ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้วงภวันดร

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.21K
      168
      8 พ.ค. 64

    “แล้วไฟจะติดยังไงล่ะคุณ”

    คนถูกถามไม่ตอบเหล่มองคนช่างซักเสี้ยวเดียวคล้ายไม่ใส่ใจ แล้วหันมาสนใจกับเจ้าแท่งสีดำต่อ จัดการเอาตลับบางอย่างออกมาจากชายพก เธอเพิ่งรู้ว่าผู้ชายโบราณมีผ้าที่เคียนห่อไว้ตรงชายผกอีกผืน อย่างกับกระเป๋าคาดเอวอย่างไรอย่างนั้น เวลาอยากได้อะไรก็หยิบฉวยออกมาใช้ ดูอีกอย่างก็เหมือน โดเรม่อนนะเออ หรือในชายพกนั่นจะมีประตูทะลุมิติให้ย้อนกลับบ้านหรือเปล่า

    “คิก” 

    เสียงหัวเราะชอบใจหลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้ม จนคนอยู่ใกล้ๆ รู้สึกรำคาญ ไม่ใช่รำคาญเสียง แต่กลับรู้สึกรำคาญปากเล็กๆ เป็นกระจับนั่นต่างหาก หล่อนจะรู้ไหมว่าปากเล็กแลคล้ายปีกนกของหล่อนนั้นมันงามน่ามองนักเทียว ...แล้วดูรึเป็นสาวเป็นนางคอยืดคอยาวเทียวมองดูชายผ้านุ่งบุรุษ ช่างเป็นแม่หญิงที่ไร้ยางอายนัก

    “อย่าเที่ยวมองชายพกบุรุษเยี่ยงนี้อีก เขาจักหาว่าแม่เป็นหญิงงามเมืองเอาได้ เอ...หรือว่า..”

    “หยุดเลยนะ ถึงฉันจะตกวิชาประวัติศาสตร์ตอนมัธยม แต่คำว่าหญิงงามเมืองฉันก็เคยอ่านเจอในนิยายนะคุณ ที่ฉันมองดูไม่ได้มองอะไรที่คุณคิดซะหน่อย ฉันดูของที่คุณหยิบมาต่างหาก เชอะ! มีอะไรน่ามองนักเชียว... ก็แค่...ซิกแพ็ก” 

    สองคำหลังเธอเก็บเสียงลงลำคอ เพราะถ้าเขาได้ยินนอกจากจะไม่รู้ ก็จะต้องมาสอบถามเอาความจนน่ารำคาญ แล้วถ้าอธิบายไปพ่อเจ้าประคุณรุนช่องก็จะหาว่าเธอไร้ยางอายอีก... เฮ้อเพลีย สู้เงียบดีกว่า

    “หึ!” เสียงหัวเราะในลำคอดังพอให้คนอยู่ใกล้ได้ยินเพียงเท่านั้น คนที่ง่วนอยู่กับการจุดไฟก็จับเศษหญ้าแห้งที่เขาหามาตอนออกไปข้างนอก เอามาวางให้ฟูๆ 

    “นี่... เค้าเรียกตัวตะบัน ทำจากเขาควายเอามาเจาะรูตรงกลาง กงนี้เห็นฤาไม่” น้ำเรียบเรียบเรื่อยอธิบายเจ้าแท่งสีดำมะเมื่อม ทั้งชี้ให้ดูรูตรงกลาง 

    “แลนี่... เขาเรียกว่าลูกตะบัน ทำจากเขาควายเหมือนกันเหลาเป็นแท่งกลมเท่ากับรูกระบอก แต่มันจักยาวกว่ารูกระบอกสักหน่อย เจาะกงปลายเป็นแอ่งไว้ใส่เชื้อเห็นฤาไม่” คนอธิบายชี้ชวนให้ดูปลายลูกตะบัน ที่มีแอ่งไว้ใส่เชื้อสำหรับติดไฟ จากตอนแรกคิดไว้ว่าจะทำไปโดยไม่พูดคุยกับคนช่างซัก แต่กลับกลายเป็นว่าตนกลายเป็นครูสอนหล่อนเสียแล้ว แม่คนนี้บางทีก็แลดูน่าเอ็นดูเหมือนเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แล...บางทีก็เหมือนม้าดีดกะโหลกน่าจับตียิ่งนัก ดังเช่นตอนนี้

    “ไหนๆ” คนอยากรู้สนใจ นั่งขัดตะหมาดได้ก็จับมือเขา ยกขึ้นส่องดูใกล้ๆ ขุนหนุ่มค่อยๆ แกะนิ้วมือทั้งห้าที่กุมมือตนออก ส่งสายตาดุให้แต่เจ้าหล่อนก็ไม่นำพาอีกเช่นกัน ก่อนจะอธิบายต่อ

    “แลนี่ปุยต้นเต่าร้าง” เขาหยิบเอาขุยสีน้ำตาลปนดำออกมาจากตลับ

    “เอามาทำไม”

    “มันเป็นเชื้อไฟเยี่ยงไรเล่า นี่ใส่กงนี้” 

    ชายหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็นพลางสาธิตให้ดู ด้วยการเอาสีผึ้งที่เธอเพิ่งจะเห็นว่าเขาวางใกล้ๆ ตัวทาลงรอบส่วนปลายลูกตะบัน แล้วหยิบนำเอาเชื้อที่ว่าใส่ตรงแอ่งที่เจาะไว้ส่วนปลายลูกตะบัน

    “สวมลูกตะบันเข้าไปแบบนี้ แล้วตี”

    โป๊ะ!

    คนตั้งใจอธิบายสวมลูกตะบันเข้าไปในรูแล้วตบตรงปลายลูกตะบันที่เรียบเข้าไปดังโป๊ะ! จากนั้นก็ดึงเอาออกมาเป่าๆ ตรงเชื้อจนขึ้นสีแดงวาบพร้อมควัน แล้วประคองส่วนปลายลงไปใกล้ๆ กับกองหญ้าเล็กๆ ที่เค้าทำไว้คล้ายรังนกก้มลงเป่าไม่นานไฟก็เริ่มติด จากนั้นก็หยิบเศษกิ่งไม้เล็กๆ ค่อยๆ วางประสานด้านบนเป็นตาข่ายจนไฟกองเล็กๆ ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น 

    “หูย...มีไฟจริงๆ ด้วย”

    ชายหนุ่มเอาโลหะแหลมที่เธอไม่รู้ว่าคืออะไรอยู่ส่วนปลายตัวตะบันขุดเอาขี้เถ้าออกเตรียมเก็บใส่ห่อพกของตน แต่กำไลยื่นมือไปขอดูเจ้าสิ่งที่เรียกว่าตะบันไฟมาจากเขาเสียก่อน

    “สุดยอดภูมิปัญญาชาวบ้าน เอ...แต่ดูแล้วเหมือนครกตำหมากเหมือนกันคุณ”

    “อืม... นับว่าแม่ฉลาดอยู่บ้าง”

    “ปากคุณนี่นะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×