ลำดับตอนที่ #50
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่13
แม้ว่าจะสลายพลังของอีกฝ่ายไปสักกี่ครั้งกี่หน แต่ตาลุงจางเหอลู่ก็ยังดื้อด้านไม่ยอมรับความพ่ายแพ้สักที จนทั้งผมและจอมมารต่างก็มีน้ำโหขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ทว่าสำหรับผมแล้วยังไง ๆ ก็ไม่ยอมลงมือฆ่าคนเป็นแน่ ต่อให้สิงสู่อยู่ในร่างของปิศาจโฉดชั่วอย่างเส้าเทียนอิ้งก็ตามที เพราะฉะนั้นก่อนอื่นคงต้องหาทางคว่ำลุงจอมตื้อคนนี้แล้วค่อยหาวิธีเกลี้ยกล่อมน้องหมาเอาวันหลังก็แล้วกัน
"ข้าเตือนเจ้าแล้วนะจางเหอลู่!"
ด้วยพลังขั้นสีแดงที่เพิ่มพูนทั้งพลังวัตรและกระบวนท่าอย่างมหาศาล ทำให้ผมสามารถเรียกใช้ลมฟ้าได้ดังใจนึก ดังนั้นเพื่อสยบคนแก่หัวดื้อก็คงต้องเล่นหนักมือกันสักหน่อยล่ะ ผมดึงกระแสพายุอันร้ายกาจมาไว้ที่มือทั้งสองข้าง ก่อเกิดเป็นวิถีอันแปรปรวนหมุนวนเป็นวงกลมที่ด้านในฝ่ามือ และทันทีที่ปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระ มันก็กลายเป็นกระสุนดรรชนีอันคมกริบที่เจาะทะลุทะลวงได้ทุกสิ่งในโลกนี้ทันที
"สามหาว! อย่างเจ้าหรือจะเอาชนะข้าได้จอมมาร!"
ลุงจางก็ยังคงดื้อสมกับเป็นลุงจาง แกใช้สองมือเข้าช้อนรับพลังดรรชนีนั้นเอาไว้ในพริบตา แรงอัดของมันถึงกับฉุดกระชากให้ตัวลุงลอยสูงจากพื้นขึ้นไปเลยทีเดียว ขืนยังไม่ยอมปล่อยมือล่ะก็รับรองเลยว่าได้มีรูโหว่ที่กลางลำตัวแน่ ๆ
"เจ้าโง่! ไว้รับมือข้าได้เกินสิบกระบวนท่าค่อยมาคุยโวเถอะ!"
ผมโดดขึ้นไปไล่อัดใส่ใบหน้าของตาลุงแบบรัว ๆ ทั้งที่แกยังฝืนรับพลังดรรชนีเอาไว้ คนนอกดูคงเห็นว่าจอมมารนี่มันโหดจริง แต่ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้แกตายเพราะโดนพลังทะลวงไส้แตกต่างหากเล่า! และมันได้ผลเมื่อจางเหอลู่ทนไม่ไหวต้องปล่อยมือ ทำให้พลังดรรชนีระเบิดออกกลางอากาศ ส่งผลให้ประมุขพรรคมังกรทองร่วงลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เอาน่า... อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้พุงทะลุก็แล้วกัน?
"จอมมาร! แก... แก!!!"
ทันใดนั้นก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับลุงจาง ใบหน้าของแกบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดภายในอย่างหนัก แล้วทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็กลายเป็นสีแดงฉานดูน่ากลัวราวกับเป็นปิศาจของจริงไม่มีผิด จางเหอลู่ลอยตัวขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในท่านอน
"ข้าคือเสาหลักแห่งยุทธภพ ข้านี้ไร้เทียมทาน!!!"
โอเค ตอนนี้แกคงสติหลุดเป็นที่เรียบร้อยแล้วแน่ ๆ ผมจึงคิดเผด็จศึกให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป คราวนี้ผมเลือกใช้พลังจากสายน้ำด้วยการรวบรวมละอองน้ำจากในอากาศมารวมกันเป็นคลื่นวารีลูกเล็ก แค่ซัดเจ้านี่เข้าหน้าเรียกสติให้ตาลุงก็คงเพียงพอแล้ว ที่ไหนได้ยังไม่ทันที่ผมจะเคลื่อนตัวเข้าหาแกเลย กลายเป็นฝ่ายตาลุงที่อ้อมเข้าด้านหลังของผมได้เสียนี่!
"ข้านี้ไร้เทียมทาน..."
สิ้นคำ ๆ นี้ร่างของผมก็กระเด็นปลิวไปที่อีกฟากของลานประลองในทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเจอกับอะไรเข้าไป รู้แค่มันเจ็บจนหูอื้อตาลายไปหมดตกลงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?
"เฮ้ยไอ้หนู! รีบลุกขึ้นเร็วเข้ามันจะตามเข้ามาซ้ำแล้ว!"
วินาทีถัดจากนั้นภาพที่ผมเห็นคือตาลุงชูฝ่ามือขึ้นสูงจรดศีรษะ แล้วฟาดสันมือลงมาตรง ๆ ราวกับใบมีดอันคมกริบก็ไม่ปาน ขนาดพยายามเบี่ยงตัวหลบแล้วแต่ไม่แคล้วโดนถาก ๆ แถวสีข้างเข้าจนได้
"อ๊ากก!"
ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะออกแรงถีบให้อีกฝ่ายกระเด็นถอยออกไป เลือดสดไหลซิบ ๆ จากกล้ามเนื้อบริเวณซี่โครงด้านซ้าย ลุงแกเฉือนเอาเนื้อหนังผมหายไปได้นิดหน่อย ปัทโธ่เอ๊ย! ดันประมาทคู่ต่อสู้ไปซะได้ ผมส่งเสียงสบถด้วยความเจ็บใจ
"ไม่ใช่เจ้าประมาทหรอก เหมือนว่าจู่ ๆ พลังวัตรของเจ้านั่นก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่ากลัวเลยทีเดียว"
แม้แต่น้องหมายังประหลาดใจว่าตาลุงที่กำลังร่อแร่เจียนอยู่เจียนไปแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเก่งกาจว่องไวขึ้นจนผิดหูผิดตาขนาดนี้ หรือว่าแกยังมีเคล็ดอะไรบางอย่างแอบปิดซ่อนเอาไว้อีก? ที่แน่ ๆ ผมไม่กล้าประมาทคู่ต่อสู้แล้ว เพราะตอนนี้ดูตาลุงแกเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว (คือตอนแรกก็ว่าแปลกตาไปแล้วนะ ตอนนี้เลยยิ่งเพี้ยนหนักกว่าเดิมอีก)
"ข้านี้ไร้เทียมทาน!"
ตาลุงระเบิดพลังลมปราณขึ้นสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำลายวัตถุสิ่งของที่อยู่รอบ ๆ จนพังทลายกลายเป็นเศษซากในพริบตา บรรดาเจ้าสำนักคนอื่นถึงกับต้องหนีออกจากปะรำแล้วถอยออกจากรัศมีทำลายล้างในทันที
"ข้าคือเสาหลักของยุทธภพ!!!"
มาตอนนี้ผมเริ่มจะนึกออกล่ะ ว่าอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้มันช่างเหมือนกับเมื่อตอนที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมพลังขั้นสีแดงได้เลย แสดงว่าตาลุงกำลังฝืนจะเรียกใช้พลังที่มันยิ่งใหญ่เกินตัวไปมากสินะ จึงได้ตกอยู่ในสภาวะขาดสติเช่นนี้
"คราวนี้เจ้าคงไม่พูดจาอ่อนด้อยว่าจะไม่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามแล้วสินะ?"
จอมมารถอนหายใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตาลุงตอนนี้อยู่ในสภาพที่อันตรายสุด ๆ หากไม่ทุ่มสุดตัวเผลอ ๆ อาจถึงแพ้เลยก็เป็นได้ แต่กระนั้นผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามั่นใจที่จะสยบตาลุงโดยไม่ต้องปลิดลมหายใจได้แน่ ๆ คอยดูก็แล้วกัน!
"เฮอะ! ข้าว่าเจ้านั่นดูน่าสมเพชเหลือเกินที่ต้องมาสู้กับไอ้ละอ่อนไร้เดียงสาเช่นเจ้า"
เส้าเทียนอิ้งก็ยังค่อนแขวะกันไม่เลิก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปสนใจจอมมารหรอก เพราะผมต้องตั้งสมาธิรับมือการการโจมตีของลุงจางเสียก่อน เจ้าสำนักมังกรทองกางแขนออกทั้งสองข้างแล้วชูคอส่งเสียงคำรามขึ้นไปบนฟากฟ้า พลังเสียงนั้นสั่นสะเทือนพื้นดินอย่างกับแผ่นดินไหวเลยทีเดียว
"จางเหอลู่ ข้ารู้สึกสมเพชกับสภาพของเจ้าในเวลานี้เหลือเกิน นี่หรือเสาหลักของยุทธภพ? ตรงหน้าข้านี้คือสัตว์ป่ากระหายเลือดที่พร้อมฆ่าไม่เลือกมากกว่านะ!"
นึกย้อนไปเมื่อครั้งที่ได้นั่งดื่มชากับลุงผู้นี้ ผมยังจำได้ดีว่าแกเป็นฝ่ายธรรมะจอมฉ้อฉลก็จริง (ตามที่พวกเทียนซานชอบพูดถึง) แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไร มารกับธรรมะอาจจะแตกต่างและแตกแยกจนอยู่ร่วมกันไม่ได้ก็จริง แต่ทำไมทั้งสองฝ่ายถึงไม่ยอมลดราวาศอกและเปิดโต๊ะเจรจากันสักครั้ง? ให้พวกมารทำตัวดี ๆ เลิกเบียดเบียนเอาชีวิตผู้อื่น ให้พวกธรรมะเลิกเอาดีเข้าตัวและคอยช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง หรือเพราะแค่ผมเป็นคนผิดที่ มาจากต่างยุคต่างสมัย จึงมองอะไรไม่เหมือนคนอื่นเช่นนี้กันนะ?
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น