The nightmare is back - The nightmare is back นิยาย The nightmare is back : Dek-D.com - Writer

    The nightmare is back

    หลังจากที่หนีออกมาจากโรงพยาบาล เมานท์ แมซซีฟ ไมลส์ อัพเชอร์ นักข่าวอิสระได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ แต่เมื่อเขาได้พบกับเวย์ลอน พาร์ค เหตุการณ์ต่างๆกำลังจะพาพวกเขาไปหาฝันร้ายอีกครั้ง

    ผู้เข้าชมรวม

    431

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    431

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  ผจญภัย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 มี.ค. 58 / 21:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    The nightmare is back - Chapter 1

                วิ่งหนี...

                    หลบซ่อน...

                    เอาชีวิตรอด...

                    อดีตผู้สื่อข่าว ไมลส์ อัพเชอร์ สะดุ้งตื่นขึ้น กรีดร้องราวกับว่าตนเองได้หวนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

                    มันเป็นเวลาในช่วงนั้น...ฝันร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา เขาไม่สามารถตอบโต้มันได้เลย เพราะมันอยู่ในร่างกายของเขา และมันจะไม่มีวันจากเขาไปไหน ไม่ว่าจะเป็นวอลไรเดอร์...หรือความทรงจำ

                    ในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2013 เมื่อเขาได้รับอีเมลที่ทำลายชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต เขาไม่ตำหนิหรือนึกเกลียดชังคนที่ส่งอีเมลนั่นมา เขาเกือบจะทำอย่างนั้นแล้ว...ก่อนที่ฝันร้ายที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น

                    แต่อย่างน้อย ภารกิจของเขา...ภารกิจนั่น...สำเร็จลุล่วงไปได้ คนที่ส่งอีเมลมาให้เขาได้บันทึกเหตุการณ์ความน่ากลัวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลจิตเวช เมานท์ แมซซีฟ เมิร์คออฟได้ถูกทำลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังทิ้งไว้ในความทรงจำ

                    พูดถึงอดีตวิศวกรซอฟต์แวร์คนนั้น ไมลส์ได้หาเขาเจอในที่สุด เขาชื่อเวย์ลอน พาร์ค เขาออกจากเมานท์ แมซซีฟไปได้ และทิ้งปัญหาหลายอย่างไว้ให้ไมลส์ตั้งแต่ตอนที่พาร์คขับรถของไมลส์ไป ไมลส์สามารถหาทางกลับมาที่เมืองและได้เจอผู้คนอีกครั้ง มันไม่ง่ายเลยที่จะเดินทั้งๆที่ขาหักและมีกลุ่มนาโนเทคโนโลยีที่ผิดพลาดอยู่ในตัวเขา รัฐบาลของสหรัฐมีอะไรบางอย่างสำหรับเขาและเวย์ลอน แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

                    การเป็นพาหะของวอลไรเดอร์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และมันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ มันคือเศษเสี้ยวของฝันร้ายที่ยังคงอยู่ในตัวเขา เขาเป็นผู้ควบคุมมัน แต่บางครั้ง "ผี" ตนนี้ก็ควบคุมตัวมันเอง แต่มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับมัน ตั่งแต่เขาก้าวออกจากโรงพยาบาลจิตเวช เมานท์ แมซซีฟ วอลไรเดอร์ก็ไม่ได้ฆ่าใครอีกเลย อันที่จริงมันดูเหมือนผู้พิทักษ์มากกว่านักฆ่าซะอีก ใครก็ตามที่เข้ามาทำร้ายอัพเชอร์ต้องถูกลงโทษ การฆ่าไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด แต่เขาไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากนี้ได้ และมันเป็นแค่กรณีฉุกเฉิน เหมือนตอนที่พวกทหารรับจ้างยิงเขา หรือตอนที่เจเรมี แบลร์เข้ามาแทงพาร์ค

                    ดูเหมือนความเคลียดชังของเขาส่วนใหญ่จะไปลงที่เมิร์คออฟ ทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทเฮงซวยนั้นกำลังจะล่มสลาย หรืออย่างน้อยก็สัก 90% นั่นแหละ สิ่งเลวร้ายบางสิ่งยังคงเล็ดลอดออกมาได้

                    ความชั่วร้ายถูกเปิดโปง และรัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้น พวกเขาจับตามองไมลส์กับเวย์ลอนอยู่ แต่พวกรัฐบาลไม่โง่พอที่จะยุ่งกับพวกเขา เพราะการกระทำเช่นนั้นเท่ากับการเข้ามายุ่งกับวอลไรเดอร์

                    อัพเชอร์เข้าไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายจิตใจ ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วในตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว และจะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างเดิมอีก เขาเป็นผู้ควบคุมมัน แต่เขาจะไม่มีวันเป็นอิสระอีกเลย และเขารู้เรื่องนั้นดี หลังจากแต่งตัว ไมลส์ก้มหน้าลงมองมือทั้งสองข้างของเขา ตอนนี้เขามีนิ้วปลอม 2 นิ้วงอกออกมาแทนนิ้วจริงของเขาที่ถูกตัดไป เพราะนายแพทย์ริชาร์ด เทรเกอร์

                    ไมลส์เดินออกจากบ้านพร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บอกพาร์คว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาเพยแพร่วิดีโอ

                    "อรุณสวัสดิ์ มิสเตอร์อัพเชอร์ คุณพร้อมรึยัง?"

                    "ครับ ผมพร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ" หลังจากที่หนีออกจากโรงพยาบาลจิตเวช ไมลส์ดูสุขุมเยือกเย็นขึ้น และค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว แต่...ก็นะ ประสบการณ์แบบนั้นคงทำให้คนที่พบเจอรู้สึกแย่แบบนี้แหละ

                    พวกเขาเข้าไปในรถสีดำที่จอดรอพวกเขา ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็ถึงที่หมายในที่สุด สำนักงานรัฐบาลที่มีกล้องวงจรปิด 4 ตัวติดอยู่ที่มุมของอาคาร เมื่อพวกเขาเข้ามาในอาคาร มีชายคนหนึ่งและพนักงาน 2 คนนั่งรออยู่ พวกเขาลุกขึ้นเมื่อไมลส์และชายคนนั้นเดินเข้ามา

                    "มิสเตอร์พาร์ค นี่คือไมลส์ อัพเชอร์ มิสเตอร์อัพเชอร์ นี่คือเวย์ลอน พาร์ค" พนักงานคนหนึ่งแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน พวกเขายืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน ต่างคนต่างจ้องมองอีกฝ่าย

                    "น่ายินดีจริงๆที่ได้พบคุณ มิสเตอร์พาร์ค" ไมลส์ยิ้มอย่างเป็นมิตร และยื่นมือออกไปหาพาร์ค

                    พาร์ครับมือของอัพเชอร์มาเขย่า และยิ้มตอบ "เรียกผมว่าเวย์ลอนก็ได้นะ" พาร์คมีท่าทีกังวล ทำให้ไมลส์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "มิสเตอร์อัพเชอร์ ผมต้องขอโทษจริงๆ สำหรับเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่ทำให้คุณต้องไป...ผมรู้สึกยินดีจริงๆที่คุณผ่านมันมาได้ และได้โปรด อย่าเกลียดผมเลย แต่ผมก็ตำหนิคุณถ้าคุณจะเกลียดผม..."

                    "ไมลส์..." ไมลส์ตอบ แล้วนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย "ผมไม่เกลียดคุณหรอก เวย์ลอน ผมค่อนข้างจะแน่ใจว่าคุณส่งอีเมลมาให้ผมก่อนที่...คุณก็น่าจะรู้นะ"

                    "เอาละ ท่านสุภาพบุรุษ คุณคงจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนานเลยทีเดียว พวกเราขอตัวก่อน แล้วเจอกันในอีกสักพักหนึ่ง" เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนออกจากห้องไป แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแอบฟังอยู่

                    "ตามความจริง...ผมส่งอีเมลนั่นไปแค่สองชั่วโมงก่อนที่จะเกิดหายนะขึ้น ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่วอลไรเดอร์เป็นอิสระ และทุกอย่างก็เลวร้ายราวกับห่าลง เจ้านายของผม เขาจับผมและทำให้ผมเป็น "ผู้ป่วย" และพอผมตื่นขึ้นมาหลังจากถูกบำบัดทางจิต ทุกๆอย่างก็เปื้อนไปด้วยเลือด หลังจากที่หนีมนุษย์กินคน เกือบจะเสียจุดยุทธศาสตร์ของผม และได้เห็นไอ้หัวหน้าเฮงซวยของผมตายต่อหน้าต่อตา ผมก็หนีออกมาได้ในที่สุด"

                    "ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผมจะไม่ถามเรื่องจุดยุทธศาสตร์นั่น...เดี๋ยวนะ! คนที่แทงคุณเขาเป็นเจ้านายคุณงั้นเหรอ?"

                    "ใช่...เขาพยายามฆ่าผมมาตั้งสองหน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเมิร์คออฟ แต่...คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาแทงผม?"

                    "ผม...ผมฆ่าเขา ผมอยากแน่ใจว่าคุณจะรอดชีวิตออกไปเปิดโปงความจริงได้..."

                    "อะไรนะ!? แต่ไม่ใช่วอลไรเดอร์เหรอที่ฆ่าเจเรมีน่ะ งั้นก็หมายความว่า...คุณเป็นพาหะของมันแล้ว"

                    ไมลส์พยักหน้าช้าๆ

                    "กะ...เกิดอะไรขึ้นกับบิลลี่ โฮปล่ะ?"

                    "เวอร์นิคบอกผมว่าถ้าผมปิดเครื่องช่วยชีวิตของเขา ทุกอย่างก็จะจบ ผมมันโง่พอที่จะไปที่นั่นและทำตามที่เขาบอก แทนที่จะกลับไปที่ลิฟต์ ขาผมหักและผมก็เป็นพาหะของมัน ต้องบอกเลยนะว่า ถ้าไม่มีมัน ผมคงตายไปนานแล้วละ คุณไม่ต้องกลัวหรอก ผมควบคุมมันได้"

                    "ร่างดำๆที่ผมเห็นที่ทางออก นั่นก็เป็นคุณ ใช่ไหม? คุณช่วยให้ผมรอดชีวิตมาได้"

                    "ใครสักคนต้องทำอย่างนั้น เมิร์คออฟต้องปิดตัวลง และคุณเป็นคนเดียวที่จะทำอย่างนั้นได้"

                    ทั้งคู่เงียบไปครู่ใหญ่หลังจากนั้น แต่แล้วเวย์ลอนก็พูดขึ้น

                    "แล้วคุณล่ะ คุณเจออะไรบ้างในโรงพยาบาลบ้านั่น ผมยังฝันร้ายอยู่เลย"

                    "ช่าย...ผมก็เหมือนกัน ผมเหรอ? ผมต้องหนีสิตว์ประหลาดพุงบวมเป่งที่สะสมหัวคนเป็นคอลเลกชั่น "หมอ" ติสแตกที่ทำให้ผมเสียนิ้วไป แต่ผมก็รอดชีวิตมาได้ ช่างเป็นวันที่สุขสันต์หรรษาซะจริง คุณคิดว่างั้นไหมล่ะ"

                    "อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับคนโรคจิตล่ะนะ" ทั้งคู่หัวเราะ "เฮ้อ...โชคดีจริงๆที่หมอนั่นตายก่อนที่จะแขวนคอผมสำเร็จ ช่าย...ช่างเป็นวันที่เจ๋งสุดยอดเลยละ"

                    หลังจากที่คุยเกี่ยวกับโรงพยาบาลและอื่นๆ เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนก็เข้ามาอีกครั้ง "เป็นการสนธนาที่ดีสินะครับ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และยิ้มให้ "ดีครับ ตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าพวกคุณคงสงสัยว่าพวกคุณจะมาทำอะไรที่นี่ รับเอกสารนี้ไปอ่าน เดี๋ยวคุณคงจะเข้าใจเอง ผมหวังว่านะ" เขาวางเอกสารไว้บนโต๊ะตรงหน้าคนทั้งสอง พวกเขามองด้วยความฉงนสงสัย แล้วเปิดมัน...

     

    To be continue

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×