ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทัวร์ติ๊งต๊อง...ท่องอเวจี (Welcome To Helliday Tour)

    ลำดับตอนที่ #4 : ยินดีต้อนรับสู่นรก

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 55






    "ม่ายยยยยยย"

    เสียงร้องของผมยังคงดังโหยหวนต่อไปอีกราวๆกี่นาทีสติก็กระเจิงเกินกว่าที่จะนับ เพราะเพียงเวลาแค่ชั่วเสี้ยววินาทีในการไหลผ่านความมืดมินอนธกาล แต่ในความรู้สึกแล้วกลับยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์เลยทีเดียว

     

                   "จะแหกปากร้องทำไม กะอีแค่ผ่านเกตแค่นี้ทำเป็นโวยวายไปได้"

                  เจ้าของมือที่ฉุดผมลงนรกเอ่ยเสียงขุ่นซึ่งพยายามตะโกนให้ดังกว่าเสียงกรีดร้องระบบดอลบี้เซอร์ราวของผม ซ้ำยังทำท่าจะปล่อยมือที่จับแขนผมไว้เอาดื้อๆ ทว่าคราวนี้กลับเป็นผมเองที่ยึดมือนั้นไว้แน่น ให้ตายก็ไม่ปล่อยหรอก แม้จะโดนสะบัดผลักไสไล่ส่งยังไงผมก็ยังคงหลับหูหลับตาเกาะเป็นตัวพยาธิตัวแบนติดหนึบอยู่อย่างนั้นแหละ

     

                  ก็แน่สิครับ...คุณพี่ท่านเล่นฉุดผมเข้ามาในหลุมดำที่มีนามไม่เป็นมงคลว่า"Hell Gate"แบบนี้ ขืนปล่อยมือไปก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องหลงติดอยู่ในมิติสีดำไปตลอดกาลหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อความแน่ใจ ผมจึงต้องขอยึดสโลแกนปลอดภัยไว้ก่อนล่ะ

     

                 มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกใหญ่ ก่อนเสียงห้าวจะพูดสั่งอีกครั้ง คราวนี้ห้วนสั้นทีเดียว

     

                  "เฮ้ย ลืมตาขึ้นมาดูรอบๆสิวะ ไอ้หมอบ้า"

                 นั่น ทั้งสั้นทั้งห้วนไม่พอ ยังมีด่าแถมท้ายอีกตะหาก ปากจัดได้ใจอย่างนี้น่าจะส่งเข้าไปปราศัยในรัฐสภาจริงๆ แต่พอผมยอมหยุดแหกปาก เปิดนัยน์ตาสีฟ้าใสกระจ่างขึ้นมามองไปรอบด้านอย่างว่าง่ายเท่านั้นเอง บางทีผมก็คิดว่า ถ้าผมจะแกล้งทำเป็นหลับตาใหม่แล้วแหกปากต่อไปก็คงไม่เลวเหมือนกัน

     

                 ผม...นายแพทย์สตีเว่น เนอร์วานา ศัลยแพทย์โรคหัวใจมือวางอันดับต้นๆของโลก กำลังนอนเอ้เก้เอกเขนกอยู่บนพื้น...ดูแล้วก็คงเป็นพื้นที่คนชุมนุมเสียด้วย เพราะมีสายตาหลายสิบคู่จ้องมองมาด้วยความสนอกสนใจเสียเหลือเกิน ชุดสวยที่อุตส่าห์เลือกถนอมมาอย่างดีเปื้อนฝุ่นมอมแมม แถมที่น่าอายยิ่งไปกว่านั้น สองมือของผม ใช่..ทั้งสองมือนั่นแหละ กำลังเกาะแขนชายหนุ่มร่างสูงล่ำเจ้าของมัดกล้ามเนื้อได้รูปแบบนักกีฬาอยู่ด้วยท่าทีคล้ายวิงวอนแฟนสาวขอแต่งงาน นัยน์ตาสีแดงของหมอนั่นก้มลงมามองผมด้วยสายตากึ่งโมโหกึ่งสมเพช ทว่านั่นคงยังไม่ได้ครึ่งของที่ผมรู้สึกสมเพชตัวเองด้วยซ้ำ

     

                พอรู้ตัว ผมก็รีบปล่อยมือทันทีราวกับต้องของร้อน เร่งลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นผั่บๆ หันไปโปรยยิ้มอ่อนแรงให้กับสายตาประชาชีที่รุมจ้องมาเหมือนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด เอิ่ม...แต่จะไปโทษพวกเขาก็ไม่ได้ เพราะถ้าในโลกมนุษย์ยมทูตนับเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว มนุษย์ในโลกยมทูตเองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน ไม่ได้เกี่ยวกับการที่ผมทำเรื่องน่าอายอะไรออกไปเสียหน่อย

     

                ...อย่างน้อยคิดแบบนี้ก็สบายใจกว่าใช่ไหมล่ะ...

     

                  "เรนานี่ เก็บคนมาไม่เลือกจริงๆ"

                 ชายเจ้าของแขนที่ผมเคยอาศัยเกาะพึมพำเบาๆคล้ายรำพึงกับตัวเอง เสียแต่ว่าเขายืนเบียดอยู่ข้างผมนี่สิ กลายเป็นว่าคนถูกนินทาเลยได้ยินชัดเจนเต็มสองหูทีเดียว ว่าแต่ไอ้ประโยคนี้มันฟังๆดูเหมือนผมเป็นลูกหมาลูกแมวถูกทิ้งที่โดนเก็บมาเลี้ยงยังไงไม่รู้แฮะ แถมยังเป็นการเลือกเก็บมาแบบส่งๆเสียด้วย นี่ไม่ใช่ว่ายัยเรนาจะไปจิ้มๆเลือกผมมาจากวัด เอ๊ย จากคนนับล้านทั่วประเทศไทยหรอกนะ

     

                 ถ้าใช่...ผมก็อยากจะบอกว่าแม้ผมจะเกิดในประเทสไทย อาสัยอยู่บนแผ่นดินไทยมาตลอดชีวิต แต่สายเลือดพันธุกรรมของผมเนี่ยเป็นอังกฤษแท้ๆร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะครับ เพราะอย่างนั้น ถ้าอยากได้คนอังกฤษนักละก็...ก็ไปหาเอาในประเทศอังกฤษเซ่! จะมายุ่งกับชีวิตผมทำไม นี่ถ้ายัยสาวมืดมนนั่นไม่เข้ามาขวางล่ะก็ ป่านนี้ผมได้ฆ่าตัวตาย ไปนอนเล่นบนสวรรค์สบายอุราไปแล้ว

     

                 หา...แน่ใจได้ยังไงน่ะหรอว่าจะได้ขึ้นสวรรค์  อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง เรื่องผ่าตัดช่วยชีวิตคนเนี่ยมันของถนัดงานประจำอยู่แล้ว ส่วนไอ้ค่ารักษาแพงหูฉี่นี่มันก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้นเอง อีกอย่างพวกโรงพยาบาลส่วนมากงกจะตายไป ที่ถึงมือผมน่ะจริงๆแล้วไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอก

     

                  "อย่าแกล้งลูกทัวร์ของดิฉันสิคะ คุณราโอเรล"   เสียงใสๆดังขึ้นจากด้านหลัง ผมจำได้ว่ามันเป็นเสียงของเรนา แต่ทำไมมันฟังดูสนุกสนานสะใจขนาดนั้นล่ะ นี่ถ้าเธอเป็นแพทย์ฝึกหัดแล้วผมเป็นอาจารย์หมอ(ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่)นะ ผมจะสั่งตัดคะแนนซะให้เข็ด จะตัดชนิดที่ต่อให้ทำรายงานหนาสามร้อยหน้าแก้ตัวมาส่งก็ยังจะได้แต่เกรดซีบวกด้วย    

     

                  "เจ้าหมอบ้า หายตกใจรึยัง ถ้าหายแล้วก็ยินดีต้อนรับสู่นรก"

                 หนุ่มร่างสูงตาสีทับทิมหันมาส่งยิ้มคล้ายแยกเขี้ยวให้ มิน่าล่ะ ที่เห็นยืนรอเงียบๆไปสามนาทีไม่พูดไม่จานี่ เป็นเพราะให้เวลาผมปรับอารมณ์นี่เอง ตอนแรกนึกว่าพี่ท่านจะก่นด่าโคตรเหง้าผมอยู่ในใจเพลินเสียอีก ดูใจดีกว่าที่เห็นภายนอกนะเนี่ย แต่ถึงจะดูใจดีอย่างไร ผมก็ไม่มีวันลืมว่านี่คือเจ้าของมือปีศาจที่ฉุดผมพรวดทะลุกำแพงราวกับเป็นฉากสยองขวัญในหนังผีเกรดซี ทำเอาหัวใจผมเกือบจะหยุดเต้นต้องลงนรกไปแต่วิญญาณแล้วจริงๆ ดังนั้นพอเห็นเรนายืนยิ้มอยู่ผมจึงรีบโผเข้าไปหลบหลังเธออย่างรวดเร็ว ดูๆไปก็คล้ายลูกเจี๊ยบโผเข้าหาแม่กุ๊กไก่อย่างไรชอบกล เสียแต่ว่าลูกเจี๊ยบตัวนี้ตัวโตไปหน่อย แม่กุ๊กไก่ก็เลยบังไม่บิด เป็นผลให้ผมต้องทนสบกับสายตาคู่สีแดงที่มองมาอย่างแปลกๆ

     

                  "แน่ใจหรือเรนว่าเขาเป็นหมอโรคหัวใจ เธอไปเก็บเอาคนไข้โรคประสาทมาหรือเปล่า"

                  มันคงจะดีกว่าถ้าเสียงนั้นแค่ฟังดูสมเพช เหยียดหยาม ก่นด่า หรือแดกดัน แต่ที่ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยก็คือน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความสงสัยจริงๆ และเมื่อสงสัย ชายยมทูตผู้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาของราชอาณาจักรไทยมาตรา
    288ประกอบมาตรา80ข้อหาพยายามฆ่าคน(ซึ่งก็คือผม)ติดตัวอยู่ก็ถามขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า ไม่ได้สนใจซักนิดว่าหมอโรคหัวใจคนที่ตนกำลังพูดถึงกำลังยืนหลบหลังคนที่ตนกำลังถามอยู่

     

                   "คิกๆ.."   ไกด์สาวของผมหัวเราะน้อยๆ ท่าทางชอบอกชอบใจ มีอะไรขำนักหรือไงหาแม่คุณ นี่มันกำลังว่าลูกทัวร์คุณอยู่นะ คนเป็นมัคคุเทศน์มันต้องคอยแก้ต่างให้เซ่!

     

                   หา...เป็นมักคุเทศน์ไม่ใช่ทนายหรือครับ มาถึงยุคนี้แล้ว ใครจะไปสนเรื่องหยุมหยิมพรรคนั้นกัน!...

     

                  "ก็คุณเล่นไปบอกเขาว่ายินดีต้อนรับสู่นรก จะมีมนุษย์ที่ไหนไม่ตกใจบ้างล่ะคะ"

                 ราวกับสามารถอ่านใจผมได้อีกครั้ง ยัยสาวมืดมนจึงเริ่มทำหน้าที่เป็นทนายฝ่ายจำเลยแก้ต่างต่อหน้าโจทก์ ซึ่งพอได้ยินเรนาพูดแบบนี้ ยมทูตหนุ่มหุ่นนักกีฬาก็ทำหน้าเมื่อย ในดวงตาสีแดงเพลิงคล้ายจะมีคำถามปรากฎชัดว่าทำไมมนุษย์โลกถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ เดินมากับยมทูตตัวเป็นๆแท้ๆยังจะตกใจอะไรกับนรกอีก

     

               เดี๋ยวก่อน..อันนี้ผมของเถียง..ที่ผมตกใจน่ะเป็นเพราะผมโดนคุณฉุดเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวตะหาก นี่ถ้าเป็นประเพณีไทยโบราณ คุณมาฉุดผมถึงบ้าน(โลก)แบบนี้คุณต้องรับผิดชอบผมไปชั่วชีวิตรู้ไว้ซะด้วย...

     

                หรือคิดอีกทีที่ผมตกใจ..อาจเป็นเพราะผมกลัวว่าผมจะต้องโดนให้คุณรับผิดชอบไปชั่วชีวิตก็ได้ สาวหุ่นนักกีฬาน่ะผมชอบ แต่ถ้าเป็นหนุ่มหุ่นนักกีฬาอย่างคุณนี่...โทษทีนะ แต่ช่วยฆ่าผมให้ตายทีเถอะ

     

                  "โชคดีที่ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ขืนให้มารับมือกับพวกขวัญอ่อนแบบนี้บ่อยๆคงเป็นบ้าเข้าซักวัน"

                    ราโอเรลโคลงหัว ส่ายหน้าอย่างปลงๆ เออดี ขอให้แกรีบๆเป็นบ้าไปเลยไป๊ ยมทูตอะไรชื่ออย่างกับราวีโอเกี๊ยวอิตาลีไม่พอ ยังปากจัดชนิดซอสโทบาโก้รุ่นเผ็ดตับแล่บยังอายอีกตะหาก แล้วนี่มันภาคพื้นดินที่ไหนกันห๊ะ มาอยู่นรกแบบนี้แล้วมันต้องเป็นเจ้าหน้าที่ภาคใต้ดินแล้ว 

     

                       "คุณสตีเว่นคะ.."   ยมทูตสาวเรียก กลับหลังหันมาเผชิญหน้ากับผม เผยรอยยิ้มสว่างไสวคล้ายรอยยิ้มเมตตาของพระแม่มารี แต่ประโยคถัดมากลับหามีความปราณีไม่ นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่สงสารแม่คุณจนเผลอยอมตกลงรับมาทัวร์พิลึกหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ ก็ดูสิ ตอนนี้เธอยังไม่เห็นจะสงสารผมบ้างเลย คิดแล้วก็ช่างน่าน้อยใจจริงๆ

     

                       "เดี๋ยวฉันต้องไปรับลูกทัวร์คนอื่นๆต่ออีก เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินจะดูแลคุณต่อเองนะคะ"

                      ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้
    'เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน'นั่นน่ะ จะมีใครซะอีกนอกจากไอ้หนุ่มผมสีแพล็ทตินั่มตาแดงที่ยืนกำลังยกมือปิดปากหาวด้วยท่าทางเซ็งนรกสุดขีดอยู่ข้างๆ

                       ห๊ะ!ว่ายังไงนะ!! เฮ้ย แม่คุณ ไม่สงสารกันน่ะผมไม่ว่า แต่อย่ามาสร้างเรื่องให้กันอย่างนี้เซ่!!

     

                         "ดะ..เดี๋ยวสิคุณ..ยะ..อย่าไปนะ"

                        ผมเอื้อมมือไปเกาะชายเสื้อคลุมของมัคคุเทศน์ประจำตัวไว้แน่นราวกับยึดเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย เมื่อก่อนตอนมอปลายผมเคยมีไอ้เพื่อนเวรคนหนึ่งซึ่งดันไปหลงรักลูกสาวคนเล็กของนักการเมืองท้องถิ่น และด้วยหน้าตาที่แตกต่างกันราวดอกฟ้าและหมามีเพ็ดดีกรี บทสรุปของเรื่องราวก็รู้ๆกันอยู่ว่าต้องอกหักรักคุดกินแต่เหล้าเคล้าน้ำตาไปสามวันแปดวัน เอาแต่คร่ำครวญถึงนางในดวงใจถึงขนาดลงทุนแอบไปสะกดรอยตามทำตัวเป็นพวกสโตร์กเกอร์อยู่บ่อยๆ ตัวผมในตอนนั้นทั้งสมเพชทั้งเวทนาที่เห็นเด็กหนุ่มดีๆคนหนึ่งทำตัวราวกับเป็นสุนัขโดนเจ้าของถีบหัวทิ้ง นึกไม่ถึงเลยว่าอีกหลายปีต่อมา ผมจะต้องมาเกาะชายเสื้อผู้หญิง อ้อนวอนไม่ให้เธอจากผมไป เรียกได้ว่าถูกลดขั้นจากหมาถูกทิ้งมาเป็นทาสในเรือนเบี้ยอย่างสมบูรณ์แบบ

     

                       แต่ต่อให้เป็นหมาหัวเน่า แมวหัวแบะ หรือกระต่ายหัวขาด ผมก็จะไม่มีวันยอมถูกปล่อยทิ้งไว้กับไอ้เกี๊ยวราวีโอนี่สองต่อสองเด็ดขาด ยังไงๆก็ไม่มีวัน!

     

                        "นายแพทย์สตีเฟ่น เนอร์วาน่าคะ"   เรนาเรียกชื่อผมอีกครั้ง คราวนี้เต็มยศดูเป็นทางการ แต่น้ำเสียงนั้นกลับเหมือนครูอนุบาลกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กห้าขวบอย่างไรชอบกล นี่ถ้าในมือถืออมยิ้มสีหวานๆอันโตๆไว้ล่ออีกอันนึงนะใช่เลย

     

                         ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ที่ทำให้ผมต้องยอมพยักหน้ารับหงึกๆไม่ใช่อมยิ้มในมือเธอหรอกนะ เพราะในมือเธอไม่มีอมยิ้ม แต่ดันมีเคียวเงาวับสีเงินปรากฎขึ้นมาแทน เป็นเคียวสีเงินขนาดใหญ่ที่เพียงแค่เห็นก็รู้สึกสยองขวัญเข้าไปถึงขั้วหัวใจยิ่งกว่าอาวุธประจำกายของยมทูตในหนังฮอลลีวูดเสียอีก จริงอยู่ที่ผมบอกว่าต่อให้หมาหัวเน่า แมวหัวแบะ หรือกระต่ายหัวขาดผมก็จะไม่มีวันยอมไปกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินราโอเรล แต่ผมไม่ได้หมายความรวมถึงกรณีหัวผมหลุดจากบ่าซะหน่อย...

     

                         ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงต้องยืนมองเรนาเดินจากไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์สุดซึ้งยิ่งกว่าพระเอกมองนางเอกจากไปมีคนใหม่ แถมยังปนด้วยน้ำใสๆที่ใกล้จะปริ่มล้นจากนัยน์ตา เพราะนางเอกไม่ได้จากไปเปล่า แต่ยังทิ้งชายหุ่นนักกีฬาทรมาณใจสาวและทรมาณใจหนุ่มอย่างผมในคนละความหมายไว้ให้เป็นนางเอกแทนอีกด้วย....


    .........................................................................

    สวัสดีค่ะ รีดเดอร์ทุกท่าน ไรท์เตอร์เพิ่งสอบเสร็จ อีกอย่างนึกว่าเรื่องนี้จะไม่มีคนเข้ามาอ่านซะแล้ว เลยทิ้งร้างไว้เสียนาน ต้องขอบคุณคุณ RaWerNa มากเลยนะคะที่มาเม้นท์เป็นกำลังใจให้ ก็ตราบใดที่ยังมีคนมาอ่าน ไรท์เตอรืก็คงจะแต่งต่อไปเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านมากๆนะคะ :))

    ปล. คุณRaWerNa ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ^ ^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×