นั่งรถไฟเที่ยวไปในแคนาดาตะวันออก
ผู้เข้าชมรวม
675
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นั่งรถไฟเที่ยวไปในแคนาดาตะวันออก
วาวๆ เสียงรถไฟแล่นไปถึงในไทรโยค……
เพลงดังในอดีด ที่บางคนคงคุ้นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เมืองกาญจน์ เรานั่งรถไฟ เที่ยวกันไปหลายเมืองในแคนาดาจริงๆ ทำไมต้องรถไฟ ลำบากมั้ย หนุกเปล่า แพงมากหรือถูกตังค์ แคนาดาก็ออกใหญ่โต รถไฟมันจะสะดวกอย่างไรกัน คุณเตรียมตัวดีพอรึเปล่า ไม่เคยไปแคนาดามาก่อนเลยด้วย
ต้องเตรียมตัวครับ การเตรียมตัวที่ดีเป็นการเริ่มต้นที่ดี ทำให้การเที่ยวพบความสำเร็จ
เที่ยวแคนาดา ไกลก็ไกล จะนั่งรถไฟเที่ยวด้วย คิดกันเป็นแรมเดือนแรมปี ว่าอยากไปแคนาดาครับ เรเริ่มจากหาทางเดินทางไปประชุมที่แคนาดา เลือกเมืองมอลทรีลครับ มีการประชุมที่นี่ในเดือน ตุลาคมพอดี ใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้เปลี่ยนสีที่ชายฝั่งตะวันออกของแคนาดานี่สวยมาก ไม่หนาวจนเกินไป จากเมืองศูนย์กลางที่นี่เราจะเที่ยวกันไปได้อีกหลายเมือง หนังสือเที่ยวรอบโลก ระบุไว้เลยว่า 10 ปีก็เที่ยวฝั่งตะวันออกของแคนาดานี้ได้ไม่รู้เบื่อ
จะไปแคนาดาก็ขอวีซ่า ที่นี่ก็ขอไม่ยากท่องอินเตอร์เน็ตเข้าไปจนถึงสถานทูตแคนาดา ขอสั่งพิมพ์แบบฟอร์มผ่านทางอินเตอร์เนต จากนั้นก็เริ่มต้นศึกษาว่าต้องตระเตรียมอะไรบ้าง เอาไปให้เค้าให้ครบ เตรียมเงินไปจ่ายเท่าไร รู้ว่าควรไปตอนไหน ไปตอนเช้าๆก็คงจะดีนะ ผมก็ไปพร้อมข้อมูลเกินพอเลยจ่ายเงินเสร็จมีใบนัด 2 วันต่อมา ก็สำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนแคนาดา ชนิดที่ตอนไปไปโดยรถเมล์ กลับโดยรถไฟฟ้า ต่อเรือด่วนนิดหน่อย ไม่เหนื่อย ไม่ยากอย่างที่หลายคนบอกว่าไปกับทัวร์แล้วสบายดีที่เขาทำให้หมด เมื่อต้องทำเองบ้างก็ไม่ลำบาก ทีนี้ก็เลือกว่าจะเดินทางสายการบินอะไร
การเดินทางยาวนานกว่า 18 ชม.แบบนี้ต้องต่อสายการบินเป็นทอดๆด้วย บินรวดเดียวถึงไม่มีครับ ที่นิยมเดินทางกันก็จะบินจากกรุงเทพไปถึงฮ่องกงหรือไทเปก่อน จากนั้นก็บินต่อไปถึงเมืองแวนคูเวอร์ เป็นหัวเมืองเอกเลยของแคนาดาฝั่งตะวันตก จากนั้นก็บินต่อมายังเมืองโตรอนโตหรือเมืองมอลทรีล เราเลือกสรรกันหลายสายการบินครับ ดูราคา รับฟังข้อมูลจากเพื่อนฝูง ดูจากเสียงตอบรับการแจ้งข้อมูลของแต่ละสายการบิน ในที่สุดเราเลือก อี วี เอ แอร์ครับ เป็นสายการบินจีนไต้หวัน พวกเราชอบเรียกเขาว่า อีว่าแอร์ ฟังดูไม่เพราะเลย คล้ายนางเอกคนนึงชื่อเจนนี่ แต่ชอบให้พระเอกเรียกเล่นๆว่าอีเจนแล้วนางเอกให้สัมภาษณ์ว่าชอบน่ารักดีอย่างนั้น
เหตุผลที่สำคัญคือว่าสายการบินไต้หวันนี้ มีตั๋วโดยสารชั้นกลางๆด้วยครับ ไม่ใช่ตั๋วชั้นหนึ่งแล้วก็ไม่ใช่ตั๋วชั้นประหยัดด้วย เรียกว่าเป็นชั้นดีลักซ์ ที่นั่งกว้างดี ปรับที่นั่งนอนได้สบายขึ้น ขยับตัว เดินออกไปห้องน้ำ ขอน้ำอาหารเพิ่มสะดวกมาก มีจอทีวีเล็กๆส่วนตัว มีหูฟังเสียบ ดูหนังได้หลายเรื่อง เลือกได้ตามที่เราพอใจ เสียงอังกฤษ เสียงฝรั่งเศส หรือเสียงจีนก็ได้ เที่ยวบินไทเป-โตรอนโตบินสิบกว่าชั่วโมง มีอาหารหลักๆ 2 มื้อแล้ว ยังมีม่าม่ารสซีฟูดบริการตลอด เราปรับตัวกับสายการบินไต้หวันนี้ไม่ยาก หน้าตาก็ให้ กินให้อิ่ม จากนั้นก็ต้องพึ่งบริการห้องน้ำบนเครื่องตามมา การที่เป็นชั้นกลางๆแบบนี้ ผู้โดยสารก็ลดจำนวนลง คนที่ใช้บริการห้องน้ำก็น้อยลง คุณภาพความสะอาดห้องน้ำนี้จึงดูดี หนำซ้ำบนเครื่องยังแจกรองเท้าสวมสบายบนเครื่อง แจกแปรงสีฟันของใช้บนเครื่องเล็กๆจุ๋มๆจิ๋มๆ ตามแบบชาวจีนที่นิยมแจกแถมอีกด้วย ราคาก็ไม่ได้แพงมาก แต่ก็ต้องซื้อผ่านบริษัทนำเที่ยว การซื้อผ่านสำนักสายการบินโดยตรงราคาแพงกว่าแบบนั้น
เรามีโปรแกรม ว่าเราเดินทาง 5 โมงเย็นวันพุธที่ 2 ตุลาคม กำไรเวลาตอนแรกเราจะถึงโตรอนโตเช้าวันที่ 3 ตุลาคม ตั๋วเครื่องบินระบุว่าเราต้องกลับออกจากแคนาดาเย็นวันศุกร์ที่11ตุลาคมเวลาแคนาดา ขาดทุนเวลาเราจึงมาถึงกรุงเทพเที่ยงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เช้าวันพฤหัสที่ 3 ตุลาคมถึงเย็นวันศุกร์ที่ 11ตุลาคมนี้เราจะเที่ยวกันอย่างไร ตามสมมติฐานของเพื่อนฝูงว่าไว้ว่า สองสามีภรรยาจะต้องทะเลาะกันกี่หนดีเอ่ยกว่าจะเที่ยวจบ มีประชุมที่มอลทรีล งานราชการที่เรารับมาด้วยระหว่างวันที่ 6 ถึงวันที่10 ตุลาคมอีกด้วย
ล้อเครื่องบินแอร์แคนาดาแตะบนสนามบินนานาชาติที่ชื่อเพียร์สันแล้ว เริ่มต้นต้องนั่งรถเมล์ ต่อรถไฟ เที่ยวกันไปในแคนาดา ไปเที่ยวพร้อมๆกันนะครับ
ในมือมีหนังสืออ่าน ต้องอ่านตั้งแต่ก่อนไป เราท่องอินเตอร์เน็ตถึงการเที่ยวไปในแคนาดา เวบหลักก็คือทราเวลแคนาดาดอทคอม ขับรถไม่เก่ง พวงมาลัยก็คนละข้างกับเมืองไทย เรารักรถไฟ เราอยากเที่ยวไปทั่วโดยรถไฟ เรารู้ว่าสถานีรถไฟมักอยู่กลางเมือง น่าจะต่อด้วยรถเมล์ รถประจำทางหรือรถไฟใต้ดินไม่ยาก เราได้ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเช่นกันจากการรถไฟแคนาดาทางเวบ เวียเรลดอทคอม ทำให้เรารู้ว่ามีตั๋วโดยสารแบบเหมา ใช้ได้นาน 10 วันนั่งรถไฟเหมาทางฝั่งตะวันออกของแคนาดานี้ได้ชื่อ คอร์ริดอร์ พาส ทำให้เรากำหนดแผนการเดินทาง กำหนดเวลาเดินทาง จากนั้นก็ส่งข้อมูลกันทางอีเมลกับการรถไฟที่แคนาดา จนเราพอใจ เขาเรียกเก็บเงินเราผ่านทางบัตรเครดิต แล้วก็ส่งตั๋วมาให้เราที่เมืองไทย สะดวกมาก มีที่นั่งสำหรับเราแน่ๆแม้ว่าเป็นตั๋วรถไฟที่ไม่ได้ระบุที่นั่งไว้ก็ตาม เราต้องตกลงให้ได้ว่าเราต้องตัดใจให้ได้ว่าต้องไปได้เพียง แค่นี้ แค่นี้ก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ เราจะเที่ยวกันอย่างนี้
ฝั่งตะวันออกแคนาดา โดย รถไฟ
พฤหัสที่ 3 ตุลาคม ถึงโตรอนโต ตอนเย็น นั่งรถไฟเที่ยวแรกจากโตรอนโตถึงน้ำตกไนแองการา คืนนี้นอนที่น้ำตกไนแองการา
ศุกร์ที่ 4 ตุลาคมเที่ยวให้ทั่วไปในไนแองการา เย็น นั่งรถไฟกลับจากน้ำตกไนแองการา
กลับมาถึงโตรอนโต 5 ทุ่มนั่งรถไฟข้ามคืนจากโตรอนโตมา มอลทรีล ประหยัดที่พัก 1 คืน คืนนี้นอนในรถไฟ
เสาร์ที่ 5 ตุลาคม 8 โมงเช้าถึงมอลทรีล เดินเล่นนิดนึง เที่ยงๆเดินทางจากมอลทรีลเดินทางถึง ควิเบคซิตี้ นั่งดูใบไม้เปลี่ยนสี สายน้ำไหลเอื่อยๆผ่านเทือกเขาสูง บ่าย 4 โมงเย็นเข้าโรงแรมที่พัก ออกมาเดินดูเมืองเก่าที่สุดสวยงาม เมืองมรดกโลก นอนที่ควิเบค โรงแรมเล็กๆน่ารักมาก
อาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมเที่ยวนอกเมืองควิเบคดูน้ำตกที่กล่าวว่าสูงกว่าไนแองการา ดูชนบทควิเบค ดูโบสถ์ บ่าย 5 โมงเย็นนั่งรถไฟกลับมานอนที่มอลทรีล 3 ทุ่มเข้าที่พักย่านไชน่าทาวน์
จันทร์ที่ 7 เข้าประชุม มีเวลาเที่ยวชมเมืองเก่าของมอลทรีล
อังคารที่ 8 นั่งรถไฟเที่ยวไปเมืองออตตาวา เมืองหลวงแคนาดา
พุธที่ 9 มีเวลาเที่ยว มอลทรีลดูโบสถ์นักบุญโยเซฟ
พฤหัสที่ 10 เที่ยวดูสวนสาธารณะ มอง รอเยลกัน ชมเมืองดูริมฝั่งแม่น้ำ เก็บของกันจน 5 ทุ่มเราจะนั่งรถไฟกลับมาโตรอนโต นอนในรถไฟอีกคืนศุกร์ที่11 วันกลับเรามาถึงโตรอนโต 9 โมงเช้า เราจะนั่งรถไฟไปเที่ยวประสาทเก่า ดูเมืองจีนของโตรอนโตกินติ่มซำที่คนเล่าลือกันว่าอร่อยนักหนา ตอนเย็นเราจะกลับมาสนามบินเพียร์สันแล้วบินกลับเมืองไทยกัน
เรานั่งรถไฟกันทั้งหมด
เที่ยวที่ 1 โตรอนโต-ไนแองการา เที่ยวที่ 2 ไนแองการา-โตรอนโต
เที่ยวที่ 3 โตรอนโต-มอนทรีล เที่ยวที่ 4 มอนทรีล-ควิเบคซิตี้
เที่ยวที่ 5 ควิเบคซิตี้-มอนทรีล เที่ยวที่ 6 มอนทรีล-ออตตาวา
เที่ยวที่ 7 ออตตาวา-มอนทรีล เที่ยวที่ 8 มอนทรีล-โตรอนโต
เช้าๆวันแรกนี้ ราว 6โมงเช้าแล้วเราก็มาถึงโตรอนโต แคนาดา โตรอนโตที่มักเป็นแค่ทางผ่าน เพราะนักท่องเที่ยวต้องอยากเที่ยวที่น้ำตกไนแองการาที่มีชื่อเสียงมากกว่านั่นเอง
การบินมาเที่ยวแคนาดานี้ รู้กันว่าตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2545 เป็นปีที่ต้องมีการระวังการก่อการร้ายเป็นสำคัญ เราต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองกันที่แวนคูเวอร์นะครับ แล้วก็ต้องเดินมองหากระเป๋าเดินทางของเราเองด้วย มันจะไม่เดินทางแบบอัตโนมัติไปถึงที่โตรอนโตให้ หลังจากได้กระเป๋า เราก็ลากจูงมาติดต่อที่สายการบินแอร์แคนาดา สายการบินในประเทศที่เราจ่ายเป็นค่าโดยสารผ่านอีวีเอแอร์มาเรียบร้อยแล้ว เดินผ่านการตรวจที่สนามบินที่แวนคูเวอร์ โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าภาษีสนามบิน จากนั้นแอร์แคนาดาก็พาเรามาถึงสนามบินที่โตรอนโต สนามบินในแคนาดาเหล่านี้จะเหมือนกันตรงที่ประเทศนี้เป็นประเทศที่พื้นที่มาก เครื่องบินบินลงมาตั้งนาน ต้องแท็กซี่บนพื้นดินอีกนานมาก กว่าจะเข้างวงส่งผู้โดยสารลงจากเครื่องได้ คนแคนาดาตัวใหญ่สุขภาพแข็งแรง หากถามเส้นทางต่างๆจึงต้องประมาณตัวไว้เสมอเลยว่าเราเป็นคนไทย ตัวเล็กๆวัย 40 ปีแล้ว เขาบอกว่า เดิน 5 นาทีถึง เราเดินกว่า ครึ่งชั่วโมงจึงจะเจอเป็นต้น เขียนถึงแล้วจะนึกถึงพวกกิโลแม้ว แบบนั้นครับ เครื่องบินจึงลงมาแล่นบนพื้นราบนานมากแล้ว เราก็ยังไม่ได้เที่ยวโตรอนโตสักที
ออกจากสนามบินมาแล้ว มีรถเมล์ให้เลือก 2 สายเพื่อเข้าเมือง เรามีจุดหมายอยู่ที่สถานีรถไฟที่เป็นหลักของเรานั่นเอง เราเจอแล้วรถเมล์สาย 58 จอดรออยู่ รู้ว่าการโดยสารรถเหล่านี้ต้องเตรียมเงินให้พอดีค่าโดยสารไม่มีการทอนเงิน ไม่มีคนเก็บค่าโดยสารด้วย คนขับคนเดียวกันทำทุกอย่าง เราแลกเงินจากเมืองไทยมาเป็นธนบัตรทั้งสิ้น จะขึ้นรถเมล์ จึงต้องเข้าไปแลกเงินเป็นเหรียญมาจ่ายค่ารถเมล์ แลกจากสำนักที่ให้เราแลกเงินตราต่างประเทศที่เปิดอยู่นั่นแหละครับ จ่ายเงินคนละ 2.5 ดอลแคนาดา ก็จะนั่งรถเมล์มาจนสุดสาย เขาบอกว่า 45 นาที ก็ต้องเชื่อเขา เขาทำอย่างนั้นได้จริงๆ สุดสายเป็นสถานีรถไฟใต้ดินชื่อลอร์เรนส์เวสท์ ก็เดินลงมาต่อรถไฟใต้ดินได้เลยไม่ต้องมาซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินอีกทีแต่อย่างไร แต่เราเป็นคนไทยเธอของผมกลัวว่าถ้าเราไม่ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินเราอาจออกจากสถานีไม่ได้ก็ได้นะ ผมรักเมีย ต้องเชื่อเมีย ก็เดินย้อนขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน สอบถามเจ้าหน้าที่ พี่แกบอกว่าไม่เป็นไร ถูกต้องตามข้อมูลที่ท่องอินเตอร์เน็ตว่าไว้ให้จ่ายค่าโดยสารแค่ครั้งเดียวพอ
ตามเส้นทางรถไฟใต้ดินสายสีเหลืองนี้ก็พาเรามาถึงสถานีรถไฟที่เรียกกันว่า ยูเนี่ยนได้ในที่สุด เราลากกระเป๋าเดินทางสู้กับผู้คนตัวใหญ่ๆในช่วงชั่วโมงเช้าๆที่สุดจะยุ่งเหยิงมากของคนโตรอนโต มาถึงแล้วครับ จากที่นี่เราจะเก็บกระเป๋าเดินทางก่อน แล้วจะออกเที่ยวโตรอนโตก่อนกันหน่อย ล็อกเกอร์น่าจะมีให้เก็บ ก็เดินหาจนเจอ แต่ทุกล็อกมันเต็มครับ กระเป๋าก็ไม่ได้ใบเล็กๆด้วยเพราะกลัวว่าจะหนาวมาก เสื้อกันหนาวจึงเอามากันหลาย จะเดินจูงกระเป๋าเที่ยวไปทั่วเมือง หรือจะไปไหนก็ไปไม่ได้ เราต้องนั่งเฝ้ากระเป๋าจนกว่าจะถึงเวลารถไฟ ต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟครับ ได้ความว่าสถานีรถไฟยูเนี่ยนโตรอนโต มีบริการรับฝากกระเป๋า คิดใบละ2.5 ดอล
ฝากข้ามคืนไม่ได้ แล้วก็มีไว้บริการคนที่ถือตั๋วรถไฟเท่านั้น ดีใจเดินหาที่ฝากจนเจอ ฝากกระเป๋าเสร็จ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ฟ้าออกขมุกขมัวชอบกลแต่ไม่มีฝน ก็ยังดี สะพายเป้ใส่หลังคนละใบ ต้องเดินตามทางฟ้าที่เรียกว่าสกายวอล์ค ไปขึ้นฟ้าที่หอซีเอ็น อากาศไม่ร้อนจึงเดินสนุกไปจนถึงหอซีเอ็น ทางไกลพอควรแต่ตื่นเต้น มองเห็นแล้วหอซีเอ็น ซื้อตั๋วแล้วเดินตามกันไปขึ้นหอแล้ว ต้องตรวจเหมือนเข้าสนามบินอีกแล้วมีเครื่องเอกซเรย์ด้วย ของผมผ่าน แต่ของเธอ ถูกบอกว่ามีระเบิดในกระเป๋าด้วย เจ้าหน้าที่ต้องขอค้นพิเศษเล่นเอาสนุกกันใหญ่ แต่ก็ไม่พบอะไรร้ายแรงครับ
แล้วเราก้ได้ขึ้นไปเที่ยวเหมือนกับคนอื่นๆกัน มาเข้าแถว ได้ขึ้นลิฟท์กันแล้ว ลิฟท์แล่นเร็ว และมีความเที่ยงตรงมาก เมื่อไปถึงแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะได้มองจากฟ้า มองลงมายังพื้นดิน
ชั้นที่เราไปดูเรียกว่าชั้น look out แม้ว่าจะไม่ใช่ชั้นสูงสุดที่เรียกว่าชั้น sky pod แต่ก็เป็นชั้นสูงแล้ว มองลงมาเห็นตึกเล็กตึกน้อยจนสุดลานสายตา ฟ้าไม่เปิดสว่างกันหมด แต่เมื่อเดินมาถึงที่เขาเรียกกันว่าชั้นพื้นแก้ว กลาสฟลอร์ ก็ตื่นเต้นมาก….เธอของผมกลัวครับ ไม่กล้าไปเดินบนพื้นแก้วนี้ ก็มีนักท่องเที่ยวผู้หญิงแก่กว่าพวกเราวัยราว 50 เศษ บอกว่าไม่ต้องกลัว แล้วเดินจูงมือเธอ..พาไปเดินอย่างตื่นเต้นบนพื้นแก้วนั่น ตั้งใจแล้วว่าจะอุดหนุนกาแฟและเวเฟอร์บนภัตตาคารของหอซีเอ็น
ที่มีชื่อว่าภัตตาคาร ฮอร์ริซั่น เขามีขาย ที่ภัตตาคารนี้จะเห็นข้าวของทุกอย่างเป็นรูปหอซีเอ็น ที่คนกาแฟพลาสติกเป็นลักษณะหอซีเอ็น แม้ขวดใส่เกลือ ขวดน้ำตาลก็เป็นหอซีเอ็น หอบรรหารแจ่มใสที่สุพรรณบุรีจะลองไปทำตามดูบ้างก็อาจแปลกตาดี ทานกันพออิ่ม ลงจากหอก็เดินดูสนามกีฬาที่เรียกว่าสกายโดมก็ใหญ่โตมาก จากนั้นก็เดินตามทางฟ้ากลับมาที่สถานีรถไฟ
บ่ายแล้วที่สถานีรถไฟ เวลาที่แคนาดาแถบนี้บ่ายโมง เมืองไทยเราก็เที่ยงคืน เวลาห่างกัน 11 ชม.เรานักเที่ยวต้องปรับตัวเปลี่ยนเวลาตามสิ่งสมมติเหล่านี้ เราอยากเดินเที่ยวเมืองใต้ดินที่ตั้งต้นจากสถานีรถไฟออกไป ที่เขาเรียกว่าพาท path เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อยจากที่เดินไปหอซีเอ็น เราก็เริ่มเดินอย่างพิศวงท่องไปในทาง path เขาคิดทำได้ดีจริงๆ เดินแล้วไม่หนาวด้วย
ข้างนอกหนาว 13-14 องศาแต่ใต้ดินเหล่านี้เดินสบายคนทำงานเดินกันมากมาย ร้านรวงทุกแบบที่บนห้างสรรพสินค้าก็มีได้ที่บริเวณใต้ดินนี้ พี้นที่มีการเชื่อมต่อกันต่อเนื่องกว่า 10 ตารางกิโลเมตรทีเดียว เราสองคนเดินได้ไม่ทั่ว สิ้นสุดเพียงแค่ที่มีร้านอาหารร่วมกันหลายๆร้านเหมือนบนศูนย์อาหารบนห้าง เราอุดหนุนอาหารญี่ปุ่น ทั้งผิดเวลาและเหนื่อยจากการเดินทางเราได้ข้อสรุปเลยว่าเราจะซื้ออาหารเพียงชุดเดียว เรากินได้ 2 คนเพราะอาหารที่นี่ 1 ชุดใหญ่มาก ได้อาหารแล้วยังไม่ทาน พากันเดินกลับมาสถานี หาเวลางีบเล็กๆ แล้วตื่นมาทานอาหาร ก็อร่อยครับ เธอได้ลูกพลับด้วย แล้วพกผลไม้ไปเที่ยวที่น้ำตกกัน กลับมาเอากระเป๋าพร้อมขึ้นรถไฟครั้งแรกในแคนาดาไปเที่ยวน้ำตก ไทรโยค เอ้ย ไม่ใช่ น้ำตกไนแองการาครับ น้ำตกในฝันของหลายๆคน
สถานีรถไฟมักมีอะไรหลายๆอย่างให้เห็น เราทราบว่ามีที่นั่งชั้นหนึ่ง ที่มีห้องรับรอง มีชากาแฟบริการ มีการเชิญไปขึ้นรถก่อน มีคนขนกระเป๋า สัมภาระให้ โลกทุนนิยมมีราคาค่าบริการกำกับไว้ด้วยเสมอ เมื่อถึงว่าชั้นประหยัดของพวกเรา มีเจ้าหน้าที่มาขอดูตั๋วว่าที่นั่งรอๆกันอยู่นี่ ไม่ผิดเที่ยวนะ จากนั้นพี่แกจะอนุญาตให้เดินตามๆกันมาขึ้นรถไฟ แต่ต้องเดินลงบันไดก่อนนะครับมายังชานชาลา
ต้องหิ้วกระเป๋า 2 ใบใหญ่ขึ้นรถกันเอง มีที่วางกระเป๋าตรงประตูทางเข้าแล้วเดินเข้าไปนั่ง เก้าอี้ปรับเอนนอนได้ ตื่นเต้น ทราบมาว่ารถไฟแคนาดามีกระจกใสบนเพดานให้ชมวิวท้องฟ้าได้ด้วย แต่ที่อย่างนั้น มันต้องบนที่นั่งชั้นหนึ่ง ชั้นประหยัดนี้ทาเพดานด้วยสีฟ้า มีปุยเมฆสีขาวก็เท่านั้น แต่ชั้นประหยัดก็ยังมีที่นั่งกว้างขวาง เหยียดเท้าได้สะดวกเพราะพวกเราตัวเล็กกว่าฝรั่งมาก นั่งเป็นรถไฟชั้นหนึ่งของบ้านเราได้เลย รถไฟออกแล้ว คนตรวจตั๋วมาแล้ว สักครู่ตู้เสบียงแบบเดียวที่เราเห็นบนเครื่องบินก็มา แต่ไม่ได้แจกเหมือนบนเครื่อง ที่นี่อยากทานอะไรก็ซื้อหาเอาครับ ไม่นานเลย
รถไฟแกว่งไปมาเหมือนไกวเปล ไม่นานเลยคนสองคนก็หลับเอาแรง หรือหลับจริงๆอย่างมีความสุข จนเรามาถึงสถานีรถไฟน้ำตกไนแองการา
สถานีรถไฟอยู่ห่างโรงแรมในเมืองไนแองการาที่เราจะมาพักพอสมควร เราจองโรงแรมคิงส์ไว้เรียบร้อยแล้วล่วงหน้า เราลงจากสถานีรถไฟมองมาฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นสถานีที่เป็นสถานีรถโดยสาร ไปถึงนิวยอร์คได้ทีเดียว อีกด้านก็เป็นท่ารถเมล์ที่จะพาเราเข้าเมืองครับ หมายตาล็อกเกอร์เก็บกระเป๋าเอาไว้ด้วยเพื่อจะไม่ต้องขนกระเป๋าหลายใบขึ้นรถเมล์ การใช้ตู้เก็บเหล่านี้ก็หมายตาอันที่มีลูกกุญแจห้อยอยู่ ใส่กระเป๋าเราเข้าไป หยอดเหรียญตามที่บอกไว้ สำหรับที่นี่ก็ 2 ดอลครับ ปิดตู้พร้อมกับเก็บกุญแจไว้ให้ดี เหลือกระเป๋าแค่ใบเดียวก็ค่อยยังชั่ว พอเห็นรถมาคุยกันกับคนขับรถพร้อมกับขอให้จอดที่โรงแรมให้ด้วย คนขับรถสตรีรายนี้ก็ดีใจหาย บอกนั่งลงตรงนี้เมื่อถึงโรงแรมจะบอกให้ลงตรงที่หมาย ไม่ต้องตกใจหรือต้องลุ้นหาโรงแรมแต่อย่างไร คนแคนาดาที่เมืองท่องเที่ยวนี้มีมาตรฐานดีจริง
ถึงแล้วโรงแรมพระราชา ทำใจไว้ตั้งแต่เห็นรูปโรงแรมที่ลงในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นโรงแรมริมถนน หากขับรถก็จอดหน้าห้องพักอย่างนั้น แต่ก็เป็นโรงแรมสะอาด เธอว่ามีกลิ่นสะอาดของน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เก็บข้าวของแล้ว 3 ทุ่มแล้วด้วย เงียบดีนะนอนเลยมั้ย มาถึงกลางคืนที่ไนแองการาแล้วต้องออกมาดูแสงสีบ้างดีกว่า เราจึงเดินสำรวจกัน ใกล้โรงแรมมีร้านเซเว่นให้ฝากท้อง เดินมาไม่ไกลเจอสวนสนุกมหัศจรรย์ที่เรียกกันว่าย่านเนินเขา ที่เรียกว่า Clifton hill เดินอีกนิด ไม่นิด ไม่หน่อย เอ้า ก็เดินทั้งนิดทั้งหน่อย เรียกว่าไกลทีเดียว ก็ได้เห็นน้ำตกกลางแสงไฟหลากสี น้ำตกอเมริกัน American falls ก่อน นู่น อีกไม่ไกล น้ำตกเกือกม้า horseshoe falls กลางแสงไฟ งามจริง น้ำตกในฝัน ที่หลายคู่รักอยากมาให้ถึง น้ำตกไหลแรง หยาดน้ำตกกระเด็น ซ่านเซ็นมาโดนตัว เป็นสุข เป็นปิติทางโลกที่ได้มาถึงที่นี่เองได้ ไกลนะจากบ้านมา ดีใจที่พาเธอมาถึงที่นี่
เดินครับ เราเดินกัน กลางสวน ผ่านสวน บ้านเมืองของเขาสุขสงบ ปลอดภัยอย่างมืดค่ำอย่างนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างไร เสพสิ่งสวยงามตรงหน้าจนได้เวลาก็พากันเดินกลับ ตระหนักว่าเดินจากโรงแรมมาไกลทีเดียว ไม่มีที่ใดที่ 2 เท้าจะพาไปไม่ถึง เดินบ้างหยุดพักบ้างก็กลับมาถึงโรงแรม นี่เป็นวันแรกนะ วันแรกในแคนาดา รู้ว่าเราจะต้องเดินอีกหลายวัน
กลางคืนเป็นกลางวันของบ้านเราแต่ก็ยังนอนหลับ ตื่นมาแต่เช้าอากาศดีมาก แดดอ่อนยามเช้าชวนกันเดินหาอาหารเช้า อย่างไรก็หลีกเลี่ยงก้อนขนมปังมีก้อนเนื้อตรงกลางไม่ได้ ติดต่อเจ้าของโรงแรมว่าเราจะออกไปเที่ยว ก็เช็คเอาท์เลย พร้อมกับให้เก็บกระเป๋าเดินทางที่ห้องใต้บันได
เดินแบกเป้กัน สองคนมาถึงน้ำตกตอนกลางวัน ไนแองการาจะสวยไปอีกแบบ นักท่องเที่ยวมากกว่าตอนกลางคืนมาก มาที่นี่น่าจะได้นั่งรถลวดสลิงข้ามแม่น้ำชมวิว ได้เห็นนาฬิกาดอกไม้ที่สวนไนแองการา ได้ลงลิฟท์ลึกลงไปชมเบื้องหลังน้ำตก สุดท้ายได้ลงเรือไปให้น้ำตกสาดแรงๆที่ตัวที่หน้า ใส่แว่นก็ยังเปียก ต้องเปียกไปหมดทั้งตัว ที่เรียกว่าลงมาเป็นเพื่อนกับละอองน้ำ maid of the mist การท่องเที่ยวที่ลือว่าเป็นสุข เสพติดเที่ยวก็เป็นเช่นนี้เอง เมื่อได้ทำทุกอย่าง ผจญทุกสิ่งจนเกือบลืมไปว่าเราไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลยนะ เดินกลับมาโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋าเตรียมขึ้นรถไฟกลับ จึงแวะร้านอาหารทาน คนขายหน้าตาดุเชียว อาหารฝรั่งก็ไม่ถูกปาก ได้ทานพอหายหิว รอขึ้นรถเมล์กลับมาสถานีรถไฟ ระหว่างทางพบนักท่องเที่ยวสาววัยรุ่นญี่ปุ่นมาจากนิวยอร์ค
จะขึ้นรถเมล์มาต่อรถกลับนิวยอร์ค มีปัญหาเหมือนที่เราเคยมี คือมีแต่แบงค์ แต่ไม่มีเหรียญจึงได้ช่วยเหลือแลกเหรียญให้ คุยภาษาอังกฤษกันนิดหน่อย ทราบว่าภาษาของเขาไม่แข็งแรงเท่าไรแต่เขาก็มาเที่ยวได้ มาตัวคนเดียวด้วยนะ
รอรถไฟกลับจากไนแองการามาโตรอนโต เป็นรถไฟขบวนเดียวกันที่มาจากนิวยอร์คแล้ววิ่งสู่ปลายทางโตรอนโต ที่สถานีรถไฟ ได้เห็นชีวิตการมาส่งการมารับผู้โดยสาร เห็นพ่อตบหลังตบไหล่ลูกชาย ปลอบให้ตั้งใจเรียน เมื่อพ่อพื้นเพเป็นคนแถวไนแองการาส่งลูกชายมาเรียนโตรอนโต จะส่งกันอย่างไรในที่สุดก็ยังเป็นการจากพราก จะกลับมาพบความสวยงามของน้ำตกนี้อีก น้ำตกไนแองการา น้ำตกในฝัน ที่ฝันกลายมาเป็นจริง
ผลงานอื่นๆ ของ Jack1960 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Jack1960
ความคิดเห็น