ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #13 : ห้าพรรคใหญ่ปะทะเทียนซาน ตอนที่06

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.27K
      141
      14 ก.ย. 60


         พิษร้ายที่ต้องรักษาตัวจนถึงจันทร์เพ็ญรอบหน้าเรอะ  เจ้าเล่ห์ไม่เบานี่ว่าหมาน้อย  ที่แท้การใช้พิษเล่นงานพวกธรรมะก็เพราะหวังผลแบบนี้ไว้นั่นเอง  คงรู้ตัวว่าหากไม่แลกวิญญาณกับตรูเสียก่อนก็คงเอาชนะพวกห้าสำนักใหญ่ทั้งหมดไม่ได้สินะ?  ผมคิดพลางทึ่งไปกับแผนการของเส้าเทียนอิ้ง

         "แล้วทำไมพวกข้าต้องฟังคำเพ้อพกของเจ้าด้วยจอมมาร  ตอนนี้แกกำลังอ่อนแออยู่สู้ร่วมแรงกันเผด็จศึกไปเลยไม่ดีเสียกว่าหรือ!"

         พวกธรรมะบางคนตะโกนขึ้น  ด้วยยังโกรธแค้นที่เจ้าสำนักของตนโดนลอบกัดด้วยพิษร้ายแรง 

         "เช่นนั้นในทางกลับกัน  สู้ข้าจัดการพวกแกที่รนหาที่ในรอบเดียวไปไม่ดีกว่ารึเจ้าโง่  ลองใช้สมองตรองดูเสียก่อนเถิด  เหตุใดจึงต้องจัดงานประลองยุทธให้เสียเวลาด้วยเล่า?"

         "คงเพราะต้องการพิสูจน์ว่าใครคือจ้าวยุทธภพที่แท้จริงสินะ?"

         หยางจิวเทียนเอ่ยพร้อมอธิบายว่าใช่ หากจอมมารจัดการประมุขแห่งห้าสำนักใหญ่ที่พลาดท่าเสียทีได้ที่นี่ก็คงผงาดขึ้นเป้นเบอร์หนึ่งของยุทธจักรอย่างไม่ต้องสงสัย  แต่ชื่อเสียงก็ยังฟ่อนเฟะเหมือนเดิมเพราะทุกคนก็คงจะถ่มถุยในความขี้ขลาดที่ใช้พิษลอบกัด  ดังนั้นวิธีจัดการกับห้าสำนักใหญ่ไปพร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้ชาวบ้านยอมรับคงไม่มีหนทางไหนเยี่ยมยอดไปกว่าการประลองยุทธศึกเจ้ายุทธจักรครั้งที่สองอีกแล้ว

         "ข้ายังจำได้ว่าศึกครั้งแรกนั้นเจ้าบดขยี้ประมุขรุ่นก่อนด้วยแผนการชั่วร้ายต่าง ๆ นานา  ไม่ยอมลงมือประลองอย่างใสสะอาด  ทำให้ชื่อเสียงของเจ้าเน่าเหม็นมาจนทุกวันนี้"

         อา พอเจ้าสำนักเหยี่ยวดำท้าวความเรื่องราวเก่า ๆ ทำให้ผมได้รับรู้ความเกรียนของจอมมารคนนี้ว่าแม่งชั่วร้ายหาใดเปรียบเลยนี่หว่า? ทั้งที่ฝีมือก็ดีอยู่แล้วแต่ดันเรียกลูกน้องเป็นสิบมารุมพรรคชาวบ้านกลางงานประลอง  แถมยังลอบวางเพลิงไปทั่วเมืองเพื่อสร้างสถานการณ์อีก  ไอ้นี่มันไม่ใช่ประมุขพรรคมารแล้ว  แต่เป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว๊นที่ชอบยกพวกตีกันมากกว่า

         "เฮอะ! ระดับของพวกเจ้ายังอ่อนด้อยนัก  ครั้งนั้นข้าเห็นว่ามันน่าสนุกดีจึงลงมือเลยเถิดไปเล็กน้อย  ทว่าคราวนี้ล่ะจะสำแดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของเส้าเทียนอิ้งผู้นี้!"

         ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเลยได้แต่ยืนดูเชิงกัน  ไม่มีใครกล้าขยับก่อนเพราะกลัวพลาดท่าเสียทีฝ่ายตรงข้าม  เช่นเดียวกับผมที่ยืนเหมือนไอ้บื้อทั้งที่ปะยี่ห้อจอมมารเอาไว้บนหัว  เฮ้อแล้วนี่จะยืนจ้องกันจนเย็นเลยมั้ย?  ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กินเลยเนี่ยเวรกรรมจริง ๆ

         "อุวะ! จะยืนจ้องกันไปอีกนานแค่ไหน  ไอ้คนชั่วมันยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ลงมือให้มันจบสิ้นเรื่องไปเสียทีเถอะ!"

         เกาฟานเฉียงเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหว  สงสัยว่าตอนเด็ก ๆ เจ้านี่ต้องขาดความอบอุ่นแน่ ๆ เลยถึงได้โตมาประสาทเสียขนาดนี้  แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเจ้าสำนักที่โดนพิษต่างกระอักเลือดออกมากันก่อน

         "ประมุข... เกา... อย่าผลีผลาม  อาจมีกลลวงซ้อนไว้... อีก...!"

         จางเหอลู่นั่งขัดสมาธิตัวสั่น  จากที่เห็นกระอักเลือดเมื่อกี้สงสัยจะเจ็บไม่เบาแต่สติยังดีอยู่ก็เลยตะโกนเรียกสติให้เพื่อนร่วมทีมได้  นับว่าฉลาดไม่เบามิน่าถึงได้เป็นหัวหน้าใหญ่  ด้านไอ้บ้าสี่คูณร้อยเมื่อได้ยินประมุขมังกรทองห้ามก็หยุดมือได้ทัน  เจ้าหมาที่หลบอยู่หลังบัลลังก์ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใหญ่  ชะรอยว่ามันคงเตรียมกับดักเล่นงานไอ้บ้านี่ไว้แล้วแน่ ๆ ถึงออกอาการขนาดนี้

         "ถูกอย่างที่ประมุขจางว่า  ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคืออพยพคนเจ็บและไปดูอาการหลานศิษย์หลิวเย่อจื่อเสียก่อน!"

         หยางจิวเทียนบอกกับฝ่ายธรรมะคนอื่น ๆ ที่ยังแข็งแรงดีอยู่ให้รีบถอนกำลังออกจากห้องโถงแห่งนี้  โดยที่ตัวเองกับลูกศิษย์พรรคจะคอยอยู่ระวังหลังให้เอง  ดูแล้วตาแก่นี่เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ  ด้านเกาฟานเฉียงเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เป็นใจก็เผ่นแน่บไปไม่คิดจะช่วยแม้แต่พวกตัวเอง  โอ้โหไอ้หมอนี่บทจะเลวก็เลวสุด ๆ จริง  เลวแบบตัวโกงขนาดแท้แมรี่ ซูโคตร ๆ อย่างกับหลุดออกมาจากในนิยาย

         "จอมมาร... หวังว่าคราวนี้เจ้าจะรักษาสัจจะและลงมือประลองยุทธอย่างยุติธรรมเพื่อกู้ชื่อเสียงของตนเองกลับมานะ"

         ประมุขเหยี่ยวดำกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะจากไปเป็นคนสุดท้าย  เท่ากับว่ายกแรกนี้ฝ่ายมารเทียนซานคือผู้ชนะและกุมความได้เปรียบไว้เล็กน้อย  แต่ปัญหาคือหลังจากจันทร์เพ็ญรอบหน้าตรูดันไม่อยากคืนร่างนี้ให้กับเส้าเทียนอิ้งนี่สิ?  แล้วจะทำยังไงดี...  จะให้บอกความจริงไปตามตรงคงไม่พ้นได้ทะเลาะกับจอมมารอีกแหงม ๆ เฮ้ออ...


    @@@@@@@@@@@@


         "ปล่อยไว้เช่นนี้จะดีหรือขอรับ?"

         สินหุ่ยรู้สึกเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่จะตามมาหลังจากนี้  แน่นอนว่าแผนของจอมมารได้ผลเป็นอย่างดี  นอกจากจะไล่พวกห้าพรรคใหญ่ให้พ้นจากสำนักได้แล้ว  ยังเตะถ่วงการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายออกไปจนกระทั่งจันทร์เพ็ญในรอบหน้าได้อีก  แต่จากการปะทะในวันนี้พวกตนก็ได้ประจักษ์แล้วว่าพวกห้าพรรคใหญ่ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าพรรคมารเลย  มิหนำซ้ำเจ้าหนุ่มที่ชื่อหลิวเย่อจื่อนั่นแม้ยังเด็กทว่าฉายแววยอดยุทธไม่แพ้เจ้าสำนักคนอื่น

         "เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก  สำคัญว่าเจ้าจงคอยเฝ้าระวังร่างใหม่ของข้าให้ดี  อย่าปล่อยให้หนีหายไปไหนได้เชียว"

         "เรื่องนั้นคือว่า..."

         มือขวาของจอมมารกระอักกระอ่วนใจเหลือเกินที่จะแจ้งให้เจ้านายได้รับรู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นที่นอกสำนักอีกแล้ว!  ได้ยินดังนั้นหมาน้อยถึงกับควันออกหูทันที

         "เจ้าโง่! ร่างนั้นคือไม้ตายสุดท้ายที่ข้าเหลืออยู่ในการจัดการพวกกับศัตรูทั้งหมดนะ  รีบส่งลูกสมุนออกไปติดตามกลับมาโดยด่วนที่สุด!  ...ยังไม่รีบไปอีก!!!"

         เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดสงบลงแล้ว  เจ้าโชคดีก็ถือโอกาสตอนที่ลูกพรรคทั้งหลายกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมห้องโถงของสำนัก  แอบลอบเร้นออกไปจากเทียนซานอย่างไร้ร่องรอย  ทิ้งให้เป็นภาระของบรรดาลูกสมุนต้องออกตามหาอีก

         "ไอ้หน้าโง่นั่น! คราวนี้จับตัวกลับมาได้ข้าจะสั่งล่ามโซ่ขึงตรวนสักร้อยเส้นแล้วโยนทิ้งไว้ในคุกใต้ดิน  ดูสิว่าจะมีฤทธิ์หนีออกไปได้อีกมั้ย?"

         จอมมารในร่างสุนัขโกรธจัดจนขนลุกชันไปทั้งตัว  ตนเองและพวกลูกสมุนต่างออกอุบายเพื่อป้องกันสำนักอย่างเต็มที่  แล้วนี่อะไรพอเรื่องสงบก็หนีออกไปเที่ยวเล่นอีกงั้นหรือ  ถ้าไม่เห็นแก่ประโยชน์ในการศึกษาเรื่องมิติกาลเวลาและร่างกายอันหนุ่มแน่นพร้อมพลังปราณของตน  มันคงวางยาแล้วจับโยนเข้าไปในคุกใต้ดินเสียตั้งนานแล้ว



    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×