ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; คุณหนูหน้าใสกับคุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #8 : [OS รินลัล] Iced milk tea, iced coffee, memories and happy birthday

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 590
      9
      13 ก.พ. 59

    :: ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่แต่งขึ้นมาเนื่องในวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของการิน  โดยเนื้อหาในฟิคสั้นเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของฟิคยาวแม้แต่น้อย  


    และฟิคเรื่องนี้มีเป็นเรื่องราวของคนสองคน...กับความรู้สึกที่พวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้  



     
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------




     
    ICED MILK TEA, ICED COFFEE, MEMORIES  AND  HAPPY BIRTHDAY 







     

    “คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น  นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”

    เธอยืนมองอีกคนที่ยังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ตอบคำถามของเธอ

    “นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ  งั้นเอากาแฟไป  เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”

    ว่าพลางยิ้มหวาน  แล้วยัดกาแฟเย็นใส่มืออีกคนไป

     

    .

    .

     

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ปลุกให้คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งนิทราลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ  มือบางเปะป่ายไปทั่วหัวเตียงเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือ  ก่อนจะคว้าได้แล้วกดรับทันที

     

                “สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

     

                ยังไม่ตื่นอีกเหรอลัล? 

     

                เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยคำถามกลับมา  ทำให้ลัลทริมารับรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนโทรเข้ามารบกวนการนอนของเธอ “มีอะไรเหรอนี?  โทรมาแต่เช้าเชียว”

     

                เช้าบ้าอะไรของเธอน่ะ นี่มันแปดโมงกว่าแล้วนะ จะไม่มาเรียนรึไง??

     

    เพียงได้ยินคำว่า แปดโมงกว่าจากอีกฝ่าย  ดวงตาที่เคยสะลึมสะลือก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ  ลัลทริมาลุกพรวดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว  พลางตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะนี  ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ  แล้วจะรีบไป  เจอกันที่โรงเรียนนะจ๊ะ”  โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร  ลัลริมาก็รีบตัดสายทิ้งทันที  ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

     

    ไม่บ่อยนักที่เด็กรักเรียนอย่างลัลทริมาจะตื่นสายแบบนี้  ปกติเธอมักจะตื่นแต่เช้าเพราะมีเรื่องกังวลใจจนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ  หรือบางคืนก็มักจะฝันร้ายจนต้องสะดุ้งตื่นก่อนเวลาอยู่เสมอ  แต่กับครั้งนี้มันไม่ใช่...ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอกังวล  และเธอก็ไม่ได้ฝันร้ายเสียด้วย 

     

    เมื่อนึกถึงเรื่องความฝัน...ลัลทริมาก็พลันคิดถึงฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน  เป็นความฝันธรรมดาแต่ออกจะสร้างความประหลาดใจให้กับเธอได้ไม่น้อย  ก็ในเมื่อมันเป็นความฝันที่มี การินอยู่ด้วย  แต่มันกลับไม่ใช่ฝันร้ายอย่างที่ควรจะเป็น...แต่จะพูดว่าเป็นฝันดีก็คงจะไม่ใช่  เพราะมันเป็นฝันที่เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงในอดีต 

     

    เหตุการณ์ตอนที่เธอตามหาฆาตกรที่ต้องการทำพิธีเปลี่ยนชีพ  ในตอนนั้นเองที่เธอได้รู้จักกับการิน  และร่วมมือกับเขาเพื่อยุติพิธีกรรมนั้นให้ได้  แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะทำเพียงแค่ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเพียงแค่นั้นก็ตาม  แต่สุดท้ายก็มีคำถามที่เขาไม่สามารถให้คำตอบกับเธอได้

     

    “คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น  นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”

     

    ..ถึงแม้จะเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเลยก็ตาม  แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ถ้าถามคำถามนี้ออกไปอีกครั้ง  คำตอบจะออกมาเป็น  กาแฟเย็นหรือเปล่า  หรือการินจะยังตอบไม่ได้อีกเช่นเคย

     

    ...แต่จะว่าไป  ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็เห็นหมอนั่นกินแต่กาแฟเย็นนี่นะ...

     

    นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลกรอกไปมาเล็กน้อยด้วยความสงสัย  ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าหากในตอนนั้นเธอเลือกซื้อชาเย็นกับนมเย็นมา  แล้วยัดแก้วนมเย็นใส่มือการินไป  การินจะยังคงดื่มเจ้าเครื่องดื่มสีชมพูหวานจ๋ามาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่านะ

     

    ...แล้วทำไมเราต้องมานั่งคิดถึงเรื่องของการินด้วยเนี่ย...

     

    เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าคิดถึงเรื่องของอีกคนมากเกินไป  ลัลทริมาจึงรีบสะบัดหัวไล่ใบหน้าของการินให้ออกไปจากความคิดของเธอเสีย  แล้วเหลือบตามองดูนาฬิกาติดผนังที่เข็มหน้าปัดชี้บอกว่าขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาสามสิบห้านาทีแล้ว  เท่านั้นลัลทริมาก็รีบแต่งตัวให้เสร็จโดยเร็วไว

     

     

    ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบมาขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ป้ายรถหน้าปากซอยบ้าน  จะว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ตอนนี้เป็นเวลาสายพอสมควร  ทำให้รถประจำทางที่ปกติจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คนดูจะว่างมากพอที่จะมีเบาะว่างให้ร่างบางเลือกนั่งได้ตามสบาย 

     

    ลัลทริมาเลือกนั่งตรงเบาะเดี่ยว  พลางทอดสายตามองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง  ก็ต้องพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีชมพูสดใส 

     

    ...พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้วสินะ...

     

    ถึงแม้จะเป็นวันแห่งความรักก็ตามที  แต่สำหรับลัลทริมาที่ไม่ได้สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว  มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่งเท่านั้นเอง  แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจมันเลยเสียทีเดียว  เพราะวันวาเลนไทน์ที่ว่าตรงกับวันเกิดของเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งของเธอพอดี...วันเกิดของ โชติกาล

     

    ...แต่จะว่าไปแล้ว  วันนี้เป็นวันเกิด หมอนั่นนี่นา...

     

    พอคิดถึงหมอนั่นที่ว่าขึ้นมา  ใบหน้ามึนงงที่ปรากฏในความฝันเมื่อคืนก็หวนกลับเข้ามาในความคิดของเธออีกครั้ง  ทำเอาลัลทริมาถึงกับสะดุ้ง  รีบเปลี่ยนเรื่องคิดในหัวใหม่แทบจะทันที  ก่อนจะต้องสะดุ้งยิ่งกว่าเดิมเมื่อพบว่าเธอมัวแต่คิดเพลินไปหน่อยจนตอนนี้รถโดยสารประจำทางจอดตรงป้ายหน้าโรงเรียนนิศาพาณิชย์พอดี  ทำให้ลัลทริมารีบลุกพรวดพราดไปกดกริ่งลงก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก

     

     

    “วันนี้เป็นอะไรไปนะเรา  สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย” ลัลทริมาพึมพำกับตนเอง  แล้วเดินเข้าโรงเรียนด้วยอาการเนือยๆ  มือคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าจวนจะได้เวลาหมดคาบแรกแล้ว  เธอจึงรอเข้าเรียนคาบสองเสียเลย

     

    ลัลทริมาเดินขึ้นตึกเรียนมาช้าๆ อย่างไม่ได้รีบร้อนเพื่อเป็นการฆ่าเวลาที่เหลืออยู่ให้หมดไปด้วย  และเมื่อเดินมาถึงชั้นเรียนของตนก็มองเห็นว่าอาจารย์ผู้สอนคาบแรกเปิดประตูออกมาจากห้องเรียนพอดี  เธอรอให้อาจารย์เดินลับไปก่อนแล้วจึงวิ่งไปยังประตูห้องเรียนของตนเอง

     

    มือบางเอื้อมเปิดประตูบานเลื่อน  ทว่าเธอกลับต้องชะงักมือเสียก่อน  เพราะประตูเบื้องหน้ากลับถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ข้างใน...และคนคนนั้นก็ดันเป็นคนที่อยู่ในความฝันและความคิดของเธอมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อเช้าเสียด้วย

     

    “การิน” เธอเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย  แต่ร่างสูงกลับทำเพียงมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย  ไม่มีการกล่าวทักทายหรือประชดประชันด้วยเรื่องอาถรรพ์อย่างที่มันควรจะเป็น  นั่นจึงทำให้ลัลทริมารู้สึกแปลกใจไม่น้อย “เอ่อ...มีอะไรรึเปล่า ?”

     

    การินไม่ตอบคำถาม  เขาทำเพียงละสายตาออก  และเดินเบี่ยงตัวหลบเธอ  ก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ ทำทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หรือจะบอกว่าไม่เห็นเธออยู่ในสายตาดี ?

     

    “เดี๋ยวการิน!

     

    ลัลทริมาตะโกนเรียกชื่อเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไปไกลมากกว่านี้  ฝ่ายคนถูกเรียกหยุดชะงัก  แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา  ทำให้ลัลทริมาตัดสินใจวิ่งไปหาเขาเอง  พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนหอบ “นาย...อยากได้อะไรรึเปล่า ?”

     

    คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจในคำถามของเธอ  ก่อนจะเผยรอยยิ้มกวนๆ ในแบบฉบับของเขาออกมา “ก็ญาณอาถรรพ์ไงเล่า”

     

    “นี่  ฉันจริงจังนะ” ร่างบางว่าอย่างที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขามากนัก  เพราะหากไม่พูดอย่างตรงประเด็น  บางทีเธอคงไม่มีวันได้คำตอบที่ต้องการจากเขาแน่

     

    ร่างสูงมองสบตาเธอ  รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่เลือนหายไป  เหลือเพียงใบหน้าเรียบนิ่งเท่านั้น “ถ้าให้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาถามหรอกว่าฉันต้องการอะไร” พูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก็เดินจากไปทันที  ปล่อยให้ลัลทริมาได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ  ทั้งอากัปกิริยาและสายตาคู่นั้นที่จ้องมองเธอมันดูเรียบเฉย...แต่ก็มีแววแห่งความสับสนฉายออกมาเล็กน้อย (ถ้าหากว่าเธอมองไม่ผิด)  ทั้งที่ตามปกติแล้วนัยน์ตาสีดำลึกลับคู่นั้นมักจะมองเธอด้วยแววแห่งความริษยา  เย้ยหยัน  กดดัน  หรือบางครั้งก็...อ่อนโยน

     

    ...นายเป็นอะไรของนายกันการิน...

     

     “ลัล  เข้าเรียนได้แล้ว” เสียงเพื่อนตะโกนเรียกดังอยู่ที่หน้าห้องเรียน  ทำให้เด็กสาวตัดใจจากสิ่งที่ตนอยากจะรู้  แล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องเรียน

     

    ส่วนการิน...ดูท่าว่าเขาจะโดดเรียนคาบที่สองเสียแล้ว

     

     

    ตลอดเวลาที่นั่งเรียน  ลัลทริมาแทบจะไม่ได้สนใจเนื้อหาในวิชาเรียนเลยแม้แต่น้อย  นั่นเพราะตอนนี้สมองของเธอคิดถึงแต่เรื่องของอีกคน...คนที่อยู่ในความฝัน

     

    วันนี้เป็นวันเกิดของเขา  เธอควรจะมอบอะไรให้เขาดี ?  ที่สำคัญไปกว่านั้นคือท่าทางของเขาที่มีต่อเธอ  มันดูเหินห่างเย็นชาอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุ

     

    ถ้าเช่นนั้นแล้ว  เธอควรจะมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ดีหรือไม่  เพราะบางทีการมอบในสิ่งที่เขาต้องการ...อาจทำให้เขากลับมาเป็นการินคนเดิมได้

     

    แต่ก็นั่นแหละ  เป็นเพราะมานึกออกได้เมื่อเช้าว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา  ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมหาของขวัญให้  ที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยว่าเขาอยากจะได้อะไร

     

    “ก็ญาณอาถรรพ์ไงเล่า”

     

    เสียงของการินดังขึ้นในความคิดของเธออีกครั้ง

     

    ...ญาณอาถรรพ์งั้นเหรอ..?  จะมอบให้ได้ยังไงกันล่ะ...

     

    ในเมื่อเป็นญาณอาถรรพ์ไม่ได้  ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรจะมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่เขา  มันควรจะเป็นสิ่งไหน  และสิ่งใดคือสิ่งที่เขาจะชอบใจหากได้รับมันไป  และเจ้าสิ่งนั้นจะช่วยเปลี่ยนท่าทีของเขาที่มีต่อเธอในวันนี้ได้หรือไม่

     

     

    ออดพักเที่ยงดังขึ้น  เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการเรียนสำหรับคาบเช้านี้ได้หมดลงแล้ว  นักเรียนในห้องต่างก็เฮฮากันใหญ่ที่ถึงเวลาพักรับประทานอาหารเสียที  หลังจากต้องนั่งเรียนมาร่วมสามชั่วโมง

     

    “ไปกินข้าวกันเหอะลัล  ฉันหิวมากเลยเนี่ย  นั่งท้องร้องทั้งคาบเลย”  เอมิกาเอ่ยชักชวนลัลทริมา  พลางบ่นกระปอดกระแปดถึงเรื่องความหิวของเธอ

     

    “แหม...เมื่อเช้าแกกินไปตั้งเยอะ  ยังจะพูดว่านั่งท้องร้องทั้งคาบอีกนะ” สาวแว่นเอ่ยแขวะเพื่อนสนิทอย่างเอมิกา  ทำให้ทั้งคู่อดที่จะมองเขม่นใส่กันเสียไม่ได้ 

     

    แล้วเอมิกาก็หันกลับมาสนใจลัลทริมาแทน “เอ้อ  มื้อเที่ยงนี้เราออกไปกินข้างนอกเหอะ  ร้านอาหารตามสั่งที่เพิ่งมาเปิดใหม่ในซอยข้างโรงเรียนอร่อยมากเลยนะ  ไปกินกัน”

     

    ลัลทริมาพยักหน้าตอบเพื่อน  ทำให้เอมิกายิ้มกว้างก่อนจะหันไปรบเร้ามัณฑินีอีกคนแทน

     

    และเมื่อตกลงกันได้แล้วว่าอาหารมื้อนี้จะไปรับประทานกันที่นอกโรงเรียน  ทั้งสามจึงเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วลุกเดินออกจากห้องไปยังสถานที่อันเป็นจุดหมาย

     

     

    หลังจากที่นั่งรับประทานอาหารกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ทั้งสามคนก็เดินทางกลับมายังโรงเรียน  ทว่าเมื่อถึงกลางทาง  เอมิกากลับหยุดชะงักฝีเท้าของตน...เนื่องจากมองไปเห็นร้านขนมขนาดใหญ่ที่มีช็อกโกแลตวางเรียงรายอยู่เต็มชั้นวาง

     

    “ขอแวะหน่อยนะ” สาวเจ้าของเรือนผมสีแดงเอ่ย  ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปในร้านนั้น  ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือได้แต่มองหน้ากัน  แล้วเดินตามเอมิกาเข้าร้านไป

     

    บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวันแห่งความรัก  แม้ว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ตามที  แต่ในร้านก็เต็มไปด้วยคู่รัก  และนักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินหอบหิ้วตะกร้าเลือกซื้อช็อกโกแลตกันอยู่

     

    เอมิกาคว้าตะกร้าเล็กๆ มาถือไว้  ก่อนจะพาตัวเองเดินเลือกหาช็อกโกแลตที่ถูกใจ  ปล่อยให้มัณฑินีและลัลทริมาเดินดูสินค้าตามใจชอบ  จนผ่านไปได้เพียงครู่เดียว  สาวผมแดงก็กลับมาหาเพื่อนพร้อมช็อกโกแลตที่เต็มตะกร้าจนเกือบจะล้นออก

     

    มัณฑินีมองเพื่อนอย่างเอือมระอา  แม้จะรู้ว่าเพื่อนสาวชอบการกินช็อกโกแลตมากก็จริง แต่... “แกจะซื้อไปทำไมตั้งเยอะแยะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีสาวๆ หอบมาให้แกเพียบอยู่แล้วนี่”

     

    “เออ นั่นสิ” เอมิกาที่กำลงชื่นชมช็อกโกแลตในตะกร้าของตนชะงักและคิดตามคำพูดของมัณฑินี  ก่อนจะต้องร้องออกมาอีกครั้ง “แต่มันน่ากินจนอดใจไม่ซื้อไม่ได้นี่หว่า”

     

    “กินเยอะขนาดนี้  ถ้าแกอ้วนขึ้นมาเมื่อไหร่นะ  ฉันจะหัวเราะเยาะคนแรกเลย” มัณฑินีว่า  ก่อนจะหันมาหาลัลทริมา “จริงสิลัล  พรุ่งนี้วันเกิดโชนี่”

     

    คำพูดของมัณฑินีทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยอยู่ได้สติหันมาพยักหน้าให้ตอบทันที  มัณฑืนีจึงเอ่ยต่อ “ถือโอกาสมอบช็อกโกแลตให้โชเป็นของขวัญเลยสิ”

     

    “เออ ใช่  ไหนๆ ก็ถือโอกาสไปเดตด้วยซะเลยสิ” เอมิกาจึงหันมาเป็นลูกคู่ด้วยอีกคน

     

    ลัลทริมาที่ได้ฟังดังนั้นก็ทำหน้าตาเหรอหราทันที  ก่อนจะรีบตอบปฏิเสธกลับไป “ไม่ใช่นะ  ฉันกับโชแป็นแค่เพื่อนกันต่างหาก  แล้วอีกอย่าง...”  พูดไม่ทันจะจบประโยค  เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน  ลัลทริมามองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มเล็กน้อย  ก่อนจะล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “สวัสดีจ้ะ...โช”

     

    “แหมๆ พูดถึงก็โทรมาเลยเชียว” เอมิกาและมัณฑินีเอ่ยแซวลัลทริมา

     

    “พวกเธอนี่ล่ะก็...” ลัลทริมาว่าค้อน  ก่อนจะแยกออกมาคุยโทรศัพท์กับคู่สนทนาที่ถือสายรออยู่ “ขอโทษทีนะโช  พอดีกำลังวุ่นวายนิดหน่อยน่ะ”

     

    ไม่เป็นไรฮะ เสียงปลายสายตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงสดใสจนทำให้เธอเผลอยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว ว่าแต่ลัลสบายดีนะฮะ

     

    “อื้ม  โชล่ะ”

     

    ผมสบายดีฮะ เพียงแต่ช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย

     

    “ว่าแต่โทรมา...มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ถามพลางขมวดคิ้วสงสัยไปด้วย 

     

    ลัลทริมาได้ยินปลายสายหัวเราะน้อยๆ อีกครั้ง  ก่อนจะตอบกลับมา ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ  ผมแค่อยากจะโทรมาชวนลัลกับเพื่อนๆ มาที่บ้าน  พรุ่งนี้พี่ชัญกับคุณวีเขาจะจัดงานวันเกิดให้  ผมเลยอยากให้เพื่อนๆ มาร่วมงานเยอะๆ  ถือเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วย

     

    เด็กสาวคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นที่โชติกาลว่า  เป็นเรื่องที่เธอและเพื่อนๆ ไปที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลวัฒนนุกุลวงศ์  แล้วเกิดเรื่องอาถรรพ์ขึ้นโดยฝีมือของชาคร  น้องชายคนเล็กของตระกูล  แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็สามารถเอาตัวรอดมาได้...ด้วยความช่วยเหลือของเธอและการิน  “เอ่อ  ได้สิ  เดี๋ยวฉันจะบอกเพื่อนๆ ให้นะ”

     

    ขอบคุณฮะน้ำเสียงปลายสายตอบกลับมา มันแฝงเอาไว้ด้วยความปีติยินดีอย่างที่ลัลทริมาเองก็รู้สึกได้ จริงสิฮะ วันนี้วันเกิดการินนี่ ฝากลัลอวยพรเขาแทนผมด้วยนะฮะ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย

     

    โชติกาลทิ้งท้ายคำพูดไว้สำคัญไว้เพียงเท่านี้  ก่อนเขาจะขอตัววางสายไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเร่งรีบ  ซึ่งก็เดาได้ว่าเขาคงจะติดธุระหรือกำลังยุ่งอยู่เป็นแน่  ทำให้ลัลทริมาต้องตกปากรับคำไปอย่างช่วยไม่ได้  ทั้งที่ในใจของเธอกล่าวปฏิเสธเสียงดัง  เนื่องจากว่าลำพังแค่ตัวเธอเองแล้ว  เธอก็ไม่รู้จะอวยพรวันเกิดให้การินอย่างไรดี  แล้วนับประสาอะไรกับการอวยพรแทนคนอื่นกันเล่า

     

     ลัลทริมาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า  ก่อนจะหันมาพบกับสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อนสาวคนสนิททั้งสอง

     

    “เป็นไง?  โชโทรมาชวนไปเดตวันพรุ่งนี้เหรอ?” มัณฑินีเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ขึ้นมาทันที  ซึ่งลัลทริมาก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

     

    “เฮ้ย!! ได้เรื่องเหมือนกันนี่นา” เอมิกาว่าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง  อดจะตื่นเต้นไม่ได้ที่ในที่สุดเพื่อนสาวคนนี้ก็ขายออกเสียที  แถมได้คนที่ดีอีกด้วย

     

    “ฟังให้จบก่อนสิ” ลัลทริมารีบพูดก่อนที่เพื่อนทั้งสองของเธอจะเอ่ยแซวอะไรไปมากกว่านี้ “ที่จริงแล้วโชเขาโทรมาชวนพวกเราไปงานวันเกิดที่บ้านเขาต่างหาก  โชบอกว่าพี่สาวและแฟนของพี่สาวของเขาจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้  เลยอยากจะชวนพวกเราไปด้วยกัน...เพื่อขอบคุณและขอโทษเรื่องตอนนั้นด้วย”

     

    “โถ่เอ้ย  ก็นึกว่าจะชวนกันไปเดตแค่สองคนซะอีก” เจ้าของเรือนผมสีแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย  ก่อนน้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ  เพราะพรุ่งนี้ฉันกับยัยป้าแว่นก็ว่างอยู่แล้วด้วย  ไปด้วยกันเยอะๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน”

     

    “ใช่สิ  ก็เรามันคนโสดนี่นา” มัณฑินีว่า  แล้วสาวแว่นก็หันไปกระซิบกระซาบกับเอมิกา  แต่ลัลทริมาก็พอจะได้ยินว่าทั้งสองสาวนั้นวางแผนจะสร้างบรรยากาศและจับคู่ให้เธอกับโชติกาล  ซึ่งลัลทริมาก็แค่ยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน

     

    “งั้นเราไปหาซื้อของขวัญให้โชกันดีกว่า” เอมิกาว่า  ทำให้สองสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  แล้วทั้งสามก็เดินเลือกซื้อของในร้านนั้นกันอีกสักพัก  โดยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับโชติกาล

     

    นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเหลือบมองสินค้าต่างๆ ภายในร้าน  ตอนนี้ในมือของเธอมีช็อกโกแลตอยู่หนึ่งกล่องซึ่งจะใช้เป็นของขวัญมอบให้โชติกาล  แต่เธอก็ยังคงมองหาสินค้าอย่างอื่น...เผื่อว่ามันจะมีอะไรสักอย่างที่น่าจะมอบให้เขาได้...ชายผู้คลั่งไคล้อาถรรพ์คนนั้น

     

    “ไม่ทราบว่ามีช็อกโกแลตผสมกาแฟ  หรือขนมที่ทำเป็นรสกาแฟไหมคะ?” ลัลทริมาเอ่ยถามพนักงานทันทีเมื่อเธอคิดได้ว่าแม้เธอจะไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร  แต่ทุกครั้งที่เธอสั่งกาแฟให้เขา  เขาก็ไม่เคยปฏิเสธมันเลย  เป็นไปได้หรือไม่ว่าบางที...เขาอาจจะชอบกาแฟก็เป็นได้  หากแต่ทางพนักงานก็ตอบกลับมาว่าทางร้านไม่ได้ทำขนมรสกาแฟเลย  เพราะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในวันวาเลนไทน์  ไม่เหมือนพวกช็อกโกแลต  ลัลทริมาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน  แล้วนำสินค้าที่มีอยู่ในมือไปชำระเงินแทน

     

     

    หลังจากซื้อของกันเป็นที่เรียบร้อย  สามสาวก็เดินทางกลับมายังโรงเรียนเพื่อเรียนคาบบ่ายต่อ  พวกเธอทั้งสามตัดสินใจว่าจะขึ้นไปนั่งรอเวลาในห้องเรียน  เพราะอากาศภายนอกออกจะร้อนเกินไป  และเอมิกากลัวว่าช็อกโกแลตที่ซื้อมาทั้งหมดจะละลายไปเสียก่อน

     

    เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องเรียน  และวางกระเป๋าลงแล้ว  นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตก็เหลือบไปยังโต๊ะหลังห้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ  ซึ่งมันเป็นที่นั่งของ...การิน 

     

    “พวกเธอ  ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยนะ  เดี๋ยวกลับมา” ลัลทริมาหันหน้าไปบอกเพื่อนสาวทั้งสอง  ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน...ไปยังสถานที่ที่เธอคิดว่าเขาน่าจะอยู่...

     

    ...ที่ดาดฟ้าตึกเรียน

     

     

    ลัลทริมาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ตัดสินใจไปยังดาดฟ้า   แต่เธอรู้แค่ว่า...ตอนที่เธอหันไปมองยังโต๊ะของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ  เหตุการณ์เมื่อเช้ามันก็หวนเข้ามาในห้วงความคิด  สายตาที่จ้องมองมายังเธอนั้น...มันยังคงติดตรึงในใจของเธอมาจนถึงตอนนี้  สายตาที่เธอรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไป  ไม่ใช่ในทางที่ดีขึ้น  แต่มันเป็นแววแห่งความเย็นชาราวกับว่าเขาไม่อยากจะเข้ามาใกล้เธออีก  ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงเธอก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ?  ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่เธอเคยปรารถนา  เธอเคยหวังว่าเขาจะไม่มายุ่งกับเธอในสักวัน  หากแต่วันนี้ที่สายตาและท่าทีของเขาเปลี่ยนไป  มันกลับทำไมเธอรู้สึกกระวนกระวายใจแปลกๆ  ราวกับบางสิ่งบางอย่างมันกำลังจะหายไป  และเธอคงจะไม่ชอบใจแน่หากสิ่งที่ว่านั้นคือเขา

     

    ร่างบางวิ่งตรงไป  แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ก็ตาม  เพราะเขาเองก็โดดเรียนไปตั้งแต่คาบสองแล้ว  บางทีอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็เป็นได้  แต่กระนั้น...เธอก็ยังคงวิ่งไปอย่างที่ไม่คิดจะหยุด

     

     

    ลัลทริมายืนหอบน้อยๆ เบื้องหน้าคือประตูบานหนึ่งที่กำลังขวางกั้นระหว่างเธอกับเขาอยู่  ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่จะต้องเปิดประตูบานนั้น  แต่เธอก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปผลักประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆ  และพบว่าคนที่เธอกำลังตามหา...อยู่ที่นี่จริงๆ เสียด้วย

     

    “เอ่อ...” ลัลทริมาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอึกอัก  ด้วยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรที่จู่ๆ ก็พาตัวเองขึ้นมายังดาดฟ้าแห่งนี้  และดูเหมือนคนตรงหน้าที่ในมือมีแก้วกาแฟเย็นอยู่กำลังยืนหันหลังมองออกไปยังสนามหญ้าด้านล่างจะรู้ตัวแล้วว่าเธอมาเยือน  เพราะเขาเพียงแค่ปรายหางตามองมายังเธอเล็กน้อย  แล้วหันกลับไปสนใจสิ่งตรงหน้าต่อ  ทำทีราวกับว่าเธอเป็นเพียงสายลมที่ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้  เหมือนกับเมื่อเช้าที่เขามองเธอ  แล้วก็กลับกลายเป็นถอยห่างไปอย่างไม่สนใจ  ซึ่งมันแปลกต่อวิสัยปกติของเขา “.....การิน”

     

    ร่างสูงที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนนิ่งอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเด็กสาว “มีธุระอะไรยัยแม่มด”

     

    ลัลทริมามองหน้าเขา  พลางคิดในใจว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างออกไป  แต่อะไรล่ะ?  เพราะก่อนหน้าที่จะมาเธอดันคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า  ทำให้วิ่งมาที่นี่โดยที่ไม่ได้ตระเตรียมคำพูดใดๆ ไว้เสียด้วย  ตอนนั้นมันมีแค่ความรู้สึกว่าอยากจะพบหน้าเขาเท่านั้นเอง  แต่พอได้พบจริงๆ  กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร  จะให้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องขึ้นมาหาเขาที่นี่  แล้วถามออกไปตรงๆ ว่า นายเป็นอะไรของนายการิน?  ทำไมอยู่ๆ นายถึงได้เมินฉัน  ทำเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตนหรือไม่มีค่าในสายตาของนายแล้ว อย่างนั้นหรือ?  แบบนั้นมันออกจะเกินความกล้าของเธอไปหน่อย  ถ้าอย่างนั้นจะเปลี่ยนเรื่องพูดเป็น สุขสันต์วันเกิดแทนดีไหม?  แต่ก็นั่นแหละ  ถ้าพูดแบบนั้นออกไป  เรื่องที่อยากจะรู้ก็คงจะไม่มีวันได้รู้เป็นแน่  และมันก็คงจะไม่ทำให้การินกลับมาเป็นเหมือนเดิม  อีกทั้งการินคงจะไม่ชอบใจที่เธอ ยุ่งไม่เข้าเรื่องกับเรื่องวันเกิดของเขาก็เป็นได้  เพราะคนอย่างเขาคงไม่ได้ใส่ใจกับวันเกิดอยู่แล้ว 

     

    “จะพูดอะไรก็พูดมาสิ” การินว่าพลางจ้องหน้าเธออย่างกดดัน  ก่อนจะเผยรอยยิ้มกวนตามแบบฉบับของเขา  “หรืออยากจะมาบอกเรื่องอะไรเกี่ยวกับอาถรรพ์อย่างนั้นรึไง  หือ?  ทำหน้าซะเครียดเชียว  ไปเผลอทำพิธีสาปแช่งใครมา?  หรือว่า...ไปทำใครตายมาล่ะ ?”

     

    คนที่กำลังสับสนกับความคิดของตนเองในคราแรกก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ “นี่!  ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบที่นายว่าทั้งนั้นแหละ  เลิกพูดถึงเรื่องแบบนั้นได้แล้ว”

     

    “หึ  ถ้างั้นมีธุระอะไรล่ะ  ถึงได้ถ่อขึ้นมาหาฉันอย่างนี้น่ะ ?” การินพ่นลมหายใจด้วยท่าทีอารมณ์เสียเล็กน้อย

     

    “ไม่ได้ถ่อขึ้นมาหานายซะหน่อย  แล้วก็...” ลัลทริมาโต้กลับเมื่ออีกฝ่ายว่าใส่เธออย่างอารมณ์เสีย  ก่อนจะต้องชะงักเล็กน้อย...เพราะอันที่จริงแล้วมันก็ถูกอย่างที่เขาพูดมา  ที่เธอถ่อขึ้นมาหาเขาถึงนี่ก็เพราะเธอมีธุระกับเขาจริงๆ นั่นแหละ  แต่ธุระที่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกออกไปได้เลย  “...ไม่มีอะไรหรอก”    

     

    “งั้นก็กลับลงไปซะสิยัยแม่มด  ตอนนี้ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” การินว่าแล้วหันหน้าหนีไปสนใจอย่างอื่น  ไม่สนใจลัลทริมาที่กำลังทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ  เธออุตส่าห์วิ่งขึ้นมาหาเขา เพื่อที่จะโดนเขาไล่กลับไปอย่างนั้นหรือ  ไม่มีทางเสียล่ะ  แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ?  จะถามออกไปตรงๆ หรือ? ไม่ได้หรอก  เพราะถ้าหากการินถามกลับมาว่าทำไมเธอถึงต้องอยากให้เขามายุ่งวุ่นวายด้วย  เธอจะตอบกลับไปว่าอย่างไร  ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...ว่าทำไมถึงได้อยากให้เขาอยู่ใกล้ๆ  ไม่อยากให้เขาถอยห่างหรือทำเป็นไม่สนใจเธอแบบนี้เลย

     

    เธอคงไม่สามารถถามคำถาม...ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจมันได้หรอก

     

    “ฉัน...ไม่รู้สิ  ฉันแค่อยากจะคุยอะไรบางอย่างกับนายเท่านั้นเอง” เธอว่าเสียงเบา  หากแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้การินได้ยิน  เขาหันกลับมามองเธออีกครั้งด้วยท่าทีสงสัยปนสนอกสนใจเล็กน้อย  ซึ่งแทนที่จะดีใจ  กลับกลายเป็นว่าเธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อคิดว่าจะต้องพูดคุยเรื่องนั้นกับเขา “เอ่อ...คือ...คือว่า....”

     

    การินมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เริ่มจะหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที  “น่ารำคาญจริงๆ ยัยแม่มด  ถ้าไม่คิดจะพูดก็กลับไปซะ”

     

    นัยน์ตากลมโตมองเขาด้วยแววแห่งความน้อยใจ  ทำไมเขาจะต้องว่าเธอว่า น่ารำคาญด้วย  ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่น่ารำคาญคือเขาต่างหาก  เขาช่างน่ารำคาญที่มาคอยตามป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเธอ  ช่างน่ารำคาญที่ชอบลากเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายเสมอ  แล้วก็...น่ารำคาญเหลือเกินที่เขามักจะเป็นคนแรกที่เธอนึกถึงเวลาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย  และที่น่ารำคาญที่สุดคือ...วันนี้...เขาเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของเธอแทบจะตลอดเวลาเลยด้วย  ไม่เว้นแม้กระทั่งในความฝัน “คนที่น่ารำคาญน่ะ...มันนายต่างหาก”

     

    “หืมม์?” การินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินว่าเธอต่อว่าเขากลับ   ร่างสูงเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ลัลทริมา  ก่อนใบหน้าคมจะโน้มต่ำลงมาใกล้  พลางมองเธอด้วยแววตาดุดัน “เดี๋ยวนี้เธอกล้าปากดีใส่ฉันแล้วอย่างนั้นเหรอห๊ะ  ยัยแม่มด?  ไม่รู้รึไงว่าผลของการปากดีใส่ฉัน...มันจะจบลงยังไง  ?”

     

    ลัลทริมาหดคอหนี  ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวต่อคำพูดของอีกฝ่าย  แต่เพื่อหลบหลีกใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากใบหน้าของตนไม่ถึงคืบ  เพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ฝังอยู่ในอกซ้ายมันกำลังเต้นผิดจังหวะ “แล้วทำไมฉันจะต้องทนให้นายด่าอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ?”

     

    “ก็เพราะเธอเป็นของเล่นของฉันยังไงล่ะ” การินว่า  และมันทำให้ลัลทริมารู้สึกไม่ชอบใจในคำนี้เหลือเกิน 

     

    ในสายตาของอีกฝ่าย...เธอเป็นได้แค่นั้นจริงๆ เหรอ? 

     

    สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถหาคำใดมาโต้ตอบเขาได้  ร่างบางทำได้เพียงช้อนสายตาขึ้นสบกับเขา...โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาของเธอ...ไม่สามารถซ่อนความเสียใจที่มีอยู่ลึกๆ ได้เลย 

     

    เกิดความเงียบขึ้นเมื่อทั้งคู่จ้องสบตากัน  เป็นความเงียบที่น่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับลัลทริมา  แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้  เธอรู้แค่เพียงว่า...เธออยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แล้ว

     

    “ฉัน...หิวน้ำ” สุดท้ายลัลทริมาก็เป็นคนยุติบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ลงด้วยคำแก้ตัวขุ่นๆ  ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้หิวน้ำอย่างที่ว่าเลยสักนิด  

     

    การินยอมผละออกจากเธอในที่สุด  หากแต่สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเธอของราวกับว่าเขากำลังลังเลใจอะไรบางอย่าง...แล้วดวงตากลมโตสีน้ำตาลดุจเดียวกับเส้นผมของลัลทริมาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น...

     

    ...เมื่อแก้วกาแฟในมือของอีกคนถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของเธอ

     

    ลัลทริมาพูดอะไรไม่ออก  เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะทำแบบนี้  อย่าบอกนะว่าเขายื่นแก้วน้ำให้เธอ...เพราะเธอบอกว่า หิวน้ำ ไปเมื่อครู่  แต่กับคนอย่างการินเนี่ยนะที่จะมีน้ำใจไมตรีให้เธอ  เขาคงคิดจะแกล้งเธอต่างหาก  ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว 

     

    ร่างบางตีสีหน้าไม่พอใจน้อยๆ ใส่เจ้าของแก้วกาแฟ “นายก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบกาแฟ  ยังจะยื่นมาให้ฉันอีกนะ”

     

    เธอรู้แล้วว่าเขาแกล้งเธอแน่นอน  เพราะเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอไม่ชอบกาแฟ  แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น...มือของเธอกลับยื่นไปรับแก้วกาแฟของเขามาไว้ในมือของตนเองเสียแล้ว  ก่อนจะยกมันขึ้นมาดูดชิมรส

     

    ...ขม...

     

    รสชาติเฝื่อนฝาดที่สัมผัสลิ้นของลัลทริมาทำให้เธอเผลอทำหน้าเหยเกเล็กน้อย

     

    การินที่เห็นปฏิกิริยาของเธอดังนั้นก็แสยะยิ้มกวนๆ ให้ “หึ...หึ  ปกติชอบกินชาเย็นไม่ใช่รึไง?  นึกยังไงถึงยอมดูดกาแฟเข้าไปได้  ไหนว่าไม่ชอบไงห๊ะยัยแม่มด”

     

    ร่างบางขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ได้ฟังคำถามของการิน  เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงคว้ากาแฟเย็นมาดื่ม  ทั้งๆ ที่เธอไม่ชอบรสชาติของมันเลยสักนิด  สมองที่กำลังทำหน้าที่ประมวลหาคำตอบก็ดันนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...ตอนที่การินหยิบเอาแก้วชาเย็นของเธอไปดื่ม...บางที....

     

    เด็กสาวก้มหน้างุด  พลางตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “ก็...นานๆ ทีจะเปลี่ยนมั่งไม่ได้รึไง?”

     

    คำตอบของเธอทำเอาร่างสูงชะงักนิ่งไปทันที...ด้วยไม่คิดว่าเธอจะพูดคำนี้ออกมา  และเพราะเขานั้นรู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดของเธออยู่ในที 

     

    เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา  ลัลทริมาก็ยิ่งไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับเขามากขึ้นไปอีก  กลัวว่าบางทีเขาอาจจะกำลังโกรธเธอ...ที่ไปลอกเลียนคำพูดของเขาแบบนั้น  หรือถ้าจะว่ากันให้จริงกว่านั้น...บางทีเธออาจจะไม่ได้กลัวเขาโกรธ  แต่เป็นเพราะเธอกำลังรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมันร้อนวูบวาบจนไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เป็นได้   ถ้าเช่นนั้นแล้ว  การจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เงียบงันและน่าอึดอัดแบบนี้ได้ก็มีเพียงแต่การหาข้ออ้างเพื่อหนีออกไปจากตรงนี้เท่านั้น  “เอ่อ...ฉันว่า  ฉันไปซื้อมาคืนนายดีกว่านะ”

     

    โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา  ลัลทริมาก็หันหลังวิ่งหนีออกมาแล้ว  หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความรู้สึกประหลาด  จะว่าไปเธอก็บ้าเหลือเกินที่ไปรับแก้วน้ำของเขามาดูดต่อ  แถมยังพูดจาอะไรก็ไม่รู้ออกไปอีก

     

    แล้วแบบนั้นมันจะต่างอะไรกับสิ่งที่การินเคยทำล่ะ ?

     

    สิ่งที่เธอคิดว่ามันคือการ...จูบทางอ้อม

     

    “โอ๊ยลัล  แกทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!”  เป็นคำถามที่เธอกล่าวถามตัวเอง  และแน่นอนว่าเธอก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เช่นกัน  แต่ภายใต้ความสับสนของจิตใจ  ลัลทริมาก็อดที่จะอมยิ้มน้อยๆ กับการกระทำเมื่อสักครู่นี้ของการินไม่ได้...ที่เขายื่นแก้วน้ำมาให้เธอ  และพูดถึงเรื่องที่เธอชอบดื่มชาเย็น  เพราะมันทำให้เธอรู้ว่า...จริงๆ แล้วเขาก็พอที่จะใส่ใจเรื่องของเธออยู่บ้างเช่นกัน     

     

    .

    .

    บางทีสิ่งที่เธอกำลังกังวล...มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็เป็นได้

     

     

    บางทีการกระทำของเขา...มันอาจจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจเขาก็เป็นได้

    .

    .

     

    เพราะคำพูดของเธอทำให้เขานิ่งเงียบอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรต่อ  ทั้งที่ความจริงเขาควรที่จะโกรธเธอเสียด้วยซ้ำ  เพราะสิ่งที่เธอทำมันราวกับเป็นการล้อเลียนพฤติกรรมที่เขาเคยได้ทำไป  ทว่าสิ่งที่รู้สึกมันกลับไม่ใช่ความโกรธอย่างที่ควรจะเป็น...ในช่วงที่กำลังคิดกับตนเองอยู่  เด็กสาวตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้างุดมานานก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

     

    “เอ่อ...ฉันว่า  ฉันไปซื้อมาคืนนายดีกว่านะ”  แล้วเธอก็ผละออกจากดาดฟ้าแห่งนี้ไปทันที  ปล่อยให้เขามองตามแผ่นหลังบางนั้นด้วยความรู้สึกสับสนในหัวของตนเอง

     

    ...ยัยบ้าเอ๊ย...

     

    การินละสายตาจากประตูดาดฟ้าที่ร่างบางเพิ่งจะวิ่งลับหายไป  ก่อนจะหันหน้าออกไปให้ความสนใจอย่างอื่นแทน  เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้...หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับลัลทริมา

     

    เพราะวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา...มันเกี่ยวข้องกับเธอมากเกินไปเสียแล้ว

     

    ร่างสูงนึกไปถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงก่อนเช้าตรู่  ช่วงเวลาที่คนโบราณว่ากันไว้ว่าหากฝันในเวลานี้มันจะกลายเป็นความจริง  แต่ทว่าความฝันนี้...มันก็เป็นฝันที่เกิดมาจากเรื่องจริงเช่นกัน...

     

    มันเป็นวันที่เขากับยัยนั่นทะเลาะกันอยู่หน้าห้องปกครองหลังจากที่เขาลากยัยนั่นออกมาจากการโดนตำรวจและอาจารย์ที่ปรึกษาสอบปากคำ  ตอนแรกก็พูดกันดีๆ แล้ว  แต่ยัยนั่นกลับพูดจาไม่เข้าหูเขาเสียได้  ทำให้เขาโกรธจนอยากจะเล่นงานเธอ  แต่ก็ยับยั้งใจตนเองให้อยู่อย่างนิ่งเฉย  ทิ้งไว้เพียงอารมณ์กรุ่นโกรธที่คงจะทำให้เธอหวาดเกรง  แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด  เพราะจู่ๆ ยัยนั่นก็ดันบอกว่าหิวน้ำ  แล้วเดินลับหายไป......กลับมาอีกทีพร้อมกับแก้วน้ำสองใบในมือ...

     

    “คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น  นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”

     

    ...และคำถามที่ไม่เคยมีใครถามเขามาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต

     

     “นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ  งั้นเอากาแฟไป  เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”

     

    แล้วแก้วน้ำเย็นๆ ก็ถูกยัดเยียดเข้ามาไว้ในมือของเขา  ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจยัยนั่นเลยว่าทำไมจะต้องซื้อกาแฟเย็นมาให้เขาด้วย  และไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำไมถึงยอมให้ยัยผู้หญิงคนนั้นยัดกาแฟเย็นใส่มือตนเองได้อย่างง่ายดาย  แถมเขายังดื่มกาแฟแก้วนั้นจนหมดเสียด้วย  ไม่เพียงเท่านั้น  แต่ในตอนที่เขากำลังอารมณ์เสียจากการที่คดีพลิกผันไปจากความคิดของเขาจนทำให้เขาต้องลงมือค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง  เขายังสั่งให้อาจารย์เวรไปหาซื้อกาแฟมาให้ตน  ด้วยเหตุผลที่ว่า กาแฟเย็นอาจจะช่วยให้เขาใจเย็นลงได้’  และนั่นยิ่งทำให้การินไม่เข้าใจตนเองมากขึ้น  ว่าทำไมเขาถึงได้สั่งให้อาจารย์ไปซื้อกาแฟเย็น...ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากจะดื่มมันเลยสักนิด

     

    ตอนที่ดื่มมันครั้งแรกจริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติของมันเป็นแบบใด  จะว่าขมก็ขม...แต่มันก็เป็นความขมที่ชวนให้กรุ่นหอม  เป็นรสชาติแปลกประหลาดแบบใหม่...ที่มาพร้อมความรู้สึกประหลาดที่เขาไม่เคยพบ  แต่หากจะถามว่ามันอร่อยถูกปากหรือไม่นั้น  เขาก็ตอบไม่ได้  จนถึงตอนนี้...เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ดีว่ารสชาติของมันเป็นอย่างไรกันแน่  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้ที่ดื่มมัน  เป็นเพราะความชื่นชอบหรืออย่างไร  ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่เขากลายเป็นคนเสพติดการดื่มกาแฟไปเสียแล้ว

     

    และสาเหตุของมัน...ก็คงจะมาจากยัยตัวดีที่ชอบยัดเยียดกาแฟเย็นให้เขาดื่มเสมอคนนั้นนั่นแหละ  

     

    ร่างสูงถอนหายใจทิ้งอย่างหงุดหงิด  อันที่จริงแล้วในวันนี้ของทุกๆ ปี  เขาไม่เคยคิดที่จะมาโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ  ยกเว้นเสียแต่ว่ามันจะมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น  แต่เพราะความฝันบ้าๆ นั่นมันดันมาเกิดขึ้นในวันนี้พอดี...ความฝันที่มียัยนั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง...จนมันทำให้เขานึกถึงเรื่องเก่าๆ  และทำให้เขาอยากจะพบหน้ายัยนั่นขึ้นมาอย่างที่เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุ  สุดท้ายจึงต้องพาตัวเองมาโรงเรียนด้วยความรู้สึกงุนงงอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน 

     

    แต่ดูเหมือนเขาจะผิดหวังจากความต้องการของตนเอง  เมื่อพบว่ายัยนั่นไม่เข้าเรียนในคาบแรก  ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก  ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรถึงได้ขาดเรียนไปอย่างนี้  ทั้งที่ปกติแล้วเป็นเด็กดีจะตายไป  การินคิดเรื่องของเธอไปเรื่อยๆ จนตัวเองยังต้องสะดุ้ง

     

    ทำไมเขาจะต้องไปใส่ใจหรือสนใจกับเรื่องของเธอด้วย  ในเมื่อเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง

     

    ถึงจะคิดแบบนั้น  แต่สุดท้ายแล้วการินก็ตัดสินใจลุกออกจากห้องเมื่อคาบแรกจบลงโดยที่ยัยแม่มดไม่ได้โผล่มา  เพื่อที่จะไปบ้านของเธอให้รู้แล้วรู้รอด  แต่เมื่อเปิดประตูออกมา...เขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในความคิดของเขา...กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง

     

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...แทนที่จะต่อว่าหรือกระแทกแดกดันเจ้าหล่อนอย่างปกติที่เคยทำ  เขากลับพูดอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น  สิ่งที่อยู่ในหัวคือความคิดที่กำลังตีกันอย่างสับสน  ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อยากจะพบหน้าเธอ  แต่พอได้พบเข้าจริงๆ มันกลับทำอะไรไม่ถูก  สุดท้ายการินก็เลือกตัดปัญหาด้วยการนิ่งเฉย  เขาเดินเบี่ยงตัวหลบเธอออกมา  พลางคิดกับตนเองว่าไม่เข้าไปยุ่งกับเธอจะเป็นการดีกว่า  เพราะเขารู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์ของตนเองไม่คงที่อย่างเช่นปกติทุกวัน  และมันคงทำให้เธอชอบใจที่เขาไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย  แต่ก็ผิดคาด...เพราะเธอกลับเป็นฝ่ายวิ่งตามเขาแทนเสียได้  พร้อมกับคำถามว่า เขาอยากได้อะไรรึเปล่า?’  ซึ่งมันทำให้การินอดที่จะประหลาดใจนิดๆ ไม่ได้  คำถามแบบนี้...ในวันแบบนี้...ต่อให้ไม่ฉลาดก็น่าจะพอคิดได้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ ของขวัญวันเกิดอย่างแน่นอน  เขาจึงแสยะยิ้มให้เธอพร้อมตอบในสิ่งที่ใจคิดออกไป...ทั้งที่ปกติแล้ว...เขาไม่ค่อยจะพูดอะไรตรงตามใจตัวเองนักหรอก  แต่สิ่งที่เขาบอกเธอออกไป...ก็ใช่ว่าจะมอบให้กันได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน  เพราะเท่าที่เขารู้...มันก็มีแค่ 2 วิธีเท่านั้น 

     

    คือผ่านทางการจูบ  ซึ่งข้อนี้ยัยโง่นั่นไม่มีทางทำแน่ๆ  และเขาก็คงไม่ยินดีให้เธอทำเช่นกัน 

     

    ส่วนอีกข้อ...คือการที่เธออยู่ข้างๆ เขาตลอดไปในฐานะ...ของเล่น 

     

    แต่ก็อย่างที่บอกว่ายัยแม่มดค่อนข้างจะโง่พอตัวทีเดียว  เธอไม่มีทางคิดหาคำตอบได้แน่ๆ ว่าจะมอบญาณอาถรรพ์ให้เขาได้อย่างไร  เพราะฉะนั้นแล้ว...ก็คงจะต้องรอลุ้นว่าของขวัญที่เขาจะได้จะเป็นอะไรกันแน่  แม้จะเสียดายนิดๆ ก็ตามว่าหากไม่ใช่ญาณอาถรรพ์แล้ว...มันจะไปสนุกอะไร  เมื่อคิดได้แบบนี้...ก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

    แล้วการินก็เลือกที่จะเดินหนีออกมา  เพื่อไปหาสถานที่สงบๆ ที่จะใช้รอคอยเธอ...จนกระทั่งเธอขึ้นมาพบเขาที่ดาดฟ้านี้  เขาได้ยินเธอเรียกชื่อเขา  แต่เมื่อปรายตาไปมองก็ต้องทำให้การินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา  เพราะเธอดันขึ้นมาโดยไม่ได้พกอะไรที่น่าจะเป็นของขวัญมาด้วยเลยสักนิด 

     

    อันที่จริงเขาไม่คาดหวังว่าตัวเองจะต้องได้ของขวัญวันเกิดหรอก  แต่ก็อดจะคาดหวังเล็กๆ ไม่ได้ว่าถ้าหากยัยแม่มดจะให้ของขวัญกับเขาสักชิ้นแล้ว...เจ้าของขวัญที่ว่านั้นมันจะเป็นอะไร ?

     

    และมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าเธอมีทีท่าแปลกๆ  คล้ายอยากกับจะพูดอะไรสักอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็สามารถคาดเดาได้  จนสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่พูด  มันจึงทำให้เขาต่อว่าเธอไปอย่างอารมณ์เสีย  และเธอก็กล้าตอบโต้กลับมาว่า คนที่น่ารำคาญคือเขาต่างหาก  ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาค่อนข้างจะโกรธกับคำพูดของเธอมากพอสมควร  จึงตอบโต้กลับไปด้วยถ้อยคำที่เธอไม่ชอบใจ  และนั่นเองที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองทำผิดพลาดไป...เพราะสายตาของเธอที่มองตอบกลับมา...มันเป็นสายตาที่พยายามจะเก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้  แต่ยัยแม่มดนั่นคงจะไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นพวกอ่านง่าย  สิ่งที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้...มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก

     

    บ่อยครั้งไปที่ยัยแม่มดชอบทำสายตาเหมือนจะร้องไห้  และเขาก็ไม่ได้แพ้สายตาอะไรแบบนั้นของยัยนั่นเลยสักนิด  เพราะก็มีหลายครั้งที่เขาออกจะรู้สึกสะใจเวลาเห็นยัยนั่นร้องไห้  เพราะฉะนั้น...เขาไม่ได้รู้สึกผิดอย่างแน่นอน  การินบอกตัวเองอย่างนั้น...ไม่ได้รู้สึกผิด  และก็ไม่เห็นจะต้องรู้สึกผิดอะไรเลยด้วย (แต่ก่อนหน้าที่จะคิดแบบนี้  เขาก็รู้สึกว่าตนเองทำผิดพลาดไม่ใช่หรือ?)

     

    การินยอมผละออกเมื่อได้ยินเธอบอกว่า หิวน้ำ’  ก็อย่างที่บอกว่าเธอน่ะอ่านง่าย  แค่มองตาเขาก็รู้แล้วว่าเธอโกหก  แต่จะเล่นตามน้ำสักหน่อยจะเป็นไรไป?  แม้ลังเลใจที่จะทำ  แต่การินก็ยื่นแก้วกาแฟเย็นในมือเขาให้กับเธอไป  ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าเจ้าหล่อนต้องไม่พอใจ  เพราะเธอชอบดื่มชาเย็น  ไม่ใช่กาแฟเย็น  แต่ก็อดจะประหลาดใจน้อยๆ ไม่ได้ตอนที่เธอรับเอาแก้วกาแฟเย็นของเขาไปดูด  ทั้งที่คิดจะแกล้งกวนเล่นๆ  ไม่ได้คิดว่าเธอจะดื่มมันจริงๆ  แล้วคำตอบของเธอก็ทำให้เขาต้องตะลึงงัน...

     

    เด็กหนุ่มหยุดความคิดของตนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดมายังดาดฟ้าแห่งนี้  สถานที่ซึ่งเขามักจะขึ้นมาอยู่เป็นประจำ  จนทุกคนในโรงเรียนนี้รู้ดีว่ามันคือพื้นที่ของเขา  และคนที่กล้ารุกล้ำเข้ามาใน พื้นที่ส่วนตัวของเขาก็มีเพียงแค่...คนคนเดียวเท่านั้น

     

    ร่างบางของลัลทริมาดันประตูดาดฟ้าเข้ามา...และในมือของเธอคือแก้วน้ำสองใบ  ซึ่งเธอก็คงจะไปซื้อกาแฟมาคืนเขาอย่างที่เธอได้บอกเอาไว้  ส่วนอีกแก้ว...ก็คงจะเป็นชาเย็นของเธอเอง

     

    “เอ่อ...” ลัลทริมาเปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูประหม่าและแววตาที่ดูกังวล  ก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายลงคอ แล้วนัยน์ตากลมโตก็ฉายแววความมุ่งมั่นออกมาแทนราวกับตัดสินใจทำในบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว

     

    “ชาเย็นกับกาแฟเย็น  นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน” 

     

    นัยน์ตาสีดำขลับเบิกกว้างเล็กน้อยกับคำถามที่ได้ยิน...แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบอะไรไปทั้งสิ้น

     

    ...ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้คำตอบ  แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งจะนึกถึงเหตุการณ์แบบนี้ไปเมื่อครู่  เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วครั้งหนึ่ง...และเกิดขึ้นอีกครั้งในความฝันของเขา...แล้วมันก็กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในตอนนี้...ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ

     

    ความบังเอิญที่มากเกินไป...

     

    “นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ  งั้นเอากาแฟไป  เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”

     

    ...หรือจงใจกันแน่?

     

    แก้วกาแฟเย็นถูกยัดเยียดเข้ามาในมือของเขาอีกครั้ง  ทว่าการินไม่ได้ใส่ใจมันแม้แต่น้อย  นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำหรี่ลงจ้องคนตรงหน้าอย่างคิดจะจับผิด 

     

    ลัลทริมาที่เห็นอีกคนจ้องมองเธอแบบนั้นก็ยิ่งอึกอักเข้าไปใหญ่  “เอ่อ...ฉันไปดีกว่า  ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”

     

    “คิดจะเล่นตลกอะไรของเธอยัยแม่มด ?”

     

    การินหยุดร่างที่กำลังจะวิ่งหนีไปอีกครั้งด้วยคำถามเสียก่อน  ทำให้เธอหันมามองเขาอย่างงงๆ  ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง

     

    “มะ...ไม่ได้จะเล่นตลกอะไรสักหน่อย”

     

    “แล้วคำถามเมื่อกี้มันอะไรกัน?”  ร่างสูงจ้องพลางเดินเข้าไปใกล้เธอ

     

    ร่างบางมีท่าทีอึกอักมากยิ่งขึ้นเนื่องจากรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกคนตรงหน้าไล่ต้อนอยู่ “ไม่มีอะไรนี่  ก็แค่ถาม”  แต่เพราะสายตาที่จ้องมาอย่างเอาจริงเอาจังนั้นทำให้เธอไม่กล้าที่จะปิดบังสิ่งที่คิดอยู่ในใจได้  จึงต้องยอมเอ่ยออกมาที่ในที่สุด  “ฉัน...ฝันถึงเรื่องเมื่อก่อนเฉยๆ  ก็เลยแค่ถามดู  เพราะอยากรู้ว่านายจะตอบยังไง  แต่นาย..ก็ไม่ได้ตอบคำถามเหมือนกับตอนนั้นอยู่ดี  ก็เลยยัดกาแฟเย็นใส่มือนาย...แค่นั้นเอง”

     

    ...ฝัน...

    ..........เหมือนกันงั้นเหรอ ?

     

    “หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” ร่างสูงหัวเราะออกมาเสียงดัง  รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก  ยัยแม่มดนี่สร้างความประหลาดใจให้กับเขาได้เสมอ  เพราะอย่างนั้น...เขาถึงคิดว่าเธอไม่น่าเบื่อเหมือนกับของเล่นชิ้นอื่นๆ ที่เคยมี  มือข้างที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผลยกขึ้นไปบีบแก้มของเธอ...อย่างที่เขามักจะทำเป็นประจำเวลาโกรธเธอ 

     

    เพียงแต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่ความโกรธ

     

    การินก้มหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าของร่างบางที่แสดงท่าทีตื่นตระหนก  ก่อนจะเอ่ยชื่นชมเธออย่างจริงใจ   แล้วผละออกห่างจากเธอด้วยรอยยิ้มที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็น  “เธอนี่มันสมกับเป็นยัยแม่มดจริงๆ”

     

    คำชื่มชมตามแบบฉบับของเขาน่ะนะ

     

    เด็กสาวผู้ถูกกระทำมองเขาอย่างไม่เข้าใจ  แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้าง  แต่กระนั้นเธอก็ยังคงเลือกที่จะพูดในสิ่งเธอที่คิดออกมา “การิน...ที่จริงแล้ววันนี้...ฉันมีเรื่องกังวลใจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาย  แต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่เป็นไรแล้วล่ะ  แล้วก็...สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับนายอีกอย่างหนึ่งก็คือ  วันนี้เป็นวันเกิดของนาย  และมันกะทันหันไปหน่อย  ฉันเลยหาของขวัญให้นายไม่ได้  เพราะฉะนั้น... ถือซะว่ากาแฟเย็นแก้วนั้นเป็น...เอ่อ...ของขวัญก็แล้วกันนะ”

     

    การินขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ  เขามองเธออย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก  ทั้งที่ถ้าเป็นปกติแล้ว...สมองของเขาน่าจะสามารถประมวลคำพูดของเธอได้อย่างรวดเร็ว  แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้ทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดสำหรับเขา  นั่นทำให้การินไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดนัก  ในช่วงที่กำลังเรียบเรียงความคิดในหัวให้เข้าที่  เสียงของเธอก็ดังขึ้น

     

    “สุขสันต์วันเกิดนะ”

     

    และมันทำให้คิดได้ในที่สุด  การินอดที่จะตกตะลึงไม่ได้  ด้วยไม่คาดคิดว่าของขวัญที่คาดหวังว่าจะได้เห็นจากเธอ...จะมาในรูปแบบของเครื่องดื่มที่เขาดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว  ซึ่งหากว่ากันตามตรง  มันออกจะเป็นของขวัญที่หาได้ง่าย  ต่างจากญาณอาถรรพ์ที่หาได้ยากยิ่งมากทีเดียว  จึงไม่คิดว่าสิ่งที่จะให้มา...จะเป็นกาแฟเย็นแก้วนี้  มันเป็นของขวัญที่เกินการคาดเดาของเขาจริงๆ  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกพึงพอใจเล็กๆ ที่ได้รับมัน  เพราะเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้...เป็นของสิ่งแรกที่เขาเคยได้รับมาจากเธอ “หึ...หึ  บางทียัยโง่...ก็คิดอะไรดีๆ เป็นเหมือนกันนี่”

     

    แม้จะไม่เข้าใจกับท่าทางและคำพูดของร่างสูง  แต่ลัลทริมาคาดเดาว่าคงจะโกรธที่เธอยุ่งไม่เข้าเรื่องก็เป็นได้  ร่างบางจึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนี  หากแต่ข้อมูลกลับถูกมือแกร่งกว่าคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน  นั่นทำให้เธอยิ่งตระหนกตกใจ  เพราะกลัวคราวนี้อาจจะโดนเขาเกลียดและทำร้ายร่างกายเข้าให้  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่การที่เธอถูกกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา  แต่เป็นเพียงว่า..

     

    แก้วชาเย็นที่อยู่ในมือของเธอถูกดึงออกไปแทน

     

    ลัลทริมาหันกลับมามองหน้าการินอย่างงงๆ  แต่เธอกลับพบเพียงรอยยิ้มกวนประสาทเท่านั้น

     

    “ถ้าจะพูดแบบนั้น...งั้นฉันขอรับชาเย็นไปเป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นด้วยละกัน”

     

    “เอ๊ะ?” เด็กสาวมีสีหน้าไม่เข้าใจการกระทำของเขาอย่างเห็นได้ชัด  ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยถามอะไรออกมา  เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน  ลัลทริมาล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรง  ก่อนจะเบือนหน้าหนีจากการินเพื่อรับสาย

     

    ลัล อาจารย์จะเข้าแล้วนะ แกอยู่ไหนเนี่ย

     

    เป็นเพื่อนสาวของเธอนั่นเองที่โทรมาตาม “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ลัลทริมากล่าวตอบ  ก่อนจะวางสายจากเพื่อน  แล้วหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

     

    “อาจารย์จะเข้าแล้ว  ถ้ายังไงฉันไปก่อนดีกว่า  แล้วก็...สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะการิน” แล้วร่างบางก็เปิดประตูเดินออกไปทันที  โดยที่การินเองก็ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้  เขาเพียงมองตามแผ่นหลังบางนั้น  ก่อนจะละสายตาเมื่อประตูที่กั้นดาดฟ้าเอาไว้ปิดลง

     

    นัยน์ตาคมสีดำมองแก้วชาเย็นที่อยู่ในมือขวา...ที่ไอเย็นของมันแผ่ซึมออกมาจนผ้าพันแผลเริ่มจะชุ่มเล็กน้อย  ทว่าความเย็นนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้มือของเขาชาแต่อย่างใด  กลับกัน...มันกลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก  หากจะหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกนี้...ก็คงบอกได้ว่ามันใกล้เคียงกับคำว่า...

     

    ...อบอุ่น...

     

    “หึ  ของขวัญวันเกิดงั้นเหรอ...”

     

    ชาเย็นกับกาแฟเย็น...เทียบค่ากับญาณอาถรรพ์ไม่ได้เลยสักนิด  แต่...ก็เป็นของขวัญที่ไม่เลวเลย

     

    การินนึกถึงคนที่เพิ่งจะวิ่งลับหายไปเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้  แล้วเสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา  เขาวางแก้วน้ำลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู  ก็พบกับข้อความของร่างบางคนเมื่อครู่

     

    จะไม่เข้าเรียนเหรอ?

     

    “ยุ่งเข้าไม่เข้าเรื่องจริงๆ ยัยแม่มด” การินพิมพ์ข้อความตอบกลับไป 

     

    ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเป็นเพียงเรื่องบ้าๆ สำหรับเขา  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝัน  ความรู้สึกที่อยากจะพบหน้ายัยนั่น  หรือแม้กระทั่งเรื่องของขวัญวันเกิดที่คาดหวังว่าจะได้รับ  ทั้งหมดมันล้วนแล้วแต่บ้าบอทั้งสิ้น  แต่มันกลับทำให้ร่างสูงอดที่จะยกยิ้มมุมปากไม่ได้ 

     

    บางที...เรื่องบ้าๆ  มันก็คงจะเหมาะกับคนบ้าๆ แบบเขา

     

    ...ก็ถึงได้บอกไงว่าเธอน่ะ  มันสมกับเป็นยัยแม่มดจริงๆ...

     

    ยัยแม่มดที่เป็นของเล่น...ชิ้นพิเศษ

     

    เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง  การินเปิดอ่านข้อความของ ยัยคนยุ่งไม่เข้าเรื่องที่ส่งคำต่อว่ากลับมาให้เขาเสียยาวเหยียดจนเขาขี้เกียจจะพิมพ์ตอบกลับไป  แต่ถ้าไม่ได้ต่อว่าเธอคืนภายในวันนี้...มันก็คงจะทำให้เขาอึดอัดใจน่าดู 

     

    ร่างสูงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ชิ  คาบวิทย์อย่างนั้นเหรอ  น่าเบื่อ”  จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋า  พร้อมๆ กับที่เสียงออดเข้าเรียนคาบบ่ายดังขึ้น 

     

    .

    .

    เสียงประตูดาดฟ้าปิดลง...เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบ หากแต่ดาดฟ้าแห่งนี้หาได้ว่างเปล่าไม่  เพราะตอนนี้...สถานที่แห่งนี้...

     

    ...มีแก้วน้ำสองใบถูกตั้งทิ้งไว้คู่กัน...

     

    ...ชาเย็นกับกาแฟเย็น...

     

     

     

    - FIN -






    สำหรับเรื่องนี้...ใครที่ไม่เคยอ่านการิน นิยายเล่ม 1 กับการินคอมมิคคดีที่ 8 อาจจะงงๆ กันบ้างนะคะ 55.
     

    สุดท้ายนี้ก็...สุขสันต์วันเกิดนะการิน <3



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×