ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #14 : จอมมารน้อยผจญภัย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.17K
      143
      15 ก.ย. 60


         เมื่อคืนวานหลังจากที่แอบหนีออกมาจากเทียนซานได้  ตัวผมก็ลั่นล๊าวิ่งเล่นไปตามตรอกซอกซอยในเมืองทันที อารมณ์คงเหมือนตอนที่จิ๊กเงินแม่ออกมานั่งเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ  เมื่อลองเดินพูดคุยกับชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาทั่วไป  เลยได้ข่าวสารมาว่าที่นี่คือแคว้นอู่อันเป็นดินแดนใหญ่ที่สุดของต้าหลง  เมื่อเทียบกับแคว้นอื่น ๆ และมีเจ้าผู้ครองแคว้นอันได้รับอำนาจจากจักรพรรดิหรือฮ่องเต้อีกที  แต่ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มคนที่มีพาวเวอร์มากที่สุดกลับเป็นพวกพรรคใหญ่ห้าพรรคซึ่งสามารถออกปากออกเสียงกับเจ้าแคว้นได้อย่างไม่ต้องเกรงใจเสียนี่

         "แล้วอย่างนี้เจ้าแคว้นไม่เสียหน้าแย่เลยเหรอ  อุตส่าห์มีตำแหน่งแล้วแท้ ๆ แต่ดันทำอะไรไม่ได้แบบนี้น่ะ?"

         "โถ พ่อหนุ่ม!  ข้าถามกลับว่าถ้าเจ้ามีอำนาจในมือ  แต่ต้องไปสู้รบกับพวกเทียนซานเจ้าจะเอาไหม?  สู้อยู่เฉย ๆ นอนกินเบี้ยหวัดจากราชการแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกพรรคใหญ่ฝ่ายธรรมะต่อสู้ดีกว่าใช่ไหมเล่า?"  

         แน่ล่ะว่าพรรคเทียนซานนี่ไม่ว่าจะพูดกับใครก็มีแต่คนส่ายหน้าร้องยี้ทั้งนั้น  นอกจากพฤติกรรมที่ชอบเกะกะระรานชาวบ้านแล้วยังพยายามเรียกเก็บส่วยอีก  ภายหลังชาวบ้านทนไม่ไหวจึงได้นำเงินไปบริจาคให้ห้าพรรคใหญ่แทนเพื่อเป็นการประชด  ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ถูกโรคกันมาตั้งแต่นั้น  แถมในศึกจ้าวยุทธจักรครั้งก่อนเส้าเทียนอิ้งยังป่วนงานจนพังพินาศยิ่งทำให้ทุกคนไม่พอใจมากกว่าเดิมอีก  ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหมานั่นมันฝีมือขั้นเทพ  ป่านนี้คงโดนพวกธรรมะรุมกระทืบตายไปนานแล้ว

         "เอ่อ... ทำไมมันฟังดูเหมือนระบบราชการของประเทศไหนสักแห่งที่ผมเคยเจอมาเลยแฮะ?"

         พูดถึงตรงนี้อาแป๊ะขายหมวกฟางในตลาดก็มองหน้าผมแบบแปลก ๆ จึงต้องขอตัวลาเสียก่อน  วันนี้ผมรอบคอบด้วยการทำลายตราสัญญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทียนซานบนชุดทั้งหมด  แถมยังสอยหมวกฟางจากอาแป๊ะมาใส่เพื่อปิดบังหน้าตา  ทำทีเหมือนพวกนักเดินทางอีกด้วย (ส่วนเงินน่ะก็แอบจิ๊กมาจากพวกเทียนซานนั่นแล)

         "เฮ้ยแม่สาวน้อยไหนลองพูดอีกทีซิ!"

         ระหว่างที่ผมเดินทอดน่องดูนู่นนั่นนี่อยู่นั้นเอง  ก็เจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ห้าคนกำลังรุมล้อมหญิงสาวร่างเล็กบางคนหนึ่ง  จึงไปร่วมวงยืนมุงดูพร้อมกับชาวบ้านด้วย  ไอ้พวกผู้ชายตัวล่ำ ๆ นั่นผมไม่สนหรอก  แต่ฝ่ายผู้หญิงนี่สิ อื้อหือ! สวย! สเปคเลย...  หน้าเรียวยาว  ผิวพรรณผุดผ่อง  หน้าอกหน้าใจกำลังดีแถมอายุอานามก็น่าจะไล่เลี่ยกับผมด้วย

         "ไอ้หนู! แกไม่รู้รึไงว่าพวกข้าคือกลุ่ม สมิงหนุ่ม ที่ได้รับการยอมรับจากท่านประมุขเกาแห่งพรรคพยัคฆ์แดงเชียวนะ  มาดูถูกกันแบบนี้ก็แย่สิวะ!"

         พวกชายฉกรรจ์ต่างยืดอกอย่างภาคภูมิใจในขณะที่เอ่ยชื่อประมุขพรรคใหญ่  โอ้โหไอ้บ้าพลังนั่นมันมีชื่อเสียงโด่งดังจริง ๆ  พอมีคนอวดอ้างขึ้นมาปุ๊บชาวบ้านต่างเกิดอาการเกรงกลัวกันทันที  แต่กับสาวน้อยคนนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะหวาดเกรงขึ้นมาเลยสักนิด  มิหนำซ้ำยังตั้งท่าพร้อมต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นอีก

         "อวดดีนักนะนังนี่  เฮ้ยพวกเราจัดการมัน!"

         ทีแรกผมว่าจะวิ่งเข้าไปห้ามสักหน่อย  ไม่ใช่ว่าต่อมคุณธรรมมันกำเริบอะไรหรอกนะแต่แค่อยากโชว์ออฟให้สาวสวยเห็นน่ะ แฮะ ๆ  แต่คงไม่ต้องล่ะ  เพราะแม่คุณเล่นสอยเจ้าพวกผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ลงไปนอนนับดาวเรียงกันเป็นแถว  โถ... ตั้งชื่อซะน่ากลัวว่ากลุ่มสมิงหนุ่มแต่ดันนุ่มนิ่มยิ่งกว่าขนมมาร์ชเมลโล่เสียอีก  เจอวิชายุทธของผู้หญิงเข้าไปก็นอนหมดสภาพซะแล้ว

         "แก! แกเป็นใครกันแน่?"

         เจ้าพวกสมิงหนุ่มกัดฟันทนเจ็บลุกขึ้นมาถามชื่อเสียงเรียงนามของหญิงสาวผู้นี้ในทันที  แต่เธอก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่พร้อมกับวิ่งหนีหายไปในฝูงชน  เออประหลาดคนจริงแฮะ  ถ้าเก่งขนาดนี้อย่างน้อยก็น่าจะเป็นลูกศิษย์พรรคไหนสักแห่งหรือไม่ก็น่าจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างสิน่า  แล้วทำไมถึงไม่มีใครรู้จักเลยล่ะหรือว่าจะเป็นคนต่างถิ่นกันหว่า?  แต่ทันใดนั้นเองผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ที่พื้น  เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ จึงเห็นว่าเป็นจี้ห้อยคออันเล็กทำจากหยกดูจะมีราคาไม่น้อย   

         "ไอ้นี่มันของนังเวรนั่นนี่  ไอ้หนูส่งจี้เส้นนั้นมาให้พวกข้าซะ!"

         กลุ่มสมิงหนุ่มเองก็สังเกตเห็นจี้เส้นนี้เหมือนกันจึงพยายามข่มขู่เพื่อแย่งเอามาเป็นของตัวเอง  แต่มีหรือที่ผมจะยอมให้  ไอ้พวกนี้ขนาดผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ยังเอาชนะไม่ได้เลย  แล้วนี่ร่างทรงของจอมมารนะเฮ้ย!  จากการได้เห็นวิชายุทธของพวกสำนักต่าง ๆ ก่อนหน้านี้  ทำให้แอบลักจำมาใช้บ้างเล็กน้อย  ทั้งการวาดมือกลางอากาศ  การปล่อยหมัดและมวยวัดมั่ว ๆ ผสมไป  ที่เหลือคือพลังปราณอันแข็งแกร่งของเส้าเทียนอิ้งที่ช่วยจัดการเจ้าพวกสมิงหนุ่มจนราบคาบอีกรอบ  แหม่! เวลาพระเอกซูในนิยายสมัยใหม่คงจะอารมณ์คล้าย ๆ แบบนี้ล่ะมั้ง?

         "กล้าหลบหลู่พวกข้าแบบนี้ระวังไว้ให้ดี  ท่านประมุขเกาไม่ปล่อยพวกแกเอาไว้แน่!"

         แล้วบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหลายก็เผ่นหนีไม่เป็นท่า  ดูแล้วช่างน่าสมเพชเหลือเกินแต่ตัวผมเองก็ต้องฉากหลบออกจากบริเวณนั้นเช่นกันเพราะชาวบ้านเริ่มแห่มุงดูมากขึ้นแล้ว  ขืนโดนจับได้ว่าเป็นพวกมารอีกเดี๋ยวจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง...


    @@@@@@@@@@@@


         ในช่วงใกล้พลบค่ำของวันนั้น  หลังจากที่ถูกเด็กหนุ่มสาวสองคนหยามน้ำหน้าจนไม่เหลือดี  เจ้าพวกสมิงหนุ่มก็รีบหนีเข้าไปฟ้องประมุขพรรคพยัคฆ์แดงทันที  พวกมันร้องแรกแหกกะเฌอต่อหน้าเกาฟานเฉียงที่นั่งไขว่ห้างบนบัลลังก์ในห้องโถงใหญ่ของพรรค

         "เจ้าพวกโง่! โดนเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยามเอาแค่นี้แล้วยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากข้าอีกรึ?  ขอถามเถอะว่ายังมีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า?"

         ประมุขพรรคตวาดใส่หน้าพวกมัน  วันนี้กะอีแค่เด็กวัยรุ่นสองคนยังไม่มีปัญญาเอาชัย  แล้ววันหน้าใครจะยังให้ความเคารพยำเกรงอีก  เสียแรงที่อุตส่าห์ให้การรับรองอย่างดิบดีสุดท้ายก็แค่พวกกุ๊ยปลายแถว  แล้วเรื่องอะไรที่มันจะต้องออกโรงปกป้องเศษสวะเช่นนี้ด้วยเล่า?

         "แต่ท่านประมุขเกา  พวกมันฝีมือร้ายกาจมากนักขอรับ  โดยเฉพาะเจ้าเด็กเปรตที่โผล่มาตอนหลังนี่  พอมันปลดปล่อยปราณสีม่วงออกมาพวกข้าก็แทบแตะต้องตัวมันไม่ได้เลยนะท่าน!"

         "เจ้าว่าอะไรนะ!"

         ทีแรกเกาฟานเฉียงจะปล่อยผ่านเรื่องนี้อยู่แล้ว  ถ้าไม่เพราะหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถึงเด็กหนุ่มที่มีพลังปราณอันร้ายกาจแฝงอยู่  แน่นอนว่ามันย่อมไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้แน่  กระแสปราณอันเกรี้ยวกราดที่อัดใส่หลิวเย่อจื่อจนกระเด็นไม่เป็นท่า  ถ้าจำไม่ผิดก็ดูคล้ายกันอยู่แถมลักษณะรูปร่างภายนอกเท่าที่ฟังพวกสวะเล่าแล้วก็ใกล้เคียงกับร่างใหม่ของจอมมารจริง ๆ 

         "เห็นทีข้าคงต้องสืบดูเรื่องของเจ้าหนูนี่เสียหน่อยแล้ว!"


    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×