คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter >> 7 :: ไปทำภารกิจ
CHAPTER 7
ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าประตูของกิลด์
ทุกอย่างนิ่งงันเสมือนกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ และเพียงแค่กะพริบตา...กลุ่มบุคคลที่เธอหวาดกลัวนักหนา...ก็เริ่มเคลื่อนไหว
ควับ
ลูซี่เซไปตามแรงดึงของนัตสึ เธอเงยหน้าจะโวยวายตามประสา (คนขี้บ่น)
ของเธอ
แต่ก็ชะงักปากไว้เมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกคนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแขนแกร่งข้างที่ประทับตาสัญลักษณ์ประจำกิลด์ที่ยกขึ้นมากันเธอเอาไว้
นี่เขากำลังปกป้องเธออีกแล้วอย่างนั้นเหรอ..? นัตสึ...
“ลูซี่!!” เสียงของเอลซ่าเรียกสติของเธอ ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ
มองผ่านแผ่นหลังของนัตสึออกไปก็พบว่าตอนนี้ทั้งเอลซ่า เกรย์
และกาซิลกำลังพุ่งเข้าใส่เธอด้วยสายตามาดมั่น
...แย่แล้ว...แบบนี้นัตสึรับมือไม่ไหวแน่ อีกอย่าง...ถ้าเกิดกิลด์พังขึ้นมา มันคงจะแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงเธอจะไม่ใช่คนผิดโดยตรงก็เถอะ แต่สาเหตุหลักมันก็มาจากการที่พวกนี้เห็นเธอเนี่ยล่ะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง...มีหวังต้องชดใช้ด้วยเงินมูลค่าหลายล้านจีเวลแน่
เอาล่ะ
เห็นทีว่าเธอควรจะต้องชิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์นี้โดยเร็ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดนัก เพราะแรงกดดันจากสายตาที่ส่งมาทำเอาลูซี่ก้าวขาไม่ออกราวกับถูกตรึงไว้
ซวยแล้ว แง้ T^T
ไม่อยากคิดเลยว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
“ระวัง”
นัตสึร้องบอกก่อนจะเหวี่ยงเธอให้หลบไปอีกทางในตอนที่เอลซ่าพุ่งเข้ามาจะกระชากตัวเธอจนลูซี่เซถลาห่างจากประตูทางออกไปไกล
บอกทีว่านี่จะช่วยกัน...? ฉันคิดว่านายจะฆ่าฉันซะอีกนัตสึ! ลูซี่แอบด่าในใจ นัยน์ตากลมโตสวยเบิกกว้างเมื่อพบว่ากาซิลกำลังใกล้เข้ามาจวบจนจะถึงตัวของเธออยู่แล้ว
แต่ดราก้อนสเลเยอร์เหล็กกลับต้องไถลไปอีกทางเมื่อเกรย์ใช้เวทน้ำแข็งแปลงให้พื้นกลายสภาพเป็นลานน้ำแข็ง
“เสร็จฉันล่ะ”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำเหลือบน้ำเงินแสยะยิ้ม
กำลังจะเสกเวทอีกสักบทเพื่อใช้ในการจับกุมลูซี่เอาไว้ ก็ต้องชะงักหยุดเพราะถูกนัตสึพ่นไฟใส่
ไอความร้อนหลอมละลายน้ำแข็งบางส่วนให้ระเหยกลายเป็นเป็นไอ
เกรย์หันไปจ้องหน้านัตสึเขม็ง
ก่อนจะเสกน้ำแข็งขวางหน้าเอลซ่าที่ขยับไปทางลูซี่
เป็นการดักไว้ไม่ให้ไททาเนียสาวได้เข้าใกล้เป้าหมายของตนเอง ประจวบกับทางกาซิลที่ตั้งตัวได้ก็หันกลับมาด้วยท่าทางเอาเรื่อง จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้ง 4 คนกำลังยืนประจันหน้าจ้องตาสลับกันไปมาอย่างไม่คิดยอมกัน
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหมวะ?” กาซิลเอ่ย
พลางใช้เวทเปลี่ยนมือแกร่งของตนให้กลายเป็นค้อนเหล็กที่ประดับไว้ด้วยหนามแหลม
“ก็ลองดูสิ”
นัตสึที่มือโอบล้อมไปด้วยเปลวไฟตอบ
พลางกวาดตามองอีก 3 คนอย่างเอาจริงเอาจัง “ไม่ให้มายุ่งกับลูซี่หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาตัดสินกัน ใครชนะได้ตัวลูซี่ไป” เกรย์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“น่าสนุกนี่
แต่อย่างพวกนายน่ะ...เอาชนะฉันไม่ได้หรอก”
หญิงสาวผู้ได้รับสมญานามว่าผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในกิลด์แฟรี่เทลยิ้มร้าย
และคำพูดของเอลซ่าก็เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์เดือดดาลของอีกสามหนุ่มผู้ซึ่งมีความอดทนต่ำเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว
ทั้ง 4 จ้องหน้ากันเพื่อรอดูท่าที ต่างคนต่างก็เริ่มขยับตัวอย่างเตรียมพร้อม
ส่วนต้นเหตุของเรื่อง...กลับยืนทำหน้าไม่ถูกกับสถานการณ์ที่ชักจะวุ่นวายมากขึ้นทุกที
ที่สำคัญคือเธอกลายเป็นรางวัลในการเดิมพันไปซะแล้ว ...ให้ตายสิ
คนอื่นๆ ทำอะไรกันอยู่
รีบเข้ามาช่วยเร็ววววว ไม่อย่างนั้นสาบานได้เลยว่า
หาก 4 คนนี้สู้กันขึ้นมาจริงๆ แล้ว ความเสียหายคงไม่หยุดอยู่ที่แค่กิลด์พังเท่านั้น ดีไม่ดีอาจทำชาวเมืองเดือดร้อนทั่วกันก็เป็นได้
...ทำไงดีลูซี่ คิดสิคิด...
ในขณะที่พยายามเค้นสมองคิดหาทางออก
สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งพุ่งตรงมาทางเธอด้วยความเร็ว
และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ลูซี่ดีใจได้เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อสิ่งที่พุ่งเข้ามา...มันคือแมวสีฟ้าที่กำลังโฉบบินเข้ามาด้วยใบหน้ามีชัย
อุ้งเท้าเล็กๆ ของแฮปปี้คว้าเข้าที่ไหล่บาง ก่อนปีกสีขาวนั้นจะขยับกางกระพือออก พาตัวของลูซี่ลอยเหนือขึ้นจากพื้นดิน และบินออกจากประตูของกิลด์ไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าแมวน้อยไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเยาะให้กับคนที่กำลังยืนอึ้งกันอยู่
“คนที่เร็วกว่าก็คือผู้ชนะไง ไอล์”
“เห้ย!!” ทุกคนร้องอุทาน
สถานการณ์เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งที่คนหาปลามาได้ แต่ไม่สามารถแบ่งกันได้อย่างลงตัว อยู่ดีๆ ก็มีแมวบ้ามาคว้าเอาปลาไปหน้าตาเฉย
“โว้ยยย”
กาซิลสบถเสียงดัง หันมาทางคู่หูตัวน้อยที่ได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างจำใจ
ลิลี่กางปีกของตนเองออกแล้วบินมาคว้าตัวเพื่อนของตนเองตามแฮปปี้ที่เห็นหลังอยู่ไวๆ
ออกไป
“ไม่ได้การล่ะ
เปลี่ยนศาสตรา”
เอลซ่าที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้า
จัดการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายของตนจากเกราะเหล็กที่สวมใส่เป็นประจำให้กลายเป็นชุดเกราะปีกทมิฬ
ชุดเกราะสีดำที่มีปีกค้างคาวสีเดียวกันสยายออกกว้าง
เจ้าของเรือนผมสีสการ์เล็ตไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบทะยานพาตัวเองตามหลังแฮปปี้และกาซิลไป ทิ้งไว้ก็แต่คนที่มีปีกบินอย่างนัตสึกับเกรย์
เด็กสาวตัวเล็กเจ้าของฉายามิโกะแห่งนภารีบหันมาบอกกับคนที่เหลือในกิลด์ตอนนี้ “ขอโทษนะคะ
แต่ช่วยรั้งตัวคุณนัตสึกับคุณเกรย์ไว้ด้วยนะคะ เดี๋ยวหนูจะรีบตามไปช่วยคุณลูซี่เอง” พูดจบ
แมวน้อยสีขาวก็รีบกางปีกของตัวเองออกบ้าง
และคว้าตัวเวนดี้พาออกไปจากกิลด์อย่างรวดเร็ว
ได้ยินดังนั้น
หลายๆ คนที่เฝ้าดูสถานการณ์เงียบๆ
ในคราแรกต่างก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหยุดนัตสึไว้ไม่ให้ตามพวกนั้นออกไป โดยมิร่าเจนผู้ที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในกิลด์ในขณะนั้นเป็นฝ่ายกดดราก้อนสเลเยอร์ไฟลงกับพื้น มีลิซาน่า
คาน่า
และอีกสองสามคนช่วยกันกดตัวเอาไว้
ส่วนจูเบียก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นคนหยุดเกรย์ด้วยตัวเอง
“อย่าไปนะคะท่านเกรย์”
เสียงใสของผู้ใช้เวทน้ำตะโกนนำมาก่อนที่ร่างของเจ้าตัวจะเข้าถึงเกรย์เสียอีก แต่ก็มีอันต้องชะงักหยุดและมองอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าเกรย์กลับยืนนิ่ง
ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตามใครออกไปเลยแม้แต่น้อย “เอ๊ะ?
ท่านเกรย์ไม่ไปเหรอคะ??”
“ไปไหน?”
เกรย์ถามกลับด้วยสีหน้างุนงง
“ก็ตามลู...เอ่อ
ตามคนอื่นๆ ออกไปไงคะ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องตามออกไป ไม่เพียงเท่านั้น
ตอนนี้เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองถึงมายืนอยู่ใกล้ประตูกิลด์ทั้งที่เมื่อครู่ยังนั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะ
อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงยังมีเศษน้ำแข็งจากการใช้เวทมนต์ของเขาหลงเหลืออยู่ด้วย
“เอ๊ะ
จูเบียงงไปหมดแล้ว” สุดท้ายสาวแห่งสายฝนก็ต้องหันมาขอความช่วยเหลือจากเลวี่
หวังว่าเพื่อนสาวตัวเล็กจะช่วยให้ความกระจ่างแก่เธอได้บ้าง
“น่าจะเป็นเพราะตอนนี้ลูจังหายลับไปจากสายตาแล้วล่ะมั้ง ปฏิกิริยาคลั่งไคล้หลงใหลก็เลยหายไปด้วย” เลวี่วิเคราะห์ตามความคิดเห็นของตนเอง
ถึงจะโล่งใจไปบ้างที่ตอนนี้นัตสึและเกรย์มีท่าทีสงบลงอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับก่อนหน้านี้
แต่ตอนนี้เธอกังวลใจเรื่องของกาซิลที่ตามลูซี่ออกไปมากยิ่งกว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง...ไม่สิ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อนรักของเธอบ้าง ห่วงเพื่อนก็ห่วง แต่ห่วงเจ้าคนดื้อด้านนั่นก็ห่วงไม่แพ้กันเลย ..ตามออกไปตอนนี้จะทันไหมนะ ._. “หวังว่าเวนดี้คงช่วยกันเอลซ่ากับกาซิลได้นะ”
@@@@@@@@@@@
“กรี๊ดดดดดดดดด”
คนที่ถูกพาตัวออกมากะทันหันลากเสียงกรีดร้องยาวอย่างไม่สนใจว่าใครจะรำคาญหรือไม่
พร้อมดิ้นขลุกขลักไปมาภายใต้การพันธนาการด้วยอุ้งเท้าของเจ้าแมวสีฟ้า “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะแฮปปี้!”
“ไม่มีทางหรอกไอล์” แฮปปี้ตอบ
พร้อมเพิ่มระยะบินให้สูงขึ้น
พลางแสยะยิ้มร้าย
ก่อนหน้านั้นเขาถูกนัตสึขัดขวางไว้ด้วยการไม่ยอมให้ลูซี่พาเขาไปกินปลา แต่ตอนนี้ลูซี่อยู่กับเขาแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขัดขวางความรัก(?)ระหว่างเขากับลูซี่ได้อีกแล้ว
“คิคิคิ”
เสียงหัวเราะเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนแมวไล่จับหนูเมื่อวัยเด็กไม่ได้ทำให้ลูซี่หวาดกลัวมากเท่ากับเสียงตะโกนของดราก้อนสเลเยอร์เหล็กที่ร้องไล่หลังมา ร่างบางหันขวับไปมองก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะนอกจากกาซิลที่อาศัยลิลี่ช่วยบินแล้ว
ยังมีเอลซ่าในชุดเกราะปีกสีดำไล่ตามหลังมาอีกด้วย
“ซวยแล้ว
ตามมาเหรอไอล์” เจ้าเหมียวบ่น เพิ่มความเร็วเท่าที่จะสามารถทำได้
ก็บอกแล้วไงว่าคราวนี้จะต้องไม่มีใครขัดขวางความรักได้!
ร่างบางที่อยู่ภายใต้การเกาะกุมของแฮปปี้ออกแรงดิ้นให้มากยิ่งขึ้น
แม้จะรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้เธอไม่ปลอดภัย แต่หากปล่อยให้แฮปปี้พาเธอบินต่อไปเรื่อยๆ
แบบนี้ล่ะก็ เธอไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของกาซิลและเอลซ่าเป็นแน่
และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็รับรองได้เลยว่ามันอันตรายกว่าการตกจากที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
“เอาวะ”
กลั้นใจดิ้นให้สุดแรงอีกครั้ง
ทำให้อุ้งเท้าที่เกาะเธอเอาไว้หลุดออกจนได้ ส่งผลให้ร่างบางร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างรวดเร็ว
สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย
“ลูซี่/คุณลูซี่” เวนดี้ที่ตามมาติดๆ ร้องอย่างตกใจ หวังจะให้ชาร์ลพุ่งเข้าไปรับร่างนั้น แต่ก็คงจะไม่ทันการ
และชาร์ลคงไม่สามารถรับน้ำหนักของคนสองคนได้ ฝ่ายแฮปปี้เองก็รีบเปลี่ยนทิศทางการบินโดยพยายามโฉบเข้าไปหวังจะช่วยเหลือเธอเอาไว้
หากแต่มือบางที่มีตราประทับกิลด์กลับคว้าเอากุญแจสีเงินขึ้นมาหนึ่งดอก
“จงเปิด
โฮโรโลเกียม!!”
กุญแจสีเงินในมือเปล่งแสงเจิดจ้า
ก่อนจะปรากฏเป็นนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นตู้กระจกใส่ลูกตุ้มยาวเปิดอ้าออกรอรับร่างของลูซี่เข้าไป
แล้วกระจกตู้ก็ปิดลงทันเวลาก่อนที่ลูซี่จะร่วงตุบลงพื้น
โฮโรโลเกียมพาตัวเองลงพื้นดินอย่างนิ่มนวลที่สุด แล้วโค้งคำนับตามประสาคนมีมารยาทของตัวเอง
ทุกสายตาของคนที่ตามมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอย่างตกตะลึง ก่อนจะพากันลงสู่พื้นในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่โฮโรโลเกียมยืนอยู่
ลูซี่ถอนหายใจแรง
โชคดีที่เทพแห่งดวงดาวนาฬิกาออกมาช่วยเหลือเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นเธอคงอัดกระแทกพื้นอย่างเต็มแรงจนร่างกายพิการ...หรือไม่ก็คงตายไปแล้วแน่ๆ
ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยความฉงน คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจนักว่าทำไมคนที่พาตัวเธอออกมาอย่างแฮปปี้
และคนที่ไล่ตามมาอย่างเอาเป็นเอาตายแบบเอลซ่าและกาซิลต่างก็หยุดชะงักกันอย่างกะทันหัน ทุกสายตาที่จดจ้องมายังเธอที่อยู่ในตู้กระจกของโฮโรโลเกียมดูงุนงง
“ ‘เอ่อ...’ เธอบอกแบบนั้นน่ะครับ” เทพแห่งดวงดาวนาฬิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยานคางเพื่อสื่อสารในสิ่งที่เจ้านายผู้อัญเชิญตนออกมาต้องการจะบอกให้คนภายนอกได้รับรู้
เอลซ่าและกาซิลกะพริบตาปริบๆ
มองดูร่างบางที่อยู่ในตู้แขวนลูกตุ้มนาฬิกา
ใบหน้าของทั้งสองงงงวยสุดขีด
ก่อนที่ชุดเกราะปีกทมิฬสีดำของเอลซ่าจะกลับสภาพเป็นชุดเกราะแบบปกติตามเดิม
แล้วหญิงสาวก็หันไปทางเวนดี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก “อ้าว
ว่าไงเวนดี้ ออกมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ?”
“คะ?”
เด็กสาวที่ถูกทักเองก็งงกับอาการของรุ่นพี่สาวไม่น้อย “คือ...หนูตามคุณลูซี่ออกมา”
“ไหน?”
กาซิลแทรกกลางระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่ พลางหันมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวเจ้าของชื่อ ทว่าก็ไม่เห็นจะพบอะไรแปลกๆ
เลยนอกจากนาฬิกาที่เป็นเทพแห่งดวงดาวของลูซี่
“แล้วเจ้านี่มาอยู่นี่ได้ไงวะเนี่ย?”
“ ‘พวกนายมองไม่เห็นฉันเหรอ?’ เธอว่าแบบนั้นน่ะครับ” โฮโรโลเกียมทำหน้าที่เป็นฝ่ายสื่อสารแทนลูซี่
“อะไรของมันวะ”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมยุ่งฟูว่า
แล้วหันหลังเดินกลับไปทางกิลด์โดยไม่ลืมเรียกคู่หูตัวเล็กของตัวเองกลับไปด้วย ลิลี่จึงได้แค่หันมายักไหล่ให้กับทุกคน ก่อนจะบินตามร่างสูงนั้นออกไป
“คุณเอลซ่าคะ
เห็นคุณลูซี่ไหมคะ?”
เวนดี้ลองเชิงตั้งคำถามกับหญิงสาวในชุดเกราะเหล็กที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
คนถูกถามมองไปรอบๆ แล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่นะ
ทำไมเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
คนตัวเล็กตอบ
หันไปถามแฮปปี้ที่กระพือปีกบินวนไปมาเหมือนพยายามค้นหาตัวของคนที่เขาพาออกมาด้วยอย่างไรอย่างนั้น “แฮปปี้ล่ะ
เห็นคุณลูซี่ไหม?”
“ไม่เลย
ไอล์” แฮปปี้ร้องตอบ
กระวนกระวายมองหาลูซี่เสียยกใหญ่แต่กลับไม่เจอตัวของเธอเลย “หายไปไหนกันนะไอล์ แบบนี้เราต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่ๆ
ที่ทำให้คนรักของตัวเองหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
เจ้าแมวเหมียวบ่นพึมพำทำท่าจะร้องไห้
แล้วบินออกไปจากที่ตรงนี้โดยบอกว่าจะไปตามหาตัวลูซี่กลับมาให้จงได้ เอลซ่าจึงตามออกไปด้วยเช่นกัน เหลือทิ้งไว้เพียงมิโกะแห่งนภา แมวน้อยสีขาวน่ารัก และร่างบางในตู้นาฬิกาของตนเอง
เวนดี้เดินเข้ามาใกล้นาฬิกาโบราณแล้วมองร่างที่นั่งอยู่ภายในนั้น เธอยังคงมองเห็นคุณลูซี่ตามปกติ ชาร์ลเองก็บอกว่ามองเห็น แต่ทำไมทั้งคุณเอลซ่าและคุณกาซิลกลับมองไม่เห็นกันนะ?
หรือว่าจะเป็นเพราะคุณลูซี่หลบอยู่ในตัวของนาฬิกา
ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงดาวที่มีความสามารถในการปกปิด ช่วยเหลือ
ทำให้คนที่โดนพลังของยาเสน่ห์เข้าไปไม่สามารถมองเห็นเธอได้กันนะ “คุณลูซี่คะ...”
“ ‘อืม ฉันว่าต้องเป็นเพราะพลังของโฮโรโลเกียมแน่เลย’
เธอว่าแบบนั้นน่ะครับ”
เป็นเสียงยานคางที่ตอบกลับมา
“รู้งี้ฉันช้พลังของโฮโรโลเกียมช่วยพลางตัวจากเจ้าพวกนั้นซะตั้งแต่วันนั้นก็ดี จะได้ไม่ต้องซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้’ เธอว่าแบบล่ะครับ”
“แล้วเธอจะออกมาจากนาฬิกาตอนไหนล่ะ?” ชาร์ลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามแบบฉบับของตนเอง
“ ‘เอ่อ...นั่นสินะ อีกสักพักพลังของโฮโรโลเกียมก็คงหมด เอาไงดีล่ะ...อุตส่าห์หนีเอาตัวรอดจากพวกนั้นมาได้แล้วซะด้วย’ เธอว่าแบบนั้นล่ะครับ”
แมวเหมียวสีขาวกลอกตามองบน รู้สึกรำคาญกับคำลงท้ายประโยคที่ว่า ‘เธอว่าแบบนั้นล่ะครับ’
เสียจริง
ฟังแล้วไม่ค่อยราบรื่นหูเอาเสียเลย
เวนดี้นิ่งคิดไปเล็กน้อย ก่อนจะเสนอออกมา “ถ้าอย่างนั้นเราไปทำภารกิจตามหาสมุนไพรสารพัดประโยชน์ที่ว่าจะไปกันตั้งแต่เมื่อวานดีไหมล่ะคะ?”
“ ‘จริงด้วย ลืมไปเลยนะเนี่ย ไหนๆ ก็ว่างแล้วก็ไปกันเถอะ’ เธอว่าแบบนั้นน่ะครับ”
โฮโรโลเกียมช่วยถ่ายทอดคำพูดของลูซี่ออกมาอีกครั้ง
ซึ่งหญิงสาวที่นั่งอยู่ในกล่องลูกตุ้มนาฬิกาก็กำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจที่กำลังจะได้ไปตามหาสมุนไพรสารพัดประโยชน์เพื่อเอามาใช้ในการทำยาแก้ยาเสน่ห์
เมื่อตกลงกันได้
ทั้งสาม(บวกนาฬิกาอีกหนึ่งเรือน) ก็ออกเดินทางเพื่อที่จะไปยังภูเขาฮาโคเบะ
@@@@@@@@@@@
เพราะกว่าจะออกเดินทางออกจากแมกโนเลียก็ใช้เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว
ทำให้ทั้งสองสาวหนึ่งตัวเดินทางมาถึงหมู่บ้านในเมืองก่อนจะถึงทางขึ้นเขาฮาโคเบะในตอนเกือบเย็น อีกทั้งช่วงค่ำมีข่าวว่าจะมีพายุหิมะเข้า ทำให้ทั้งสามเลือกที่จะหาที่พักเอาไว้พักผ่อนก่อนในค่ำคืนนี้
แล้วค่อยออกไปตามหาสมุนไพรในยามเช้าของพรุ่งนี้เสียจะเป็นการดีกว่า
ลูซี่ขอนอนพักผ่อนก่อนเนื่องจากวันนี้เธอเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน
ไม่ว่าจะช่วงเช้าที่ต้องเดินทางกลับมาจากการทำภารกิจกับแก๊งอัสนีบาต
หรือการเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อมาทำภารกิจนี้ มันทำให้เธอค่อนข้างล้าไม่น้อย “ฉันของีบสักหน่อยนะ แล้วเดี๋ยวตอนค่ำค่อยออกไปหาอะไรกินกัน
ถ้าเวนดี้หรือชาร์ลอยากออกไปเดินชมเมืองหรือร้านค้าอะไรก็ตามสบายเลยนะ ฮ้าว”
พูดจบก็เปิดปากหาว แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ทิ้งให้เวนดี้หัวเราะอย่างเห็นใจ และชาร์ลที่ส่ายหน้าไปมา
“เป็นแบบนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะชาร์ล”
“ก็นะ
ทำไงได้ล่ะ” ชาร์ลยักไหล่ “ไปเดินเล่นในเมืองกันหน่อยไหม? จะได้ปล่อยให้ลูซี่พักผ่อนด้วย”
“อื้ม”
เวนดี้ยิ้มให้คู่หู
แล้วทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
@@@@@@@@@@@
ดวงตากลมโตค่อยๆ ลืมเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
ก่อนจะหรี่ลงหลบแสงไฟจากหลอดไฟในห้องที่ส่องสว่างแยงตา ลูซี่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง หันมองไปรอบๆ ก็พบว่าเวนดี้กำลังนั่งอ่านนั่งสือ
และชาร์ลที่กำลังนั่งมองวิวอยู่ริมหน้าต่างของห้องพัก
“กี่โมงแล้วอ่ะ”
เวนดี้ที่ได้ยินคำถามก็วางหนังสือลง แล้วเอ่ยตอบ
“ตอนนี้ทุ่มกว่าๆ แล้วค่ะ”
ร่างบางเจ้าของเรือนผมสีทองหน้าตาตื่นทันที “ตายแล้ว
หิวกันรึยัง?
ฉันว่าเราไปหามื้อค่ำกินกันเถอะ
ขอโทษนะที่ตื่นช้า
ทำไมไม่ปลุกกันล่ะ...ฉันก็ดันหลับยาวไม่ยอมตื่นด้วย”
ลูซี่โทษตัวเองเสียยกใหญ่ พลางกระวีกระวาดรีบจัดการกับสภาพของตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ออกไปทานอาหารมื้อค่ำกันเสียที เพื่อนร่วมห้องตัวเล็กคนหนึ่งจึงได้แต่หัวเราะแห้ง และอีกตัวที่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้น่า” ชาร์ลว่า
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ฟังอยู่ดี
รีบจัดการค้ากระเป๋าสตางค์และกระเป๋ากุญแจขึ้นมาคาดเอวให้เสร็จสรรพ
“เสร็จแล้ว
ไปกันเถอะ!”
ร้านอาหารประจำหมู่บ้านคนน้อยกว่าที่คิด อาจเพราะคืนนี้มีข่าวเตือนว่าจะมีพายุหิมะบนภูเขา
และหมู่บ้านแห่งนี้ที่อยู่ก่อนถึงทางขึ้นเขาอาจได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้ผู้คนมาเที่ยวกันค่อนข้างน้อย แต่ถึงอย่างนั้น
พวกลูซี่ก็ยังได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่ไม่น่าจะมาอยู่แถวๆ นี้ได้เลย
“อ้าว
สวัสดีครับคุณลูซี่ คุณเวนดี้ แล้วก็ชาร์ลด้วย”
น้ำเสียงสดใสร่าเริงมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แย้มกว้าง
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์อ่อนผู้มีตราสัญลักษณ์เสือเขี้ยวดาบสีขาวอยู่บนต้นแขนโบกมือให้พวกเธอทันทีที่เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยท่าทางดีใจปนตื่นเต้น พาให้ลูซี่และเวนดี้หันมามองหน้ากันว่าควรจะทำอย่างไร
ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“ไง สติง”
ลูซี่ยิ้มทักทาย
แล้วหันไปยังอีกคนที่เพียงพยักหน้าให้เธอนิ่งๆ “สวัสดีจ้ะ โร้ค”
“สวัสดีค่ะคุณสติง คุณโร้ค
แล้วก็เล็คเตอร์กับฟร็อซด้วย”
เด็กสาวตัวเล็กทักทายกลับอย่างมีมารยาท
โดยไม่ลืมที่จะเอ่ยทักทายแมวอีกสองตัวที่กำลังนั่งแทะปลากันอยู่
เจ้าเหมียวทั้งสองยิ้มกว้างให้กับสองสาว
ก่อนที่เล็คเตอร์จะยิ้มกว้างจนหน้าบานพลางยื่นปลามาทางชาร์ล “ทานด้วยกันสิครับ”
“ขอบใจ
แต่ไม่เป็นไร”
เจ้าแมวตัวเมียตอบเสียงนิ่ง
พาให้แมวน้อยคู่หูของสติงหน้าสลดลงทันที
“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่กันครับ?” สติงเอ่ยถาม
พร้อมเชิญให้ทั้งสามนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน
โดยที่ตัวเองย้ายไปนั่งข้างโร้ค
ฝ่ายพวกลูซี่ก็รู้สึกเกรงใจกันอยู่ไม่น้อย
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถึงขั้นย้ายที่นั่งให้แล้วขนาดนี้ หากพวกเธอปฏิเสธก็คงจะเสียมารยาทน่าดู จึงจำต้องเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับหนุ่มๆ
“มาทำภารกิจน่ะ
แล้วพวกนายล่ะ มาทำภารกิจเหมือนกันเหรอ?”
โร้คพยักหน้า
แต่สติงถองศอกใส่เพื่อน
แล้วตอบกลับ “ใช่ครับ
พวกเรามาทำภารกิจตามหาเกล็ดไวเวิร์นกันพอดี แต่กว่าจะเดินทางมาถึงก็เย็นแล้ว”
“ก็เพราะพวกนายไม่ยอมนั่งรถหรือพาหนะอะไรอื่นน่ะสิ เลยเสียเวลาเดินมานานขนาดนี้”
เล็คเตอร์แหวใส่เพื่อนร่างใหญ่ที่นั่งหัวเราะแหะๆ
“เป็นดราก้อนสเลเยอร์ก็ลำบากแบบนี้ล่ะค่ะ” เวนดี้ยิ้มแห้งๆ ให้พวกนั้น
ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ได้เป็นปัญหาเพราะสามารถใช้เวทย์ป้องกันอาการเหล่านั้นได้ก็ตาม
“แล้วคุณนัตสึล่ะครับ?” สติงถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสังเกตว่านัตสึไม่ได้มากับพวกเธอด้วย
ลูซี่ยิ้มเจื่อน
“ไม่มา”
“ทำไมล่ะครับ
ปกติอยู่ด้วยกันตลอดเลยนี่นา”
อีกฝ่ายยังคงถามกลับมาด้วยความสงสัย
“ก็สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติน่ะสิ”
ชาร์ลตอบแทนหญิงสาวที่นั่งอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบคำถามของสติงอย่างไร
ซึ่งคำตอบของเธอก็ทำเอาพวกนั้นขมวดคิ้วไม่เข้าใจกัน เพราะปกติธรรมดาลูซี่และนัตสึเป็นทีมเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีทีมใหญ่ที่เพิ่มสมาชิกอย่างเอลซ่า เกรย์
เวนดี้ และชาร์ลอีกด้วย แต่คราวนี้กลับมีเพียงลูซี่ เวนดี้
และชาร์ลเท่านั้นที่มาทำภารกิจกัน
เจ้าของเรือนผมสีดำเข้มมองตรงมาที่ลูซี่ คิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งขมวดหนักเข้า เจ้าตัวเอียงคอมองเธออย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังหน้าบึ้ง “เธอมีกลิ่นแปลกๆ นะ”
“เสียมารยาท!” ลูซี่เบ้ปากใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กล้าดีอย่างไรมาทักว่าเธอมีกลิ่นแปลกๆ เธออาบน้ำทำความสะอาดร่างกายมาเป็นอย่างดี แถมก่อนจะออกมาทานมื้อค่ำนี้เธอก็ฉีดน้ำหอมแล้วด้วยนะ แย่จริงๆ เลย
เห็นหญิงสาวตรงหน้าอารมณ์เสียใส่ โร้คจึงต้องเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้หมายถึงกลิ่นตัว แต่เป็นกลิ่นของเธอต่างหาก มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า...เป็นกลิ่นหอมมีเสน่ห์ขึ้น”
“......”
ลูซี่นิ่งอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย อย่าว่าแต่เธอเลย
ทุกคนและตัวที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันต่างก็นิ่งอึ้ง
แล้วยิ่งเวนดี้ที่หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาก็ยิ่งพาให้ลูซี่รู้สึกเขินตามไปด้วย
“บ้า
พูดอะไรของนาย มะ...มีเสน่ห์อะไรกัน” ใบหน้าหวานก้มต่ำพลางตอบตะกุกตะกัก ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆ
จะเคยได้รับคำชมจากพวกคนใช้ภายในบ้านว่าเธอสวยมีเสน่ห์ก็เถอะ แต่โตมาแล้วเธอมักจะโดนค่อนขอดว่าไร้เสน่ห์มากกว่า แต่ดูสิ...อยู่ดีๆ
เจ้าบ้าโร้คก็มาออกปากชมว่าเธอมีกลิ่นหอมมีเสน่ห์ซะอย่างนั้น ไม่เขินก็บ้าแล้ว
“เฮ้ย
ทำไมไปพูดกับคุณลูซี่แบบนั้น”
สติงหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสนิทที่อยู่ดีๆ
ก็พูดบ้าอะไรออกไปก็ไม่รู้ แต่พอเห็นเพื่อนทำหน้างง จึงพูดต่อ
“ก็คุณลูซี่เป็นผู้หญิงของคุณนัตสึน่ะสิ
แกไปพูดแบบนั้นเขาจะคิดยังไง ?”
“ฉันก็แค่พูดไปตามตรง ไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย” โร้คตอบเสียงนิ่ง
“แต่คุณลูซี่หน้าแดงใหญ่แล้วนะ”
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์อ่อนตัดสั้นละจากเพื่อน แล้วหันมาขอโทษขอโพยลูซี่แทน “ขอโทษแทนโร้คด้วยนะครับที่พูดอะไรแปลกๆ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครต่อนะครับ”
“นี่
กลิ่นหอมมีเสน่ห์ที่นายว่า...มันยังไงกันเหรอ?” ชาร์ลที่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่สติงพูดหันไปถามกับโร้ค เรียกให้ทุกคนต้องหันไปมองหน้าชายหนุ่มตาม
“อ่า...มันเป็นกลิ่นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” โร้คตอบ
“เป็นกลิ่นหอมๆ หวานๆ
คล้ายกับจะดึงดูดให้เข้าหา
พวกนายไม่ได้กลิ่นเหรอ?”
เจ้าของเรือนผมสีดำย้อนคำถามกลับไปให้ดราก้อนสเลเยอร์อีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ ทำใหเวนดี้และสติงชะงักไป
ก่อนที่ทั้งสองจะทำสมาธิแล้วลองสูดดมกลิ่นที่ว่า
“จะว่าไปก็ได้กลิ่นอ่อนๆ นะ แต่แล้วมันยังไงเหรอ? มันถึงกับต้องทักกันเลยรึไง”
“จริงด้วยค่ะ
ไม่ทันได้สังเกตเลย” เวนดี้เองก็โพล่งขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นที่ว่า
โร้คพยักหน้า
แล้วว่าต่อ “ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? ปกติเวลาเจอเธอฉันไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้เลย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
แล้วมันเกี่ยวข้องกับที่แมวน้อยบอกว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติด้วยใช่ไหม?”
สองสาวกับอีกหนึ่งแมวแห่งกิลด์แฟรี่เทลหันมามองหน้ากัน
แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าโร้คนี่เซ้นส์ดีกว่าที่คิดซะอีก แถมยังฉลาดจับต้นปลายเรื่องได้ดีเยี่ยมเสียด้วย
“ก็...ที่จริงก็มีเรื่องเกิดขึ้นอยู่หรอกนะ” ลูซี่ถอนหายใจอย่างปลงตก
แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวให้กับทั้งสองหนุ่มและแมวอีกสองตัว(ที่แม้จะเล่าไปก็คงไม่รู้เรื่อง)
ให้ฟัง บางทีเธออาจจะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากสองคนนี้ก็เป็นได้
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นดังที่หวังไว้ เพราะพอเล่าเรื่องราวหนักใจที่ต้องเผชิญในช่วงนี้ให้ฟัง โร้คกลับเพียงพยักหน้านิ่งๆ ส่วนสติงนั้นกลับหัวเราะเสียจนตัวงอ “นี่
มันไม่ตลกนะ”
“ขะ
ขอโทษนะครับ”
สติงพยายามกลั้นขำ เขาสูดหายใจแรงๆ “คือมันตลกตรงที่ว่าแต่ละคนที่โดนยาเสน่ห์เข้าไปนี่...มีแต่คนที่ดูไม่น่าจะมาหลงเสน่ห์คุณได้เลยน่ะครับ”
“น่าสงสารกาซิลจริงๆ หรือน่าสมเพชกันนะ” โร้คบ่นพึมพำอยู่กับตนเอง แต่ก็ได้ยินชัดเจนพอ
“โธ่เอ๊ย
พวกนาย
คนที่น่าสงสารคือฉันต่างหาก
ไม่รู้รึไงว่าแต่ละคนก่อปัญหาอะไรไว้ให้กับฉันบ้าง
เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องลงทุนลงแรงเดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะเอาสมุนไพรสารพัดประโยชน์ไปทำยาแก้เสน่ห์ไงเล่า” ร่างบางหน้ามุ่ย
พลางพูดอธิบายให้พวกนี้ได้เข้าใจถึงอารมณ์ของเธอ
“ฮ่าๆ
เข้าใจแล้วครับ”
สติงหัวเราะส่งท้ายอีกเล็กน้อย
ก่อนจะปรับหน้าตาให้ดูจริงจังขึ้นมา
“ไหนๆ ก็ต้องขึ้นเขาไปทำภารกิจเหมือนกันอยู่แล้ว พวกเราก็ไปด้วยกันซะเลยสิครับ เพราะไวเวิร์นก็น่าจะอยู่แถวๆ
บริเวณที่มีต้นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ขึ้น
ก็...เจ้าพวกนั้นกินสมุนไพรเป็นอาหารด้วยนี่เนอะ”
“อืม”
โร้คพยักหน้า “อีกอย่าง...แค่พวกเธอคงไม่น่าจะจัดการเจ้าไวเวิร์นได้อยู่แล้วล่ะมั้ง”
ถึงคำพูดคำจาจะไม่น่าฟัง
แต่ถ้านึกถึงเรื่องผลประโยชน์แล้วมันก็จริงอย่างที่เจ้าสองคนนี้เสมอมา ลูซี่
เวนดี้ และชาร์ลตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มากเลย
เนื่องจากเคยนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่พวกเธอทั้งทีมเคยมาทำภารกิจตามหาสมุนไพรครั้งก่อนหน้า แต่กลับโดนไวเวิร์นขาวโจมตี และสู้กันเสียชุลมุนไปหมด กว่าจะเอาชนะไวเวิร์นมาได้ก็แทบตายกัน แล้วคราวนี้ซึ่งมีแต่ลูซี่ เวนดี้
และชาร์ลมากันแค่สามคนแบบนี้ มีหรือที่พวกเธอจะปฏิเสธน้ำใจของสองหนุ่มและแมวของพวกเขาได้
“อื้ม
ขอบใจมากนะ”
ลูซี่ยิ้มกว้างให้
ซึ่งสติงและโร้คก็ยิ้มตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
ยังไงซะทั้งแฟรี่เทลและเซเบอร์ทูธก็เป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว ช่วยเหลือกันแค่นี้สบายมาก” สติงตอบ
“ใช่...และที่สำคัญพวกเราก็ไม่อยากให้นัตสึกับกาซิลตกอยู่ในอำนาจยาเสน่ห์ด้วย”
“จ้า”
ไอ้พวกนี้นี่ -__-
“อยากให้พวกเราตอบแทนอะไรก็บอกได้เลยนะคะ” เวนดี้พูดด้วยความมีไมตรี
คนจากกิลด์เซเบอร์ทูธหันมองหน้ากัน
แล้วเป็นสติงที่หันมายิ้มกว้างอย่างเจิดจ้า “ตอบแทนด้วยการเลี้ยงอาหารมือนี้ก็พอแล้วครับ”
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่...แต่ค่าอาหารมื้อนี้ที่เสียไป ลูซี่คิดว่ามันโคตรจะไม่คุ้มค่าเลยสักนิด!
-TBC-
ขอโทษที่มาอัพช้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T^T
เนื่องจากติดหลายๆ อย่างในชีวิตมากมาย แต่จะเริ่มเคลียร์ฟิคแล้วค่ะ
สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ก็อาจจะมีแต่น้ำหน่อย ต้องขอโทษอีกที
ถ้ายังไงเจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่ผ่านๆ มาด้วย ขอบคุณมากๆ ค่ะ
ความคิดเห็น