คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Silently VI::หัวใจหนึ่งดวง จะใส่คนสองคนได้ไง?
Silently VI
หัวใจหนึ่งดวง จะใส่คนสองคนได้ไง?
Author: Wi Lyn
“แบคฮยอน เสร็จรึยัง? วันนี้สอบไม่ใช่หรอ? เร็วสิ สายขึ้นมาจะทำยังไง” ผมเรียกแบคฮยอนที่ยังคงแต่งตัวอยู่ในห้อง พลางยัดคิมบับรสชาติเค็มสุดๆฝีมือม๊าเข้าปาก
“ม๊า คราวหน้าไม่ต้องใส่แล้วนะเกลืออ่ะ โคตรเค็มเลย เทาเกือบกลืนไม่ลง คาอยู่ที่คอหอยเนี่ย” ผมหันไปบอกม๊าที่กำลังยืนหั่นคิมบับชิ้นใหญ่อยู่ ก่อนจะเบือนหน้ามามองที่บันได ก็เห็นเพื่อนตัวเล็กเดินลงพอดี
“แบคฮยอน กินอะไรรองท้องก่อนมั้ยลูก ม๊าทำคิมบับนะ กินซักชิ้นสองชิ้นจะได้มีแรง” ม๊าเดินเข้ามาหาเหยื่อคนที่สองของบ้าน ก่อนจะป้อนคิมบับผสมน้ำทะเลเข้าปากแบคฮยอน
แบคฮยอนรับคิมบับคำใหญ่เข้าปากก่อนจะพยักหน้า แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาชมม๊าว่า อร่อยมาก
ไอ้นี่หัดโกหก! พอเดินออกจากบ้าน ผมก็ยื่นขวดน้ำส้มที่ถือติดมือส่งให้แบคฮยอนทันที
ไอ้ตัวเล็กรับไปแล้วยกกระดกทันที ก่อนจะเบ้หน้าออกมา อารมณ์เดียวกันเลย ฮ่าๆๆๆ
“เค็มใช่มั้ย? เมื่อกี้เตือนไม่ทัน แต่หน้านายฮาว่ะ” ผมขำกับท่าทางของเพื่อนก่อนจะเอามือกุมท้องแล้วก็หัวเราะ
วันนี้แบคฮยอนมีสอบข้อเขียนนักเรียนทุนต่างประเทศ ทำให้วันนี้ต้องลางานที่ร้านพี่ชานมีทั้งวัน ผมเองก็อยากจะลาไปนั่งเฝ้าเขานะ แต่ที่ร้านค่อนข้างยุ่ง กลัวว่าพี่ชานมีจะรับมือไม่ไหว
“เดี๋ยวสอบเสร็จแล้วมารับนะ ม๊าบอกว่าเย็นนี้จะทำกับข้าวชุดใหญ่ไว้รอ ฉลองที่นายสอบผ่าน” ผมหันไปบอกแบคฮยอน มือก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าสถานที่สอบ
‘ยังไม่ทันจะผ่านเลยนะ ม๊าไม่เห็นต้องเดือดร้อน คนสอบเป็นพัน รับแค่สิบคน ฉันจะเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่ายังไม่รู้เลย’ แบคฮยอนหยิบสมุดเล่มเล็กมาเขียนตอบผม
“ก็นั่นแหละ ม๊าบอกว่าเห็นนายอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ แล้วไหนจะทำงานอีก ถ้าทุ่มเทขนาดนี้แล้วยังไม่ผ่านนะ ที่ม๊าเคยเข้าโบสถ์ไปขอพรให้นาย ถ้าพระเจ้าไม่เมตตา ม๊าจะเปลี่ยนศาสนาเลย” แบคฮยอนหัวเราะร่าเริงเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของม๊า
ม๊าผมเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี บ้านยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อแบคฮยอนมาอยู่ด้วย ม๊าหลงแบคฮยอนมากจนแทบอยากจะได้เป็นลูกเลย แถมยังบอกอีกว่า ให้แบคฮยอนเป็นน้อง ผมเป็นพี่
แต่ก็ดีนะ เพราะผมที่เป็นลูกคนเดียวคลายเหงาไปได้เยอะ ต้องขอบคุณไอ้ตัวเล็กที่ทำให้ผมกับม๊ามีความสุขมากขึ้น ไม่สงสัยเลย ใครได้เข้าใกล้แบคฮยอนเป็นต้องหลงรัก
แบคฮยอนเป็นเพื่อนที่ดีของผม จากที่ตอนแรกช่วยเหลือเพราะความเห็นใจ ความสงสาร แต่ตอนนี้ ผมช่วยเหลือเขาเพราะเขาเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต เพื่อนที่ดีที่สุดของผม!
“เอาน่า ฉันว่ายังไงนายก็ผ่าน แต่ไม่ผ่านก็ดีนะ นายจะได้ไปต้องไปไหนไง อยู่ที่นี่กับฉันกับม๊าไปเรื่อยๆ” ผมหันไปส่งยิ้มให้แบคฮยอน ก่อนจะลงจากรถแล้วพาคนตัวเล็กเข้าไปข้างในอาคาร
“ตั้งใจสอบนะ เดี๋ยวสี่โมงฉันมารอรับ อย่าได้หนีกลับไปก่อนล่ะ” ผมลูบหัวเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยีมันเบาๆแล้วก็บีบจมูกน่ารักนั่น
ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าแบคฮยอนจะสอบผ่านรึเปล่า แต่ผมก็ยังอยากจะหาของขวัญให้เขา เนื่องในโอกาสที่การสอบผ่านพ้นไป แต่ถ้าเขาผ่าน ก็ถือเป็นของขวัญแสดงความยินดีไปแล้วกัน
ผมมาเดินในห้างใกล้บ้าน เพื่อหาของขวัญเล็กๆน้อยๆให้แบคฮยอน ตั้งใจจะซื้อสมุดอย่างที่เพื่อนชอบก็ดูธรรมดาไป ถึงแม้เพื่อนจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
มันต้องมีอะไรที่ใช้งานได้แล้วก็พิเศษกว่านี้สิ!!!!!
นึกออกแล้ว ^^ สิ่งนี้แหละ รับรองได้ใช้ ชัวร์!!!
หลังจากใช้เวลาพักใหญ่กับการเลือกซื้อของขวัญให้แบคฮยอน ผมก็กลับมาทำงานที่ร้านต่อ เพราะม๊าสนิทกับพี่ชานมี วันนี้หน้าที่ชวนพี่ชานมีไปทานอาหารเย็นที่บ้านจึงเป็นหน้าที่ของผม พี่ชานมีอาสาอบเค้กฉลองเนื่องในโอกาสที่แบคฮยอนสอบชิงทุนเสร็จ
ทุกคนไม่อยากจะปล่อยให้แบคฮยอนไปใช้ชีวิตพียงลำพังในต่างแดน แต่เพราะคนตัวเล็กยืนยันว่า หากตนผ่าน ยังไงก็จะไป ผมกับม๊าเลยจนปัญญาจะห้าม นอกเสียจาก สนับสนุน
กรุ๊ง กริ๊ง
เสียงกริ่งหน้าร้านทำให้พี่ชานมีเอ่ยต้อนรับทันที เพราะติดเป็นนิสัย
“อ้าว ชานยอล แกเองหรอ? ฉันนึกว่าลูกค้า แล้วนี่หอบอะไรมา” พี่ชานมีถามน้องชายที่ยืนถือลังกระดาษใบใหญ่เข้ามาในร้าน
“นี่ พี่จะไม่บอกผมหน่อยหรอ ว่าแบคฮยอนไปสอบชิงทุนอะไรนั่นน่ะ?” ผมมองหน้าพี่ชานมีที่มีสีหน้าเหมือนวิตกกังวลไปชั่วครู่ ก่อนที่พี่สาวคนสวยจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เอ้า ก็นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา แกจะไปวุ่นวายทำไม อีกอย่าง มันก็อนาคตของเขา” พี่ชานมีสวนกลับพลางยกยิ้มเหมือนชอบใจ
อะไรของสองพี่น้องเขานะ?
“ผมก็แค่.......” พี่ชานมีทำหน้าลุ้นรอฟังคำตอบ
“แค่อะไรไอ้น้องชาย คิดอะไรก็กล้าๆพูดหน่อยได้มั้ย?” พี่ชานมียิ่งรุกหนักเมื่อเห็นน้องชายก้มหน้าจนคางชิดอก
“โอเคพี่ ผมก็แค่อยากจะซื้อของขวัญแสดงความยินดีให้เขาเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ชานยอลตอบแล้วก็เชิดหน้าขึ้น
“ก็ดี เออ นี่เทา เรื่องที่ม๊าเราชวนพี่ไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้ พี่พาแม่พี่ไปด้วยนะ แม่พี่บอกว่าอยากจะคุยกับม๊านายน่ะ แล้วนายไปรับแบคฮยอนกลับบ้านกี่โมง เฮ้อ อยู่ด้วยกันนี่ดีจังเลยนะ ^^” พี่ชานมีคุยกับชานยอลในคำแรกก่อนจะหันมาโยนระเบิดคำถามใส่ผม
ชานยอลที่พอได้ยินคำว่าอยู่ด้วยกัน หูที่กางอยู่แล้ว ผมรู้สึกเหมือนมันจะกางมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ
“หมายความว่าไงพี่ ที่ว่าอยู่ด้วยกันน่ะ แบคฮยอนอยู่กับใคร?” ชานยอลถามพี่สาวตัวเองด้วยน้ำเสียงอยากรู้
ก่อนจะโดนพี่ชานมีกวนประสาททำเป็นหูทวนลมไม่ยอมตอบ ปล่อยให้น้องชายตัวเองดิ้นพล่านอยู่คนเดียว เป้าหมายต่อไปเลยกลายเป็นผม
“เฮ้ย ตอบมา แบคฮยอนอยู่กับใคร?” ชานยอลหันมาจับหัวผม แล้วก็ถามคำถามเดิม ผมหันไปจ้องหน้าพี่ชานมี ก่อนพี่จะชานมีจะขยับปากให้ผมอ่านความหมาย
‘บอกมันไปว่านายอยู่กับแบคฮยอน เดี๋ยวคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น’ พี่ชานมียิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว พอผมเห็นท่าทางของชานยอลที่ดูร้อนรนผิดปกติ ก็เริ่มเข้าใจเหตุการณ์
มันชอบไอ้หมาใช่มั้ยเนี่ย? O_O OMG ข่าวใหม่เลยนะครับ!!!
“ก็.........มันมาอยู่กับกูเกือบเดือนแล้วนะ อยากรู้ไปทำไม?” ผมทำสีหน้ากวนประสาทมันเล่นๆเพื่อสังเกตปฏิกิริยาตอบกลับ
ชานยอลนิ่งไปแป๊บนึง ก่อนจะค่อยๆนั่งลงกับเก้าอี้ พลางถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมา
“หรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วที่พี่บอกว่าเย็นนี้มีเลี้ยงบ้านไอ้เทา ผมไปด้วยได้มั้ย? ผมก็เพื่อนแบคฮยอนนะ” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ แต่ผมฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงทุ้มนั่น
“ก็ไปดิ ใครห้ามแก แบคฮยอนน่าจะดีใจที่แกไปด้วย ไม่ชวนแฟนแกไปด้วยล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าลู่ฮานเลย อย่าบอกนะว่าเลิกกันแล้ว” พี่ชานมีเดินกอดอกเข้ามา แล้วก็นั่งยองๆลงตรงหน้าน้องชาย
“ปากเสียนะพี่ ผมยังไม่ได้เลิกกับเขาซักหน่อย แค่ช่วงนี้ ผมกำลังให้เวลาตัวเองได้ทำใจยอมรับเรื่องบางเรื่องอยู่” ชานยอลพูดแล้วก็เงียบไปเหมือนใช้ความคิด
พี่ชานมีตบบ่าน้องชายตัวสูงของตัวเองเบาๆ “ชานยอล พี่ว่าที่แกปล่อยให้เรื่องมันมาจนถึงขนาดนี้แล้ว หยุดมันเถอะ แกก็รู้ดีแก่ใจ ว่าแกรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย”
“ฉันเป็นพี่แกมากี่ปี เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมฉันจะไม่รู้ แค่มองตาแก ฉันก็เห็นไปถึงหัวใจแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย คนผิดไม่ใช่แกหรอก เชื่อพี่สิ” พี่ชานมียังคงพูดเรื่องที่ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก เลยหลบฉากมาอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มดีกว่า
ถ้าชานยอลชอบแบคฮยอนจริงๆ แล้วลู่ฮานล่ะ? หมอนั่นมีแฟนอยู่แล้วนี่นา ยังจะมาชอบเพื่อนผมอีก ถ้าใครที่เข้ามาจีบแบคฮยอนไม่ดีพอ ผมนี่แหละ จะเป็นคนเตะโด่งมันออกจากวงโคจรเองเลย ผมไม่มีทางปล่อยให้เพื่อนผมไปกับคนไม่ดีหรอก
พี่ชานมีกับชานยอลยังคงคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พี่ชานมีดูเป็นห่วงน้องชายมาก ขณะเดียวกันชานยอลเองก็ดูทุกข์ใจ ตั้งแต่ผมรู้จักมันมา ก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกัน
-สีหน้าของคนมืดแปดด้าน-
ผมเลิกสนใจเรื่องของคนอื่น ก่อนจะกลับมาสนใจกับออเดอร์เครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่ง วันนี้ร้านปิดตั้งแต่ห้าโมงเพราะทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่บ้านของผม
ผมมารับแบคฮยอนตอนสี่โมงอย่างที่ตกลงกันเอาไว้ แบคฮยอนดูสบายใจขึ้นหลังจากสอบเสร็จ
“เป็นไงมั่ง ทำได้มั้ย?” ผมถามก่อนจะเปิดเก๊ะหน้ารถส่งกระดาษกับปากกาให้แบคฮยอน
‘ก็พอได้นะ เราไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรหรอก บอกแล้วไง คนสอบเป็นพัน โอกาสที่เราจะได้รับเลือกมันน้อยน่ะ ไม่อยากหวัง’ แบคฮยอนชูกระดาษให้ผมอ่านระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง
“คนเราควรมีชีวิตพร้อมความหวังนะ จะเป็นยังไงถ้าวันนึงเราเลิกหวัง” ผมตอบเพื่อนตัวเล็ก พลางสอนให้คิดว่าอย่าหมดหวัง หากเราได้ทุ่มเทกับมันเต็มที่ แม้ว่าผลที่ออกมาจะไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็อย่าได้เสียใจ เพราะอย่างน้อย เราก็ได้ลงมือทำมันด้วยตัวเอง
แบคฮยอนพยักหน้ารับ ก่อนจะขอนอนหลับเอาแรง พอถึงบ้านก็บอกให้ผมช่วยปลุกด้วย ผมเลยหยิบผ้าห่มที่อยู่เบาะหลังมาห่มให้เพื่อน พลางมองใบหน้าน่ารักที่ดูมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลาเล่น
มองหน้าแบคฮยอนทีไร รู้สึกเหมือนว่าเวลาผ่านไปไวทุกที...
ผมมองกล่องของขวัญที่วางเอาไว้ที่เบาะหลัง ตั้งใจว่าจะให้ที่บ้านจะได้เซอร์ไพรส์ ห่อของขวัญด้วยสีสดใส ลายดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของความรักที่มั่นคง
เพราะผมรักแบคฮยอนที่เขาเป็นตัวเอง รักที่เขาจิตใจดี รักที่เขาเข้มแข็งต่อสู้ด้วยขาของตัวเองจนเติบโตมาเป็นคนดี รักเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ รักของเพื่อนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาไปแบบนี้
พอผมเลี้ยวรถเข้าบ้าน ก็จัดการเปิดประตูหลังหยิบเอาของขวัญไปเก็บไว้ในบ้านก่อน แล้ววิ่งมาปลุกแบคฮยอนที่ยังคงนอนหลับสนิท
แต่คงเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวัน ทำให้เพื่อนตัวเล็กไม่ยอมตื่น เอาแต่ครางเป็นหมาหงิงๆ เดือดร้อนให้ผมต้องอุ้มเขาไปนอนในบ้าน
เจ้าของงานนอนหลับตอนที่แขกทุกคนมากันพร้อมหน้า แล้วนี่จะฉลองยังไงล่ะเนี่ย ไอ้นี่ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่เลย
ผมอุ้มแบคฮยอนเข้าบ้าน ผ่านห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่มีแขกมาเต็มบ้าน ทุกสายตาหันมามองผมกับแบคฮยอนเป็นตาเดียว ก่อนที่ม๊าจะเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม
“เทา แบคฮยอนเป็นอะไรลูก” ม๊าถามด้วยความกังวล เพราะแบคฮยอนหลับนิ่งมาก
“เปล่าหรอกม๊า หมามันแค่หลับเท่านั้นเอง ให้มันนอนไปก่อน แล้วพอเราเตรียมงานเสร็จค่อยไปปลุกละกัน” ผมตอบม๊าก่อนจะเดินก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้อง
ชานยอลเดินเข้ามาประชิดตัวผม ก่อนจะเป็นคนอาสาพาแบคฮยอนขึ้นไปนอน แล้วขอให้ผมนำทางไปที่ห้อง
ผมค่อยๆส่งร่างเล็กของเพื่อนรักให้ชานยอลอุ้มเอาไว้ เพราะชานยอลสูงแล้วก็ตัวหนากว่าผม ทำให้เวลาแบคฮยอนอยู่ในอ้อมกอดของหมอนี่แล้ว ดัวเล็กกว่าเก่าอีก
พอชานยอลวางแบคฮยอนลงบนเตียง จัดท่านอน ห่มผ้าให้เรียบร้อยแต่ก็ยังไม่ไปไหน บอกอีกว่าเดี๋ยวจะนั่งรอให้แบคฮยอนตื่นแล้วลงไปข้างล่างพร้อมกัน
ผมเองก็ไม่คัดค้าน ออกจะชัดเจนแล้วด้วยซ้ำว่าไอ้ชานยอลชอบไอ้หมาของผมจริงๆ ^^
แต่ผมคงไม่ปล่อยไอ้หมาให้มันง่ายๆ ตราบใดที่มันเองก็มีเจ้าของหัวใจเป็นตัวเป็นตนอย่างลู่ฮาน
ผมเดินลงมาข้างล่าง ก็เห็นว่าแม่ของผมกับแม่ของชานยอลกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน แม่ชานยอลแนะนำสูตรอาหารที่เป็นสูตรลับให้แม่ของผมฟัง ส่วนพี่ชานมีกับกลุ่มเพื่อนๆของชานยอลก็อยู่ในครัว ต่างก็ช่วยกันเตรียมอาหารเย็น
“ลู่ฮานไม่มาหรอ?” ผมถามเซฮุนที่ยืนจ้องอาหารหลายจานที่อยู่บนโต๊ะ
“ลู่ฮานไม่ได้มาหรอก ไอ้ชานยอลไม่ได้ชวนน่ะ” จงแดเป็นคนหันมาตอบผม ก่อนผมจะเดินเข้าไปหาพี่ชานมีแล้วถามว่ามีอะไรทานแก้หิวได้บ้าง
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ผมเลยผละออกจากครัว แล้วเดินไปเปิด สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามีใครมาเพิ่มงั้นหรอ? ในเมื่อก็อยู่กันครบแล้ว
ผมเปิดประตูบ้าน แล้วก็เห็นคนตัวเล็กยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าบ้าน ในมือถือกระเช้าผลไม้มาด้วย ก่อนคนตัวเล็กจะแทรกตัวลอดผ่านแขนของผมเข้ามาในบ้าน ทั้งที่ผมยังไม่อนุญาตด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับทุกคน” ลู่ฮานกล่าวทักทายทุกคนในบ้านพร้อมกับโค้งเล็กน้อย แล้วก็เดินเข้าไปที่โต๊ะทานอาหาร วางกระเช้าผลไม้ลง
เซฮุนเดินเข้ามาประชิดตัวลู่ฮาน ก่อนจะทำสีหน้าเหมือนตัวร้ายในละครไม่มีผิด แต่กลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
“ไง ไม่คิดว่าจะมานะ นี่ถ้าฉันไม่ชวน ไอ้ชานยอลมันจะเอ่ยปากมั้ยน๊า?” เซฮุนคุยกับลู่ฮานด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเย้ยหยันอยู่ไม่น้อย
“เรื่องของฉัน พี่ชานมีครับ ชานยอลอยู่ไหนหรอครับ?” ลู่ฮานไม่สนใจเซฮุนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แถมยังทำเหมือนมองไม่เห็น มองผ่านหัวไปถามพี่ชานมีถึงแฟนของตัวเอง
ไอ้ชานยอลอยู่กับแบคฮยอนข้างบน แล้วแฟนมันมาแบบนี้ อย่าให้มีเรื่องในวันที่ผมอยากจะฉลองให้เพื่อนเลย ขอร้อง!
“เดี๋ยวเราไปตามให้ นั่งเล่นไปก่อนนะ” ผมอาสาเป็นคนไปตามชานยอลมาให้
ลู่ฮานเชื่อฟังพร้อมกับพยักหน้า แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆแม่ของชานยอล
ผมเลยเดินขึ้นมาบนชั้นสอง เป้าหมายคือห้องที่แบคฮยอนหลับอยู่ ผมค่อยๆเปิดประตูอย่างเบาที่สุด เพราะบางทีแบคฮยอนอาจจะกำลังหลับอยู่
เพราะผมมือเบาหรือยังไงไม่รู้ คนในห้องถึงได้ไม่รู้ว่าผมได้เข้ามายืนร่วมหายใจอยู่ในห้องนี้แล้ว ชานยอลก้มหน้าลงเรื่อยๆก่อนจะประทับริมฝีปากหนาของตัวเอง ลงบนกลีบปากสีชมพูสดของแบคฮยอน
ไม่พอ ยังไล่จูบไปตั้งแต่เปลือกตาสองข้างจนถึงหน้าผากเล็กนั้น ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความไม่สบายใจ ไม่ต้องมีสัมผัสที่หก หรือเดาอนาคตได้ ผมก็รู้ว่าวันข้างหน้ามันต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ
คนสามคน กับ ความไม่แน่นอน ยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้...
ผมเลยส่งเสียงกระแอมเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นะ ชานยอลผละออกจากแบคฮยอนทันที ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยของตัวเองแก้เขิน แก้มสองข้างขึ้นสีแดงแข่งกับลูกมะเขือเทศ
“นายคิดจะปลุกคนหลับด้วยวิธีนั้นหรอ?” ผมถามชานยอลด้วยน้ำเสียงติดตลก
“เปล่าซักหน่อย ขึ้นมาทำอะไรไม่ทราบ” ชานยอลคงเขินจนลืมไปแล้วสินะว่านี่บ้านผม ที่เขายืนอยู่ก็ห้องของผม
“ถามแปลกๆนี่บ้านกู กูจะเข้าออกห้องไหนนี่ ต้องรายงานมึงใช่มั้ย?” ผมถามแล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อเปลี่ยนเสื้อที่เหม็นกลิ่นเหงื่อมาทั้งวัน
ชานยอลตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่เพราะคำพูดของผมที่ทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก
“จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีนะ อย่าดึงแบคฮยอนเข้าไปถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะดูแลเขาได้ตลอดรอดฝั่ง” ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ก่อนจะได้รับสายตาโกรธๆจากชานยอล
“มึงชอบแบคฮยอนสินะ ถึงได้หวงกันขนาดนี้ แบคฮยอนเองก็ดูชอบมึงนี่นา” ชานยอลย้อนกลับทันที ด้วยคำพูดประชดประชัน
“เรื่องที่กูชอบแบคฮยอนน่ะใช่ แต่กูชอบเขาแบบเพื่อน มันบริสุทธิ์จนกูไม่กล้าคิดเกินเลย แต่เรื่องที่แบคฮยอนชอบกูมั้ย? อันนี้ไม่รู้จริงๆว่ะ” ผมตอบก่อนจะเดินเข้าไปประจันหน้า
แม้ขนาดความสูงจะต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่าคนๆนี้
“ลองเอาคำถามที่มึงถามกู ถามตัวเองก่อนก็ดีนะ ว่าชอบแบคฮยอนรึเปล่า ถ้าชอบกูไม่ห้าม แต่กูไม่มีวันปล่อยแบคฮยอนให้คนโลเลอย่างมึงหรอก คงไม่ใช่คนดีแน่ๆถ้ามึงมีแฟนอยู่แล้วแต่ยังมาชอบเพื่อนกู” ผมพูดประโยคยาวๆออกมาพยายามไม่ขึ้นเสียงดัง เดี๋ยวแบคฮยอนจะตื่น
ชานยอลไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น จนผมเริ่มเดาทางเขาไม่ถูก อย่างน้อยพูดอะไรออกมาบ้างก็ยังดี แต่นี่เล่นเงียบซะจนผมไปต่อไม่เป็นเลย
“เอาเถอะมึง ตอนนี้มึงอาจจะยังคิดอะไรไม่ออก เรื่องแบคฮยอนมึงเอาไว้ก่อนเถอะ แต่ตอนนี้ ปัญหาของมึงรออยู่ข้างล่างแล้ว มาแบบตัวเป็นๆเลยล่ะ” ผมบอกจุดประสงค์ที่ขึ้นมาข้างบนกับชานยอล
“มึงหมายถึงอะไร? ปัญหาอะไรของมึง?” ชานยอลถามผมกลับพร้อมสีหน้าไม่เข้าใจ
“ลู่ฮานรอมึงอยู่ข้างล่าง กูว่าวันนี้มึงคงไม่ได้อยู่ฉลองกับพวกกูหรอก แต่ถ้ามึงเคลียร์เรื่องมึงกับลู่ฮานไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมานะ เอาให้แน่ ว่ามึงจะเลือกใคร?” ผมตบบ่าชานยอลสองที ผมให้กำลังใจมันอยู่นะ อย่ามองผมแบบนั้น!
หลังจากนี้ จะเป็นยังไงก็อยู่ที่การตัดสินใจของมันแล้วล่ะ แต่ถ้าจะมาลากเพื่อนผมที่บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ เข้าไปแปดเปื้อน ผมไม่มีวันยอมให้มันมีชีวิตอยู่หรอก.......
[คุยกับไรท์เตอร์]
ตอนที่ 6 มาแล้ว ตอนนี้คงไม่สั้นเกินไปเนอะ ไรท์คิดว่าประมาณนี้กำลังดี
วันนี้ไม่สบาย แต่ก็ยังคงปั่นมาให้ได้อ่านกัน เพราะเห็นคอมเม้นท์แล้วปลื้มใจ
ยิ่งเม้นใครยาวๆนี่แบบ.....น้ำตาจะไหล
หมดข้อสงสัยกันแล้วใช่มั้ย ว่าเทาคิดกับแบคแบบไหน เพื่อนไงคะ ^^
ส่วนใครที่สงสัยว่ายอลมันรู้เรื่องฮุนฮานมั้ย? เอายังไงดี อุบไว้ก่อนนะ
ส่วนพี่คริส ปล่อยให้เขาหล่อไปก่อน ฮ่าๆๆๆ
เจอกันตอนหน้านะคะ ปย๊ง!!!
รักรีดเดอร์ทุกคนเลย ขอบคุณสำหรับโพลคะแนน
คะแนนส่วนใหญ่อยู่ที่ 7-9 คะแนน ซึ่งมันดีเกินคาด
คืนนี้อาจจะมาต่อตอนที่ 7 นิดหน่อยถ้าไม่เดี้ยงไปซะก่อน
สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย
ความคิดเห็น