ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #50 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 695
      28
      21 พ.ย. 60


         แม้ว่าจะสลายพลังของอีกฝ่ายไปสักกี่ครั้งกี่หน  แต่ตาลุงจางเหอลู่ก็ยังดื้อด้านไม่ยอมรับความพ่ายแพ้สักที  จนทั้งผมและจอมมารต่างก็มีน้ำโหขึ้นมาพร้อม ๆ กัน  ทว่าสำหรับผมแล้วยังไง ๆ ก็ไม่ยอมลงมือฆ่าคนเป็นแน่  ต่อให้สิงสู่อยู่ในร่างของปิศาจโฉดชั่วอย่างเส้าเทียนอิ้งก็ตามที  เพราะฉะนั้นก่อนอื่นคงต้องหาทางคว่ำลุงจอมตื้อคนนี้แล้วค่อยหาวิธีเกลี้ยกล่อมน้องหมาเอาวันหลังก็แล้วกัน

         "ข้าเตือนเจ้าแล้วนะจางเหอลู่!"

         ด้วยพลังขั้นสีแดงที่เพิ่มพูนทั้งพลังวัตรและกระบวนท่าอย่างมหาศาล  ทำให้ผมสามารถเรียกใช้ลมฟ้าได้ดังใจนึก  ดังนั้นเพื่อสยบคนแก่หัวดื้อก็คงต้องเล่นหนักมือกันสักหน่อยล่ะ  ผมดึงกระแสพายุอันร้ายกาจมาไว้ที่มือทั้งสองข้าง  ก่อเกิดเป็นวิถีอันแปรปรวนหมุนวนเป็นวงกลมที่ด้านในฝ่ามือ  และทันทีที่ปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระ  มันก็กลายเป็นกระสุนดรรชนีอันคมกริบที่เจาะทะลุทะลวงได้ทุกสิ่งในโลกนี้ทันที

         "สามหาว! อย่างเจ้าหรือจะเอาชนะข้าได้จอมมาร!"

         ลุงจางก็ยังคงดื้อสมกับเป็นลุงจาง  แกใช้สองมือเข้าช้อนรับพลังดรรชนีนั้นเอาไว้ในพริบตา  แรงอัดของมันถึงกับฉุดกระชากให้ตัวลุงลอยสูงจากพื้นขึ้นไปเลยทีเดียว  ขืนยังไม่ยอมปล่อยมือล่ะก็รับรองเลยว่าได้มีรูโหว่ที่กลางลำตัวแน่ ๆ  

         "เจ้าโง่! ไว้รับมือข้าได้เกินสิบกระบวนท่าค่อยมาคุยโวเถอะ!"

         ผมโดดขึ้นไปไล่อัดใส่ใบหน้าของตาลุงแบบรัว ๆ ทั้งที่แกยังฝืนรับพลังดรรชนีเอาไว้  คนนอกดูคงเห็นว่าจอมมารนี่มันโหดจริง  แต่ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้แกตายเพราะโดนพลังทะลวงไส้แตกต่างหากเล่า!  และมันได้ผลเมื่อจางเหอลู่ทนไม่ไหวต้องปล่อยมือ  ทำให้พลังดรรชนีระเบิดออกกลางอากาศ  ส่งผลให้ประมุขพรรคมังกรทองร่วงลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง  เอาน่า... อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้พุงทะลุก็แล้วกัน?

         "จอมมาร! แก...  แก!!!"

         ทันใดนั้นก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับลุงจาง  ใบหน้าของแกบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดภายในอย่างหนัก  แล้วทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็กลายเป็นสีแดงฉานดูน่ากลัวราวกับเป็นปิศาจของจริงไม่มีผิด  จางเหอลู่ลอยตัวขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในท่านอน

         "ข้าคือเสาหลักแห่งยุทธภพ  ข้านี้ไร้เทียมทาน!!!"

         โอเค ตอนนี้แกคงสติหลุดเป็นที่เรียบร้อยแล้วแน่ ๆ ผมจึงคิดเผด็จศึกให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป  คราวนี้ผมเลือกใช้พลังจากสายน้ำด้วยการรวบรวมละอองน้ำจากในอากาศมารวมกันเป็นคลื่นวารีลูกเล็ก  แค่ซัดเจ้านี่เข้าหน้าเรียกสติให้ตาลุงก็คงเพียงพอแล้ว  ที่ไหนได้ยังไม่ทันที่ผมจะเคลื่อนตัวเข้าหาแกเลย  กลายเป็นฝ่ายตาลุงที่อ้อมเข้าด้านหลังของผมได้เสียนี่!

         "ข้านี้ไร้เทียมทาน..."

         สิ้นคำ ๆ นี้ร่างของผมก็กระเด็นปลิวไปที่อีกฟากของลานประลองในทันที  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเจอกับอะไรเข้าไป  รู้แค่มันเจ็บจนหูอื้อตาลายไปหมดตกลงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?

         "เฮ้ยไอ้หนู! รีบลุกขึ้นเร็วเข้ามันจะตามเข้ามาซ้ำแล้ว!"

         วินาทีถัดจากนั้นภาพที่ผมเห็นคือตาลุงชูฝ่ามือขึ้นสูงจรดศีรษะ  แล้วฟาดสันมือลงมาตรง ๆ ราวกับใบมีดอันคมกริบก็ไม่ปาน  ขนาดพยายามเบี่ยงตัวหลบแล้วแต่ไม่แคล้วโดนถาก ๆ แถวสีข้างเข้าจนได้

         "อ๊ากก!"

         ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด  ก่อนจะออกแรงถีบให้อีกฝ่ายกระเด็นถอยออกไป  เลือดสดไหลซิบ ๆ จากกล้ามเนื้อบริเวณซี่โครงด้านซ้าย  ลุงแกเฉือนเอาเนื้อหนังผมหายไปได้นิดหน่อย  ปัทโธ่เอ๊ย! ดันประมาทคู่ต่อสู้ไปซะได้  ผมส่งเสียงสบถด้วยความเจ็บใจ

         "ไม่ใช่เจ้าประมาทหรอก  เหมือนว่าจู่ ๆ พลังวัตรของเจ้านั่นก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่ากลัวเลยทีเดียว"

         แม้แต่น้องหมายังประหลาดใจว่าตาลุงที่กำลังร่อแร่เจียนอยู่เจียนไปแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเก่งกาจว่องไวขึ้นจนผิดหูผิดตาขนาดนี้  หรือว่าแกยังมีเคล็ดอะไรบางอย่างแอบปิดซ่อนเอาไว้อีก?  ที่แน่ ๆ ผมไม่กล้าประมาทคู่ต่อสู้แล้ว  เพราะตอนนี้ดูตาลุงแกเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว (คือตอนแรกก็ว่าแปลกตาไปแล้วนะ  ตอนนี้เลยยิ่งเพี้ยนหนักกว่าเดิมอีก)

         "ข้านี้ไร้เทียมทาน!"

         ตาลุงระเบิดพลังลมปราณขึ้นสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง  ทำลายวัตถุสิ่งของที่อยู่รอบ ๆ จนพังทลายกลายเป็นเศษซากในพริบตา  บรรดาเจ้าสำนักคนอื่นถึงกับต้องหนีออกจากปะรำแล้วถอยออกจากรัศมีทำลายล้างในทันที

         "ข้าคือเสาหลักของยุทธภพ!!!"

         มาตอนนี้ผมเริ่มจะนึกออกล่ะ  ว่าอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้มันช่างเหมือนกับเมื่อตอนที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมพลังขั้นสีแดงได้เลย  แสดงว่าตาลุงกำลังฝืนจะเรียกใช้พลังที่มันยิ่งใหญ่เกินตัวไปมากสินะ  จึงได้ตกอยู่ในสภาวะขาดสติเช่นนี้

         "คราวนี้เจ้าคงไม่พูดจาอ่อนด้อยว่าจะไม่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามแล้วสินะ?"

         จอมมารถอนหายใจ  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตาลุงตอนนี้อยู่ในสภาพที่อันตรายสุด ๆ หากไม่ทุ่มสุดตัวเผลอ ๆ อาจถึงแพ้เลยก็เป็นได้  แต่กระนั้นผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามั่นใจที่จะสยบตาลุงโดยไม่ต้องปลิดลมหายใจได้แน่ ๆ คอยดูก็แล้วกัน!

         "เฮอะ! ข้าว่าเจ้านั่นดูน่าสมเพชเหลือเกินที่ต้องมาสู้กับไอ้ละอ่อนไร้เดียงสาเช่นเจ้า"

         เส้าเทียนอิ้งก็ยังค่อนแขวะกันไม่เลิก  แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปสนใจจอมมารหรอก  เพราะผมต้องตั้งสมาธิรับมือการการโจมตีของลุงจางเสียก่อน  เจ้าสำนักมังกรทองกางแขนออกทั้งสองข้างแล้วชูคอส่งเสียงคำรามขึ้นไปบนฟากฟ้า  พลังเสียงนั้นสั่นสะเทือนพื้นดินอย่างกับแผ่นดินไหวเลยทีเดียว

         "จางเหอลู่  ข้ารู้สึกสมเพชกับสภาพของเจ้าในเวลานี้เหลือเกิน  นี่หรือเสาหลักของยุทธภพ?  ตรงหน้าข้านี้คือสัตว์ป่ากระหายเลือดที่พร้อมฆ่าไม่เลือกมากกว่านะ!"

         นึกย้อนไปเมื่อครั้งที่ได้นั่งดื่มชากับลุงผู้นี้  ผมยังจำได้ดีว่าแกเป็นฝ่ายธรรมะจอมฉ้อฉลก็จริง (ตามที่พวกเทียนซานชอบพูดถึง) แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไร  มารกับธรรมะอาจจะแตกต่างและแตกแยกจนอยู่ร่วมกันไม่ได้ก็จริง  แต่ทำไมทั้งสองฝ่ายถึงไม่ยอมลดราวาศอกและเปิดโต๊ะเจรจากันสักครั้ง?  ให้พวกมารทำตัวดี ๆ เลิกเบียดเบียนเอาชีวิตผู้อื่น  ให้พวกธรรมะเลิกเอาดีเข้าตัวและคอยช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง  หรือเพราะแค่ผมเป็นคนผิดที่  มาจากต่างยุคต่างสมัย  จึงมองอะไรไม่เหมือนคนอื่นเช่นนี้กันนะ?


    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×