ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาสิโนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #4 : ธาราสาวน้อยผู้อ่อนเดียงสา

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 58


                     โจซัวเข้ามารอแมทธิวอยู่ที่ห้องรับแขกร่วมสองชั่วโมง  เขาได้ให้ลูกน้องไปช่วยดูแลความปลอดภัยธาราแทนเขาไปก่อน  เพราะไม่ได้โทรนัดเจ้านายหนุ่มล่วงหน้า จึงไม่รู้ว่าแมทธิวพาสาวไปดินเนอร์
                    “สวัสดีครับคุณอิง” โจซัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวพร้อมทักทายอิงปวัณเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา หญิงสาวส่งยิ้มให้ทักทายกลับสองสามคำก่อนจะปั้นหน้าบึ้งเดินขึ้นบันไดไป หันกลับมาอีกทางก็เห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเดินตามเข้ามา
                    “คุณแมทธิวไปทำอะไรให้เธอโกรธหรือครับ เธอถึงได้หน้าหงิกแบบนั้น”
                    “นั่นสิ ฉันก็งงเหมือนกัน” แมทธิวกอดอก มองร่างบางเดินเลี้ยวหายไปจากหัวมุม
                    “ท่าจะโกรธมากด้วยสิ”
                    ชายหนุ่มก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ผู้หญิงช่างเป็นเพศที่เข้าใจยากเสียจริง “ช่างเขาเถอะ มาหาฉันนี่มีข่าวดีมารายงานใช่ไหม”
                    “ไม่ใช่ข่าวดีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะมาแจ้งเรื่องการมาเยือนของมิสเตอร์ชางมินในวีคหน้าที่เกาลูน เห็นว่าฝ่ายนั้นเตรียมมารักษาแชมป์อย่างดีอีกสมัย ดูเขาจะมั่นใจมากแม้ว่าปีนี้เราจะได้เป็นเจ้าภาพ”
                    “ไม่แปลกนี่ ระดับเจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่ คงไม่ยอมให้เราชนะง่ายๆ”
                    “คุณแมทธิวคิดว่าจะมีวิธีไหนที่เราจะเหนือพวกเขาได้บ้าง อย่าบอกนะครับว่าเราจะพึ่งโชคจากผู้หญิงสองคนที่เราแทบไม่รู้จักตัวตนของเขา”
                    “นายอาจไม่รู้จักตัวตนของเขา แต่ฉันรู้จักเธอเป็นอย่างดี”
                    “หมายความว่าไงครับ รู้จักเธอเป็นอย่างดีทั้งที่เพิ่งพบกันไม่กี่วัน”
                    “ฉันกับเธอเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ ถ้านายอยากรู้ เราไปหาเครื่องดื่มนุ่มคอมาจิบกันระหว่างที่ฟังเล่าอดีตดีกว่า
    ดินเนอร์กับอิงปวัณขาดทุนชะมัด จนป่านนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
                    โจซัวเป็นทั้งมือขวาและเพื่อนรักของเขาที่พร้อมจะยอมตายแทนกันได้ พ่อของโจซัวเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อแมทธิว พวกเขาเติบโตและเรียนหนังสือมาด้วยกัน จึงรู้ใจกันมากกว่าคนอื่น ไม่เคยมีความลับซึ่งกันและกัน สองหนุ่มหล่อแห่งมาเก๊ากอดคอจิบเครื่องดื่มในห้องนั่งเล่น สนทนาตามประสาผู้ชาย ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นเรื่องวีรกรรมในอดีตขณะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยก็มักเป็นเรื่องอนาคตในวงการการธุรกิจการพนัน
                    แมทธิวเดินเซขึ้นมายังปีกขวาของอาคารที่เป็นห้องนอนของเขา ก่อนไขกุญแจเข้าห้อง ชายหนุ่มเหลียวหลังกลับไป
    มองยังประตูห้องฝั่งตรงข้าม นึกอยากจะเดินไปเคาะประตูถามเธอเหลือเกินว่ายังจำเด็กผู้ชายขี้เหวี่ยง ช่างโวยวายได้หรือไม่
                    “เธอคงนอนแล้วล่ะ ไปรบกวนตอนนี้ เดี๋ยวจะอาละวาดเอา”
                    เขายิ้มให้กับตัวเอง ผู้หญิงคนเดียวทำให้เขาเป็นแบบนี้เชียวหรือ ไม่ว่าจะไปไหน หรือทำอะไรก็นึกถึงแต่เธอ แค่เขาจำได้ว่าเธอคือใครก็นึกรักแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี
                    แมทธิวเอะใจเมื่อลองหมุนลูกบิดประตูห้อง เขาจำได้ว่าเขาไม่เคยลืมล็อกห้องแม้แต่ครั้งเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเขา ใครกันที่บังอาจกล้าเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของบ้านโดยไม่ได้รับเชิญ
                    มือหน้าล้วงเข้าไปใต้เสื้อ หยิบเอาปืนพกคู่ใจออกมาเตรียมพร้อม เอื้อมมือไปแง้มประตูห้อง ก้าวเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวัง
                     ไฟฟ้าสว่างพรึบทันทีที่เขาเข้าไปข้างใน แมทธิวกำลังจะหมุนตัวกลับเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากข้างหลัง แต่มีใครสักคนกระโดดเข้าไปโอบเอวหนาของเขาไว้เสียแน่น ชายหนุ่มได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย
                    “แพท” เขาลดปืนลงและโยนลงกับพื้นก่อนจะหันกลับมาหาแพทริเซีย
                     “คุณเข้าในห้องผมได้ไง”
                    “แหม ถามเหมือนแพทไม่เคยเข้ามาในห้องนี้มาก่อน อย่าลืมสิคะว่าฉันมาบ้านหลังนี้บ่อยจนทุกคนในบ้านจำได้ ฉันก็แค่ขอให้แม่บ้านเปิดประตูห้องนอนคุณให้ในระหว่างที่คุณกำลังสนุกสนามอยู่กับโจซัว ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
                    “ผมลืมไปว่าคุณเก่ง” แมทธิวปลดมือเรียวออกจากเอว “เราไปหาอะไรดื่มกันข้างล่างดีไหม คิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว”
                    “ฉันดื่มมามากพอแล้วค่ะ มึนหัวแล้วด้วย” แพทริเซียใช้มือแตะตรงขมับ แกล้งเอนตัวไปซบแผ่นอกหนา “พาฉันไปนอนได้ไหมคะ ฉันง่วงมาก”
                    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะพาไปส่งบ้าน”
                    “ฉันไม่อยากกลับบ้านนี่คะ อยากนอนเตียงนุ่มๆ ของคุณมากกว่า” แพทริเซียงอแงเหมือนเด็ก
                    “แต่คุณลุงอาจเป็นห่วงคุณนะแพท”
                    “พ่อฉันควงแม่เลขาไปสวิสอีกแล้วค่ะ อีกนานกว่าจะกลับ” หญิงสาวโอบต้นคอโน้มใบหน้าชายหนุ่มเข้ามาใกล้ริมฝีปากแทบจรดกัน “ไหนบอกว่าคิดถึงฉันไงคะ พิสูจน์หน่อยสิคะว่าคุณคิดถึงฉันจริง ไม่ใช่แค่พูดเอาใจ”
                    ใบหน้าของคนทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งคืบ ต่างคนต่างแลกกลิ่นกายซึ่งกันและกัน แมทธิวเลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกนิด ประกบปากจูบเธออย่างนุ่มนวล สองมือลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มไปด้วยจากด้านนอกของเสื้อตัวบางจนเผลอเข้าไปใต้อาภรณ์ เนื้อกายหญิงสาวเย็นเยียบไปทั้งตัว
                    เขาถอนริมฝีปากออกได้ก่อนที่จะถลำตัวไปมากกว่านี้
                    “คุณนอนห้องนี้แล้วกันนะ ผมจะไปนอนห้องรับแขก ”แมทธิวปล่อยตัวหญิงสาวเปลี่ยนมาเป็นจับมือแทน  “หลับให้สบายนะครับ”
                    แพทริเซียกัดริมฝีปากบางของตัวเอง ไม่หลงเหลือรอยยิ้มบนใบหน้า  เขาไม่ใส่ใจความรู้สึกของเธอสักนิดเดียว เดินออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ ร่างบางกระแทกตัวลงบนที่นอนนุ่ม กำหมัดแน่นด้วยความจ็บใจ เธอมาให้ท่าเขาถึงที่ แต่เขากลับไม่สนใจเธอเหมือนก่อน เพราะเขาโกรธเธอหรือเพราะเขาเริ่มเบื่อเธอ
                    เมื่อไม่ได้ดั่งใจ แพทริเซียจึงโทรสั่งให้คนรถที่บ้านมารับเธอไปไนท์คลับ หล่อนปรารถนาเครื่องดื่มชนิดแรงเพื่อให้ลืมความเจ็บปวด

                    โจซัวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องคอยเอาแขกคนพิเศษของเจ้านาย ผู้หญิงที่ชื่อธาราเป็นคนแปลกที่สุดเท่าที่เขาเคยพบว่า เธอเป็นคนสองบุคลิก บางครั้งเจ้าแง่แสนงอน เอาแต่ใจเหมือนยังไม๋โตเสียที แต่บางเวลาเธอก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลและเข้าใจอะไรไม่ยาก
                    “ฉันเบื่อ
    !” ธาราพูดโพล่งออกมาระหว่างเธอนั่งเปลี่ยนรายการโทรทัศน์ไปหลายช่องแล้วยังไม่มีที่ถูกใจ โจซัวเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มองหล่อน ส่ายหน้าน้อยๆแล้วกลับไปสนใจข่าวสารต่อ
                    “เบื่อๆไม่มีอะไรจะทำ วันๆได้แต่นั่งๆ นอนๆ ได้ยินมั้ยว่าเบื่อ” ธาราพูดเสียงดังขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ ชายหนุ่มพับหนังสือพิมพ์โยนไปบนโต๊ะข้างหน้า ประสานมือกันไว้ที่หน้าตักพร้อมถอนใจยาวเหยียดออกมา
                    “ไปช้อปปิ้งแก้เบื่อไหม”
                    “ไม่เอา ซื้อของมากองเต็มห้องแทบไม่มีที่นอนอยู่แล้ว ไม่เห็นหรือไง” เธอชี้มือไปทางให้มุมห้องด้านหนึ่งที่เต็มไปด้วยข้าวของกองพะเนิน
                    “งั้นไปดูหนังกันกัน ตั้งแต่มาที่นี่คุณไม่เคยไปดูหนังเลย”
                    “จะดูรู้เรื่องยังไงล่ะ ในเมื่อฉันฟังภาษาคุณไม่เข้าใจเท่าไร”
                    “งั้นไปเดินเล่นในสวนสาธารณะกัน อากาศดีอาจทำให้คุณหายเบื่อ”
                    “เดินจนหลับตาคลำทางยังได้ น่าเบื่อมากกว่าอีก”
                    “แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไร ” โจซัวเริ่มรำคาญ แม่คนนี้เรื่องมากวุ่นวายเสียจริง เป็นคราวเคราะห์ของเขาหรือไงที่ต้องมาเอาอกเอาใจผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน
                    “ฉันอยากเจอเพื่อนฉัน พาไปหาได้ไหม” ธาราส่งสายตาอ้อนวอนขอร้อง เธอเป็นห่วงเพื่อนเธอมาก ป่านนี้จะยังสบายดีอยู่ไหม พบกันครั้งล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อนเห็นได้ว่าสีหน้าอิงปวัณดูไม่ค่อยดีเลย
                    “ไม่ได้ คุณแมทธิวยังไม่อนุญาต”
                    “โอ้ย แค่เพื่อนซี้จะเจอหน้าพูดจากันบ้าง ทำไมถึงได้เรื่องมากแบบนี้ ถ้างั้นไม่ต้องมาถามฉันอีกว่าฉันอยากไปไหน ทำอะไรเพราะฉันจะไม่ไปไหนทั้งสิ้นนอกจากหาอิง”
                    ธาราปั้นหน้าบึ้งใส่ เดินกระแทกส้นเท้าปิดประตูห้องดังโครมตามหลัง โจซัวส่ายหน้าด้วยความระอา นึกอยากจะถอนตัวจากงานนี้เสียแล้วสิ ทำงานเสี่ยงมาไม่รู้เท่าไร แต่ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเหนื่อยใจเท่าครั้งนี้เลย
                    เมื่อพูดจาหว่านล้อมแล้วไม่ได้ผล ธาราจึงต้องหาวิธีใหม่ด้วยการหนีเช่นเคย อาศัยช่วงกลางดึกเวลาที่เขาหลับแอบย่องออกจากบ้าน
                    “อีบ้านี่ต้องถึงกับมานอนตรงนี้เลยหรือ” เธอเห็นเงาสลัวที่เป็นร่างสูงของเขานอนหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้โยกกลางห้องรับแขกด้านล่าง ธาราใช้มือคลำทางตามกำแพง เดินย่องให้ไม่มีเสียงฝีเท้า ถ้าหยุดหายใจได้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ พอเห็นเขาขยับตัวเธอจะรีบก้มตัวลงต่ำหลบที่พื้นทันที เมื่อแน่ใจว่าเขายังไม่ตื่นค่อยคลำทางไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตู
                    “อยากจะบ้าตาย กว่าจะผ่านมาได้” หญิงสาวคิดในใจเหลียวหลังกลับไปดูชายหนุ่มอีกครั้งให้แน่ใจว่าจะไม่ตื่นมาตอนที่เธอกำลังหนี
                    “หลับเป็นตายแบบนี้สบายเรา” ธาราค่อยปลดกลอนประตูอย่างเบามือ ขณะกำลังหมุนลูกบิดแง้มเปิดออกทันใดนั้นประตูก็ถูกแรงผลักปิดกลับอย่างแรง ธาราถึงกับเขาอ่อนหมดหวังทันทีที่ถูกจับได้ แต่พยายามฝืนใจประจันหน้า
                    “จะไปไหนค่ำๆ มืดๆ คิดจะหนีหรือ”
                    “ฉันเปล่า” ธาราก้มหน้าตอบไม่เต็มสุ้มเสียง “ฉัน
    ..ฉันแค่อยากออกไปเที่ยวเอง”
                    “ไปเที่ยวแล้วทำไมไม่บอกผมดีๆ จะไปไหนบอกมา”
                    “ฉันไม่กล้าบอก ฉันอาย คือว่า เอ่อคือ” ธารานึกหาคำโกหกมาแก้ตัวไม่ทัน เจอสายตาพิฆาตของเขานกลัวจนเกือบคุมสติไม่อยู่ “ไปแบบที่เขาไปเที่ยวกลางคืนกันไง ฟังเพลง เต้นรำ ไรเงี้ย แต่ถ้าคุณคิดไม่ควรไป งั้นฉันขอตัวกลับไปนอน”
                    ธารารีบเบี่ยงตัวจะเดินหนี โจซัวรู้ทันว่าหล่อนโกหกเลยหาเรื่องแกล้ง
                    “จะไปแบบนั้นก็ไม่บอก ผมก็อยากเที่ยวเหมือนกัน ไปด้วยกันเลยก็ดี”
                    “เฮ้ย ฉันไม่..” ธาราจะบอกว่าเธอเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว แต่คำพูดก็ดันติดอยู่ที่คอ ขาดันก้าวตามเขาอีกต่างหาก ไม่กี่นาทีต่อมาเธอจึงได้มาอยู่ข้างคนขับในรถยนต์ส่วนตัว นั่งเงียบตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน
                    “ถึงแล้ว ไนท์คลับที่ผมเคยมาประจำ ลงมาจากรถสิคุณ” ธารายื่นหน้าออกนอกหน้าต่างรถ เห็นแสงไฟนีออนหลากสีสว่างเจิดจ้าอยู่ด้านบน มีผู้คนเดินเข้าเดินออกเป็นกลุ่มใหญ่หลายกลุ่ม ได้ยินเสียงดังจากข้างในดูอึกทึกครื้นเครง
                    “ฉันรออยู่ที่รถได้ไหม” ธาราพยายามบ่ายเบี่ยง
                    “คุณบอกเองอยากมา แล้วทำไมไม่เข้าไปข้างใน อย่าบอกว่าเปลี่ยนใจนะ เพราะผมจะโกรธโมโห ผมขับรถมาไกลมากรู้ไหม”
                    ท่าทางเขาเอาจริง ธาราไม่กล้าปฏิเสธ เปิดประตูเดินลงจากรถเดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย นึกโทษตัวเองที่ดันหาเรื่องแท้ๆ
                    สถานที่อโคจรอย่างไนท์คลับที่ไหนในโลกก็เหมือนกันหมด มีดนตรีให้ฟังคลายเครียด มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้นักดื่มได้เลือกลิ้มลอง พนักงานหญิงเดินเสริฟเครื่องดื่มและอาหารตามโต๊ะต่างๆ ธาราเพลิดเพลินกับการฟังเพลงทั้งที่ฟังไม่ออก แต่จังหวะและท่วงทำนองไพเราะระรื่นหูดี
                    “น้ำส้มของคุณ” โจซัวเลื่อนแก้วน้ำส้มมาให้หญิงสาว แต่เธอกลับเอื้อมมือไปหยิบแก้วใส่น้ำสีอำพันอีกแก้วแทน
                    “ของฉันแก้วนี้ต่างหาก”
                    “อันนี้ของผมนะครับ คุณไม่ควรดื่มเป็นของมึนเมา”
                    “แต่ฉันอยากดื่มนี่ เอามานี่เลย” ธาราหยิบเอาแก้ววิสกี้กระดกเข้าปากรวดเดียวหมด โจซัวรีบดึงแก้วออกมาจากมือหญิงสาว
                    “เดี๋ยวก็เมาหรอกคุณ ผมว่าคุณไม่เคยดื่มมาก่อนแน่นอน ไม่งั้นไม่เล่นทีเดียวหมดแบบนี้”
                    “เคยสิ ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ขออีกที่ได้ไหม”
                    “ไม่ได้  คุณยังเรียนอยู่นะ”
                    “บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เด็ก แล้วไม่ใช่นางเอกด้วย ไม่ต้องสั่งน้ำนางเอกมาให้ฉัน”
                    โจซัวไม่เข้าใจในสิ่งที่หล่อนพูด อะไรคือน้ำนางเอก แล้วทำไมเธอต้องหัวเสียด้วยนะ แค่เขาบอกให้เธอดื่มน้ำส้มเบาๆพอ เป็นห่วงกลัวเมาคุมสติไม่อยู่ แต่เธอไม่ฟังเขา พอแก้ววิสกี้ถูกยกมาเสริฟเธอก็รีบคว้ามาดื่ม
                    “โอเคๆ ผมยอมแพ้คุณแล้ว แบบนี้ดีไหมให้ผมเลือกเครื่องดื่มให้คุณดีกว่า เอาแบบไม่หนักมากนัก ผมจะดื่มเป็นเพื่อน”
                    “สั่งมาเลยค่ะ อะไรก็ได้ที่คุณเห็นว่าเหมาะสำหรับฉัน แต่ไม่ใช่น้ำหวานหรือน้ำส้ม”
                    โจซัวทึ่งหญิงสาว บางครั้งเธอก็กล้าเหลือเกิน กล้าในเรื่องไม่สมควรเสียด้วย แต่ในบางเวลาเธอก็เหมือนเด็กน้อยขี้แยเอาแต่ใจไม่เข้าท่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยแปลกมากเปลี่ยนอารมณ์ได้ฉับไวยังกับตั๊กแตนเปลี่ยนสี
                     คืนนั้นคู่กัดหนุ่มสาวต่างที่มาชนแก้วกันหลายรอบ จากเคยโต้เถียงพูดจาขัดหู ก็เริ่มพูดคุยถูกคอกันมากขึ้น
    ฤทธิ์แอลกฮอล์ทำให้ธาราเผลอเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังจนหมดเปลือกไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าแตกวัยเด็ก รวมไปถึงเรื่องครอบครัวของเธอ ส่วนโจซัวไม่ใช่คนมีความลับอะไรกับใคร เมื่อหญิงสาวเปิดใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง เขาจึงอยากแลกเปลี่ยนบ้าง
                    “ผมเป็นลูกชายคนสนิทของนายท่าน ผมหมายถึงพ่อคุณแมทธิว ผมกับแมทธิวเลยเติบโตมาด้วยกัน เรียนหนังสือที่เดียวกัน ไปไหนตัวติดกันจนใครคิดว่าเราสองคนต้องเป็นคู่ขากันแน่ๆ เชื่อไหมผมนี้อยากจะต่อยปากคนพูดเสียจริงๆ” โจซัวพูดเสียงรัว ความเมาทำให้เขาเริ่มคุมลิ้นไม่อยู่
                    “เหมือนฉันเลย ฮ่า ฮ่า ใครๆก็ว่าฉันกับยายอิง ชอบตีฉิ่ง”
                    “คืออะไรตีฉิ่ง ไม่เห็นเข้าใจ”
                    “โอ้ย คุยกับคุณนี่ไม่สนุกเลย ต้องอธิบายทุกเรื่อง ตีฉิ่งก็แบบว่า” ธารายกสองมือขึ้นมาประกบถูฝ่ามือให้ดู “เข้าใจยังย่ะ”
                    “โธ่นึกว่าแบบไหน ที่บ้านผมนะ ก็เซฟเฮ้าส์เราล่ะ ผมมีซีดีแบบนี้เพียบ” โจซัวหัวเราะเสียงดังจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง
                    “ทะลึ่งจริง คุณต้องเป็นพวกโรคจิตแน่นอน”
                    ”ไม่ใช่ของผมน่ะ พวกเพื่อนๆผมชอบเอามาดูในห้องผม ผมเป็นคนดีจะตายไป”
                    “ไม่เชื่อหรอก”
                    ไนท์คลับใกล้ปิดแล้ว แต่แขกคู่หนุ่มสาวยังไม่ยอมลุกจากโต๊ะ พนักงานเสริฟจำต้องมาคิดเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมทั้งขอเชิญออกจากร้าน โจซัวยกข้อมือดูเวลา เห็นว่าเลยครึ่งคืนมาเกือบชั่วโมงแล้ว
                    “เผลอแป๊บเดียวจะเข้าวันใหม่แล้ว เรากลับกันดีกว่านะ อ้าว
    !เฮ้ย! หลับตอนไหนวะ”
                    โจซัวหันมาเห็นหญิงสาวเอียงคอซบกับไหล่เขา เปลือกตาหลับสนิท เขย่าตัวปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น  เขาจำต้องประคองร่างเธอออกจากไนท์คลับในสภาพทุลักทุเล  โดยขอให้พนักงานไนท์คลับช่วยเรียกรถแท๊กซี่ไปส่งที่บ้าน ทิ้งรถไว้ที่อย่างที่เคยทำประจำ เพราะเขาก็เมามากจนขับกลับเองไม่ไหวเหมือนกัน
                     โจซัวไขกุญแจเข้าบ้าน พยุงร่างบางมาจนถึงโซฟา ก่อนทิ้งเธอให้นอนตรงนั้น บ่นอุบว่าหล่อนช่างหนักทั้งที่ตัวนิดเดียว
                    “กว่าจะถึงบ้าน เล่นเอาเหงื่อตก ไว้แบบนี้ก่อน เช้าค่อยว่ากันใหม่” โจซัวหยิบเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนเตรียมอาบน้ำ ขณะกำลังปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกำยำของเขาเสียงดังโครมก็ตามมา คนข้างนอกเคาะประตูเรียกเขา
                    “ใครอยู่ห้องน้ำเปิดหน่อยได้ไหม จะอ๊วกแล้ว เปิดๆ”
                     เสียงทุบประตูดังข้างนอก โจซัวรีบดึงผ้าขนหนูมาพันกายก่อนจะหันไปเปิดประตู ร่างบางพรวดพราดเข้ามาข้างในตรงไปที่อ่างล้างหน้า ชายหนุ่มได้ยินเสียงโก่งคออาเจียนก็รีบออกไปคอยข้างนอก  เมื่อเสียงเงียบไปเขาก็รีบเข้ามาดูหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เห็นร่างเปียกปอนนั่งพิงฝาผนังห้องน้ำ
                    “เป็นไงบ้าง” เขาลงนั่งข้างตัวหญิงสาว แตะหน้าผากเธอ หล่อนปัดมือเขาออก พยายามเหยียดกายยืนขึ้นแต่แล้วก็เซล้มลง โจซัวรีบรับร่างเธอไว้ พื้นห้องน้ำเปียกจึงทำให้เขาเสียหลังลื่นล้มไปเช่นกัน โชคดีที่ศรีษะไม่ได้กระแทกส่วนไหนของผนังห้องน้ำเขาจึงยังมีสติอยู่
                    เธอสลึมสะลืออยู่บนตัวเขา  เสื้อผ้าเนื้อบางเมื่อชุ่มน้ำจะแนบเนื้อเห็นเรือนร่างชัดเจน โดยเฉพาะเนินขาวผ่องที่ปรากฎตรงหน้าเขา เนียนสวยจนนึกอยากสัมผัส โจซัวรีบเบี่ยงหน้าหนีเพราะกลัวอดใจไม่ไหว
                    เขาพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นอีกครั้ง พยายามจะพาออกนอกห้อง  เซล้มไปโดนก็อกเปิดฝักบัว น้ำจึงพุ่งออกมาผ่านร่างของคนทั้งสอง ธาราหนาวสั่นสะท้าน เผลอกอดชายหนุ่มเสียแน่น ส่วนมือขวาของแมทธิวผู้ซึ่งไม่ใช่ชายเทียม แต่เป็นชายแท้มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ เมื่อได้แตะต้องใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้มีหรือจะห้ามใจไหว  
                    โจซัวโอบกอดเธอแนบแผ่นอกเขา เอื้อมมือไปหมุนน้ำให้ไหลเบาลง กลิ่นกายสาวที่หอมกรุ่นทำให้เลือดในกายเขาสูบ
    ฉีคแรงขึ้น เขากดปลายจมูกโด่งที่แตะอยู่ซอกคอให้จมเนื้อนุ่มนิ่ม ก่อนจะลากผ่านไปทั่วลำคอระหงเลยไปถึงติ่งหู เลาะเล็มเบาๆ
                    ธารารู้สึกร่างกายเธออุ่นร้อนไปทั่วตัวทั้งที่เปียกไปทั้งร่าง วูบวาบแปลกๆเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายสองต่อสอง ในสภาพกึ่งเปลือย หล่อนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมให้ชายหนุ่มถูกเนื้อต้องตัวได้ถึงขนาดนี้  สำนึกในใจบอกให้เธอขัดขืน แต่ทว่าร่างกายกลับอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ ใจสั่นวาบหวิวไปหมด
                    “ไม่ค่ะโจซัว ฉัน...”
                   

                    โจซัวซุกใบหน้าไปที่หว่างอกซึ่งมีเสื้อตัวบางเปียกน้ำกั้นกลางอยู่ ธาราเกาะแขนชายหนุ่มแน่นแทบจิกเนื้อเขา ร้องครางเบาๆ อย่างลืมตัว ลืมไปด้วยซ้ำว่าต้องปกป้องตัวเอง ไม่ร้องห้ามเมื่อเขาเริ่มเปลือยร่างเธอด้วยการแกะกระดุมเสื้อออกเป็นอันดับแรก เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของเอวบางกับเนินอกอวบอัด ผิวพรรณสาวบริสุทธิ์ขาวเนียนหมดจดทุกตารางนิ้ว เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสวยขนาดนี้ ทรวงอกกลมกลึงได้รูปกำลังพอดีไม่ล้นหรือขาดเกินไป  ชายหนุ่มไม่รอช้า เอื้อมมือไปด้านหลังปลดบราเซียตัวน้อยออก
                    “ขอโทษนะครับ ผมขอโทษจริงๆ” เขากระซิบข้างหูเธอเสียงแผ่วเบา ก้มตัวลงใช้ริมฝีปากหนาเม้มปลายปทุมถัน
    อมชมพูทีละข้างอย่างใจเย็น ธาราเผลอร้องครางออกมาอีกครั้ง รู้สึกเสียวสะท้านจนยืนไม่อยู่ต้องแอ่นร่างให้เขาได้ลิ้มรสผิวกายอย่างเต็มที่ ปลายชิวหาสากลากผ่านจากเนินอกสวยสล้างมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ ท้องน้อยของหญิงสาวเกร็งเบาๆ
                    อาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายหลุดจากร่างกายตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเมื่อร่างหนาดันเธอติดกำแพงห้องน้ำ ในขณะที่สายน้ำยังหล่อเลี้ยงพวกเขาไม่ขาดสาย ริมฝีปากบางถูกประกบจูบตลอดเวลาที่สองมือคลึงเค้นไปทั่วร่าง โดยเฉพาะ
    สองอกอวบอิ่ม
                    “รู้ตัวไหมว่าคุณน่ะ เซ็กซี่ไม่เบา”
                    เขาถอนริมฝีปากออกพร้อมส่งยิ้มหวานให้ ธาราอายหน้าแดงซ่าน ก้มมองดูสรีระตัวเองแล้วอดใจหายไม่ได้ ถ้าครอบครัวเธอรู้ว่าเธอจากบ้านมาต่างแดนเพื่อทำเรื่องไม่สมควรแบบนี้ จะว่าอย่างไร จะถูกลงโทษตำหนิติเตียนแค่ไหน
                    “พอเถอะค่ะ เราเกินเลยกันมากแล้ว” ธาราผลักร่างชายหนุ่มออก การหยุดเว้นจังหวะไว้ชั่วครู่ทำให้เธอได้สติกลับคืน แต่ผู้ชายย่อมเป็นผู้ชายวันยังค่ำ
                    “มาถึงขนาดนี้มีหรือผมจะปล่อยคุณง่ายๆ” เขาดันตัวเธอชิดกำแพงเหมือนเดิม ประกบปากจูบเล้าโลมด้วยสองมืออุ่นหนาอีกครั้งเมื่อหล่อนทำท่าจะขัดขืน  รอจนร่างบางเริ่มอ่อนปวกเปียกจึงคิดจะจัดการให้เธอเป็นของเขาเสียเลย
                    มือหนาเลื่อนไปลูบไล้ขาอ่อน เธอคงกลัวจึงขยับขาหนี โจซัวยิ้มๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เพิ่งผ่านผู้หญิงครั้งแรก ออกช่ำชองด้วยซ้ำไป ตรงข้ามกับธารา เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ร่วมรักกับชายหนุ่มซึ่งพบหน้ากันไม่กี่วัน
                    “จากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมรับผิดชอบเอง”
                    หญิงสาวมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะคิดทำสิ่งใดร่างเขาก็เข้าประกบแนบชิดร่างเธอ ปิดปากไม่ให้ร้องเสียงดังด้วยริมฝีปากของเขา  ชายหนุ่มยกขาข้างหนึ่งของเธอพาดขาตัวเองเพราะกลัวจะเมื่อย กดร่างกายส่วนล่างเบียดเข้าหาเธอ
                    ธาราแทบช็อก เธอกำลังจะเสียตัวจริงหรือนี่ เป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นตอนเธอแต่งงานไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้ แต่ทว่าทุกอย่างสายไป
                    หญิงสาวหลับตาปี๋ รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายชายที่พยายามจะฝ่าความนุ่มนวลบริสุทธิ์ของผู้หญิง แม้ตอนแรกจะยังดูเหมือนไม่สำเร็จ แต่ไม่กี่นาทีต่อมาก็สามารถผ่านไปทีละนิด ธารากัดฟันด้วยความเจ็บปวด พรหมจรรย์ขาดสะบั้นเมื่อเขาทำในสิ่งที่ใจปรารถนาได้สำเร็จ เธอเป็นของเขานับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป  ธารานึกเสียใจจนมีน้ำตาออกมา
                      “ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบ” เขาใช้หลังมือปาดน้ำตาให้เธอ ก้มมองความสำเร็จของตัวเอง ไม่รู้ว่าควรภูมิใจหรือไม่ที่เขาเป็นคนแรกของเธอ แต่ทำให้เธอเสียน้ำตาเพราะเขา ชายหนุ่มดันร่างออกมา ได้ยินเสียงเธอร้องอุ้ยเบาๆ เห็นเลือดบริสุทธิ์ไหลเป็นทางไปกับสายน้ำ โจซัวเปิดน้ำล้างตัวเธอจนสะอาด ก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูคลุมร่างหญิงสาว


                    “ไปข้างนอกดีกว่านะ แช่น้ำนานอาจไม่สบายได้” เขาอุ้มเธอไปที่เตียงนอน เช็ดตัวจนแห้งสะอาด ก่อนจะนอนทาบบนตัวหญิงสาวแล้วเริ่มบรรเลงบทรัก ธาราผลักอกชายหนุ่มออกห่าง ก้มหน้ากระซิบน้ำเสียงเบา
                    “ปิดไฟก่อนได้ไหมคะ ฉันอาย”
                    เขาตามใจหล่อน ลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเปิดโคมไฟบนหัวเตียง เห็นร่างไหวของธาราลุกขึ้นออกจากเตียงจะหนีเขา
                    “ไปไหนจ๊ะ ” เขารีบดึงตัวเธอกอดหอม
                    “ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันกลัว ฉันอาย รู้สึกผิดด้วยที่ต้องเสียตัวให้คุณ ทั้งที่เราสองคนเพิ่งรู้จักกัน ไม่นาน อย่ามองฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเลย”
                    ธาราเบี่ยงตัวหนี รู้ว่าสายไปแล้วที่จะขัดขืนแต่เธอไม่อยากถลำใจไปกว่านี้
                    “แต่คุณเป็นของผมแล้วนะ” โจซัวยังนัวเนียอยู่ตรงซอกคอนุ่มๆของเธอ
                    “ฉันจะถือว่าทำบุญให้แล้วกัน”
                    เขาผละใบหน้าออกมา มองหล่อนด้วยสายตาพิศวง
                    “ผมไม่คิดว่านี่เป็นฟรีเซ็กส์ ผมจะใช้คำนี้กับผู้หญิงที่ตกลงกันก่อนจะขึ้นเตียงแล้ว แต่คุณไม่ใช่”
                    “ก็รู้ว่าฉันไม่เต็มใจทำไมถึงได้ทำกับได้ลงคอ”
                    “ผมขอโทษ” โจซัวกระซิบข้างหูเธอ “ผมอดใจไม่ไหวจริงๆนี่ คุณเป็นคนสวย น่ารักมากเวลาที่ไม่มีเสื้อผ้าอยู่”
                    “พอได้แล้วฉันไม่อยากฟัง” ธาราสะบัดหน้าหนี น้ำตาไหลอาบแก้ม เสียใจที่พลาดเสียความสาวให้กับผู้ชายที่เธอไม่เคยรักเลย โจซัวยกหลังมือมาเช็ดน้ำตาหญิงสาว ลูบไล้เรือนผมนุ่มสลวย สบตามองด้วยสายตาอ่อนโยน
                    “ผมพูดเล่น อาจจะกระทบใจคุณบ้าง ผมเข้าใจดี แต่อยากให้รู้ผมไม่ได้มองคุณเป็นผู้หญิงข้างทาง นับจากนาทีที่ผมแตะต้องคุณ ผมก็รู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ ผมยินดีที่จะรับผิดชอบตัวคุณ”
                    “ทั้งที่เราสองคนไม่เคยรักกันเลย”
                    “แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่รักกันตลอดไปนี่สายน้ำ ทำไมเราไม่ลองมาคบกันดูเล่า บางทีเราอาจรักกันก็ได้ แต่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงแล้วเรารู้แก่ใจว่าเป็นเช่นไร ผมยินดีให้คุณได้เป็นฝ่ายเลือกว่าจะไปจากผมหรือจะอยู่กับผมต่อจนกว่าเราจะรักกันจริง ผมไม่แบ่งใจให้ใครแน่ เพราะผมไม่ใช่พวกมีรักซ้อน มันไม่ยุติธรรม”
                    ธาราเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม มองเขานิ่งทั้งน้ำตายังคงคลอเบ้า จนกระทั่งเขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ หญิงสาวหลับตาพริ้ม ใจสั่นน้อยๆเมื่อตอนที่ริมฝีปากเขาประกบปากเธอ แล้วเริ่มกดน้ำหนักลงทีละน้อย หล่อนเผยอปากขึ้นเพื่อให้เขาได้ใช้ปลายลิ้นของเขาเข้าไปสะกิดลิ้นเธอ วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนไฟช็อกทั้งร่าง
                    กายหนาอุ่นทาบลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่า ธาราหลับตาแน่น ส่ายหน้าช้าสลับซ้ายขวา บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นสูดปากร้องครางเบาๆ เขาระดมจูบเธอไปทั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ส่วนที่เธอหวงที่สุด
                    “อย่าค่ะ ฉันกลัว” หล่อนผละอกเขาออกห่างอีกครั้ง ก่อนหน้านั้นรู้สึกเจ็บเสียจนไม่กล้าลองอีก โจซัวยิ้มน้อยๆ ก้มลงจูบปากเธอ ให้เธอได้เคลิมเคลิ้มสักพักหนึ่งก่อนเริ่มลงมือตอกย้ำว่าเธอเป็นของเขาอีกครั้ง
                    แวบแรกธารารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่แทรกผ่านเข้ามาเรือนกาย ทั้งเจ็บทั้งจุก พอผ่านมาได้สักพักหล่อนขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาทำเธออย่างนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป หญิงสาวเผลอโน้มคอเขาเข้ามากอดแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน
                    ร่างบางนอนเกร็งเมื่อรู้สึกถึงแรงเสียดสีที่มากขึ้น ส่ายสะโพกร่อนรับลีลารักของเขา เสียงลมหายใจเริ่มหนักหน่วง หัวใจเต้นระรัวราวกลองรบ จากนั้นก็เผลอกรีดร้องออกมาลั่นเมื่อถึงจุดที่เขาและเธอมีความสุขด้วยกัน
                    โจซัวฟุบลงตัวหญิงสาว ยิ้มอย่างผู้มีชัย ชายหนุ่มหอมแก้มผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเขาอีกครั้ง กระซิบข้างหูเหมือนอย่างที่เคยทำ
                    “ผมรับปากแล้วต้องทำตามคำพูด จากนี้เราสองคนจะได้เรียนรู้กันและกันแบบนี้ตลอดไป และจะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา”          

                    อาหารเช้าในเวลาเกือบเที่ยงยังคงตั้งอยู่ตำแหน่งเดิมมากว่าสองชั่วโมง ธารานั่งซึมเศร้าไม่พูดไม่จา หล่อนรู้สึกทั้งอับอาย เจ็บปวดและขยะแขยงตัวเอง
                    “สายน้ำ ทานข้าวบ้าง เดี๋ยวไม่สบาย” โจซัวหั่นไส้กรอกป้อนถึงปาก หญิงสาวเมินหน้าเปื้อนน้ำตาหนี
                    “คุณเป็นผู้ชาย ย่อมไม่มีวันเข้าใจความสูญเสียของผู้หญิงหรอก”
                    โจซัววางช้อนลง รู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้เธอต้องเสียสิ่งที่รักและหวงแหน เขาพอจะรู้ว่าผู้หญิงดีๆ ในไทยอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก ธาราลุกจากเก้าอี้ อยากขออยู่คนเดียวเงียบๆ ตามลำพังโดยไม่มีเขา โจซัวเดินตามเธอมาติด ก่อนที่เธอจะเปิดประตูห้องนอน เขารีบคว้าเอวบางจากด้านหลังด้วยสองมือกำยำ ดึงเธอเข้ามาแนบกาย
                    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้
    !” หล่อนออกคำสั่ง สองมือเรียวยาวพยายามจะแกะมือหนาที่รัดเอวบางเหนียวแน่น ดิ้นรนหนีให้พ้นจากอ้อมกอดที่เธอรังเกียจ
                    “ผมบอกเมื่อคืน แล้วไงว่าผมพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำทุกอย่าง เราจะแต่งงานกัน”
                    “คุณจะแต่งงานกับฉันได้ไง ในเมื่อเราไม่เคยรักกันมาก่อน”
                    “อยู่ด้วยกันไปก็รักกันเอง เชื่อผมสิ”
                    “ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่มีกำหนดเวลา อาจช้าหรือเร็วก็เป็นไปได้ ฉันอาจจะรักคุณพรุ่งนี้วันนี้หรืออาจจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต แล้วแบบนี้ชีวิตแต่งงานของคุณกับฉันจะอยู่กันยืนยาวได้เช่นไร”
                    “ได้สิต้องได้ เราจะรักกันตลอดไป”
                    “ไม่มีทาง ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
                    “ถ้างั้นนะ ผมจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ความสัมพันธ์ของเรา”
                    “ฉันไม่แคร์หรอกนะว่าคุณจะเอาเรื่องของฉันไปบอกใครต่อใคร คุณคิดหรือว่าทำแบบนี้จะเป็นผลดีต่อตัวคุณมีแต่คนจะรังเกียจผู้ชายอย่างคุณมากกว่า  เอาเรื่องในที่ลับของผู้หญิงมาเปิดเผยในที่แจ้ง ไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชายเลย”
                    ธาราต่อว่าชายหนุ่มยาวเหยียด ยิ่งทำแบบนี้เธอยิ่งอยากจะอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด โจซัวคลายมือหลวมเล็กน้อย พอเธอขยับตัวได้ เขาก็หันตัวเธอกลับมา
                    “ผมจะทำให้คุณแต่งงานกับผมให้ได้ ถ้าเพียงคุณท้องกับผมเท่านั้น ทุกอย่างจบ”
                    ธาราเบิกตาโตด้วยความตกใจ “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
                    เขาไม่ฟัง ก้มตัวลงช้อนอุ้มร่างบางขึ้น ธาราดิ้นสู้สุดแรง แต่เพราะเป็นคนตัวเล็กทำอย่างไรก็สู้แรงเขาไม่ได้ ชายหนุ่มเปิดประตูห้องด้วยมือที่ว่างอยู่พาหญิงสาวไปถึงเตียงนอน ซุกไซ้ทั่วซอกคอจนหล่อนเริ่มเคลิ้มตามไม่ขัดขืน บทรักครั้งที่สามของเขาจะทำให้เธอยอมรับการแต่งงานโดยไม่มีข้อแม้หรือไม่จะได้รู้กัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×