[ํYaoi] So This Is Love? - [ํYaoi] So This Is Love? นิยาย [ํYaoi] So This Is Love? : Dek-D.com - Writer

    [ํYaoi] So This Is Love?

    โดย inuchan

    เมื่อกวินตื่นขึ้นมาเจอเจ้านายหนุ่มนอนอยู่ข้างๆ และเขา่ก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิดเดียว ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันล่ะเนี่ย!!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,518

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.51K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    7
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ธ.ค. 53 / 20:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    So This Is Love?


              “โอย...ปล่อย ...ช่วยด้วย” เสียงละเมอเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง กวินกำลังฝันว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบรกทึบ ที่แย่กว่านั้นคือเขาถูกเจ้างูยักษ์อนาคอนด้ารัดร่างไว้แน่นจนหายใจไม่ออก จะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด

              “อ๊าก จะตายแล้ว” กวินสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ทว่าหลังจากจ้องเพดานเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ก็เริ่มเอะใจว่าภาพที่ เห็นดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย จากนั้นจึงไล่สายตาไปเรื่อย จนเจอเสื้อผ้าวางระเกะระกะอยู่บนพื้น แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงครางอือๆ ดังแว่วอยู่ข้างหู

              “แว้กกกกก คุณตรีภพ” ถึงกับผงะเมื่อเห็นใบหน้าที่อยู่ห่างไปแค่คืบ ซ้ำอีกฝ่ายกอดยังเขาไว้แน่นแทบหายใจไม่ออก กวินพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ต้องตกใจอีกรอบเมื่อพบว่าทั้งเขาและคู่กรณีล้วนตัวเปล่าล่อนจ้อน ไม่สวมแม้กระทั่งกางเกงใน

              คุณตรีภพที่ว่าปรือตามอง ก่อนเอ่ยทักทาย “อรุณสวัสดิ์” แล้วก็นอนหลับต่อโดยไม่สนใจใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดของกวินเลยสักนิด

              “นี่ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” กวินพยายามเค้นสมองนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่า ผลมาจากฤทธิ์น้ำเมาที่เขาดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้สมองเจ้ากรรมดันจดจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย

    ---------------------------

              ตรีภพ เทพวิชัย มีตำแหน่งเป็นเจ้านายของ กวิน สุขทวี ซึ่งทำงานร่วมกันในแผนกพัฒนาความมั่นคงของบริษัท Thanix ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายซอฟแวร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ชื่อแผนกนี้ถูกนำมาใช้โดยความคิดของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ดร.ฐานีย์ เดชอมรเลิศ ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาดร.ฐานีย์เคยมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัทชั้นนำอย่างไมโครซอฟท์ และกูเกิ้ล ทว่า...เมื่อเล็งเห็นถึงความสำคัญของวงการไอที ซึ่งยังมีการอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เขาจึงตัดสินใจกลับมาตั้งบริษัทในประเทศไทย เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

              แผนกพัฒนาความมั่นคงของบริษัท แม้ชื่อจะดูหรูหราอลังการ แต่แท้จริงก็คือการทำงานแบบผสมผสานกันระหว่าง แผนกประชาสัมพันธ์ และแผนกลูกค้าสัมพันธ์ จุดมุ่งหมายเพื่อทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการไอที และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าหันมาใช้บริการซอฟท์แวร์ไทยที่มีประสิทธิภาพ เทียบเท่าซอฟท์แวร์แท้จากต่างประเทศ ซึ่งการทำงานของแผนกนี้อยู่ภายใต้การดูแลของตรีภพซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท ของดร.ฐานีย์ที่ถูกขอร้องแกมบังคับ ให้มาช่วยงานโดยเจ้าตัวไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

              ถ้าให้พูดถึงตรีภพลูกน้อง อย่างกวินคงมีนิยามสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า เขานี่แหละ ‘เจ้านายจอมเฮี๊ยบ’ เพราะไม่ว่าลูกน้องจะพยายามพรีเซนต์ผลงานของตัวเองแค่ไหน ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของเจ้านายคนนี้สักที คงเพราะตรีภพดูเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบเอามากๆ ทุกอย่างต้องเป็นระบบระเบียบชัดเจน และอยู่ในกรอบตามที่ตั้งไว้เท่านั้น ซึ่งดูต่างกับความคิดของกวินพนักงานในสังกัดที่ชอบทำอะไรง่ายๆ สบายๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวมากนัก

               ดังนั้นเมื่อใดที่กวินถูกเรียกไปใช้งาน ก็มักจะมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับเจ้านายอยู่เสมอ แต่แทนที่เจ้านายจะเรียกใช้คนอื่น กลับเพิ่มงานให้เขามากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าตรีภพจงใจทำแบบนี้เพราะไม่ชอบขี้หน้าเขาหรือเปล่า

              อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่โดนใช้งานหนักสาหัสมาตลอดทั้งอาทิตย์ ทำให้กวินดูเงียบขรึมซึมเซาจนคนรอบข้างทักถามกันระงม เนื่องจากปกติแล้วเขาค่อนข้างเป็นหนุ่มขี้เล่น ทักทายคนนู้น คนนี้ไปเรื่อย เรียกว่าวันไหนไม่ได้ยินเสียงกวิน วันนั้นทั้งบริษัทก็ดูจะเงียบเหงาไปถนัดตา ดังนั้นตรีภพซึ่งทนกับสายตาทิ่มแทงของบรรดาลูกน้องที่คาดโทษว่าใช้งานกวิน หนักเกินไป จึงต้องหาวิธีทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ดังนั้นพอเลิกงานปุ๊บเขาจึงจัดการลากกวินมาเลี้ยงรับขวัญ เผื่อจะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่ารับขวัญกันอีท่าไหนจึงมาลงเอยกันแบบนี้...

    ---------------------------

              ด้านกวินที่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ได้แต่นั่งกุมขมับด้วยอาการปวดศีรษะเพราะเมาจนแฮงค์ ครั้นจะลุกก็ดันรู้สึกปวดหนึบๆ ระบมช่วงล่าง จนไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองโดนอะไรเข้าไป

              “คุณตรีภพ ตื่นสิครับ” ทนมองเจ้านายนอนหลับอย่างสบายใจปล่อยให้ตัวเองกลุ้มอยู่คนเดียวไม่ไหว จึงต้องสะกิดไหล่อีกฝ่ายลุกขึ้นมาคุยกัน แต่สะกิดยังไงก็ไม่ตื่นสักทีจนต้องงัดวิธีสุดท้ายออกมา คราวนี้เจ้านงเจ้านายก็ไม่สนใจแล้ว คว้าหมอนได้ก็ฟาดเข้าให้

              “มัวแต่นอนอยู่ได้ คนเขากลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว” ฟาดไปด่าไป จนอีกฝ่ายตกใจตื่นร้องเฮ้ยๆ เหมือนโดนกระชากออกจากความฝันอันแสนสุข

              “เป็นอะไรไปเนี่ย นี่คุณกล้าทำร้ายร่างกายเจ้านายเรอะ” ตรีภพยันตัวขึ้นนั่งพร้อมยกแขนขึ้นป้องกันหมอนที่กำลังตีกระหน่ำเข้าใส่ลำตัว

              “ยังจะมาดุใส่อีก บอกมานะว่าคุณกับทำอะไรผม ไอ้เจ้านายโรคจิต ไอ้บ้ากาม ไอ้โบรคแบ็คเมาท์เท่น” ยังฟาดหมอนไปไม่หยุด แม้ยังมีอาการปวดหัว และปวดช่วงล่างอยู่บ้าง แต่ ณ เวลานี้เรื่องแบคเวอร์จิ้นสำคัญกว่า

              “พอแล้วคุณหยุดๆ” ตรีภพคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่น ถึงกวินจะตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย แต่ใช่ว่าแรงมือจะน้อยตามซะเมื่อไร เล่นฟาดเข้าใส่ไม่ยั้งแบบนี้ทำเอาเขาเจ็บตัวไปเหมือนกัน

              “ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง” แต่ตรีภพยังไม่ทันได้เล่าอะไรก็มีเสียงท้องของอีกฝ่ายร้องประท้วงว่าได้เวลา อาหารเช้าแล้ว จนกวินที่เมื่อครู่ยังโมโหหน้าดำหน้าแดงปรับอารมณ์ตามร่างกายตัวเองแทบไม่ ทัน

              “เดี๋ยวลงไปกินข้าวกันดีกว่า ก่อนอื่น...เราคงต้องอาบน้ำกันก่อน” ใบหน้าเข้มยังคงนิ่งสนิทเหมือนตอนสั่งงานลูกน้องไม่มีผิด กวินชักปลงกับสังขารตัวเองที่ไม่รู้ว่าโดนปู้ยี้ปู้ยำอะไรไปบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าโวยวายไปคงเหนื่อยเปล่า เพราะอีกฝ่ายดูไม่สะดุ้งสะเทือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสักเท่าไร

              “เฮ้ย คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ” กวินถอยกรูดไปชิดหัวเตียง กอดผ้าห่มไว้แน่นเมื่ออีกฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้จนเห็นรูปร่างชัดเจน แผ่นอกหนา กล้ามท้องเป็นมัดๆ เอ่อ...ไอ้นั่นก็ใหญ่โตพอสมควร มองแล้วก็อายเมื่อนึกถึงรูปร่างตัวเองที่ค่อนข้างจะผอมแห้ง แสดงว่าตรีภพต้องขยันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมตอนอยู่ที่ทำงานเจ้านายถึงชอบสวมเสื้อตัวหลวม ใส่เจล เสยผม ทำตัวเคร่งขรึมจริงจังราวกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิไม่รู้จักผ่อนคลายซะ บ้าง กวินรู้สึกตัวอีกทีเมื่อร่างกายอีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากเกินไป จนต้องหลับตาปี๋ นั่งตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ

              “หึ” ตรีภพหลุดหัวเราะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังพนมมือไหว้พึมพำ พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วย ลูกช้างกำลังจะโดนข่มขืน เขาไม่รอช้าทึ้งผ้าห่มให้พ้นตัวคนตรงหน้า คิดในใจว่านี่กวินเห็นเขาเป็นยักษ์มารหรือยังไง จริงอยู่ตอนทำงานเขาอาจจะโหดไปบ้าง แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้ลูกน้องได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น ดูท่าว่าลูกน้องทั้งหลายคงไม่ได้คิดเหมือนอย่างเขา เพราะขนาดกวินเป็นคนที่ทนทำงานกับเขาได้มากที่สุดยังกลัวตัวสั่นขนาดนี้ สงสัยว่าถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวจนร้องไห้ และไม่กล้าโผล่มาที่บริษัทอีกต่อไป

              “คุณจะทำอะไรน่ะ” กวินร้องประท้วงเมื่อตัวลอยพ้นจากเตียง ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะอุ้มเขาได้ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน

              “พาไปอาบน้ำ” ตรีภพตอบสั้นๆ ไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้คนโดนอุ้มทำสีหน้าไม่ถูก กวินก้มลงมองตัวเองไม่รู้จะเอามือปิดตรงไหนดี ก่อนตัดสินใจรักษาหน้าน้องชายไว้ ไม่อยากจะประจานตัวเองว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้

              “ปิดไม่ปิดก็เหมือนกัน แหละน่า จับไปหมดแล้ว” เสียงเข้มๆ ที่ดังอยู่ข้างหู ทำเอากวินอายจนแดงไปทั้งตัว เขาได้แต่ด่าในใจว่าอีกฝ่ายนอกจากจะหน้าตายแล้ว ยังไม่รู้จักความอายอีกต่างหาก พูดมาได้ยังไงว่าจับมาหมดแล้ว เขาชักอยากจะร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมาจริงๆ เนี่ย

    ---------------------------

              เสียงตะหลิวกระทบกับกะทะดังก๊องแก๊งอยู่ในห้องครัว กวินนั่งมองแผ่นหลังคนใส่เสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้น กำลังทำกับข้าวท่าทางคล่องแคล่ว ต้มจืด ผัดผัก ไข่เจียว ค่อยๆ วางเรียงรายวางบนโต๊ะ ตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ ดูน่าทาน ถ้าไม่เห็นกับตาเขาคงไม่เชื่อว่าเจ้านายจอมเฮี๊ยบคนนี้จะทำกับข้าวเป็น บุคลิกพี่แกเหมือนพนักงานบริษัทที่น่าจะกินแต่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง แค่จับยัดใส่ไมโครเวฟก็กินได้ทันทีมากกว่า

              “นั่งอ้าปากค้าง ระวังอิ่มลม” พูดพลางเลื่อนเก้าอี้ก่อนลงนั่ง ส่วนคนโดนแซวรีบหุบปากทันที

              “กินสิ” ตรีภพจัดแจงตักกับข้าวใส่จานอีกฝ่าย โดยไม่ถามว่าเจ้าตัวจะกินอะไรบ้าง กวินมองด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจราวกับในอาหารอาจจะผสมยาพิษบางอย่างเข้าไปด้วย แต่เมื่อเห็นคนทำนั่งกินสบายใจ เขาก็ลองกลั้นใจชิมแล้วพบว่าอีกฝ่ายมีฝีมือในการทำอาหารใช่ย่อย นับเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเจ้านายผู้เคร่งขรึมคนนี้

              “ทำไมกินน้อย ไม่อร่อยเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคนเสียเซลฟ์

              “รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อยากกิน” พูดจบก็รวบช้อนเป็นสัญญาณสิ้นสุดมื้ออาหาร ตรีภพรินน้ำสีชมพูจางๆ ลงในแก้วใสก่อนส่งให้

              “นี่น้ำอะไรครับ” กวินถามอย่างสงสัย จะว่าน้ำแดงคงไม่ใช่ เพราะสีมันอ่อนจางกว่ากันเยอะ

              “ น้ำเปล่าใส่อุทัยทิพย์ ” ร่างสูงบอกพร้อมเก็บจานบนโต๊ะไปล้าง กวินจึงนั่งคิดอะไรไปเรื่อย ‘ข้างล่างยังรู้สึกระบมไม่หาย ตัวก็รุมๆ ใครจะมีอารมณ์ลุกไปช่วยล้างจาน ปล่อยให้ตัวต้นเหตุทำไปคนเดียวแล้วกัน’

    ---------------------------

              หลังล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักที กวินนั่งนิงไม่คิดจะเป็นฝ่ายถาม เพราะไม่แน่ใจว่าถามไปตรีภพจะตอบรึเปล่า รอให้อีกฝ่ายเล่ามาเลยดีกว่า

              “เมื่อคืนคุณเมามาก...” ตรีภพยังคงนิ่งสนิท จนคนฟังลุ้นแทบลืมหายใจ “ผมเลยพากลับบ้าน” พูดจบก็ยักไหล่เป็นทำนองว่า แค่นี้แหละ ทำเอาคนฟังอยากจะเขวี้ยงแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างมือใส่หน้าคู่กรณี แต่เมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้านาย จึงได้แต่ระงับอารมณ์เอาไว้

              “คุณ จุด จุด จุด ผมใช่ไหม” ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ความรู้สึกประหลาดที่ช่วงล่างมันบอกว่าต้องมีอะไรมากกว่านอนแก้ผ้ากอดกัน แน่ๆ ส่วนคนโดนถามกลับทำท่าเหมือนจะหลุดขำกับคำที่อีกฝ่ายสรรหามาใช้ แต่ยังคงรักษามาดเดิมเอาไว้ได้

              “อืม ผม จุด จุด จุด คุณ” ตรีภพพูดน้ำเสียงเรียบ แต่หน้าคนฟังกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโมโหที่โดนย้อน หรือว่าอายที่ตัวเองโดน จุด จุด จุด กันแน่

              กวินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะถามต่อ “ คุณเมามากเลยเหรอ ”

              “เปล่า สติยังครบถ้วนดี แต่ใครบางคนแถวๆ นี้เมาจนด่าเจ้านายตัวเอง ทั้งเฮี๊ยบ ทั้งเผด็จการ หน้าตาย ไรอารมณ์ มนุษย์หุ่นยนต์ คนไม่มีหัวใจ ใช้งานเยี่ยงทาส และอื่นๆ ”

              กวินฟังแล้วก็หน้าซีด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เริ่มแว่บเข้ามาในหัวเป็นระลอก “คุณแค้นที่ผมด่า เลยใช้วิธีนี้แก้แค้นเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ

              “เปล่า อีกนั่นแหละ” ตอบหน้าตาย เล่นเอาคนถามถึงกับงุนงงเหมือนอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ยากจะเข้าใจ กวินอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะถามว่าแล้วทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ แต่ตรีภพกลับเบือนหน้าหนีและยังคงนิ่งเฉย ก่อนยกมือข้างหนึ่งมาปิดหน้า “ก็ตอนคุณเมาแล้วกระเง้ากระงอดตัดพ้อต่อว่าผม มันน่ารักซะจนผมอดใจไม่ไหว”

              ตอนนั้นเองที่กวินเริ่มเห็นใบหน้าและลำคอของอีกฝ่ายค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ยิ่งเมื่อนึกถึงคำว่า ‘น่ารัก’ ที่ตรีภพบอกกับเขา ก็พลอยทำให้รู้สึกเขินๆ ตามไปด้วย

              ตรีภพต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติ ก่อนจะสารภาพความในใจ “ผมมองคุณมานานแล้ว” กวินส่งสายตาหวาดระแวง

              “ผมชอบที่คุณรู้จักแสดงความคิดเห็นแตกต่างไปจากผม ความร่าเริง สนุกสนานของคุณ ทำให้ใครๆ ก็ชอบคุณ รวมถึงผมด้วยเช่นกัน” คำพูดไม่ค่อยหวานจากปากเจ้านายสุดเฮี๊ยบทำเอากวินหูอื้อตาลายคิดอะไรไม่ออก ไปชั่วขณะ แค่เรื่องทำกับข้าวเป็นก็นับว่าแปลกแล้ว แต่ไอ้ที่พูดเหมือนสารภาพรักกับเขาอยู่นี่ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์พันลึก มากกว่าหลายล้านเท่า

              จู่ๆ ตรีภพก็ลุกขึ้นหายเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาพร้อมช่อกุหลาบสีขาว กับกล่องสี่เหลี่ยมสีชมพูหวานแหววขนาดปานกลานกลางที่ผูกด้วยริบบิ้นสีแดง เดินเส้นขอบเป็นรอยประสีครีม ก่อนจะยื่นให้กวินที่นั่งเอ๋อยื่นมือรับของแบบงงๆ

              “วันนี้วันวาเลนไทน์” ตรีภพเกาคางอย่างเขินๆ ก่อนทำหน้าขรึม “ผมชอบคุณ คบกับผมนะ” พูดจบก็จ้องฝ่ายตรงข้ามไม่วางตา กวินก้มมองของในมือ สลับกับหนาคนพูดอยู่สองสามครั้ง

              “คุณปล้ำผมแล้วค่อยมาขอคบที่หลัง เนี่ยนะ” นิ่งไปสักพักแล้วค่อยพูดต่อ “แล้วดอกไม้กับกล่องเนี่ย แสดงว่าเตรียมของไว้ล่วงหน้าใช่ไหม” ถามอย่างจับผิด

              “คือ...มันอาจจะข้ามขั้นไปหน่อย จริงๆ เมื่อวานตั้งใจจะให้ของอย่างเดียว ขอโทษนะ” ตรีภพหน้าเสียไปเล็กน้อย เพราะยังไงเขาก็ผิดเต็มประตู ต่อให้เขาชอบอีกฝ่ายแค่ไหนก็ไม่น่าจะลงมือโดยที่เจ้าตัวเมาไม่รู้เรื่องแบบ นี้

              กวินลงมือแกะกล่องสีชมพูเปิดออกดู ภายในมีคุกกี้รูปหัวใจแต่งหน้าด้วยสีสันสดใสละลานตา เขาเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถามคนให้ “อย่าบอกนะว่าคุณทำเอง”

              “งานอดิเรกแก้เครียด” ถ้าได้ยินไม่ผิดกวินอุทานเบาๆ ว่าสุดยอด...แปลกซะไม่มี แต่ตรีภพก็ไม่ได้ว่าอะไร

              “คุณพูดจริงเหรอ เรื่องที่จะคบกับผม” ถามย้ำเผื่ออีกฝ่ายอาจจะเมาค้างแต่ไม่รู้ตัว ซึ่งตรีภพก็แค่ตอบสั้นๆ ว่า อืม

              “ผมชอบผู้หญิงนะ” ถึงแม้จะโดนอีกฝ่ายจัดการไปแล้วก็ใช่ว่าเขาจะต้องหันมาชอบผู้ชายด้วยกันนี่นา

              “ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย...แต่เพราะคุณเป็นคนพิเศษสำหรับผม” พูดเน้นหนักในประโยคท้าย จนกวินอดใจเต้นไม่ได้ คนพิเศษ...เกิดมายังไม่เคยมีใครบอกกับเขาแบบนี้มาก่อนเลย

              กวินนั่งเรียงลำดับความคิดในหัวสมองว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เรื่องเมื่อคืนเขาก็จำไม่ค่อยได้ แต่จะให้ปฏิเสธหรือตอบรับทันที มันก็ออกจะแปลกๆ คิดไปคิดมาเริ่มปวดหัว มึนงง สับสน เกิดมายังไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน จะมีแฟนทั้งทีดันเป็นเจ้านายตัวเอง ที่สำคัญอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แถมเขาดันกลายเป็นฝ่ายรับไปเสียนี่ มองยังไงก็เสียเปรียบชัดๆ

              “ขอเวลาผมหน่อยได้ไหม ขอทำใจสัก 3 เดือน ก่อนจะให้คำตอบ” กวินต่อรอง

              “ไม่มีปัญหา ภายใน 3 เดือน ผมจะทำให้คุณหลงรักผมให้ได้” ตรีภพพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจจนอีกฝ่ายชักหมั่นไส้ ไม่แน่ใจว่าเขากำลังถูกขอคบเป็นแฟนหรือโดนสั่งให้ไปทำรายงานกันแน่ เอาวะ ลองดูสักตั้ง ยังมีเวลาตัดสินใจอีกตั้ง 3 เดือน อย่างน้อยตรีภพก็ทำกับข้าวเก่ง ทำขนมก็เป็น เขาคงไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง ส่วนเรื่องอื่น...

              “คุณตรีภพ ผมนิยมมีความรักมากกว่ามีเซ็กส์ แต่ถ้าอารมณ์มันพาไปจริงๆ ผมขอเป็นฝ่ายรุกบ้าง เพื่อความเสมอภาคนะ”

              “ …. ” ตรีภพถึงกับลังเลเมื่ออีกฝ่ายมีเงื่อนไขที่ทำให้เขาต้องคิดหนัก แต่นึกภาพเขาเป็นฝ่ายรับก็ทำใจลำบากแล้ว

              “ถ้าคุณไม่ตกลง ผมสามารถให้คำตอบคุณได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ 3 เดือน” กวินพูดด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ

              “อืม...ก็ได้ตกลงตามนั้น” ตรีภพตกลงอย่างเสียไม่ได้ ไม่เป็นไร ไว้ให้ถึงเวลา เขาคงหาวิธีโน้มน้าวใจอีกฝ่าย ไม่ให้คิดอะไรพิเรนๆ แบบนั้น

              เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ทีนี้คงต้องมาลุ้นกันว่า เมื่อครบกำหนด 3 เดือน ตรีภพจะสามารถมัดใจกวินได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่ ซึ่งได้ข่าวว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ตรีภพก็ยังเป็นเจ้านายจอมเฮี๊ยบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาสั่งงานยังโหดเป็นปกติ ไม่มีวี่แววหวานแหวว มองตาเชื่อม หรือแสดงออกว่ารัก จนกวินชักลังเลว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง หรือหลับแล้วฝันเป็นตุเป็นตะไปคนเดียว

              มาแน่ใจอีกทีก็เมื่อถึงวัน หยุดเสาร์ อาทิตย์ ตรีภพชวนเขาไปดูหนัง เดินเล่น ทำอะไรกินกันที่บ้าน และเอาอกเอาใจเขาสารพัด บรรยากาศผิดกับตอนทำงานลิบลับ ซึ่งกวินรู้สึกว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาคงเคลิ้มตามอีกฝ่ายได้ง่ายๆ จนอดรำพึงรำพันไม่ได้ว่า ‘อันตรายนะเนี่ย เราอาจะต้องมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ ซะแล้ว’

              ฝ่ายตรีภพได้ยินเข้าก็ ถึงกับยิ้มกว้าง อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่หาได้ยาก (มาก) และคนในบริษัทคงไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ แน่นอนว่ารอยยิ้มของเจ้านายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กวินละลายได้อย่าง ง่ายๆ เพราะมันไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ ดังนั้น เมื่อตรีภพเดินเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดเขาไว้ กวินยิ้มแหยๆ บ่นในใจว่า ‘ให้ตายสิ ในที่สุดเขาก็แพ้ใจตัวเองซะได้’

    ...............จบแล้วจ้า...............


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×