ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #18 : >>:: Chapter 15

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 56





    CHAPTER 15

     

     

     

     

    คำพูดที่เป็นดังสิ่งตัดสินชะตาชีวิตดังออกมา  ลัลทริมาได้แต่ปากสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “ทะ..ทำไมล่ะคะ?”

     

    “ถามมาได้ว่าทำไม  เธอเล่นหลอกลวงพวกฉันแบบนี้  แล้วยังจะมีหน้าอยู่ให้พวกฉันเห็นอีกงั้นเหรอ?” การินตวาดใส่เธอด้วยความโมโห

     

    “แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคุณชาย” เธอร้องบอก  แต่ก็ต้องเงียบไปอีกครั้ง เมื่อพบเข้ากับสายตาเย็นชาหลายคู่ที่จ้องมา

     

    “ทำแบบนี้ทำไมกัน?  รู้มั้ยว่ามันทำให้พวกฉันตกใจกันมากขนาดไหน” ชินะกล่าวออกมา  พลางมองหน้าเธอด้วยความผิดหวัง

     

    “ใช่  เธอทำแบบนี้ได้ยังไงกัน” อคินตวาดใส่เธอบ้าง “รู้มั้ยว่าที่ผ่านมาฉันรู้ผิดขนาดไหนที่ทำให้เธอเจ็บตัว  รู้สึกผิดมากขนาดไหนที่ทำให้ความทรงจำของเธอหายไป!!!

     

    “อึก..ฉัน..” เธอสะอึก  อยากที่จะพูดออกไปเหลือเกิน  แต่ก็กลัวเสียจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี

     

    “หึ  ให้มาเป็นคนใช้ดีๆ ไม่ชอบ  ริอาจทำตัวเหมือนพวกสิบแปดมงกุฏ  ต่ำช้าที่สุด!” การินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

     

    สิ่งที่การินพูดออกมานั้น  ทำเอาเธอตะลึงไม่ใช่น้อย  ความกลัวที่มีอยู่หนีหายไปจนหมดสิ้น  จะเหลือก็แต่ความกล้าที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเท่านั้นเอง

     

    “พูดกันดีๆ ก็ได้นี่  ไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนี้เลย!!” เธอตะโกนใส่หน้าเขา

     

    “แล้วมันไม่จริงรึไงล่ะห๊ะ  กับสิ่งที่เธอทำน่ะ!?”

     

    “แล้วที่พวกคุณชายทำกับฉันน่ะ  ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายบ้างรึไง”

     

    “ไม่เคยคิด” สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ  แต่เสียดแทงใจคนฟังยิ่งนัก  ลัลทริมาปล่อยให้น้ำตาที่รื้นคลออยู่ไหลรินอาบแก้มตนเอง

     

    “ก็พูดได้นิ่  คุณไม่ใช่คนโดนแกล้งนิ่”

     

    “แล้วเธอล่ะ..ไม่ใช่คนโดนหลอก  จะรู้สึกอะไรได้” เขาย้อนกลับมา

     

    “พอเถอะ การิน” แคปเปอร์พูดขัดขึ้น  เพื่อให้เพื่อนหนุ่มของตนเองที่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ร้อนเสียสุดๆ ให้ใจเย็นลง

     

    “ไปไกลๆ เลยไอ้แคปเปอร์” การินหันมาบอกคนห้ามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

    หากแต่แคปเปอร์ก็ยอมทำตามเขาไม่  กลับหันไปหาอคินแทน

     

    “เฮ้ย  ทำไรซักอย่างดิ่  อคิน!!” ไม่รู้ว่าเขาหันไปบอกได้ถูกคนหรือไม่ ในเมื่อตอนนี้ อคินทำเพียงจ้องมองไปทางลัลทริมาเงียบๆ

     

    “ออกไป..” เสียงการินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

     

    ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างอ้อนวอนขอร้อง..แต่ก็ไร้ประโยชน์  เมื่อดวงตาของเด็กหนุ่มผมดำนั้นเย็นชามากเหลือเกิน  มากเสียจนทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาคู่สวย  เธอได้แต่กัดริมฝีปากไว้แน่น  ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก  แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องนี้ไปทันทีโดยไม่สบตากับใครทั้งสิ้น 

     

    เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครสักคนวิ่งตามเธอออกไป.. 

     

    พวกคุณชายได้แต่ยืนนิ่ง  ไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักคำ  ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัดขึ้นมาทันตาเห็น  จนสุดท้ายแล้วแคปเปอร์ก็ทนไม่ไหว  ขอเป็นคนทำลายบรรยากาศในคราวนี้ทิ้ง

     

    “จะดีเหรอ?  ถึงคุณลัลเค้าจะไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆ  แต่แขนเค้าก็ยังไม่หายเลยนะ”

     

    “ปล่อยไว้แบบนั้นก็คงไม่ตายหรอก” อคินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา  ก่อนจะเหลือบมองไปทางชินะที่ยืนยิ่งเงียบ

     

    “มองทำไม?”

     

    “ไม่ตามไปรึไง?” คุณชายนัยน์ตาต่างสีเอ่ยถามอย่างประชดประชัน

     

    “อย่ามาประชดฉันอคิน” ชินะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  “ถ้าแกยังโกรธฉันเรื่องที่ฉันไปโทษแกว่าทำให้ยัยนั่นเจ็บตัว..ฉันขอโทษก็แล้วกัน”

     

    “หา?  ว่าไงนะ”

     

    “บอกว่าฉันขอโทษก็แล้วกัน” คุณชายผมสีขาวพูดพลางจ้องหน้าอคิน

     

    “เอ๊อ ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรแกซะหน่อย..  แต่ฉันจะยอมรับคำขอโทษนั้นเอาไว้ก็แล้วกัน” อคินพูดด้วยท่าทางเคอะเขิน  อาจเพราะจู่ๆ  เพื่อนที่เกิดระหองระแหงกันมาเอ่ยขอโทษซะดื้อๆ แบบนี้

     

    “เอาเป็นว่าพวกแกดีกันได้แล้วสินะ” เชียรพูดขึ้นมา  มองหน้าเพื่อนทั้งสองที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร  ไม่จิก ไม่กัด เหมือนช่วงที่ผ่านมานี้

     

    ภามมองกลุ่มเพื่อนของตน  ก่อนจะถอนหายใจทิ้ง พลางหันไปถามเรวินที่มีสีหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ “เอาไงดีเรวิน..”

     

    “แหม  ถามผม  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะครับ” เรวินตอบยิ้มๆ  หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเสแสร้งทำเสียมากกว่า

     

    “งั้นหรอกเหรอ” คุณชายผมสีคาราเมลตอบเรียบๆ 

     

    ก๊อกๆๆ

     

    เสียงประตูห้องสมุดดังขึ้น  เชียรจึงตะโกนถามว่ามีอะไร

     

    “คือ..อาหารเย็น  ไม่ทราบว่าจะทานต่อกันรึเปล่าคะ  ถ้าไม่ทาน  ดิฉันจะเก็บโต๊ะแล้วนะคะ” เสียงของแม่บ้านร้องบอกพวกเขา  ซึ่งพวกเขาก็ต้องตอบว่า ทาน แน่นอน เพราะเมื่อครู่นั้น..ยังไม่ทันได้กินอะไรกันด้วยซ้ำ  เพราะต้องตามเรวินกับลัลทริมามาเสียก่อน

     

    +++++++++++++++++++++++++

     

    “แบบนี้ พวกเราก็เป็นฝ่ายชนะพนันใช่มั้ยล่ะ  เพราะยัยนั่นลาออกไปซะก่อน..แหม  กำลังจะครบหนึ่งเดือนอยู่แล้วเชียว” เชียรพูดขึ้นมากลางวงสนทนา  ขณะที่พวกเขาทั้งหลายกำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่

     

    “ก็งั้นแหละ” การินตอบรับ

     

    ส่วนคนอื่นๆ กลับเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย

     

    เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ  พวกคุณชายก็เลยไปนั่งเล่นกันที่ระเบียงของห้องชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นที่เอาไว้ให้พวกเขาทั้ง 7 คนใช้ดูหนังโดยเฉพาะ และนอกห้องยังมีระเบียงไว้ให้นั่งเล่นรับลมหรือดูดาวอีกด้วย

     

    “นี่ก็มืดแล้ว..คุณลัลจะเป็นไงบ้างนะ” แคปเปอร์เอ่ยขึ้นมา  สายตาของเด็กหนุ่มทอดมองออกไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล  ที่บัดนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงส้มของยามเย็นเป็นดำมืดของค่ำคืน 

     

    หากแต่คำพูดที่แคปเปอร์เอ่ยออกมา  ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากคนอื่นๆ เลยซักนิด

     

    ภามนั่งมองท้องฟ้าอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะเดินเข้ามาหาชินะ “ชินะ..ตอนนี้เมฆกำลังตั้งเค้านะ  ท่าทางฝนจะตก  แถมคงจะตกหนักด้วย”

     

    “แล้วทำไมงั้นเหรอ?” ชินะถามออกไป  ทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว  ว่าภามต้องการจะสื่ออะไรให้เขารู้

     

    “ปล่อยไว้มันจะดีเหรอ..เด็กหญิงผู้น่าสงสารคนนั้นน่ะ” ภามเอ่ยเสียงเรียบๆ  แต่คำพูดนั้นก็เรียกความแปลกใจจากชินะได้เป็นอย่างดี

     

    “นายรู้เหรอ?  ว่าเป็นยัยนั่น”

     

    “ก็พอจะเดาออกน่ะ” ภามตอบกลับ  พลางมองออกสู่ท้องฟ้ากว้างอีกครั้ง “แล้วตกลงจะเอาไง?”

     

    “ไม่รู้สิ”

     

    “นายโกรธที่ยัยนั่นโกหกหรือเปล่า?” ภามถามอีก

     

    “โกรธ” ชินะตอบกลับอย่างรวดเร็ว  เขาโกรธเธอจริงๆ  โกรธที่เธอหลอกลวงพวกเขาแบบนี้  เพราะเขายอมรับเลย..ว่าเขาก็เป็นห่วงเธออยู่บ้าง  ทำให้ตอนที่รู้ความจริง  เขาจึงโกรธเธอมาก 

     

    “แต่ฉันเฉยๆ นะ” หนุ่มหน้าอ่อนพูด  พลางกรอกตาไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก่อนจะตัดสินใจถามออกมาตรงๆ “ตกลงจะไม่ช่วยยัยนั่นจริงๆ เหรอ?”

     

    “ฉันคงทำอะไรมากไม่ได้” คุณชายคู่สนทนาตอบออกมาเสียงเรียบ  ก่อนจะปรายตาคู่สีอ่อนนั้นมองไปที่การิน “ไม่ลองไปคุยกับหมอนั่นดูล่ะ  ยังไงก็เป็นคนไล่ยัยนั่นออกไปนี่นา”

     

    “ไม่เอาล่ะ  กลัวการินมันเหวี่ยงใส่” ภามตอบกลับขันๆ

     

    “งั้นเหรอ..”

     

    ความเงียบเกิดขึ้นแก่คนทั้งสองอีกครั้ง  จนสุดท้าย  ภามก็เป็นคนทำลายมัน “ชินะ  ฉันไม่รู้นะ ว่านายไปรู้เรื่องอะไรของยัยนั่นมา  ถึงได้เรียกเธอว่าเด็กหญิงผู้น่าสงสาร  แล้วเรื่องคราวนี้ฉันว่าการินกับเชียรมันทำเกินไปนะ  ไล่ยัยนั่นออกทั้งๆ ที่แขนยังไม่หายดีแบบนี้  นายไม่สงสารรึไง”

     

    “ภาม นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่.. ฉันหมายถึงว่า  สิ่งที่นายต้องการจะบอกจริงๆ น่ะ” ชินะปรายตามามองเด็กหนุ่มผมสีคาราเมล

     

    “ฉันว่าเราออกไปตามหายัยนั่นกันดีมั้ย?  ท่าทางคงจะไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” ภามพูดออกมาตามตรง

     

    “.....” ชินะเงียบไปเล็กน้อย  ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง  ก่อนจะพยักหน้าตอบรับภามในที่สุด  แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับไปทางประตู

     

    “อะไร  ฝนยังไม่ตกซะหน่อย  ทำไมนายสองคนรีบเข้าบ้านจังเลยล่ะ” เชียรที่เห็นทั้งคู่เดินไปทางประตูเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน  ทำให้ชินะและภามชะงักเท้าไว้  ก่อนจะเป็นคุณชายผมขาวที่เอ่ยตอบขึ้นมา

     

    “พวกฉันจะไปตามยัยนั่น”

     

    คำพูดของชินะเรียกความฉงนจากคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะกับการิน  เด็กหนุ่มผมดำลูกชายเจ้าของบ้านเดินเข้ามาหาชินะ

     

    “หมายความว่าไง  นายจะไปตามยัยนั่นทำไม”

     

    “เพราะฉันรู้เรื่องบางอย่างของยัยนั่นเข้า..และฉันคิดว่า ฉันคงไม่อาจปล่อยให้ยัยนั่นไปเผชิญโลกกว้างคนเดียวได้ และที่แน่นอนที่สุดคือ..ยัยนั่นยังบาดเจ็บอยู่” ชินะอธิบาย

     

    “ถ้าฉันไม่ให้แกไปล่ะชินะ” การินถามออกมา แต่ไม่รอให้คุณชายชินะตอบ เขาก็พูดต่อ “แกไม่เห็นที่ยัยนั่นทำกับเรารึไง  หลอกกันได้หน้าด้านๆ ว่าความจำเสื่อม  แถมทำตัวยังกับเป็นเพื่อนเล่นของเรา มันแย่มากขนาดไหนกัน”

     

    “แล้วที่พวกเราทำกับยัยนั่นล่ะ  ไม่คิดว่าแย่เหมือนกันเหรอ” ชินะสวนกลับ  ก่อนจะจ้องมองหน้าเพื่อนหนุ่มของเขาด้วยแววตาจริงจัง “ที่ยัยนั่นโกหก  ก็อาจจะเพราะอยากแกล้งเราคืนเท่านั้นเอง”

     

    “แล้วไง  แกอยากช่วยยัยนั่นทำไม?  เพราะเรื่องบางอย่างที่แกได้ยินมางั้นเหรอ  รึว่าเพราะแกชอบยัยนั่นกันแน่” การินจ้องหน้าชินะกลับ

     

    คุณชายคนอื่นๆ ต่างยืนมองด้วยสายตาลุ้นระทึก  ว่าเรื่องราวคราวนี้จะเป็นอย่างไร

     

    “ฟังนะ การิน..ชีวิตของคนเราน่ะ  ต่างก็ผ่านความเจ็บปวดมาด้วยกันทั้งนั้น  นายเองก็เคยผ่านมันมาไม่ใช่เหรอ?  แล้วยัยนั่นเองก็ผ่านเรื่องราวความเจ็บปวดมามากเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นอย่างน้อยๆ แกน่าจะยอมรับและเข้าใจยัยนั่นซะหน่อยนะ  คนเราน่ะ..ยิ่งมีความเจ็บปวดเหมือนกัน  ก็ยิ่งเข้าใจกันได้มากนะ..” ชินะพูดออกมา  โดยเน้นประโยคหลัง..ประโยคที่เขาเคยได้ยินลัลทริมาพูด “นี่น่ะ..เป็นประโยคที่ยัยนั่นเคยพูดไว้”

     

    การินนิ่งเงียบไปเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ใช่เพียงเขาคนเดียว  เพราะคุณชายคนอื่นๆ ต่างก็ยิ่งเงียบไปเช่นกัน  ก่อนจะเป็นอคินที่พูดขึ้นมา

     

    “ยัยโง่นั่นเคยพูดประโยคดูดีแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ  ไม่ค่อยน่าเชื่อนะ” พูดพลางทำหน้าสีหน้าเข้าใจอย่างสุดซึ้งกับความหมายของคำพูดนั้น

     

    ชินะจ้องหน้าการิน  อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ  “ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว  ฉันขอตัวล่ะ”

     

    “ผมไปด้วยครับ” เรวินยกมือพลางร้องบอก  ก่อนจะรีบเดินตามหลังชินะออกไป  แคปเปอร์เองก็ไม่รอช้า  เขารีบวิ่งตามพวกนั้นไปด้วยเช่นกัน  ทำให้เหลือเพียงอคิน  การิน และเชียร

     

    “เอ่อ  บางทีฉันก็น่าจะไปนะ  เพราะฉันก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี” อคินพูด  ก่อนจะเดินจ้ำออกไป

     

    “การิน..” เชียรเอ่ยเรียกเพื่อนหนุ่มของตนเสียงเบา  มือเรียววางแตะบนไหล่การินเบาๆ “จะเอายังไงดีล่ะ”

     

    การินส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับเขาเองก็ไม่รู้คำตอบ  ทำให้เชียรต้องพูดขึ้นมาอีก “แกอยากจะทำยังไงก็ทำไปเลย  ยังไงฉันก็อยู่ข้างแกเสมอนะการิน  ต่อให้สิ่งที่แกเลือกเลวร้ายแค่ไหนก็เถอะ”

     

    เด็กหนุ่มผมดำยังคงไม่ตอบ  พลางนึกถึงคำพูดที่ชินะพูดออกมาเมื่อครู่..และสมองก็คิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับเขา..

     

    +++++++++++++++++++++++++++++

     

    ซ่า ซ่า

     

    สายฝนกระหน่ำเทลงมาเสียจนอากาศเย็นไปหมด  โชคยังดีที่พวกคุณชายพกร่มติดมือออกมาด้วย  ตอนแรกเรวินกะจะให้ขับรถออกตามหา  แต่ชินะก็บอกไว้ก่อนว่ามันจะหาลำบากเปล่าๆ แถมฝนยังตกหนักแบบนี้  คงจะมองหายาก  ทางที่ดีน่าจะเดินหาละแวกใกล้ๆ นี่แหละ  เพราะลัลทริมาคงไปไหนได้ไม่ไกล

     

    “ไปอยู่ที่ไหนของเค้านะ” แคปเปอร์บ่นพึมพำอย่างเป็นห่วงเป็นใย

     

    เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง  พวกเขายังคงตามหาเธอไม่พบ  อีกทั้งสายฝนก็ยิ่งสาดเทหนักกว่าเก่าเสียอีก  ยิ่งทำให้พวกเขาร้อนใจมากยิ่งขึ้น

     

    “คงไม่ใช่ว่าโดนลักพาตัวไปนะ” หนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยออกมาเบาๆ อย่างกังวล

     

    “อย่าคิดอะไรร้ายๆ สิวะ” อคินตอบเพื่อนเขาในเชิงต่อว่าเล็กน้อย

     

    “จะไม่ให้คิดได้ไงล่ะ  หาตั้งนานก็หาไม่เจอแบบนี้..” แคปเปอร์พูด  ก่อนจะตะโกนบอกชินะ “เฮ้  ฉันว่าเอารถออกตามหาไม่ดีกว่าเหรอ”

     

    “ไม่หรอก  ฉันเชื่อว่ายัยนั่นอยู่ไม่ไกลแน่  เพราะยัยนั่นคงไปไหนไม่ถูก  ที่เหลือก็แค่หา..ว่าอยู่ตรงส่วนไหนในบริเวณนี้เท่านั้นแหละ” ชินะตอบกลับมา

     

    แคปเปอร์พยักหน้ารับและลากอคินออกวิ่งหาอีกรอบ

     

    “แล้วยัยบ้านั่นมันไปหลบอยู่ตรงซอกหลืบไหนล่ะวะเนี่ย” อคินร้องออกมาอย่างขัดใจ

     

    “ดูไปเรื่อยๆ เถอะน่า”

     

    อีกด้านหนึ่ง

     

    ใต้ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณพุ่มไม้รกชัฏ  ห่างออกมาจากบ้านจินตเมธรมากพอสมควร  ร่างบางนั่งซุกหน้าลงกับเข่า  ตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ

     

    “บ้าจัง..เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว..หนาวก็หนาว” เธอพึมพำออกมา  หยาดน้ำตายังคงคลออยู่ที่หน่วยตาคู่สวยนั้นอยู่ “เรา...จะไปไหนดีเนี่ย”

     

    คิดไปคิดมาก็ยิ่งอยากจะร้องไห้  เธอรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตาเอาไว้จากความมืดมิดและสายฝนที่กระหน่ำอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดลงเลย

     

    พลันเด็กสาวกลับรู้สึกได้ว่าสายฝนที่โปรยปรายลอดผ่านใบไม้นั้นไม่กระทบโดนตัวเธอแล้ว 

     

    ..ฝนหยุดแล้วเหรอเนี่ย.. 

     

    ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาช้าๆ  ก่อนจะเบิกตาอย่างตกใจเล็กน้อย..เมื่อพบกับบุคคลที่ยืนถือร่มและกางมันให้เธออยู่เบื้องหน้า

     

    “จะตามมาฆ่าหมกป่าฉันรึไง?” เธอเอ่ยถามอย่างประชดประชัน

     

    “มาตามกลับบ้าน” เขาพูด  พลางยื่นมืออีกข้างมาให้เธอ  แต่ลัลทริมากลับไม่ยอมจับมือของเขา  พร้อมกับสะบัดหน้าหนีอีกด้วย

     

    “นี่ยัยบ้า!! ฉันอุตส่าห์ออกมาตามนะ  มาทำเป็นเรื่องมากอยู่ได้” เขาตวาดใส่เธอ

     

    “ฉันก็ไม่ได้ขอให้คุณมาตามฉันนิ่  คุณชายการิน” เธอหันหน้ามาว่าเขา “คุณไล่ฉันออก  แล้วก็มาบอกให้กลับ  ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ!

     

    “หล่อนเองก็ไม่มีที่ไปไม่ใช่รึไง  ถึงได้มานั่งหลบหลืบแบบนี้” การินเองก็ต่อว่าเธอกลับ “เพราะงั้นก็กลับๆ มันไปซะเถอะน่า”

     

    “ฉันไม่ไป!!” เธอตะโกนใส่เขา

     

    “งั้นก็เชิญหนาวตายอยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบการินก็เตรียมหันหลังกลับ  ทำให้ลัลทริมาต้องรีบร้องบอกเขา

     

    “เดี๋ยวสิ..ฉันยังพูดไม่จบ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน  การินหันมามองด้วยสีหน้ารำคาญหน่อยๆ  เธอจึงรีบพูดต่อ “คือ..จริงๆ แล้วฉันไปไม่ได้น่ะค่ะ”

     

    “ทำไม?”

     

    “ไม่อยากบอกหรอกนะ  แต่พอดีโดนกิ่งไม้เกี่ยวขาจนเป็นแผล...แล้วมันเจ็บจนเดินไม่ได้เลยล่ะ” เธอว่าเสียงเบา

     

    “เธอนี่มันโง่จริงๆ” การินสบถอย่างอารมณ์เสีย  ก่อนจะนั่งลงต่อหน้าลัลทริมา  ยื่นร่มให้กับเธอ  เด็กสาวรับมันมาถือไว้  พอดีกับที่สองแขนของเขาอุ้มเธอขึ้นมา ทำเอาเธอหน้าเหวออย่างตกใจ

     

    “ดะ..เดี๋ยวคุณชาย” เธอเอ่ยเรียก

     

    “ชิ  หนัก!  เปลี่ยนเป็นขี่หลังดีกว่า”ว่าแล้วก็จัดแจงท่าเสียใหม่  แล้วแบกเธอขึ้นหลังเดินกลับไปยังบ้านจินตเมธร







     

    -TBC-







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×