คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [OS รินลัล] Iced milk tea, iced coffee, memories and happy birthday
และฟิคเรื่องนี้มีเป็นเรื่องราวของคนสองคน...กับความรู้สึกที่พวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้
“คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”
เธอยืนมองอีกคนที่ยังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ตอบคำถามของเธอ
“นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ งั้นเอากาแฟไป เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”
ว่าพลางยิ้มหวาน แล้วยัดกาแฟเย็นใส่มืออีกคนไป
.
.
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งนิทราลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มือบางเปะป่ายไปทั่วหัวเตียงเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะคว้าได้แล้วกดรับทันที
“สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
‘ยังไม่ตื่นอีกเหรอลัล?’
เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยคำถามกลับมา ทำให้ลัลทริมารับรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนโทรเข้ามารบกวนการนอนของเธอ “มีอะไรเหรอนี? โทรมาแต่เช้าเชียว”
‘เช้าบ้าอะไรของเธอน่ะ นี่มันแปดโมงกว่าแล้วนะ จะไม่มาเรียนรึไง??’
เพียงได้ยินคำว่า ‘แปดโมงกว่า’ จากอีกฝ่าย ดวงตาที่เคยสะลึมสะลือก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ลัลทริมาลุกพรวดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว พลางตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะนี ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ แล้วจะรีบไป เจอกันที่โรงเรียนนะจ๊ะ” โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร ลัลริมาก็รีบตัดสายทิ้งทันที ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
ไม่บ่อยนักที่เด็กรักเรียนอย่างลัลทริมาจะตื่นสายแบบนี้ ปกติเธอมักจะตื่นแต่เช้าเพราะมีเรื่องกังวลใจจนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ หรือบางคืนก็มักจะฝันร้ายจนต้องสะดุ้งตื่นก่อนเวลาอยู่เสมอ แต่กับครั้งนี้มันไม่ใช่...ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอกังวล และเธอก็ไม่ได้ฝันร้ายเสียด้วย
เมื่อนึกถึงเรื่องความฝัน...ลัลทริมาก็พลันคิดถึงฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน เป็นความฝันธรรมดาแต่ออกจะสร้างความประหลาดใจให้กับเธอได้ไม่น้อย ก็ในเมื่อมันเป็นความฝันที่มี ‘การิน’ อยู่ด้วย แต่มันกลับไม่ใช่ฝันร้ายอย่างที่ควรจะเป็น...แต่จะพูดว่าเป็นฝันดีก็คงจะไม่ใช่ เพราะมันเป็นฝันที่เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงในอดีต
เหตุการณ์ตอนที่เธอตามหาฆาตกรที่ต้องการทำพิธีเปลี่ยนชีพ ในตอนนั้นเองที่เธอได้รู้จักกับการิน และร่วมมือกับเขาเพื่อยุติพิธีกรรมนั้นให้ได้ แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะทำเพียงแค่ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเพียงแค่นั้นก็ตาม แต่สุดท้ายก็มีคำถามที่เขาไม่สามารถให้คำตอบกับเธอได้
“คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”
..ถึงแม้จะเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเลยก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ถ้าถามคำถามนี้ออกไปอีกครั้ง คำตอบจะออกมาเป็น ‘กาแฟเย็น’ หรือเปล่า หรือการินจะยังตอบไม่ได้อีกเช่นเคย
...แต่จะว่าไป ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็เห็นหมอนั่นกินแต่กาแฟเย็นนี่นะ...
นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลกรอกไปมาเล็กน้อยด้วยความสงสัย ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าหากในตอนนั้นเธอเลือกซื้อชาเย็นกับนมเย็นมา แล้วยัดแก้วนมเย็นใส่มือการินไป การินจะยังคงดื่มเจ้าเครื่องดื่มสีชมพูหวานจ๋ามาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่านะ
...แล้วทำไมเราต้องมานั่งคิดถึงเรื่องของการินด้วยเนี่ย...
เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าคิดถึงเรื่องของอีกคนมากเกินไป ลัลทริมาจึงรีบสะบัดหัวไล่ใบหน้าของการินให้ออกไปจากความคิดของเธอเสีย แล้วเหลือบตามองดูนาฬิกาติดผนังที่เข็มหน้าปัดชี้บอกว่าขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาสามสิบห้านาทีแล้ว เท่านั้นลัลทริมาก็รีบแต่งตัวให้เสร็จโดยเร็วไว
ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบมาขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ป้ายรถหน้าปากซอยบ้าน จะว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ตอนนี้เป็นเวลาสายพอสมควร ทำให้รถประจำทางที่ปกติจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คนดูจะว่างมากพอที่จะมีเบาะว่างให้ร่างบางเลือกนั่งได้ตามสบาย
ลัลทริมาเลือกนั่งตรงเบาะเดี่ยว พลางทอดสายตามองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง ก็ต้องพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีชมพูสดใส
...พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้วสินะ...
ถึงแม้จะเป็นวันแห่งความรักก็ตามที แต่สำหรับลัลทริมาที่ไม่ได้สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจมันเลยเสียทีเดียว เพราะวันวาเลนไทน์ที่ว่าตรงกับวันเกิดของเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งของเธอพอดี...วันเกิดของ ‘โชติกาล’
...แต่จะว่าไปแล้ว วันนี้เป็นวันเกิด ‘หมอนั่น’ นี่นา...
พอคิดถึงหมอนั่นที่ว่าขึ้นมา ใบหน้ามึนงงที่ปรากฏในความฝันเมื่อคืนก็หวนกลับเข้ามาในความคิดของเธออีกครั้ง ทำเอาลัลทริมาถึงกับสะดุ้ง รีบเปลี่ยนเรื่องคิดในหัวใหม่แทบจะทันที ก่อนจะต้องสะดุ้งยิ่งกว่าเดิมเมื่อพบว่าเธอมัวแต่คิดเพลินไปหน่อยจนตอนนี้รถโดยสารประจำทางจอดตรงป้ายหน้าโรงเรียนนิศาพาณิชย์พอดี ทำให้ลัลทริมารีบลุกพรวดพราดไปกดกริ่งลงก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก
“วันนี้เป็นอะไรไปนะเรา สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย” ลัลทริมาพึมพำกับตนเอง แล้วเดินเข้าโรงเรียนด้วยอาการเนือยๆ มือคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าจวนจะได้เวลาหมดคาบแรกแล้ว เธอจึงรอเข้าเรียนคาบสองเสียเลย
ลัลทริมาเดินขึ้นตึกเรียนมาช้าๆ อย่างไม่ได้รีบร้อนเพื่อเป็นการฆ่าเวลาที่เหลืออยู่ให้หมดไปด้วย และเมื่อเดินมาถึงชั้นเรียนของตนก็มองเห็นว่าอาจารย์ผู้สอนคาบแรกเปิดประตูออกมาจากห้องเรียนพอดี เธอรอให้อาจารย์เดินลับไปก่อนแล้วจึงวิ่งไปยังประตูห้องเรียนของตนเอง
มือบางเอื้อมเปิดประตูบานเลื่อน ทว่าเธอกลับต้องชะงักมือเสียก่อน เพราะประตูเบื้องหน้ากลับถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ข้างใน...และคนคนนั้นก็ดันเป็นคนที่อยู่ในความฝันและความคิดของเธอมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อเช้าเสียด้วย
“การิน” เธอเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ร่างสูงกลับทำเพียงมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีการกล่าวทักทายหรือประชดประชันด้วยเรื่องอาถรรพ์อย่างที่มันควรจะเป็น นั่นจึงทำให้ลัลทริมารู้สึกแปลกใจไม่น้อย “เอ่อ...มีอะไรรึเปล่า ?”
การินไม่ตอบคำถาม เขาทำเพียงละสายตาออก และเดินเบี่ยงตัวหลบเธอ ก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ ทำทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือจะบอกว่าไม่เห็นเธออยู่ในสายตาดี ?
“เดี๋ยวการิน!”
ลัลทริมาตะโกนเรียกชื่อเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไปไกลมากกว่านี้ ฝ่ายคนถูกเรียกหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา ทำให้ลัลทริมาตัดสินใจวิ่งไปหาเขาเอง พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนหอบ “นาย...อยากได้อะไรรึเปล่า ?”
คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจในคำถามของเธอ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกวนๆ ในแบบฉบับของเขาออกมา “ก็ญาณอาถรรพ์ไงเล่า”
“นี่ ฉันจริงจังนะ” ร่างบางว่าอย่างที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขามากนัก เพราะหากไม่พูดอย่างตรงประเด็น บางทีเธอคงไม่มีวันได้คำตอบที่ต้องการจากเขาแน่
ร่างสูงมองสบตาเธอ รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่เลือนหายไป เหลือเพียงใบหน้าเรียบนิ่งเท่านั้น “ถ้าให้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาถามหรอกว่าฉันต้องการอะไร” พูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก็เดินจากไปทันที ปล่อยให้ลัลทริมาได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งอากัปกิริยาและสายตาคู่นั้นที่จ้องมองเธอมันดูเรียบเฉย...แต่ก็มีแววแห่งความสับสนฉายออกมาเล็กน้อย (ถ้าหากว่าเธอมองไม่ผิด) ทั้งที่ตามปกติแล้วนัยน์ตาสีดำลึกลับคู่นั้นมักจะมองเธอด้วยแววแห่งความริษยา เย้ยหยัน กดดัน หรือบางครั้งก็...อ่อนโยน
...นายเป็นอะไรของนายกันการิน...
“ลัล เข้าเรียนได้แล้ว” เสียงเพื่อนตะโกนเรียกดังอยู่ที่หน้าห้องเรียน ทำให้เด็กสาวตัดใจจากสิ่งที่ตนอยากจะรู้ แล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องเรียน
ส่วนการิน...ดูท่าว่าเขาจะโดดเรียนคาบที่สองเสียแล้ว
ตลอดเวลาที่นั่งเรียน ลัลทริมาแทบจะไม่ได้สนใจเนื้อหาในวิชาเรียนเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะตอนนี้สมองของเธอคิดถึงแต่เรื่องของอีกคน...คนที่อยู่ในความฝัน
วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เธอควรจะมอบอะไรให้เขาดี ? ที่สำคัญไปกว่านั้นคือท่าทางของเขาที่มีต่อเธอ มันดูเหินห่างเย็นชาอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุ
ถ้าเช่นนั้นแล้ว เธอควรจะมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ดีหรือไม่ เพราะบางทีการมอบในสิ่งที่เขาต้องการ...อาจทำให้เขากลับมาเป็นการินคนเดิมได้
แต่ก็นั่นแหละ เป็นเพราะมานึกออกได้เมื่อเช้าว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมหาของขวัญให้ ที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยว่าเขาอยากจะได้อะไร
“ก็ญาณอาถรรพ์ไงเล่า”
เสียงของการินดังขึ้นในความคิดของเธออีกครั้ง
...ญาณอาถรรพ์งั้นเหรอ..? จะมอบให้ได้ยังไงกันล่ะ...
ในเมื่อเป็นญาณอาถรรพ์ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรจะมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่เขา มันควรจะเป็นสิ่งไหน และสิ่งใดคือสิ่งที่เขาจะชอบใจหากได้รับมันไป และเจ้าสิ่งนั้นจะช่วยเปลี่ยนท่าทีของเขาที่มีต่อเธอในวันนี้ได้หรือไม่
ออดพักเที่ยงดังขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการเรียนสำหรับคาบเช้านี้ได้หมดลงแล้ว นักเรียนในห้องต่างก็เฮฮากันใหญ่ที่ถึงเวลาพักรับประทานอาหารเสียที หลังจากต้องนั่งเรียนมาร่วมสามชั่วโมง
“ไปกินข้าวกันเหอะลัล ฉันหิวมากเลยเนี่ย นั่งท้องร้องทั้งคาบเลย” เอมิกาเอ่ยชักชวนลัลทริมา พลางบ่นกระปอดกระแปดถึงเรื่องความหิวของเธอ
“แหม...เมื่อเช้าแกกินไปตั้งเยอะ ยังจะพูดว่านั่งท้องร้องทั้งคาบอีกนะ” สาวแว่นเอ่ยแขวะเพื่อนสนิทอย่างเอมิกา ทำให้ทั้งคู่อดที่จะมองเขม่นใส่กันเสียไม่ได้
แล้วเอมิกาก็หันกลับมาสนใจลัลทริมาแทน “เอ้อ มื้อเที่ยงนี้เราออกไปกินข้างนอกเหอะ ร้านอาหารตามสั่งที่เพิ่งมาเปิดใหม่ในซอยข้างโรงเรียนอร่อยมากเลยนะ ไปกินกัน”
ลัลทริมาพยักหน้าตอบเพื่อน ทำให้เอมิกายิ้มกว้างก่อนจะหันไปรบเร้ามัณฑินีอีกคนแทน
และเมื่อตกลงกันได้แล้วว่าอาหารมื้อนี้จะไปรับประทานกันที่นอกโรงเรียน ทั้งสามจึงเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วลุกเดินออกจากห้องไปยังสถานที่อันเป็นจุดหมาย
หลังจากที่นั่งรับประทานอาหารกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางกลับมายังโรงเรียน ทว่าเมื่อถึงกลางทาง เอมิกากลับหยุดชะงักฝีเท้าของตน...เนื่องจากมองไปเห็นร้านขนมขนาดใหญ่ที่มีช็อกโกแลตวางเรียงรายอยู่เต็มชั้นวาง
“ขอแวะหน่อยนะ” สาวเจ้าของเรือนผมสีแดงเอ่ย ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปในร้านนั้น ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือได้แต่มองหน้ากัน แล้วเดินตามเอมิกาเข้าร้านไป
บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวันแห่งความรัก แม้ว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ตามที แต่ในร้านก็เต็มไปด้วยคู่รัก และนักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินหอบหิ้วตะกร้าเลือกซื้อช็อกโกแลตกันอยู่
เอมิกาคว้าตะกร้าเล็กๆ มาถือไว้ ก่อนจะพาตัวเองเดินเลือกหาช็อกโกแลตที่ถูกใจ ปล่อยให้มัณฑินีและลัลทริมาเดินดูสินค้าตามใจชอบ จนผ่านไปได้เพียงครู่เดียว สาวผมแดงก็กลับมาหาเพื่อนพร้อมช็อกโกแลตที่เต็มตะกร้าจนเกือบจะล้นออก
มัณฑินีมองเพื่อนอย่างเอือมระอา แม้จะรู้ว่าเพื่อนสาวชอบการกินช็อกโกแลตมากก็จริง แต่... “แกจะซื้อไปทำไมตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีสาวๆ หอบมาให้แกเพียบอยู่แล้วนี่”
“เออ นั่นสิ” เอมิกาที่กำลงชื่นชมช็อกโกแลตในตะกร้าของตนชะงักและคิดตามคำพูดของมัณฑินี ก่อนจะต้องร้องออกมาอีกครั้ง “แต่มันน่ากินจนอดใจไม่ซื้อไม่ได้นี่หว่า”
“กินเยอะขนาดนี้ ถ้าแกอ้วนขึ้นมาเมื่อไหร่นะ ฉันจะหัวเราะเยาะคนแรกเลย” มัณฑินีว่า ก่อนจะหันมาหาลัลทริมา “จริงสิลัล พรุ่งนี้วันเกิดโชนี่”
คำพูดของมัณฑินีทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยอยู่ได้สติหันมาพยักหน้าให้ตอบทันที มัณฑืนีจึงเอ่ยต่อ “ถือโอกาสมอบช็อกโกแลตให้โชเป็นของขวัญเลยสิ”
“เออ ใช่ ไหนๆ ก็ถือโอกาสไปเดตด้วยซะเลยสิ” เอมิกาจึงหันมาเป็นลูกคู่ด้วยอีกคน
ลัลทริมาที่ได้ฟังดังนั้นก็ทำหน้าตาเหรอหราทันที ก่อนจะรีบตอบปฏิเสธกลับไป “ไม่ใช่นะ ฉันกับโชแป็นแค่เพื่อนกันต่างหาก แล้วอีกอย่าง...” พูดไม่ทันจะจบประโยค เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ลัลทริมามองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “สวัสดีจ้ะ...โช”
“แหมๆ พูดถึงก็โทรมาเลยเชียว” เอมิกาและมัณฑินีเอ่ยแซวลัลทริมา
“พวกเธอนี่ล่ะก็...” ลัลทริมาว่าค้อน ก่อนจะแยกออกมาคุยโทรศัพท์กับคู่สนทนาที่ถือสายรออยู่ “ขอโทษทีนะโช พอดีกำลังวุ่นวายนิดหน่อยน่ะ”
‘ไม่เป็นไรฮะ’ เสียงปลายสายตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงสดใสจนทำให้เธอเผลอยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว ‘ว่าแต่ลัลสบายดีนะฮะ’
“อื้ม โชล่ะ”
‘ผมสบายดีฮะ เพียงแต่ช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย’
“ว่าแต่โทรมา...มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ถามพลางขมวดคิ้วสงสัยไปด้วย
ลัลทริมาได้ยินปลายสายหัวเราะน้อยๆ อีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับมา ‘ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ ผมแค่อยากจะโทรมาชวนลัลกับเพื่อนๆ มาที่บ้าน พรุ่งนี้พี่ชัญกับคุณวีเขาจะจัดงานวันเกิดให้ ผมเลยอยากให้เพื่อนๆ มาร่วมงานเยอะๆ ถือเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วย’
เด็กสาวคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นที่โชติกาลว่า เป็นเรื่องที่เธอและเพื่อนๆ ไปที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลวัฒนนุกุลวงศ์ แล้วเกิดเรื่องอาถรรพ์ขึ้นโดยฝีมือของชาคร น้องชายคนเล็กของตระกูล แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็สามารถเอาตัวรอดมาได้...ด้วยความช่วยเหลือของเธอและการิน “เอ่อ ได้สิ เดี๋ยวฉันจะบอกเพื่อนๆ ให้นะ”
‘ขอบคุณฮะ’ น้ำเสียงปลายสายตอบกลับมา มันแฝงเอาไว้ด้วยความปีติยินดีอย่างที่ลัลทริมาเองก็รู้สึกได้ ‘จริงสิฮะ วันนี้วันเกิดการินนี่ ฝากลัลอวยพรเขาแทนผมด้วยนะฮะ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย’
โชติกาลทิ้งท้ายคำพูดไว้สำคัญไว้เพียงเท่านี้ ก่อนเขาจะขอตัววางสายไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเร่งรีบ ซึ่งก็เดาได้ว่าเขาคงจะติดธุระหรือกำลังยุ่งอยู่เป็นแน่ ทำให้ลัลทริมาต้องตกปากรับคำไปอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่ในใจของเธอกล่าวปฏิเสธเสียงดัง เนื่องจากว่าลำพังแค่ตัวเธอเองแล้ว เธอก็ไม่รู้จะอวยพรวันเกิดให้การินอย่างไรดี แล้วนับประสาอะไรกับการอวยพรแทนคนอื่นกันเล่า
ลัลทริมาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ก่อนจะหันมาพบกับสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อนสาวคนสนิททั้งสอง
“เป็นไง? โชโทรมาชวนไปเดตวันพรุ่งนี้เหรอ?” มัณฑินีเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ขึ้นมาทันที ซึ่งลัลทริมาก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
“เฮ้ย!! ได้เรื่องเหมือนกันนี่นา” เอมิกาว่าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง อดจะตื่นเต้นไม่ได้ที่ในที่สุดเพื่อนสาวคนนี้ก็ขายออกเสียที แถมได้คนที่ดีอีกด้วย
“ฟังให้จบก่อนสิ” ลัลทริมารีบพูดก่อนที่เพื่อนทั้งสองของเธอจะเอ่ยแซวอะไรไปมากกว่านี้ “ที่จริงแล้วโชเขาโทรมาชวนพวกเราไปงานวันเกิดที่บ้านเขาต่างหาก โชบอกว่าพี่สาวและแฟนของพี่สาวของเขาจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ เลยอยากจะชวนพวกเราไปด้วยกัน...เพื่อขอบคุณและขอโทษเรื่องตอนนั้นด้วย”
“โถ่เอ้ย ก็นึกว่าจะชวนกันไปเดตแค่สองคนซะอีก” เจ้าของเรือนผมสีแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ก่อนน้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะพรุ่งนี้ฉันกับยัยป้าแว่นก็ว่างอยู่แล้วด้วย ไปด้วยกันเยอะๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน”
“ใช่สิ ก็เรามันคนโสดนี่นา” มัณฑินีว่า แล้วสาวแว่นก็หันไปกระซิบกระซาบกับเอมิกา แต่ลัลทริมาก็พอจะได้ยินว่าทั้งสองสาวนั้นวางแผนจะสร้างบรรยากาศและจับคู่ให้เธอกับโชติกาล ซึ่งลัลทริมาก็แค่ยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน
“งั้นเราไปหาซื้อของขวัญให้โชกันดีกว่า” เอมิกาว่า ทำให้สองสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วทั้งสามก็เดินเลือกซื้อของในร้านนั้นกันอีกสักพัก โดยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับโชติกาล
นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเหลือบมองสินค้าต่างๆ ภายในร้าน ตอนนี้ในมือของเธอมีช็อกโกแลตอยู่หนึ่งกล่องซึ่งจะใช้เป็นของขวัญมอบให้โชติกาล แต่เธอก็ยังคงมองหาสินค้าอย่างอื่น...เผื่อว่ามันจะมีอะไรสักอย่างที่น่าจะมอบให้เขาได้...ชายผู้คลั่งไคล้อาถรรพ์คนนั้น
“ไม่ทราบว่ามีช็อกโกแลตผสมกาแฟ หรือขนมที่ทำเป็นรสกาแฟไหมคะ?” ลัลทริมาเอ่ยถามพนักงานทันทีเมื่อเธอคิดได้ว่าแม้เธอจะไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร แต่ทุกครั้งที่เธอสั่งกาแฟให้เขา เขาก็ไม่เคยปฏิเสธมันเลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าบางที...เขาอาจจะชอบกาแฟก็เป็นได้ หากแต่ทางพนักงานก็ตอบกลับมาว่าทางร้านไม่ได้ทำขนมรสกาแฟเลย เพราะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในวันวาเลนไทน์ ไม่เหมือนพวกช็อกโกแลต ลัลทริมาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน แล้วนำสินค้าที่มีอยู่ในมือไปชำระเงินแทน
หลังจากซื้อของกันเป็นที่เรียบร้อย สามสาวก็เดินทางกลับมายังโรงเรียนเพื่อเรียนคาบบ่ายต่อ พวกเธอทั้งสามตัดสินใจว่าจะขึ้นไปนั่งรอเวลาในห้องเรียน เพราะอากาศภายนอกออกจะร้อนเกินไป และเอมิกากลัวว่าช็อกโกแลตที่ซื้อมาทั้งหมดจะละลายไปเสียก่อน
เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องเรียน และวางกระเป๋าลงแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตก็เหลือบไปยังโต๊ะหลังห้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมันเป็นที่นั่งของ...การิน
“พวกเธอ ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยนะ เดี๋ยวกลับมา” ลัลทริมาหันหน้าไปบอกเพื่อนสาวทั้งสอง ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน...ไปยังสถานที่ที่เธอคิดว่าเขาน่าจะอยู่...
...ที่ดาดฟ้าตึกเรียน
ลัลทริมาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ตัดสินใจไปยังดาดฟ้า แต่เธอรู้แค่ว่า...ตอนที่เธอหันไปมองยังโต๊ะของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุการณ์เมื่อเช้ามันก็หวนเข้ามาในห้วงความคิด สายตาที่จ้องมองมายังเธอนั้น...มันยังคงติดตรึงในใจของเธอมาจนถึงตอนนี้ สายตาที่เธอรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ในทางที่ดีขึ้น แต่มันเป็นแววแห่งความเย็นชาราวกับว่าเขาไม่อยากจะเข้ามาใกล้เธออีก ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงเธอก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่เธอเคยปรารถนา เธอเคยหวังว่าเขาจะไม่มายุ่งกับเธอในสักวัน หากแต่วันนี้ที่สายตาและท่าทีของเขาเปลี่ยนไป มันกลับทำไมเธอรู้สึกกระวนกระวายใจแปลกๆ ราวกับบางสิ่งบางอย่างมันกำลังจะหายไป และเธอคงจะไม่ชอบใจแน่หากสิ่งที่ว่านั้นคือเขา
ร่างบางวิ่งตรงไป แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ก็ตาม เพราะเขาเองก็โดดเรียนไปตั้งแต่คาบสองแล้ว บางทีอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็เป็นได้ แต่กระนั้น...เธอก็ยังคงวิ่งไปอย่างที่ไม่คิดจะหยุด
ลัลทริมายืนหอบน้อยๆ เบื้องหน้าคือประตูบานหนึ่งที่กำลังขวางกั้นระหว่างเธอกับเขาอยู่ ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่จะต้องเปิดประตูบานนั้น แต่เธอก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปผลักประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆ และพบว่าคนที่เธอกำลังตามหา...อยู่ที่นี่จริงๆ เสียด้วย
“เอ่อ...” ลัลทริมาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอึกอัก ด้วยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรที่จู่ๆ ก็พาตัวเองขึ้นมายังดาดฟ้าแห่งนี้ และดูเหมือนคนตรงหน้าที่ในมือมีแก้วกาแฟเย็นอยู่กำลังยืนหันหลังมองออกไปยังสนามหญ้าด้านล่างจะรู้ตัวแล้วว่าเธอมาเยือน เพราะเขาเพียงแค่ปรายหางตามองมายังเธอเล็กน้อย แล้วหันกลับไปสนใจสิ่งตรงหน้าต่อ ทำทีราวกับว่าเธอเป็นเพียงสายลมที่ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ เหมือนกับเมื่อเช้าที่เขามองเธอ แล้วก็กลับกลายเป็นถอยห่างไปอย่างไม่สนใจ ซึ่งมันแปลกต่อวิสัยปกติของเขา “.....การิน”
ร่างสูงที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเด็กสาว “มีธุระอะไรยัยแม่มด”
ลัลทริมามองหน้าเขา พลางคิดในใจว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างออกไป แต่อะไรล่ะ? เพราะก่อนหน้าที่จะมาเธอดันคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ทำให้วิ่งมาที่นี่โดยที่ไม่ได้ตระเตรียมคำพูดใดๆ ไว้เสียด้วย ตอนนั้นมันมีแค่ความรู้สึกว่าอยากจะพบหน้าเขาเท่านั้นเอง แต่พอได้พบจริงๆ กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จะให้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องขึ้นมาหาเขาที่นี่ แล้วถามออกไปตรงๆ ว่า ‘นายเป็นอะไรของนายการิน? ทำไมอยู่ๆ นายถึงได้เมินฉัน ทำเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตนหรือไม่มีค่าในสายตาของนายแล้ว’ อย่างนั้นหรือ? แบบนั้นมันออกจะเกินความกล้าของเธอไปหน่อย ถ้าอย่างนั้นจะเปลี่ยนเรื่องพูดเป็น ‘สุขสันต์วันเกิด’ แทนดีไหม? แต่ก็นั่นแหละ ถ้าพูดแบบนั้นออกไป เรื่องที่อยากจะรู้ก็คงจะไม่มีวันได้รู้เป็นแน่ และมันก็คงจะไม่ทำให้การินกลับมาเป็นเหมือนเดิม อีกทั้งการินคงจะไม่ชอบใจที่เธอ ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ กับเรื่องวันเกิดของเขาก็เป็นได้ เพราะคนอย่างเขาคงไม่ได้ใส่ใจกับวันเกิดอยู่แล้ว
“จะพูดอะไรก็พูดมาสิ” การินว่าพลางจ้องหน้าเธออย่างกดดัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มกวนตามแบบฉบับของเขา “หรืออยากจะมาบอกเรื่องอะไรเกี่ยวกับอาถรรพ์อย่างนั้นรึไง หือ? ทำหน้าซะเครียดเชียว ไปเผลอทำพิธีสาปแช่งใครมา? หรือว่า...ไปทำใครตายมาล่ะ ?”
คนที่กำลังสับสนกับความคิดของตนเองในคราแรกก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ “นี่! ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบที่นายว่าทั้งนั้นแหละ เลิกพูดถึงเรื่องแบบนั้นได้แล้ว”
“หึ ถ้างั้นมีธุระอะไรล่ะ ถึงได้ถ่อขึ้นมาหาฉันอย่างนี้น่ะ ?” การินพ่นลมหายใจด้วยท่าทีอารมณ์เสียเล็กน้อย
“ไม่ได้ถ่อขึ้นมาหานายซะหน่อย แล้วก็...” ลัลทริมาโต้กลับเมื่ออีกฝ่ายว่าใส่เธออย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะต้องชะงักเล็กน้อย...เพราะอันที่จริงแล้วมันก็ถูกอย่างที่เขาพูดมา ที่เธอถ่อขึ้นมาหาเขาถึงนี่ก็เพราะเธอมีธุระกับเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่ธุระที่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกออกไปได้เลย “...ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นก็กลับลงไปซะสิยัยแม่มด ตอนนี้ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” การินว่าแล้วหันหน้าหนีไปสนใจอย่างอื่น ไม่สนใจลัลทริมาที่กำลังทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ เธออุตส่าห์วิ่งขึ้นมาหาเขา เพื่อที่จะโดนเขาไล่กลับไปอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียล่ะ แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ? จะถามออกไปตรงๆ หรือ? ไม่ได้หรอก เพราะถ้าหากการินถามกลับมาว่าทำไมเธอถึงต้องอยากให้เขามายุ่งวุ่นวายด้วย เธอจะตอบกลับไปว่าอย่างไร ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...ว่าทำไมถึงได้อยากให้เขาอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากให้เขาถอยห่างหรือทำเป็นไม่สนใจเธอแบบนี้เลย
เธอคงไม่สามารถถามคำถาม...ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจมันได้หรอก
“ฉัน...ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากจะคุยอะไรบางอย่างกับนายเท่านั้นเอง” เธอว่าเสียงเบา หากแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้การินได้ยิน เขาหันกลับมามองเธออีกครั้งด้วยท่าทีสงสัยปนสนอกสนใจเล็กน้อย ซึ่งแทนที่จะดีใจ กลับกลายเป็นว่าเธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อคิดว่าจะต้องพูดคุยเรื่องนั้นกับเขา “เอ่อ...คือ...คือว่า....”
การินมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เริ่มจะหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที “น่ารำคาญจริงๆ ยัยแม่มด ถ้าไม่คิดจะพูดก็กลับไปซะ”
นัยน์ตากลมโตมองเขาด้วยแววแห่งความน้อยใจ ทำไมเขาจะต้องว่าเธอว่า ‘น่ารำคาญ’ ด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่น่ารำคาญคือเขาต่างหาก เขาช่างน่ารำคาญที่มาคอยตามป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเธอ ช่างน่ารำคาญที่ชอบลากเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายเสมอ แล้วก็...น่ารำคาญเหลือเกินที่เขามักจะเป็นคนแรกที่เธอนึกถึงเวลาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย และที่น่ารำคาญที่สุดคือ...วันนี้...เขาเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของเธอแทบจะตลอดเวลาเลยด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งในความฝัน “คนที่น่ารำคาญน่ะ...มันนายต่างหาก”
“หืมม์?” การินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินว่าเธอต่อว่าเขากลับ ร่างสูงเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ลัลทริมา ก่อนใบหน้าคมจะโน้มต่ำลงมาใกล้ พลางมองเธอด้วยแววตาดุดัน “เดี๋ยวนี้เธอกล้าปากดีใส่ฉันแล้วอย่างนั้นเหรอห๊ะ ยัยแม่มด? ไม่รู้รึไงว่าผลของการปากดีใส่ฉัน...มันจะจบลงยังไง ?”
ลัลทริมาหดคอหนี ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวต่อคำพูดของอีกฝ่าย แต่เพื่อหลบหลีกใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากใบหน้าของตนไม่ถึงคืบ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ฝังอยู่ในอกซ้ายมันกำลังเต้นผิดจังหวะ “แล้วทำไมฉันจะต้องทนให้นายด่าอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ?”
“ก็เพราะเธอเป็นของเล่นของฉันยังไงล่ะ” การินว่า และมันทำให้ลัลทริมารู้สึกไม่ชอบใจในคำนี้เหลือเกิน
ในสายตาของอีกฝ่าย...เธอเป็นได้แค่นั้นจริงๆ เหรอ?
สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถหาคำใดมาโต้ตอบเขาได้ ร่างบางทำได้เพียงช้อนสายตาขึ้นสบกับเขา...โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาของเธอ...ไม่สามารถซ่อนความเสียใจที่มีอยู่ลึกๆ ได้เลย
เกิดความเงียบขึ้นเมื่อทั้งคู่จ้องสบตากัน เป็นความเงียบที่น่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับลัลทริมา แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ เธอรู้แค่เพียงว่า...เธออยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แล้ว
“ฉัน...หิวน้ำ” สุดท้ายลัลทริมาก็เป็นคนยุติบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ลงด้วยคำแก้ตัวขุ่นๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้หิวน้ำอย่างที่ว่าเลยสักนิด
การินยอมผละออกจากเธอในที่สุด หากแต่สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเธอของราวกับว่าเขากำลังลังเลใจอะไรบางอย่าง...แล้วดวงตากลมโตสีน้ำตาลดุจเดียวกับเส้นผมของลัลทริมาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น...
...เมื่อแก้วกาแฟในมือของอีกคนถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของเธอ
ลัลทริมาพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเขายื่นแก้วน้ำให้เธอ...เพราะเธอบอกว่า ‘หิวน้ำ’ ไปเมื่อครู่ แต่กับคนอย่างการินเนี่ยนะที่จะมีน้ำใจไมตรีให้เธอ เขาคงคิดจะแกล้งเธอต่างหาก ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว
ร่างบางตีสีหน้าไม่พอใจน้อยๆ ใส่เจ้าของแก้วกาแฟ “นายก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบกาแฟ ยังจะยื่นมาให้ฉันอีกนะ”
เธอรู้แล้วว่าเขาแกล้งเธอแน่นอน เพราะเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอไม่ชอบกาแฟ แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น...มือของเธอกลับยื่นไปรับแก้วกาแฟของเขามาไว้ในมือของตนเองเสียแล้ว ก่อนจะยกมันขึ้นมาดูดชิมรส
...ขม...
รสชาติเฝื่อนฝาดที่สัมผัสลิ้นของลัลทริมาทำให้เธอเผลอทำหน้าเหยเกเล็กน้อย
การินที่เห็นปฏิกิริยาของเธอดังนั้นก็แสยะยิ้มกวนๆ ให้ “หึ...หึ ปกติชอบกินชาเย็นไม่ใช่รึไง? นึกยังไงถึงยอมดูดกาแฟเข้าไปได้ ไหนว่าไม่ชอบไงห๊ะยัยแม่มด”
ร่างบางขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ได้ฟังคำถามของการิน เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงคว้ากาแฟเย็นมาดื่ม ทั้งๆ ที่เธอไม่ชอบรสชาติของมันเลยสักนิด สมองที่กำลังทำหน้าที่ประมวลหาคำตอบก็ดันนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...ตอนที่การินหยิบเอาแก้วชาเย็นของเธอไปดื่ม...บางที....
เด็กสาวก้มหน้างุด พลางตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “ก็...นานๆ ทีจะเปลี่ยนมั่งไม่ได้รึไง?”
คำตอบของเธอทำเอาร่างสูงชะงักนิ่งไปทันที...ด้วยไม่คิดว่าเธอจะพูดคำนี้ออกมา และเพราะเขานั้นรู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดของเธออยู่ในที
เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา ลัลทริมาก็ยิ่งไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับเขามากขึ้นไปอีก กลัวว่าบางทีเขาอาจจะกำลังโกรธเธอ...ที่ไปลอกเลียนคำพูดของเขาแบบนั้น หรือถ้าจะว่ากันให้จริงกว่านั้น...บางทีเธออาจจะไม่ได้กลัวเขาโกรธ แต่เป็นเพราะเธอกำลังรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมันร้อนวูบวาบจนไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เป็นได้ ถ้าเช่นนั้นแล้ว การจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เงียบงันและน่าอึดอัดแบบนี้ได้ก็มีเพียงแต่การหาข้ออ้างเพื่อหนีออกไปจากตรงนี้เท่านั้น “เอ่อ...ฉันว่า ฉันไปซื้อมาคืนนายดีกว่านะ”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา ลัลทริมาก็หันหลังวิ่งหนีออกมาแล้ว หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความรู้สึกประหลาด จะว่าไปเธอก็บ้าเหลือเกินที่ไปรับแก้วน้ำของเขามาดูดต่อ แถมยังพูดจาอะไรก็ไม่รู้ออกไปอีก
แล้วแบบนั้นมันจะต่างอะไรกับสิ่งที่การินเคยทำล่ะ ?
สิ่งที่เธอคิดว่ามันคือการ...จูบทางอ้อม
“โอ๊ยลัล แกทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!” เป็นคำถามที่เธอกล่าวถามตัวเอง และแน่นอนว่าเธอก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เช่นกัน แต่ภายใต้ความสับสนของจิตใจ ลัลทริมาก็อดที่จะอมยิ้มน้อยๆ กับการกระทำเมื่อสักครู่นี้ของการินไม่ได้...ที่เขายื่นแก้วน้ำมาให้เธอ และพูดถึงเรื่องที่เธอชอบดื่มชาเย็น เพราะมันทำให้เธอรู้ว่า...จริงๆ แล้วเขาก็พอที่จะใส่ใจเรื่องของเธออยู่บ้างเช่นกัน
.
.
บางทีสิ่งที่เธอกำลังกังวล...มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็เป็นได้
บางทีการกระทำของเขา...มันอาจจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจเขาก็เป็นได้
.
.
เพราะคำพูดของเธอทำให้เขานิ่งเงียบอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรต่อ ทั้งที่ความจริงเขาควรที่จะโกรธเธอเสียด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เธอทำมันราวกับเป็นการล้อเลียนพฤติกรรมที่เขาเคยได้ทำไป ทว่าสิ่งที่รู้สึกมันกลับไม่ใช่ความโกรธอย่างที่ควรจะเป็น...ในช่วงที่กำลังคิดกับตนเองอยู่ เด็กสาวตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้างุดมานานก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ...ฉันว่า ฉันไปซื้อมาคืนนายดีกว่านะ” แล้วเธอก็ผละออกจากดาดฟ้าแห่งนี้ไปทันที ปล่อยให้เขามองตามแผ่นหลังบางนั้นด้วยความรู้สึกสับสนในหัวของตนเอง
...ยัยบ้าเอ๊ย...
การินละสายตาจากประตูดาดฟ้าที่ร่างบางเพิ่งจะวิ่งลับหายไป ก่อนจะหันหน้าออกไปให้ความสนใจอย่างอื่นแทน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้...หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับลัลทริมา
เพราะวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา...มันเกี่ยวข้องกับเธอมากเกินไปเสียแล้ว
ร่างสูงนึกไปถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงก่อนเช้าตรู่ ช่วงเวลาที่คนโบราณว่ากันไว้ว่าหากฝันในเวลานี้มันจะกลายเป็นความจริง แต่ทว่าความฝันนี้...มันก็เป็นฝันที่เกิดมาจากเรื่องจริงเช่นกัน...
มันเป็นวันที่เขากับยัยนั่นทะเลาะกันอยู่หน้าห้องปกครองหลังจากที่เขาลากยัยนั่นออกมาจากการโดนตำรวจและอาจารย์ที่ปรึกษาสอบปากคำ ตอนแรกก็พูดกันดีๆ แล้ว แต่ยัยนั่นกลับพูดจาไม่เข้าหูเขาเสียได้ ทำให้เขาโกรธจนอยากจะเล่นงานเธอ แต่ก็ยับยั้งใจตนเองให้อยู่อย่างนิ่งเฉย ทิ้งไว้เพียงอารมณ์กรุ่นโกรธที่คงจะทำให้เธอหวาดเกรง แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะจู่ๆ ยัยนั่นก็ดันบอกว่าหิวน้ำ แล้วเดินลับหายไป......กลับมาอีกทีพร้อมกับแก้วน้ำสองใบในมือ...
“คำถามข้อที่สามของฉัน...ชาเย็นกับกาแฟเย็น นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”
...และคำถามที่ไม่เคยมีใครถามเขามาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต
“นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ งั้นเอากาแฟไป เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”
แล้วแก้วน้ำเย็นๆ ก็ถูกยัดเยียดเข้ามาไว้ในมือของเขา ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจยัยนั่นเลยว่าทำไมจะต้องซื้อกาแฟเย็นมาให้เขาด้วย และไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำไมถึงยอมให้ยัยผู้หญิงคนนั้นยัดกาแฟเย็นใส่มือตนเองได้อย่างง่ายดาย แถมเขายังดื่มกาแฟแก้วนั้นจนหมดเสียด้วย ไม่เพียงเท่านั้น แต่ในตอนที่เขากำลังอารมณ์เสียจากการที่คดีพลิกผันไปจากความคิดของเขาจนทำให้เขาต้องลงมือค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง เขายังสั่งให้อาจารย์เวรไปหาซื้อกาแฟมาให้ตน ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘กาแฟเย็นอาจจะช่วยให้เขาใจเย็นลงได้’ และนั่นยิ่งทำให้การินไม่เข้าใจตนเองมากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงได้สั่งให้อาจารย์ไปซื้อกาแฟเย็น...ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากจะดื่มมันเลยสักนิด
ตอนที่ดื่มมันครั้งแรกจริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติของมันเป็นแบบใด จะว่าขมก็ขม...แต่มันก็เป็นความขมที่ชวนให้กรุ่นหอม เป็นรสชาติแปลกประหลาดแบบใหม่...ที่มาพร้อมความรู้สึกประหลาดที่เขาไม่เคยพบ แต่หากจะถามว่ามันอร่อยถูกปากหรือไม่นั้น เขาก็ตอบไม่ได้ จนถึงตอนนี้...เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ดีว่ารสชาติของมันเป็นอย่างไรกันแน่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้ที่ดื่มมัน เป็นเพราะความชื่นชอบหรืออย่างไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่เขากลายเป็นคนเสพติดการดื่มกาแฟไปเสียแล้ว
และสาเหตุของมัน...ก็คงจะมาจากยัยตัวดีที่ชอบยัดเยียดกาแฟเย็นให้เขาดื่มเสมอคนนั้นนั่นแหละ
ร่างสูงถอนหายใจทิ้งอย่างหงุดหงิด อันที่จริงแล้วในวันนี้ของทุกๆ ปี เขาไม่เคยคิดที่จะมาโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ ยกเว้นเสียแต่ว่ามันจะมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น แต่เพราะความฝันบ้าๆ นั่นมันดันมาเกิดขึ้นในวันนี้พอดี...ความฝันที่มียัยนั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง...จนมันทำให้เขานึกถึงเรื่องเก่าๆ และทำให้เขาอยากจะพบหน้ายัยนั่นขึ้นมาอย่างที่เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุ สุดท้ายจึงต้องพาตัวเองมาโรงเรียนด้วยความรู้สึกงุนงงอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ดูเหมือนเขาจะผิดหวังจากความต้องการของตนเอง เมื่อพบว่ายัยนั่นไม่เข้าเรียนในคาบแรก ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรถึงได้ขาดเรียนไปอย่างนี้ ทั้งที่ปกติแล้วเป็นเด็กดีจะตายไป การินคิดเรื่องของเธอไปเรื่อยๆ จนตัวเองยังต้องสะดุ้ง
ทำไมเขาจะต้องไปใส่ใจหรือสนใจกับเรื่องของเธอด้วย ในเมื่อเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วการินก็ตัดสินใจลุกออกจากห้องเมื่อคาบแรกจบลงโดยที่ยัยแม่มดไม่ได้โผล่มา เพื่อที่จะไปบ้านของเธอให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเปิดประตูออกมา...เขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในความคิดของเขา...กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...แทนที่จะต่อว่าหรือกระแทกแดกดันเจ้าหล่อนอย่างปกติที่เคยทำ เขากลับพูดอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น สิ่งที่อยู่ในหัวคือความคิดที่กำลังตีกันอย่างสับสน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อยากจะพบหน้าเธอ แต่พอได้พบเข้าจริงๆ มันกลับทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายการินก็เลือกตัดปัญหาด้วยการนิ่งเฉย เขาเดินเบี่ยงตัวหลบเธอออกมา พลางคิดกับตนเองว่าไม่เข้าไปยุ่งกับเธอจะเป็นการดีกว่า เพราะเขารู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์ของตนเองไม่คงที่อย่างเช่นปกติทุกวัน และมันคงทำให้เธอชอบใจที่เขาไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย แต่ก็ผิดคาด...เพราะเธอกลับเป็นฝ่ายวิ่งตามเขาแทนเสียได้ พร้อมกับคำถามว่า ‘เขาอยากได้อะไรรึเปล่า?’ ซึ่งมันทำให้การินอดที่จะประหลาดใจนิดๆ ไม่ได้ คำถามแบบนี้...ในวันแบบนี้...ต่อให้ไม่ฉลาดก็น่าจะพอคิดได้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ ‘ของขวัญวันเกิด’ อย่างแน่นอน เขาจึงแสยะยิ้มให้เธอพร้อมตอบในสิ่งที่ใจคิดออกไป...ทั้งที่ปกติแล้ว...เขาไม่ค่อยจะพูดอะไรตรงตามใจตัวเองนักหรอก แต่สิ่งที่เขาบอกเธอออกไป...ก็ใช่ว่าจะมอบให้กันได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน เพราะเท่าที่เขารู้...มันก็มีแค่ 2 วิธีเท่านั้น
คือผ่านทางการจูบ ซึ่งข้อนี้ยัยโง่นั่นไม่มีทางทำแน่ๆ และเขาก็คงไม่ยินดีให้เธอทำเช่นกัน
ส่วนอีกข้อ...คือการที่เธออยู่ข้างๆ เขาตลอดไปในฐานะ...ของเล่น
แต่ก็อย่างที่บอกว่ายัยแม่มดค่อนข้างจะโง่พอตัวทีเดียว เธอไม่มีทางคิดหาคำตอบได้แน่ๆ ว่าจะมอบญาณอาถรรพ์ให้เขาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว...ก็คงจะต้องรอลุ้นว่าของขวัญที่เขาจะได้จะเป็นอะไรกันแน่ แม้จะเสียดายนิดๆ ก็ตามว่าหากไม่ใช่ญาณอาถรรพ์แล้ว...มันจะไปสนุกอะไร เมื่อคิดได้แบบนี้...ก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แล้วการินก็เลือกที่จะเดินหนีออกมา เพื่อไปหาสถานที่สงบๆ ที่จะใช้รอคอยเธอ...จนกระทั่งเธอขึ้นมาพบเขาที่ดาดฟ้านี้ เขาได้ยินเธอเรียกชื่อเขา แต่เมื่อปรายตาไปมองก็ต้องทำให้การินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเธอดันขึ้นมาโดยไม่ได้พกอะไรที่น่าจะเป็นของขวัญมาด้วยเลยสักนิด
อันที่จริงเขาไม่คาดหวังว่าตัวเองจะต้องได้ของขวัญวันเกิดหรอก แต่ก็อดจะคาดหวังเล็กๆ ไม่ได้ว่าถ้าหากยัยแม่มดจะให้ของขวัญกับเขาสักชิ้นแล้ว...เจ้าของขวัญที่ว่านั้นมันจะเป็นอะไร ?
และมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าเธอมีทีท่าแปลกๆ คล้ายอยากกับจะพูดอะไรสักอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็สามารถคาดเดาได้ จนสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่พูด มันจึงทำให้เขาต่อว่าเธอไปอย่างอารมณ์เสีย และเธอก็กล้าตอบโต้กลับมาว่า ‘คนที่น่ารำคาญคือเขาต่างหาก’ ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาค่อนข้างจะโกรธกับคำพูดของเธอมากพอสมควร จึงตอบโต้กลับไปด้วยถ้อยคำที่เธอไม่ชอบใจ และนั่นเองที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองทำผิดพลาดไป...เพราะสายตาของเธอที่มองตอบกลับมา...มันเป็นสายตาที่พยายามจะเก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้ แต่ยัยแม่มดนั่นคงจะไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นพวกอ่านง่าย สิ่งที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้...มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก
บ่อยครั้งไปที่ยัยแม่มดชอบทำสายตาเหมือนจะร้องไห้ และเขาก็ไม่ได้แพ้สายตาอะไรแบบนั้นของยัยนั่นเลยสักนิด เพราะก็มีหลายครั้งที่เขาออกจะรู้สึกสะใจเวลาเห็นยัยนั่นร้องไห้ เพราะฉะนั้น...เขาไม่ได้รู้สึกผิดอย่างแน่นอน การินบอกตัวเองอย่างนั้น...ไม่ได้รู้สึกผิด และก็ไม่เห็นจะต้องรู้สึกผิดอะไรเลยด้วย (แต่ก่อนหน้าที่จะคิดแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าตนเองทำผิดพลาดไม่ใช่หรือ?)
การินยอมผละออกเมื่อได้ยินเธอบอกว่า ‘หิวน้ำ’ ก็อย่างที่บอกว่าเธอน่ะอ่านง่าย แค่มองตาเขาก็รู้แล้วว่าเธอโกหก แต่จะเล่นตามน้ำสักหน่อยจะเป็นไรไป? แม้ลังเลใจที่จะทำ แต่การินก็ยื่นแก้วกาแฟเย็นในมือเขาให้กับเธอไป ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าเจ้าหล่อนต้องไม่พอใจ เพราะเธอชอบดื่มชาเย็น ไม่ใช่กาแฟเย็น แต่ก็อดจะประหลาดใจน้อยๆ ไม่ได้ตอนที่เธอรับเอาแก้วกาแฟเย็นของเขาไปดูด ทั้งที่คิดจะแกล้งกวนเล่นๆ ไม่ได้คิดว่าเธอจะดื่มมันจริงๆ แล้วคำตอบของเธอก็ทำให้เขาต้องตะลึงงัน...
เด็กหนุ่มหยุดความคิดของตนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดมายังดาดฟ้าแห่งนี้ สถานที่ซึ่งเขามักจะขึ้นมาอยู่เป็นประจำ จนทุกคนในโรงเรียนนี้รู้ดีว่ามันคือพื้นที่ของเขา และคนที่กล้ารุกล้ำเข้ามาใน ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของเขาก็มีเพียงแค่...คนคนเดียวเท่านั้น
ร่างบางของลัลทริมาดันประตูดาดฟ้าเข้ามา...และในมือของเธอคือแก้วน้ำสองใบ ซึ่งเธอก็คงจะไปซื้อกาแฟมาคืนเขาอย่างที่เธอได้บอกเอาไว้ ส่วนอีกแก้ว...ก็คงจะเป็นชาเย็นของเธอเอง
“เอ่อ...” ลัลทริมาเปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูประหม่าและแววตาที่ดูกังวล ก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายลงคอ แล้วนัยน์ตากลมโตก็ฉายแววความมุ่งมั่นออกมาแทนราวกับตัดสินใจทำในบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว
“ชาเย็นกับกาแฟเย็น นายชอบอะไรมากกว่ากันการิน”
นัยน์ตาสีดำขลับเบิกกว้างเล็กน้อยกับคำถามที่ได้ยิน...แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบอะไรไปทั้งสิ้น
...ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้คำตอบ แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งจะนึกถึงเหตุการณ์แบบนี้ไปเมื่อครู่ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วครั้งหนึ่ง...และเกิดขึ้นอีกครั้งในความฝันของเขา...แล้วมันก็กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในตอนนี้...ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ
ความบังเอิญที่มากเกินไป...
“นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ งั้นเอากาแฟไป เพราะฉันชอบกินชาเย็นมากกว่า”
...หรือจงใจกันแน่?
แก้วกาแฟเย็นถูกยัดเยียดเข้ามาในมือของเขาอีกครั้ง ทว่าการินไม่ได้ใส่ใจมันแม้แต่น้อย นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำหรี่ลงจ้องคนตรงหน้าอย่างคิดจะจับผิด
ลัลทริมาที่เห็นอีกคนจ้องมองเธอแบบนั้นก็ยิ่งอึกอักเข้าไปใหญ่ “เอ่อ...ฉันไปดีกว่า ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”
“คิดจะเล่นตลกอะไรของเธอยัยแม่มด ?”
การินหยุดร่างที่กำลังจะวิ่งหนีไปอีกครั้งด้วยคำถามเสียก่อน ทำให้เธอหันมามองเขาอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง
“มะ...ไม่ได้จะเล่นตลกอะไรสักหน่อย”
“แล้วคำถามเมื่อกี้มันอะไรกัน?” ร่างสูงจ้องพลางเดินเข้าไปใกล้เธอ
ร่างบางมีท่าทีอึกอักมากยิ่งขึ้นเนื่องจากรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกคนตรงหน้าไล่ต้อนอยู่ “ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่ถาม” แต่เพราะสายตาที่จ้องมาอย่างเอาจริงเอาจังนั้นทำให้เธอไม่กล้าที่จะปิดบังสิ่งที่คิดอยู่ในใจได้ จึงต้องยอมเอ่ยออกมาที่ในที่สุด “ฉัน...ฝันถึงเรื่องเมื่อก่อนเฉยๆ ก็เลยแค่ถามดู เพราะอยากรู้ว่านายจะตอบยังไง แต่นาย..ก็ไม่ได้ตอบคำถามเหมือนกับตอนนั้นอยู่ดี ก็เลยยัดกาแฟเย็นใส่มือนาย...แค่นั้นเอง”
...ฝัน...
..........เหมือนกันงั้นเหรอ ?
“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” ร่างสูงหัวเราะออกมาเสียงดัง รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ยัยแม่มดนี่สร้างความประหลาดใจให้กับเขาได้เสมอ เพราะอย่างนั้น...เขาถึงคิดว่าเธอไม่น่าเบื่อเหมือนกับของเล่นชิ้นอื่นๆ ที่เคยมี มือข้างที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผลยกขึ้นไปบีบแก้มของเธอ...อย่างที่เขามักจะทำเป็นประจำเวลาโกรธเธอ
เพียงแต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่ความโกรธ
การินก้มหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าของร่างบางที่แสดงท่าทีตื่นตระหนก ก่อนจะเอ่ยชื่นชมเธออย่างจริงใจ แล้วผละออกห่างจากเธอด้วยรอยยิ้มที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็น “เธอนี่มันสมกับเป็นยัยแม่มดจริงๆ”
คำชื่มชมตามแบบฉบับของเขาน่ะนะ
เด็กสาวผู้ถูกกระทำมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่กระนั้นเธอก็ยังคงเลือกที่จะพูดในสิ่งเธอที่คิดออกมา “การิน...ที่จริงแล้ววันนี้...ฉันมีเรื่องกังวลใจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาย แต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่เป็นไรแล้วล่ะ แล้วก็...สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับนายอีกอย่างหนึ่งก็คือ วันนี้เป็นวันเกิดของนาย และมันกะทันหันไปหน่อย ฉันเลยหาของขวัญให้นายไม่ได้ เพราะฉะนั้น... ถือซะว่ากาแฟเย็นแก้วนั้นเป็น...เอ่อ...ของขวัญก็แล้วกันนะ”
การินขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ เขามองเธออย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ทั้งที่ถ้าเป็นปกติแล้ว...สมองของเขาน่าจะสามารถประมวลคำพูดของเธอได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้ทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดสำหรับเขา นั่นทำให้การินไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดนัก ในช่วงที่กำลังเรียบเรียงความคิดในหัวให้เข้าที่ เสียงของเธอก็ดังขึ้น
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
และมันทำให้คิดได้ในที่สุด การินอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ด้วยไม่คาดคิดว่าของขวัญที่คาดหวังว่าจะได้เห็นจากเธอ...จะมาในรูปแบบของเครื่องดื่มที่เขาดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งหากว่ากันตามตรง มันออกจะเป็นของขวัญที่หาได้ง่าย ต่างจากญาณอาถรรพ์ที่หาได้ยากยิ่งมากทีเดียว จึงไม่คิดว่าสิ่งที่จะให้มา...จะเป็นกาแฟเย็นแก้วนี้ มันเป็นของขวัญที่เกินการคาดเดาของเขาจริงๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกพึงพอใจเล็กๆ ที่ได้รับมัน เพราะเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้...เป็นของสิ่งแรกที่เขาเคยได้รับมาจากเธอ “หึ...หึ บางทียัยโง่...ก็คิดอะไรดีๆ เป็นเหมือนกันนี่”
แม้จะไม่เข้าใจกับท่าทางและคำพูดของร่างสูง แต่ลัลทริมาคาดเดาว่าคงจะโกรธที่เธอยุ่งไม่เข้าเรื่องก็เป็นได้ ร่างบางจึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนี หากแต่ข้อมูลกลับถูกมือแกร่งกว่าคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน นั่นทำให้เธอยิ่งตระหนกตกใจ เพราะกลัวคราวนี้อาจจะโดนเขาเกลียดและทำร้ายร่างกายเข้าให้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่การที่เธอถูกกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา แต่เป็นเพียงว่า..
แก้วชาเย็นที่อยู่ในมือของเธอถูกดึงออกไปแทน
ลัลทริมาหันกลับมามองหน้าการินอย่างงงๆ แต่เธอกลับพบเพียงรอยยิ้มกวนประสาทเท่านั้น
“ถ้าจะพูดแบบนั้น...งั้นฉันขอรับชาเย็นไปเป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นด้วยละกัน”
“เอ๊ะ?” เด็กสาวมีสีหน้าไม่เข้าใจการกระทำของเขาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยถามอะไรออกมา เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ลัลทริมาล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรง ก่อนจะเบือนหน้าหนีจากการินเพื่อรับสาย
‘ลัล อาจารย์จะเข้าแล้วนะ แกอยู่ไหนเนี่ย’
เป็นเพื่อนสาวของเธอนั่นเองที่โทรมาตาม “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ลัลทริมากล่าวตอบ ก่อนจะวางสายจากเพื่อน แล้วหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“อาจารย์จะเข้าแล้ว ถ้ายังไงฉันไปก่อนดีกว่า แล้วก็...สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะการิน” แล้วร่างบางก็เปิดประตูเดินออกไปทันที โดยที่การินเองก็ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้ เขาเพียงมองตามแผ่นหลังบางนั้น ก่อนจะละสายตาเมื่อประตูที่กั้นดาดฟ้าเอาไว้ปิดลง
นัยน์ตาคมสีดำมองแก้วชาเย็นที่อยู่ในมือขวา...ที่ไอเย็นของมันแผ่ซึมออกมาจนผ้าพันแผลเริ่มจะชุ่มเล็กน้อย ทว่าความเย็นนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้มือของเขาชาแต่อย่างใด กลับกัน...มันกลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก หากจะหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกนี้...ก็คงบอกได้ว่ามันใกล้เคียงกับคำว่า...
...อบอุ่น...
“หึ ของขวัญวันเกิดงั้นเหรอ...”
ชาเย็นกับกาแฟเย็น...เทียบค่ากับญาณอาถรรพ์ไม่ได้เลยสักนิด แต่...ก็เป็นของขวัญที่ไม่เลวเลย
การินนึกถึงคนที่เพิ่งจะวิ่งลับหายไปเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ แล้วเสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เขาวางแก้วน้ำลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก็พบกับข้อความของร่างบางคนเมื่อครู่
‘จะไม่เข้าเรียนเหรอ?’
“ยุ่งเข้าไม่เข้าเรื่องจริงๆ ยัยแม่มด” การินพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเป็นเพียงเรื่องบ้าๆ สำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝัน ความรู้สึกที่อยากจะพบหน้ายัยนั่น หรือแม้กระทั่งเรื่องของขวัญวันเกิดที่คาดหวังว่าจะได้รับ ทั้งหมดมันล้วนแล้วแต่บ้าบอทั้งสิ้น แต่มันกลับทำให้ร่างสูงอดที่จะยกยิ้มมุมปากไม่ได้
บางที...เรื่องบ้าๆ มันก็คงจะเหมาะกับคนบ้าๆ แบบเขา
...ก็ถึงได้บอกไงว่าเธอน่ะ มันสมกับเป็นยัยแม่มดจริงๆ...
ยัยแม่มดที่เป็นของเล่น...ชิ้นพิเศษ
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง การินเปิดอ่านข้อความของ ‘ยัยคนยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ ที่ส่งคำต่อว่ากลับมาให้เขาเสียยาวเหยียดจนเขาขี้เกียจจะพิมพ์ตอบกลับไป แต่ถ้าไม่ได้ต่อว่าเธอคืนภายในวันนี้...มันก็คงจะทำให้เขาอึดอัดใจน่าดู
ร่างสูงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ชิ คาบวิทย์อย่างนั้นเหรอ น่าเบื่อ” จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋า พร้อมๆ กับที่เสียงออดเข้าเรียนคาบบ่ายดังขึ้น
.
.
เสียงประตูดาดฟ้าปิดลง...เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบ หากแต่ดาดฟ้าแห่งนี้หาได้ว่างเปล่าไม่ เพราะตอนนี้...สถานที่แห่งนี้...
...มีแก้วน้ำสองใบถูกตั้งทิ้งไว้คู่กัน...
...ชาเย็นกับกาแฟเย็น...
- FIN -
สำหรับเรื่องนี้...ใครที่ไม่เคยอ่านการิน นิยายเล่ม 1 กับการินคอมมิคคดีที่ 8 อาจจะงงๆ กันบ้างนะคะ 55.
สุดท้ายนี้ก็...สุขสันต์วันเกิดนะการิน <3
ความคิดเห็น