คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตัวอย่างใบสมัคร
“สงครามหรือความวุ่นวายมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันปรารถนา ฉันเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตสงบสุข”
ชื่อ - สกุล : เบลลาคอร์ เดลลากอร์
ชื่อเล่น : เบล
ฉายา : เทพแห่งความแข็งแกร่ง, จอมทำลายภูผาเหมันต์
อายุ : 85 ปี
ฝ่ายที่เข้าร่วม : Wanderer นักพเนจร
อาชีพ/ยศ/ตำแหน่ง : -
สัญชาติ : จักรวรรดิรัสเซียอันศักดิ์สิทธิ์
เชื้อชาติ : รัสเซีย
เผ่าพันธ์ุ : มนุษย์
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 230 ซม./120 กก.
ลักษณะนิสัย : เบลนั้นภายนอกถึงจะดูเย็นชาหรือไม่สนใจอะไร แต่เขาเป็นคนที่รักความสงบ ชอบชีวิตสบายๆ มีความอัธยาศัยดี ยึดมั่นหลักคุณธรรมและความถูกต้องในรูปแบบมุมมองของเขาเอง มีเกียรติและภูมิใจในการเป็นนักรบอันสูงส่ง ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า รังเกลียดสงครามและความรุนแรงที่ไร้เหตุผล และเขายังเป็นคนที่มีความสื่อสัตย์และรักในตัวเหล่าเพื่อนพ้อง มิตรสหายทุกคนของเขา เขาเองยังเป็นคนที่มีความอบอุ่น ชอบเอาอกใจคนที่เขารักตลอด แม้ว่าจะต้องแยกกันอยู่อาศัยกับคนรัก ตัวเขาก็มิอาจจะตัดใจหรือลืมเลือนนางในดวงใจไปเด็ดขาด แล้วหากมีใครคิดทำล้ายเพื่อน คนที่ตัวเขารัก หรือดูถูกในตัวเขา เขาจะไม่ลังเลที่จะใช้พลังที่เขามีทั้งหมดกำจัดเหล่าศัตรูที่รบกวนคนรอบกายของเขาไป
ผู้กล้าหรือจอมมาร : ผู้กล้า
ธีมของโลก : ธีมโลกแฟนตาซีธรรมดาทั่วไปที่มีกลิ่นอายแบบกรีกโบราณ ที่มีเหล่าทวยเทพ อสูรกายเป็นตัวเป็นตนอยู่มากมาย
ธีมของนักรบ : ผู้กล้าแห่งความแข็งแกร่งที่ใช้อาวุธหนักและหมัดเปล่า
ข้อมูลจอมมารที่ปราบไป : จอมมารที่เขาได้ปราบไปคือเทพแห่งการทำลายล้างที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าทวยเทพ โดยเขาพิชิตมันด้วยพลังแห่งกำปั้นอันทรงพลังและศาสตราทั้งหมดที่เขามี
ระดับพลัง : ความสามารถโดยรวมของเขาอยู่ในระดับระดับที่สูงและสมดุล
พลัง : คลื่นพลังหมัด การชกลมหรือฟันอาวุธในอากาศด้วยความเร็วและความแรงที่คงที่ จะก่อให้เกิดคลื่นพลังสำหรับพัดโจมตีศัตรูในระยะกลางออกไป
กายาเหล็กกล้า ด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งและคงกระพันดั่งเกราะ ทำให้เขาสามารถที่จะยืนรับความเสียหายในระดับตัวเมืองใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้อะไรมาป้องกันตัว และเขายังถูกป้องกันการถูกสตั้น การชะงัก หรือการล้มทุกอย่าง และมีภูมิต้านทานต่อสภาวะต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพิษ แรงกดอากาศ การถูกไฟไหม้ ความอดอยาก ฯลฯ
ทลายหินผา การอัดพลังเข้าไปยังหมัดหรืออาวุธแล้วโจมตีออกไปจะทำให้การโจมตีนั้นรุนแรงพอที่จะทำลายการป้องกันลง
พละกำลังมหาศาล ด้วยพละกำลังที่เขามีอยู่มากมายทำให้เขาสามารถที่จะยกสิ่งของที่มวลมากมายหลายกิโลกรัมยันไประดับหลายตัน เพราะเขาสามารถที่จะยกเขตตัวเมืองใหญ่หรือยืนรับแบกวัตถุจากพวกยักษ์ที่มีความสูงหลายร้อยเมตรได้อย่างสบาย
พลังอัลติเมท : หมัดทลายโลกา การรวมพลังทั้งหมดที่เขามีภายในร่างแล้วส่งผ่านไปยังแขนและมือของเขาเพื่อที่จะชกออกไปอย่างสุดแรงเกิดเพื่อทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ข้างหน้า ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงระดับตัวเมืองใหญ่ และกินอาณาเขตรัสมีวงกลมขนาด 1 กม. และทำให้เกิดแผ่นดินสั่นไหวอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เอกศาสตรา : ร่างกายแห่งผู้กล้าแห่งความแข็งแกร่ง ร่างกายของเขาเป็นพรวิเศษที่ได้รับมอบจากเทพแห่งพละกำลังในต่างโลกที่เขาไป ทำให้เขามีร่างกายภาพที่คงกระพัน แข็งแรง เหนือกว่ามนุษย์หลายร้อยหลายพันเท่า แล้วยิ่งเขาได้รับบาดเจ็บหรือมีอารมณ์ที่รุนแรงมากเท่าไหร่พลังกายภาพของเขาก็จะมากยิ่งขึ้นตาม
ศาสตราวุธรอง/อุปกรณ์สวมใส่ :
ขวานศึกสงคราม WAR ขวานของเทพแห่งสงครามที่เขาได้พิชิตและช่วงชิงมา มันมีพลังการทำลายที่รุนแรงมหาศาลและมีเปลวเพลิงแห่งสงครามแผดเผาอยู่ตลอด ทำให้ทุกการใช้งานจะทำให้เกิดความเสียหายแบบเผาไหม้
ค้อนสั่นสะเทือนพสุธา Earthshaker ค้อนวิเศษที่ถูกตีขึ้นด้วยเทพแห่งงานช่าง เพื่อให้เขาได้ใช้ในการปราบเทพแห่งการทำลายล้าง ตัวค้อนมีความสามารถในการสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสิ่งที่เขาทุบ ทำให้เกิดการสั่น ชะงัก หรือสตั้นได้ และการโจมตีจะทบดาเมจเป็นสแต็คความเสียหายทำให้ยิ่งโจมตีทุบไปเรื่อยๆ ความเสียหายก็ยิ่งมากตาม
เกราะแห่งผู้กล้าแห่งความแข็งแกร่ง Armor of Strenght ชุดเกราะหนักที่มีความใหญ่โตโออ่า ที่ทำด้วยแร่โลหะพิเศษที่หาได้ยากจากผืนใจกลางโลก และถูกตีขึ้นด้วยเทพแห่งงานช่าง มันเป็นชุดเกราะที่จะเพิ่มความสามารถทางกายภาพโดยรวมทั้งหมดแก่ผู้สวมใส่ไม่ว่าจะพลังโจมตี พลังป้องกันให้สูงขึ้นกว่าเดิม และยังมีความสามารถแฝงอย่างการต่อต้านเวทมนตร์มากพอสมควร
จี้สร้อยคอของคนรัก สิ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งที่ได้สร้างและมอบไว้ให้แก่เขาอันเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจว่าเธอผู้นั้นยังคงอยู่เคียงข้างกับเขาอยู่เสมอ แม้ว่าจะต้องแยกห่างจากกันก็ตาม ซึ่งวัตถุจี้สร้อยคอนี้มีความสามารถพิเศษที่จะทำให้ตัวผู้ถือครองสร้อยนี้ไม่ได้รับผลจากพลังมนตร์สะกด หรือการถูกแทรกแทรงครอบงำจิตใจ ต่อให้จะเป็นเวทย์ในการกลืนกินทำลายจิตใจยังไงหากผู้ถือครองสร้อยนี้ยังคงเชื่อมั่นหรือศรัทธากับคนที่เขารัก เขาจะไม่ตกเป็นทาสกับใครโดยเด็ดขาดแม้จะเป็นจอมมารหรือทวยเทพก็ตาม
หลักแนวทางตัวละคร : True Neutral
ประวัติ : ในครั้งสมัยอดีตในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเขาในวัยเด็กได้ถูกเกณฑ์ไปยังสนามรบเพื่อรบใช้ชาติสหภาพโซเวียตเพื่อต้านกำลังการรุกรานของฝั่งเยอรมันที่หวังจะบุกเข้ามายังกรุงมอสโคว ถว่วท่ามกลางไฟสงครามโกลาหลนี้เขาได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันจากการระเบิดในสนามรบ แต่แทนที่เขาจะเสียชีวิตไปแล้ว เขากลับได้ฟื้นขึ้นมายังโลกใบใหม่ ในโลกเหมือนกับนิทานปรัมปราโบราณที่แสนสวยงาม
ซึ่งที่นี่เองคือการจุดเริ่มต้นใหม่ของเขาในฐานะผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาโดยเหล่าทวยเทพเพื่อหยุดการทำลายอันเป็นเป้าหมายของเทพแห่งการทำลายล้างเอาไว้
ตัวจึงได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะผู้กล้า ออกผจญภัยพวกพ้อง ทำภารกิจปราบปีศาจ และอสูรข้ารับเทพแห่งการทำลายมากมาย จนในท้ายที่สุดเขาก็ได้พิชิตเทพแห่งการทำลายล้างอันเป็นจอมมารของโลกใบนี้ลงได้
เมื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่จบสิ้นเหล่าทวยเทพได้มอบโอกาศให้เขาอีกครั้งหนึ่งที่จะได้หวนคืนกลับไปยังโลกใบเก่า ซึ่งเขานั้นตั้งใจอยากใช้ชีวิตสงบสุขในต่างโลกแห่งนี้ แต่ถว่าเขายังรู้สึกบ้าน ครอบครัวของเขาอยู่ทำให้เขาเลือกที่จะเดินข้ามผ่านประตูมิติกลับมายังโลกใบเก่าที่ในยามตอนนี้สงครามยังคงเกิดขึ้นเรื่อยมา
การปรากฏตัวขึ้นของเขา ทำให้ทางการรัสเซียได้เรียกตัวสอบสวนเขาว่าเขาทำไมถึงมีชีวิตรอดกลับมาพร้อมด้วยร่างกายที่กำยำเกินกว่าเหล่าทหารแกร่งมากมาย ทำให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้ที่ได้ไปผจญต่างโลกไปปราบจอมมาร
ทางการรัฐเมื่อรู้ว่าเขาจะต้องเป็นบุคคลพิเศษ ตัวของเขาจึงได้ถูกส่งไปรบยังแนวหน้าเคียงข้างกับเหล่าพันธมิตรผู้กล้าที่หวนคืนมาจากต่างโลกเช่นเดียวกับเขาในการทำสงครามตีกับชาติเยอรมัน จนท้ายที่สุดสงครามได้จบลงด้วยชัยชนะของโซเวียตและชาติสัมพันธมิตรทั้งหลาย
เมื่อเข้าสู่ยุคสงครามเย็นอะไรหลายๆ อย่างที่ควรจะสงบลง และผู้คนในบ้านเมืองควรจะหลับสบาย แต่ก็ยังคงตึงเครียด จากการที่สหรัฐและโซเวียตยังคงรบกันด้วยข่าวสารข้อมูล และการต่อสู้ภายในโลกมืดกันไปมาแก่งแยงชิงอำนาจเพื่อจะเป็นใหญ่
ตัวของเบลเขาได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนวีรบุรุษของชาติโซเวียตเพื่อขมขู่ชาติตะวันตกที่ใช้ตัวตนผู้กล้าเป็นเครื่องมือและอาวุธทางการเมืองเช่นเดียวกัน
เบลต้องคอยอยู่ในสภาพทาสหมารับใช้ของรัฐบาลโซเวียนอยู่นาน หากคิดไม่ปฏิบัติหรือเชื่อฟัง ชีวิตครอบครัวที่เขารักอย่างพ่อแม่อาจจะต้องจบลงอย่างทรมาน ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงมิอาจจะคิดขัดขืนแล้วต่อให้ใช้พลังที่มีต่อต้านรัฐบาลมันก็ยิ่งจะสร้างความวุ่นวายที่เขาเกลียดมากกว่าเดิม
จนเวลาไหนไหลผ่านไปจนเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ใน ค.ศ. 2000 การจบสิ้นลงของโซเวียตนั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเป็นอิสระแต่อย่างได้ เขายังคงต้องรับใช้อยู่ภายใต้รัฐบาลรัสเซียที่สืบทอดมาจากโซเวียตอยู่อย่างเดิม แต่ภายในยุคสมัยในการเปลี่ยนผ่านนี้เองเหล่านักรบรุ่นเก่าหลายคนก็ได้เริ่มตายหายจากไป และการหายตัวไปของเหล่าเด็กเสียชีวิตในยุคสมัยใหม่ เบลรู้ตัวดีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าไม่ใช่สิ่งที่แน่
เมื่อเข้าสู่ยุค ค.ศ. 2019 หายนะครั้งใหม่เริ่มที่จะเกิดขึ้น เหล่าผู้กล้าที่หวนคืนกลับมายังโลกใบเก่าที่หวังจะใช้ชีวิตปกติแบบสามัญชนคนธรรมดากลับถูกรัฐบาลนาๆ ประเทศบีบคั้น จนเหล่าเด็กๆ ผู้นั้นหมดสิ้นความอดทน การลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของเหล่าเด็กผู้กล้าที่กลับมาจากต่างโลกได้อุบัติขึ้น เหล่าเด็กพวกนั้นได้ใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามีเข้าทำลายและเข่นฆ่าทุกอย่าง เหล่าผู้กล้าผู้รักคุณธรรมเองจึงมิอาจจะหยุดนิ่งพวกเขาจึงได้ลุกขึ้นมาต่อต้านเหล่าผู้กล้าที่ต้องการทำลาย ซึ่งเบลเองคือหนึ่งในผู้กล้าที่คิดจะปกป้องผู้คนจากโลกนี้ไว้
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาจากสงคราม และการปะทะกับพวกผู้กล้าในอดีต ทำให้เบลเป็นนักรบในอดีตเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนรอดท่ามกลางซากศพของผู้คน ผู้กล้า และจอมมารไปได้
สงครามนี้ดูจะยาวนานและดูจะไม่มีวันจบสิ้นโดยง่าย แต่ในช่วงสงครามนี้เองเขายังได้ปะทะกับนักรบผู้เป็นเด็กสาวผู้มืดมนผู้หนึ่งที่ต้องการจะทำลายล้างแบบพวกผู้กล้า และจอมมารชั่วช้าทั้งหลาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมอาจจะเป็นโชคชะตาไม่ก็ความรู้สึกผิดในใจของเขาในอดีตที่ต้องฆ่าผู้คนเพื่อให้ได้สันติและความสงบสุขมา
ตัวของเบลจึงเลือกที่จะหยุดนางโดยไม่ใช้วิธีการสังหารอันโหดร้ายแบบที่พวกมนุษย์ที่อ้างว่าสูงส่งแต่ก็ยังใช้ความรุนแรงกับทุกอย่างที่รังเกียจและหวาดกลัว เขาเลือกที่จะปลอบประโลมเธอ ให้ความหวังกับเธอ ให้เวลากับเธอได้เยียวยาจิตใจของตัวเธอ เพื่อหวังให้จิตใจของเธอพอจะกลับมาเข้มแข็งพอในการใช้ชีวิตในโลกอันโหดร้ายนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ในช่วงระยะเวลาที่เบลได้คอยปกป้องและช่วยเหลือเยียวยาจิตใจเธอมาตลอด ทั้งคู่ก็ได้เกิดสายสัมพันธ์ุลับกันระหว่างทั้งสองในฐานะคนรักที่แตกต่างระหว่างรุ่น
พอเมื่อจบยุคสงครามเบลและเธอผู้นั้นก็คิดจะใช้ชีวิตปิดเงียบในที่ใดสักที่หนึ่งในโลก แต่ถว่าพลังผู้กล้าที่หญิงสาวผู้นั้นถือครองมันมากมายมหาศาลและเป็นอันตรายเกินกว่าที่เบลหรือผู้กล้าคนใดจะแบกรับได้นอกจากตัวเธอเอง ทำให้สุดท้ายทั้งคู่ต้องแยกจากกันไปในเส้นทางที่แตกต่าง เบลได้เลือกที่จะไปใช้ชีวิตปลีกวิเวกตัวเองหนีห่างความวุ่นวายจากผู้คนในสังคม ส่วนเด็กสาวผู้นั้นเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในเขตที่เหมาะสมแก่การเป็นที่ควบคุมพลังของเธอเองซึ่งที่นั้นคือ Lovecraft Country หรือ New England ในโลกเก่า
ที่อาศัยปัจจุบัน : สักที่ในอลาสก้า
ข้อมูลเสริม :
- แม้ว่าตัวของเบลและหญิงสาวผู้นั้นจะแยกกันไปโดยดี แต่ทั้งคู่ไม่ได้แยกในฐานะการเลิกลาความสัมพันธ์ ยังไงทั้งคู่ยังคงมีความสัมพันธ์ในความรักกันอยู่ แต่แค่ทั้งคู่มิอาจจะอยู่ร่วมกันได้
-ในช่วงสงครามผู้กล้ากับจอมมารหวนคืน ตัวของเบลเป็นอิสระจากรัฐบาลได้จากการที่รัฐบาลรัสเซียได้ถูกล้มล้างลงโดยว่าที่จักรพรรดิแห่งรัสเซียคนใหม่ ทำให้ตัวของเบลหลุดพ้นจากอำนาจรัฐบาลมาตั้งแต่ตอนนั้น
ความคิดเห็น