ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #98 : เสาหลักแห่งยุทธภพ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 259
      12
      12 ก.พ. 62


    อะแฮ่ม! ช่วงนี้ผมติดเกม RE2 แบบงอมแงมเลย  เพราะฉะนั้นอาจจะปั่นงานได้ช้ามากถึงมากที่สุดนะครับ  แต่ถึงจะช้าก็ทยอยเขียนนะเอ้อ!  ไม่ได้ทิ้งผลงานหนีหายไปแต่อย่างใด (ฮา)


    @@@@@@@@@@@@


         "เจ้าโง่! นี่ริอาจใฝ่ทางมารเต็มตัวแล้วสินะจางเหอลู่  เสียทีที่เคยเป็นถึงหนึ่งในห้าเสาหลักแห่งยุทธภพแท้ ๆ"

         เกาฟานเฉียงเขม่นใส่อีกฝ่ายพร้อมกับซัดฝ่ามือพยัคฆ์สีชาดเข้าใส่แบบไม่เกรงใจอดีตเสาหลักยุทธภพเลยสักนิด  ด้านจางเหอลู่แม้จะเพิ่งหายบาดเจ็บกลับมาโลดแล่นอีกครั้งก็ยังออกท่าต้านทานคู่ต่อสู้ได้อย่างสูสี  หมอกสีดำจากวิชาเทพจำแลงปรากฏขึ้นอีกครั้งและยังคงความร้ายกาจไม่ต่างจากเดิม  ทว่าที่เปลี่ยนไปคือความเข้มแข็งของคู่ต่อสู้ที่พัฒนาฝีมือจนเหนือกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด  แม้แต่พลังหมอกสีดำที่ดูดกลืนได้ทุกสิ่งก็ยังมิอาจต้านทานคลื่นลมปราณที่ถาโถมเข้าใส่ราวกับกระแสมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ได้

         "ฮ่า ๆ จางเหอลู่วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!!!"

         เจ้าสำนักพยัคฆ์แดงกางแขนทั้งสองข้างจนสุด  ก่อนจะตะปบฝ่ามือเข้าหากันอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นคลื่นเสียงทำลายโสตประสาทของทุกคนที่ยืนอยู่รอบข้าง  จางเหอลู่ต้องรีบป้องหูในทันทีแต่ไม่พ้นเจอกรงเล็บพยัคฆ์พุ่งจู่โจมตรงช่องว่างพอดี 

         "...ข้ายังไม่ตายง่าย ๆ ดอก  ที่แห่งนี้ขอมีอสูรเพียงตนเดียวก็เกินพอแล้ว!"

         จางเหอลู่เกร็งพลังประสานลมปราณก่อกำเนิดร่างจำแลงของพญามังกรสีดำแยกเขี้ยวพร้อมจู่โจมศัตรูในทันที  เกาฟานเฉียงเห็นดังนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับคำรามว่า

         "ฮ่า ๆ มันต้องอย่างนี้สิ!  เข้ามาเลยเจ้าสำนักมังกรทอง  ขอข้าดูเฮือกสุดท้ายของอดีตเสาหลักแห่งยุทธภพหน่อยเถอะ!!!"

         คราวนี้คลื่นลมปราณของอีกฝ่ายก่อตัวขึ้นเป็นพญาเสีอโคร่งสีแดงฉานราวกับหยาดโลหิตพร้อมแววตาอันดุดันกราดเกรี้ยว  มันแยกเขี้ยวรับกับเสียงขู่คำรามของพญามังกรก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนบรรยากาศรอบข้างถึงกับบิดเบี้ยวดูดกลืนเศษซากปรักและต้นไม้ใบหญ้าเข้าไปจนสิ้น  กระนั้นพลังของทั้งคู่ต่างทัดเทียมจนมิอาจตัดสินผลได้ในเพียงไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น

         "เสาหลักแห่งยุทธภพงั้นรึ?  ช่างน่าขันเสียจริง..."

         ในระหว่างประมือจางเหอลู่ยังเผลอตกลงสู่ห้วงภวังค์แห่งอดีตที่ตามมาหลอกหลอนตนอยู่ทุกค่ำคืน  เมื่อครั้งที่ตนยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ  วันหนึ่งได้พลาดทำม้วนคัมภีร์สำคัญฉีกขาดไปส่วน  ทำให้ถูกลงโทษคัดลอกคัมภีร์ฝึกตนเบื้องต้นร้อยฉบับสำหรับศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ในสำนัก  เหอลู่เกร็งมือจับพู่กันจนเมื่อยก็ถึงกับร่ำไห้ออกมา

         "หลานศิษย์เป็นอะไรไปรึ?"

         เสียงทุ้มต่ำหากแต่อ่อนโยนดังขึ้นจากข้างหลัง  นั่นคือเจ้าสำนักมังกรทองคนปัจจุบันผู้ผ่านร้อนหนาวมากว่าแปดสิบปีนั่นเอง  เด็กน้อยเห็นเจ้าสำนักมาเองก็ยิ่งร้องหนักกว่าเดิมเพราะกลัวจะถูกลงโทษซ้ำ  ท่านเจ้าสำนักเห็นม้วนคัมภีร์วางกองสุมกันอยู่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอะไรเป็นอะไร  จึงได้ก้มหัวลงลูบศีรษะของหลานศิษย์อย่างอ่อนโยน

         "เหอลู่  เจ้าพักผ่อนเสียก่อนก็ได้ข้าไม่ว่ากระไรหรอก..."

         ได้ยินดังนั้นแทนที่ศิษย์ตัวน้อยจะยอมวางมือ  มันกลับรีบปาดน้ำตาจนแห้งและเร่งคัดต่อไปด้วยใจมุมานะ  เจ้าสำนักเห็นยังอดชื่นชมไม่ได้ 

         "อาจารย์ปู่ข้าไม่อยากพัก  ข้าจะรีบคัดให้เสร็จแล้วไปฝึกวิชากับคนอื่น ๆ ต่อ!"

         "เหตุใดเจ้าจึงมานะเช่นนี้ฤา"

         "ข้าได้ยินมาว่าพวกเทียนซานมันเดินทางมาหยามอาจารย์ปู่ถึงถิ่น  ข้าเจ็บใจที่ยังเด็กมิอาจออกรับหน้ากู้สถานการณ์ให้กับสำนักได้  ข้าอยากโตไว ๆ แล้วรับมือกับพวกมันเพื่อรักษาหน้าของท่านเอาไว้!"

         ที่แท้จางเหอลู่ได้ยินเหตุการณ์ที่เส้าเทียนอิ้งเดินทางมาท้าประลองและเป็นฝ่ายกำชัยเหนืออาจารย์ปู่ผู้ชราจนต้องคุกเข่าหอบเหนื่อยบนลานหินหน้าสำนัก  เป็นที่ขายขี้หน้าประชาราษฎร์และเหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ยิ่งนัก  เมื่อได้เห็นอาจารย์ผู้มีบุญคุณชุบเลี้ยงมาจึงเกิดแรงฮึดและความเคียดแค้นในใจ  ส่งผลให้ไฟมานะจุดติดขึ้นนั่นเอง

         "ฮ่า ๆ หลานศิษย์เจ้ายังเด็กแต่กลับมีน้ำใจยิ่งนัก  นับถือ ๆ"

         อาจารย์ปู่นั่งลงเคียงข้างหลานศิษย์  พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ  ทอดสายตาเหม่อมองออกไปไกล  ฟากฟ้ายามอัสดงให้ความรู้สึกผ่อนคลายและปัดเป่าความหมองมัวที่ซ่อนอยู่ในใจเจ้าสำนักชราผู้นี้ได้อย่างหมดจดยิ่ง

         "ท่านอาจารย์คอยดูนะสักวันหนึ่งเมื่อข้าเติบใหญ่ขึ้น  ข้าจะบุกไปถล่มเทียนซานเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของท่านคืนมา!"

         "เจ้ากู้คืนมาแล้วข้าจะเอามันไปทำอันใด?  กว่าเจ้าจะโตป่านนั้นข้าก็คงลาโลกไปแล้ว...  ฟังนะหากเจ้าทำลายพรรคมารถอนรากความชั่วร้ายได้ย่อมเป็นผลดีต่อผู้คน  กระนั้นภารกิจช่างอันตรายยิ่งนัก  หากเป็นไปได้ข้าอยากให้พวกเจ้าเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งและคอยเป็นกำลังให้กับผู้คนที่อยู่เบื้องหลังเสียมากกว่า..."

         อาจารย์ปู่กล่าววาจาที่หลานศิษย์มิอาจเข้าใจ  ว่าด้วยธรรมเนียมแห่งชาวยุทธนั้นพวกมารถือเป็นภัยร้าย  ย่อมต้องกำจัดให้สิ้นเสี้ยนหนามแห่งยุทธภพ  หาไม่แล้วเชื้อพันธุ์แห่งความชิบหายก็จะยังคงอยู่สืบต่อไป  แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของยอดยุทธฝ่ายธรรมะก็ตาม  แล้วใยเจ้าสำนักผู้ชราจึงกระทำเรื่องที่ผิดประเพณีเช่นนี้หรือ?

         "แต่พวกมันคือพรรคมาร  และพวกเราก็คือพรรคมังกรทองเสาหลักแห่งยุทธภพ  ข้ามิอาจนิ่งดูดายให้พวกมันกระทำตามใจชอบหรอกขอรับ!"

         จางเหอลู่กำหมัดกล่าวด้วยความโกรธแค้น  อาจารย์ปู่ได้ยินถึงกับแค่นหัวเราะออกมา

         "เสาหลักแห่งยุทธภพงั้นหรือ?  ช่างน่าขันเสียจริง!"

        ด้วยเหตุผลเดียวกัน  ผู้เป็นบิดาย่อมไม่ปรารถนาหรือนิ่งดูดายให้ลูก ๆ ของตนต้องเผชิญอันตรายกับพวกมารที่ร้ายกาจเช่นกัน  มันเป้นความรู้สึกสับสนยิ่งที่ตนรู้สึกอับอายกับความพ่ายแพ้  แต่ในขณะเดียวกันก็ยังยินดียิ่งที่สู้รักษาชีวิตรอดมิได้ตายให้กับศักดิ์ศรีหรือความทะนงตนไร้สาระ  ได้มีโอกาสกลับมาลูบหัวหลานศิษย์และบรรดาคนอื่น ๆ  ได้สัมผัสกับบรรยากาศยามสนธยา  มิได้นอนกลายเป็นรากไม้ใต้ล่างหลุมศพปะยี่ห้อ เจ้ายุทธจักร  บ้าบอคอแตกที่หาประโยชน์อันใดต่อตนเองมิได้  หากพูดออกไปเจ้าสำนักคนอื่น ๆ คงหัวร่อถ่มถุยให้เป็นแน่  อาจารย์ปู่จึงเลือกที่จะเก็บนิ่งเอาไว้  และดื่มด่ำกับค่ำคืนอันแสนสงบสุขต่อไปอีกหนึ่งวัน

    และได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง  เหล่าลูกหลานแห่งมังกรจะสำเหนียกได้ถึงข้อเท็จจริงนี้  และเดินไปสู่หนทางที่คู่ควรตามครรลองแห่งธรรมอย่างแท้จริง...


    จบตอน


        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×