ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์หมัดมังกรราชันสยบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #22 : ความรัก ดอกหญ้า น้ำตาของเด็กน้อย ตอนที่01

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 46
      3
      27 เม.ย. 63



            ...เด็กน้อยเอย 

         ข้าขอถามว่าโลกนี้คืออะไร?


         เมื่อครั้งที่ยังไม่มีดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นามว่ากาเลเทียถือกำเนิดขึ้น  ที่แห่งนี้ยังคงเป็นผืนดินอันรกร้างว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้ใดถือครอง  มีเพียงพงหญ้าและไม้พุ่มหนากับบรรดาสัตว์ตัวเล็ก ๆ ท่ามกลางอาณาจักรอันกว้างขวางของพวกมัน  กลางวันร้อนระอุกลางคืนเหน็บหนาวจับใจ  เมื่อสายฝนชะพรำลงมายังผืนดินเหล่าพฤกษาก็จะโอบอุ้มไว้ส่วนหนึ่ง  ที่เหลือปล่อยผ่านซึมซาบลงสู่แหล่งแห่งตะกอนเบื้องล่าง  ก่อเกิดเป็นทางน้ำใต้ดินอันคดเคี้ยวกินบริเวณกว้างประมาณหนึ่ง  กลายเป็นวัฎจักรทางธรรมชาติอันหาแหล่งใดเทียบเทียมได้ยาก

         กระทั่งการมาถึงของมนุษย์...

         เดิมทีพวกคาราวานกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงก็ลงหลักปักฐานเริ่มก่อร่างสร้างตัวด้วยความเข้าอกเข้าใจและร่วมฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปด้วยกัน  แต่หลังจากนั้นเมื่อชุมชนขยายตัวหนาแน่นขึ้น  ปริมาณผู้คนมากขึ้น  สังคมเมืองและระบบเศรษฐกิจการแลกเปลี่ยนก็ตามมา  รวมถึงความเจริญและอารยธรรมอันเป็นรากฐานที่สำคัญของอาณาจักรด้วย  เรื่องราวทุกอย่างเหมือนกำลังเดินไปในทิศทางที่ดี  จนกระทั่งการมาถึงของสงคราม...
        
         โลภ  เกลียดชัง  หวาดกลัว  และอีกสารพัดความซับซ้อนทางอารมณ์รวมถึงกระบวนการความคิดของคนเป็นตัวนำพาหายนะมาสู่โลกใบนี้โดยแท้  สงครามความขัดแย้งคือสิ่งที่เกิดตามมาอย่างมิต้องสงสัย  เพื่อแก่งแย่งให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการโดยไม่เลือกวิธี  ที่สุดแล้วมนุษย์ก็เลือกที่จะหยิบสิ่งที่ตนเคยบูชาเถิดทูนลงมาเหยียบกระทืบเสียเอง ความฝัน ความหวัง อนาคต กลายเป็นฝุ่นควันอันห่างไกล  เสมือนอดีตที่เลือนรางไร้ร่อยรอยคงอยู่ในปัจจุบัน  ผ่านกาลเวลา  ผ่านความทุกข์ยากนานับประการของมวลมนุษย์  กระทั่งผู้กล้าคนหนึ่งได้ตอกลิ่มปักหมุดอันมั่นคงลงบนผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้  ยุติความขัดแย้งและการแก่งแย่งชิงดีทั้งมวล  ก่อเกิดเป็นราชอาณาจักรกาเลเทียอันยิ่งใหญ่แผ่ขยายอิทธิพลออกไปกระทั่งแดนเถื่อนอันไกลโพ้น  ให้เหล่าอริศัตรูต่างเกรงขามในนามของพระองค์  ผู้เป็นจอมกษัตริย์ต้นตระกูลแห่งราชวงศ์กาเลเทียสืบเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน...   


    @@@@@@@@@@@@


    ฤดูร้อนปีที่ 121 แห่งราชอาณาจักรกาเลเทีย...

         เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอย่างมีความสุขท่ามกลางมวลหมู่พฤกษานานาพันธุ์  ทุ่งดอกไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังกาเลเทียซึ่งตั้งอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของอาณาจักร  ถึงจะบอกว่าเป็นสวนดอกไม้แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะแทรกไปด้วยกลุ่มต้นหญ้าเสียมากกว่า  เมื่อถึงเวลามันก็จะปล่อยละอองสีขาวนวลให้ล่องลอยไปตามสายลม  เดินทางเผยแพร่เมล็ดพันธุ์ของตนไปตามสถานที่ต่าง ๆ อันไกลโพ้น

         "ฮะ ๆ ท่านอาจารย์ทางนี้ ๆ ครับ!"

         ในมือของเจ้าเด็กมีดอกไม้สีสดกำหนึ่งที่ปลิวไสวไปตามแรงลมเมื่อออกวิ่ง  ถัดไปนั้นคือหญิงสาวเลอโฉมในช่วงวัยเบญจเพสกำลังเดินตามเด็กน้อยมาติด ๆ  เรือนผมสีขุ่นน้ำนมสะท้อนประกายเจิดจ้ายามเมื่อต้องแสงแดดในยามบ่าย  เพียงแค่รอยยิ้มพิมพ์ใจของนางก็รุนแรงพอจะละลายน้ำแข็งบนยอดเขาหรือกระทั่งหัวใจของชายหนุ่มทั้งหลายได้อย่างง่ายดายแล้ว 

         "เดี๋ยวเถอะบลู! ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เด็ดดอกไม้ในสวนแห่งนี้ตามใจชอบอีกน่ะ"

         ผู้เป็นอาจารย์แกล้งเอ็ดจนลูกศิษย์สะดุ้งยืนสำนึกผิด  เด็กน้อยก้มหน้านิ่งไหล่ลู่ลงไม่พูดไม่จาอะไร  แต่พอนางเข้าไปใกล้เจ้านั่นกลับชักสีหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเอาเสียนี่  ช่างเป็นเด็กทะเล้นทะลึ่งไม่รู้จักสำรวมเอาเลย  กระนั้นอาจารย์สาวก็มิได้ใส่ใจเอาเรื่องแต่อย่างใด  ด้วยรู้นิสัยใจของของเจ้าเด็กซนคนนี้ดี

         "เอาล่ะ เรามาเริ่มบทเรียนในวันนี้กันเถอะ"

         อาจารย์สาวย่อตัวนั่งลงข้างกายลูกศิษย์พร้อมกับสอนวิชาให้  เมื่อใดที่มีเวลาว่างนางจะเปิดชั้นเรียนชั่วคราวให้กับพวกเด็ก ๆ ข้างถนนในกาเลเทียซึ่งแทบไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนหาความรู้ใส่ตัวนอกเสียจากวิชาเอาตัวรอดไปวัน ๆ ในอาณาจักรแห่งนี้

         "ข้าขอถามเจ้าว่า โลกนี้คืออะไร? "

         เด็กน้อยเอียงคอไปมาด้วยความงุนงงกับสิ่งที่นางถาม  ก่อนจะตอบอย่างไม่ประสาว่าโลกก็คือทุ่งดอกไม้แห่งนี้ไง  และช่วงเวลาที่ได้อยู่กับอาจารย์นั้นเป็นพรอันประเสริฐจากพระเจ้า  ทำเอาทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน  เพราะตามจริงคำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามเชิงปราชญ์เพื่อให้ผู้ฟังได้ครุ่นคิดถึงการปฎิสัมพันธ์ของตนกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง  บางทีนี่อาจจะยากเกินไปหน่อยสำหรับเด็ก ๆ ก็เป็นได้?  ด้านลูกศิษย์ก็พยายามหาโอกาสจะมอบดอกไม้ในมือให้กับผู้อาจารย์  ทว่ากลับมีบุคคลหนึ่งโผล่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

         "ท่านหญิงขอรับ..."

         ชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นสูงแบบชาววังเดินเข้ามาหานางอย่างนอบน้อม  เขาก้มโค้งให้กับอีกฝ่ายและไม่ละเลยที่จะลอบส่งแววตาดูถูกไปยังเด็กน้อยที่อยู่ใกล้กันนั้น  ประกายตาของชายคนนี้ทำให้บลูรู้สึกอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งที่พบกัน

         "องค์ชายเครโต้กำลังรอท่านอยู่นะขอรับ  ได้โปรดรีบไปเข้าเฝ้าด้วยเถิดอย่าให้พระองค์ต้องรอนาน"

         "เข้าใจแล้วข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ"

         นางถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งครั้งก่อนจะหันไปโบกมือลาเจ้าลูกศิษย์จอมทะเล้นตัวน้อย  บลูย่นจมูกทำหน้าบอกบุญไม่รับพร้อมกำมือแน่น  แน่นเสียจนช่อดอกไม้ที่หมายใจจะให้อาจารย์เมื่อครู่บิดเบี้ยวฉีกขาดคามือ  แต่ก็มิได้โวยวายออกมา  เพราะมันโตพอจะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร  ท่านอาจารย์เป็นถึงคู่หมั้นคนสำคัญของผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งกาเลเทียคนต่อไป  และตนนั้นเป็นแค่เด็กกำพร้าสกปรกที่พบเห็นได้ทั่วไปท่ามกลางเปลวไฟสงครามที่ด้านนอกกำแพงเมืองนั่น  สนามรบเลือดซึ่งใช้เป็นแหล่งประหัตประหารของเหล่าผู้ไม่ลงรอยและละโมบยิ่ง  เพียงสะเก็ดไฟเล็ก ๆ ยังใหญ่พอจะเผาผลาญหมู่บ้านของตนให้แหลกสลาย  พวกผู้ใหญ่ต่างถูกเข่นฆ่าเป็นผักปลา  พวกเด็ก ๆ ล้วนบ้านแตกสาแหรกขาดไร้ที่พึ่งพิง  มีส่วนน้อยเท่านั้นที่หลบหนีเข้ามาข้างในราชอาณาจักรแห่งนี้ได้โดยปลอดภัย

         "พรุ่งนี้นะครับท่านอาจารย์...  พรุ่งนี้ข้าจะต้องหาของล้ำค่าที่เหมาะสมแก่การประดับประดาบนเรือนกายของท่านมาให้ได้เลยทีเดียว"

         ดอกไม้ในวันนี้อาจล้มเหลว  มิได้ขึ้นไปประดับบนใบหูของนาง  แต่ในใจเด็กน้อยหาได้ท้อถอยอย่างใด  เพราะอาจารย์หญิงนั้นคือบุคคลที่มันทั้งเคารพเถิดทูนยิ่ง  นับตั้งแต่ที่นางได้ให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าสาแหรกขาดอย่างตนและเพื่อน ๆ อย่างเรดและกรีนเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้โดยมิถือตัว  แถมยังให้สิ่งสำคัญอย่างการศึกษาซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสนี้

         "เฮ้ยบลู! มาอยู่แถวนี้เองเหรอ?"

         เสียงตะโกนทักทายดังมาจากทางด้านหลัง  ปรากฎเด็กน้อยผมสีประกายแดงเพลิงกำลังวิ่งมาพร้อมกับเด็กอีกคน  ทั้งสองท่าทางเหนื่อยหอบ  สวมเสื้อผ้าปอน ๆ ขาดวิ่นไม่แพ้ของบลู  ทั้งสามต่างส่งยิ้มยินดีที่ได้เจอกัน

         "เรด! กรีน! วันนี้ฝึกเสร็จแล้วเหรอ?"

         "เออสิ! เหนื่อยแทบตายเลยล่ะ!!!"

          เด็กน้อยผมแดงล้มตัวลงบนทุ่งดอกไม้อย่างเหนื่อยอ่อน  ส่วนกรีนนั้นค่อย ๆ หย่อนก้นลงอย่างระมัดระวังด้วยรู้ว่าเพื่อนของตนนั้นค่อนข้างใส่ใจกับสวนแห่งนี้มาก  ถ้าไม่ดูให้ดีอาจพลั้งเผลอนั่งทับดอกไม้แสนสวยเอาก็ได้  ส่วนบลูนั้นรีบโยนดอกไม้ในมือทิ้งไปด้านหลังไม่ให้ใครทันเห็น

         "ดูเหมือนจะได้แผลเพิ่มอีกแล้วสินะ?"

         บลูชี้ไปที่ท่อนแขนและหัวเข่าของเรดซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาประปราย  บางส่วนเป็นร่องรอยแผลแห้งตกสะเก็ดมาจากการฝึกฝนวิชาอันเข้มงวดในวันก่อน ๆ  ด้วยว่าดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถูกหมายปองโดยแว่นแคว้นข้างเคืยงอันป่าเถื่อนโหดร้ายตลอดมา  จึงต้องคอยเรียกเกณฑ์พวกคนหนุ่มหรือเด็ก ๆ ที่ดูหน่วยก้านดีเข้ามาฝึกเป็นกำลังเสริมในการต่อสู้ป้องกันมาตุภูมิอยู่เสมอ  และพวกเด็กกำพร้าที่ลี้ภัยสงครามจากภายนอกเข้ามามักจะกลายเป็นเป้าหมายหลักในการผลิตกองทหารเพื่อต่อสู้ในแนวหน้า  เนื่องด้วยหาใช่พลเมืองของกาเลเทียโดยกำเนิดไม่  จำต้องออกโรงรับใช้ดินแดนแห่งนี้เพื่อตอบแทนบุญคุณเสียก่อน  เรดและกรีนจึงต้องเข้ารับการฝึกวิชาต่อสู้พื้นฐานในฐานะทหารเด็กที่โรงฝึกใกล้กับที่พัก  ส่วนบลูนั้นดูร่างกายเรียวเล็กอ่อนแอ  ไม่เหมาะแก่การส่งออกไปตายนอกกำแพงเมือง  เลยได้รับการยกเว้นให้เป็นเด็กรับใช้ทำงานจิปาถะในเมืองแทน  กระทั่งได้อาจารย์สาวช่วยสอนวิชาในตำราเรียนให้ตามที่กล่าวมานั่นเอง

         "ข้าได้ยินพวกผู้ใหญ่ลือกันว่าเจ้าพวกชนเผ่าทางเหนือแอบส่งสายลับลอบปะปนเข้ามาภายในกำแพงเมืองด้วยล่ะ"

         กรีนกล่าวพลางลู่หัวลงต่ำ  มันรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้ยินอะไรแบบนี้เพราะในอดีตบ้านเกิดของตนก็ถูกพวกชนเผ่าอานารยชนบุกทำลายและเผาจนราบเช่นกัน  ดังนั้นข่าวลือนี้จึงอาจเชื่อมโยงไปถึงสงครามภายในอาณาจักร  การก่อการร้ายและภัยพิบัติอื่น ๆ ซึ่งจะตามมาได้

         "ฮ่า ๆ อย่าห่วงไปเลยน่า! มีข้าคนนี้อยู่ทั้งคนจะต้องไปกลัวอะไรเล่า!"

         เรดลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวพร้อมกับพูดเพื่อปลุกขวัญเพื่อน ๆ  ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มักจะทำตัวเป็นผู้นำและแสดงความเข้มแข็งเกินวัยออกมาเสมอ  แต่วันนี้กลับเจอบลูแอบเหน็บสวนเข้าให้หนึ่งดอกว่า

         "ใช่เลย! เพราะมีเจ้าอยู่นี่แหละพวกข้าถึงได้กลัวอยู่นี่ไง ฮ่า ๆ" 

         "ช่ายย... เฮ้ยไม่ใช่สิเจ้าบ้า!"

         ว่าแล้วทั้งสามก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน  แม้เราจะไม่รู้ว่าภัยสงครามจะมาถึงตัวในวันไหน  ทว่ามันจะเป็นอะไรไปเล่าในเมื่อวันนี้ทุกคนต่างมีกันและกัน  เป็นดั่งเพื่อนตายที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขฟันฝ่าทุกอุปสรรคที่เข้ามากั้นขวางทางเบื้องหน้า  ไม่ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...



    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×