ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาสิโนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #6 : การเดิมพันที่ล้ำค่า

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 58


                    คฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวนวลตั้งตระหง่านอยู่ริมเขาท้ายเกาะเกาลูน อิงปวัณมองอยู่ด้านบน เห็นแล้วว่าบ้านหลังนั้นใหญ่โตกว้างขวางกินอาณาบริเวณนับหลายร้อยเอเคอร์ ด้านหน้าเต็มไปด้วยรถหรูจอดอยู่นับร้อยคัน มีผู้คนเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา เธอพอทราบว่ามีงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เข้าใจว่าน่าจะจัดโรงแรมสักที่มากกว่า ไม่คิดว่าจะจัดในสถานที่ส่วนตัว
                    แมทธิวได้สั่งให้คนไปเชิญตัวหญิงสาวลงมาเพื่อเดินเข้างานพร้อมกัน อิงปวัณจำต้องเดินเคียงคู่ในฐานะผู้ติดตามและคนนำโชคมาให้เขาอย่างที่เขาหวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น
                    “อิง”
                    หญิงสาวชะงักฝีเท้าหันไปตามที่มาของเสียงพอเห็นเป็นเพื่อนรักก็รีบเดินตรงเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง วันนี้ธาราดูสวยน่ารักกว่าทุกวัน แม้ชุดที่เธอสวมมาไม่ได้หรูเลิศเมื่อเทียบเท่าเธอแต่ก็ดูมีราคา
                    “ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาด้วยสายน้ำ”
                    “ต้องมาสิ ไม่มาได้ไงเพื่อนฉันทั้งคน โจซัวเป็นคนพาฉันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันมายืนรออิงตั้งนาน”
                    ธาราหันกลับไปมองโจซัวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มยกมือทักทาย
                    “ผมว่านะพวกคุณทั้งสองเข้าไปข้างในก่อนดีกว่าครับ มีคนเขารอพวกเราอยู่” แมทฺธิวกระซิบบอกสองสาว อิงปวัณพยักหน้ารับทราบแต่ไม่ได้ติดตามเขาต่อ เธอเดินเกาะแขนเพื่อนรักเข้าไปข้างใน แมทธิวอยากจะดึงตัวเธอให้เดินเคียงข้างเขาไปด้วยกัน แต่หญิงสาวสวยคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาคล้องแขนเขาอีกข้าง
                    “นึกว่าจะมาไม่ทันคุณเข้างานเลี้ยงแล้วสิคะที่รัก”
                    แพทริเซียเกาะแขนชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ อิงปวัณได้ยินเสียงเธอจึงหยุดเดินแล้วหันมามอง พอเห็นเป็นแพทริเซีย สีหน้าหญิงสาวมึนตึงเล็กน้อย รีบฉุดแขนเพื่อนไปให้พ้นจากตรงนี้
                    ภายในห้องโถงใหญ่ประดับประดาด้วยม่านสีมุกและโคมไฟระย้าส่องแสงสว่างไสวไปทั่วบริเวณ พื้นที่โดยรอบมีแต่เก้าอี้บุนวมนับร้อยตัวล้อมรอบโต๊ะใหญ่บุกำมะหยี่ตรงใจกลางห้อง บริกรหนุ่มสาวเดินเสริฟเครื่องดื่มและอาหารว่างให้กับแขกที่มาในงาน ดูครึกครื้นและวุ่นวายน่าดู ธารากวาดสายตามองเห็นเก้าอี้ว่างแถวที่สองจากข้างหน้า
                    “เราไปนั่งกันตรงนั้นดีกว่านะอิง” จะได้เห็นชัดๆ เธอดึงมือเพื่อนให้เดินตามไป โจซัวเดินมาดักหน้าสองสาวเสียก่อน
                    “ผมจองเก้าอี้ให้คุณแล้วครับสายน้ำ  ส่วนของคุณอิงต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่สามารถนั่งข้างสายน้ำได้เพราะตำแหน่งของคุณต้องไปนั่งข้างคุณแมทธิวข้างหน้าสุดเลยครับ”
                    อิงปวัณมองตามมือชายหนุ่ม ด้านหน้าสุดถัดจากเก้าอี้บุนวมเป็นโซฟาตัวยาวบุกำมะหยี่ปักดิ้นทองลวดลายสวยงาม มีแขกกิตติมศักดิ์นั่งอยู่แล้วสองสามคนรวมถึงแมทธิวกับแม่สาวเปรี้ยวปรี๊ดไฟแรงสูงคนนั้น
                    “ฉันไม่อยากนั่งตรงนั้น ฉันอยากอยู่กับเพื่อนของฉัน”
                    “เดี๋ยวหลังจบงานพวกคุณสองคนก็ได้ออกไปเที่ยวฮ่องกงด้วยกันแล้วครับ ผมขอร้องนะ เพราะนี่เป็นคำสั่งคุณ
    แมทธิว ผมไม่อยากมีปัญหากับเจ้านายตัวเอง”
                    อิงปวัณทำเสียงเบื่อหน่าย อีตาแมทธิวนี่พอบังคับเธอไมได้ก็เอาลูกน้องเป็นตัวประกันทุกที
                    “ตกลง จะจับฉันนั่งไหน ให้ทำอะไรก็เชิญเลย” หญิงสาวว่าประชด

                    “ใจเย็นๆอิง เขาเห็นว่าเรามาอยู่ในฐานะผู้กำโชคชะตาของเขา เขาก็ต้องอยากให้เราอยู่ใกล้เขาให้มากที่สุด ไปนั่งกับเขาเถอะนะ ฉันมีโจซัวนั่งเป็นเพื่อนแล้ว

                    อิงปวัณชำเลืองสายตาไปทางโจซัวสลับกับธารา มองค้อนนิดแต่แอบอมยิ้มหน่อยๆ สองคนนี้ท่าจะไม่อยากแยกจากกัน
                    “โอเคฉันเข้าใจเธอ ไม่อารมณ์เสียแล้ว ไว้เจอกันนะสายน้ำ”
                    “จ้า ไว้เจอกันหลังจากงานจบสิ้นแล้ว”
                    แมทธิวมองมาทางที่อิงปวัณยืนอยู่กับเพื่อนของเธอและมือขวาของเขา โจซัวทำงานตามคำสั่งได้ดี เพราะหลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เห็นอิงปวัณเดินผละออกมาจากหนุ่มสาวทั้งสองตรงมายังตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ หล่อนไม่แม้แต่จะปรายตามองเขาแม้แต่น้อยเมื่อมาถึง เธอเลือกนั่งตรงที่ว่างห่างจากเขาถัดจากคนอื่นไปสามสี่คน เขาอยากจะลุกไปดึงแขนเธอมานั่งข้างแต่ติดที่แพทริเซียเกาะแจอยู่
                    “สวัสดีครับท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ การแข่งขันโครตเซียนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
                    พิธีกรลุกขึ้นประกาศเสียงดัง แขกที่มาในงานหยุดคุยกัน ต่างหันมาให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น มีการแนะนำประธานในพิธี และเยินยอเจ้าของคาสิโนแต่ละแห่ง เสียงปรบมือดังกึกก้องยินดีไปทั้งห้องโถง อิงปวัณร่วมปรบมือด้วย แต่เธอไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มไปกับพวกเขา เพราะความหลังฝังใจในอดีต
                     เจ้าของคาสิโนที่มารวมกันในที่แห่งนี้ลุกออกมาจากโซฟาเข้าประจำตำแหน่งตัวเอง ต่างวางชิปตรงหน้าเข้ากองกลางตามขั้นต่ำที่ได้กำหนดไว้  แบงค์เกอร์ทำหน้าที่แจกไพ่หงายหน้าทีละใบ การพนันที่จะแข่งขันในวันนี้ก็คือ แบล็กแจ๊ค
                    ไพ่ใบที่สองถูกคว่ำหน้า เจ้าของไพ่ดึงไพ่ของตัวเองมาเพื่อลุ้นแต้ม มีสองคนที่หงายออกมาทันทีเมื่อได้แต้มสูงสุด ส่วนของแมทธิวของเรียกไพ่เพิ่ม
                    อิงปวัณชะเง้อคอมองด้วยความสนใจ สังเกตเห็นว่าไพ่ของชายหนุ่มยังมีความเสี่ยงที่จะได้แต้มน้อยกว่าเจ้ามือ เธอลุ้นให้เขาเรียกไพ่อีกใบ เหมือนแมทธิวจะได้ยินความคิดของหญิงสาว เขาขอฮิตไพ่ใบที่สี่
                    แบงเกอร์ขอดูไพ่ของผู้เล่นที่ขอเรียกไพ่ พร้อมหงายไพ่ตัวเองด้วย เธอกวาดชิปของคนที่ได้แต้มน้อยกว่า

    ส่วนของแมทธิวได้แต้มยี่สิบพอดีจึงสูงกว่าเจ้ามือหนึ่งแต้ม
                    การเล่นแบล็กแจ๊คดำเนินไปอีกสามชั่วโมง ท่ามกลางการลุ้นของผู้ชมทั้งห้องโถง แมทธิวผลัดแพ้ผลัดชนะ มีบางครั้งเกือบจะเสียชิปหมดกอง แต่แล้วเขาก็ได้กลับคืน คนที่หมดชิปในมือก็พากันออกจากโต๊ะทีละคน จนกระทั่งเหลือสองคนสุดท้าย
                    อิงปวัณลุ้นใจหายใจคว่ำ ภาวนาให้ชายหนุ่มได้ไพ่แต้มดีๆบ้าง บางครั้งต้องขอฮิตไพ่ใบที่ห้าเพื่อลุ้นแต้มต่อว่าจะได้ไพ่อะไร กว่าจะผ่านแต่ละตาเธอแทบอยู่ไม่สุข อยากจะลุกไปเล่นด้วยตัวเอง
                    แปลกนะ เธอเกลียดการพนัน แต่แอบเชียร์เขาทุกตา
                    “เหลือเราสองคนแล้วนะ แมทธิว มาดูสิว่าใครจะเหนือกว่าใครในตานี้

                    เจ้าของคาสิโนผู้อาวุโสที่สุดและเป็นคู่แข่งคนสุดท้ายของแมทธิวเอ่ยปากขึ้นมาครั้งแรกหลังจากต่อสู้กับด้วยแต้มบนโต๊ะมาหลายชั่วโมง
                    “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่เหนือกว่าโครตเซียนชางมินหรอกครับ ยังไงท่านก็ยังเป็นที่หนึ่งในวงการนี้เสมอ”
                    ชางมินหัวเราะชอบใจ ดีดซิก้าลงบนที่เขี่ยบุหรี่“ ใครกันนะ สอนให้เธอรู้จักประจบคนแก่”
                    “ผมพูดจากใจจริงไม่ได้ประจบครับ อีกอย่างท่านชางมินก็ยังไม่แก่เลย”
                    ชางมินหัวเราะชอบใจ เขาเป็นเจ้าของคาสิโนใหญ่ที่สุดอีกที่ในมาเก๊า และเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของแมทธิว
                    ไพ่ตาต่อไปถูกแจกต่อหน้าผู้เล่นที่เหลืออีกสองคน แมทธิแง้มไพ่ทีละใบอย่างใจเย็น เป็นครั้งแรกตั้งแต่แข่งขันที่เขาหันไปกลับมาทางอิงปวัณเหมือนขอความเห็น หญิงสาวผงกศีรษะรับ แมทธิวหันกลับมาขอเรียกไพ่อีกใบจากแบ๊งเกอร์
                    ไพ่ใบที่สามถูกแจกวนมาทางซ้าย ชางมินลอบสังเกตชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเขาแอบหันไปมองหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งบ่อยๆก็อดแปลกใจไม่ได้ หล่อนเป็นใครกัน ทำไมเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หรือจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของแมทธิว
                    ชางมินหยุดไพ่ไว้ที่ใบที่สาม ในขณะที่แมทธิวขอไพ่เพิ่มเป็นใบที่สี่ และเมื่อเห็นแต้มที่รวมกันได้ สีหน้าชายหนุ่มเครียดเล็กน้อยแต่ยิ้มกลบเกลื่อน หันไปสบตาหญิงสาวอีกครั้ง หล่อนเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง ผู้ชายคนนั้นกำลังรอเธออยู่ แค่เพียงเธอพยักหน้าหรือส่ายหน้า ล้วนแล้วแต่กำหนดแต้มแพ้ชนะทั้งสิ้น
                    อิงปวัณเลือกที่ผงกศีรษะให้เขา แมทธิวขอไพ่ใบที่ห้าซึ่งเป็นใบสุดท้าย เรียกว่าก่วน
                    “ไม่คิดว่าแมทธิวแห่งคาสิโนแมทดีน จะมาได้ไกลขนาดนี้ ฉันอยากรู้จริงว่าแต้มบนไพ่ที่ห้าใบเป็นเท่าไร”
                    แมทธิวยิ้มเฝื่อนๆ เขาไม่ตอบคำถาม แต่โกยเอาชิปทั้งหมดตรงหน้าเข้ากองกลาง
                    “ผมทุ่มหน้าตักให้หมด แล้วคุณชางมินล่ะครับ อยากทุ่มเหมือนผมไหม”
                    ชายสูงวัยหัวเราะหึหึ “เธอไม่มีอะไรจะสู้ฉันอยู่แล้ว แต่เธอก็ใจเด็ดนะ ยังอุตส่าห์คิดสู้ ถ้าฉันขอถอยมันก็ไม่สมศักดิ๋ศรีสินะ ” ว่าจบก็กวาดชิบทั้งหมดรวมเข้าตรงกลางบ้างเป็นอันขอสู้
                    “เรามาลองกันสักตั้ง”
                    เจ้ามือเปิดไพ่ตัวเอง แล้วเรียกไพ่ทั้งสองคน ตามกฎจะต้องขอเปิดคนที่มีไพ่ห้าใบก่อน แต่คราวนี้ชางมินขอเปลี่ยนกติกาให้เขาได้เปิดไพ่คนแรก
                    “ฉันได้ยี่สิบ แบงค์เกอร์ได้ต่ำกว่าฉันแต้ม ส่วนของเธอเรามาดูพร้อมๆ กัน”
                    แมทธิวเปิดไพ่ทีละใบให้ดูสี่ใบแรก รวมแต้มแล้วได้สิบเจ็ด ไพ่ใบสุดท้ายคือไม้ตายของเขา
                    อิงปวัณไม่ละสายตาไปจากไพ่บนโต๊ะ เธอมั่นใจว่าไพ่ใบที่ห้าของชายหนุ่มจะต้องเป็นเลขนำโชคสำหรับเขาแน่นอน เพราะไพ่อับโชคล้วนอยู่บนโต๊ะแล้วในขณะในสำรับเหลือไม่มาก มีเสียงร้องอื้ออึงเต็มห้องโถงเหมือนลุ้นคู่มวยที่กำลังน็อก
                    ความเงียบเข้ามาครอบคลุมเมื่อแต้มของแมทธิวเท่ากับยี่สิบเอ็ดพอดี เขาคือผู้ได้แต้มสูงสุดด้วยจำนวนไพ่สูงสุด และเขาคือผู้ชนะ 
                    ชางมินลุกขึ้นพร้อมปรบมือก่อนคนแรกเป็นการแสดงความยินดี จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังก้องทั้งห้องโถง แมทธิวหันไปมองทางอิงปวัณพร้อมยกนิ้วโป้งให้เธอ ผู้หญิงคนนี้กำโชคชะตาเขาไว้จริง
                    งานเลี้ยงดำเนินต่อในอีกสองสามชั่วโมง มีแต่เรื่องของการสนทนาและการรับประทานอาหารพร้อมดื่มเครื่องดื่มด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ก่อนออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ชางมินเดินเข้ามาทักทายแมทธิว
                    “เหลือเชื่อปีนี้เธอโค่นทุกคนได้รวมทั้งฉัน”
                    “ผมฟลุกมากกว่าครับ”
                    “ไม่ฟลุกหรอก เพราะเธอพกโชคมาด้วย” ชางมินมองข้ามไหล่ชายหนุ่มไปที่อิงปวัณซึ่งยืนอยู่กับธาราข้างหลังเขา “อย่าให้เธอหลุดมือมาได้นะ ไม่งั้นฉันจะเข้าไปโอบอุ้มแม่ผู้หญิงคนนั้นแทนเธอ แมทธิว”
                    ชางมินกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะขอตัวกลับ แมทธิวหันไปทางหญิงสาวคนที่เขาไม่มีวันปล่ยหลุดมือ หลังจากภาระกิจเสร็จสิ้น เธอต้องขอแยกตัวจากเขาแน่นอน
                    “อยู่นี่เองแมทธิว” แพทริเซียเดินเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่ม  หลังจากรู้ผลแพ้ชนะ เขาก็เดินออกจากห้องโถงไปพร้อมเจ้าของคาสิโนคนอื่นเพื่อเดินไปส่งประธานของงาน
                    “ผมคิดว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีกแพท”
                    “คุณยังอยู่ แล้วฉันจะกลับได้ไงคะ”
                    แมทธิวยิ้มเฝื่อนๆให้หญิงสาว หันกลับมามองหาอิงปวัณอีกครั้งแต่ไม่พบเธอ
                    “ไปไหนแล้ว” เขาบ่นพึมพำ สีหน้าแพทริเซียมึนตึงที่เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจเธอเลย
                     “ผมขอตัวก่อนนะแพท” เขาแกะมือหญิงสาว เดินออกไปทางด้านหน้า ทันเห็นอิงปวัณกับธารากำลังเดินออกประตูพอดี ชายหนุ่มปราดเข้าไปหา เอื้อมมือหนาจับต้นแขนเธอไว้ได้ทัน
                    “คุณแมทธิวคะ กรุณาปล่อยแขนฉันค่ะ” อิงปวัณมองด้วยสายตาไม่ชอบใจเท่าไร
                    “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ว่าแต่คุณกับเพื่อนจะกลับบ้านแล้วทำไมไม่บอกผมก่อน”
                    “ไม่จำเป็นที่ฉันต้องรายงานคุณแล้ว เพราะหน้าที่ของฉันและเพื่อนจบลงเมื่อเกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมา ฉันเป็นอิสระ จะไปไหนมาไหนก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งใคร”
                    “แต่คุณยังอยู่ในความดูแลของผมนะ ตราบใดที่คุณยังอยู่ในฮ่องกงหรือมาเก๊า”
                    “เอ๊ะ นี่คุณ”
                    “เราฝากโจซัวบอกคุณแล้ว ไม่เจอเขาหรือคะ”
                    ธาราเห็นว่าสองคนใกล้จะวิวาทกันจึงรีบแทรกห้ามก่อน ไม่เช่นนั้นได้เถียงกันเสียงดังจนเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครแน่นอน
                    “ผมยังไม่พบเขาเลย คงกำลังเตรียมเรือพาผมกลับมาเก๊า แต่ผมว่าจะโทรไปสั่งงานใหม่ให้เปลี่ยนเป็นจองโรงแรมแทนเพราะผมอยากอยู่ทำงานที่บริษัทในฮ่องกงต่อ”
                    “แล้วแต่คุณสิไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว ฉันกับเพื่อนขอตัวก่อน เรายังต้องหาโรงแรมนอนคืนนี้ ไม่ว่างมาเถียงกับคุณ”
                    อิงปวัณไม่ฟังใครแม้แต่เพื่อนรัก เธออยากจะออกจากสถานที่นั้นท่าเดียว แมทธิวจำต้องใช้ไม้แข็ง ตรงเข้าไปจับข้อมือหญิงสาวกระชากดึงให้เดิมตามเขามา
                    ”ปล่อยมือฉันนะ บอกให้ปล่อย” อิงปวัณสะบัดแขนอย่างแรง ดื้อดึงยื้อไม่ยอมไป
                    “เดินตามผมมาแต่โดยดีไม่งั้นมผมจะอุ้มคุณไปต่อหน้าทุกคน ว่าไง”
                    “คุณไม่กล้าทำแบบนั้นแน่ แมทธิว”
                    เธอท้าทายเขา เขาก็กล้าทำตามคำท้าของเธอ  ประชิดตัวหญิงสาวช้อนร่างบางยกตัวลอย อิงปวัณตกใจส่งเสียงร้องลั่น
                    “คุณจะบ้าหรือไง วางฉันลงเดี๋ยวนี้”
                    “อย่าดิ้นได้ หล่นไปอายคนไม่รู้ด้วย”
                    อิงปวัณมองไปรอบตัว จริงอย่างว่า กลุ่มคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นหันมามองที่เธอกับเขาด้วยความสนใจ หญิงสาวเลิกดิ้นหนี แต่ปั้นหน้าบึ้งใส่ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น แมทธิวอมยิ้มขำหญิงสาว เวลาเธองอนไม่ต่างจากเด็กน้อยวัยห้าขวบเลยสักนิด น่ารักและน่าตีในเวลาเดียวกัน
                    อิงปวัณนั่งกอดอกหน้าบึ้ง สายตามองผ่านหน้าต่างรถอย่างไร้จุดหมาย เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน แต่เส้นทางที่ผ่านมามีแต่ป่ามืดทึบตลอดทางกว่าจะเห็นแสงสีก็อีกเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หล่อนเบื่อจึงหลับตาลง คิดเสียว่าคงดีกว่าหันไปเจอหน้าใครบางคน
                    “ถึงแล้วคุณ”
                    หญิงสาวลืมตา มองไปรอบตัวด้วยความงุนงงเมื่อพบว่าเธออยู่กลางลานจอดรถบนอาคารที่ใดสักแห่ง
                    “ที่นี่ที่ไหน หวังว่าไม่พาฉันเข้าโรงแรมนะ”
                    “ผมไม่เลวขนาดนั้นหรอก ถ้าผมจะทำแบบนี้จริง ผู้หญิงต้องเต็มใจด้วย หรือว่าคุณเต็มใจผมจะได้เปลี่ยนสถานที่”
                    “เอ๊ะ นี่คุณ ”
                    “ผมพูดเล่น อย่าเป็นคนจริงจังไปเสียทุกเรื่องสิ ลงจากรถได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”
                    “ไม่ทันอะไรยะ”
                    “ลงมาก่อนเถอะเดี๋ยวรู้เอง”
                    อิงปวัณยกกระโปรงตัวยาวพยายามเดินไล่ตามชายหนุ่มให้ทัน เมื่อออกมาพ้นอาคาร หญิงสาวอ้าปากค้างด้วยความตื้นเต้น ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแผ่นน้ำกว้างสะท้อนแสงไฟหลากหลายสีจากอาคารสูงฝั่งตรงข้าม เหนือท้องฟ้าขึ้นเป็นลำแสงหลายลำยิงออกมาจากอาคารหลายหลัง มีเสียงดนตรีขับกล่อมอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ยืนอยู่กับเสียงอื้ออึงชื่นชมของบรรดา
    ผู้คนนับร้อยที่มารอชมการแสดงแสงสีเสียง
                    แมทธิวหันมามองหญิงสาว ยิ้มอย่างดีใจทีเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้างดงาม สำหรับเขาเธอสวยเสมอไม่ว่าจะผ่านกี่วันกี่ปี
                    “เดินไปทางนั้นกันดีกว่านะ ตรงนี้คนเยอะ” เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอ หญิงสาวพยายามแกะมือ
                    “เดี๋ยวหลงกัน” เขาหาข้ออ้าง แถมบีบมือเธอแน่นกว่าเก่า อิงปวัณยอมแพ้เขาแต่ไม่วายมองค้อนใส่
                    พวกเขาพากันเดินแทรกฝูงชนที่ออกันอยู่ตรงทางเข้า ไปยังพื้นที่ซึ่งโล่งกว่าและไม่แออัด การแสดงแสงสีเสียงจบแล้ว แต่ไฟแห่งราตรีไม่ได้จบสิ้นตราบใดที่ยังเป็นกลางคืน เขายอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ
                    “บริเวณนี้เขาเรียกว่าอะเวนิวออฟสตาร์ใช่ไหมคะ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือท่องเที่ยว”
                    “ใช่ครับ คุณลองดูที่พื้น จะเห็นว่ามีรอยประทับมือของดาราดังฮ่องกงด้วย”
                    อิงปวัณก้มมองพื้น “จริงด้วยสิ อันนี้ของหลิวเตอะหัวใช่ไหมคะ ว๊าว อยากได้กล้องจัง จะได้เก็บรูปไปฝากสายน้ำ ถ้าได้มาเห็นต้องตื่นเต้นแน่ๆ  จริงสิเพื่อนฉันไปไหน” อิงปวัณเงยหน้าขึ้นมาจะหันไปถามถึงเพื่อนรัก แต่เขาไม่อยู่เสียแล้ว เธอตกใจหันไปมองหาชายหนุ่ม
                    “คุณแมทธิว คุณอยู่ไหน เอาฉันมาทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้นะ คุณแมทธิว” ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองหญิงสาวราวกับเธอเป็นตัวประหลาดที่เที่ยวตะโกนโหวกเหวอกลางสถานที่สาธารณะ อิงปวัณใจเสีย เธอกำลังจะถูกทิ้งแน่หรือ หลักฐานในตัวไม่มีสักอย่างแม้แต่เงินสักเหรียญก็ไมได้พกมา
                    ขณะกำลังมองหาแมทธิว มือยาวของใครชายหนุ่มก็ยื่นมาจากข้างหลังเธอ ในมือเขามีถุงกระดาษมาด้วย
                    “ขอโทษทีที่ผมเดินไปซื้อปลาหมึกแล้วไม่ได้บอกคุณ”
                    อิงปวัณหันกลับมาหาเขา มองอย่างเคืองๆ กัดริมฝีปากด้วยความโมโห
                    “เอาน่าผมขอโทษแล้ว เอานี่ไปกิน อร่อยน้า”
                    เธอทำเป็นชำเลืองมอง ถามหางเสียงห้วนๆ ว่าอะไร
                    “ปลาหมึกบดที่อร่อยที่สุดในโลกไง” เขายิ้มให้หญิงสาว อิงปวัณยังคงปั้นหน้ายักษ์ใส่ เจ้าของมือหนา หยิบมือเรียวข้างตัวขึ้นมาแล้วยัดซองปลาหมึกให้ “ลองหน่อยน้า นะ”
                    อิงปวัณมองค้อนใส่เสียจนน่ากลัวว่าลูกตาดำจะกลิ้งเข้าไปข้างใน  เปิดห่อปลาหมึกขึ้นมาลองดมกลิ่นก่อนจะลงมือฉีกเนื้อปลาหมึกบด ทั้งนุ่มลิ้นและหวานหอม
                    “อร่อยจัง ซื้อมาจากไหนคะ”ฅ
                    “ร้านอยู่ตรงนั้นครับ เห็นบูธไหม” เขาชี้มือไปที่บูธขายปลาหมึกสีแดง มีคนต่อคิวแถวยาว
                    “อยากซื้อไปฝากสายน้ำได้ไหมคะ”
                    “ได้สิ ทำไมไม่ได้เดี๋ยวผมจะเหมาหมดร้านเลย”
                    “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เอาแค่พอรับประทานหมดในวันนี้ไม่ใช่ชาตินี้ เดี๋ยวนะเมื่อกี้ฉันว่าจะถามคุณ เพื่อนฉันไปไหนคะ ทำไมไม่ให้มาด้วยกัน”
                    แมทธิวยิ้มที่มุมปาก เขาพอจะรู้ว่าธาราไปไหน แต่ไม่ยอมบอกกับอิงปวัณตรงๆ พูดเป็นปริศนาให้เธอได้ลองคิดเอง
                    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพื่อนคุณเขามีคนที่ดูแลอย่างดีแล้ว”
                   
                    อีกฟากหนึ่งของเกาะบนตึกระฟ้า สองร่างกอดกันกลมบนเตียงนอนนุ่มในห้องสวีทที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของเครื่องปรับอากาศ โจซัวเอื้อมมือไปหมุนเปิดโคมไฟเพิ่มแสงในห้องให้สว่างขึ้นเล็กน้อย ธารารีบดึงผ้ามาคลุมถึงหน้าอก เธอยังรู้สึกอายที่ต้องเผยเรือนร่างให้ฝ่ายชายเห็น
                    “เรามาไกลกันขนาดนี้ยังจะอายอะไรกันอีกที่รัก” เขายิ้มขำหญิงสาว ก้มใบหน้าลงประทับรอยจูบที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม คลอเคลียซอกคอหอมของเธอต่อ
                    “ไม่รู้สิคะโจซัว ฉันรู้สึกตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ค่า ฉันใจง่ายมากใช่ไหมที่ยอมเป็นของคุณทั้งที่เราสองคนยังไม่แต่งงานกัน”
                    “อย่าคิดแบบนั้นสิ ผมอาจผ่านผู้หญิงมามากก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่จริงจังกับใคร ผมเคยจริงจังคิดแต่งงานด้วยมาหลายครั้ง แต่พอนานไปพวกเธอเหล่านั้นกลับเป็นฝ่ายทิ้งผมไปเสียเอง อาจเป็นเพราะผมไม่มีเวลาให้พวกเขาก็เป็นได้ แล้วคุณล่ะ จะทิ้งผมไปอีกคนไหม”
                    “ถ้าถามฉันตอนนี้ ฉันเองก็คงมีคำตอบเดียวว่าฉันเป็นของคุณแล้ว จะอยู่และรักคุณตลอดไป คุณจะเชื่อฉันไหม”
                    “รู้ตัวไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ปากหวาน”
                    “ฉันพูดความจริงเสียหน่อยไม่ได้ปากหวาน”
                    “ต้องพิสูจน์” โจซัวก้มหน้าจะจูบปากหญิงสาวอีกครั้ง แต่ธาราผละใบหน้าเขาออก
                    “พอแล้วค่ะ อย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย เรายังไม่แต่งงานกันนะคะ”
                    “อีกไม่นานหรอกน่า ยังไงเสียเราก็เป็นของกันและกันแล้ว ผมรับผิดชอบคำพูดของผมแน่นอน อีกอย่างผมได้บอกเรื่องของเรากับคุณแมทธิวไปทั้งหมด เขาบอกจะทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอคุณมาเป็นภรรยาของผมแทนพ่อของผมที่จากไป แต่เขาเคลียร์เรื่องของตัวเอง คงใช้เวลาไม่นาน แต่หากเขาไม่สามารถทำได้ เขาจะไปขอร้องให้ผู้ใหญ่ที่นับถือทำหน้าที่นี้แทน”
                     “เคลียร์เรื่องของตัวเอง เอ้ คงไม่เกี่ยวกับยายอิงใช่ไหมคะ”
                    “เกี่ยวข้องโดยตรงเลยล่ะ คุณมองไม่ออกหรือว่า เจ้านายผมคิดยังไงกับเพื่อนคุณ”
                    “นั่นสินะ” ธารามีสีหน้าครุ่นคิด “แต่ว่าพวกเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานเองนะคะ จะปิ๊งปั๊งกันไวไปไหม”
                    “ไม่หรอก คู่เราสิไวกว่าไม่เห็นหรือ แป๊บเดียวเราสองคนก็...” โจซัวก้มมองลงต่ำไปที่เรือนร่างของหญิงสาว ธาราอายหน้าแดง ตีแขนชายหนุ่มดัง
                    “นี่แน่ะ ไม่ใช่เพราะคุณรวบรัดฉันหรือ ฉันถึงได้เป็นของคุณ”
                    ”แล้วเต็มใจไหมล่ะ หือ” โจซัวเฝ้าคลอเคลียซอกคอหอมกรุ่น “ถ้าไม่เต็มใจผมจะไม่ฝืนใจคุณอีกต่อไป”
                    “ไม่รู้สิคะ” หล่อนยิ้มเอียงอาย “แล้วคิดว่าฉันเต็มใจไหมคะ”
                    โจซัวเปลี่ยนมุมจู่โจมจากติ่งหูอ่อนนุ่มมาเป็นริมฝีปากบางสีกุหลาบ  
                    “ให้ผมได้พิสูจน์นะที่รัก หลังจากผมพิสูจน์เสร็จแล้ว ผมจะเล่าความจริงเกี่ยวกับเจ้านายผมและเพื่อนคุณให้ฟังทั้งหมดที่คุณอยากรู้”
                    “ความจริง อะไรหรือคะ”
                    “สิ่งที่คุณสงสัยไง ว่าทำไม เจ้านายผมถึงดีกับเพื่อนคุณนัก”
                    ธารากระพริบตาปริบๆ เหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น แต่ก่อนจะรู้เธอต้องยอมทำในสิ่งที่เธอและเขาปรารถนาก่อน
                    กายแนบกาย เนื้อแนบเนื้อ เนินขาวนุ่มหยุ่นถูกแผ่นอกกว้างเบียดเสียดเข้ามา ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างของธาราถูกครอบครองโดยผู้ชายคนนี้ ผู้ที่กำหัวใจเธอไว้ได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเธอตลอดไป

                    ในขณะที่สองคู่ชู้ชื่นกำลังอิ่มเอมกับความรักที่เพิ่งเริ่มผลิบานหรือกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่มีอีกคนที่ผิดหวังเศร้าเสียใจจนต้องมาระบายกับเครื่องดื่มมึนเมาอยู่ในผับแห่งหนึ่งตามลำพัง
                    “ทำไมต้องเสียน้ำตาเพราะคนที่ไม่มีใจให้คุณด้วย”
                    เสียงแขกไม่รับเชิญทำให้แพทริเซียต้องเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ พอเห็นว่าเป็นคนที่ชังน้ำหน้าก็เมินไปหน้าทางอื่น
                    “ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไหม”
                    “ตามสบายค่ะ เก้าอี้นี้ของร้านไม่ใช่ของฉัน”
                    หล่อนไม่ปฏิเสธเขา แปลว่าเขายังมีความหวัง  แอนดี้สั่งเครื่องดื่มและอาหารมาเพิ่มสองสามอย่าง
                    “ผมจะไม่ถามว่าทำไมวันนี้คุณดูหงุดหงิด เพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดคฤหาสน์ใหญ่วันประชันยอดฝีมือ”
                    แพทริเซียเปรยตามามมองชายหนุ่มแวบหนึ่ง สะบัดหน้าไม่สนใจ หล่อนคว้าแก้วบรั่นดีมากระดกพรวดเดียวหมด
                    “อย่าประชดแมทธิวด้วยวิธีนี้เลย เขาไม่มาเห็นใจคุณหรอกนะ”
                    “เรื่องของฉัน” แพทริเซียสั่งบรั่นมาดื่มต่อ ก่อนปากแก้วจะจรดริมฝีปาก แอนดี้ดึงมือเธอไว้
                    “ผมช่วยคุณได้นะ ถ้าคุณยอมรับฟังความคิดของผม อาจไม่ดีนัก แต่ก็เป็นการช่วยกำจัดมารหัวใจของคุณ”
                    แพทริเซียวางแก้วลง ข้อเสนอของเขาทำให้เธอหยุดคิด เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมอนี่ต้องการอะไร
                    “คุณจะช่วยฉันอย่างไร”
                    “ผมสนใจยายเด็กข้างตัวแมทธิวตอนนี้ หน้าตาท่าทางไม่เลวนี่ ถ้าผมได้ตัวเธอมาเป็นของผม แมทธิวจะกล้ามาชิงกลับไปเป็นของเหลือเดนอีกหรือ คุณคิดว่างั้นไหม”
                    แพทริเซียปรายหางตามอง ริมฝีปากสีเพลิงอวบอิ่มแย้มยิ้มน้อยๆ
                    “ถ้าคุณทำได้ ฉันจะมีรางวัลแถมให้คุณอีกสักสี่สิบล้านเป็นไง”
                    “โอเค งั้นเรามาเป็นพันธมิตรกัน”
                    แอนดี้ยื่นขอจับมือเธอ แต่เจ้าของมือเรียวกลับแค่แตะพอเป็นพิธี ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้กันในที่โจ่งแจ้ง แต่เลือกที่จะวางแผนผ่านช่องทางอื่นแทน ด้วยความสามารถของแอนดี้ แพทริเซียเชื่อว่าเขาจะช่วยกำจัดยายเด็กนั่นไปไกลจากผู้ขายที่หล่อนหลงรัก             
                   


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×