ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Fairy Tail] Attraction เสน่ห์ร้าย ยัยจอมเวท

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter >> 7 :: ไปทำภารกิจ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 60





    CHAPTER 7

     

     

     

    ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าประตูของกิลด์

     

    ทุกอย่างนิ่งงันเสมือนกับเวลาถูกหยุดเอาไว้  และเพียงแค่กะพริบตา...กลุ่มบุคคลที่เธอหวาดกลัวนักหนา...ก็เริ่มเคลื่อนไหว

     

     

     

    ควับ

     

    ลูซี่เซไปตามแรงดึงของนัตสึ  เธอเงยหน้าจะโวยวายตามประสา (คนขี้บ่น) ของเธอ  แต่ก็ชะงักปากไว้เมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกคนอยู่ตรงหน้า  พร้อมกับแขนแกร่งข้างที่ประทับตาสัญลักษณ์ประจำกิลด์ที่ยกขึ้นมากันเธอเอาไว้

     

    นี่เขากำลังปกป้องเธออีกแล้วอย่างนั้นเหรอ..?  นัตสึ...

     

    “ลูซี่!!” เสียงของเอลซ่าเรียกสติของเธอ  ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ  มองผ่านแผ่นหลังของนัตสึออกไปก็พบว่าตอนนี้ทั้งเอลซ่า  เกรย์  และกาซิลกำลังพุ่งเข้าใส่เธอด้วยสายตามาดมั่น 

     

    ...แย่แล้ว...แบบนี้นัตสึรับมือไม่ไหวแน่  อีกอย่าง...ถ้าเกิดกิลด์พังขึ้นมา  มันคงจะแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว  ถึงเธอจะไม่ใช่คนผิดโดยตรงก็เถอะ  แต่สาเหตุหลักมันก็มาจากการที่พวกนี้เห็นเธอเนี่ยล่ะ  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง...มีหวังต้องชดใช้ด้วยเงินมูลค่าหลายล้านจีเวลแน่

     

    เอาล่ะ  เห็นทีว่าเธอควรจะต้องชิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์นี้โดยเร็ว  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดนัก  เพราะแรงกดดันจากสายตาที่ส่งมาทำเอาลูซี่ก้าวขาไม่ออกราวกับถูกตรึงไว้ 

     

    ซวยแล้ว  แง้ T^T

     

    ไม่อยากคิดเลยว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

     

    “ระวัง”  นัตสึร้องบอกก่อนจะเหวี่ยงเธอให้หลบไปอีกทางในตอนที่เอลซ่าพุ่งเข้ามาจะกระชากตัวเธอจนลูซี่เซถลาห่างจากประตูทางออกไปไกล

     

    บอกทีว่านี่จะช่วยกัน...?  ฉันคิดว่านายจะฆ่าฉันซะอีกนัตสึ!  ลูซี่แอบด่าในใจ  นัยน์ตากลมโตสวยเบิกกว้างเมื่อพบว่ากาซิลกำลังใกล้เข้ามาจวบจนจะถึงตัวของเธออยู่แล้ว  แต่ดราก้อนสเลเยอร์เหล็กกลับต้องไถลไปอีกทางเมื่อเกรย์ใช้เวทน้ำแข็งแปลงให้พื้นกลายสภาพเป็นลานน้ำแข็ง

     

    “เสร็จฉันล่ะ”  ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำเหลือบน้ำเงินแสยะยิ้ม  กำลังจะเสกเวทอีกสักบทเพื่อใช้ในการจับกุมลูซี่เอาไว้  ก็ต้องชะงักหยุดเพราะถูกนัตสึพ่นไฟใส่  ไอความร้อนหลอมละลายน้ำแข็งบางส่วนให้ระเหยกลายเป็นเป็นไอ

     

    เกรย์หันไปจ้องหน้านัตสึเขม็ง  ก่อนจะเสกน้ำแข็งขวางหน้าเอลซ่าที่ขยับไปทางลูซี่  เป็นการดักไว้ไม่ให้ไททาเนียสาวได้เข้าใกล้เป้าหมายของตนเอง  ประจวบกับทางกาซิลที่ตั้งตัวได้ก็หันกลับมาด้วยท่าทางเอาเรื่อง  จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้ง 4 คนกำลังยืนประจันหน้าจ้องตาสลับกันไปมาอย่างไม่คิดยอมกัน

     

    “จะเอาแบบนี้ใช่ไหมวะ?”  กาซิลเอ่ย  พลางใช้เวทเปลี่ยนมือแกร่งของตนให้กลายเป็นค้อนเหล็กที่ประดับไว้ด้วยหนามแหลม

     

    “ก็ลองดูสิ”  นัตสึที่มือโอบล้อมไปด้วยเปลวไฟตอบ  พลางกวาดตามองอีก 3 คนอย่างเอาจริงเอาจัง  “ไม่ให้มายุ่งกับลูซี่หรอก”

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็มาตัดสินกัน  ใครชนะได้ตัวลูซี่ไป”  เกรย์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

     

    “น่าสนุกนี่  แต่อย่างพวกนายน่ะ...เอาชนะฉันไม่ได้หรอก”  หญิงสาวผู้ได้รับสมญานามว่าผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในกิลด์แฟรี่เทลยิ้มร้าย  และคำพูดของเอลซ่าก็เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์เดือดดาลของอีกสามหนุ่มผู้ซึ่งมีความอดทนต่ำเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว

     

    ทั้ง 4 จ้องหน้ากันเพื่อรอดูท่าที  ต่างคนต่างก็เริ่มขยับตัวอย่างเตรียมพร้อม

     

    ส่วนต้นเหตุของเรื่อง...กลับยืนทำหน้าไม่ถูกกับสถานการณ์ที่ชักจะวุ่นวายมากขึ้นทุกที  ที่สำคัญคือเธอกลายเป็นรางวัลในการเดิมพันไปซะแล้ว  ...ให้ตายสิ  คนอื่นๆ ทำอะไรกันอยู่  รีบเข้ามาช่วยเร็ววววว  ไม่อย่างนั้นสาบานได้เลยว่า หาก 4 คนนี้สู้กันขึ้นมาจริงๆ แล้ว  ความเสียหายคงไม่หยุดอยู่ที่แค่กิลด์พังเท่านั้น  ดีไม่ดีอาจทำชาวเมืองเดือดร้อนทั่วกันก็เป็นได้

     

    ...ทำไงดีลูซี่  คิดสิคิด...

     

    ในขณะที่พยายามเค้นสมองคิดหาทางออก  สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งพุ่งตรงมาทางเธอด้วยความเร็ว  และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ลูซี่ดีใจได้เลยแม้แต่น้อย  ในเมื่อสิ่งที่พุ่งเข้ามา...มันคือแมวสีฟ้าที่กำลังโฉบบินเข้ามาด้วยใบหน้ามีชัย

     

    อุ้งเท้าเล็กๆ ของแฮปปี้คว้าเข้าที่ไหล่บาง  ก่อนปีกสีขาวนั้นจะขยับกางกระพือออก  พาตัวของลูซี่ลอยเหนือขึ้นจากพื้นดิน  และบินออกจากประตูของกิลด์ไปอย่างรวดเร็ว  โดยที่เจ้าแมวน้อยไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเยาะให้กับคนที่กำลังยืนอึ้งกันอยู่

     

    “คนที่เร็วกว่าก็คือผู้ชนะไง  ไอล์”

     

    “เห้ย!!”  ทุกคนร้องอุทาน  สถานการณ์เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งที่คนหาปลามาได้  แต่ไม่สามารถแบ่งกันได้อย่างลงตัว  อยู่ดีๆ ก็มีแมวบ้ามาคว้าเอาปลาไปหน้าตาเฉย

     

    “โว้ยยย”  กาซิลสบถเสียงดัง  หันมาทางคู่หูตัวน้อยที่ได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างจำใจ  ลิลี่กางปีกของตนเองออกแล้วบินมาคว้าตัวเพื่อนของตนเองตามแฮปปี้ที่เห็นหลังอยู่ไวๆ ออกไป

     

    “ไม่ได้การล่ะ  เปลี่ยนศาสตรา”  เอลซ่าที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้า  จัดการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายของตนจากเกราะเหล็กที่สวมใส่เป็นประจำให้กลายเป็นชุดเกราะปีกทมิฬ  ชุดเกราะสีดำที่มีปีกค้างคาวสีเดียวกันสยายออกกว้าง  เจ้าของเรือนผมสีสการ์เล็ตไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้  รีบทะยานพาตัวเองตามหลังแฮปปี้และกาซิลไป  ทิ้งไว้ก็แต่คนที่มีปีกบินอย่างนัตสึกับเกรย์

     

    เด็กสาวตัวเล็กเจ้าของฉายามิโกะแห่งนภารีบหันมาบอกกับคนที่เหลือในกิลด์ตอนนี้  “ขอโทษนะคะ  แต่ช่วยรั้งตัวคุณนัตสึกับคุณเกรย์ไว้ด้วยนะคะ  เดี๋ยวหนูจะรีบตามไปช่วยคุณลูซี่เอง”  พูดจบ  แมวน้อยสีขาวก็รีบกางปีกของตัวเองออกบ้าง  และคว้าตัวเวนดี้พาออกไปจากกิลด์อย่างรวดเร็ว

     

    ได้ยินดังนั้น  หลายๆ คนที่เฝ้าดูสถานการณ์เงียบๆ ในคราแรกต่างก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหยุดนัตสึไว้ไม่ให้ตามพวกนั้นออกไป  โดยมิร่าเจนผู้ที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในกิลด์ในขณะนั้นเป็นฝ่ายกดดราก้อนสเลเยอร์ไฟลงกับพื้น  มีลิซาน่า  คาน่า  และอีกสองสามคนช่วยกันกดตัวเอาไว้  ส่วนจูเบียก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นคนหยุดเกรย์ด้วยตัวเอง

     

    “อย่าไปนะคะท่านเกรย์”  เสียงใสของผู้ใช้เวทน้ำตะโกนนำมาก่อนที่ร่างของเจ้าตัวจะเข้าถึงเกรย์เสียอีก  แต่ก็มีอันต้องชะงักหยุดและมองอย่างสงสัย  เมื่อเห็นว่าเกรย์กลับยืนนิ่ง  ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตามใครออกไปเลยแม้แต่น้อย  “เอ๊ะ?  ท่านเกรย์ไม่ไปเหรอคะ??”

     

    “ไปไหน?”  เกรย์ถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

     

    “ก็ตามลู...เอ่อ  ตามคนอื่นๆ ออกไปไงคะ”

     

    คิ้วเข้มขมวดมุ่น  ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องตามออกไป  ไม่เพียงเท่านั้น  ตอนนี้เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองถึงมายืนอยู่ใกล้ประตูกิลด์ทั้งที่เมื่อครู่ยังนั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะ  อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงยังมีเศษน้ำแข็งจากการใช้เวทมนต์ของเขาหลงเหลืออยู่ด้วย

     

    “เอ๊ะ  จูเบียงงไปหมดแล้ว”  สุดท้ายสาวแห่งสายฝนก็ต้องหันมาขอความช่วยเหลือจากเลวี่  หวังว่าเพื่อนสาวตัวเล็กจะช่วยให้ความกระจ่างแก่เธอได้บ้าง

     

    “น่าจะเป็นเพราะตอนนี้ลูจังหายลับไปจากสายตาแล้วล่ะมั้ง  ปฏิกิริยาคลั่งไคล้หลงใหลก็เลยหายไปด้วย”  เลวี่วิเคราะห์ตามความคิดเห็นของตนเอง  ถึงจะโล่งใจไปบ้างที่ตอนนี้นัตสึและเกรย์มีท่าทีสงบลงอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับก่อนหน้านี้  แต่ตอนนี้เธอกังวลใจเรื่องของกาซิลที่ตามลูซี่ออกไปมากยิ่งกว่า  ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง...ไม่สิ  ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อนรักของเธอบ้าง  ห่วงเพื่อนก็ห่วง  แต่ห่วงเจ้าคนดื้อด้านนั่นก็ห่วงไม่แพ้กันเลย  ..ตามออกไปตอนนี้จะทันไหมนะ  ._.  “หวังว่าเวนดี้คงช่วยกันเอลซ่ากับกาซิลได้นะ”

     

     

    @@@@@@@@@@@

     

     

     

    “กรี๊ดดดดดดดดด”  คนที่ถูกพาตัวออกมากะทันหันลากเสียงกรีดร้องยาวอย่างไม่สนใจว่าใครจะรำคาญหรือไม่  พร้อมดิ้นขลุกขลักไปมาภายใต้การพันธนาการด้วยอุ้งเท้าของเจ้าแมวสีฟ้า  “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะแฮปปี้!

     

    “ไม่มีทางหรอกไอล์”  แฮปปี้ตอบ  พร้อมเพิ่มระยะบินให้สูงขึ้น  พลางแสยะยิ้มร้าย  ก่อนหน้านั้นเขาถูกนัตสึขัดขวางไว้ด้วยการไม่ยอมให้ลูซี่พาเขาไปกินปลา  แต่ตอนนี้ลูซี่อยู่กับเขาแล้ว  และเขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขัดขวางความรัก(?)ระหว่างเขากับลูซี่ได้อีกแล้ว “คิคิคิ”

     

    เสียงหัวเราะเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนแมวไล่จับหนูเมื่อวัยเด็กไม่ได้ทำให้ลูซี่หวาดกลัวมากเท่ากับเสียงตะโกนของดราก้อนสเลเยอร์เหล็กที่ร้องไล่หลังมา  ร่างบางหันขวับไปมองก็ต้องเบิกตากว้าง  เพราะนอกจากกาซิลที่อาศัยลิลี่ช่วยบินแล้ว  ยังมีเอลซ่าในชุดเกราะปีกสีดำไล่ตามหลังมาอีกด้วย

     

    “ซวยแล้ว  ตามมาเหรอไอล์”  เจ้าเหมียวบ่น  เพิ่มความเร็วเท่าที่จะสามารถทำได้  ก็บอกแล้วไงว่าคราวนี้จะต้องไม่มีใครขัดขวางความรักได้!

     

    ร่างบางที่อยู่ภายใต้การเกาะกุมของแฮปปี้ออกแรงดิ้นให้มากยิ่งขึ้น  แม้จะรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้เธอไม่ปลอดภัย  แต่หากปล่อยให้แฮปปี้พาเธอบินต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ล่ะก็  เธอไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของกาซิลและเอลซ่าเป็นแน่  และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็รับรองได้เลยว่ามันอันตรายกว่าการตกจากที่สูงกว่าอย่างแน่นอน 

     

    “เอาวะ”

     

    กลั้นใจดิ้นให้สุดแรงอีกครั้ง  ทำให้อุ้งเท้าที่เกาะเธอเอาไว้หลุดออกจนได้  ส่งผลให้ร่างบางร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างรวดเร็ว  สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย

     

    “ลูซี่/คุณลูซี่”  เวนดี้ที่ตามมาติดๆ ร้องอย่างตกใจ  หวังจะให้ชาร์ลพุ่งเข้าไปรับร่างนั้น  แต่ก็คงจะไม่ทันการ  และชาร์ลคงไม่สามารถรับน้ำหนักของคนสองคนได้  ฝ่ายแฮปปี้เองก็รีบเปลี่ยนทิศทางการบินโดยพยายามโฉบเข้าไปหวังจะช่วยเหลือเธอเอาไว้  หากแต่มือบางที่มีตราประทับกิลด์กลับคว้าเอากุญแจสีเงินขึ้นมาหนึ่งดอก

     

    “จงเปิด  โฮโรโลเกียม!!

     

    กุญแจสีเงินในมือเปล่งแสงเจิดจ้า  ก่อนจะปรากฏเป็นนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นตู้กระจกใส่ลูกตุ้มยาวเปิดอ้าออกรอรับร่างของลูซี่เข้าไป  แล้วกระจกตู้ก็ปิดลงทันเวลาก่อนที่ลูซี่จะร่วงตุบลงพื้น  โฮโรโลเกียมพาตัวเองลงพื้นดินอย่างนิ่มนวลที่สุด  แล้วโค้งคำนับตามประสาคนมีมารยาทของตัวเอง

     

    ทุกสายตาของคนที่ตามมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอย่างตกตะลึง  ก่อนจะพากันลงสู่พื้นในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่โฮโรโลเกียมยืนอยู่

     

    ลูซี่ถอนหายใจแรง  โชคดีที่เทพแห่งดวงดาวนาฬิกาออกมาช่วยเหลือเอาไว้ทัน  ไม่อย่างนั้นเธอคงอัดกระแทกพื้นอย่างเต็มแรงจนร่างกายพิการ...หรือไม่ก็คงตายไปแล้วแน่ๆ  ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยความฉงน  คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจนักว่าทำไมคนที่พาตัวเธอออกมาอย่างแฮปปี้  และคนที่ไล่ตามมาอย่างเอาเป็นเอาตายแบบเอลซ่าและกาซิลต่างก็หยุดชะงักกันอย่างกะทันหัน  ทุกสายตาที่จดจ้องมายังเธอที่อยู่ในตู้กระจกของโฮโรโลเกียมดูงุนงง

     

    เอ่อ...’  เธอบอกแบบนั้นน่ะครับ”  เทพแห่งดวงดาวนาฬิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยานคางเพื่อสื่อสารในสิ่งที่เจ้านายผู้อัญเชิญตนออกมาต้องการจะบอกให้คนภายนอกได้รับรู้

     

    เอลซ่าและกาซิลกะพริบตาปริบๆ มองดูร่างบางที่อยู่ในตู้แขวนลูกตุ้มนาฬิกา  ใบหน้าของทั้งสองงงงวยสุดขีด  ก่อนที่ชุดเกราะปีกทมิฬสีดำของเอลซ่าจะกลับสภาพเป็นชุดเกราะแบบปกติตามเดิม  แล้วหญิงสาวก็หันไปทางเวนดี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก  “อ้าว  ว่าไงเวนดี้  ออกมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ?”

     

    “คะ?”  เด็กสาวที่ถูกทักเองก็งงกับอาการของรุ่นพี่สาวไม่น้อย  “คือ...หนูตามคุณลูซี่ออกมา”

     

    “ไหน?”  กาซิลแทรกกลางระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่  พลางหันมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวเจ้าของชื่อ  ทว่าก็ไม่เห็นจะพบอะไรแปลกๆ เลยนอกจากนาฬิกาที่เป็นเทพแห่งดวงดาวของลูซี่  “แล้วเจ้านี่มาอยู่นี่ได้ไงวะเนี่ย?”

     

    พวกนายมองไม่เห็นฉันเหรอ?’  เธอว่าแบบนั้นน่ะครับ”  โฮโรโลเกียมทำหน้าที่เป็นฝ่ายสื่อสารแทนลูซี่

     

    “อะไรของมันวะ”  ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมยุ่งฟูว่า  แล้วหันหลังเดินกลับไปทางกิลด์โดยไม่ลืมเรียกคู่หูตัวเล็กของตัวเองกลับไปด้วย  ลิลี่จึงได้แค่หันมายักไหล่ให้กับทุกคน  ก่อนจะบินตามร่างสูงนั้นออกไป

     

    “คุณเอลซ่าคะ  เห็นคุณลูซี่ไหมคะ?”  เวนดี้ลองเชิงตั้งคำถามกับหญิงสาวในชุดเกราะเหล็กที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

     

    คนถูกถามมองไปรอบๆ แล้วส่ายหน้าไปมา  “ไม่นะ  ทำไมเหรอ?”

     

    “เปล่าค่ะ”  คนตัวเล็กตอบ  หันไปถามแฮปปี้ที่กระพือปีกบินวนไปมาเหมือนพยายามค้นหาตัวของคนที่เขาพาออกมาด้วยอย่างไรอย่างนั้น  “แฮปปี้ล่ะ  เห็นคุณลูซี่ไหม?”

     

    “ไม่เลย  ไอล์”  แฮปปี้ร้องตอบ  กระวนกระวายมองหาลูซี่เสียยกใหญ่แต่กลับไม่เจอตัวของเธอเลย  “หายไปไหนกันนะไอล์  แบบนี้เราต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่ๆ ที่ทำให้คนรักของตัวเองหายไปอย่างไร้ร่องรอย”

     

    เจ้าแมวเหมียวบ่นพึมพำทำท่าจะร้องไห้  แล้วบินออกไปจากที่ตรงนี้โดยบอกว่าจะไปตามหาตัวลูซี่กลับมาให้จงได้  เอลซ่าจึงตามออกไปด้วยเช่นกัน  เหลือทิ้งไว้เพียงมิโกะแห่งนภา  แมวน้อยสีขาวน่ารัก  และร่างบางในตู้นาฬิกาของตนเอง

     

    เวนดี้เดินเข้ามาใกล้นาฬิกาโบราณแล้วมองร่างที่นั่งอยู่ภายในนั้น  เธอยังคงมองเห็นคุณลูซี่ตามปกติ  ชาร์ลเองก็บอกว่ามองเห็น  แต่ทำไมทั้งคุณเอลซ่าและคุณกาซิลกลับมองไม่เห็นกันนะ?  หรือว่าจะเป็นเพราะคุณลูซี่หลบอยู่ในตัวของนาฬิกา  ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงดาวที่มีความสามารถในการปกปิด  ช่วยเหลือ  ทำให้คนที่โดนพลังของยาเสน่ห์เข้าไปไม่สามารถมองเห็นเธอได้กันนะ  “คุณลูซี่คะ...”

     

    อืม  ฉันว่าต้องเป็นเพราะพลังของโฮโรโลเกียมแน่เลยเธอว่าแบบนั้นน่ะครับ”  เป็นเสียงยานคางที่ตอบกลับมา  “รู้งี้ฉันช้พลังของโฮโรโลเกียมช่วยพลางตัวจากเจ้าพวกนั้นซะตั้งแต่วันนั้นก็ดี  จะได้ไม่ต้องซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้’  เธอว่าแบบล่ะครับ”

     

    “แล้วเธอจะออกมาจากนาฬิกาตอนไหนล่ะ?”  ชาร์ลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามแบบฉบับของตนเอง

     

    เอ่อ...นั่นสินะ  อีกสักพักพลังของโฮโรโลเกียมก็คงหมด  เอาไงดีล่ะ...อุตส่าห์หนีเอาตัวรอดจากพวกนั้นมาได้แล้วซะด้วย  เธอว่าแบบนั้นล่ะครับ” 

     

    แมวเหมียวสีขาวกลอกตามองบน  รู้สึกรำคาญกับคำลงท้ายประโยคที่ว่า เธอว่าแบบนั้นล่ะครับเสียจริง  ฟังแล้วไม่ค่อยราบรื่นหูเอาเสียเลย

     

    เวนดี้นิ่งคิดไปเล็กน้อย  ก่อนจะเสนอออกมา  “ถ้าอย่างนั้นเราไปทำภารกิจตามหาสมุนไพรสารพัดประโยชน์ที่ว่าจะไปกันตั้งแต่เมื่อวานดีไหมล่ะคะ?”

     

    จริงด้วย  ลืมไปเลยนะเนี่ย  ไหนๆ ก็ว่างแล้วก็ไปกันเถอะ เธอว่าแบบนั้นน่ะครับ”  โฮโรโลเกียมช่วยถ่ายทอดคำพูดของลูซี่ออกมาอีกครั้ง  ซึ่งหญิงสาวที่นั่งอยู่ในกล่องลูกตุ้มนาฬิกาก็กำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจที่กำลังจะได้ไปตามหาสมุนไพรสารพัดประโยชน์เพื่อเอามาใช้ในการทำยาแก้ยาเสน่ห์

     

    เมื่อตกลงกันได้  ทั้งสาม(บวกนาฬิกาอีกหนึ่งเรือน) ก็ออกเดินทางเพื่อที่จะไปยังภูเขาฮาโคเบะ

     

     

    @@@@@@@@@@@

     

               

     

    เพราะกว่าจะออกเดินทางออกจากแมกโนเลียก็ใช้เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว  ทำให้ทั้งสองสาวหนึ่งตัวเดินทางมาถึงหมู่บ้านในเมืองก่อนจะถึงทางขึ้นเขาฮาโคเบะในตอนเกือบเย็น  อีกทั้งช่วงค่ำมีข่าวว่าจะมีพายุหิมะเข้า  ทำให้ทั้งสามเลือกที่จะหาที่พักเอาไว้พักผ่อนก่อนในค่ำคืนนี้  แล้วค่อยออกไปตามหาสมุนไพรในยามเช้าของพรุ่งนี้เสียจะเป็นการดีกว่า

     

    ลูซี่ขอนอนพักผ่อนก่อนเนื่องจากวันนี้เธอเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน  ไม่ว่าจะช่วงเช้าที่ต้องเดินทางกลับมาจากการทำภารกิจกับแก๊งอัสนีบาต  หรือการเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อมาทำภารกิจนี้  มันทำให้เธอค่อนข้างล้าไม่น้อย  “ฉันของีบสักหน่อยนะ  แล้วเดี๋ยวตอนค่ำค่อยออกไปหาอะไรกินกัน  ถ้าเวนดี้หรือชาร์ลอยากออกไปเดินชมเมืองหรือร้านค้าอะไรก็ตามสบายเลยนะ  ฮ้าว”

     

    พูดจบก็เปิดปากหาว  แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที  ทิ้งให้เวนดี้หัวเราะอย่างเห็นใจ  และชาร์ลที่ส่ายหน้าไปมา

     

    “เป็นแบบนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะชาร์ล”

     

    “ก็นะ  ทำไงได้ล่ะ”  ชาร์ลยักไหล่  “ไปเดินเล่นในเมืองกันหน่อยไหม?  จะได้ปล่อยให้ลูซี่พักผ่อนด้วย”

     

    “อื้ม”  เวนดี้ยิ้มให้คู่หู  แล้วทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

     

     

    @@@@@@@@@@@

     

     

    ดวงตากลมโตค่อยๆ ลืมเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า  ก่อนจะหรี่ลงหลบแสงไฟจากหลอดไฟในห้องที่ส่องสว่างแยงตา  ลูซี่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง  หันมองไปรอบๆ ก็พบว่าเวนดี้กำลังนั่งอ่านนั่งสือ  และชาร์ลที่กำลังนั่งมองวิวอยู่ริมหน้าต่างของห้องพัก

     

    “กี่โมงแล้วอ่ะ” 

     

    เวนดี้ที่ได้ยินคำถามก็วางหนังสือลง  แล้วเอ่ยตอบ  “ตอนนี้ทุ่มกว่าๆ แล้วค่ะ”

     

    ร่างบางเจ้าของเรือนผมสีทองหน้าตาตื่นทันที  “ตายแล้ว  หิวกันรึยัง?  ฉันว่าเราไปหามื้อค่ำกินกันเถอะ  ขอโทษนะที่ตื่นช้า  ทำไมไม่ปลุกกันล่ะ...ฉันก็ดันหลับยาวไม่ยอมตื่นด้วย” 

     

    ลูซี่โทษตัวเองเสียยกใหญ่  พลางกระวีกระวาดรีบจัดการกับสภาพของตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ออกไปทานอาหารมื้อค่ำกันเสียที  เพื่อนร่วมห้องตัวเล็กคนหนึ่งจึงได้แต่หัวเราะแห้ง  และอีกตัวที่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

     

    “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้น่า”  ชาร์ลว่า  แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ฟังอยู่ดี  รีบจัดการค้ากระเป๋าสตางค์และกระเป๋ากุญแจขึ้นมาคาดเอวให้เสร็จสรรพ

     

    “เสร็จแล้ว  ไปกันเถอะ!

     

     

     

     

    ร้านอาหารประจำหมู่บ้านคนน้อยกว่าที่คิด  อาจเพราะคืนนี้มีข่าวเตือนว่าจะมีพายุหิมะบนภูเขา  และหมู่บ้านแห่งนี้ที่อยู่ก่อนถึงทางขึ้นเขาอาจได้รับผลกระทบไปด้วย  ทำให้ผู้คนมาเที่ยวกันค่อนข้างน้อย  แต่ถึงอย่างนั้น  พวกลูซี่ก็ยังได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่ไม่น่าจะมาอยู่แถวๆ นี้ได้เลย

     

    “อ้าว  สวัสดีครับคุณลูซี่  คุณเวนดี้  แล้วก็ชาร์ลด้วย” 

     

    น้ำเสียงสดใสร่าเริงมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แย้มกว้าง  เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์อ่อนผู้มีตราสัญลักษณ์เสือเขี้ยวดาบสีขาวอยู่บนต้นแขนโบกมือให้พวกเธอทันทีที่เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยท่าทางดีใจปนตื่นเต้น  พาให้ลูซี่และเวนดี้หันมามองหน้ากันว่าควรจะทำอย่างไร  ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่

     

    “ไง  สติง”  ลูซี่ยิ้มทักทาย  แล้วหันไปยังอีกคนที่เพียงพยักหน้าให้เธอนิ่งๆ  “สวัสดีจ้ะ โร้ค”

     

    “สวัสดีค่ะคุณสติง  คุณโร้ค  แล้วก็เล็คเตอร์กับฟร็อซด้วย”  เด็กสาวตัวเล็กทักทายกลับอย่างมีมารยาท  โดยไม่ลืมที่จะเอ่ยทักทายแมวอีกสองตัวที่กำลังนั่งแทะปลากันอยู่

     

    เจ้าเหมียวทั้งสองยิ้มกว้างให้กับสองสาว  ก่อนที่เล็คเตอร์จะยิ้มกว้างจนหน้าบานพลางยื่นปลามาทางชาร์ล  “ทานด้วยกันสิครับ”

     

    “ขอบใจ  แต่ไม่เป็นไร”  เจ้าแมวตัวเมียตอบเสียงนิ่ง  พาให้แมวน้อยคู่หูของสติงหน้าสลดลงทันที

     

    “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่กันครับ?”  สติงเอ่ยถาม  พร้อมเชิญให้ทั้งสามนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน  โดยที่ตัวเองย้ายไปนั่งข้างโร้ค  ฝ่ายพวกลูซี่ก็รู้สึกเกรงใจกันอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถึงขั้นย้ายที่นั่งให้แล้วขนาดนี้  หากพวกเธอปฏิเสธก็คงจะเสียมารยาทน่าดู  จึงจำต้องเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับหนุ่มๆ

     

    “มาทำภารกิจน่ะ  แล้วพวกนายล่ะ  มาทำภารกิจเหมือนกันเหรอ?”

     

    โร้คพยักหน้า  แต่สติงถองศอกใส่เพื่อน  แล้วตอบกลับ  “ใช่ครับ  พวกเรามาทำภารกิจตามหาเกล็ดไวเวิร์นกันพอดี  แต่กว่าจะเดินทางมาถึงก็เย็นแล้ว”

     

    “ก็เพราะพวกนายไม่ยอมนั่งรถหรือพาหนะอะไรอื่นน่ะสิ  เลยเสียเวลาเดินมานานขนาดนี้”  เล็คเตอร์แหวใส่เพื่อนร่างใหญ่ที่นั่งหัวเราะแหะๆ

     

    “เป็นดราก้อนสเลเยอร์ก็ลำบากแบบนี้ล่ะค่ะ”  เวนดี้ยิ้มแห้งๆ ให้พวกนั้น  ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ได้เป็นปัญหาเพราะสามารถใช้เวทย์ป้องกันอาการเหล่านั้นได้ก็ตาม

     

    “แล้วคุณนัตสึล่ะครับ?”  สติงถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสังเกตว่านัตสึไม่ได้มากับพวกเธอด้วย

     

    ลูซี่ยิ้มเจื่อน  “ไม่มา”

     

    “ทำไมล่ะครับ  ปกติอยู่ด้วยกันตลอดเลยนี่นา”  อีกฝ่ายยังคงถามกลับมาด้วยความสงสัย

     

    “ก็สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติน่ะสิ”  ชาร์ลตอบแทนหญิงสาวที่นั่งอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบคำถามของสติงอย่างไร  ซึ่งคำตอบของเธอก็ทำเอาพวกนั้นขมวดคิ้วไม่เข้าใจกัน  เพราะปกติธรรมดาลูซี่และนัตสึเป็นทีมเดียวกัน  นอกจากนั้นยังมีทีมใหญ่ที่เพิ่มสมาชิกอย่างเอลซ่า  เกรย์  เวนดี้  และชาร์ลอีกด้วย  แต่คราวนี้กลับมีเพียงลูซี่  เวนดี้  และชาร์ลเท่านั้นที่มาทำภารกิจกัน 

     

    เจ้าของเรือนผมสีดำเข้มมองตรงมาที่ลูซี่  คิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งขมวดหนักเข้า  เจ้าตัวเอียงคอมองเธออย่างสงสัย  ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังหน้าบึ้ง  “เธอมีกลิ่นแปลกๆ นะ

     

    “เสียมารยาท!”  ลูซี่เบ้ปากใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม  กล้าดีอย่างไรมาทักว่าเธอมีกลิ่นแปลกๆ  เธออาบน้ำทำความสะอาดร่างกายมาเป็นอย่างดี  แถมก่อนจะออกมาทานมื้อค่ำนี้เธอก็ฉีดน้ำหอมแล้วด้วยนะ  แย่จริงๆ เลย

     

    เห็นหญิงสาวตรงหน้าอารมณ์เสียใส่  โร้คจึงต้องเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น  “ไม่ใช่อย่างนั้น  ฉันไม่ได้หมายถึงกลิ่นตัว  แต่เป็นกลิ่นของเธอต่างหาก  มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า...เป็นกลิ่นหอมมีเสน่ห์ขึ้น

     

    “......”

     

    ลูซี่นิ่งอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย  อย่าว่าแต่เธอเลย  ทุกคนและตัวที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันต่างก็นิ่งอึ้ง  แล้วยิ่งเวนดี้ที่หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาก็ยิ่งพาให้ลูซี่รู้สึกเขินตามไปด้วย

     

    “บ้า  พูดอะไรของนาย  มะ...มีเสน่ห์อะไรกัน”  ใบหน้าหวานก้มต่ำพลางตอบตะกุกตะกัก  ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆ จะเคยได้รับคำชมจากพวกคนใช้ภายในบ้านว่าเธอสวยมีเสน่ห์ก็เถอะ  แต่โตมาแล้วเธอมักจะโดนค่อนขอดว่าไร้เสน่ห์มากกว่า  แต่ดูสิ...อยู่ดีๆ เจ้าบ้าโร้คก็มาออกปากชมว่าเธอมีกลิ่นหอมมีเสน่ห์ซะอย่างนั้น  ไม่เขินก็บ้าแล้ว 

     

    “เฮ้ย  ทำไมไปพูดกับคุณลูซี่แบบนั้น”  สติงหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสนิทที่อยู่ดีๆ ก็พูดบ้าอะไรออกไปก็ไม่รู้  แต่พอเห็นเพื่อนทำหน้างง  จึงพูดต่อ  “ก็คุณลูซี่เป็นผู้หญิงของคุณนัตสึน่ะสิ  แกไปพูดแบบนั้นเขาจะคิดยังไง ?”

     

    “ฉันก็แค่พูดไปตามตรง  ไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย”  โร้คตอบเสียงนิ่ง

     

    “แต่คุณลูซี่หน้าแดงใหญ่แล้วนะ”  เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์อ่อนตัดสั้นละจากเพื่อน  แล้วหันมาขอโทษขอโพยลูซี่แทน  “ขอโทษแทนโร้คด้วยนะครับที่พูดอะไรแปลกๆ  อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครต่อนะครับ”

     

    “นี่  กลิ่นหอมมีเสน่ห์ที่นายว่า...มันยังไงกันเหรอ?”  ชาร์ลที่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่สติงพูดหันไปถามกับโร้ค  เรียกให้ทุกคนต้องหันไปมองหน้าชายหนุ่มตาม

     

    “อ่า...มันเป็นกลิ่นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”  โร้คตอบ  “เป็นกลิ่นหอมๆ หวานๆ  คล้ายกับจะดึงดูดให้เข้าหา  พวกนายไม่ได้กลิ่นเหรอ?”

     

    เจ้าของเรือนผมสีดำย้อนคำถามกลับไปให้ดราก้อนสเลเยอร์อีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่  ทำใหเวนดี้และสติงชะงักไป  ก่อนที่ทั้งสองจะทำสมาธิแล้วลองสูดดมกลิ่นที่ว่า

     

    “จะว่าไปก็ได้กลิ่นอ่อนๆ นะ  แต่แล้วมันยังไงเหรอ?  มันถึงกับต้องทักกันเลยรึไง”

     

    “จริงด้วยค่ะ  ไม่ทันได้สังเกตเลย”  เวนดี้เองก็โพล่งขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นที่ว่า

     

    โร้คพยักหน้า  แล้วว่าต่อ  “ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?  ปกติเวลาเจอเธอฉันไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้เลย  เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?  แล้วมันเกี่ยวข้องกับที่แมวน้อยบอกว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติด้วยใช่ไหม?”

     

    สองสาวกับอีกหนึ่งแมวแห่งกิลด์แฟรี่เทลหันมามองหน้ากัน  แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าโร้คนี่เซ้นส์ดีกว่าที่คิดซะอีก  แถมยังฉลาดจับต้นปลายเรื่องได้ดีเยี่ยมเสียด้วย 

     

    “ก็...ที่จริงก็มีเรื่องเกิดขึ้นอยู่หรอกนะ”  ลูซี่ถอนหายใจอย่างปลงตก  แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวให้กับทั้งสองหนุ่มและแมวอีกสองตัว(ที่แม้จะเล่าไปก็คงไม่รู้เรื่อง) ให้ฟัง  บางทีเธออาจจะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากสองคนนี้ก็เป็นได้  แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นดังที่หวังไว้  เพราะพอเล่าเรื่องราวหนักใจที่ต้องเผชิญในช่วงนี้ให้ฟัง  โร้คกลับเพียงพยักหน้านิ่งๆ  ส่วนสติงนั้นกลับหัวเราะเสียจนตัวงอ  “นี่  มันไม่ตลกนะ”

     

    “ขะ  ขอโทษนะครับ”  สติงพยายามกลั้นขำ  เขาสูดหายใจแรงๆ  “คือมันตลกตรงที่ว่าแต่ละคนที่โดนยาเสน่ห์เข้าไปนี่...มีแต่คนที่ดูไม่น่าจะมาหลงเสน่ห์คุณได้เลยน่ะครับ”

     

    “น่าสงสารกาซิลจริงๆ  หรือน่าสมเพชกันนะ”  โร้คบ่นพึมพำอยู่กับตนเอง  แต่ก็ได้ยินชัดเจนพอ

     

    “โธ่เอ๊ย  พวกนาย  คนที่น่าสงสารคือฉันต่างหาก  ไม่รู้รึไงว่าแต่ละคนก่อปัญหาอะไรไว้ให้กับฉันบ้าง  เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องลงทุนลงแรงเดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะเอาสมุนไพรสารพัดประโยชน์ไปทำยาแก้เสน่ห์ไงเล่า”  ร่างบางหน้ามุ่ย  พลางพูดอธิบายให้พวกนี้ได้เข้าใจถึงอารมณ์ของเธอ

     

    “ฮ่าๆ  เข้าใจแล้วครับ”  สติงหัวเราะส่งท้ายอีกเล็กน้อย  ก่อนจะปรับหน้าตาให้ดูจริงจังขึ้นมา  “ไหนๆ ก็ต้องขึ้นเขาไปทำภารกิจเหมือนกันอยู่แล้ว  พวกเราก็ไปด้วยกันซะเลยสิครับ  เพราะไวเวิร์นก็น่าจะอยู่แถวๆ บริเวณที่มีต้นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ขึ้น  ก็...เจ้าพวกนั้นกินสมุนไพรเป็นอาหารด้วยนี่เนอะ”

     

    “อืม”  โร้คพยักหน้า  “อีกอย่าง...แค่พวกเธอคงไม่น่าจะจัดการเจ้าไวเวิร์นได้อยู่แล้วล่ะมั้ง”

     

    ถึงคำพูดคำจาจะไม่น่าฟัง  แต่ถ้านึกถึงเรื่องผลประโยชน์แล้วมันก็จริงอย่างที่เจ้าสองคนนี้เสมอมา  ลูซี่  เวนดี้  และชาร์ลตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มากเลย  เนื่องจากเคยนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่พวกเธอทั้งทีมเคยมาทำภารกิจตามหาสมุนไพรครั้งก่อนหน้า  แต่กลับโดนไวเวิร์นขาวโจมตี  และสู้กันเสียชุลมุนไปหมด  กว่าจะเอาชนะไวเวิร์นมาได้ก็แทบตายกัน  แล้วคราวนี้ซึ่งมีแต่ลูซี่  เวนดี้  และชาร์ลมากันแค่สามคนแบบนี้  มีหรือที่พวกเธอจะปฏิเสธน้ำใจของสองหนุ่มและแมวของพวกเขาได้

     

    “อื้ม  ขอบใจมากนะ”  ลูซี่ยิ้มกว้างให้  ซึ่งสติงและโร้คก็ยิ้มตอบกลับมา

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  ยังไงซะทั้งแฟรี่เทลและเซเบอร์ทูธก็เป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว  ช่วยเหลือกันแค่นี้สบายมาก”  สติงตอบ

     

    “ใช่...และที่สำคัญพวกเราก็ไม่อยากให้นัตสึกับกาซิลตกอยู่ในอำนาจยาเสน่ห์ด้วย”

     

    “จ้า”

     

    ไอ้พวกนี้นี่  -__-

     

     

    “อยากให้พวกเราตอบแทนอะไรก็บอกได้เลยนะคะ”  เวนดี้พูดด้วยความมีไมตรี

     

    คนจากกิลด์เซเบอร์ทูธหันมองหน้ากัน  แล้วเป็นสติงที่หันมายิ้มกว้างอย่างเจิดจ้า  “ตอบแทนด้วยการเลี้ยงอาหารมือนี้ก็พอแล้วครับ”

     

    ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่...แต่ค่าอาหารมื้อนี้ที่เสียไป  ลูซี่คิดว่ามันโคตรจะไม่คุ้มค่าเลยสักนิด!






    -TBC-



    ขอโทษที่มาอัพช้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T^T

    เนื่องจากติดหลายๆ อย่างในชีวิตมากมาย  แต่จะเริ่มเคลียร์ฟิคแล้วค่ะ

    สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ก็อาจจะมีแต่น้ำหน่อย  ต้องขอโทษอีกที

    ถ้ายังไงเจอกันตอนหน้านะคะ  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่ผ่านๆ มาด้วย  ขอบคุณมากๆ ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×