม่ถูกอยู่อึดใจใหญ่
เด็กน้อยเสี่ยวอิงคล้ายกับลืมวิธีการหายใจไปแล้วกระนั้น
เด็กสาวพยายามเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น “ข้า...เอ่อ..ข้าแค่ยกขนมมาให้พี่เหม่ยหลง เพ..คะ” เสี่ยวอิงถึงกับกล่าวเสียงสั่น ใช้สรรพนามผิดๆถูกๆกันเลยทีเดียว
“ข้าน้อยขอประทานอภัย ขออภัย เจ้าค่ะ” สาวน้อยพูดไปทำความเคารพไป เสร็จแล้วก็วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ทิ้งให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่พลั้งเผลอไปกับอารมณ์บางอย่างแบบไม่รู้ตัว ยืนเงียบกริบสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น
หลี่ซื่อหมินหันมากระซิบ “มาต่อ”
“ไม่” หงเหม่ยหลงรีบปฏิเสธ
หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินไปที่ประตู ยื่นหน้าออกไปมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะปิดประตูลงแล้วเอาหูแนบกับประตูฟังเสียงอยู่เพียงครู่จนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว จึงหันหน้าไปทางหลี่ซื่อหมิน
นางเห็นเขายืนเอามือไขว้หลัง จ้องมองนางอยู่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตากรุ้มกริ่ม
หญิงสาวถึงกับทำสิ่งใดไม่ถูกได้แต่ยืนหน้าแดงตาโตอยู่อย่างนั้น
หลี่ซื่อหมินแทบจะหลุดหัวเราะกับพฤติกรรมของนาง
“เป็นเจ้า ที่ยั่วยวนข้า” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย
“ท่านต่างหากที่ยั่วยวนข้า” หญิงสาวถลึงตามองตอกกลับอย่างไม่ยินยอม
“ไปเลย ท่านรีบไป” หงเหม่ยหลงกล่าวพลางเปิดประตูออกแล้วเดินมาดึงแขนของหลี่ซื่อหมิน
นางดันหลังของเขาให้ออกไปนอกห้องของนางอย่างทุลักทุเล
หลี่ซื่อหมินทั้งโดนดึงแขน ทั้งโดนดันหลังอยู่แบบนั้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “ก็ได้ ก็ได้”
เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงหญิงสาวที่ยังคงยืนพิงประตูอยู่ด้วยอารมณ์บางอย่าง
นางกำลังจัดการกับอารมณ์วาบหวิวที่ยังคงเข้มข้นไม่จืดจาง
นางกำลังจัดการกับมันอยู่อย่างยากลำบาก...
|
|
ความคิดเห็น