ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Fairy Tail] Attraction เสน่ห์ร้าย ยัยจอมเวท

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter >> 6 b :: จูบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      40
      10 ม.ค. 60


    Chapter 6 B


    ริมฝีปากของร่างสูงประทับอยู่กับริมฝีปากบางของร่างเบื้องใต้เข้าเสียแล้ว

     

    ลูซี่เบิกตาค้างด้วยความตกใจ  จากที่เคยได้อ้าปากโวยวายเมื่อครู่  ก็เป็นอันต้องเงียบเสียงเมื่อริมฝีปากของเธอถูกริมฝีปากอีกคู่ประทับปิดเอาไว้ 

     

    ทุกอย่างนิ่งสงบไปราวกับว่าเวลาถูกหยุดไว้  ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาหรือแม้แต่จะขยับเขยื้อนเลยสักนิด  นิ่งสงบเสียจนหากทำเข็มหล่นก็คงได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน

     

    .

    .

    ตึก...ตัก

    .

    ตึก...ตัก

    .

    .

     

    จังหวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะของลัคซัสเมื่อก่อนหน้า...เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง  คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างจากร่างบางแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจของเขา  อาจเปรียบได้กับยารักษาโรคที่เมื่อได้รับมาแล้วก็ช่วยให้ความเจ็บปวดทุเลาลง 

     

    ลัคซัสผละออกอย่างเชื่องช้า สีหน้ามึนงง  และสังเกตเห็นว่าตอนนี้ตนเองกำลังทาบทับร่างบางของลูซี่เอาไว้  แถมเธอยังมองเขาตาค้างเสียด้วย

     

    เกิดอะไรขึ้น?” เอ่ยถามออกมาอย่างงุนงง  พร้อมผละหนีจากลูซี่  ทำทีราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ฝีมือของเขา  ดวงตาเรียวคมเหลือบมองไปทางฟรีดเพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผมสีมรกตจะตัวแข็งเป็นหิวราวกับโดนคำสาปจากเอเวอร์กรีนไปเสียแล้ว ทว่ามันไม่ใช่  เขาแข็งเป็นหินเพราะสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านั้นต่างหาก

     

    บิ๊กสโลว์ที่ดูจะสติดีที่สุดในตอนนี้จึงเอ่ยกลับด้วยรอยยิ้มกว้างของเขา  แม้ครั้งนี้มันออกจะขำไม่ออกสักหน่อยก็เถอะ นาย...จูบกับลูซี่

     

    นัยน์ตาคมเบิกกว้างเลิกน้อย  ก่อนจะหรี่ลงด้วยท่าทีพิจารณา  เขาเนี่ยนะจะจูบกับลูซี่...?  ลัคซัสกำลังพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขา  แต่ว่าเขากลับจำไม่ได้เลยว่าอะไรที่มันแปลกไป  ทุกครั้งที่อยู่กับหน่วยเทพอัสนีบาต  ทุกครั้งที่อยู่กับคนอื่นๆ ในกิลด์  ทุกอย่างมันก็ปกติดีอย่างที่เคยเป็น  แต่เมื่อสบตากับเธอ  ก็ราวกับถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดด้วยพลังอะไรบางอย่าง  ทุกสิ่งอย่างรอบกายเบลอไปหมด  สิ่งที่เห็นมีเพียงแค่เธอเท่านั้น  หัวใจเขาเต้นแรง  และสมองก็สั่งให้ร่างกายของเขาขยับเข้าไปใกล้เธอ  สัมผัสเธอ  ทำอะไรมากมายที่เกี่ยวข้องกับเธอ  และต้องเป็นเธอเท่านั้น   ซึ่งเขายอมรับว่าแปลกมาก...แปลกอย่างที่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  และความรู้สึกแบบนั้นมันก็เริ่มขึ้นในวันนั้น...วันที่เธอทำขวดยาตกแตก

     

    จริงๆ แล้วมันเป็นเพราะยาเสน่ห์น่ะ เอเวอร์กรีนกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของลัคซัส

     

    ชายหนุ่มผมสีบลอนด์อ่อนทวนคำพูดของหล่อน  แล้วหันกลับไปจ้องลูซี่เขม็ง เธอทำยาเสน่ห์ใส่ฉันทำไม?”

     

    กรี๊ดดดดดดด  ลูซี่ได้แต่กรีดร้องในใจ  คำขอโทษก็ไม่มี  แถมยังโยนความผิดมาให้เธอเฉยเลย

     

    เพราะฉันไม่รู้ว่ายาขวดนั้นมันเป็นยาเสน่ห์น่ะสิ เธอรีบอธิบายก่อนที่จะโดนกล่าวโทษอะไรไปมากกว่านี้ แล้วก็นะ  ไม่ใช่นายคนเดียวซะหน่อยที่โดนมันเข้า  คนอื่นๆ ก็โดนเหมือนกัน

     

    ลัคซัสเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีสงสัย คนที่ยืนล้อมวงวันนั้น...โดนเหมือนกันหมดเลยสินะ?”

     

    ก็ใช่น่ะสิลูซี่ว่าพลางทำท่าจะร้องไห้  รู้ไหมว่าฉันลำบากขนาดไหนน่ะ

     

    ชายหนุ่มมองสบตาเธอ  ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาจู่โจม  เพราะเมื่อกี้เขาดันไปกล่าวหาว่าเธอทำยาเสน่ห์ใส่เขาน่ะสิ  ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้วเธอก็คงไม่ได้ตั้งใจ  เพราะดูจากพวกที่โดนยาเสน่ห์เข้าไป...มันก็ไม่เห็นมีใครน่าทำเสน่ห์ใส่เลยสักนิด โอเค  ฉันขอโทษก็แล้วกันที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอทำยาเสน่ห์ใส่ฉันน่ะ  เพราะฉะนั้น...เลิกทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ได้แล้ว

     

    อือลูซี่ก้มหน้าก้มตาเช็ดหยาดน้ำตาออก 

     

    แล้ว...ตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไง  พอจะอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?” ลัคซัสถาม  ซึ่งทั้งเอเวอร์กรีนและบิ๊กสโลว์ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามนี้  เพราะดูท่าพวกเขาเองก็อยากจะรู้เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเหมือนกัน  (ส่วนฟรีดนั้น...กำลังนั่งน้ำตาตกในหลังจากหายช็อกอยู่)

     

    ลูซี่เริ่มเล่าเรื่องจากตอนที่เธอเดินทางกลับจากร้านหนังสือแล้วเจอชายคนหนึ่งโดนรุมทำร้าย  เธอจึงเข้าไปช่วยเหลือคุณลุงท่านนั้นเอาไว้  แล้วได้รับน้ำยาขวดนั้นเป็นสิ่งตอบแทนโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่านั่นคือยาเสน่ห์  จนกระทั่งเดินทางกลับมาถึงกิลด์  เธอจึงคิดจะนำเอาเจ้าขวดยานั้นไปสอบถามกับมาสเตอร์  แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่อยู่  เธอจึงได้สอบถามกับมิร่าเจนแทน  และเรื่องทุกอย่างก็เป็นไปตามเหตุการณ์ที่ทุกคนรับรู้ในวันนั้นนั่นเอง  แต่ดูเหมือนว่ากว่าจะรู้ว่ามันคือยาเสน่ห์ก็สายไปเสียแล้ว  เพราะกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น...ต่างก็โดนยาเสน่ห์กันเข้าไปโดยถ้วนหน้า

     

    อืม  ฉันพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้วล่ะ  ว่าแต่เธอพอจะรู้ไหมว่าตาลุงคนนั้นเป็นใคร?  ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้มอบยาเสน่ห์ให้เธอ ลัคซัสเอ่ยถามพลางมองหน้าร่างบางที่กำลังทำท่านึกคิด

     

    ฉันไม่รู้จักคุณลุงคนนั้นหรอกนะ  แต่เหมือนเขารู้จักฉันเลย  เพราะตอนที่เขามอบยาเสน่ห์ให้ฉัน  เขาบอกว่ามันน่าจะเหมาะสมกับฉันน่ะ ลูซี่เงยหน้าขึ้นมาตอบ  ทำให้เธอเผลอสบตากับลัคซัสเข้า..

     

    เป็นการสบสายตาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ  แต่ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างชะงักไปทันที  ทั้งคู่รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ก่อนที่ต่างฝ่ายจะเบนสายตาไปมองทิศทางอื่นแทน  ซึ่งสาเหตุก็คงจะมาจาก...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้

     

    เอ่อ...ขอโทษกับเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ  ลัคซัสเอ่ยคำขอโทษเสียงเบา  ทว่ามันก็ยังคงได้ยินชัดเจน

     

    อะ...อือฝ่ายลูซี่เองก็ตอบรับเสียงเบา  เสตามองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย  พลางนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาและเธอต้องมารู้สึกเช่นนี้...

     

    ..ที่ทั้งคู่จูบกัน..

     

    อันที่จริงตอนจูบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่เพราะกำลังอยู่ในอาการช็อก  แต่ตอนนี้นี่สิที่เป็นปัญหา  เพราะมันทำเอาเธอไม่กล้าสบตาและมองหน้าเขาตรงๆ เลย ...ทำไงได้ล่ะ  นั่นมันจูบแรกของเธอซะด้วย... T^T

     

    ถ้ายังไงพวกเราเข้านอนกันดีกว่านะ  พรุ่งนี้เช้าจะได้เดินทางกลับหมู่บ้านกันแต่เช้า บิ๊กสโลว์ตัดสินใจแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนนั้นด้วยการตัดบทบอกให้ทุกคนเข้านอน  ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยแต่โดยดี  และแยกย้ายกันไปนอนตามฝั่งที่ได้แบ่งแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง

     

    @@@@@@@@@@@@@

     

    วันรุ่งขึ้น

    ทั้งห้าคนออกเดินทางกันแต่เช้า  เพื่อที่จะรีบกลับกิลด์ไปพักผ่อนที่นั่นแทน  ซึ่งลัคซัสเดินนำหน้ากลุ่ม ตามด้วยสามสหายแห่งหน่วยเทพอัสนีบาต  และปิดท้ายด้วยลูซี่ที่กำลังเดินคิดเรื่องบางสิ่งบางอย่างอยู่  ซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  ถึงจะไม่อยากนึกถึงเรื่องจูบมากนัก  แต่เธอรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป

     

    ..อาการของลัคซัสยังไงล่ะ..

     

    เพราะเมื่อคืนมัวตกใจและช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไป  อีกทั้งยังต้องมานั่งตอบคำถามและอธิบายเรื่องราวให้พวกนั้นฟัง  ทำให้เธอลืมคิดถึงสาเหตุที่ทำให้อาการของลัคซัสกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมไปเสียสนิท  ซึ่งเธอก็กำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด  และไม่ว่าจะคิดอย่างไร  คำตอบมันก็ชี้ไปที่เหตุการณ์ การจูบนั่นอยู่ดี  เพราะในตอนที่ริมฝีปากประทับกันอยู่  ลัคซัสก็มีท่าทีนิ่งค้างไปเหมือนกับตอนที่เขาโดนยาเสน่ห์เข้าไปไม่มีผิด  และหลังจากที่ผละออกไป  เขาก็กลับเป็นลัคซัสคนเดิม  ดังนั้น...ก็หมายความได้อย่างเดียวเท่านั้นว่าอาการแปลกๆ ของลัคซัสหายไปหลังจากจูบกับเธอ

     

    แต่ถึงอย่างนั้นลูซี่ก็ยังไม่กล้ายืนยันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์  เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว  การที่เราจะหาคำตอบที่แน่ชัดจากอะไรก็ตามได้  จะต้องเกิดจากการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้ผลที่ถูกต้องชัดเจน  แต่การที่จะให้เธอไปจูบกับลัคซัสซ้ำอีกก็คงจะไม่ได้  เพราะแค่นี้ก็เข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว  แน่นอนว่าการไปจูบกับคนอื่นก็เช่นกัน  เกิดว่าเป็นเรื่องที่เธอคิดผิดขึ้นมาคงจะหน้าแตกน่าดู  และคงต้องหาเหตุผลมาอธิบายยืดยาว...ดีไม่ดีจะโดนปล้ำเอาได้ด้วยซ้ำไป .//.

     

    ว้ายยย ร่างบางร้องอุทานออกมาเสียงด้วยความรู้สึกตกใจ แล้วรีบใช้มือปิดกระโปรงสีน้ำเงินตัวโปรดของเธอที่สะบัดพลิ้วตามแรงลมจนแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่รอมร่อ  ..โอ๊ย จะบ้าตาย  รู้อย่างนี้เอากางเกงขาสั้นมาซะก็ดีหรอก คิดพลางใช้มือจับกระโปรงไปตลอดทางเพื่อไม่ให้มันถูกลมพัดเปิดขึ้นอีก

     

    ท่าทางของเธอทำให้ชายหนุ่มผู้เดินนำหน้ากลุ่มอดที่จะรู้สึกสงสารปนอนาถใจนิดๆ ไม่ได้  ลัคซัสเดินย้อนกลับมาหาลูซี่  เรียกให้อีกสามคนที่เหลือต้องหันมามองตามอย่างไม่เข้าใจ  ก่อนจะร้องแซวออกมาเมื่อเห็นหัวหน้าของพวกตนถอดเสื้อคลุมตัวยาวของเขาไปคลุมไหล่ให้ร่างบาง

     

    ใส่ไว้สิ  จะได้ช่วยกันไม่ให้ลมพัดกระโปรงเธอเปิดอีกได้  เขาว่า  แต่กลับไม่ได้สบตากับเธอ  เช่นเดียวกับลูซี่ที่ก้มหน้างุดอย่างไม่กล้าสบตาเขา

     

    เอ่อ...ขอบคุณนะ

     

    แหมๆ  รู้สึกตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น  จะดูเป็นห่วงเป็นใยกันดีจังเลยนะเอเวอร์กรีนพูดขึ้นลอยๆ ด้วยท่าทีล้อเลียน

     

    อะไรกันเนี่ย  วิ้วบิ๊กสโลว์ช่วยผสมโรงอีกคน

     

    แล้วมีหรือที่คนอย่างฟรีดผู้รักและเทิดทูนลัคซัสยิ่งจะยอม... พอเลยพวกนาย  ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!!

     

    แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามปากของเอเวอร์กรีนและบิ๊กสโลว์ได้  ลัคซัสจึงผละไปเดินนำหน้าอีกครั้ง  ปล่อยให้ลูซี่เดินรั้งท้ายกลุ่ม...โดยที่เธอสวมใส่เสื้อคลุมตัวโปรดของเขาเอาไว้

     

    @@@@@@@@@@@

     

    ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางไปครึ่งค่อนวันก็กลับมาถึงเมืองแมกโนเลีย  กลุ่มหน่วยเทพอัสนีบาตจะเดินทางไปที่กิลด์แฟรี่เทลกันก่อน  แต่ลูซี่กลับขอตัวกลับบ้านของตนเอง  เธอมีเรื่องให้ต้องคิดอีกมากมาย  การกลับไปคิดที่บ้านคงจะช่วยให้มีสมาธิมากกว่า  รวมทั้งเวลาอย่างนี้...การไปที่กิลด์คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก  เพราะลูซี่ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีอะไรรอเธออยู่หรือเปล่า

     

    ร่างบางโบกมือลาพวกหน่วยเทพอัสนีบาตแล้วหันหลังเตรียมเดินไปยังทิศทางที่บ้านเช่าของเธอตั้งอยู่  แต่ก้าวเท้าได้เพียงสองสามก้าว  เสียงเข้มก็เอ่ยเรียกเธอไว้เสียก่อน  ลูซี่ใจเต้นนิดหน่อยตอนที่เธอหันมาสบตากับลัคซัส  ก่อนจะรีบเบนสายตาหนีจากเขา อะไรเหรอ?”

     

    เสื้อฉัน...

     

    ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองหน้าเขา  คราวนี้ไม่มีอาการใจเต้นอะไรทั้งนั้น  แน่ล่ะ...ใครจะใจเต้นในบทสนทนาแบบนี้ลง เอ่อ...ใช่  โทษที  ลืมไปเลยน่ะ  ว่าพลางถอดเสื้อคืนให้เขา  แล้วหันหลังวิ่งออกมาอย่างเร็วไว  ริมฝีปากบางเม้มแน่น  ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ  ...โอ๊ย  อุตส่าห์ใจเต้น  ที่แท้ก็ทวงเสื้อ...

     

    ...

     

    ลูซี่กลับมาถึงบ้านของตัวเอง  เธอใช้กุญแจไขประตูห้องเข้ามา  สายตามองสำรวจห้องของตัวเองตามความเคยชิน  เพราะปกติแล้วมักจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่ในห้องของเธออยู่เรื่อย  และดูเหมือนวันนี้...ก็เป็นเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

     

    เมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองเห็นร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีชมพูนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาตัวยาวของเธอ

     

    ..ให้ตายสินัตสึ  มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง.. เธอคิด  แต่ไม่ต้องใช้เวลาให้มากลูซี่ก็รู้ตัวดีว่าควรจะต้องทำสิ่งใด  เธอหันไปทางประตูอีกครั้ง  คิดจะย่องหนีออกจากห้องของตัวเองไปเงียบๆ  ไม่ให้คนกำลังหลับอยู่รู้สึกตัว

     

    ลูซี่...

     

    เสียงเรียกดังขึ้น  เรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมองด้วยสัญชาตญาณ  แล้วก็ต้องตกใจเมื่อบางสิ่งที่มองเห็นเป็นสีฟ้าพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง

     

    พลั่ก

     

    ลูซี่รู้สึกจุกที่อกเล็กน้อย  เมื่อก้มลงมองก็เห็นเจ้าแมวสีฟ้าตัวน้อยกอดเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น  ฮะ แฮปปี้

     

    ลูซี่ใจร้ายที่สุดเลย

     

    หา  ใจร้าย...?” เธอเลิกคิ้วมองเจ้าแมวสีฟ้าด้วยความไม่เข้าใจ

     

    ก็เมื่อวันก่อนที่ลูซี่ถีบเราที่ตลาดนั่นไง  เราเจ็บมากเลยนะ  แต่เจ็บที่กายยังไม่เท่าไหร่  เจ็บที่ใจนี่สิ...ทำไมถึงทำร้ายเราได้ลงคอ ?”  เจ้าเหมียวว่าอย่างงอแง  เพราะฉะนั้นลูซี่ต้องง้อเรานะ

     

    เอ่อ..ลูซี่อึกอัก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี  เพราะตอนนี้เสียงร้องของแฮปปี้ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลัวว่าจะไปปลุกเจ้าตัวปัญหาที่กำลังหลับอุตุอยู่บนโซฟาคนนั้นให้ตื่นขึ้นมา  แฮปปี้  ฉันว่านายเงียบเสียงลงหน่อยดีกว่านะ

     

    แง้งงง  ไม่ได้ผล  เพราะแฮปปี้ยิ่งร้องดังกว่าเดิมด้วยความน้อยใจที่หญิงสาวไม่ง้อตัวเอง  ลูซี่ใจร้าย  ถ้าไม่ยอมให้เรากอดแน่นๆ  เราไม่หายงอนจริงๆ ด้วยนะไอล์

     

    ...นี่ยังไม่แน่นพออีกเหรอ..?  ลูซี่ได้แต่คิดในใจ เอาเป็นว่าฉันขอโทษก็แล้วกันนะ  ถ้ายังไงจะเลี้ยงปลาสัก 5 ตัวเป็นการตอบแทนนะ

     

    จริงเหรอไอล์ ?”  แฮปปี้ตาวาวทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

     

    ...ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยนะเจ้าแมวต๊อง... จริงสิ  เธอรับและลูบหัวแฮปปี้เบาๆ  ถ้าอย่างนั้นเราออกไปกินตอนนี้เลยไหมล่ะ?”

     

    เมื่อเห็นเจ้าแมวต๊องพยักหน้ารัวๆ  ลูซี่จึงอุ้มแมวเอาไว้ให้มั่น (แม้มันจะกอดเธอแน่นมากอยู่แล้วก็ตามที)  มือบางคว้าลูกบิดประตู  แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่ปะทะอยู่ที่แผ่นหลังของตนเอง 

     

    ...เป็นความร้อนที่มีรูปแบบเฉพาะตัว...และแสนจะคุ้นเคยเหลือเกิน

     

    ห้ามออกไปโดยที่ไม่มีฉันนะ 

     

    เสียงเข้มเอ่ยสั่งเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ลูซี่ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย  จึงกลายเป็นแฮปปี้ที่เป็นฝ่ายออกหน้ารับแทน  อะไรของนายน่ะนัตสึ  ลูซี่กับเรากำลังจะออกไปกินปลานะ  อย่ามาห้ามดีกว่าไอล์

     

    ไม่!  ห้ามออกไปไหนโดยไม่มีฉัน  แล้วมือหนาก็คว้าเข้าที่ไหล่บาง  พร้อมดึงให้เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง เข้าใจไหมลูซี่ ?”

     

    ดวงตากลมโตหลุบต่ำทันทีเมื่อเผลอสบตากับนัตสึเข้าให้  ค่ะ”  เธอตอบเสียงเบา

     

    นัตสึละมือออกจากไหล่บางพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอโดยไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของแฮปปี้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอแม้แต่น้อย กลิ่นนี่มัน...?”  ว่าพลางดมฟุดฟิดๆ ใกล้ตัวเธอ

     

    ลูซี่ใช้มือดันร่างเขาออกเท่าที่แรงตนจะสู้ได้  พลางเอ่ยตอบ อะไร...ฉันอาบน้ำมาแล้วนะ

     

    ทำไมถึงมีกลิ่นของลัคซัสเต็มไปหมดเลย 

     

    เมื่อรู้สึกเหมือนโดนคาดคั้น  หากไม่ตอบก็คงจะไม่ได้  ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากบอกเรื่องระหว่างเธอกับลัคซัสเท่าไหร่นักก็ตาม  ไปทำภารกิจด้วยกันมา

     

    สองต่อสอง ?”

     

    เปล่า  แก๊งเทพอัสนีบาตก็ไปด้วย  ร่างบางงึมงำตอบ  รู้สึกคล้ายกับว่าแอบหนีพ่อไปเที่ยวแล้วโดนจับได้อย่างไรอย่างนั้น

     

    ถ้าอย่างนั้นก็โอเค  นัตสึผละออก  ยังคงไม่สนใจแฮปปี้ที่ร้องโวยวายอยู่เลยสักนิด  ไปทำภารกิจด้วยกันนะ

     

    ลูซี่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับคำชวนของอีกฝ่าย  ...ไปทำภารกิจด้วยกัน ?  เหอะๆ  ฝันไปเถอะว่าฉันจะตอบตกลง  แค่เจอเรื่องแบบนั้นกับลัคซัสก็เกินพอแล้ว  แต่ฉันเพิ่งจะกลับมาจากการทำภารกิจเมื่อกี้เองนะ  ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย

     

    งั้นเดี๋ยวฉันนวดให้  นัตสึตอบกลับมาในทันที

     

    ไม่รู้ว่าที่พูดนั่นจริงจังขนาดไหน แต่ถ้านัตสึนวดให้...มีหวังกระดูกแตกหมดร่างพอดี  ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะไม่คุ้มแน่นอน  ขะ  เข้าใจแล้ว ไปทำภารกิจก็ได้ 

     

    เพียงแค่ตอบรับกลับไป  อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างออกมา  มืออุ่นคว้ามือข้างที่ว่างของเธอและลากตัวเธอออกจากบ้านไปทันทีโดยที่ไม่รอให้เธอเตรียมพร้อมอะไรแม้แต่น้อย

     

    ลูซี่จ้องมองแผ่นหลังของอีกคน...ที่มักจะยืนอยู่เบื้องหน้าและคอยปกป้องเธอเอาไว้เสมอ  เธอยิ้ม  รู้สึกว่ามือของเขายังคงอบอุ่นเช่นเคย...

     

    ...มันใช่เวลามาคิดเรื่องอย่างนี้ไหม ??  ลูซี่สะบัดหัวแรงๆ  เพื่อไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกไป  ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าให้ต้องคิด  นั่นก็คือ...พฤติกรรมของนัตสึ  ตอนนี้อาการของเขาก็ดูปกติทั่วไป ทั้งที่เมื่อวานตอนเช้ายังทำท่าจะจู่โจมเธออยู่เลย  เป็นเพราะอะไรกัน ?  ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าบางทีแล้วระดับสติอาจจะขึ้นอยู่กับความบ้าของแต่ละคน  แต่อย่างนัตสึ...ก็น่าจะเข้าข่ายพวกบ้าจนถึงขั้นไร้สตินะ  แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ตอนนี้เขาก็น่าจะพุ่งเข้ามาจู่โจมเธอสิ  ไม่ใช่เดินจูงมือกันแบบนี้  หรือเมื่อวานตอนที่เกิดเรื่องขึ้น  เป็นเพราะอยู่ด้วยกันสองต่ออย่างนั้นเหรอ?  ก็ไม่น่าใช่  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง วันก่อนเอลซ่าก็ไม่ควรจู่โจมเธอที่อยู่กับพวกเวนดี้  อืม...ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน  อาการของแต่ละคนต่างก็แตกต่างกันไปจนมองหาจุดร่วมไม่ออก  ลูซี่เม้มปากแน่น รู้สึกปวดหัวขึ้นมานิดๆ เมื่อคิดหาความเป็นไปได้เรื่องอาการของแต่ละคนไม่ออก  ...หรือเพราะสบตากันนะ..?  กับลัคซัสก็อาจจะใช่  เพราะจำได้ว่าตอนเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคืน  เธอบังเอิญสบตากับเขา และเราก็จ้องตากันสักพักหนึ่งด้วย  กับนัตสึเองก็สบตากันนิดหน่อย เลยไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น  แต่เอลซ่าก็ไม่ได้สบตากันนี่นาตอนที่โดนกอด  แต่ตอนถูกหอมแก้ม...ก็สบตากันชัดๆ นี่หว่า  ต้องใช่แน่ๆ  ต้องเป็นเพราะการสบตาแน่ๆ !!

     

    เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อย  ทำให้ลูซี่ไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้พวกเธอทั้งสามเดินมาถึงกิลด์แฟรี่เทลกันแล้ว  คนข้างหน้าไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปสุดแรง  เรียกให้คนที่กำลังเหม่อลอยอย่างลูซี่สะดุ้งกับเสียงประตู  และมองเข้าไปในกิลด์ด้วยความตกตะลึงเมื่อพบว่า...

     

    การยอมเดินตามนัตสึมาที่กิลด์ตอนนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดที่สุด

     

    ...เพราะข้างในเต็มไปด้วยกลุ่มคนผู้น่าหวาดกลัว (สำหรับเธอ)

     

    เอลซ่า  เกรย์  จูเบีย  เวนดี้  และชาร์ลนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง  และที่โต๊ะอีกตัวมีกาซิลกับเลวี่ (ที่น่าจะล้มเหลวจากการลากกาซิลออกไปทำภารกิจ) นั่งอยู่  ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่กล่าวถึงนั้นกำลังจ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกัน

     

    ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง...ทุกอย่างดูสงบนิ่งจนน่ากลัว

     

    คล้ายกับว่าเป็นความสงบ......ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะก่อตัวขึ้น.

     

     

     

    -TBC-



     

    l สวัสดีค่ะทุกท่าน  มาต่อตอนนี้ให้ครบตอนแล้วนะคะ
    แต่แก้ธีมไม่ได้อ่ะ ภาพบีจีมันไม่ขึ้น สงสัยลิงก์จะเสีย 
    ถ้ายังไงก็พบกันในตอนต่อไปนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×