ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คนดูไพ่และนักพยากรณ์ลูกแก้ว
ตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่ค่อนไปทางทิศเหนือนับจากใจกลางเมือง ไม่ไกลจากแหล่งค้าขายมากนัก ทว่าก็สงบวิเวกด้วยแนวรั้วสีขาวซึ่งกั้นบอกอาณาเขตเป็นแนวยาวกินลึกเข้าไปจนเกือบจรดชายป่า เฉพาะเมื่อมีเทศกาลสำคัญเท่านั้นหรอกที่รั้วนั้นจะถูกเปิดออก ปลายสุดใกล้บานประตูใหญ่นั้นเขาทำเป็นเวทีไม้ยกสูงขึ้น เบื้องล่างซึ่งเป็นลานกว้างนั้นบัดนี้คลาคล่ำไปด้วยฝูงชนแน่นขนัด เบียดเสียดกันยิ่งนักจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้สัญจร โชคดีที่เชอางค์เป็นเด็กจึงอาศัยขนาดตัวที่เล็กกว่ามุดเข้าลอดออกสามารถเบียดมาประชิดขอบเวที และจัดแจงหาที่นั่งให้ตนได้บริเวณหลืบเล็กๆระหว่างตัวยกพื้นและบันไดได้สำเร็จ
"ทันเวลาพอดีเลยนะ เจ้าหมาน้อย"
เด็กหญิงกระซิบเสียงปนหอบกับเจ้าจิ้งจอกขนสีทองฟูในอ้อมแขน ใบหน้าใสนั้นแดงจัดและมีเหงื่อซึมชื้นไปทั่ว ทว่าดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นกลับเบิกกว้างอย่างตื่นตาตื่นใจ จ้องแทบไม่กระพริบเมื่อเห็นคนใส่หมวกทรงสูงในชุดเสื้อคลุมอลังการก้าวขึ้นมายังเวทีเพื่ออ่านประกาศแก่ฝูงชน แนะนำตัวว่าตนเป็นพิธีกรผู้ดำเนินการ เขาเอ่ยอะไรออกมาอีกครู่ใหญ่ล้วนเป็นศัพท์ชั้นสูงและภาษาทางการซึ่งเด็กหญิงขายฮวารตีอย่างเชอางค์ย่อมไม่เข้าใจ อธิบายกติกาและรายละเอียดของการแข่งขัน จากนั้นพระราชาพร้อมองค์รักษ์คนสนิทจึงได้เสด็จลงมาจากแท่นประทับ กล่าวเปิดงานตามธรรมเนียม เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงเป็นอันเริ่มการประลอง พิธีกรกล่าวเชิญขุนนางเดลฟีคนปัจจุบันและผู้ท้าชิงขึ้นแท่นประรำ
"นั่นหรือ ท่านหญิงเมธโทร คาลินจ์ สวยจังเลย" เชอางค์อุทานเบาๆด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมไหมสีขาวบริสุทธิ์เคลื่อนกายเข้ามายังสนามประลองด้วยท่าทีไหลลื่นราวกับมิใช่คนพิการ แผ่นหลังของเธอตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพองาม ผมสีทองสว่างถูกม้วนเป็นมวยปักประดับไว้ด้วยปิ่นเพชรราคาแพง กระทั่งประกายในนัยน์ตาคู่สีมรกตนั้นก็มิได้เป็นแววตาตื่นกลัวของนางกวางอีกต่อไป ทว่าเป็นสายตาของนกฟ้าผู้โผบินอยู่เหนือทุกสรรพชีวิต
อา..นี่ใช่เมธโทร คาลินจ์ หญิงนักทำนายขาพิการคนนั้นแน่หรือ ไม่หรอก นี่มิใช่คนดูไพ่ต่ำต้อยอีกต่อไป ทว่าเป็นท่านหญิงเมธโทร คาลินจ์ สตรีผู้หาญกล้าถึงขนาดประกาศท้าชิงตำแหน่งเดลฟีนา ท่านหญิงผู้มีอำนาจมากนักอยู่ในมือ กระทั่งนายวาณิชใหญ่อย่างเกเบรียล ควอทซ์ ยังต้องเดินตามหลังมิบังอาจตีเสมอ...
ซาร์ลรัญ ชารีญาเพ่งพิศมองคู่ต่อสู้ของเขาจากอีกมุมหนึ่งของเวที เขาขยับยิ้มเล็กน้อย นึกเรื่องไร้สาระเล่นในใจ คนดูไพ่ขาพิการที่อาศัยยังชีพด้วยเศษทานช่างเปลี่ยนตัวเองได้รวดเร็วเหลือเกิน เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถสลัดคราบลูกเป็ดคลุกดินมาเป็นนางหงษ์แสนงามได้เสียแล้ว เขาควรจะชื่นชมผู้ใดดีเล่าระหว่างตัวหญิงสาวหรือพ่อค้าอัญมณีผู้มีอำนาจเงินที่สามารถเสกสรรทุกอย่างได้ดังประสงค์
และหากเขาไม่ระวัง...เงินตรานั้นก็อาจใช้ซื้อได้กระทั่งตำแหน่งเดลฟีนา....
"นี่ เจ้าหมาน้อย เจ้าจะเข้าข้างใครหรือ " เชอางค์กระซิบกระซาบถามจิ้งจอกทองเบาๆ ครั้งเมื่อเนธานไม่ตอบ เด็กหญิงก็พูดเออออคนเดียวต่อไป
"ข้าจะอยู่ข้างขุนนางซาร์ลรันล่ะ ข้าไม่รู้จักท่านหญิงที่ชื่อเมธโทร แต่ข้ารู้จักขุนนาง ขุนนางเป็นคนดี ตอนเกิดภาวะขาดแคลนอาหารก็เคยนำของมาแจกจ่าย"
เนธานทำเสียงเฮอะซึ่งดูเหมือนคำรามในลำคอออกมาหน่อยหนึ่ง เขารู้เรื่องที่เด็กหญิงไม่รู้ ด้วยเหตุนี้เมื่อฟังเชอางค์ว่าแล้วจึงออกจะขัดหูอยู่ไม่น้อย ขุนนางซาร์ลรันหรือเป็นคนดี ยัยเด็กนี่ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมทั้งๆที่ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์แต่กลับเกิดภาวะขาดแคลนอาหารได้ เขาเก็บส่วยหนักและส่งออกขาย จงใจก่อให้เกิดเรื่องแล้วเข้าช่วยเพื่อเรียกคะแนนนิยม กระทั่งเงินที่นำไปซื้อของแจกจ่ายนั้นก็ล้วนเป็นเงินจากภาษีประชาชนทั้งสิ้น แล้วแบบนี้ยังจะเรียกว่าเป็นคนดีอีกหรือ
"ถ้าหากว่าขุนนางแพ้ ขุนนางจะเป็นอย่างไรหรือ" เด็กหญิงยังคงเป็นห่วงวีรบุรุษในใจตน ทว่าแม้เนธานจะรู้คำตอบก็มิอาจพูดออกไปได้ ดังนั้นที่ตอบกลับมาจึงมีแต่ความเงียบ ซึ่งแม่ค้าตัวน้อยก็มิได้สนใจอะไรนักเพราะมิได้คาดหวังอะไรแต่แรก ดวงตาคู่ใสแจ๋วจึงจับจ้องดูเหตุการณ์บนเวทีต่อไป
"ขุนนางซาร์ลรัน ชารีญา ข้าทราบชื่อท่านมานาน ยินดียิ่งนักที่ได้พบท่าน"
บบกึ่งกลางประรำพิธี ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้ากัน หากฟังเพียงผิวเผินคงคล้ายคำทักทายสามัญ ทว่ามีหรือที่ผู้รับสารจะไม่รู้ เกเบรียลเก่งยิ่งนัก ฝึกคนของตนมาดีเหลือเกิน ใส่ให้กระทั่งเขี้ยวเล็บที่ดูจะแพรวพราวไม่น้อย มีหรือเรียกเขาขุนนาง เว้นนามเดลฟีนาไว้คล้ายจงใจท้าทาย แต่เอาเถิด แค่นักดูไพ่ขาพิการต่ำต้อยนั้นมิใช่คู่มือของเขาหรอก
"เมธโทร คาลินจ์ เสียดายนักที่ข้ามิเคยได้ยินชื่อท่าน" ซาร์ลรันขยับยิ้มจอมปลอม ดวงตาจิกต่ำราวกับจะกดผู้อื่นให้ด้อยลง เขาเป็นขุนนางอายุน้อยผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญเช่นเดลฟีนา มีหรือที่จะไม่มีคนอิจฉาพาลหาเรื่อง เพียงไม่นานเขาก็ชำนาญยิ่งนักในการเจรจาเสียดสีทิ่มแทง
หากแทนที่หญิงสาวจะเจื่อนลงกับคำกล่าวไม่ไว้หน้า เธอเพียงแค่ขยับแย้มยิ้ม กิริยาไม่ต่างอะไรไปจากคุณหนูสูงศักดิ์ผู้หยิ่งทระนง
"ถ้าเช่นนั้นต่อจากนี้ คงต้องรบกวนให้ท่านรู้จักไว้หน่อยกระมัง คงไม่ดีนักหากท่านต้องให้เสื้อคลุมของตนแก่คนที่ท่านไม่รู้จักแม้กระทั่งนาม"
เสื้อคลุมสีขาวประดับดิ้นทอง ปักเป็นลวดลายซับซ้อนสวยงามด้วยฝีมือประณีตที่ขุนนางซาร์ลรันสวมอยู่นั้นเป็นเสื้อคลุมประจำตำแหน่งเดลฟีนา มิใช่สิทธิ์ขาดกรรมสิทธิ์ของใครผู้เดียว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เดลฟีนาจะต้องส่งต่อเสื้อดังกล่าวให้แก่ผู้สืบตำแหน่งต่อจากตน แม้ผู้สืบนั้นจะได้ตำแหน่งมาด้วยการแย่งชิงก็ตาม...
"ทั้งสองท่าน โปรดเตรียมตัวเถิด" เพื่อมิให้การย้อนเล่ห์เฉือนคมจะบานปลายมากไปกว่านี้ พิธีกรประจำงานจึงจำต้องยื่นมือเข้าสอด ขัดจังหวะให้คนทั้งคู่เดินแยกออกจากกัน บนประรำพิธีมีโต๊ะใหญ่ตั้งสองตัวอยู่คนละมุม ใช้เป็นสถานที่สำหรับทำนาย ตัวทางซ้ายมีลูกแก้วใสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนอีกตัวนั้นมีสำรับไพ่ใหม่เอี่ยมวางแผ่กางไว้ ครั้งเมื่อเดลฟีนาและผู้ท้าชิงเข้าประจำที่ของตน พิธีกรจึงประกาศหัวข้อสำหรับการแข่งขันครั้งแรก
....หากพ่ายแพ้การทดสอบครั้งที่หนึ่งสูญสิ้นชื่อเสียง...
"นักทำนายเอย ท่านบอกข้า บอกฝูงชน ณ ที่นี้ได้หรือไม่ว่าอากาศในเช้าตรู่วันพรุ่งจะเป็นเช่นไร?"
ตลอดเวลาเมธโทรทำตามที่ถูกสอนทุกประการ เธอวางตัวประหนึ่งสตรีสูงศักดิ์ ตอบโต้ทันคนมิให้โดนไล่ต้อน แต่จะมีผู้ใดรู้บ้างเล่าว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวนั้นหวาดกลัวเหลือเกิน จะมีผู้ใดทราบบ้างเล่าว่าภายใต้เปลือกนอกซึ่งห่อหุ้มเป็นเกราะทองคำอยู่นั้นคือเมธโทร คาลินต์ คนดูไพ่ขาเสียผู้แสนจะต่ำต้อยและไม่มีสิ่งใดสลักสำคัญที่ใกล้จะร่ำไห้ ขุนนางนั้นน่ากลัวนัก ดวงตาของเขาแม้เป็นสีฟ้างามทว่ากลับเย็นราวกับฉาบไว้ด้วยแผ่นน้ำแข็ง คำพูดแต่ละคำก็ล้วนราวกับยาพิษกร่อนลงไปในใจ หากเธอแพ้ จะเกิดอะไรขึ้นหรือ จะเกิดอะไรขึ้นกับเซนาส เนราเวลหรือ หากขุนนางนั้นสามารถสืบพบว่านักค้าข่าวนั้นอยู่เบื้องหลังการท้าทายอำนาจนี้
เพียงแค่คิด อำนาจความหวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มก็ข่มความกลัวอื่นทั้งมวลของเธอลงไปสิ้น หญิงสาวผมทองสูดลมหายใจลึก ครั้งพอกวาดสายตามองฝูงชนเบื้องล่างเวทีหัวใจก็กลับเต้นแรง อุ่นวาบในอกอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นใครบางคนที่แสนจะคุ้นตากำลังนั่งอยู่ระหว่างซอกหลืบเล็กๆข้างบันไดเวที ราวกับรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง เขาเงยหน้าขึ้น แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้เธอดั่งจะให้กำลังใจ บนตักเขามีจิ้งจอกทองขนฟูนั่งอยู่เหมือนเคย ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า ทว่าเมธโทรก็รู้สึกราวกับเนธานที่ปกติจะเอาแต่ทำหน้าตาบูดบึ้งเสมอก็ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เธอเช่นกัน
เพียงแค่นี้ความประหม่าทั้งมวลก็มลายหายไปสิ้น เธอยิ้มตอบพวกเขา ก่อนจะตั้งสมาธิกับงานทำนายตรงหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทำนายดินฟ้าอากาศหรือ คนคิดหัวข้อนี้รอบคอบนัก เช่นนี้ต่อให้ขุนนางซาร์ลรันจะวางแผนร้ายใดไว้ก็ไม่อาจทำได้สมประสงค์ เพราะคำเฉลยนั้นจะปรากฎแก่สายตาทุกคนในเช้าวันรุ่งขึ้นโดยมิอาจเปลี่ยนแปลงได้เลย
หญิงสาวตวัดรวบไพ่กลับไว้เป็นกองเดียว สลับและกรีดด้วยมือที่ชำนาญราวกับนักมายาแสดงกล ท้ายสุดจึงสะบัดแผ่ออกเป็นรูปพัดครึ่งวงกลมสวยงาม เธอหลับตารวมสมาธิ กำจัดทุกอย่างให้เหลือเพียงจิตที่ปลอดโปร่ง ก่อนเลือกหยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง
ดวงตาสีเขียวมรกตที่ลืมขึ้นมองไพ่กระดาษใบดังกล่าวอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเม้มปาก นี่เป็นฤดูใบไม้ร่วงจวนจะเข้าฤดูหนาวมิใช่หรือ เป็นช่วงของฤดูมรสุม ตามปกติแล้วอากาศจะเริ่มทวีความเย็นมากขึ้น แล้วเหตุใดไพ่ในมือเธอถึงได้แสดงรูปพระอาทิตย์เล่า
...เธอควรจะเชื่อสื่งใดหรือ สัญชาติญาณหรือไพ่ในมือตน....
เมื่อได้ยินสัญญาณแตรเป่าบอกหมดเวลา หญิงสาวนักทำนายไพ่ก็ลอบถอนหายใจน้อยๆ เธอรู้คำตอบแจ้งแก่ใจตนแล้วว่าเธอควรตอบสิ่งใด เธอทิ้งไพ่วางลงไว้บนโต๊ะ รวบกลับให้เป็นสำรับเดียว เช่นเดียวกับขุนนางเดลฟีซึ่งละสายตาจากลูกแก้วเบื้องหน้าตน สีหน้าของชายหนุ่มปรากฎเค้าความยุ่งยากใจ คล้ายนึกไม่ถึงว่ากรรมการจะใช้หัวข้อนี้ในการตัดสิน
ครั้งเมื่อพิธีกรให้เกียรติเธอเป็นผู้กล่าวประกาศคำทำนายก่อนในฐานะสุภาพสตรี เมธโทรก็ตอบตามที่ได้รับการนัดแนะมา นั่นคือขอให้ทำตามธรรมเนียมเดิมด้วยการถามผู้เป็นเดลฟีนาก่อนเถิด และเมื่อขุนนางซาร์ลรันแจ้งชัดแล้วว่าพิรุณจะโปรยปรายรับรุ่งอรุณ หญิงสาวจึงก่อให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วด้วยการพลิกกลับคำพยาการณ์นั้นโดยสิ้นเชิง
"ข้าเมธโทร คาลินจ์ขอทำนาย ตั้งแต่ตะวันขึ้นถึงยามตกดิน จะไม่มีฝนใดหล่นมาต้องแผ่นดินแม้สักเม็ดเดียว!"
"ท่านแน่ใจหรือ" ซาร์ลรันถามพร้อมรอยยิ้มหยัน ควรอยู่ที่เขาจะนึกปรามาศ มีอย่างหรือทำนายว่าแดดจะจ้าจัดในฤดูมรสุม หรือเกิดนึกกลัวจนจะหยุดไว้เพียงยอมเสียชื่อเสียงหรืออย่างไร ทว่าหญิงสาวเพียงเงยหน้าขึ้นประสานสายตา ตอบรับโดยสงบ
"ไพ่ข้าบอกไว้เช่นนั้น"
"ไพ่บอกเจ้าเช่นนั้น...ในฤดูมรสุมแบบนี้หรือ เมธโทร"
ชายหนุ่มหัวเราะขบขันเบาๆ เขาเป็นชายร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีดำสนิท แต่งกายด้วยเสื้อคลุมพเนจรสีเดียวกัน และในยามนี้นัยน์เนตรสีราตรีก็กำลังมองคนดูไพ่ผู้กำลังนั่งกอดอกด้วยสายตาเอ็นดู บนตักเขามีร่างขนสัตว์สีทองคล้ายลูกบอลขดตัวกลมอยู่
"เจ้าอย่าได้ล้อข้า เซนาส เนราเวล เจ้ายังติดหนี้ข้าอยู่นะ"
นักทำนายไพ่ต่อว่าเสียงไม่จริงจังนัก เมื่อเข้ามาอยู่ในเรือนรับรองส่วนตัวซึ่งเกเบรียลจัดหามาให้ หญิงสาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องวางท่าเป็นใครอื่นอีก เธอผลัดชุดพิธีการออก สวมเพียงเสื้อตัวโคร่งและกางเกงฝ้าย ยิ้มและหัวเราะจนดูเกือบจะเป็นปกติดังที่เคยเป็น ในมือเธอถือแก้วทรงสูงบรรจุของเหลวสีอำพันไว้ แก้วนั้นทำจากเครื่องคริสตัลเจียระไน ราคาสูงลิ่ว กลิ่นเหล้าที่โชยมาก็รับรองตัวมันเองว่าเป็นของดี เธอจับก้านแก้วไว้ด้วยนิ้วสามนิ้ว แกว่งนิดหนึ่งก่อนยกขึ้นจิบราวกับนายหญิงผู้คุ้นเคยกับมารยาทชั้นสูง...สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอทำได้แค่เพียง'เกือบ'กลับไปเป็น เมธโทร คนดูไพ่ผู้แสนต่ำต้อย
"ข้าติดหนี้เจ้าที่ไหนกัน" ชายพเนจรรีบปฏิเสธ ฉีกยิ้มกว้าง ชูสองมือยักไหล่เป็นทำนองว่าไม่รู้ไม่เห็น จนเมธโทรอดใจไม่ได้ที่จะขว้างหมอนอิงใส่ด้วยความหมั่นไส้
"เจ้าติดหนี้ข้า เจ้าบอกให้ทริสมาคอยจับตาดูแลข้าไว้ ส่วนตัวเจ้าเองก็หายหัว ต้องรอให้ข้าทำนายพลาดหรืออย่างไรเจ้าถึงได้ยอมมาหาข้า"
หญิงสาวประชด มีอย่างหรือตัวเองจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ยัดเยียดเธอไปให้นายวาณิชดูแล ผลักให้เธอขึ้นประลองล้มเดลฟีนา ทว่าตัวเองกลับไม่เคยแม้จะโผล่หน้ามาหาสักครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อการทำนายเสร็จสิ้นลง เขาก็หันหลังเดินจากไปไม่แม้จะมีความคิดเข้ามาทักทาย และทั้งๆที่เธอตะโกนเรียกจนเสียงแหบแห้ง ทว่าเขากลับทำตนคล้ายคนหูหนวก ไม่แม้จะเหลียวหลังมามอง
"เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้น ผู้ใดกันที่บอกว่าเจ้าทำนายพลาด" เซนาสค้านเสียงกลั้วหัวเราะ ท้ายประโยคปรากฎแววเย้าแหย่ ทว่าคราวนี้เมธโทรมิได้นึกสนุกไปด้วย
"เซนาส หากข้าทำนายพลาด ตัวข้าเองคงไม่เป็นไรนัก ถึงจะทำนายหาเงินไม่ได้อีก แต่ข้าก็คงหางานอย่างอื่นทำได้ ท่านเกเบรียลเองก็คงไม่เป็นไร คนๆนั้นมีอำนาจเงินพอที่จะต่อรอง ทว่าเจ้าเล่า หากข้าพลาด ขุนนางซาร์ลรันไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เขาจะต้องสืบจนรู้ว่าเจ้าเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง"
"เมธโทร ข้าหรือเป็นผู้ชักใย เจ้าอย่าลืมว่าข้าเป็นเพียงคนจร เหตุใดจึงสามารถขับเคลื่อนทั้งพ่อค้าและขุนนางได้" ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ สายตาที่มองหญิงสาวนั้นราวกับผู้ใหญ่กำลังมองเด็กน้อยพูดวาจาเพ้อเจ้อ
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำได้อย่างไร แต่เจ้าก็ทำลงไปแล้วมิใช่หรือ มิฉะนั้นเหตุใดเกเบรียลถึงได้ตัดสินใจล้มอำนาจขุนนางเดลฟีเล่า แล้วเหตุใดเขาจึงเลือกข้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขามิใช่หรือ" นักทำนายขาพิการร้อง สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังยิ่งนัก นัยน์ตาสีเขียวสดจ้องลึกลงไปในดวงเนตรสีดำคล้ายเรียกร้องขอคำตอบ ชั่วขณะหนึ่งที่เธอเผลอนึกถึงคำทำนายซึ่งเธอเคยกล่าวแก่เขาไว้เมื่อนานมาแล้ว
...ท่านจะก่อกองทราย ก่อเป็นปราสาทงดงาม ท่านจะวางเจ้าหญิงเจ้าชายลงบนปราสาทนั้น....
"ข้าขอบคุณเจ้ามากที่เป็นห่วง แต่เมธโทร ข้าว่าเจ้ากังวลเกินไปแล้ว"
คนพเนจรเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆ ฉับพลันก็เปลี่ยนเรื่อง ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวหาคำใดมาแย้งได้อีก
"เจ้าเล่าให้ข้าฟัง เกเบรียลสอนอะไรเจ้าบ้าง แล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟังว่าข้าไปทำอะไร ตกลงไหม?"
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าตอบรับ พวกเขาคุยกันนานเท่านาน ทั้งจริงจังและหัวเราะเย้าแหย่ ใบหน้าแย้มยิ้มและบูดบึ้ง ราวกับต้องมนต์ให้ไม่รู้สึกถึงกระแสธารของกาลเวลา และกว่าพวกเขาจะรู้สึกตัว ขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ก็เหลือของบรรจุอยู่เพียงหนึ่งในสาม...
"พรุ่งนี้เถอะ ขุนนางซาร์ลรันจะได้รู้ว่าเขาทำนายพลาด" น้ำเสียงของหญิงผมทองสะบัดเล็กน้อย เธอรินของเหลวสีอำพัดใส่แก้วเกลี้ยงฉาดให้ตนอีกครั้ง วิสกี้นี้เป็นของชั้นดีซึ่งเกเบรียลส่งมาเลี้ยงรับรอง ตามปกติแล้วคนดูไพ่ไม่ดื่มเหล้า ทว่าวันนี้ ก่อนที่นักพเนจรจะมา เธอรู้สึกหวาดกลัวนัก อึดอัดจนแทบทนมิได้ ในหัวนั้นเฝ้าครุ่นคิดแต่เรื่องร้าย คำทำนายเธอจะผิดหรือ เธอจะมิอาจเป็นนักทำนายได้ตลอดกาลหรือ แล้วเซนาสเล่า เขาจะถูกลงโทษฐานคิดก่อการกบฏไปด้วยหรือไม่ เมื่อกลุ้มนักและหาทางออกมิได้ หนทางเดียวที่เหลืออยู่คือกรอกน้ำอำพันลงปากและภาวนาให้ตนลืมเสีย
...ชั่วขณะหนึ่งที่ลืม คือชั่วขณะหนึ่งที่ไม่ต้องทนทุกข์...
"เลิกดื่ม แล้วไปนอนเสีย เจ้าดื่มมากเกินไปแล้ว" เซนาสโคลงหัวพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าเบื้องหน้าหญิงสาว ครั้งเมธโทรฮึดฮัดทำท่าจะคว้าคืน เขาก็ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดเสียเอง กระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะเสียงลั่น จ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีเขียวสดของคู่สนทนา
เมธโทรเมาแล้ว...เขารู้ มิเช่นนั้นเธอคงไม่เอ่ยวาจาแข็งกระด้างท้าทายเช่นนี้ออกมา....
"ข้าจะดื่ม!" นักทำนายร้อง สีหน้าบึ้งตึงคล้ายเด็กที่ถูกขัดใจ ครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงอยู่เฉย ไม่พูดไม่กล่าวอะไร ความหงุดหงิดนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นโกรธ เป็นโมโห เป็นน้อยใจ ครั้งเมื่อรวมกับทุกสิ่งซึ่งสั่งสมมานานก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตาในที่สุด เธอร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ตะโกนราวกับต้องการประกาศให้คนตรงหน้ารู้ว่าเธอเองก็มีชีวิตเหมือนกัน
"เซนาส เนราเวล..เจ้ามันคนใจร้าย ใจร้ายที่สุด...เจ้าหายไปไหนมา หายไปตั้งนาน เจ้าหายไปข้าไม่ว่า แต่เจ้าอย่าทำแบบนี้ อย่าทำเหมือนข้าเป็นตุ๊กตาเจ้าคิดว่าข้าไม่มีหัวใจหรืออย่างไร ไม่มีความรู้สึกหรือ คิดจะมาหาก็มา จะไปก็ไป เจ้าทำแบบนี้ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าข้าจะรู้สึกยังไง?!"
โดนว่าหนักขนาดนี้ ซ้ำหญิงสาวก็กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้า คนพเนจรก็ย่อมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี เขาอยากจะปลอบ อยากจะแก้ตัว อยากจะอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจ ทว่าท้ายสุดแล้ว ชายหนุ่มก็มิได้ลงมือทำสิ่งใดตามที่ใจนึก เขาเพียงนั่งนิ่ง มองเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินด้วยสายตาอ่านไม่ออก
จิ้งจอกทองยังคงขดตัวกลม หูอันอุดมไปด้วยขนฟูกระดิกไปมาเล็กน้อย บรรยากาศหนักหน่วงเสียจนน่าอึดอัด นานเท่านาน กว่าเซนาสจะเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน
"เมธโทร..." นักค้าข่าวกระซิบเรียกชื่อเบาๆ ทว่าเมธโทรไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว
"เจ้าไม่ต้องมาเรียกข้า!! ข้าไม่เคย...ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเจ้าเลย เจ้าเป็นใคร คิดจะทำอะไร ข้าไม่เคยรู้ เซนาส เจ้าเห็นข้าเป็นเพื่อน...หรือเจ้าเห็นข้าเป็นหมากตัวหนึ่งของเจ้ากันแน่!?" หญิงนักทำนายตวาดและจบประโยคลงด้วยเสียงสะอื้น เธอซุกหน้าลงกับฝ่ามือคล้ายไม่ปราถนาจะเห็นหน้าคนพเนจรอีกต่อไป
"เมธโทร เจ้าฟังข้า..." น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับน้ำใสเย็นที่ราดลงบนกองไฟลุกโชน เซนาสลุกจากเก้าอี้ของตน เดินไปหยุดตรงแผ่นหลังที่กำลังสั่นระริก เขาก้มลงกอดคนดูไพ่ไว้หลวมๆ วางคางลงบนไหล่ของเธอ กระซิบข้างหูแผ่วเบา
"ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ งานของข้ามีอย่างเดียว นั่นคือการทำให้เมธโทร คาลินจ์ เป็นเดลฟีนาแห่งเดลฟี"
"ข้า..ข้าไม่อยากเป็นแล้ว...ข้าไม่อยากเป็นเดลฟีนาแล้ว..." เมธโทรพูดเสียงปนสะอื้น ยังคงร่ำไห้แม้ในยามที่ส่ายหน้าไปมา หากคำกล่าวที่ว่าอยากเป็นเดลฟีนานั้นเป็นการบอกเล่าความฝัน คำปฏิเสธนี้ก็เป็นการบอกเล่าความจริงที่กลั่นออกมาจากใจเช่นกัน
"เจ้าเมาแล้ว เมธโทร รีบไปนอนเสีย" เซนาสเอ่ยเรียบๆหลังจากนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เขาเปิดแง้มบานประตู ตะโกนสั่งการคนรับใช้ทำนองว่าให้หาคนเข้ามาดูแลเธอด้วย จากนั้นจึงหันไปอุ้มจิ้งจอกของตนและเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงประโยคที่แสดงถึงความมั่นใจเปี่ยมล้นราวกับตนเป็นนักทำนายเสียเอง
"เจ้าอย่าได้กังวล คำทำนายของเจ้าจะถูกต้อง เช้าวันพรุ่งนี้ดวงตะวันจะทอแสงแน่นอน"
...หรือบางที ก็ราวกับเป็นพระเจ้าเสียเอง....
..................................................................................................................................................
มีใครรู้สึกหมั่นไส้อีตาเซนาสเหมือนไรท์เตอร์บ้าง? = ="
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น