กลยุทธ ๒๑ บท ของไทย - กลยุทธ ๒๑ บท ของไทย นิยาย กลยุทธ ๒๑ บท ของไทย : Dek-D.com - Writer

    กลยุทธ ๒๑ บท ของไทย

    ร่วมตีความหมายกลยุทธ๒๑บทโบราณของไทย

    ผู้เข้าชมรวม

    2,038

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.03K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 พ.ค. 50 / 23:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตำราพิชัยสงครามของไทยหรือตำรากลยุทธของไทย ผมเปิดไปเวบไหนๆก็ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นะครับ ส่วนมากเจอแต่พิชัยสงคราม ๑๓ บทของซุนวู 

    กลยุทธ๒๑บทนี้ผมเปิดเจอที่  http://www.taharn.net/toom/49i05.html
     แต่คัดลอกจาก http://www.pjtc.ac.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=222&view=next

    จึงนำมาเผยเเพร่ช่วยกันตีความหมาย เพราะหนึ่งนั้นภาษาที่ใช้เข้าใจยากเย็นเหลือเกิน อาจจะพิมพ์ผิดหรือไม่ก็ไม่แน่ใจถ้าใครมีของที่ถูกตจ้องตามเเบบต้นฉบับมาลิงค์ไว้จะดีมาก

    สอง กลอนและภาษาที่ใช้อ่านดูเเล้วคล้ายภาษาอีสานเก่าๆอยู่หลายส่วน แต่ที่เเท้เเล้วเป็นภาษาอะไรก็ไม่แน่ใจ  

    ถ้ามีผู้รู้เรื่องนี้ดีมาเปิดอ่านก็ช่วยตีความหมายด้วยครับ


    **********************************************************************************
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ตำราพิชัยสงคราม ๒๑ กลยุทธ์ไทย


      . กลฤทธี
      "
      กลศึกอันหนึ่ง ชื่อว่าฤทธีนั้น
      ซั้นทะนงองค์อาจ ผกผาดกล่าวเริงแรง
      สำแดงแก่ข้าแกล้วหาร ชวนทำการสอนสาตร
      อาจเอาบ้านเอาเมือง ชำนาญเนืองณรงค์
      ยงใจผู้ใจคน อาษาเจ้าตนทุกค่ำเช้า
      จงหมั่นเฝ้าอย่าคลา ภักตราชื่นเทียมจันทร์
      ทำโดยธรรม์จงภักดิ์ บันเทิงศักดิจงสูง
      จูงพระยศยิ่งหล้า กลศึกนี้ชื่อว่า ฤทธีฯ"

      . กลสีหจักร
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าสีหจักร ให้บริรักษพวกพล
      ดูกำลังตนกำลังท่าน คิดคเนการแม่นหมาย
      ยกย้ายพลเดียรดาษ พาษไคลคลี่กรรกง
      ต้อรพลลงเป็นทิศ สถิตรช้างม้าอย่าไหว
      ตั้งพระพลาไชยจงสรรพ จงตั้งทับโดยสาตร
      ฝังนพบาทตรีโกณ ให้ฟังโหรอันแม่น
      แกว่นรู้หลักหมีคลาด ให้ผู้องอาจทะลวงฟัน
      ให้ศึกผันแพ้พ่าย ย้ายพลใหญ่ให้ไหว
      ไสพลศึกให้หนี กลศึกอันนี้ชื่อว่า สีหจักรฯ"

      . กลลักษณ์ซ่อนเงื่อน
      "
      กลหนึ่งลักษณส้อนเงื่อน เตือนกำหนดกฎหมายตรา
      แยกปีกกาอยู่สรรพ นับทหารผู้แกล้ว
      แล้วกำหนดจงคง แต่งให้ยงยั่งเย้า
      ลากศึกเข้าในกล แต่งคนแต่งช้างม้า
      เรียงหน้าหลังโจเจ รบโยเยแล้วหนี
      ศึกติดตีตามติด สมความคิดพาดฆ้องไชย
      ยกพลในสองข้าง ยกช้างม้ากระทบ
      ยอหลังรบสองข้าง จึ่งบ่ายช้างอันหนี
      คระวีอาวุทธโห่ร้อง สำทับก้องสำคัญ
      ยืนยันรบทั้งสี่ คลี่พลออกโดยสั่ง
      สัตรูตั้งพังฉิบหาย อุบายศึกนี้
      ชื่อว่าลักษณซ่อนเงื่อนฯ"

      . กลเถื่อนกำบัง
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าเถื่อนกำบัง รั้งรบพลตนน้อย
      ชัดคนคล้อยแฝงป่า แต่งพลหล้าแล่นวง
      ทั้งกงนอกกงใน ไว้ช้างม้าให้แฝง
      แทงให้ร้องทรหึง มี่อึงฆ้องกลองไชย
      ไว้ให้เสียงสำทับ ปืนไฟกับธนู
      น่าไม้กรูกันมา ดาบถะลวงฟันดาหน้า
      ประดังช้างม้าเรี่ยชายไพร ลูกหาบในป่าโห่
      เกราะเสโลห์นี่นั่น ให้ศึกงันร่าถอย
      ครั้นศึกคล้อยเหนผู้ห้าว กลเสือคราวครึมป่า
      แล้วออกล่าเเล่นฉาว ทำสำหาวซ่อนเล็บ
      เกบแต่เตียนกินรก ลอบฉวยฉกเอาจงเนือง
      ให้ศึกเคืองใจหมอง คลองยุบนดังนี้
      ชื่อว่าเถื่อนกำบังฯ"

      . กลพังภูผา
      "
      กลนี้ชื่อพังภูผา แม้ศึกมาปะทะ
      อย่าเพ่อระเริงแรง สำแดงดุจเหนน้อย
      ชักคล้อยแฝงป่าเข้า ศึกเหนเราดูถูก
      ผูกช้างม้าออกไล่ ยอพลใหญ่กระทบ
      ผิรบเข้าบอไหว ให้ช้างม้าโรมรุม
      กลุ้มกันหักอย่าคลา อย่าช้าเร่งรุมตี
      ศึกแล่นหนีตามต่อย ให้ยับย่อยพรายพรัด
      ตัดเอาหัวโห่เล่น เต้นเริงรำสำแดงหาร
      ให้ศึกคร้านคร้ามกลัว ระรั้วระเสิดสัง
      กลศึกอันนี้ ชื่อว่าพังภูผาฯ"

      . กลม้ากินสวน
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าม้ากินสวน ให้หาผู้ควนหารห้าว
      ลาดเอาเย่าเอาเรือน บ้านถิ่นเถื่อนอยู่ใกล้
      จับกุมได้เอามา นานาเลศเทศกาล
      ปันพนักงานจงขาด ปรนไปลาดเนืองเนือง
      ให้ศึกเคืองใจแค้น แม้นจะอยู่บมีสุข
      บุกขับกับทุกเดือน เตือนใจตื่นไปมา
      กลขับปลาให้ห้อม ด้อมดักสักสุ่มเอา
      ให้ศึกเหงาใจถอย ค่อยเก็บนอกเข้ามา
      ให้ระอาใจอ่อน ผ่อนผู้คนให้หนี
      กลอนกล่าวกลศึกนี้ ชื่อว่าม้ากินสวนฯ"

      . กลพวนเรือโยง
      "
      กลศึกอันหนึ่ง ชื่อว่าพวนเรือโยง
      ประดุจผะโองปืนตาล ทำจงหวานแช่มชื่น
      ผูกเปนมิตรไมตรี สิ่งใดดียกให้
      ละไลต่ออย่าเสีย แต่งลูกเมียให้สนิจ
      ติดต่อตั้งยังกล ยุบลช้างเถื่อนตามทั้งโขลง
      โยงเบ็ดราวคร่าวเหยื่อกาม ค่อยลากก้ามเอามา
      ด้วยปัญญาพิสดาร กลการศึกอันนี้
      ชื่อว่าพวนเรือโยงฯ"

      . กลโพงน้ำบ่อ
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าโพงน้ำบ่อ คิดติดต่อข้าศึก
      ฝ่ายเขานึกดูแคลน ใครรุกแดนรุกด้าว
      เลียบเลียมกล่าวข่มเหง ชระเลงดูหมิ่นเรา
      โอนเอนเอาอย่าขวาง ข้างเราทำดุจน้อย
      ค่อยเจรจาพาที ลับคดีชอบไว้
      อ่อนคือใครตามใจ น้ำไหลลู่หลั่งหลาม
      พูดงามก้านกิ่งใบ อัทยาไศรถ่อมถด
      อดคำกล่าวท่าวเอา ครั้นว่าเขาดูหมิ่น
      ผินฟังพลดูแคลน แดนพังพลดูถูก
      ประดุจลูกหลายตน ครั้นสปสกลไซ้
      จึ่งยกได้เขาคืน เราลุกยืนผูกเอา
      ได้เขาทำสง่าเงย เตยหน้าตาโอ่โถง
      ดุจหนึ่งโพงได้น้ำ คำคิดติดต่อ
      ชื่อว่าโพงน้ำบ่อฯ"

      . กลล่อช้างป่า
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าฬ่อช้างป่า ผี้ศึกมาคะคึก
      ศึกครั้นหนีครั้นไล่ บค่อยไต่ค่อยตาม
      ลามปามแล่นไล่มา ให้แทงหาขุมขวาก
      พากยที่เหวที่ตม แต่งให้ล้มหลุมขุม
      ซุ่มซ่อนตนสองปราด แต่งให้ลาดเบื้องน่า
      คอยอยู่ท่าที่ดี ถ้าไพรีเหนได้
      ศึกเหนใคร่ใจคด ค่อยถอยถดฝ่ายเรา
      ฝ่ายเขาขามบไล่ ฝ่ายเราไปล่รี้พล
      ไว้เปนกลหลายถาน ปันการตามน่าหลัง
      ระวังยอหลายแห่ง สบที่แต่งเนืองเนือง
      พลเขาเปลืองด้วยกล ยุบลฬ่อช้างเถื่อน
      แล้วแต่งเตือนน่าหลัง ทั้งไปน่าก็บได้
      ถอยหลังไปก็บรอด ทอดตนตายกลางช่อง
      คลองยุบลดังนี้ ชื่อว่าฬ่อช้างป่าฯ"

      ๑๐. กลฟ้างำดิน
      "
      กลศึกอันหนึ่ง ชื่อว่าฟ้างำดิน
      หมั่นสำเนียกพลพฤนทรามตย์ ให้ใจอาจใจหาญ
      ชำนาญช้างม้ากล้าณรงค์ หมั้นคงชี้ฉับเฉียว
      เหลือบเหลียวน่าซ้ายขวา ไปมาผับฉับไว
      ใช้สอยยอดยวดยง จงชำนาญแล่นแอ่นไว
      ปืนไฟน่าไม้พิศม์ สนิทธนูดาบดั้งแพน
      แสนเสโลหโตมร กรไว้พุ่งเชี่ยวชาญ
      ชำนาญศิลป์ทั้งปวง ถลวงฟันรันรุม
      ชุมพลสิบพลร้อย อย่าให้คล้อยคลายกัน
      ทั่วพลพันพลหมื่น หื่นพลแสนพลล้าน
      จรเดียวดาลเด็ดมา แปรงาช้างบ่ายตาม
      ฟังความตามบังคับ กับเสบียงเรียงถุง
      ประดุงไพร่พลช้างม้า กลศึกอันนี้ว่า
      ชื่อฟ้างำดินฯ"

      ๑๑. กลอินทร์พิมาน
      "
      กลหนึ่งชื่อว่า อินทพิมาน
      ให้อาจารยผู้รู้ เทพยาครูฝังนพบาท
      แต่งสีหนาทข่มนาม ตามโบราณผู้แม่น
      อันชาญแกวนเหนประโยชน์ บรรเทาโทษโดยสาตร
      ยุรยาตรโดยอรรถ ให้ประหยัดซึ่งโทษ
      อย่าขึ้งโกรธอหังกา มนตราคมสิทธิ์ศักดิ์
      พำนักน์ในโบราณ บูรพาจารยพิไชย
      โอบเอาใจพลหมู่ ให้ดูสกุณนิมิตร
      พิศโดยญาณุประเทศ พิเศศราชภักดี
      ศรีสุริยศักดิ์มหิมา แก่ผู้อาษานรนารถ
      เทพาสาธุการ โดยตำนานดั่งนี้
      ชื่อว่าอินทพิมานฯ"


      ๑๒. กลผลาญศัตรู
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าผลานศัตรู ข้าศึกดูองอาจ
      บพลาดราษฎรกระทำ นำพลพยัคฆะปะเมือง
      พลนองเนืองแสนเต้า แจกเล่าเข้าเชาเรา
      เอาอาวุธจงมาก ลากปืนพิศม์พาดไว้
      ขึ้นน่าไม้ธนู กรูปืนไฟจุกช่อง
      สองจงแม่นอย่าคลา ชักสารพาบันทุก
      อย่าอุกลุกคอยฟัง อย่าประนังตนเด็ด
      เล็ดเล็งดูที่หมั้น กันที่พลจงคง
      คนหนึ่งจงอย่าฉุก ปลุกใจคนให้หื่น
      ให้ชื่นในสงคราม ฟังความสั่งสำคัญ
      ฆ้องกลองพรรณแตรสังข์ ประนังโรมรันรุม
      เอาจุมพลดาศึก พิฦกคะเปนนาย
      ครั้นถูกกระจายพ่ายพัง พลเสริดสั่งฤาอยู่
      บ่เปนหมู่เปนการ โดยสารโสลกดั่งนี้
      ชื่อว่า ผลานศัตรูฯ"

      ๑๓. กลชูพิษแสลง
      "
      กลหนึ่งว่าชูพิศม์แสลง ข้าศึกแรงเรืองฤทธิ์
      คิดไฝ่ไภยเอาเรา เคยเขามากมาก
      ภากย์ที่แคบที่คับ สลับรี้พลช้างม้า
      เคยคลาปล้นรุกราม ผลานฬ่อลวงบ้านเมือง
      เนืองเนืองมาเพื่อนตน ให้ใส่กลปราไศรย
      ฝากของไปฝากรักษ์ ลักลอบให้เงินทอง
      รังวันปองขุนใหญ่ หัวเมืองไพร่ข้าศึก
      ให้ตฤกจงลับแล้ง แข่งอุบายเลห์คิด
      ไปมาสนิทเปนกล ให้เขาฉงนสนเท่ห์
      เพราะเปนเล่ห์ภายใน บไว้ใจแก่กัน
      ผันใจออกกินแหนง แยงให้ผิดด้วยกัน
      ชูพิศม์ผรรแปรพิศม์ ให้ผิดกันเองโจกเจก
      บเป็นเอกใจเดียว บเปนเกี่ยวเปนการ
      เพราะพิศม์ผลานศัตรู กลศึกอันนี้
      ชื่อว่าชูพิศม์แสลงฯ"

      ๑๔. กลแข็งให้อ่อน
      "
      กลหนึ่งแขงให้อ่อน ผ่อนเมื่อศัตรูยก
      ให้ดูบกดูน้ำ ซ้ำดูเข้ายาพิศม์
      พินิตพิศม์จงแหลก ตัดไม้แบกเบื่อเมา
      เอาไปทอดในน้ำ ทัพซ้ำหนามขวาก
      แต่งจงมากท่าทาง วางจาวห้าวแหลมเล่ห์
      บ่อดานทางเข่าที่ขัน กันหลายแห่งที่คับ
      แต่งสนับไว้จ่อไฟ ไล่เผาคลอกป่าแขม
      แนมขวากแนมห่วงน้ำค่าม ตามเผาป่าแทบทัพ
      ยับไม้เผาเปนถ่าน หว่านไฟไว้รายเรียง
      รอเผาเสบียงจงสิ้น อย่าให้กินเปนอาหาร
      แต่งคนชาญหลอกทัพ ให้เสียหับเสียหาย
      ทำลายคาบเนืองเนือง เปลืองเสบียงเปล่าเฉาแรง
      กลเชื้อแขงให้อ่อนฯ"

      ๑๕. กลยอนภูเขา
      "
      กลหนึ่งยอยภูเขา ข้าศึกเนาประชิะ
      ให้ริะดูช่องชอบ ที่จะขอบจะขัง
      แต่งระวังยักย้าย ฝ่ายพลเขาเอาเสบียง
      เรียงงานในเมืองเรา เอาใจไพร่ใจพล
      คนอยู่ประจำการ พนักงานใครใครรบ
      แต่งบรรจบพลแล่น ให้ทำแกว่นชวนกัน
      แต่งถลวงฟันบุกทัพ คอยฟังศัปทสำคัญ
      หาที่ยันที่อ้าง เอาม้าช้างเป็นดิน
      ปืนคูหักค่ายเข้า รบรุกเร้ารุมแทง
      อย่าคลายแคลงพรายพรัด ตัดให้ม้วยด้วยกัน
      ให้สำคัญจงแม่น แล่นช้างม้าวางขวาก
      เขาตามยากเอาเรา เท่าทิศที่ตนหมาย
      ฆ่าให้ตายกลากลาด ต้องบาดเจ็บป่วยการ
      ศัตรูดาลระทด ขดด้วยเสียงปืนไฟ
      ในเมืองเร่งโห่ร้อง ให้มี่ก้องนิรนาท
      มีปี่พาทย์เสียงสรวญใน ชมชื่นใจขับรำ
      ซ้ำทนงองอาจ ปืนไฟพาดประนัง
      กลชื่อพังภูเขาฯ"

      ๑๖. กลเย้าให้ผอม
      "
      กลหนึ่งเย้าให้ผอมนั้น บั้นเมื่อให้เธอลีลา
      พาธาอธิราช ให้พินาศศัตรู
      หมั่นตรวจดูกำลัง ช้างม้าทั้งรี้พล
      ปรนกันเปลี่ยนไปลาด ผาดจู่เอาแต่ได้
      หนังสือไว้หมายหมก ว่าจะยกพลหลวง
      ลวงใส่กลเป็นเขตร ดูในเทศการ
      ให้ป่วยงานทำนา แสงตรวจตราพลแกล้ว
      แล้วคลายพลเราเสีย เยียกลเมฆมืดฝน
      ฝนไป่ตกตรนกอางขนาง ให้แผ้วถางแส้งทำ
      คคึกคำแรงรณ ครั้นหลงกลกลยกเล่า
      ลากพลเข้าเนืองเนือง แยงให้เปลืองไปมา
      ดุจกลกาลักไข่ จะไล่ก็ไล่มิทัน
      วันคืนปีป่วยการ ข้าศึกต้านยืนอยาก
      ให้ข้าวยากหมากแพง สิ่งเปนแรงให้แรงถอย
      ร่อยรอนไข้ใจหิว ตีนมือปลิวพลัดพราย
      ไพร่หนีนายนายเปลี่ยว บเป็นเรี่ยวเปนแรง
      ใครใครแขงมิได้ ใครใครไม่มีลาภ
      ถ้ารูปงามเสาวภาพย์ก็จะเศร้า กลอุบายนี้เล่า
      ชื่อว่าเย้าให้ผอมฯ"

      ๑๗. กลจอมปราสาท
      "
      กลหนึ่งชื่อจอมปราสาท องอาจมุ่งมาทดู
      คูหอคอยเวียงวัง ตั้งไชยภุมจงผับ
      รู้ตั้งทัพพระพลาไชย อย่าได้ไหวได้หวั่น
      หมั่นดูฉบับธรรมเนียม เตรียมปูนปันเป็นกอง
      น่าหลังสองตราบข้าง รอบไว้ช้างม้ารถ
      ห้วยธารคชโยธา ให้รักษาจงรอบ
      ทุกคันขอบนอกใน อย่าได้ไหวปั่นป่วน
      อย่าได้ด่วนคอยฟัง คอยดูหลังดูน่า
      จัดช้างม้ารี้พล ปรนกันกินกันนอน
      อย่ายอหย่อนอุส่าห์ ให้หมั่นว่าหมั่นตรวจตรา
      ทังกระลากระแลงแกง อย่าได้แฝงนายไพร่
      ไภยรักษาจงมาก อย่าให้ยากใจพล
      อย่าทำกลดุจเสือ บกเรือจงชำนาญ
      ชาญทั้งที่โดยกระบวน คิดควรรู้จงผับ
      นับหน้าดูผู้อาษา หาคนดีเป็นเพื่อน
      อย่าเลื่อนถ้อยให้เสียคำ ทำอันใดทำโดยสาตร์
      ตามฉบับราชโบราณ กระทำการให้รอมชอม
      กลศึกนี้ชื่อว่าจอมปราสาทฯ"

      ๑๘. กลราชปัญญา
      "
      กลหนึ่งชื่อว่าราชปัญญา พร้อมเสนาทั้งสองข้าง
      ช้างม้ารถเสมอกัน หานักธรรม์ผู้ฉลาด
      อาจใส่กลไปปลอม ด้อมดูที่ดูทาง
      วางต้นหนคนใช้ ไว้กังวลแก่เขา
      เอาสิ่นให้หฤหรรษ์ ให้คิดผันใจออก
      ทั้งภายนอกภายใน หวั่นไหวใจไปมา
      แต่งโยธาหัดกัน หลายหมู่พรรค์หลายกอง
      จองนายหนึ่งไพร่สี่ ทวีนายหนึ่งไพร่หก
      ยกนายหนึ่งไพร่เก้า เคล้านายห้าจองพล
      ซ้ายขวาคลน่าหลัง ทั้งอาวุธท่าทาง
      ถอยพึงกางกันรบ ทบท่าวอย่าหนีกัน
      คอยยืนยันรบพลาง ไส่ยาวางเรียเด็ก
      นายไพร่เล็ดลอดตาม ให้ฟังความสั่งสำคัญ
      ฆ้องกลองพรรณธงไชย กดให้ไล่ให้หนี
      ลีลาลาดศึกเข้า ในพลเคล้าเปนกล
      สองกองพลซ้ายขวา ดูมรรคาชอบกล
      เอาพลตั้งสองข้าง กองกลางง้างพลถอย
      ศึกตามลอยแล่นไล่ ครั้นศึกไปล่ออกข้าง
      คอยดูช้างดูม้า ดูทวยคลารี้พล
      สบสกลโดยสำคัญ จึ่งกระทบกันเข้ารบ
      สบสำเนียกเสียกสา อย่าให้คลาให้คลาด
      ผาดเอาคงเอาวัน หยิบเอาพลันจงได้
      ไว้กำหนดนายกอง ช่องปองปูนจงสรับ
      นับอ่านเร่งตรวจตรา กลศึกอันนี้ชื่อว่า
      กลราชปัญญาฯ"

      ๑๙. กลฟ้าสนั่นเสียง
      "
      กลชื่อฟ้าสนั่นเสียง เรียงพลพยุหกำหนด
      กดประกาศถึงตาย หมายให้รู้ถ้วนตน
      ปรนปันงานณรงค์ ยวดยงกล่าวองอาจ
      ผาดกำหนดกดตรา ยามล่าอย่าลืมตน
      ทำยุบลสีหนาท ดุจฟ้าฟาดแสงสาย
      สำแดงการรุกรัน ปล้นปลอมเอาชิงช่อง
      ลวงเอาบุรีราชเสมา ตรารางวันเงินทอง
      ปองผ้าผ่อนแพรพรรณ์ ยศอนันต์ผายผูก
      ไว้ชั่วลูกชั่วหลาน การช้างม้าพลหาญ
      ใช้ชำนาญการรบ สบได้แก้จงรอดราศฏร์
      ดุจฟ้าฟาดเผาพลาญ แต่งทหารรั้งรายเรียง
      เสียงคะเครงคะคฤ้าน ทังพื้นป่าคะครัน
      สนั่นฆ้องกลองไชย สรในสรัพแตรสังข์
      กระดึงดังฉานฉ่า ง่อนงาช้างรายเรียง
      เสียงบันฦาคร้านครั่น กล่าวกลศึกนั้น
      ชื่อฟ้าสนั่นเสียงฯ"

      ๒๐. กลเรียงหลักยืน
      "
      กลศึกชื่อเรียงหลักยืน ให้ชมชื่นรุกราน
      ผลาญให้ครอบทั่วพัน ผันเอาใจให้ชื่น
      หื่นสร้างไร่สร้างนา หาปลาล่วงแดนต่าง
      โพนเลื่อนช้างล่วงแดนเขา เอาเปนพี่เปนน้อง
      พร้องตั้งค่ายตั้งเวียง บ้านถิ่นเรียงรายหมั้น
      เร่งกระชั้นเข้าเรียงราย เกราะเอานายเอาไพร่
      ไว่ใจไกยใจถึง ระวังพึงใจให้
      ใส่ไคล้เอาเปนเพื่อน ใครแขงกล่นเกลือนเสีย
      ให้เมียผูกรัดรึง ให้เปนจึ่งม่ามสาย
      รายรอบเอาจงหมั้น จงเอาชั้นเปนกล
      กลให้เขาลอบล้น ปล้นบ้านถิ่นเถื่อนไปมา
      ระวาเพศแทบเวียง กลศึกอันนี้ชื่อว่าเรียงหลักยืนฯ"

      ๒๑. กลปืนพระราม
      "
      กลชื่อว่าปืนพระราม ว่าอย่ามีความโกรธขึ้ง
      ทรอึง ใจหนักฦก สำแดงศึกใหญ่มา
      พาธาจงคอยฟัง ให้ระวังถอยแกล้ง
      แม่นอย่าแอ่วแวนไว้ ได้แล้วกลับคืนรอด
      ริรอบปลอดมีไชย หวั่นไหวใจศัตรู
      ดูสนั่นใจเศร้า ให้พระยศเจ้ารุ่งเรือง
      เลื่องฦาเดชหาญห้าว ทุกทั่วท้าวเกรงขาม
      ชื่อปืนพระรามสำเรทธิ์ ญี่สิบเบ็ดกลณรงค์
      ด้วยประสงค์ดั่งนี้"

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×