ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #71 : นักโทษหลบหนี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 434
      19
      31 ม.ค. 61


         หลังจากที่ถูกจับเป็นตัวประกันมายังสำนักเทียนซาน  ชาล็อตก็พยายามดิ้นรนหาหนทางหลบหนีออกไปจากที่คุมขังมาโดยตลอด  ซึ่งระหว่างนั้นแม้จะถูกผ้าดำคาดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นก็ตามที  แต่เธอก็ยังคอยฟังเสียงรอบข้างในระหว่างหนึ่งวันอย่างตั้งใจ  กระทั่งสามารถวาดภาพองค์ประกอบของที่คุมขังคร่าว ๆ ในหัวขึ้นมาได้  แถมยังจดจำระยะเวลาในการผลัดเวรยามและการนำอาหารมาให้อีกด้วย  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรอจังหวะเหมาะในการหลบหนีนั่นเอง

         "เอ้าอาหารมาแล้ว  เจ้าจงรีบ ๆ กินเข้าไปซะ!"

         หนึ่งในลูกสมุนพรรคนำถาดใส่ข้าวมาให้ด้วยใบหน้าอันเหนื่อยหน่าย  มันจัดการล้วงกุญแจออกมาไขลูกกรงแล้วนำถาดวางไว้ที่พื้น  ชาล็อตคอยเล็งจังหวะแกล้งทำเป็นลุกขึ้นแล้วเดินโซเซมาเตะโดนถาดข้าวจนล้มกลิ้งชนกับลูกพรรคเข้าอย่างจังจนร่วงไปทั้งคู่  สำรับอาหารถึงกับหกกระจายเต็มพื้นไปหมด

         "นังบ้านี่! หัดอยู่เฉย ๆ ไม่เป็นรึไงวะ!!!"

         ลูกพรรคลุกขึ้นมาโวยวายก่อนจะตบใบหน้าเข้าให้หนึ่งฉาด  ชาล็อตก้มหน้าไม่ต่อปากต่อคำอะไร  มันจึงด่าให้อีกสองสามคำก่อนจะบอกว่าคืนนี้ไม่มีอาหารเหลือให้อีกแล้ว  เพราะฉะนั้นต้องอดไปจนกว่าจะถึงเช้าวันใหม่  ว่าแล้วมันก็พลุนพลันออกจากห้องขังไปปล่อยให้อีกคนที่ยืนเฝ้าลงกลอนจนเรียบร้อย

         "ไอ้พวกลิงปัญญาอ่อน  ชั้นจะไม่มีวันลืมความแค้นครั้งนี้แน่ ๆ"

         ชาล็อตสบถเบา ๆ กับตัวเอง  ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้มเพราะเมื่อครู่ในจังหวะชุลมุนเธอแอบชิงกุญแจดอกเล็ก ๆ ซึ่งใช้ไขประตูห้องคุมขังมาจากเจ้านั่นได้โดยที่พวกมันไม่รู้ตัว  แล้วรีบซ่อนไว้ในฝ่ามือไม่ให้ใครได้เห็น  เท่านี้แผนการขั้นแรกก็สำเร็จลงได้ด้วยดี  ที่เหลือก็คือหาช่วงเวลาเหมาะ ๆ ในการดำเนินแผนขั้นต่อไป


    @@@@@@@@@@@@


         หลังจากผ่านมาอีกราวสองสามชั่วโมง  เมื่ออากาศเริ่มเย็นลงส่งสัญญาณบอกว่าล่วงเข้าสู่ช่วงเที่ยงคืนแล้ว  ชาล็อตเงี่ยหูฟังเสียงของผู้คุมที่ยืนจังก้าหน้าห้องขังอย่างตั้งใจ  จนมั่นใจว่าได้ยินเสียงกรนถนัดถนี่ลอยมาตามลม  เธอจึงเตรียมการเพื่อหลบหนีออกไปในทันที!

         "ฮึ่มม... เร็วซี่ ๆ"

         ชาล็อตพึมพำเร่งตัวเองในขณะที่ยืนหันหลังไขประตูด้วยกุญแจซึ่งแอบฉกมาก่อนหน้านี้อย่างเบามือที่สุด  เพื่อไม่ให้เสียงโลหะกระทบกันปลุกเจ้ายามเฝ้าให้ตื่นขึ้นมาจ๊ะเอ๋กันเสียก่อน  ไม่นานนักก็มีเสียงกริ๊กเล็ก ๆ ก่อนที่กลอนจะถูกปลด  ปล่อยให้นักโทษสาวหลุดออกมาสู่อิสระได้ในที่สุด  ชาล็อตก้มตัวลงต่ำแล้วคลานเข่าไปตามพื้นแบบเชื่องช้าที่สุด  ด้วยความกังวลว่าศีรษะอาจไปกระแทกโดนอะไรเข้า  ขั้นตอนต่อไปคือการแก้มัดเชือกที่จับแขนของตนไพล่หลังออก  โชคดีที่เธอดักฟังบทสนทนาของพวกยามจนรู้ว่ามีมีดหั่นเนื้อวางอยู่บนโต๊ะถัดจากห้องคุมขังนี่ไป  จึงรีบคลานไปให้ถึงโต๊ะตัวดังกล่าวและพยายามคลำหา  ไม่นานนักก็ได้ของที่ต้องการมาไว้ในมือและเริ่มหั่นเชือกอย่างทุลักทุเลที่สุด

         "เฮ้ย! มันหนีไปไหนแล้ว! ไอ้หน้าโง่นี่มัวแต่นอนอยู่ได้รีบออกไปตามหาตัวเร็วเข้า!!!"

         เสียงโหวกเหวกดังมาจากทางห้องคุมขัง  ดูท่าว่าเวรยามในผลัดต่อไปจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้  ทำให้พวกมันรู้ตัวในที่สุด  ชาล็อตเร่งมือหั่นอย่างเอาเป็นเอาตายจนเชือกเส้นสุดท้ายคลายตัวออก  เธอรีบถอดผ้าปิดตาออกแล้ววิ่งหาที่ซ่อนตัวในทันที

         "มันยังหนีไปได้ไม่ไกลแน่! พวกเอ็งไปแจ้งข่าวแก่ท่านสินหุ่ยด้วยเร็วเข้า!"

         บรรดาเวรยามต่างวิ่งผ่านห้องที่ชาล็อตแอบซ่อนตัวอยู่ไป  เธอก้มตัวลงข้างบานประตูแล้วเหลียวมองไปรอบด้านเพื่อหาทางหนีออกจากชั้นใต้ดินแห่งนี้  เห็นบันไดทางขึ้นสู่เบื้องบนจึงแอบย่องไปตามขั้นบันไดอย่างระมัดระวัง  จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นบนได้อย่างปลอดภัยแต่ก็ต้องรีบแอบด้านหลังกำแพงเพราะพวกพรรคเทียนซานต่างวิ่งกระหืดกระหอบผ่านหน้าไป  ข่าวเรื่องนักโทษแหกคุกลามไปทั่วพรรคอย่างรวดเร็วจนแม้กระทั่งพวกเจ็ดองค์รักษ์ยังออกตามหาด้วยตนเอง

         "นั่นไง! มันอยู่ตรงนั้น!"

         ไม่ทันไรหนึ่งในเจ็ดองค์รักษ์ก็ตามจนเจอตัวชาล็อต  เธอหันหลังวิ่งแบบไม่คิดชีวิตโดยมีอสูรแปดหน้าไล่ตามมาติด ๆ  แต่มีหรือที่กำลังวังชาของหญิงสาวธรรมดาจะเอาชนะผู้ใช้ลมปราณได้  ไม่ทันไรอสูรแปดหน้าก็คว้าตัวชาล็อตไว้สำเร็จ  เสี้ยววินาทีนั้นเธอตัดสินใจใช้อาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เหลือเก็บซ่อนไว้ในตัวนั่นคือแคปซูลระเบิดแสงเม็ดเล็กจิ๋วซึ่งถูกฝังไว้ในส่วนหลังข้อมือข้างซ้าย  เจ้าอสูรไม่ทันระวังจึงโดนแสงวาบจากระเบิดดังกล่าวทำให้ตาพร่าไปชั่วขณะเช่นเดียวกับศิษย์พรรคคนอื่น ๆ ที่วิ่งตามมา  ชาล็อตฉวยโอกาสนี้หลับตาวิ่งหนีจนหลุดจากเขตพรรคเทียนซานมาได้ในที่สุด   

         "ฮึ่ม! นังหนูคิดจะหนีไปไหน?"

         ศิลามังกร หัวหน้าแห่งเจ็ดองค์รักษ์ยืนกอดอกอยู่เหนือกิ่งไม้ด้านบน  บริเวณแนวป่ารอบนอกเขตพรรคแห่งนี้เต็มไปด้วยกองกำลังของเทียนซานที่ระดมมาตามจับตัวเธอ  ชาล็อตรู้ดีว่าหมดทางหนีแล้วแต่ยังไม่ยอมตัดใจง่าย ๆ  เธอตัดสินใจคว้าท่อนไม้แห้งที่ตกอยู่ใกล้ ๆ ตัวขึ้นมาใช้ต่างอาวุธ  พวกเทียนซานเห็นเช่นนั้นต่างพากันหัวร่องอหาย

         "ฮ่า ๆ นังหนูคิดหรือว่าท่อนไม้แค่นั้นจะ...!"

         ยังไม่ทันจบประโยค  ลำแสงสีฟ้าอ่อนก็พุ่งตรงเข้าปะทะกับกลุ่มลูกพรรคเทียนซานจนแตกกระเจิงกระเด็นหายลับไปในความมืดแห่งป่าเขาทันที  ทุกคนแตกตื่นไล่หาที่มาของแสงประหลาดนั่นในทันที  ก่อนที่ลำแสงเส้นที่สองและสามจะสาดเข้าใส่พวกมันจากทางนู้นทีทางนี้ที

         "องค์หญิงไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ!"

         เสียงเรียกของบาวทำให้ชาล็อตรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  เพราะระเบิดแสงเมื่อครู่ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อหนีจากการจับกุมเท่านั้น  แต่ในความมืดท่ามกลางหุบเขาเช่นนี้นับว่าเป็นพลุแสงเพื่อบอกตำแหน่งได้อย่างดีเลยทีเดียว  ทำให้ทีมค้นหาอย่างบาวและชางซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่พบเจอได้โดยง่าย  และทั้งสองก็ตัดสินใจใช้ไรเฟิลจู่โจมเล่นงานพวกศัตรูในทันที

         "ฮึ่ม! ไอ้พวกหมาลอบกัด  อย่าหยามเทียนซานให้มากนักนะ!"

         อสูรแปดหน้าฉุนจัดที่พรรคพวกโดนทำร้าย  มันจึงตรงเข้าเล่นงานบาวและชางในทันที  พลังลมปราณอันเกรี้ยวกราดพุ่งเข้าใส่ร่างของบาวจนกระเด็นถอยไปราวสามถึงสี่เมตร  โชคดีที่เขาสวมเกราะหนักเอาไว้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก  แต่ก็จุกจนขยับตัวไม่ได้ไปสักพัก  ชางจึงตรงเข้ารับช่วงต่อด้วยวิชาการต่อสู้อันเป็นสายถนัดของตน  และแล้วลีลาการต่อสู้ระหว่างวิทยายุทธยุคเก่ากับใหม่ก็เผชิญหน้ากันในที่สุด...


    จบตอน
      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×