ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แผนการและเด็กหญิง
ใกล้วันงานเข้าไปทุกทีแล้ว ทั่วทั้งเดลฟีเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง แม้งานเทศกาลประจำฤดูใบไม้ร่วงจะไม่ได้จัดยิ่งใหญ่เท่ากับงานเฉลิมฉลองฤดูร้อน ทว่าท่ามกลางความเบื่อหน่ายกังวลต่อฤดูหนาวแสนจับเจ่าที่จะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว งานเลี้ยงดังกล่าวก็ดูราวกับจะเป็นยากระตุ้นชั้นดีให้ชาวเมืองลุกขึ้นมาประดับตกแต่งหน้าร้านบ้านเรือนของตนด้วยริบบิ้นสีสวย สนุกสนานลืมเรื่องทุกข์ยากไปชั่วคราว
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนในเดลฟีจะมีความสุขกับเทศกาลนี้ไปเสียหมด ยิ่งใกล้จะถึงวันงานมากขึ้นเท่าไหร่ เกเบรียล ควอทซ์และเหล่าพ่อค้าอีกกว่าหลายสิบรายก็ชักรู้สึกว่าตนคล้ายคนใกล้ประสาทเข้าไปทุกที ความรื่นเริงถูกแทนที่ด้วยความกังวลหนักอึ้งคล้ายโดนบังคับให้แบกหินใหญ่ไว้บนบ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อค้าอัญมณีที่ดูจะอาการหนักกว่าเพื่อนในฐานะที่เป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญในการหนุนหลังนักค้าข่าวลึกลับ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ไปหายหัวอยู่ที่ไหนเสียแล้ว จะมีก็แต่นกส่งสารที่บินเอาจดหมายมาทิ้งไว้ให้เมื่อห้าวันก่อน เนื้อความในนั้นอ่านแล้วน่าโมโหนัก เจ้าหนุ่มนั่นเขียนมาเสียสวยหรู ใช้ภาษาทางการงดงาม นอบน้อมยกย่องให้เกียรติจนออกนอกหน้า ทว่าถึงอย่างไร หากพินิจแล้วใจความดังกล่าวก็ยังคงเป็นคำสั่งดีๆนี่เอง
...กล้ามาก กล้ามากนะ เจ้าเด็กผมดำ ถือดีอย่างไรจึงกล้ามาออกคำสั่งหัวหน้าตระกูลควอทซ์...
ดวงตาสีส้มของพ่อค้าอัญมณีหรี่ลงเมื่อนึกถึงถ้อยคำในกระดาษซึ่งเขาจำได้ทุกตัวอักษร ส่วนจดหมายตัวต้นเหตุโดนเขาจัดการขยำ ฉีก และเผาสวดไปปรโลกทันทีที่อ่านจบ แต่ถึงจะโมโหอย่างไร ตัวเกเบรียลเองก็ทราบดีว่าตนไม่มีสิทธิปฏิเสธ'คำขอร้อง'นั้น ซ้ำยังรู้สึกเหมือนมีรอยยิ้มเยาะของคนพเนจรไม่เจียมตัวมาบินวนอยู่รอบกายอีกด้วย
เดิมทีชายวัยกลางคนคิดว่าตนเป็นผู้คุมหางเสือเรือ จะทำอย่างไรจะลงมือเมื่อไหร่ล้วนเป็นอำนาจบงการในมือเขาทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายหลอกใช้ใครกันแน่
แต่ก็เอาเถอะ... นายวาณิชคิด เก็บเอกสารทั้งหมดของตนเข้าลิ้นชักลงสลักทับอย่างดี ก่อนจะเดินไปเลือกเสื้อคลุมตัวงามที่สุดของตนมาสวม
...ได้เวลาไปพบขุนนางเดลฟีแล้ว!...
"ท่านเกเบรียล ข้าขอบคุณท่านจากใจจริงสำหรับคำเตือน ทว่าข้าสงสัยนัก นายวาณิชเช่นท่านมิลงมือทำอะไรโดยไร้ผลประโยชน์ และเพื่อผลประโยชน์แล้วย่อมไร้ความเมตตา เช่นนั้นผลประโยชน์ใดเล่าที่ชักจูงให้ท่านมาบอกกล่าวแก่ข้า หรือตัวท่านเองแท้จริงมิได้คิดมากล่าวแก่ข้าแต่แรก หากมีใครสักคนบีบให้ท่านต้องยอม
ลงมือ"
ขุนนางหนุ่มเลิกคิ้ว น้ำเสียงรู้ทันเกลื่อนอยู่ภายใต้ถ้อยคำสุภาพเช่นเดียวรอยยิ้มจางซึ่งประดับอยู่บนดวงหน้า ซาร์ลรัน ชารีญาเป็นชายร่างสูงโปร่ง อายุอานามคะเนแล้วคงไม่มากไม่น้อยไปกว่านักค้าข่าว ทั้งยังมีท่าทียโสไว้ตัวอยู่ไม่น้อย เรือนผมสีทองตัดสั้นระต้นคอรับกับดวงตาสีฟ้าใสกระจ่าง ผิวขาวนั้นติดจะซีดเช่นเดียวกับผู้ที่แทบไม่เคยออกแรงทำอะไร เครื่องแต่งกายหรือก็มิได้ด้อยไปกว่านายวาณิชเลยสักนิด ชุดลำลองภายในถูกคลุมทับไว้ด้วยเสื้อคลุมสีขาวประดับดิ้นทองประจำตำแหน่งเดลฟีนา ปักเป็นลวดลายซับซ้อนราวกับต้องการให้เป็นตัวแทนถึงศาสตร์แห่งการทำนาย
"เดลฟีนา ซาร์ลรัน ไม่ว่าเหตุจะเป็นเช่นใด ข้าขอรับรับรองด้วยเกียรติของข้าในฐานะหัวหน้าตระกูลควอทซ์ว่าสิ่งที่ข้าได้บอกท่านไปนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น" พ่อค้าอัญมณีประสานสายตากลับ เอ่ยช้าชัดราวกับจะจารลึกลงไปในใจคนฟัง เกเบรียลนั้นแม้จะนึกชมความฉลาดของขุนนางผมทอง ทว่าก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ลูกเสือรุ่นเขี้ยวเล็บเพิ่งลับแหลมจะมีอะไรให้น่าหวาดหวั่นเล่า มีปัญญาแต่ขาดไร้ซึ่งทักษะประสบการณ์ คนเช่นนี้อย่าได้แม้จะคิดต่อกรกับเขาเลย น่ากลัวว่าจะแพ้ตั้งแต่เจอไอ้เด็กเนราเวลเสียแล้ว
"ถ้าเช่นนั้น ธุระของท่านคงหมดลงเพียงเท่านี้" ซาร์ลรันขยับตัวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้เป็นสัญญาณของการจบบทสนทนา ทว่าชายวัยกลางคนกลับรั้งเขาไว้
"เดี๋ยวท่าน...ยังมีอีกเรื่อง..."
ครั้งเมื่อวันสำคัญดังกล่าวมาถึง ลานว่างหน้าตลาดกลางเมืองที่เคยเป็นลานหินโล่งๆก็ถูกเปลี่ยนเป็นเวทีสาธารณะขนาดใหญ่ วงดนตรีมากมายผลัดกันขึ้นมาแสดงฝีมือบรรเลงให้เหล่าผู้ร่วมงานครึกครื้น ซ้ำพื้นที่ซึ่งเหลือเพียงน้อยนิดก็ถูกจับจองโดยแผงลอยพ่อค้าเร่นับหลายสิบหลายร้อยแผง เรียงเป็นทิวแถวยาวเลยเข้าไปเกือบถึงหน้าหอสมุด เปิดโอกาศให้บรรดาชาวเมืองเดลฟีจับจ่ายใช้สอยกันเต็มที่ มีนายวาณิชผู้ชำนาญการค้าออกมาประเมินว่างานเทศกาลครั้งนี้ทำให้มีเงินในเดลฟีกว่าห้าแสนหกหมื่นเหรียญทองเลยทีเดียว
"ต้องขอบคุณเดลฟีนาจริงๆที่ทำให้งานครึกครื้นขนาดนี้ ว่าไหม เนธาน" ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทก้มลงเย้าสุนัขจิ้งจอกสีทองในอ้อมแขนเบาๆ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเบียดเสียดจนกลายเป็นคลื่นมหาชนเช่นนี้ ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาซึ่งยืนหลบอยู่ในซอบหลืบเล็กๆระหว่างร้านค้า สัตว์ขนฟูที่ถูกอุ้มอยู่จึงสามารถแสยะแยกเขี้ยวคำรามฮื่อ กระแทกเสียงกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์รุนแรง
"เฮอะ ตัวแกเองก็รู้ความจริงอยู่กับใจนี่!"
'ความจริง' ที่ว่า...คือป้ายประกาศพาดหัวด้วยตัวอักษรสีสดตัวโตซึ่งทั้งแปะติดทั้งเดินแจกประกาศปลิวโปรยแทบจะทั่วทุกมุมเมือง บอกเล่าเรื่องราวน่าตื่นเต้นน่าสนใจยิ่งนัก ก่อให้เกิดเสียงล่ำรือระส่ำไปทั่วว่างานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงปีนี้จะมีงานบันเทิงชั้นเยี่ยมที่มิใช่จะหาชมกันได้โดยง่าย และกระตุ้นให้เกิดความคึกคักขึ้นทันตา เห็นได้จากการที่ได้มีการตระเตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ ปิดถนนหลายเส้น ประดับประดาด้วยผ้าสีสันสดใสและลูกโป่งสวรรค์ มีนายวาณิชมาจองพื้นที่ออกร้านมากมายไม่แพ้งานสำคัญประจำปี กระทั่งคนต่างเมืองเองก็อดใจไม่ได้ที่จะมิมาเข้าร่วมด้วย
เหตุทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยอำนาจของคำเพียงคำเดียว...เดลฟีนา
หรือหากจะพูดให้ถูกต้องชัดเจนกว่านี้ คือการท้าชิงตำแหน่งเดลฟีนาจากขุนนางเดลฟีของเมธโทร คาลินจ์ หญิงนักดูไพ่ขาพิการ!!
"ไม่เอาน่า คราวนี้ฉันช่วยคนนะ นายจะมาอารมณ์เสียใส่ฉันอีกทำไมกัน" เซนาสว่าเย้าๆ มือข้างที่ว่างยีลงบนหัวที่อุดมไปด้วยขนสีทองฟูอย่างเอ็นดู สุนัขจิ้งจอกพยายามเบี่ยงตัวหลบ ทว่าเมื่อถูกกอดไว้เช่นนี้จะทำอย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น สุดท้ายที่ทำได้จึงมีเพียงเสียงครางฮื่อในลำคอซึ่งทั้งดังและดูโมโหหนักกว่าเดิมเท่านั้น
"นักทำนายขาเสียนั่น แกรักประสาอะไรของแก ถึงได้เอาชีวิตคนรักมาเสี่ยงเล่น" สุนัขจิ้งจอกสีทองประชด ครั้งเมื่อรู้ตัวชะงักนิ่งไปทันทีที่พลั้งปากราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าได้เผลอหลุดคำพูดใดออกไป
...ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวมิใช่หรือ....
"ใครว่าฉันรักเมธโทร?!" เสียงย้อนนั้นแสดงความตกใจอย่างที่น้อยครั้งนักจะได้ยินจากปากคนพเนจร ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ซึ่งยังคงเหลือค้างจากเมื่อคืนหรืออย่างอื่นกันแน่
"แล้วผิดอะไร ยัยนักทำนายนั่นก็ดูรักแกดีอยู่นี่ แกเองก็อย่ามัวแต่ท่ามากอยู่เลย"
"เนธาน..." นักค้าข่าวคราง กับคนอื่นไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน แต่กับจิ้งจอกทองขนฟูตัวจิ๋วตรงหน้านี่ ความเก่งกาจนั้นก็ราวกับจะสลายหายไปไหนก็มิทราบ
"ถ้าฉันจะช่วยเมธโทร ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องรักเขา "
"งั้นเร๊อะ..." จิ้งจอกทองทำเสียงเย็นใส่นายของตน แค่นี้เซนาสก็ถอนหายใจเฮือก ยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นทำท่ายอมแพ้ ความจริงแล้วชายหนุ่มตั้งใจจะพูดอะไรต่อไปอีก หากมีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน
"พี่ชาย ลองรับฮวารตีไปชิมสักชิ้นไหมคะ?" เด็กหญิงตัวน้อยในชุดเสื้อคลุมกันเปื้อนยื่นแผ่นแป้งพับสอดไส้มาตรงหน้าพลางฉีกยิ้มกว้างจนตายี ข้างตัวนั้นมีตะกร้าสานบรรจุแป้งซึ่งห่อเรียบร้อยแล้วบรรจุเรียงแถวเป็นระเบียบ ชายพเนจรหัวเราะเอ็นดู ยังมิได้เอื้อมมือไปรับโดยทันทีแต่ควานล้วงหาเศษสตางค์ในกระเป๋า เมื่อพบเหรียญโลหะทองแดงสองสามเหรียญจึงยื่นส่งไปให้ แม่ค้ารุ่นเยาว์เองครั้งทำการยื่นหมูยื่นแมวเสร็จแล้วก็มองจิ้งจอกทองในอ้อมแขนชายหนุ่มตาละห้อย สายตานั้นแสดงชัดว่าอยากลูบคลำเหลือประมาณคล้ายเด็กเห็นลูกกวาดอยู่ตรงหน้าและแทบไม่อาจหักห้ามใจมิให้เอาใส่ปากได้
"อยากจับหรือ" นักค้าข่าวย่อตัวลง แม้ทำแบบนี้แล้วระดับสายตาของเขาก็ยังคงสูงกว่าตัวเด็กหญิงมากอยู่ดี แต่นั่นก็ทำให้มือน้อยสามารถเอื้อมมาขยำขนฟูสีทองคล้ายเส้นสายไหมของสุนัขจิ้งจอกในอ้อมกอดตนได้ แม่สาวตัวเล็กรีบพยักหน้าถี่ๆ คว้าขนสีทองหมับลูบไล้ไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ซักพักก็ถึงกับเอาแก้มไปแนบเลยทีเดียว
"อ่ะ..ให้" ไม่ว่าเปล่า เด็กหญิงยังหยิบสินค้าในตะกร้าตนส่งป้อนให้ถึงปากก้อนขนมีชีวิต เป็นการให้ฟรีๆไม่คิดเงิน ทว่าเนธานกลับเบือนหน้าหนีไปเสียอีกทาง
"ทำไมไม่กินล่ะ ฮวารตีฝีมือเชอางค์อร่อยนะ" แม่ค้าตัวจิ๋วยังคงเซ้าซี้ เอาแป้งปิ้งห่อไส้ยื่นส่ายไปมาราวกับจะกระตุ้นต่อมความหิว ทว่าผลลัพท์ที่ได้คือกลับยิ่งทำให้จิ้งจอกทองจอมยโสอารมณ์บูดหนักกว่าเดิม ไม่ถึงขั้นแสยะเขี้ยวหรือคำรามขู่ในลำคอหรอก แต่เซนาสรู้จักหมาของตนดี เมื่อเห็นดวงตาสีทองวาววับตวัดมองเขาอย่างคาดโทษเช่นนั้นแล้วจึงรีบชวนเด็กหญิงเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน
"เชอางค์ ทำไมถึงไม่ไปขายยังลานหน้าปราสาทเล่า ช่วงบ่ายแก่จะมีการประลองชิงตำแหน่งเดลฟีนามิใช่หรือ หากไปขายที่นั่นต้องขายดีแน่ๆ"
เด็กหญิงคนค้าฮวารตีส่ายหน้าดิกๆแทนคำตอบ ก่อนเอ่ยขยายความด้วยน้ำเสียงติดจะโมโหอยู่ไม่น้อย
"พี่ชายไม่ใช่คนค้า ไม่รู้หรอกว่าพอมีงานใหญ่แบบนี้แล้ว จะเข้าไปค้าขายแถบนั้นได้ต้องจ่ายค่าพิ้นที่ให้กรมเมืองเสียก่อน ถ้าไม่จ่ายก็เข้าไปขายที่ลานหน้าปราสาทไม่ได้"
เมื่อได้ยินคู่สนทนาต่างวัยกล่าวเช่นนี้แล้ว พลันคนพเนจรก็เห็นหนทางที่จะทำให้แผนของตนง่ายขึ้น จึงเร่งเอ่ยถามออกไปโดยไว
"เจ้าชอบหมาไหม?"
ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานเลย เด็กหญิงรีบพยักหน้าถี่ๆ ดวงตาสีอำพันนั้นติดแววสงสัยคล้ายไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆชายหนุ่มถึงถามเช่นนี้
"ดี เชอางค์ เช่นนั้น เรามาตกลงกัน" นักค้าข่าวย่อตัวลงให้ต่ำลงไปอีกด้วยการคุกเข่าลงข้างหนึ่งจนสายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน นัยน์ตาสีดำสนิทราวรัตติกาลฉายแววจริงจังไร้แววขี้เล่นอย่างเคย ทำราวกับจะเจรจาเรื่องผลประโยชน์นับหมื่นนับแสนเหรียญทองกับนายวาณิชผู้ร่ำรวย มิใช่เด็กสาวเร่ขายอาหารเช่นนี้
"ข้าขอฝากสิ่งนี้ไว้กับเจ้า พามันไปดูการประลองเดลฟีนา แลกกับการที่ข้าจะซื้อแผ่นแป้งของเจ้าทั้งหมด เจ้าจะว่าอย่างไรเล่า?"
เชอางค์นิ่งคิด ข้อเสนอของชายหนุ่มแปลกหน้านับว่าไม่เลวเลย นอกจากจะได้กอดได้เล่นกับเจ้าหมาจิ้งจอกขนฟูแล้ว ยังจะสามารถขายฮวารตีได้หมดตะกร้าอีกด้วย แต่เด็กหญิงก็ยังสงสัย เพราะเหตุใดเล่าชายหนุ่มถึงบอกแก่เธอให้นำสุนัขไปดูการประลองชิงตำแหน่งเดลฟีนา เขาวางแผนอะไรหรือ เป็นพวกโจรเถื่อนที่ชอบหลอกพาตัวเด็กไปขายต่างเมืองหรืออย่างไร
"ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก และข้าจะให้สิ่งนี้แก่เจ้าด้วย" เซนาสเมื่อเห็นเด็กหญิงเงียบไปจึงยิ้มอ่อนโยน ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมก่อนหยิบถุงผ้าสีมอซอออกมา ครั้งพอดึงเชือกที่มัดปากให้เปิดออกแล้ว สิ่งที่ร่วงลงมาในมือของคนพเนจรนั้นคือเศษอัญมณีสีส้มแสด ชิ้นเล็กไม่เกินข้อนิ้วก้อย เขากำมันไว้ พึมพำอะไรขมุบขมับด้วยภาษาที่เชอางค์ไม่เข้าใจ ต่อมาจึงคลายมือออก และยื่นมันมาตรงหน้าเธอ
"พี่ชาย...ของสิ่งนี้ให้ข้าจริงๆหรือ" เด็กขายแผ่นแป้งลังเล ของชิ้นนั้นสวย...สวยเหลือเกิน สีส้มสะท้อนเหลือบดวงตะวันเล่นแสงระยับเลื้อมพราย แม้เป็นเพียงเศษทว่าดูมีราคายิ่งนัก เมื่อเห็นดังนี้เด็กหญิงย่อมเกิดความไม่แน่ใจ
"ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าจิ้งจอกนี่สุดความสามารถของเจ้า"
พอได้ยินนักค้าข่าวยืนยันมาหนักแน่นเช่นนั้นแล้ว เชอางค์ก็เช่นเดียวกับเด็กโดยทั่วไป เมื่อมีของชอบมาวางล่ออยู่ตรงหน้าไฉนเลยจะห้ามใจไหว ความสงสัยที่เคยอยู่ในห้วงคำนึงถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงเอื้อมมือไปคว้าเศษอัญมณีมาเป็นกรรมสิทธิของตน ตอบรับเสียงหนักแน่น
"อื้อ"
ชายหนุ่มผมดำหัวเราะ ลูบหัวเธอสองสามทีอย่างเอ็นดูก่อนส่งจิ้งจอกทองในอ้อมกอดให้ น่าแปลกที่คราวนี้เนธานไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธหรือหงุดหงิด ตรงกันข้าม มันกลับยอมทำตัวว่าง่ายอยู่ในสองแขนของเด็กหญิง นิ่งและเฉยชาราวกับเป็นตุ๊กตาขึ้นมาจริงๆ มีเพียงดวงเนตรสีอเมทิสต์เท่านั้นที่ประกาศความไม่พอใจออกมาโจ่งแจ้ง
"อีกอย่าง ห้ามเจ้าสนทนากับใครเด็ดขาด หากมีใครถามหรือพูดด้วยก็ให้ยิ้มเสีย ทำเหมือนคนเจ็บคอไม่สบาย เข้าใจไหม"
"เข้าใจค่ะ" เด็กขายแป้งห่อยิ้มรับจนตาหยี กอดจิ้งจอกทองในอ้อมแขนตนไว้แน่น ครั้งเมื่อคนพเนจรล้วงเหรียญเงินส่งมาให้ห้าเหรียญพร้อมถามว่าพอหรือไม่ เด็กหญิงก็ตะลึงไปชั่วขณะ รีบละลักละล่ำกล่าวไปว่าเพียงแค่สามเหรียญเงินก็พอแล้ว แต่ถึงเธอจะพูดอย่างนั้น ชายผมดำก็ยังคงยืนกรานให้เธอรับไปทั้งห้า
เหรียญอยู่นั่นเอง และเชอางค์ก็แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจยามรับเงินนั้นมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของตน เธอไม่เคยเป็นเจ้าของจำนวนเงินมากขนาดนี้มาก่อน อย่าว่าแต่ถึงห้าเหรียญเงินเลย เพียงแค่เหรียญเงินเดียวเด็กหญิงก็ยังไม่เคย
"การประลองสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ มาพบข้าที่หน้าหอสมุดประจำเมือง ข้าจะรอเจ้าที่นั่น" เซนาสนัดแนะจุดนัดพบ เอื้อมมือไปรับตระกร้าบรรจุสินค้าที่เชอางค์ยื่นส่งมาให้ สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีนั้นติดจะเรื่อยเฉื่อยคล้ายไม่เห็นเหตุการณ์ใดเร่งร้อนสำคัญ ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรหรือวางแผนการใด ตัวตนและความรู้สึกแท้จริงของเขาเป็นเรื่องลึกลับ กระทั่งตัวกาเบรียล ควอทซ์ เองก็ยังไม่สามารถอ่านเขาออกได้
"ดูงานให้สนุก แล้วอย่าลืมเล่าให้ฟังบ้างล่ะ" คำพูดนั้นมิได้ตั้งใจจะส่งให้เด็กหญิง...ทว่าเป็นจิ้งจอกทองเนธานผู้ที่ทำตัวเป็นตุ๊กตาสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ในอ้อมกอดของแม่ค้าแผ่นแป้งรุ่นเยาว์ ครั้งแผ่นหลังเล็กๆของเชอางค์เกลื่อนกลืนหายเข้าไปในฝูงชนจนลับสายตาแล้ว คนพเนจรก็ยกมือปิดปากทำท่าหาวหวอด ก่อนเหยียดสองแขนชูตึงขึ้นไปบนอากาศคล้ายต้องการจะขับไล่ความเมื่อยขบ พึมพำกับตัวเองเสียงเบา น้ำเสียงนั้นราวกับนักหมากรุกที่กำลังจะเปิดเกมใหญ่น่าตื่นเต้น
"ขอให้โชคดีนะ..เซนาส เนราเวลน้อย!"
....................................................................................................
โผล่หน้ามาสวัสดีอีกครั้งก่อนที่จะต้องหายหน้าไปนานแสนนานเพื่อจมอยู่กับเทศกาลอ่านหนังสือสอบ น่าแปลกที่ถ้าเป็นนิยายล่ะก็อ่านรอบเดียวก็เข้าหัว ทว่าพอเป็นฏีกาทีไรกลับจำไม่ได้สักที ทั้งๆที่ก็เป็นเรื่องราวมีตัวละครมีเนื้อเรื่องเหมือนกันแท้ๆ >w<
ยังน้อมรับคำติชมและคำวิจารณ์เช่นเดิม ขอบคุณทุกๆความเห็นและกำลังใจนะคะ :)
คุณmamonjo : ขอบคุณค่า ตอนนี้คงวางให้เป็นเรื่องยาวแล้วค่ะ ไม่ได้เพิ่มเนื้อหาขึ้นมาหรือยืดเรื่อง แต่คิดว่ามันเป็นการฝืนตัวเองหากต้องบังคับตายตัวว่าต้องจบภายในกี่ตอน แต่คาดว่าคงประมาณสิบกว่าตอนจบค่ะ >[]<
คุณFull_sak : ขอบคุณค่า >w<
ปล.ดีใจจัง คราวนี้ได้ตอบสองโพส 555+
....................................................................................................
โผล่หน้ามาสวัสดีอีกครั้งก่อนที่จะต้องหายหน้าไปนานแสนนานเพื่อจมอยู่กับเทศกาลอ่านหนังสือสอบ น่าแปลกที่ถ้าเป็นนิยายล่ะก็อ่านรอบเดียวก็เข้าหัว ทว่าพอเป็นฏีกาทีไรกลับจำไม่ได้สักที ทั้งๆที่ก็เป็นเรื่องราวมีตัวละครมีเนื้อเรื่องเหมือนกันแท้ๆ >w<
ยังน้อมรับคำติชมและคำวิจารณ์เช่นเดิม ขอบคุณทุกๆความเห็นและกำลังใจนะคะ :)
คุณmamonjo : ขอบคุณค่า ตอนนี้คงวางให้เป็นเรื่องยาวแล้วค่ะ ไม่ได้เพิ่มเนื้อหาขึ้นมาหรือยืดเรื่อง แต่คิดว่ามันเป็นการฝืนตัวเองหากต้องบังคับตายตัวว่าต้องจบภายในกี่ตอน แต่คาดว่าคงประมาณสิบกว่าตอนจบค่ะ >[]<
คุณFull_sak : ขอบคุณค่า >w<
ปล.ดีใจจัง คราวนี้ได้ตอบสองโพส 555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น