ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; คุณหนูหน้าใสกับคุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #7 : >>:: Chapter 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 608
      16
      5 ก.พ. 59

    CHAPTER 5

     

     

                เช้าวันนี้อากาศสดใสเหมาะสมกับการไปทะเลเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งคนแรกที่ตื่นมาก่อนใครเพื่อนก็คือลัลทริมา  นั่นเป็นเพราะวันนี้เธอและคุณชายมีนัดไปเที่ยวทะเลกัน  มันจึงทำให้เธอตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับ  ร่างบางรีบอาบน้ำแต่งตัวและเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของตัวเอง  แล้วไม่รอช้ารีบเดินไปเคาะประตูห้องของพวกคุณชายแต่ละคนเพื่อเป็นการปลุกพวกเขาไปในตัว  แต่ใครจะคิดกันล่ะว่าพวกนั้นจะตื่นเรียบร้อยแล้ว  เพราะพวกเขาแต่ละคนก็เล่นเปิดประตูออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า

     

                “แปลกนะคะที่พวกคุณตื่นกันเช้าขนาดนี้” แทนที่จะเอ่ยคำทักทายออกไป  ลัลทริมากลับเอ่ยในสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อแทน  พวกคุณชายเนี่ยนะตื่นเช้า..?  ท่าทางวันนี้ฝนจะตก

     

                “ก็วันนี้มีนัดเที่ยวกันนี่ครับ” แคปเปอร์ตอบพร้อมเดินเข้ามาคว้ากระเป๋าของลัลทริมาไปถือให้  ก่อนที่แต่ละคนจะรุนหลังเธอให้เดินลงไปชั้นล่าง

     

                “เดี๋ยวทานข้าวแล้วค่อยออกจากบ้านก็แล้วกันนะ”  ว่าแล้วก็พากันไปนั่งรอให้อาหารเช้ามาเสิร์ฟ  พลางพูดคุยกันเรื่องต่างๆ นานาเกี่ยวกับเกาะล้านให้ลัลทริมาผู้ไม่เคยไปได้ฟัง  นั่นจึงทำให้ร่างบางยิ่งตื่นเต้นมากเข้าไปอีก

     

                หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย  คนขับรถประจำบ้านจินตเมธรก็ขับเอารถตู้มาจอดเทียบที่หน้าประตู  ก่อนจะวิ่งลงมาขนกระเป๋าของพวกคุณชายและลัลทริมาไปเก็บที่หลังรถให้เรียบร้อย  แล้วเชิญให้พวกเขาขึ้นนั่งประจำบนรถ  โดยคราวนี้ลัลทริมาไม่ได้ถูกไล่ไปนั่งคู่กับคนขับเหมือนเมื่อครั้งที่เธอทำงานให้กับพวกคุณชาย  แต่เธอกลับถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นไปนั่งส่วนเบาะกลางของรถตู้กับพวกคุณชายที่กระจายกันนั่งแทน  ซึ่งเมื่อขึ้นรถได้ปุ๊บ  พวกคุณชายก็พากันหลับทันที  ปล่อยให้เธอนั่งหงอยอยู่คนเดียว  จวบจนเดินทางได้ชั่วโมงกว่าๆ  ลัลทริมาจึงได้หลับตามไปอีกคน  ทุกคนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คนขับรถปลุกเรียกบอกว่าใกล้จะถึงท่าเรือแล้ว

     

                รถตู้เข้ามาจอดเทียบในที่จอดรถของท่าเรือ  ก่อนคนขับจะกุลีกุจอลงจากรถแล้วขนกระเป๋าลงให้กับพวกคุณชาย  ซึ่งเขาก็ได้รับคำขอบคุณและคำสั่งว่าให้เดินทางมารอรับกลุ่มเจ้านายของตนในช่วงบ่ายๆ ของวันพรุ่งนี้  คนรับใช้หนุ่มก็ก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะขอตัวลากลับ

     

                พวกคุณชายและลัลทริมาหยิบเอาสัมภาระของตนเองแล้วเดินเข้าไปยังท่าเรือเพื่อไปติดต่อหาเรือที่จะใช้เดินทางข้ามทะเลไปยังเกาะล้านอันเป็นที่หมายของพวกเขา

               

                “เดี๋ยวรอสักครู่นะครับ  ผมไปติดต่อให้เอง” เรวินว่าและปลีกตัวออกไปจากกลุ่มเพื่อติดต่อธุระให้  โดยที่มีแคปเปอร์เดินไปเป็นเพื่อนด้วย  ฝ่ายคนที่เหลือก็พยักหน้าและยืนรอกันเงียบๆ จนกระทั่งทั้งคู่เดินกลับมาและแจ้งข่าวแก่เพื่อนๆ จากนั้นทั้งหมดจึงเดินไปขึ้นเรือกัน

               

                การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลครั้งนี้กินเวลาไม่นานนัก  เพราะเรือที่พวกเขาใช้เป็นเรือเร็ว  และเมื่อมาถึงท่าเรือที่เกาะล้านเป็นที่เรียบร้อย  ทั้งหมดก็เดินทางตามหาที่พักกันทันที

     

                “ไม่ได้จองล่วงหน้าแบบนี้  เกิดไม่มีที่พักขึ้นมานี่แย่เลยนะคะ” ลัลทริมาที่เดินตามหลังพวกคุณชายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความกังวล

     

                “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า  พวกเรามากันวันธรรมดา  แถมไม่ใช่ช่วงเทศกาลอะไรด้วย  คนไม่เยอะมากนักหรอก  อีกอย่าง...ที่พักก็มีอยู่เต็มเกาะไปหมด  ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ไปนอนศาลาวัดก็ได้” ชินะหันมากล่าวอธิบายให้เธอได้เข้าใจ  อีกทั้งยังพูดทีเล่นทีจริงให้ลัลทริมาต้องรู้สึกกลัวว่าจะเป็นแบบนั้นขึ้นมาอีกด้วย

     

                “บ้าเหรอคุณชาย” เธอว่าเบาๆ  ก่อนจะเงียบเสียงแล้วเดินตามพวกคุณชายที่เดินไปติดต่อกับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง  แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถคนละคันเพื่อนั่งไปยังที่พักที่พวกคุณชายจะไป

     

                เมื่อมาถึงรีสอร์ท  สถานที่ที่จะเป็นที่พักในคืนนี้ของพวกเขากันแล้ว  คุณชายชินะกับแคปเปอร์ก็รีบเข้าไปติดต่อธุระเรื่องห้องพักทันที  และผลก็ออกมาน่าพอใจเพราะมีห้องว่างให้พวกเขาได้เลือกหลากหลายสไตล์  ซึ่งคุณชายชินะก็ได้เลือกห้องพักมาทั้งหมด 4 ห้อง  “ก็...เดี๋ยวเราจะนอนห้องละ 2 คน 2 ห้อง  ห้องละ 3 คน 1 ห้อง และ...” ชินะเว้นจังหวะพูดเล็กน้อยพร้อมกับส่งกุญแจห้องที่เหลือให้กับเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียว “อีกห้องเธอนอนคนเดียว”

     

                ลัลทริมาพยักหน้ารับพร้อมยื่นมือออกไปรับเอากุญแจห้องมา  ก่อนจะสะพายกระเป๋าของตนเองแล้วเดินไปยังห้องพัก  ปล่อยให้พวกคุณชายยืนแบ่งห้องกันอยู่ว่าใครจะนอนกับใครอย่างไร  ร่างบางเดินมาถึงห้องก็ไขกุญแจเข้าไป  โยนกระเป๋าลงบนเตียงก่อน  แล้วจึงล้มตัวตามลงไป  พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยถึงการมาทะเลในครั้งนี้กับพวกคุณชาย

     

                ...มันจะมีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นรึเปล่านะ..?

     

                ถึงจะถามตัวเองแบบนั้น  แต่อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ค่อยอยากจะคาดหวังอะไรกับพวกคุณชายอย่างพวกนั้นอยู่แล้วล่ะนะ  เอาแน่เอานอนได้ที่ไหนกัน  บทจะดีก็ดี  บทจะร้ายก็ร้าย  แต่พักหลังๆ มารู้สึกทุกคนจะนิสัยน่ารักขึ้นเยอะ  แต่แน่นอนว่าไม่รวมเรื่องเมื่อคืนที่แกล้งเล่าเรื่องผีหลอกเธอ 

               

                ในขณะที่กำลังนอนคิดอะไรเพลินๆ อยู่  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  ลัลทริมารีบลุกขึ้นไปเปิดให้ก็พบว่าตอนนี้พวกคุณชายทั้งเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าห้องของเธอ  พวกเขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสบายๆ ที่เปิดให้เห็นมัดกล้ามเป็นสัดส่วน  และสวมกางเกงขาสามส่วนหลากลวดลายที่บ่งบอกได้ถึงความพร้อมที่จะไปเล่นน้ำ  ทำเอาลัลทริมาเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้...ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะได้เห็นพวกเขาในสภาพแบบนี้  แม้จะเคยทำงานรับใช้พวกเขามาตลอดก็ตาม  แต่ก็มักจะเจอในสภาพชุดนอน  ชุดนักเรียน  และชุดปกติธรรมดาเท่านั้น  ไม่เคยเห็นพวกเขาใส่เสื้อโชว์กล้ามแขนมาก่อนเลยสักครั้ง  ซึ่งเธอยอมรับตามตรงเลยว่า...มันค่อนข้างจะดึงดูดสายตาอยู่พอสมควร

               

                ...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ ถึงได้ชื่นชอบพวกคุณชายกันมากขนาดนั้น...

     

                “เอ้า  ไปเล่นน้ำกัน” อคินว่าพลางฉุดข้อมือของเด็กสาวออกมาจากห้อง 

               

                “ไปเล่นตอนนี้เลยเหรอคะ?” คนถูกลากถามอย่างลังเลใจเล็กน้อย  เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงเศษๆ ซึ่งแดดค่อนข้างจะแรงใช้ได้เลยล่ะ  แม้มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ  แต่กับพวกคุณชายนี่สิ...เขาจะอดทนกับแดดแรงๆ แบบนี้ได้สักแค่ไหนกันเชียว  เกิดผิวสวยๆ ไหม้ขึ้นมา...มีหวังได้บ่นไม่หยุดกันแน่ๆ “ไม่รอไปเล่นตอนเย็นเหรอคะ?” 

     

                “เล่นตอนนี้แหละ” เชียรว่าพร้อมกับช่วยอคินลากแขนอีกข้างของลัลทริมา  พลางอธิบายไปด้วย “เพราะเดี๋ยวตอนเย็นพวกเรากะว่าจะหาซื้ออาหารทะเลมาทำกินกัน”

     

                “อ้อ...” ลัลทริมาพยักหน้ารับรู้  ก่อนจะร้องแหวเมื่อพวกนี้ยังลากเธอไม่หยุด “ปล่อยก่อนคุณชาย  ยังไม่ได้เอากุญแจห้องเลย”  ร้องบอกพลางสะบัดแขนไปมา

     

                “ผมเอามาแล้วครับ” แคปเปอร์บอกพร้อมชูกุญแจห้องของลัลทริมาให้ดู  แหม่...ลักลอบเข้าห้องสาวงามแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเนี่ย ?

     

                “งั้นก็ไปกันเลย”

     

     

                หนุ่มๆ พาลัลทริมาเดินตรงมายังลานจอดรถจักรยานยนต์  เพราะการจะท่องเที่ยวบนเกาะล้านนั้นจำเป็นจะต้องอาศัยจักรยานยนต์ในการขับชม  หรือถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถนั่งรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างได้  แต่โดยส่วนมากแล้วนั้นนักท่องเที่ยวมักนิยมเช่ารถจักรยานยนต์ขับเที่ยวกันเองมากกว่า  รีสอร์ทหลายแห่งจึงมีบริการห้องพักพร้อมจักรยานยนต์ให้  เช่นเดียวกับรีสอร์ทที่พวกคุณชายเลือกมาพัก  เพราะในตอนที่เช็คอินเข้าพัก ทางรีสอร์ทก็ได้มอบกุญแจรถเอาไว้ให้ด้วย 4 คัน  ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องซ้อนสองกันไป

     

                คนที่ขับรถจักรยานยนต์ได้เก่งอย่างการิน ภาม เรวิน และอคินเดินไปเลือกรถคันที่มีหมายเลขตรงกับกุญแจที่ได้รับมา  ก่อนที่ทั้ง 4 หนุ่มจะสตาร์ทรถแล้วหันไปส่งสายตาให้กับเพื่อนที่ยืนรอกันอยู่เพื่อบอกให้พวกนั้นมาขึ้นรถ  แต่ทว่าเรวินก็เอ่ยคำถามขึ้นมาเสียก่อน “คุณลัลครับ  ไม่ทราบว่าอยากจะซ้อนท้ายไปกับใครเหรอครับ?”

     

                คำถามของเรวินยิงได้ตรงเป้าเสมอ  แม้มันจะดูเรียบเฉยธรรมดาสำหรับลัลทริมา  แต่กับเหล่าหนุ่มๆ ที่เหลือนั้นต่างก็อดที่จะลุ้นระทึกอยู่ในใจไม่ได้  โดยเฉพาะสามหนุ่มคนขับที่ได้แต่ภาวนาให้ลัลทริมาเลือกมานั่งกับตนเอง

     

                เด็กสาวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยตอบออกไป “ไปกับคุณชายภามแล้วกันค่ะ”  ซึ่งคำตอบของเธอก็ทำให้พวกที่เหลือกินแห้วไปทันที  ยกเว้นก็แต่คุณชายเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลที่ยิ้มหวานให้กับลัลทริมา  แล้วกวักมือเรียกให้เธอเดินมาที่รถด้วยท่าทีกวนๆ  ร่างบางก็เดินไปหาแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของภาม  โดยก่อนที่จะออกรถ  เจ้าแกะน้อยก็ไม่ลืมที่จะหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนของตน  ซึ่งก็ทำให้พวกคุณชายที่เหลือได้แต่มองเขาอย่างหมั่นไส้

     

                “ทำไมเลือกมากับฉันล่ะ ?” ภามเอ่ยถามขณะที่พวกเขากำลังขับรถไปตามถนนเส้นเล็กบนเกาะ “ปกติเห็นเลือกไปกับเรวินตลอด”

     

                “แปลกเหรอคะ?” ลัลทริมาถามกลับ  ซึ่งภามก็พยักหน้าให้  เธอจึงยิ้ม “ก็...จำตอนที่ไปทัศนศึกษาเมื่อปีก่อนได้ไหมคะ?”

     

                ภามนึกถึงเรื่องที่เธอพูด...ทัศนศึกษาเมื่อปีก่อน...ที่เขาและเธอไปนั่งคุยกันอยู่ริมหาดสองคน  ตอนนั้นเองที่เขาได้รับรู้ว่าเธอรักทะเลมากขนาดไหน  และได้รับรู้เช่นเดียวกันว่าอดีตที่ผ่านมาของเธอมันโหดร้ายไม่น้อย  นั่นทำให้เขาอดที่จะสงสารและเห็นใจเธอไม่ได้  เขาจึงได้เริ่มทำดีต่อเธอเรื่อยมา  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นความรักไปได้  คุณชายหน้าอ่อนยิ้มน้อยๆ ให้กับความทรงจำของตนเอง  ก่อนจะตอบเธอ “จำได้สิ”

     

                “ก็นั่นแหละค่ะ  คุณเป็นคนแรกในกลุ่มที่รู้ว่าฉันรักทะเล  และคุณก็เป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุดด้วย เลยคิดว่าถ้าได้มาทะเลด้วยกันอีกก็อยากจะอยู่กับคุณชายภามมากกว่าคนอื่น (อาจเพราะคนอื่นชอบแกล้งฉันด้วยแหละ)” ลัลทริมาตอบคำถามพร้อมยิ้มกว้างให้  แม้ภามจะมองไม่เห็นมันก็ตามที  แต่คำพูดของเธอก็ทำให้เขาอดยิ้มกว้างตามไม่ได้            

     

     

                ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก  จักรยานยนต์สามคันที่ขับตามมาก็ได้แต่มองไปยังคันหน้าด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เหลือทน         

     

                “หมั่นไส้มันว่ะ” เชียรที่ซ้อนท้ายการินเอ่ยขึ้นมา “ถีบให้รถล้มเลยดีไหมเนี่ย”

     

                “เล่นมันเลยไหมล่ะ?” การินเอ่ยถามกลับ

     

                “เอาสิ  หมั่นไส้มานานละ  ดูมันทำเข้าสิ  น่าขับรถตัดหน้าจริงๆ” อคินที่ขับขนาบข้างเอ่ยออกมา  สายตามองตรงไปยังรถมอเตอร์ไซด์ของภามที่ขับอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ที่ซึ่งทั้งภามและลัลทริมากำลังขับรถไปพร้อมหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน

     

                “ใจเย็นกันหน่อยสิพวกนาย  ขืนทำแบบนั้นมีหวังคุณลัลได้เจ็บตัวไปด้วยแน่” แคปเปอร์ที่ซ้อนท้ายอคินอยู่ก็ได้แต่เอ่ยเตือนเพื่อนๆ ให้สงบใจกันลงบ้าง  ถึงแม้ตัวเขาเองก็อยากจะจัดการกับความน่าหมั่นไส้ของภามก็เถอะ  แต่ถ้าทำแบบที่เจ้าสามหนุ่มเลือดร้อนมันพูดกัน  มีหวังลัลทริมาคงได้รับอันตรายด้วยแน่ๆ “ไปถึงทะเลค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”

     

     

                ทั้งหมดใช้เวลาขับรถครู่เดียวก็มาถึงหาดนวล  หาดอันเงียบสงบของเกาะล้าน  ซึ่งคนที่ตื่นเต้นกว่าใครเพื่อนก็คือลัลทริมา  เพราะการมาเที่ยวชายหาดบนเกาะเช่นนี้มันทำให้เธอนึกถึงเกาะที่เธอเคยอยู่อาศัยมาสิบกว่าปี  โดยร่างบางไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ชายหาดทันทีที่ภามจอดรถได้  ทำให้เหล่าคุณชายได้แต่ส่ายหน้าให้กับความรักทะเลเกินเหตุของเธอ  เจอทะเลปุ๊บก็ไม่สนใจพวกเขาเลยทันที 

     

                “คุณชาย  เล่นน้ำกัน” ลัลทริมาที่เปียกไปแล้วครึ่งแข้งหันมาโบกมือเรียกหนุ่มๆ ให้ลงไปเล่นน้ำกับเธอ

     

                “เล่นไปก่อนเลย  เดี๋ยวพวกฉันตามลงไป” ชินะตะโกนกลับไป  ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง  “ถึงเวลาที่จะต้องคุยกันอย่างจริงจังสักทีแล้วล่ะ” นัยน์ตาสีอเมทิสต์มองตรงไปยังเรวินเพื่อให้ร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มอารมณ์ดีได้พูดต่อ

     

                “ก็...อย่างที่ตกลงกันเอาไว้เมื่อคืนนะครับ  การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ  คราวก่อนหน้านี้เราแบ่งเวลาเพื่อแข่งขันกันจีบคุณลัล  แต่ตอนนี้จะไม่มีกำหนดเวลา  ไมมีคิวของใครทั้งนั้น  และมันไม่ใช่เกม...แต่มันคือโอกาส มันคือการต่อสู้ที่แท้จริง  แน่นอนว่าพวกคุณสามารถขัดขวางกันได้ (แต่ผมก็ไม่อยากให้ขัดคอกันเองนะครับ แม้มันจะน่าสนุกก็ตาม)  และท้ายที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณลัล  ไม่ว่าเธอจะเลือกใครก็ตาม  พวกเราจะต้องเคารพในการตัดสินใจของเธอ  และพวกเราทั้งเจ็ดคนจะยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ” เรวินเอ่ยคำพูดของเขาออกมาด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน  เพื่อเป็นการบอกให้พวกคุณชายเพื่อนรักทุกคนได้รับรู้ว่าคำพูดที่เขาเอ่ยนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น 

     

                ทุกคนมองหน้ากัน  จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาพวกเขาเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกันเสมอมา  แต่ก็ยอมรับว่ามีทะเลาะกันเองบ่อยครั้งตามประสาของคนนิสัยต่างกันที่มารวมตัวอยู่ด้วยกัน (รวมกับความเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้ของทุกคนด้วย)  โดยเฉพาะเมื่อความรู้สึกที่พวกเขามีต่อลัลทริมามันเริ่มชัดเจน  พวกเขาก็ยิ่งมีเรื่องให้ขัดแย้งกันเองบ่อย  แต่สุดท้ายแล้วมิตรภาพของคำว่าเพื่อนก็ไม่เคยหายไปไหน  แม้จะบอกว่าคราวนี้เป็นการต่อสู้เรื่องความรักที่แท้จริง  และถ้าหากใครคนหนึ่งเป็นคนที่ถูกลัลทริมาเลือก  แม้คนที่เหลืออาจจะต้องเจ็บใจหรือเสียใจมากเพียงใดก็ตาม  แต่ก็อย่างที่เรวินได้ว่าเอาไว้....พวกเขาจะยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ         

                “ถ้างั้นก็....โชคดีกันนะครับ” เรวินกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารื่นเริง

     

     

                ถึงจะตกลงกันเอาไว้แบบนั้นก็จริง...แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ซึ่งเวลาล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้ว  กลับยังไม่มีใครเริ่มเปิดเกมรุกเลยสักคน  ซึ่งถือว่า...น่าเบื่อมาก

     

                “เบื่อว่ะ  หาเกมเล่นกันเถอะ” อคินเอ่ยขึ้นมา  หลังจากที่เล่นน้ำไปจนตัวแทบจะเปื่อย  แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนุกหรือน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลยสักเหตุการณ์เดียว  ขาแกล้งอย่างเขาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก

     

                “ว่ายน้ำแข่งกันเหมือนคราวนั้นไหมล่ะคะ?” ลัลทริมาเสนอความคิดเห็นขึ้นมา  แต่พวกคุณชายกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกันแทบจะทันที

     

                “ไม่เอาอ่ะ  ถ้าแข่งว่ายน้ำ  ยังไงเธอก็ชนะอยู่ดีนั่นแหละ”

     

                “แล้วจะเล่นอะไรล่ะคะ?  ฉันเองก็คิดเกมสนุกๆ ไม่ออกด้วย” ร่างบางว่าด้วยสีหน้าลำบากใจ  ลำพังแค่เธอเพียงคนเดียวคงไม่อะไรมาก  แต่การที่จะให้พวกคุณชายมาเล่นน้ำทะเลเฉยๆ แบบนี้  มันคงจะทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อ  ซึ่งเธอก็รู้สึกไม่ดีนักหรอกหากจะต้องเป็นแบบนั้น  เพราะเธออยากจะให้พวกเขารู้สึกสนุกไปด้วยกันมากกว่า

     

                “ทำหน้าอะไรแบบนั้น ?” การินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าที่สลดลงเล็กน้อยของลัลทริมา

     

                เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเบา “ก็กลัวพวกคุณจะไม่สนุกกันอ่ะ”

     

                “หืม..?” พวกคุณชายทุกคนส่งเสียงในลำคออย่างแปลกใจ  ไม่นึกว่าเธอจะเป็นห่วงความรู้สึกของพวกเขาแบบนี้  ดังนั้นแล้วหนุ่มๆ ทั้งเจ็ดจึงหันมามองหน้ากันคล้ายกับจะเอ่ยถามกันด้วยสายตาว่าควรจะทำอย่างไรดี ?  แล้วคุณชายเจ้าของเรือนผมสีดำแซมเงินก็เหมือนจะคิดอะไรออกแล้ว  เขาสาวเท้าเข้าไปหาลัลทริมาท่ามกลางความประหลาดใจของเพื่อนๆ คนอื่นไม่เว้นแม้แต่ลัลทริมาที่ตีสีหน้างุนงง

     

                “อยากให้พวกฉันสนุกเหรอ?” อคินเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา  เมื่อเห็นว่าลัลทริมาพยักหน้ายอมรับ  เขาก็ไม่รอช้า...แขนแกร่งเอื้อมไปโอบลัลทริมาเอาไว้  ก่อนจะรวบตัวเธอขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกของตน

     

                “เฮ้ย!! ทำอะไรของคุณเนี่ยคุณชายอคิน” ลัลทริมาโวยลั่นด้วยความตกใจที่โดนจู่โจมกะทันหัน  เช่นกันกับคุณชายคนอื่นๆ ที่ต่างก็หน้าเหวอกันเพราะไม่คิดว่าอคินจะทำเช่นนี้

     

                “ก็เล่นอะไรสนุกๆไง” อคินว่าพร้อมก้าวพรวดๆ ลงทะเลทั้งที่กำลังอุ้มลัลทริมาอยู่  ส่วนฝ่ายคนโดนอุ้มเองก็ร้องโวยวายพร้อมดิ้นไปมาเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสภาพนี้  เนื่องจากตอนนี้ลัลทริมารู้แน่ชัดแล้วว่าตนเองจะต้องเผชิญกับสิ่งใด  แต่ดูท่าว่าเธอจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย  เพราะเมื่ออคินเดินลงมาจนน้ำถึงช่วงสะโพก  เขาก็เหวี่ยงร่างของลัลทริมาลงน้ำทันที

     

                “กรี๊ดดดด......” เด็กสาวผู้ถูกกระทำกรีดร้องด้วยความตกใจ  ก่อนที่เสียงร้องของเธอจะหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงกระจายของน้ำแทน  แต่เพียงแค่ครู่เดียว  คนถูกแกล้งก็โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้น้ำพร้อมเสียงไอค่อกแค่กที่บอกให้รู้ว่าเธอได้สำลักน้ำเข้าไปด้วย

     

                “เล่นบ้าอะไรของแกเนี่ย” ชินะที่วิ่งตามมาช่วยไม่ทันเอ่ยบ่นใส่อคินทันที  ก่อนจะเข้าไปหาลัลทริมาที่กำลังพยายามปัดผมเผ้าเปียกน้ำออกจากใบหน้าของตนอยู่  “มานี่...เดี๋ยวฉันช่วย”

     

                น้ำเสียงอ่อนโยนของอีกคนทำให้ลัลทริมาหยุดการกระทำทุกอย่างของตนเอง  พอดีกับที่มืออุ่นวางทาบลงบนแก้มของเธอ  ก่อนจะค่อยๆ เกลี่ยหยาดน้ำและเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของเธอออกอย่างนุ่มนวล  พร้อมกับติดกิ๊บติดผมให้กับเธอใหม่  ร่างบางจึงเงยหน้าขึ้นมาและเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ  ฝ่ายชินะเองก็ทำเพียงยิ้มรับคำขอบคุณของเธอ  ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองเผลอสบตากันเข้า...และมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที  นั่นเป็นเพราะเธอชอบดวงตาคู่สวยของคนตรงหน้าอยู่แล้ว  ยิ่งเมื่อได้มาสบตากันตรงๆ แบบนี้  มันก็ทำให้เธออดที่จะเขินอายไม่ได้

     

                “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังขึ้นอยู่ไม่ไกลมากนัก  เมื่อมองไปก็เห็นว่าอคินยืนกอดอกจ้องทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ  จึงทำให้ลัลทริมาและชินะผละออกจากกัน  แล้วร่างบางจึงหันมาจ้องหน้าอคินอย่างเอาเรื่อง

     

                “ทำไมเล่นแบบนี้ล่ะ?”

     

                “ขอโทษที  ก็เห็นว่าเธออยากให้พวกฉันสนุก  ก็เลยเผลอเล่นอะไรที่รุนแรงเกินไปหน่อยล่ะมั้ง” อคินว่าด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด(จริงหรือ?)  ซึ่งมันก็ทำให้ลัลทริมาโกรธเขาไม่ลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น  เธอจึงได้แต่ตัดบทแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร  ก่อนจะเดินขึ้นมาบนชายหาด

     

                “ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” แคปเปอร์เดินเข้ามาเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง  พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้กับเธอ  เพื่อให้เธอเช็ดหน้าเช็ดตาและผมของเธอให้ดี

     

                “ไม่เป็นไรค่ะ” ลัลทริมากล่าวขอบคุณ  พร้อมทั้งรับเอาผ้าขนหนูมาไว้ในมือตน “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

     

                “ไม่ห่วงได้ไงล่ะครับ  แต่ละคน...ใช่ย่อยซะที่ไหน” แคปเปอร์ว่า  ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้ากันและหัวเราะออกมาพร้อมกัน  “เอ้อ...ผมว่าคุณลัลไปนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ”

     

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  แค่นี้เอง  ฉันยังไหว” เธอตอบ  แต่กลับมีมือหนาของใครบางคนฉุดแขนเธอไว้  ในขณะที่กำลังจะหันไปมอง  เขาก็ออกแรงลากเธอไปนั่งอยู่ที่ใต้ร่มผ้าใบเสียแล้ว “อะไรกันคะคุณชายภาม ?”

     

                “นั่งพักก่อนเถอะ” ภามว่าและยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้เธอดื่ม  ซึ่งลัลทริมาก็รับมาอย่างว่าง่าย  ที่จริงก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า  แต่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าพวกนี้ดูจะเอาอกเอาใจเธอกันเหลือเกิน...ยกเว้นสิ่งที่อคินทำเมื่อกี้นะ

     

                ร่างสูงที่ส่งน้ำให้เธอเมื่อครู่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ  ก่อนมือขาวเนียนคู่นั้นจะเอื้อมมาคว้าเส้นผมของเธอ...และถือวิสาสะแกะเอายาดรัดผมของเธอออก  ทำให้ผมสีน้ำตาลยาวที่มัดรวบไว้เมื่อก่อนหน้านี้แผ่กระจายตกลงมา  แต่เพราะผมของเธอเปียก  มันจึงลู่ลง...ไม่ได้พลิ้วสยายตามแรงลมทะเล “เอาผ้ามาสิ”

     

                ภามกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  ซึ่งลัลทริมาก็ส่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่เธอได้รับมาจากแคปเปอร์ก่อนหน้านี้ไปให้กับคุณชายเจ้าของเรือนผมสีคาราเมล  ภามรับเอาผ้าไปไว้ในมือตน...ก่อนจะลงมือเช็ดผมให้กับลัลทริมาอย่างนุ่มนวล โดยที่เจ้าหล่อนเองก็ยอมอยู่นิ่งๆ อย่างว่าง่าย  จะเดือดร้อนก็แต่คุณชายคนอื่นๆ ที่มองมาด้วยแววตาไม่ชอบใจ  แต่คุณชายภามก็หาได้สนใจไม่  เขาลอยหน้าลอยตาเช็ดผมให้ลัลทริมาจนมันเริ่มหมาด  แล้วจึงละมือออก

     

                “ขอบคุณค่ะ” ลัลทริมาหันกลับมายิ้มให้ภาม  ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะทันได้ต่อบทสนทนากันไปมากกว่านั้น  เสียงของอคินก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

                “หิวแล้วอ่ะ  ไปกินข้าวกันเหอะ” เจ้าของเรือนผมสีดำแซมด้วยปอยผมเงินตะโกนบอกเพื่อนๆ  พร้อมกับเสียงท้องร้องประท้วงขออาหารประกอบขึ้นมาเพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาหิวจริงๆ

     

                “เออๆ” ทุกคนตอบตกลง

     

                เจ็ดหนุ่มและลัลทริมาขับรถกลับไปยังส่วนท่าเรือของเกาะ  ซึ่งมีร้านอาหารเปิดให้บริการอยู่มากมายหลายร้าน  ทั้งแปดนั่งประทานอาหารกันอยู่พักใหญ่ๆ  จึงออกเดินทางไปยังหาดอื่นบ้าง  ซึ่งก็เป็นหาดที่เงียบสงบพอสมควรไม่ต่างจากหาดแรกเลยสักนิด  นั่นเพราะพวกคุณชายอยากจะได้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนริมหาดนั่นเอง  และอาจเพราะพวกเขากลัวว่าความหล่อฉกาจบาดใจสาวของพวกเขามันจะทำให้นักท่องเที่ยวสาวๆ ทั้งหลายมาหลงใหลจนเป็นเหตุให้พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับลัลทริมาอย่างจริงจังได้

     

                เรือนผมสีน้ำตาลยาวที่ตอนนี้แห้งดีแล้วพลิ้วสะบัดไหวตามแรงลม  มือบางควานหายางรัดผมในกระเป๋ากางเกง  แต่ก็ไม่พบ  เธอจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าภามกำลังกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา  ลัลทริมาจึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนที่จะไปกินข้าวกัน  ภามแกะยางรัดผมของเธอออกเพื่อเช็ดผมให้เธอ  และเขาคงจะสังเกตเห็นท่าทางของเธอเมื่อครู่  จึงได้เรียกให้เธอไปหา...เพราะเขาน่าจะยังเก็บยางรัดผมของเธอเอาไว้อยู่

     

                ลัลทริมาเดินเข้าไปหาภาม  พร้อมกับยื่นมือออกไปขอยางรัดผมคืน  แต่ภามกลับทำเพียงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า “หันหลังสิ  เดี๋ยวฉันถักเปียให้  ผมเธอจะไม่ได้ไม่พันกันเวลาเล่นน้ำไง”

     

                “ได้ค่ะ” แม้จะลังเลเล็กน้อยที่จะให้เขาถักเปียให้  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอชอบเวลาที่มืออบอุ่นของเขาสัมผัสกับเส้นผมของเธอ  มันให้ความรู้สึกนุ่มนวล ทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก  ร่างบางหันหลังให้ภาม  ซึ่งเขาก็ยกมือขึ้นมาสางผมเธอต่างหวี  ก่อนจะลงมือถักเปียให้

     

                ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก หนุ่มๆ ที่เหลือยืนปรึกษากันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

     

                “ถามจริงนะ  ไม่มีใครคิดจะเข้าไปขัดขวางหน่อยเหรอ?  ฉันว่าตอนนี้ไอ้แกะมันได้คะแนนการดูแลเอาใจใส่นำพวกเราไปไกลแล้วนะ” เชียร  เด็กหนุ่มผู้นำในการเรียกเพื่อนๆ มาร่วมสนทนาเอ่ยเปิดประเด็น  ขณะที่มองไปทางภามกับลัลทริมาด้วยแววตาไม่ค่อยชอบใจนัก “แล้วดูยัยนั่นสิ  ทำหน้าสบายใจอะไรแบบนั้น”

     

                “ตามความเห็นของผมนะครับ  เห็นพวกเขาสวีทหวานกันแบบนั้น  ผมขัดขวางไม่ลงจริงๆ ครับ” เรวินเอ่ยตอบคำถามทันทีที่เชียรพูดจบ “แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้นะครับว่าทำไมพวกคุณถึงนิ่งเฉยแบบนี้   ทั้งที่ปกติแล้วน่าจะโวยวายหรือหาเรื่องเข้าไปขัดแล้วแท้ๆ  หรือว่าคิดจะถอดใจยอมแพ้คุณชายภามกันแล้วล่ะครับ ?”

     

                “พูดบ้าๆ ใครจะยอมแพ้ไอ้แกะกัน” อคินว่า “แต่ที่ยังไม่ทำอะไร  เพราะไม่รู้จะเข้าไปขัดยังไงต่างหาก  ก็ดูยัยนั่นซะสิ  ยิ้มแย้มอยู่นั่นแหละ”  คำพูดของอคินตรงใจกับคนอื่นๆ  เพราะพวกเขาเห็นว่าลัลทริมาอมยิ้มอย่างมีความสุขดี  พวกเขาเลยไม่(กล้า)เข้าไปขัดขวาง...เพราะพวกเขาต่างก็ไม่อยากจะทำลายรอยยิ้มนั้นของเธอ  แต่ก็แค่ในกรณีที่ภามทำแค่นี้นะ  ถ้าทำมากกว่านี้...พวกเขาก็พร้อมที่จะวิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพื่อนหนุ่มผมสีคาราเมลให้ถอยห่างออกไปจากลัลทริมาได้ทุกเวลาเช่นกัน  (เพราะหมอนั่นเองเป็นคนแผนสูงใช้ได้ อาจจะแกล้งทำดีเพราะมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง)

     

                “ขอบคุณนะคะ” เสียงของลัลทริมาดังขึ้น  ปลุกภวังค์ของพวกที่กำลังยืนสุมหัวกันอยู่  พวกคุณชายทั้งหลายหันไปมองก็เห็นว่าลัลทริมากำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขา  “เล่นน้ำกันไหมคะ?”

               

                แคปเปอร์หันไปยิ้มหวานให้เธอ “พอดีเมื่อกี้พวกผมปรึกษากันว่าน่าจะหาอะไรเล่นบนชายหาดก่อน  เพราะตอนนี้ตัวของพวกเราแห้งกันหมดแล้ว  ซึ่งก็ได้ความเห็นมาว่าจะเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันครับ”

     

                “ขี่ม้าส่งเมือง??” ไม่เพียงแค่ลัลทริมาที่สงสัย  แต่เพื่อนๆ คนอื่นก็สงสัยเช่นกัน  เพราะสิ่งที่วกเขาพูดคุยกันเมื่อครู่มันไม่ใช่เรื่องนั้นเสียหน่อย

     

                “ครับ” แคปเปอร์ยังคงยิ้มกว้าง “เดี๋ยวพวกเราจะแบ่งทีมกันเป็นคู่  แล้วแต่ละคู่จะได้รับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกันไปคนละผืน  โดยคนที่ขี่ม้าจะต้องโพกผ้าไว้บนหัว  และต้องแย่งผ้าของคนอื่นมาให้ได้  ใครที่แย่งผ้าของทีมอื่นมาได้มากที่สุดก็เป็นฝ่ายชนะไปครับ” อธิบายอย่างกระชับ  ก่อนจะดึงทุกคนให้มายืนรวมกันเป็นวงกลม  แล้วให้เพื่อนๆ เป่ายิ้งฉุบเพื่อจับคู่  ซึ่งเพื่อนแต่ละคนก็ยอมเล่นทั้งๆ ที่คิดว่ามันน่าเบื่อ  แต่...ก็นั่นแหละ  ใครๆ ก็อยากคู่กับลัลทริมากันทั้งนั้น  ถ้าไม่เล่น...ก็เท่ากับว่ายอมสละสิทธิ์ให้เพื่อนสิ

     

                ผลการเป่ายิ้งฉุบออกมาเป็นเอกฉันท์ภายในครั้งเดียว  เพราะทุกคนจับคู่ได้อย่างลงตัวหมด  โดยได้คู่  ดังนี้  อคิน – เชียร  ภาม – เรวิน  แคปเปอร์ – ชินะ  และการิน – ลัลทริมา  เมื่อลงตัวเรียบร้อย  แคปเปอร์ก็แจกผ้าหนึ่งผืนให้กับแต่ละคู่ด้วยใบหน้าที่แสดงอออกถึงความเสียดายนิดๆ  อุตส่าห์คิดเกมนี้ขึ้นมาเพราะคาดหวังว่าตนเองจะได้คู่กับลัลทริมา  แต่กลับได้มาคู่กับชินะแทนเสียอย่างนั้น  “นี่ครับของคู่คุณลัล”

     

                “ขอบคุณค่ะ” ลัลทริมารับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาไว้ในมือ  ก่อนจะหันมองใบหน้านิ่งๆ ของการินที่จ้องเธอตอบ  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้  ถ้าคู่กับคนอื่น...เธออาจจะไม่รู้สึกเกร็งเช่นนี้ก็ได้ “นี่ผ้าค่ะ”

     

                “เธอเก็บมันไว้สิ”

     

                “เอ๊ะ?” ลัลทริมาจ้องหน้าการินด้วยความไม่เข้าใจ “หมายความว่าคุณจะเป็นม้าอย่างนั้นเหรอคะ?”

     

                “หรือเธอจะแบกฉันล่ะยัยโง่ ?” การินถามกลับด้วยน้ำเสียงหน่ายกับความซื่อของเธอ  ถามมาได้ว่าเขาจะเป็นม้าเหรอ?  ถึงเขาจะไม่อยากแบกใคร  แต่ก็คงไม่เอาตัวเองไปให้ผู้หญิงแบกเช่นกัน  ฝ่ายลัลทริมาพอเจอสวนแบบนั้นก็ได้แต่พูดไม่ออก  เพราะมันก็จริงของเขา  เธอจะไปแบกเขาไหวได้อย่างไรกัน  เช่นนั้นแล้วเธอจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ  ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วด้วยความเก้อเขิน  แล้วลงมือโพกผ้าไว้บนศีรษะตนเอง

     

                จากนั้นแต่ละทีมจึงจัดแจงท่าทางเตรียมพร้อมในการเล่นเกมขี่ม้าส่งเมือง  ทางลัลทริมาเองก็กระโดดขึ้นขี่หลังการินเรียบร้อยแล้ว  เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยบางอย่างกับเขา...บางอย่างที่เธอนึกถึง “ได้ขี่หลังคุณอีกแล้ว...นึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเลยเนอะ”

     

                “อืม...เธอหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” การินตอบกลับ  อันที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไรหรอก  แต่เขาก็ไม่รู้จะตอบเธออย่างไรเช่นกัน  เพราะพอเธอพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา...เขาก็อดที่จะคิดถึงมันไม่ได้  เรื่องที่เขาไล่เธอออกจากบ้าน  แล้วก็เป็นคนไปตามเธอ  โดยที่ตอนนั้น...เขายอมให้เธอขี่หลังเขากลับมา

     

                “ไม่น่าพูดเลย” การินได้ยินเสียงลัลทริมาบ่นอุบอิบ  เขาจึงหัวเราะในลำคอ  ก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับอีกสามทีมที่เดินมารอกันแล้ว  และเมื่อเห็นเพื่อนๆ การินก็ยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย  ต่างกับลัลทริมาที่แอบหัวเราะน้อยๆ  เพราะเธอไม่เคยเห็นภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆ แบบนี้แบกกันเอง  คนเป็นม้าคงจะหนักน่าดู

     

                “งั้นเริ่มเกมได้ครับ” สิ้นเสียงแคปเปอร์ที่เป็นม้าให้กับชินะ  ม้าของทั้งสี่ทีมต่างก็วิ่งเข้าไปใกล้กันเพื่อที่จะให้คนที่พวกตนแบกอยู่แย่งเอาผ้ามาจากอีกฝ่ายให้ได้  อคินแบกเชียรมาใกล้กับทีมของการิน  ลัลทริมาซึ่งเป็นผู้มีหญิงที่มีลักษณะความว่องไวคล้ายลิงก็ไวพอที่จะคว้าผ้าจากเชียร  ทว่าเชียรกลับหลบได้  มือของเธอจึงพลาดไปกระชากเอาเรือนผมสีแดงที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้าเอาไว้แทน

     

                “โอ๊ย” เชียรร้องออกมาด้วยความเจ็บ  พาให้ทั้งการินและอคินตกใจไปด้วยจึงต้องหยุดนิ่ง  และเห็นว่านัยน์ตาสีเพลิงเช่นเดียวกับเรือนผมของเชียรจ้องมองลัลทริมาเขม็ง “เล่นโกงงั้นเหรอ?  อยากจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม?  ได้  ฉันจัดให้” ว่าแล้วเชียรก็คิดจะแกล้งลัลทริมากลับ  แต่การินก็พยายามจะพาร่างเล็กบนหลังของเขาหลบหลีกจากเจ้าคู่หูอาฆาตแรงนั่น

     

                การเล่นเกมเป็นไปด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน  แม้ลัลทริมาจะโดนคนอื่นๆ แกล้งดึงผมบ้างก็ตามที  แต่ทุกคนก็ยิ้มและหัวเราะไปกับมัน  ซึ่งคนคิดเกมอย่างแคปเปอร์ก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้  เขายิ้มปลื้มปริ่มใจ  จึงพลาดให้เรวินที่แบกภามเข้ามาใกล้  และคว้าผ้าไปจากชินะได้  แต่เพียงไม่นานอคิน  หนุ่มผู้ทรงพลังก็ออกฤทธิ์พาเชียรคว้าผ้ามาจากทุกทีมได้สำเร็จ  ยังผลให้ทีมอคิน – เชียรเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ไป

     

                เกมจบลง  ทุกคนต่างก็เหงื่อท่วมตัวเพราะเล่นเกมที่ต้องใช้แรงกาย  อีกทั้งยังเล่นกันท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเช่นนี้ด้วยแล้ว  จึงคิดจะชำระเหงื่อไคลด้วยการวิ่งลงทะเล  แล้วก็แน่นอนว่าต่างคนต่างก็วิ่งลงทะเลกันอย่างเต็มใจไม่ต้องให้ใครอื่นมาลากเลย  ทั้งแปดเล่นน้ำกันต่ออีกราวชั่วโมง  จากนั้นจึงชวน

    กันกลับเพราะเห็นว่าตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นพอสมควรแล้ว  พวกเขาจึงขึ้นจากน้ำมาเก็บของและชวนกันไปตลาดเพื่อซื้ออาหารทะเลไปทำกินที่รีสอร์ท 

     

                รถจักรยานยนต์ทั้งสี่คันขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถของตลาด  ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ และแน่นอนว่าพวกคุณชายเลือกซื้อของไม่เป็น  ภาระจึงตกมาอยู่ที่ลัลทริมา  เด็กสาวผู้เติบโตมากับท้องทะเล  เธอเดินจับจ่ายซื้อของได้มากมาย  ทั้งกุ้ง  หมึก  หอยเชลล์  หอยแมลงภู่  รวมทั้งอาหารคาวอย่างอื่นจำพวกข้าวผัดปู  ต้มยำทะเล  เป็นต้น  แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ค่อยจะชอบใจนักก็คือ...ของทั้งหมดที่ซื้อมา  เธอเป็นคนถืออยู่คนเดียว  ซึ่งตอนที่ขอร้องให้พวกคุณชายช่วยถือ  พวกเขากลับส่ายหน้าปฏิเสธและให้เหตุผลว่ามันคาว  พวกเขาไม่อยากถือ  นั่นทำให้เธอได้กัดฟันด้วยความหงุดหงิด ...นี่เธอไม่ได้เป็นคนรับใช้ของพวกเขาแล้วนะ(แม้พวกเขาจะทึกทักว่าเธอยังเป็นก็ตาม)  ทำไมยังใช้งานเธอหนักอย่างนี้ได้อีก

     

                เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ท  ชินะเดินไปติดต่อเพื่อขอเตาย่าง  จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด  แล้วออกมาพบกันที่บริเวณลานนั่งเล่นใกล้บ้านพักของพวกเขา   ซึ่งมีพนักงานนำเตาย่างมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว  พร้อมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมีด  เขียง  กะละมังเล็กๆ  และพวกจานชาม  แน่นอนว่างานหนักตกอยู่ที่ลัลทริมาอีก  เพราะเธอต้องล้างพวกอาหารทะเลสดๆ นั่นให้สะอาด  แล้วต้องเป็นคนจุดเตา  และย่างอาหารทะเลสดๆ ให้พวกคุณชายได้รับประทานกัน

     

                ท่ามกลางบรรยากาศยามพลบค่ำ  อาหารจำนวนมากถูกวางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ  พวกคุณชายรับประทานพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ห่างออกมาเล็กน้อย  ลัลทริมากำลังยืนหน้าบึ้งใช้ไม้คีบพลิกร่างหมึกตัวโต  เธอยืนประจำหน้าเตามานานจนรู้สึกร้อน ราวกับเธอเป็นหมึกตัวที่โดนย่างเสียเอง  อีกทั้งควันก็ยังลอยเข้าปะทะกับเธอ เด็กสาวไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะอาบน้ำมาเพื่ออะไร  เพราะท่าทางเธอจะได้อาบใหม่แน่นอน

     

                “ผมช่วยนะครับ” เรวินเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ  เขายื่นมันให้กับเธอ  และลัลทริมาก็รับมาดื่มด้วยความกระหาย  เนื่องจากการต้องทำหน้าที่อยู่หน้าเตาไฟที่ร้อนระอุแบบนี้  มันทำให้เธอเสียพลังงานไปมากกว่าที่คิด  ทางเรวินเองก็หันไปหยิบที่คีบอีกอันหนึ่งขึ้นมา  และช่วยเธอพลิกกุ้งกว่าสิบตัว  พร้อมมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณลัลไม่ร้อนเหรอครับ ?”

     

                “ถามอะไรแปลกๆ  ก็ต้องร้อนอยู่แล้วสิคะ” ลัลทริมาตอบกลับ  ทำให้เรวินหัวเราะ  เขาคีบกุ้งตัวที่สุกแล้วออกจากเตา  ก่อนจะคีบตัวใหม่เข้ามาใส่ไว้แทน  สักครู่เดียวแคปเปอร์ก็เดินเข้ามาช่วยอีกแรง  โดยลัลทริมาส่งหมึกย่างสุกที่ส่งกลิ่นหอมให้เขา  และแคปเปอร์ก็รับไปหั่น  ทั้งสามพูดคุยกันด้วยเรื่องตลกเพราะแคปเปอร์และเรวินเป็นคนเฮฮาอยู่แล้ว  พร้อมทั้งช่วยกันย่างอาหารเหล่านั้น  ใช้เวลาอยู่พอสมควรอาหารสดที่ซื้อมาก็ถูกย่างจนสุกทั้งหมด

     

                ลัลทริมา  แคปเปอร์  และเรวินเดินถือจานใส่กุ้ง  หมึก  และหอยเชลล์ชุดสุดท้ายที่ย่างเสร็จเข้ามา  ก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อน  แล้วทั้งหมดก็รับประทานกันต่อด้วยความเอร็ดอร่อย  พร้อมทั้งวางแผนกันไว้ว่าหากทานอาหารเสร็จแล้วจะไปนั่งเล่นกันที่ริมชายหาดแห่งหนึ่ง  เพราะตอนกลางคืนบรรยากาศดี  แถมไม่มีใครมารบกวนด้วยแน่นอน

     

                กว่าจะรับประทานอาหารและทำความสะอาดโต๊ะเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว  แต่ทั้งแปดคนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก  พวกเขาค่อยๆ เดินมายังสถานที่ให้บริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท  อคินเดินเข้าไปพูดคุยกับพนักงานเล็กน้อย แล้วพนักงานก็เดินลับหายไป แต่เพียงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกีต้าร์โปร่งตัวหนึ่ง  ซึ่งอคินก็รับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ทำให้ลัลทริมาที่เห็นแบบนั้นอดที่เอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

     

                “คุณชายอคินเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอคะ?”

     

                “เล่นไม่เป็นแล้วจะขอมาทำไมล่ะ  บ้ารึเปล่า” อคินหันมองเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ต้องมาถามด้วยเหรอ  ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาขอกีต้าร์มาเพื่อเล่น  ถ้าเล่นไม่เป็นแล้วจะขอมาแบกไว้เพื่ออะไรกัน  ทางลัลทริมาก็ได้แต่หันหน้าหนีด้วยไม่รู้จะพูดอะไร  เธอผิดเองแหละที่ถามไม่คิดแบบนั้น

     

                รถจักรยานยนต์ทั้งสี่คันแล่นผ่านเส้นทางสายเล็กๆ ท่ามกลางความมืดมิด  อันที่จริงลัลทริมาคิดว่ามันค่อนข้างอันตรายไม่น้อยเลยสำหรับการขับรถไปยังชายหาดตอนกลางคืนแบบนี้  เพราะนอกจากจะเปลี่ยวแล้ว  ถนนหนทางยังมืดเนื่องจากไม่มีไฟข้างถนน  อีกทั้งเส้นทางยังเป็นภูเขา  จึงมีทางเลี้ยวโค้งและความชันไม่น้อย  หากไม่คุ้นชินกับเส้นทางหรือขับอย่างไม่ระมัดระวังแล้ว  อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้   มือบางกำถุงขนมที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อก่อนมาไว้แน่น  ภาวนาให้ไปถึงหาดเร็วๆ  เพราะเธอเริ่มกลัวอย่างบอกไม่ถูก  ยิ่งเห็นภามขับรถผ่านศาลเพียงตาและต้นไม้ที่ผูกผ้าสามสีเอาไว้  ลัลทริมาก็ยิ่งไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปมากนัก

               

                เมื่อขับรถลงจากเนินเขามาแล้วก็พบกับชายหาด  พวกคุณชายขับรถมาจอดใกล้ๆ บริเวณชายหาด  แล้วลงเดินเท้าไปยังหาดทรายที่มีเก้าอี้ผ้าใบตั้งเรียงรายไว้จำนวนมาก  ลัลทริมาเห็นว่าตอนนี้พวกคุณชายกำลังจัดแจงเก้าอี้เหล่านั้นให้หันเข้าหากันเป็นวง  จากนั้นแต่ละคนก็จับจองเก้าอี้ของตัวเองพร้อมเรียกให้เด็กสาวไปนั่งด้วยกัน  ร่างบางเดินเข้าไปพร้อมวางถุงขนมลงใกล้ๆ บริเวณเก้าอี้ที่เธอนั่ง 

               

                สายตาของลัลทริมามองออกไปยังท้องทะเลสีดำสนิท  ทุกอย่างในบริเวณรอบๆ นี้ดูเงียบสงบไปหมด  หากว่าไม่มีคลื่นคอยสาดกระทบฝั่งแล้ว  มันก็คงจะเงียบจนน่ากลัวเลยทีเดียว  แล้วสายตาของเธอก็ต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับอคินที่ตอนนี้เริ่มดีดกีต้าร์เป็นจังหวะเพลง  แล้วพวกคุณชายคนอื่นๆ ก็ช่วยกันร้องเพลงขึ้นมา  ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาของทะเลยามค่ำคืนกลายเป็นสนุกครึกครื้นไปแทน  ลัลทริมาไล่สายตามองคุณชายแต่ละคนพลางอมยิ้มไปด้วย  เธอคิดว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับพวกคุณชายตอนนี้มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่พอสมควร  เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา  เธอไม่เคยเห็นด้านนี้ของพวกเขาเลย  อาจเพราะทุกๆ วันที่เคยได้อยู่ร่วมกันมีแต่เรื่องให้ปวดหัว  แต่พอได้มาพักผ่อนกันอย่างจริงจังแบบนี้แล้ว  เธอถึงได้เห็นว่าพวกเขาเองก็มีมุมที่ค่อนข้างจะน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                “เอ่อ...พวกคุณชายคะ” ลัลทริมาขัดขึ้นเมื่ออคินเล่นเพลงที่สี่จบ พวกคุณชายหันมามองเธอ  ซึ่งเธอก็ยิ้มบางพลางเอ่ยขอ “ฉันขอไปเดินริมชายหาดหน่อยได้ไหมคะ?”

     

                เกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อย  ทั้งเจ็ดหนุ่มหันมองหน้ากันไปมา  ก่อนการินจะเป็นตัวแทนเอ่ยตอบเธอ “ก็ไปสิ  แต่อย่าเดินไปไกลนักล่ะ  มันอันตราย”

     

                “ค่ะ” ลัลทริมาตอบรับแล้วลุกขึ้นเดินออกไป  ทิ้งให้พวกคุณชายได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง  อันที่จริงแล้วพวกเขาห่วงเธอมาก  อยากจะไปเดินเป็นเพื่อนด้วยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่าลัลทริมาคงจะคิดถึงเรื่องราวสมัยเด็กของเธอที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะที่ห้อมล้อมไปด้วยน้ำทะเล  จึงควรจะปล่อยให้เธอไปเดินเล่นเพียงลำพังเสียจะดีกว่า  

     

                ร่างบางเดินห่างออกมาไม่ไกลมากนัก  เพราะเธอยังได้ยินเสียงพวกคุณชายเล่นดนตรีกันอยู่  เธอหันมาสนใจกับผืนน้ำสีดำตรงหน้า  และบรรยากาศสงบเงียบรอบข้างที่ชวนให้คิดถึงเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต  ดวงตากลมโตหันไปจดจ้องกับทะเลอีกครั้ง  ซึ่งลมแรงได้พัดพาเอากลิ่นเค็มๆ ของเกลือเข้ามาด้วย  แต่มันก็เป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคยดี  ขาเรียวพาตัวเองก้าวเข้าไปใกล้กับบริเวณที่น้ำทะเลซัดถึง  แล้วเพียงครู่เดียว  เท้าของเธอก็เปียกชื้นน้ำทะเล  ลัลทริมาหัวเราะคิกคักเมื่อเธอรู้สึกจั๊กจี้ที่เท้าเล็กน้อย  พอก้มลงไปก็เห็นว่ามีปูลมตัวเล็กอยู่ใกล้ๆ  พอกำลังจะก้มลงจับปู  ก็มีเสียงแทรกขึ้นมา  พาให้เธอต้องสะดุ้งจนตัวโยน         

     

                 “บรรยากาศดีมากเลยนะครับเนี่ย” น้ำเสียงร่าเริงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมา

     

                “ใช่ค่ะ” ลัลทริมาหันมามองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยทักเมื่อครู่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง  ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  พลางยืดตัวขึ้นยืนตรง

     

                “แล้วคนที่มาด้วยนี่...ดีสู้บรรยากาศได้ไหมครับ ?”

     

                คำถามดังกล่าวพาให้ลัลทริมาต้องหันมามองหน้าเรวินด้วยความสงสัยเล็กน้อย  แต่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มกริ่มให้เธอเท่านั้น  ร่างบางจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบ “สู้ไม่ได้หรอกค่ะ  แต่...”  เธอหันหน้าหนีกลับไปมองทะเลอีกครั้งแล้วกล่าวต่อ “...อยู่กับคนที่มาด้วยกันแล้ว...มีความสุขมากกว่า”

     

                “แสดงว่าชอบคนมากกว่าบรรยากาศสินะครับ”

     

                “ก็...สมมุตินะคะ  สมมุติว่าคนที่มาด้วยกันกับเราทำให้เรามีความสุขได้  ต่อให้บรรยากาศมันแย่มากขนาดไหนก็ตามที  ฉันคิดว่าเราก็ยังคงมีความสุขอยู่ดีนั่นแหละค่ะ  หรือถ้าบรรยากาศดี  แต่คนรอบข้างกลับทำให้เราทุกข์ใจ  แบบนั้นเราก็คงมีไม่มีความสุข” เด็กสาวพูดไปยิ้มไป

     

                เรวินมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มกว้าง  “ถ้าอย่างนั้น....ชอบคนไหนเหรอครับ” 

     

                ร่างบางหันขวับมามองเรวินด้วยความตกใจ  เพราะไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยถามคำถามนี้ออกมา...อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงเวลาแบบนี้ล่ะนะ “ถามทำไมเหรอคะ?”

     

                “ก็ถามใจคุณดู”

     

                “คุ้นๆ เหมือนเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะคะ” ลัลทริมาตอบยิ้มๆ  พลางนึกไปถึงตอนที่เธอและพวกคุณชายไปเที่ยวที่สวนสนุกกัน  ซึ่งนั่นเป็นการไปเที่ยวครั้งสุดท้ายสำหรับการทำงานเป็นคนรับใช้ของเธอ  ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายระหว่างเธอและพวกคุณชายขึ้นไม่น้อย  ในตอนนั้นเองที่เธอได้มีโอกาสเดินมากับเรวินเพียงสองคนเท่านั้น...และเขาก็ได้เอ่ยบางอย่างกับเธอ

     

    “นี่คุณลัล ถ้าจะเลือกเป็นแฟนกับใครสักคนแล้วล่ะก็...เลือกให้มันดีๆ หน่อยนะครับ  เพราะพวกนั้นแต่ละคนเนี่ย  เจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น”

     

    “เป็นแฟน..?  กับพวกคุณน่ะเหรอคะ?”

     

    “ใช่ครับ  ก็ถ้าคุณลัลจะต้องเลือกใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วมีความสุข และเขาก็พร้อมที่จะดูแลและมอบความสุขให้กับคุณได้  คนคนนั้นก็คงเป็นหนึ่งในพวกผมนั่นแหละครับ”

     

    “นี่ไม่คิดว่าฉันจะชอบคนอื่นที่ไม่ใช่พวกคุณชายบ้างเหรอคะ?”

     

    “คุณไม่ได้ผูกพันกับใครมากเท่าพวกผมแล้วนี่ครับ”

     

    “แหะๆ”

     

    บทสนทนาในตอนนั้นไม่มีคำตอบจากเธอ  เพราะเธอทำเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ ให้กับเขาเท่านั้น  ก็อย่างว่าแหละ...ตอนนั้นเธอไม่รู้จะตอบยังไงดี  หรือบางทีอาจเป็นเพราะเธอยังไม่ได้คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนั้นกับพวกคุณชายก็เป็นได้ 

     

                เรวินที่เห็นเธอเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ออกจะขบขัน “แต่คำถามในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นนะครับ”

     

                “อืม...แล้วถ้าฉันตอบว่าชอบทุกคนเลยล่ะคะ” ลัลทริมาเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง  หากแต่แววตาของเธอกลับฉายแววจริงจังออกมา  เพราะมันก็เป็นอย่างที่เธอได้พูดไปจริงๆ  เธอยอมรับว่าเธอชอบพวกคุณชายทุกคนนั่นแหละ

     

                “งั้นผมก็ขอเปลี่ยนคำถามเป็นว่า รักคนไหน ก็แล้วกันครับ” อีกฝ่ายเองก็สวนคำถามกลับมาอย่างรวดเร็ว

     

                “ก็...” ร่างบางเว้นช่วงคำพูดของตนเล็กน้อยราวกับกำลังขบคิดถึงคำตอบของคำถามนั้น  แล้วใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ ขึ้นสีระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้  จนทำเอาเรวินสงสัยไม่น้อยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่  แล้วคำตอบที่เธอเว้นช่วงไว้เมื่อครู่ก็ถูกเอ่ยต่อออกมา “ไม่ตอบดีกว่าค่ะ”

     

                “ว้า แย่จัง” ร่างสูงแสร้งทำน้ำเสียงเสียดาย  อันที่จริงก็เสียดายจริงๆ นั่นแหละ  อุตส่าห์ถามเพราะอยากจะรู้เสียหน่อย  กะว่าจะเอาคำตอบของเธอไปล้อเล่นกับพวกคุณชายคนอื่นๆ ได้  แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะไม่ตอบ  เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มให้กับเธอ  

     

                “สักวันก็รู้เองล่ะค่ะ” ลัลทริมาตอบพร้อมยิ้มให้กับท่าทางนั้นของเรวิน  ก่อนจะเบนสายตาไปยังพวกคุณชายที่เหลืออีกหกคนที่กำลังสนุกสนานกับการนั่งล้อมวงร้องเพลงกัน  แล้วรอยยิ้มของเธอก็แย้มกว้างมากกว่าเดิม

     

                ...ไม่พ้นหนึ่งในพวกคุณจริงๆ นั่นแหละ...









    -TBC-




     

    ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ยาวมากพอควร
    หลายๆ อาจสงสัยกันได้ว่า เอ๊ะ? ตัวละครในเรื่องพูดถึงอดีตนั่นนี้ ซึ่งมันก็คือเนื้อเรื่องที่เคยเกิดในภาค 1 นั่นเองค่ะ

    บทสนทนาระหว่างภาม - ลัล ตอนขับรถ : มาจาก Chapter 21 
    บทสนททนาระหว่างการิน - ลัล ตอนที่ลัลได้ขี่หลังการิน : มาจาก Chapter 15-16
    บทสนทนาระหว่างเรวิน- ลัล ในช่วงท้ายของเรื่อง : มาจาก Chapter 49B

    และ...ไม่รู้จะกล่าวอะไรกับนักอ่านที่น่ารักทั้งหลายดี
    เอาเป็นว่าพบกันตอนหน้านะคะ :) 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×