ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #32 : Silently XXVII::เป็นหนึ่งเดียว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.49K
      9
      4 ก.ย. 56

    Silently XXVII

    เป็นหนึ่งเดียว

    Author: Wi Lyn

     


     

     

    “แบคฮยอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อาบน้ำกันนนนนนนนนนนนนน” เสียงชานยอลที่ดังขึ้นหลังจากเขาตื่นนอนทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว

     

    ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ J เขาชวนผมอาบน้ำ นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกที่เขาชวนผมอาบน้ำ

     

    ถึงแม้ว่าผมจะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหวในหลายๆครั้ง แต่ผมก็ไม่อยากจะให้อะไรมันเกินเลยไปมากกว่านี้ อยู่ใกล้ชานยอลทีไรผมก็เขินจนตัวจะม้วนเป็นกิ้งกืออยู่แล้ว

     

    แล้วถ้าต้องอาบน้ำด้วยกัน ฮึ!!!ผมไม่สลบหามส่งโรงพยาบาลเลยหรอ?

     

     

     

    ผมส่ายหน้ารัวเพื่อปฏิเสธ จนชานยอลทำหน้ามุ่ย แล้วหันหลังกลับไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่เก้าอี้

     

    “ก็ได้ อาบคนเดียวก็ได้” ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธชานยอลจะพูดประโยคนี้ทุกครั้ง พร้อมกับพองแก้ม ทำปากจู๋ ก่อนจะเดินคอตกเข้าห้องน้ำไป

     

     

    ชานยอลมาอยู่กับผมได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว และมันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ดีที่สุดในชีวิตของผม เราใช้เวลาด้วยกันตลอด กินข้าวด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน ทำอาหารด้วยกัน หลายๆอย่างที่ผมเคยทำคนเดียว พอตอนนี้มีชานยอลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

     

    มันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ รู้แล้วว่าทำไมหลายๆคนถึงพยายามหาใครซักคนมาเป็นคนรัก

     

     

    ชานยอลใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น ก่อนเสื้อผ้าที่เขาใส่จะทำเอาผมสงสัย ก็ปรกติเวลาอยู่บ้านเขาจะใส่เสื้อยืดสบายๆ แล้วก็กางเกงขาสั้นทะมัดทะแมง

     

    แต่วันนี้ชานยอลกลับใส่เสื้อยืดสีดำ แล้วทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีกรมท่า กางเกงสแล็คสีดำเข้ารูป เหมือนจะออกไปข้างนอก

     

     

    วันนี้จะไปข้างนอกหรอ?ผมใช้ภาษามือถามชานยอล แล้วคนตัวสูงก็ส่งยิ้มให้น้อยๆ

     

    “อืม โค้ชโทรตามน่ะ จำได้มั้ย? ที่ฉันเคยบอกว่าต้องไปเก็บตัวคัดทีมชาติสองเดือนน่ะ” ผมพยักหน้าให้ เกือบลืมไปแล้วว่าชานยอลต้องไปเก็บตัว

     

    “แล้วช่วงนั้นยุ่งๆเลยไม่ได้ไปเก็บตัว ทีนี้โค้ชโกรธมากเลย ฉันเลยคิดว่าบางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้คัดตัวแล้วล่ะมั้ง? แต่เมื่อสองวันก่อนโค้ชโทรมาบอกว่าหายโกรธแล้วจะยอมให้เข้าเก็บตัวด้วย ฉันก็นั่งคิดนอนคิดว่าจะเอายังไงดี วันนี้เลยจะเข้าไปหาโค้ชน่ะ” ผมพยักหน้ารับรู้

     

    เท่ากับว่าถ้าชานยอลกลับไปเข้าคัดตัว เขาก็ต้องไปเก็บตัวกับนักกีฬาคนอื่นๆถึงสองเดือน นั่นหมายความว่าผมจะไม่มีเขาอยู่ด้วยไปอีกสองเดือนเลยอย่างนั้นหรอ?

     

    “อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ฉันรู้สึกไม่ดีนะ” ชานยอลเห็นสีหน้าของผมแล้วเขาก็ถึงกับยิ้มไม่ออก แต่มาคิดๆดูแล้ว ชานยอลฝันสิ่งนี้มานาน

     

    ก่อนจะเจอผมด้วยซ้ำ แล้วผมจะยอมให้เขาทิ้งความฝันเพียงเพื่อผมคนเดียวอย่างงั้นหรอ? เขายังมีแม่ มีพี่ชานมีที่คาดหวังในตัวเขา แล้วผมจะเห็นแก่ตัวรั้งเขาเอาไว้ได้ยังไง

     

     

    ผมยิ้มให้เขาแล้วส่ายหัว ก่อนจะหันหลังไปหยิบกระดานอันเล็กขึ้นมา

     

    ไม่เป็นไรหรอก ฉันโอเคนะถ้านายจะเข้าคัดตัวน่ะ อีกอย่างมันเป็นความฝันของนายที่อยากจะเข้าทีมชาติ อย่าเอาฉันไปขัดความฝันนายสิ ผมรู้ว่าเขาลังเล หากว่าเขาต้องไปเก็บตัวสองเดือน นั่นหมายความว่าผมต้องอยู่คนเดียว

     

     

    “ฉันไม่อยากให้นายอยู่คนเดียวนี่นา กลัวแบคฮยอนทนคิดถึงชานยอลไม่ไหว” กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่แท้ๆยังมีแก่ใจมาอ้อนกันอีกนะ

     

    คิดถึงก็ส่งข้อความหากันสิ หรือนายจะโทรมาคุยอะไรให้ฉันฟังก็ยังได้ ถึงผมจะตอบเขาไปแบบนั้นเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ผมก็ยังแอบรู้สึกโหวงๆในใจอยู่ดี ที่วันข้างหน้าจะไม่มีคนๆนี้คอยดูแล

     

    ถึงแม้ว่าเวลาสองเดือนอาจจะดูเร็วสำหรับใครบางคน แต่สำหรับผมมันคือ 60 วัน 1,440 ชั่วโมง 86,400 นาที 5,184,000 วินาที

     

    แล้วผมจะมานั่งคิดเลขให้ปวดหัวทำไม?

     

    “เดี๋ยวนั่งรถไปด้วยกันนะ เทาโทรมาบอกว่าอยากเจอนาย เดี๋ยวฉันพาไปส่งที่ร้านชานมีแล้วอยู่เล่นกับเทานะ พอฉันกลับมาแล้วเดี๋ยวเราไปหาข้าวกินแล้วค่อยกลับบ้าน” ชานยอลเดินมาลูบหัวผมแล้วหันไปหยิบกุญแจรถ

     

    แล้วเขาก็เดินมาจูงมือผมให้เดินตามออกมา รู้สึกดีนะที่เขาคอยเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่ แต่พอนึกว่าเขาต้องไปเก็บตัวทีไร มันก็เหมือนมีใครมากระชากเครื่องช่วยหายใจออกตอนเราใกล้ตายเลย

     

     

    “นี่ รู้ตัวมั้ย? ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์มาตลอดทางเลย แบคฮยอนทำหน้าแบบนี้ ฉันเจ็บนะ” ชานยอลส่งมือมาลูบแก้มผมไปมาแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    ผมทำให้เขาไม่สบายใจอีกแล้ว ผมทำให้เขาลำบากใจอีกแล้วใช่มั้ย?...

     

    ผมส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เขา ในที่สุดชานยอลก็ยิ้มออก แล้วยังมาดึงแก้มผมเล่นจนแทบจะย้วยแล้วเราสองคนก็ลงจากรถเดินเข้าร้านพี่ชานมี

     

    “ที่รักของพี่!!!” พี่ชานมีพอเห็นเราสองคนเดินเข้าร้านมาก็ส่งเสียงเรียกมาก่อนตัวเลย เห็นเรียกที่รักผมก็นึกว่าจะกอดชานยอลซะอีก ที่ไหนได้พี่ชานมีกอดผมต่างหาก

     

    “พี่พอเลยๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนนี้ของผม พี่ห้ามเด็ดขาด” ชานยอลเห็นพี่ชานมีกอดผมนานเขาก็มาจับเราสองคนแยกกันก่อนที่เขาจะดันตัวผมไปยืนข้างหลัง

     

    แล้วชานยอลก็ถูกพี่ชานมีตบหัวสองที โทษฐานมาขัดขวางที่พี่เขากอดผม J

     

     

     

    “ชานมี ฝากแบคฮยอนเล่นที่นี่ซักพักนะ โค้ชโทรมาตาม ว่าจะเข้าไปหาโค้ชหน่อย เห็นว่าจะคุยเรื่องคัดตัว” ชานยอลหันไปฝากผมกับพี่ชานมี

     

    “ไปเถอะ เดี๋ยวที่รักของแกฉันดูแลให้ เดี๋ยวซักพักเทาก็มาแล้ว คยองซูก็มาด้วยนะ ที่รักของแกไม่เหงาหรอก” พี่ชานมีทำผมเขินจริงๆนะ กับคำว่า ที่รักของชานยอลเนี่ย

     

    “โอเค งั้นฝากพี่ด้วยนะ ยุงอย่าให้ไต่ ไรอย่าให้ตอม คนนี้ผมรักผมหวง” ชานยอลทิ้งท้ายแล้วก็หันมาส่งสายตาหวานใส่ผม แบบนี้มีหรอที่ผมจะไม่เขินน่ะ >//<

     

    “พอเลยแก ฉันเหม็นหน้าแกแล้วก็อ้วกกับประโยคเลี่ยนๆของแกเต็มทนละ ไปซักทีสิ” พี่ชานมีดันชานยอลออกจากร้าน แต่คนตัวสูงยังไม่วายส่งจุ๊บให้ผมอีกชุดใหญ่

     

    ผมยืนมองจนชานยอลขับรถออกไป แล้วก็ยิ้มให้กับความน่ารักของเขา แต่หลังจากนี้ล่ะ...ถ้าเขากลับไปใช้ชีวิตในแบบของเขา เข้าคัดตัวนักฟุตบอลทีมชาติ หลังจากนั้นเขาก็ต้องซ้อมหนัก ผมจะยังมีโอกาสได้อยู่กับเขาอีกมั้ย?

     

    “แบคฮยอน นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่หาน้ำกับขนมให้นะ” ผมหันไปมองพี่ชานมีก่อนจะส่ายหัวบอกว่าไม่ต้อง ไหนๆวันนี้ก็มาร้านแล้ว ช่วยงานที่ร้านน่าจะมีประโยชน์กว่า

     

    ผมเดินไปหลังร้านก่อนจะเห็นแก้วน้ำหลายใบวางทิ้งไว้ยังไม่ได้ล้าง ผมเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่แล้วเริ่มลงมือล้างแก้วทันที

     

    ชวนให้คิดถึงชานยอลอีกแล้ว วันนั้นหลังจากที่ชานยอลออกจากโรงพยาบาลแทนที่เขาจะนอนพักเขากลับมาช่วยเราทุกคนทำความสะอาดร้าน แล้ววันนั้น ที่ตรงนี้ เขาจูบผม

     

    ผมเผลอยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากทั้งๆที่มือยังเต็มไปด้วยฟอง แล้วสุดท้ายผมก็ต้องถุยน้ำลายออกมาเพื่อไล่รสชาติแปร่งๆภายในปาก

     

    “ใจลอยถึงขนาดกินฟองเลยหรอเนี่ย?” เสียงเล็กที่ดังขึ้นด้านหลังดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมอง ก่อนจะยิ้มดีใจที่พบว่าเป็นคยองซู



    คยองซูเดินเข้ามาหา แล้วเทาก็เดินตามหลังเข้ามา ผมยิ้มดีใจที่เห็นเพื่อนมา แก้วที่ถืออยู่ในมือก็เกิดร่วงลงสู่พื้นเพราะลื่น

     

    ผมทำท่าจะก้มลงไปเก็บ แล้วเสียงเทาก็ดังขัดขึ้นมา “ไม่ต้องเลยนะ ยืนนิ่งๆเลย คยองซูถอยออกไปก่อน เดี๋ยวโดนแก้วบาด”

     

    เทาสั่งให้ผมกับคยองซูยืนนิ่งๆเพราะเดี๋ยวแก้วจะบาดเอา แต่ผมเป็นคนทำแก้วแตกนะ ผมก็ต้องเป็นคนเก็บสิ ไม่ใช่เทา!!!

     

    ผมฝ่าฝืนคำสั่งเพื่อนตัวสูง ย่อตัวลงเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ผมเลือกเก็บเศษแก้วชิ้นที่ใหญ่ที่สุด พอเทาหันมาเห็นเขาก็ตีมือผมจนผมเผลอกำเศษแก้วที่อยู่ในมือ

     

    แล้วเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมา คยองซูตกใจรีบรุดเข้ามาดูแผลของผมทันที “แบคฮยอน เลือดออกเยอะเลย”

     

    “ไอ้หมา ฉันขอโทษ ฉันตกใจเห็นนายเก็บเศษแก้ว ไม่คิดว่ามันจะบาดนาย” เทาจับมือผมไปดูแผลแล้วก็ขอโทษชุดใหญ่

     

    ผมส่ายหน้าเพื่อบอกเพื่อนตัวสูงว่าไม่เป็นอะไร แม้รอยบาดจะลึกจนทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนโทษตัวเอง เพราะผมดันโง่กำเศษแก้วเองต่างหาก

     

    แล้วทุกคนก็มานั่งรวมกันที่โต๊ะภายในร้าน อุปกรณ์ทำแผลมากมายวางอยู่บนโต๊ะ พี่ชานมีทำแผลให้ผมโดยมีคยองซูนั่งดูให้ดำลังใจ ส่วนเทาก็ไปจัดการกับเศษแก้วในห้องครัว

     

    “ดูสิ ได้แผลเลย ถ้าชานยอลมันมาเห็นมันจะบีบคอพี่มั้ยเนี่ย?” พี่ชานมีใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ไปก็บ่นผมไป

     

    “เทาแหละครับนูน่า หมอนั่นตีมือแบคจนแบคเผลอกำเศษแก้วเลย” ได้ทีคยองซูก็ฟ้องพี่ชานมีถึงสาเหตุที่ผมถูกแก้วบาด

     

    “ไอ้เตี้ย ขี้ฟ้องนักนะ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ตั้งใจน่ะ อย่าย้ำนักได้มั้ย? รู้สึกผิดนะเว้ย” เทาที่เดินออกมาพร้อมกับที่ตักขยะที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว ได้ยินตอนคยองซูฟ้องพี่ชานมีพอดี

     

    “พอเลยเราสองคนน่ะ อยู่ด้วยกันทุกวัน ตัวติดกันยังกับปาท่องโก๋ แค่นี้ยังมาทะเลาะกันอีก” พี่ชานมีขัดบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วก็สั่งให้เทาเอาขยะไปทิ้ง

     

    ผ่านไปซักพักพี่ชานมีก็ทำแผลให้ผมจนเสร็จ พันแผลเรียบร้อยก็สั่งให้ผมนั่งนิ่งๆ แล้วก็ให้คยองซูนั่งเล่นเป็นเพื่อน

     

    “เจ็บมากมั้ยแบค? ให้เราไปตีไอ้หมีแพนด้าคืนมั้ย?” คยองซูพูดแล้วกูยกกำปั้นขึ้นมาขู่

     

    ผมว่าคนที่จะโดนตีน่าจะเป็นเขามากกว่านะ คนที่เรียนการต่อสู้มาแทบจะทุกแขนงอย่างเทาเนี่ย ทำไมจะเอาชนะคนตัวเล็กอย่างคยองซูไม่ได้

     

    ผมหัวเราะให้กับท่าทางเอาเรื่องอย่างตลกๆของคยองซูแล้วก็ได้แต่ขำ ดีเหมือนกัน ได้คุยเล่นกับคยองซู ได้ใช้เวลากับคนอื่นๆบ้าง จะได้ไม่รู้สึกว่าเราต้องการชานยอลมากจนเกินไป

     

    ถ้าผมเกิดเป็นโรคขาดชานยอลไม่ได้ขึ้นมา กลัวว่าอนาคตข้างหน้าผมจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้น่ะสิ ก็ในเมื่อเราให้ชีวิตทั้งชีวิตขึ้นอยู่กับคนๆนึง แล้วถ้าวันหนึ่งเกิดไม่มีเขา เราจะดำเนินชีวิตยังไง?

     

    แต่สุดท้าย สมองและหัวใจผมก็ยังคิดถึงแต่ชานยอลอยู่ดี...

     

     

    วันนี้ทั้งวันถึงแม้จะมีลูกค้าเต็มร้าน มีงานวุ่นๆให้ทำเยอะแยะ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเจียดเวลาจากไหนมานั่งคิดถึงชานยอล จะเรียกว่าไม่มีเวลาไหนที่ผมไม่คิดถึงเขาเลยจะง่ายกว่าอีก

     

    จนตอนนี้ก็สี่โมงเย็นแล้ว ชานยอลก็ยังไม่มารับ วันนี้พี่ชานมีปิดร้านไวกว่าปกติ เพราะพี่บอกว่าจะไปโรงพยาบาล ผมก็คิดว่าพี่ชานมีเป็นอะไร ถามไปถามมาพี่เขาก็ตอบว่าเขาท้องน้องอีกคนแล้ว J

     

    นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีมากนะ ที่ครอบครัวกำลังจะมีสมาชิกใหม่ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ พี่ชานมีห่วงร้านจนไม่ยอมหยุดทำงานเนี่ยสิ ปัญหาคือไม่ว่าสามีเธอจะพูดยังไงเธอก็ไม่ฟังเลย

     

     

    “ชานยอลมันยังไม่มาเลย แล้วแบคฮยอนจะกลับยังไง?” พี่ชานมีหันมาหาผมก่อนจะถามถึงชานยอล

     

    ผมไปโรงพยาบาลกับพี่ชานมีได้มั้ย? ผมเขียนใส่กระดาษแล้วส่งให้พี่ชานมี

     

    “โรงพยาบาลไม่มีอะไรน่าดูหรอก วันนี้พี่เข้าไปคุยกับคุณหมอเรื่องฝากครรภ์ เดี๋ยวเราจะเบื่อซะเปล่าๆ ไปนั่งเล่นบ้านเทาสิ ม๊าเทาเขาคิดถึงเราจะตาย” พี่ชานมีลูบหัวผมแล้วหันไปบอกกับเทา

     

    “ไอ้หมา ไปดิ ม๊าฉันบ่นคิดถึงนายทุกวันจนคยองซูน้อยใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ” เทาพูดแล้วก็หันไปบีบจมูกคยองซูเล่น




    ผมนั่งเล่นบ้านเทาอยู่สามชั่วโมง แล้วชานยอลก็มารับกลับบ้านตอนทุ่มนึง ผมออกจะนอยด์เขานิดหน่อยที่ไปนานขนาดนี้ ดูเหมือนเขาจะรู้นะเพราะผมเอาแต่มองไปข้างนอกอย่างเดียวเลย

     

    “นี่ ที่รักของชานยอล โกรธหรอ?” อย่ามาใช้คำนี้นะ เดี๋ยวใจอ่อนกันพอดีอ่ะ

     

    ผมใช้ความเงียบสยบทุกอย่าง แต่คนตัวสูงก็ยังไม่ยอมแพ้ เอานิ้วมาจิ้มแก้มมั่ง เอาจี้เอวบ้าง รู้ดีอีกนะว่าผมบ้าจี้ส่วนไหนบ้าง แล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้

     

    “อย่าโกรธกันเลยนะ โค้ชแหละชวนคุยอยู่นานเลย” ผมกลับมานิ่งอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชานยอลจะตอบโค้ชไปยังไงเรื่องที่ไปคัดตัว

     

    แต่ชานยอลก็ไม่เล่ารายละเอียดอะไรให้ฟัง ผมเองก็ไม่อยากจะถาม เพราะมันเป็นเรื่องของชานยอล มันเป็นความฝันของเขาและอนาคต เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองอยู่แล้ว

     

     

    กลับมาถึงห้องผมก็ตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำทันที สายน้ำเย็นๆที่รดลงบนร่างกายช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบอะไรเข้ามาซักอย่างแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัว

     

    หันไปคว้าเสื้อผ้าชุดเก่ามาใส่แก้ขัดแล้วแง้มประตูห้องน้ำดูว่าชานยอลทำอะไรอยู่ แล้วผมก็เห็นเขานั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง หันหน้าออกไปทางวิวด้านนอก

     

    แล้วผมก็ค่อยๆย่องออกมาจากห้องน้ำ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดนอนมาเปลี่ยน แต่เพราะไม่ยอมเช็ดเท้าก่อนออกจากห้องน้ำ ส่งผลให้ผมลื่นก้นกระแทกพื้นจนเจ็บ

     

    เสียงลื่นล้มที่ดังทำให้ชานยอลหันมามองผมที่ตอนนี้นอนตัวเปียกจับก้นตัวเองร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ร่างสูงเดินเข้ามาหาแล้วนั่งยองๆลงข้างๆ

     

    “ไง ลืมเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าเข้าไปล่ะสิ?” ชานยอลยักคิ้วถามกวนๆจนผมรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม

     

    ไม่ช่วยก็อย่าช่วยนะคนบ้า L

     

     

     

     

    เจ็บสะโพกชะมัดเลย เคล็ดมั้ยเนี่ย?

     

     

    ผมพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดเอาไว้ หยิบเสื้อกับกางเกงแล้วลากตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ

     

    ชานยอลยืนกอดอกมองผมแล้วก็ยิ้ม ไอ้นี่หนิ!!!ไม่คิดจะช่วยกันแล้วยังมายืนหล่อยิ้มเยาะแถวนี้อีก น่าจับมันโยนออกนอกห้องชะมัดเลย...

     

    พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็มานั่งลงที่เตียง มองผ้าพันแผลที่มือแล้วก็ชั่งใจว่าจะเปลี่ยนดีมั้ย? เมื่อกี้มันเปียกตอนอาบน้ำไปแล้วนี่นา

     

    “มือไปโดนอะไรมาน่ะ?” ชานยอลเห็นแผลของผมก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างผมทันที แล้วดึงมือเข้าไปดู ทีอย่างนี้ล่ะมาห่วงกัน เขาลื่นสะโพกครากเมื่อกี้ไม่เห็นสนใจเลย

     

     

    แก้วบาดน่ะ ล้างแก้วแล้วทำหลุดมือ ผมตอบไปแบบจริงครึ่งโกหกครึ่ง ถ้าเขารู้ว่าผมแก้วบาดเพราะโดนเทาตีมือล่ะก็ คืนนี้อาจมีคนโดนรุมได้ (เป็นชานยอลแน่ๆไม่ใช่เทาหรอกครับ)

     

    ชานยอลลูบไปที่ผ้าพันแผลอย่างแผ่วเบา แล้วเดินไปหากล่องปฐมพยาบาล ก่อนจะเดินกลับมาตัดผ้าพันแผลที่พี่ชานมีพันให้

     

    ชานยอลทำแผลให้ผมเงียบๆ เขาไม่พูดอะไรเลย ผมเองก็ไม่รู้จะชวนเขาพูดอะไร บรรยากาศมันเลยเงียบแบบแปลกๆ

     

    ใช้เวลาไม่นานชานยอลก็ทำแผลให้ผมเสร็จ คราวนี้เรียบร้อยกว่าที่พี่ชานมีทำให้เสียอีก ไม่รู้สึกว่าผ้าพันแผลมันเกะกะหรือน่ารำคาญเลย

     

    “นอนได้แล้ว ดึกแล้วนะ” ชานยอลเก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วก็หันมามองหน้าผม พร้อมกับออกคำสั่งว่าให้นอน

     

    ยังไม่ง่วงเลยนะ อย่าบังคับกันนักสิ!!!!!

     

     

     

     

    แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจเขา ดูจากสีหน้าเขาแล้ววันนี้เขาก็คงมีเรื่องให้อารมณ์ไม่ดีมาเหมือนกัน ผมเลยทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย แล้วชานยอลก็ปิดไฟก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม

     

     

    “แบคฮยอน หลับแล้วหรอ?” ผ่านไปครึ่งชั่วโมงชานยอลก็เรียกผมขึ้นมา ผมที่นอนคิดอะไรเพลินๆก็เลยยังไม่หลับส่งเสียงตอบเขาในลำคอ

     

     

    แต่แล้วร่างสูงพอรู้ว่าผมยังไม่หลับเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ก่อนจะใช้จมูกคลอเคลียอยู่ที่บริเวณแก้ม เล่นเอาผมขนลุกเพราะไม่ทันตั้งตัว

     

    ผมเอี้ยวตัวหันไปมองเขาก็เห็นว่าเขากำลังหลับตานิ่ง ผมไม่อยากขัดก็เลยปล่อยไว้แบบนี้แหละ ดีเหมือนกันคืนนี้จะได้หลับไปแบบฝันดี

     

    ทั้งๆที่คิดว่าชานยอลคงจะหลับไปแล้ว แต่เปล่าเลย มือไม้เขาอยู่ไม่สุขจนเลื้อยเข้ามาใต้เสื้อของผม ผมสะดุ้งแล้วก็หันไปมองหน้าเขา ก่อนจะเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ฉายชัดในความมืด

     

    ชานยอลคนฉวยโอกาส เขาจูบผมตอนที่ยังคงงงๆแล้วมือของเขาก็สอดเข้ามาลูบไล้ไปตามหน้าท้อง ผมสะดุ้งก่อนจะดีดตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขา

     

    หอบหายใจถี่เมื่อนึกถึงภาพวันที่ผมถูกกระทำ วันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม ผมนั่งตัวสั่นอยู่ที่อีกฝั่งของเตียง ก่อนจะร้องไห้ออกมา เมื่อจู่ๆก็ถูกกระตุ้นให้คิดถึงวันนั้น

     

    ชานยอลตกใจมาก เขาลุกขึ้นเปิดโคมไฟแล้วก็เข้ามากอดผมเอาไว้ ลูบหัว ลูบหลังเพื่อปลอบใจ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกผิดกับเขา

     

    “ไม่เป็นไรนะๆ ฉันไม่ทำแล้ว อย่าร้องไห้นะคนดี อย่าร้องนะ” น้ำเสียงของชานยอลที่ฟังดูสั่นๆเหมือนคนกำลังกลัวทำให้ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้

     

    “ไม่เอาแล้วๆ นอนกันดีกว่า นอนเฉยๆเลย ไม่ทำอะไรแล้ว อย่าไปนึกถึงมันนะ ฉันอยู่นี่ คนที่นอนอยู่ข้างๆนายคือ ปาร์คชานยอล ท่องไว้นะคนดีๆ” ชานยอลปลอบใจผมทุกวิธี จนผมรู้สึกดีขึ้นแล้วทิ้งตัวลงนอนกับที่นอน

     

    อ้อมกอดของเขาทำให้ผมอบอุ่นในหัวใจ ก่อนจะทำใจให้สงบแล้วเลิกคิดถึงเรื่องราววันนั้น บอกกับตัวเองว่ามันผ่านไปแล้ว คนที่อยู่กับผมตอนนี้ไม่ใช่คนเลวพวกนั้น แต่เป็นคนที่ผมรัก

     

     

     

    ปาร์คชานยอล อยู่ข้างๆผมแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว...


     

    ************ทวิตๆ จิ๊บๆ****************


     

     

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย

     

     

     

     


    :)� Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×