ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #97 : กลับสู่ความเป็นจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 248
      15
      22 ม.ค. 62


         ผมลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากในระหว่างที่ลุงจางและเกาฟานเฉียงกำลังประมือกันอย่างเผ็ดร้อน  คลื่นลมปราณอันแสนร้ายกาจของทั้งคู่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณจนต้นไม้ใบหญ้าต่างพลอยโดนผลกระทบแหลกกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี  เมื่อกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้งความเจ็บปวดก็ตามมาเล่นงานอีกรอบในทันที  ผมกัดฟันร้องโอดโอยเบา ๆ ขณะที่น้องหมาเองก็รีบวิ่งเข้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง

         "เจ้าหนู! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

         จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงวะ  เจ็บชิบหายวายป่วงเลยเนี่ย!  ผมส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังผู้ถาม  เส้าเทียนอิ้งเห็นก็แค่นหัวเราะออกมาก่อนจะตะโกนเรียกบรรดาลูกศิษย์พรรคมังกรทองให้ช่วยหามคนเจ็บไปปฐมพยาบาล  พวกนั้นต่างหันมองกันเลิ่กลั่กไม่รู้จะทำยังไงดี  แต่เมื่อได้เห็นเจ้าสำนักของตนกำลังต่อสู้อยู่ก็คิดเอาเองว่าทางนี้คงเป็นมิตรกันล่ะ  จึงได้เร่งหามตัวผมใส่แคร่แล้วแบกเข้าไปรักษาในตำหนักทันทีไม่รีรอ

         "ศิลามังกรเจ้าจงไปตามหาพวกเจ็ดองค์รักษ์ที่เหลือซะ! ส่วนสินหุ่ยเจ้าช่วยอยู่ดูอาการของเจ้าหนูนี่ที  และตัวข้านั้นจะขอไปทัศนาการต่อสู้ของพวกมันที่ด้านนอก ฮ่า ๆ"       

         จอมมารออกคำสั่งกับพวกลูกน้องก่อนจะทิ้งคนเจ็บไว้แล้ววิ่งเตลิดออกไปที่นอกตำหนักเพื่อรับชมการต่อสู้ของสองเจ้าสำนักอีกครั้ง  ให้ตายสิเจ้าหมาบ้านี่มันไม่เป็นห่วงร่างของผมเลยรึไงฟะ  แต่เอาเถอะ  เพราะเราประมาทเองก็คงไปโทษใครไม่ได้

         "พวกเจ้า! ทำไมถึงบังอาจแบกอ้ายมารพรรค์นี้เข้ามายังเรือนชานของเรา! นี่เสียสติไปแล้วรึยังไงกันหา!!!"

         จางถังยี่เมื่อเห็นผมอยู่ในตำหนักก็ร้องโวยวายจะเป็นจะตาย  ขอทีเถอะตอนนี้ตรูเหนื่อยจนไม่มีอารมณ์จะไปต่อล้อต่อเถียงกับใคร  ว่าแล้วผมก็ยิงกระสุนดรรชนีเข้าไปที่กกหูของเจ้านั่นจนล้มทั้งยืน  ส่งมันเข้าสู่แดนนิทราจะได้ไม่ต้องส่งเสียงโวยวายน่ารำคาญอีก  พวกที่เหลือเมื่อได้ประจักษ์ในความร้ายกาจของผมทั้งที่ยังบาดเจ็บก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก  ทำได้แค่คอยปฐมพยาบาลตัวผมไปเรื่อยเท่านั้น

         "ว่าแต่วิชาเมื่อครู่มันเป็นวิชาพิสดารอะไรกัน  ตัวข้าอยู่รับใช้ท่านจอมมารมาเนิ่นนานก็ยังมิเคยได้ยลพลังฝ่ามืออันร้ายกาจเช่นนั้นมาก่อนเลย!"

         เมื่อเหตุการณ์ในตำหนักสงบลง  สินหุ่ยก็หันมาถามผมด้วยแววตาอันตื่นเต้นราวกับเด็กเห็นของเล่นชิ้นใหม่  ซึ่งเอาจริง ๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะแม้แต่ตัวเองก็ไยังม่เข้าใจเหมือนกันว่า  ไอ้วิชาดังกล่าวมันมีกลไกทำงานยังไงหรือใช้วิธีไหนจึงควบคุมเวลาได้  เอ้อ! จะว่าไป... ผมลืมเรื่องของอาธีน่าและสำนักงานเฮฮาปาจิงโกะที่ทำหน้าที่ส่งวิญญาณคนแบบชุ่ย ๆ ลงมาที่นี่ไปเสียสนิท  หนอยถ้าไม่เพราะตาแก่ประหลาดนั่นโผล่ออกมาผมคงได้อัดสั่งสอนยัยนั่นไปสักป้าบสองป้าบแล้วเชียว!

         "จะยังไงก็ช่างเถอะ! ว่าแต่สถานการณ์ที่ข้างนอกนั่นเป็นยังไงบ้าง?"

         ผมบ่ายเบี่ยงที่จะอธิบายเรื่องวิชาใหม่  แล้วถามเกี่ยวกับการต่อสู้ของลุงจางและเกาฟานเฉียงชาติชั่วนั่นแทน  และจากปากคำของพวกลูกศิษย์มังกรทองดูเหมือนว่าการต่อสู้จะเป็นไปอย่างสูสีไม่มีใครกินใครลงเสียด้วย

         "ฮึ่มม! ถ้าไอ้สารเลวนั่นไม่แอบเล่นงานข้าเสียก่อนนะ  น้ำหน้าอย่างมันบอกเลยว่าทนอยู่ได้ไม่เกินสามกระบวนท่าแน่ ๆ"

         ผมสบถด้วยความเจ็บใจ  อย่างน้อยถ้าวัดกันตัว ๆ ไม่มีทางที่ไอ้หอกนั่นจะทำอันตรายทางนี้ได้แน่  จบศึกนี้ถ้ามันไม่ม้วยด้วยฝีมือของลุงจางก่อนนะ  ต้องมีการตามไปคิดบัญชีทบต้นทบดอกกันบ้างล่ะ  เอาให้สำนักมันย้อมไปด้วยเลือดเลย!


    @@@@@@@@@@@@


         "ส่งเจ้าหนุ่มนั่นกลับไปยังสถานที่ ๆ ควรอยู่เรียบร้อยแล้วสินะ?"

         ตาแก่หลังโกงเอ่ยถามหลังจากที่อาธีน่าจัดการส่งนายโชคย้อนไปยังต้าหลงโบราณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สาวผมทองผงกศีรษะอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยขอโทษเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่  หากแต่ตาแก่ก็มิได้ติดใจอะไร  เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนเสียยิ่งกว่า  นั่นคือการเคลื่อนไหวที่หุบเขาลี้ลับใจกลางจักรวาล  สถานที่ซึ่งเหล่าทวยเทพหลับใหล... หรือพูดให้ถูกก็คือถูกทำให้หลับใหลอย่างไม่มีวันฟื้นคืนสติกลับมาได้อีก

         "ดิฉันมั่นใจว่านี่ต้องเป็นฝีมือของพวกลูกสมุนโซโลมอนแน่ ๆ ค่ะ  ถ้ายังไงจะให้ระดับเดมิก็อดคนอื่น ๆ ชิงลงมือ..."

         "เฮ้ยไม่ต้องลำบากไปหรอก! ข้าว่าพวกเรารอดูสถานการณ์ไปอีกสักพักดีกว่า  อย่างน้อย ๆ ตอนนี้เจ้าชางเค่อและมัจจุราชก็เริ่มลงมือทำอะไรไปบ้างแล้วนี่?"

         อาธีน่ากัดฟันกรอด  กะอีแค่มนุษย์ที่บรรลุวิชาเซียนและบังอาจก้าวขึ้นมาเทียบชั้นเทพเจ้ากับไอ้นักฆ่าขี้เมาพรรค์นั้นจะไปมีปัญญาแก้ไขอะไรได้  แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งจากเบื้องสูงเธอก็ไม่มีทางขัดอยู่แล้ว  ตาแก่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาก่อนจะบอกว่า

         "ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะติดโรคขี้กังวลของพวกมนุษย์เข้าแล้วสินะ?  เอาเถอะข้าไม่ต่อว่าเจ้าหรอก  เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้จงอยู่เฉย ๆ ไปอีกสักพัก  รับรองว่าสนุกแน่!"

         สนุกกับผีน่ะสิ!  อาธีน่าคิด  คราวที่แล้วตอนมหาสงครามกับเหล่าทวยเทพอุบาทว์ที่หุบเขานั่นก็ทำเอาพวกเดมิก็อดสลายร่างไปไม่ใช่น้อยแล้ว  นี่ถ้าปล่อยให้โซโลมอนมันได้ลงมือตามใจชอบอีก  เห็นทีว่าครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ระดับซุเปอร์โนว่าแน่  แต่อีกครึ่งจักรวาลคงต้องบรรลัยกลายเป็นเถ้าถ่านให้กับความทะเยอทะยานของพวกมัน...

         "ก็บอกแล้วไงว่าให้อยู่เฉย ๆ นี่เจ้าคิดจะแข็งข้อกับข้าบ้างรึไง หืมม?"

         ตาแก่เอ็ดเสียงดัง  ทำเอาแม่สาวผมทองสะดุ้งโหยงด้วยลืมไปว่าอีกฝ่ายสามารถล่วงรู้ความในใจของสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิดทุกประเภท  เธอรีบผนึกความคิดอันสับสนทันทีด้วยเกรงโทษทัณฑ์จากตาแก่  ด้วยรู้ดีว่าก่อนหน้านี้หากมีเดมิก็อดตนใดคิดหือกับเบื้องบนขึ้นมา  ไม่พ้นเจออาญาสลายร่างกลายเป็นฝุ่นจักรวาลไปในทันที

         "เห็นแก่ที่เจ้าตั้งอกตั้งใจทำงานดังนั้นครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่อง  และขอให้เจ้าอย่าได้เป็นกังวลกับเรื่องของจ้าวแห่งไสยเวทเลย" 

         "ขออภัยค่ะท่าน! ดิฉันจะรีบกลับไปทำงานต่อในทันทีค่ะ!"

         ว่าแล้วอาธีน่าก็หันหลังกลับเข้าสู่โต๊ะทำงานและเริ่มภารกิจต่อไปของเธอในทันที  นั่นคือการจัดส่งเหล่าดวงวิญญาณผู้วายชนม์จำนวนมากที่กำลังเดินทางออกจากดินแดนต้าหลงโบราณไปยังชาติภพใหม่  เนื่องจากผู้คนที่นั่นต่างล้มตายด้วยฝีมือของพวกสหราชอาณาจักรนั่นเอง! 


    จบตอน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×