ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ห้าพรรคใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว
อะไรฟะเนี่ยจู่ ๆ ก็งานเข้าเฉยเลย เมื่อคุณชายเจ็ดแห่งสำนักมังกรทองที่ผู้คนร่ำลือเดินย่างสามขุมมาทางผม ตบบ่าหนึ่งทีก่อนจะถามว่าพวกพรรคมารมาทำอะไรที่ตลาดแห่งนี้ ชาวบ้านร้านตลาดต่างยืนกลั้นหายใจลุ้นระทึก
"เอ่อ... ผมว่าคุณจำคนผิดแล้วล่ะ ผมเป็นคนธรรมดา ๆ ทั่วไปที่เดินมาหาข้าวกินเท่านั้นเอง"
"เจ้านี่แปลกดีนะ นอกจากสำนวนการพูดที่ฟังดูแปร่งแล้วยังกล้าแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อีก!"
หมอนั่นชี้มายังชุดอาภรณ์ที่ผมสวมใส่อยู่ เท่านั้นแหละผมก็ถึงบางอ้อทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมมันถึงรู้ว่าผมสังกัดพรรคมาร เพราะเมื่อวานวิญญาณผมดันมาสิงร่างหนุ่มเปลือยคนนี้ องค์รักษ์ของเจ้าหมานั่นเลยยื่นชุดของตัวเองให้ใส่ โธ่ตรูลืมไปเสียสนิทเลยเนี่ย เวรแท้ ๆ
"ไม่มีพรรคมารคนใดกล้าแต่งตัวเช่นนี้มาเดินกลางสาธารณะนานมากแล้ว เจ้าคงทะนงในฝีมือไม่น้อยเลยสิท่า?"
เจ็ดหน้าหยกเกร็งร่างเตรียมต่อสู้ในทันที สัมผัสได้ถึงไอพลังที่ระอุอยู่รอบกายของมัน นี่ล่ะมั้งที่ในหนังเขาเรียกกันว่ากำลังภายในน่ะ โหย... เพิ่งเคยเห็นของจริงครั้งแรกเลยนะเนี่ย! แต่จะว่าไปมันใช่เวลามาชื่นชมมั้ยนั่น ผมรีบยกไม้ยกมือห้ามเป็นการใหญ่แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะมันพุ่งตรงเข้ามาพร้อมด้วยพลังฝ่ามือกระแทกใส่หน้าอกอย่างจัง บังเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วตลาด และภาพที่ทุกคนเห็นหลังจากนั้นก็คือ ยอดยุทธคุณชายเจ็ดผู้แกร่งกล้าเจอแรงดีดสะท้อนลอยละลิ่วปลิวกระเด็นหายไปบนยอดหลังคาหมู่ตึกใกล้กันนั้น ขณะที่ตัวผมยืนเฉย ๆ แข็งแรงดีทุกประการ
"ว๊ากกก อ๊ากกก!!!"
เท่านั้นแหละบรรดาชาวบ้านร้านตลาดต่างแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอลม่าน บางคนก็ก่นด่าสาปแช่งพรรคมารไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ตรูไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แค่ยืนอยู่เฉย ๆ แถมเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียด้วยซ้ำ ให้ตายสิพวกนี้มันมีลูกกะตาไว้ทำซากอะไรฟะ
"ก็เพราะเจ้าเป็นพวกมารไงเล่า มีหรือที่ชาวบ้านจักเห็นใจ?"
ตาแก่อ้วนพุงพลุ้ยที่นอนหลบมุมข้างตึกเอ่ยทักเหมือนอ่านใจผมได้ ก่อนจะคลานออกมายิ้มยิงฟันที่เหลือไม่มากในปาก ศีรษะล้านเลี่ยน เนื้อตัวมอมแมมเหม็นเหล้าหึ่ง เสื้อผ้าก็ปุปะขาดวิ่งไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว จากที่ไล่ดูตั้งแต่หัวจรดเท้านี่มันขอทานหมดสภาพชัด ๆ แต่เฮ้ย! ถ้าอ้างอิงจากบรรดาหนังกำลังภายในทั้งหลายแหล่ ไอ้พวกตาแก่แบบนี้แหละยอดฝีมือแห่งยุคแหงม ๆ
"เงี๊ย ฮ่า ๆ"
ตาแก่หัวเราะร่าแล้วพยุงร่างให้ลุกขึ้น ก่อนจะร่วงลงไปนับดาวที่พื้นเพราะขาข้างขวาที่พิกลพิการนั่น จากที่คิดว่าอาจจะใช่ยอดฝีมือเลยกลายเป็นยอดน่าสมเพชไปเสียฉิบ ทีแรกก็ว่าจะไม่สนใจตาแก่สติฟั่นเฟือนนี่แล้วเชียว ถ้าไม่เพราะมันดันพูดประโยคที่ชวนสะกิดใจจนขนลุกซู่ออกมาว่า
"แถมยังเป็นจอมมารข้ามกาลเวลา ดูเข้าท่าไม่หยอกนะ เงี๊ยะ ฮ่า ๆ"
@@@@@@@@@@
บรรยากาศความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วห้องโถงใหญ่ของพรรคมังกรทองในยามบ่าย เจ้าสำนัก จางเหอลู่ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนบัลลังก์ รายล้อมไปด้วยบรรดาบุตรธิดาทั้งหกซึ่งนับเป็นเหล่ายอดยุทธประจำสำนัก ส่วนเจ้าลูกชายคนสุดท้องนั้นกำลังนอนพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในห้องส่วนตัว
"ไอ้พวกมารมันชักจะได้ใจใหญ่แล้ว ข้าว่าเราคงต้องร่วมมือกับสำนักใหญ่ที่เหลือลงมือกวาดล้างพวกมันเสียที!"
ลูกชายคนรอง เจ้าของสมญา เขี้ยวพิฆาตจางถังยี่ กำหมัดทุบโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด เขาไม่พอใจที่พวกพรรคมารกล้าบุกมาเหยียบจมูกกันถึงถิ่นทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยมายุ่มย่ามในเขตของพรรคอื่นเลย
"ใจเย็นก่อนน้องรอง ท่านประมุขเคยสอนแล้วไม่ใช่หรือว่าเรื่องใหญ่ต้องตัดสินใจให้รอบคอบ"
พี่ชายคนโต จางเหยียนจง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเองก็ไม่พอใจที่พวกมารมันกำเริบเสิบสานใหญ่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของตนก็จำต้องรักษาความสุขุมเอาไว้ ในฐานะผู้สืบทอดเจ้าสำนักรุ่นถัดไป
"ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมารวมตัวกันที่นี่ยังไงเล่าพี่รอง"
จางหยูซู่ ลูกสาวคนโต (ลำดับที่สี่) กอดอกถอนหายใจให้กับความมุทะลุของพี่ชาย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปี จางถังยี่ก็มักจะวู่วามจนเสียการเสียงานไปหลายครั้ง ถ้าไม่เพราะเห็นแก่หน้าบิดา พวกพี่น้องคงจะอัปเปหิออกจากสำนักไปนานแล้ว
"แล้วท่านพ่อเห็นว่าอย่างไรบ้างขอรับ?"
จางเหยียนจงหันไปสอบถามเจ้าสำนัก จางเหอลู่ลูบคางอย่างใช้ความคิด เจ้าสำนักรุ่นก่อนหรือปู่ของตนนั้นได้ฝากฝังสำนักมังกรทองแห่งนี้พร้อมสำทับด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุอันใดขึ้น อย่าได้ริไปลองดีกับพวกพรรคมารเทียนซานโดยเด็ดขาด ตัวอย่างเด่น ๆ ที่มีให้เห็นคือศึกเจ้ายุทธจักรครั้งที่หนึ่งซึ่งจัดโดยห้าสำนักใหญ่ โดยมีเป้าหมายคือทำลายชื่อเสียงและบดขยี้พรรคมารเสีย ส่วนผลที่ได้นั้นหรือ? จะเรียกว่าพินาศย่อยยับยังฟังดูดีกว่าเลย เพราะเส้าเทียนอิ้งไม่เพียงแต่บดขยี้เหล่าผู้นำทั้งห้าจนสิ้นสภาพ แต่ยังเกณฑ์พลพรรคมาทำลายงานประลองแบบไม่ไว้หน้าแต่โชคยังเข้าข้างที่มันจำต้องถอยกลับไปทำพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณเสียก่อน ทำให้ทุกสำนักรอดพ้นความวินาศชิบหายมาได้อย่างหวุดหวิด
"ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านลำบากใจ แต่ขณะเดียวกันข้าก็มองเห็นเป็นโอกาสด้วย!"
จางเหยียนเสีย จอมยุทธลำดับที่สี่กล่าวอย่างมีเลสนัย ลูกชายคนนี้ผิดกับพี่รองที่มักจะคิดวางแผนการต่าง ๆ ด้วยความแยบยลเสมอ
"เจ้าคงหมายถึงพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณเมื่อเร็ว ๆ นี้?"
เจ้าสำนักรู้เท่าทันความคิดของลูกชาย หากวิเคราะห์สถานการณ์อย่างถี่ถ้วนจะเห็นได้ว่าจอมมารเพิ่งผ่านพ้นพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณมาหมาด ๆ พละกำลังคงตกลงชั่วระยะหนึ่งและไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามนัก อย่างที่บรรดาสำนักใหญ่เคยรอดพ้นวิกฤตเมื่อนานมาแล้ว
"จางเหยียนจงเจ้ารีบส่งจดหมายเชิญบรรดาเจ้าสำนักใหญ่ทั้งหมดโดยด่วน เราจะเดินทางไปทวงถามความเป็นธรรมให้กับลูกชายของข้า!"
ด้วยเหตุนี้ห้าสำนักใหญ่จึงคิดฉวยโอกาสบุกพรรคมารในช่วงเวลาที่เส้าเทียนอิ้งอ่อนแอที่สุด เพื่อกดดันให้มันส่งตัวเจ้าคนที่กล้าทำร้ายจอมยุทธเจ็ดออกมารับโทษทัณฑ์ มิเช่นนั้นแล้วเทียนซานอาจต้องพบกับการผนึกกำลังแห่งฝ่ายธรรมมะเพื่อปราบปรามคนชั่วก็เป็นได้!
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น