ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #40 : [SF]Time Machine

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      5
      2 ก.ย. 56

    [SF] Time Machine

    Couple:Krisbaek feat.Luhan

    Drama Fiction

    Rate:PG-13





    แค่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ที่สั่งสมมานานจบลง

     

    ด้วยคำเพียงคำเดียว รัก

     

     

    “กูชอบเขาว่ะ” คริสพูดขึ้นด้วยท่วงท่าและหน้าตาที่ดูจะเพ้อฝันไม่น้อย ผมไม่คิดจะสนใจเขาเพราะกำลังลอกการบ้านที่จะต้องส่งในวิชาถัดไป

     

    “เฮ้ย!สนกูหน่อยสิ แบค” คริสที่เห็นผมสนใจแต่สมุดการบ้านตรงหน้าก็ตรงเข้ามาแย่งไปถือเอาไว้ แถมยังยืดแขนจนสุด ส่วนสูงที่ต่างกัน ทำให้ผมได้แค่กระโดดเหยงๆเอื้อมเท่าไรก็ไม่ถึงซักที

     

    สุดท้ายเลยตัดสินใจฟังสิ่งที่เพื่อนตัวสูงต้องการจะพูด

     

     

    ก่อนประโยคที่ออกจากปากเพื่อน จะทำให้หัวใจหยุดเต้น...

     

    ตระหนักได้ว่า การหยุดฟังสิ่งที่คริสต้องการจะพูดนั้น เป็นสิ่งที่ผิดมหันต์

     

    “กูชอบลู่ฮาน มึงช่วยกูหน่อยสิ”

     

    มึงกำลังขอสิ่งที่กูให้ไม่ได้นะคริส คำขอของมึงมันทำร้ายกูอยู่นะ

     

    นั่นคือสิ่งที่คิดในใจ ต่อให้เอามีดมาจ่อที่คอ บยอนแบคฮยอนก็จะไม่มีวันพูดมันออกไป...

     

    คำตอบที่ให้ไป เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น คริสก็ดีใจจนเนื้อเต้น

     

    ดีใจ ในขณะที่อีกคนทำได้แค่น้ำตาตกในเพียงลำพัง แบกรับคำว่ารักเพื่อนเอาไว้บนบ่า

     

     

    ต่อให้มันหนักหนา แต่เมื่อรัก มันก็คือรัก...

     

    “ลู่ฮานฝากมาชวน วันนี้จะมีปาร์ตี้ที่หอรุ่นพี่ที่คณะ จะไปไหม?” ผมที่ทำหน้าที่เป็นนกฮูกของคนสองคน(แบบไม่เต็มใจ) เอาคำชวนชองลู่ฮานมาบอกคริส

     

    “ไปๆๆๆๆๆ กูคิดถึงลู่ฮานมาก” คริสพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดแค่ไหนกับรอยยิ้มที่มีความสุขเช่นนั้น

     

    หากคนที่เรารักมีความสุข เราก็ควรจะมีความสุข...

     

     

    ไม่จริงซักนิด

     

    “แล้วจะไปด้วยกันไหม?เดี๋ยวเลิกแล้วจะไปส่ง” คริสถามความคิดเห็นแต่กลับไม่รอให้ตอบ ออกแรงฉุดข้อมือผมให้เดินตาม แล้วก็จับผมยัดเข้าไปในรถมินิคูเปอร์คันคู่ใจของเจ้าตัว

     

     

    รถเล็ก กับ คนตัวโต

     

    แบคฮยอนไม่เคยมองว่ามันตลกแต่อย่างใด กลับมองว่าน่ารัก ที่คนอย่างคริส มีเงินมากพอจะซื้อเฟอร์รารี่หรือแลมโบกินี่ขับ แต่กลับเลือกรถเล็กๆแบบนี้ และที่ผ่านมา มีแค่แบคฮยอนที่คริสยอมให้นั่ง

     

    แต่นั่นมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อทุกวันนี้ ตุ๊กตาหน้ารถของเพื่อนตัวสูงไม่ใช่เขา

     

    แต่กลับเป็นใครอีกคน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่เพื่อนของเขาจริงจังมากในตอนนี้...

     

    “แบค มึงว่าสองเดือนที่กูตามจีบลู่ฮานนี่ นานพอที่เขาจะยอมรับกูรึยัง?” คริสพูดขึ้นขณะที่รถกำลังติดไฟแดง

     

    แล้วสิบปีนี่พอให้มึงยอมรับกูในฐานะที่มากกว่าเพื่อนได้ไหม? อีกครั้งที่ถามคำถามในใจ

     

    สิ่งที่พูดออกไป ตรงข้ามกับที่ใจคิดเสมอ

     

    เจ็บ แต่หลอกตัวเองว่าไม่เท่าไร เดี๋ยวก็ผ่านไป แล้วไอ้ที่ว่าเดี๋ยวก็ผ่านไปน่ะ มันต้องทรมานกับการรักข้างเดียวอีกแค่ไหนกัน?

     

    “ไม่รู้สิ ถามกูจะได้อะไร ไปถามเจ้าตัวเขาสิ ให้กูตอบแทนได้ไงกัน” ผมก้มหน้าซ่อนแววตา ใช้มือถือเป็นตัวเบี่ยงเบนความเจ็บปวดที่กำลังกัดกินหัวใจ

     

    “ไม่ได้ช่วยกูเลย เออนี่ เดือนพฤษภากูว่าจะไปจีนกับลู่ฮานนะ เขาบอกจะกลับบ้าน กูอยากไปดูว่าบ้านเขาเป็นยังไง” คริสพูดแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา แววตาเป็นประกายที่ปิดไม่มิดนั้น คล้ายมีดปลายแหลมที่พร้อมจะกรีดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้ได้แผลเหวะหวะ

     

    เช่นแบคฮยอน

     

    “ไปทั้งเดือนเลยหรอ?” หลังจากเงียบไปซักพักจนเพื่อนตัวสูงละสายตาจากการมองทางข้างหน้ามามองเขาแทน

     

    “อืม ซัมเมอร์พอดี เลยกะว่าจะให้ลู่ฮานพาเที่ยวจีนซะหน่อยไง เดือนนั้นไม่มีอะไร สำคัญ อยู่แล้วนี่นา” ร่างสูงคงไม่รู้ว่าคนข้างๆนั่งบีบมือตัวเองแน่นแค่ไหน

     

    กับคำที่ว่าไม่มีอะไรสำคัญ...

     

    นั่นสินะ มันก็แค่วันธรรมดาๆที่ปีถัดมาก็จะวนมาอีกรอบ เท่านั้นเอง

     

    “อย่าลืมของฝากนะ ถ้ากูไม่ได้ กูจะหักคอมึง” ผมฝืนยิ้มออกไป หากเขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของผมซักนิด เขาก็จะเห็นว่ามีน้ำใสๆคลออยู่ที่ดวงตาเรียวเล็ก

     

     

    แต่ก็อย่างที่เขาว่า...คนไม่สำคัญ ต่อให้อยู่ตรงหน้า ก็มองไม่เห็น

     

    “เข้ามาเลยๆๆๆๆ”เสียงเชื้อเชิญของบรรดารุ่นพี่ในคณะทำให้แบคฮยอนและคริสรู้สึกกดดันน้อยลง ที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางรุ่นพี่ต่างคณะที่ตัวเองไม่รู้จัก

     

    “พี่ครับ นี่คริส คนที่ผมเคยเล่าให้ฟัง ส่วนนี่ก็แบคฮยอนเพื่อนคริสครับ” ลู่ฮานแนะนำแขกสองคนที่เข้ามาใหม่ให้ทุกคนได้คุ้นเคย

     

    “นี่น่ะหรอ คนที่เล่นเอาน้องพี่เพ้อไปเลย” เสียงเอ่ยแซวของรุ่นพี่ ทำให้คริสที่นั่งอยู่ข้างๆกันถึงกับตาโต ก่อนจะวางมือตัวเองลงบนมือเล็กของลู่ฮานอย่างทะนุถนอม

     

    สัมผัสที่แบคฮยอนเคยหวัง แต่กลับไม่เคยได้รับ...

     

    ก็แค่ฉากธรรมดาๆ ที่แบคฮยอนเห็นเสมอ แต่กลับไม่เคยซักครั้งที่จะสั่งใจให้ชิน

     

    เคยคิดว่าเจ็บไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็ชา วันหนึ่งก็คงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

     

    เมื่อนานวันความเจ็บปวดในหัวใจกลับยิ่งทบทวีคูณมากขึ้น จนรู้สึกว่าสิ่งที่แบกรับอยู่นั้น

     

     

    ไหล่เล็กเริ่มแบกไม่ไหว...มันเกินกำลังที่คนๆหนึ่งจะรับได้

     

     

    ร่างบางจึงเลือกที่จะหลบเลี่ยงบรรยากาศชวนอึดอัดออกมายืนรับลมที่ระเบียง ตั้งใจว่าจะปักหลักอยู่ตรงนี้ จนกว่างานเลี้ยงจะเลิก

     

    จนเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่าใช้เวลาอยู่กับความคิดตัวเองจนลืมดูเวลา ป่านนี้คริสจะเมาจนขับรถไม่ไหวรึเปล่า?

     

    แต่แล้ว...เมื่อกวาดตามองไปรอบห้องกลับไม่พบร่างสูงของเพื่อนตัวเอง แบคฮยอนสะกิดรุ่นพี่คนที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นเพื่อถามหาเพื่อนตัวเองที่มาด้วยกัน

     

    “พี่ครับๆ คริสล่ะ?” ใช้เวลาซักพักรุ่นพี่คนนั้นถึงได้สติ แล้วตอบคำถามแบบๆมึนๆ แต่คำตอบกลับน๊อคเอาท์คนถามได้อยู่หมัด

     

    “อ๋อ คริสมานไปส่งลู่วฮานตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่งแล่ว เอิ๊ก มันลืมเราแล้วมั้ง? ตัวเล็ก” คำตอบของคนเมาแต่เชื่อถือได้ กำลังทำร้ายแบคฮยอนอีกครั้ง

     

    มันลืมเราแล้วมั้ง?

     

     

    คงจะจริง...

     

     

     

    ความเป็นเพื่อน มักจะถูกมองข้ามความรู้สึก...

     

    แบคฮยอนกำลังคิดแบบนั้น วันที่คริสทิ้งเขาไว้ที่หอของรุ่นพี่ต่างคณะ คริสไม่แม้แต่จะพูดถึง

     

    หากอีกฝ่ายไม่พูดถึง แบคฮยอนเองก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องรื้อฟื้น

     

    ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด

     

     

     

    “กูไปเดือนนึง ไม่ต้องโทรตามขัดความสุขกูนะ ฮ่าๆๆๆๆ” คริสยกกระเป๋าลงจากหลังรถ ทำหน้าที่เป็นสารถีหนุ่มในการรับส่งลู่ฮาน แถมยังยกกระเป๋าจัดการทุกอย่างให้แบบไม่ต้องออกแรงเอง

     

    “อืม กูจะไม่รบกวนมึงแม้แต่นิดเดียว กู...สัญญา” ผมเลือกที่จะมองผ่านตัวของคริสไป มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เพื่อนคนนี้ เพราะยิ่งมอง ก็ยิ่งเจ็บ

     

     

    เจ็บที่เขายืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับคว้าเอาไว้ไม่ได้...

     

     

    “ดีมากเพื่อน ว่าง่ายๆแบบนี้ เดี๋ยวจะเอาขนมมาฝาก” คริสส่งมือหนามาขยี้หัวทุยของเพื่อนจนผมเสียทรง แต่ความคิดที่กำลังตีกันยุ่งในหัว ทำให้แบคฮยอนปัดมือนั้นทิ้งอย่างแรง

     

     

    จนเพื่อนตัวสูงเอง ก็ยังตกใจ...

     

     

    มองมือตัวเองที่ถูกปัดทิ้งเพียงครู่เดียว ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับลู่ฮานทียังคงงมหาพาสปอร์ตในกระเป๋า

     

    “มาคริสช่วยหา เห็นไหม? บอกตั้งแต่เมื่อคืนให้เตรียมๆ นี่ไง หายังไงกันนะเรา” คริสหยิบพาสปอร์ตของลู่ฮานที่ตัวเองเป็นคนหาเจอขึ้นมา ก่อนจะใช้หนังสือเดินทางเล่มเล็กตีที่หัวเล็กเบาๆ

     

    ภาพของคนสองคนอยู่ในสายตาของบุคคลที่สาม ที่ยังคงยืนมองทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวไปอย่างเงียบๆ แบคฮยอนทำได้เพียงแค่กำชายเสื้อตัวเองจนยับยู่ยี่ หวังจะระบายอารมณ์เสียใจที่กำลังเกิดขึ้น

     

    เมื่อปรับอารมณ์ตัวเองได้จนเข้าที่ ร่างบางก็เอ่ยลากับเพื่อนตัวสูงและลู่ฮานทันที

     

    ไปให้ไกลจากคนสองคนที่รักกันออกนอกหน้า น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด

     

     

    ความรู้สึกที่เหยียบมันเอาไว้ เขาไม่ต้องการให้อารมณ์ทำทุกสิ่งทุกอย่างพัง

     

    ต่อให้ไม่ได้ความรักแบบคนรักจากคริส แต่สิ่งที่แบคฮยอนอยากจะคงเอาไว้ คือคำว่า “เพื่อน”

     

    อย่างน้อยได้อยู่ดูแลอีกคนในฐานะนี้ก็ยังดีกว่า กลายเป็นคนแปลกหน้าที่เย็นชาใส่กัน...

     

     

     

     

    คริสไปจีนกับลู่ฮานได้ 5 วันแล้ว วันนี้วันที่ 6 พฤษภาคม วันเกิดแบคฮยอน...

     

    วันหนึ่งของเดือนที่คริสเคยบอกเอาไว้ว่าไม่มีอะไรสำคัญ จนเจ้าตัวบินไปเที่ยวจีน

     

    เพราะไม่มีเรียน ทำให้วันนี้แบคฮยอนเลือกที่จะตื่นสายต้อนรับวันเกิดที่ล่วงเลยมาแล้วหลายสิบชั่วโมง อ่านข้อความจำนวนหนึ่งจากเพื่อนที่ส่งมาอวยพร แต่ของใครบางคนที่รอกลับไม่มี

     

    เสียงท้องร้องทำให้เขาจำใจลุกจากที่นอนมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วคว้ากระเป๋าเงินออกไปหาอะไรทาน เมื่อออกมาแล้วก็ตัดสินใจไปหาที่เที่ยวแก้เซ็ง อย่างน้อยไม่ว่าที่ไหน ก็คงอยู่น่าอยู่กว่าที่ห้องเป็นแน่

     

    เป็นเวลานานกว่าแบคฮยอนจะกลับห้อง นานพอที่จะให้ใครอีกคนเตรียมเรื่องเซอร์ไพรส์ J

     

     

    แต่ใครจะคิด ว่าคนเตรียมเซอร์ไพรส์ กลับเจอเรื่องที่เซอร์ไพรส์กว่าจนพูดไม่ออก...

     

    คริสเจอรูปที่แบคฮยอนใช้หมุดยึดเอาไว้ที่กระดานความจำ

     

    รูปที่คริสจำได้ว่าถ่ายกันสามคน สมัยจบมัธยมปลาย รูปที่มีแบคฮยอน เขา และแฟนเก่าของเขา

     

    รูปที่ถูกพับเข้าหากัน จนปิดคนที่อยู่ตรงกลางจนมองไม่เห็น เมื่อสองด้านประกบกัน จึงมีแค่เขาและแบคฮยอน...

     

    เท่านั้น

     

    คำถามมากมายที่เกิดขึ้นในใจ ไม่อาจคลี่คลายได้ จนเมื่อพลิกดูด้านหลังของภาพ

     

    คำบรรยายที่ตอบทุกข้อสงสัย...

     

    คำบรรยายที่อธิบายถึงความรู้สึก...

     

    คำบรรยายที่อธิบายถึงความรัก...

     

    และคำบรรยายที่อธิบายถึงความเจ็บปวด...

     

     

    บยอนแบคฮยอน รัก คริส

     

     

    เสียงไขกุญแจทำให้ภาพนั้นร่วงหลุดจากมือหนา ตกสู่พื้นด้านล่าง แบคฮยอนเห็นเพื่อนร่างสูงยืนตัวแข็ง ตาโตเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา

     

    เขาเองก็ไม่ต่างกัน ตกใจที่เพื่อนมาโผล่ที่นี่ แทนที่จะอยู่ที่จีน

     

    “อ้าว มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หรือกูลืมล็อคห้อง?” แบคฮยอนหันซ้ายหันขวา พลางทำท่านึก ก่อนสิ่งที่ตกอยู่บนพื้นจะทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น

     

    มือไม้เย็นเฉียบเหมือนมีใครจับไปแช่ในน้ำผสมน้ำแข็ง เหงื่อกาฬผุดขึ้นมากมาย

     

    กลัวความจริง

     

    กลัวว่าทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป...


    “ออกไป!!!” คำพูดแรกที่คิดได้ แบคฮยอนไม่อยากให้คริสอยู่ที่นี่ ไม่อยากให้รับรู้อะไรทั้งสิ้น

     

    “เมื่อไร? กูถามว่าเมื่อไร?” ร่างสูงยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่คิดแม้แต่จะขยับตัวให้พ้นจากรัศมีห้องอย่างที่เพื่อนตัวเล็กต้องการ

     

    “กูบอกให้ออกไป!” แบคฮยอนขึ้นเสียง พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม จนเพื่อนตัวสูงใจกระตุก ก่อนจะขยับเท้าที่ก่อนหน้าคล้ายถูกตรึงให้ยืนนิ่งกับที่

     

    “กูจะไป แต่กูขอพูดอะไรบางอย่างก่อนกูจะไป”

     

     

    “กูไม่เคยบอกมึงซักครั้ง เพราะกูกลัว กลัวว่าจะเสียมิตรภาพดีๆ กลัวว่ามึงจะโยนความรู้สึกของกูทิ้ง มึงควรบอกกูให้เร็วกว่านี้ ตอนที่กูรักมึง...ตอนที่กู...รักมึงมากกว่าเพื่อน” สิ้นประโยคของคริส แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมา

     

    “เพราะกูกลัวว่าจะเสียมึงไป กูถึงเก็บความรู้สึกเอาไว้ ได้รักมึงในฐานะเพื่อน ก็ดีกว่ากูเสียมึงไป ขอโทษถ้าที่ผ่านมากูไม่เคยทะนุถนอม แต่กูอยากให้มึงรู้เอาไว้ ว่า...ที่ผ่านมา...กูพยายามที่จะเป็นเพื่อนกับมึงจริงๆ”

     

    สองสายตาสบประสานกัน ความหวั่นไหวในดวงตาสองคู่ต่างกัน

     

    แบคฮยอนหวั่นไหวกับคำว่ารัก

     

    คริส...หวั่นไหวกับมิตรภาพที่หลังจากนี้อาจจะมองไม่เห็นอนาคต

     

    “แต่ความรู้สึกพวกนั้นมันเป็นอดีต กูไม่เคยกล้าก้าวข้ามคำว่าเพื่อนแม้ซักครั้ง ไม่เคยรู้ว่ามึงกับกู คิดไม่ต่างกัน รู้สึกไม่ต่างกัน รัก...เหมือนกัน” ประโยคของคริสเรียกน้ำตาจากร่างบางได้อีกครั้ง

     

    ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการย้อนเวลา เวลาเมื่อผ่านไปแล้วย่อมไม่หวนกลับคืน

     

    เหมือนสายน้ำ ที่เมื่อไหลผ่านไป มันก็จะไม่มีวันไหลกลับ...

     

     

    ความรู้สึกของคนเรา มันไม่มากพอให้ก้าวข้ามกำแพงของอุปสรรคเลยอย่างนั้นหรือ?

     

    มันไม่มากพอที่จะทลายกำแพงความกลัวต่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยอย่างนั้นหรือ?

     

     

    “ขอโทษที่ที่ผ่านมากูไม่เคยพูด เพราะมึงเองก็ปฏิบัติกับกูแบบเพื่อนเสมอมา แล้วก็ขอโทษ ที่ตอนนี้...กู รักลู่ฮานไปแล้ว”

     

     

    อย่าขอโทษเลย อย่าขอโทษ ถ้าจะบอกว่ารักคนอื่น อย่าขอโทษ

     

     

     

    สิ่งที่พยายามรักษา กับ สิ่งที่พยายามไขว่คว้า สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรให้เชยชม

     

    ลาก่อนความรัก

     

    ลาก่อนมิตรภาพ

     

    ลาก่อนกับทุกสิ่งทุกอย่าง

     

     

    ลาก่อน...





     

     

    -THE END-


    อย่าเพิ่งปาอะไรมา ไรท์ไม่รับนะ
    มันสั้นจริงๆ แล้วจบแบบดราม่ามาเต็มๆ
    อารมณ์มันมาอ่ะ ขอพื้นที่ลงหน่อยนะ

    หลังจากที่ฟิคเรื่องนี้โดนแบนจากพี่เว็ป
    ไรท์รู้สึกว่ารีดเดอร์ของไรท์เงียบหาย สลายต๋อย
    น้อยใจอย่างบอกไม่ถูก
    แต่มีหลายคนที่เข้าไปกรีดร้องพร้อมติดแท็กเมื่อฟิคโดนแบน



    คริสโฮจะคัมแบ็คสเตจแล้ว กรุณารออย่างสวยงามและเรียบร้อย
    ปย๊ง!!! 

     

     

     


    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×