ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าตายแล้ว!
"เจ้าตายแล้ว! เอ้าคนต่อไปเชิญ..."
เสียงของชายวัยกลางคนที่แต่งตัวคล้ายข้าราชการตามบ้านนอก หน้าตาบอกบุญไม่รับ กล่าวกับผมด้วยแววตาอันเรียบเฉย ก่อนจะประทับตราบนเอกสารอะไรบางอย่างที่ดูจะสำคัญมาก ๆ บนโต๊ะตรงหน้าแล้วยื่นมาทางนี้ ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านแบบงง ๆ ที่หัวเอกสารจั่วตัวอักษรสีแดงเบ้อเริ่มไว้ว่า
เอกสารแจ้งการเสียชีวิต
@@@@@@@@@@
ชื่อ : โชคดี ผีคุ้มครอง
สัญชาติ : ไทย
เพศ : ชาย
อายุ : 17 ปี 4 เดือน
วันเวลาตาย : ไม่เป็นที่แน่ชัด
สาเหตุการตาย : ไม่เป็นที่แน่ชัด
สถานะหลังการตาย : กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา
@@@@@@@@@@
"เอ้าคนต่อไปเข้ามา! ส่วนนายรีบ ๆ เดินออกไปได้แล้ว เสียเวลาคนอื่นเค้ารู้ไหม?"
ชายวัยกลางคนเอ็ดผมพร้อมกับไล่ออกไปจากห้อง แต่ผมก็ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น นั่งเพราะมึน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ที่นี่มันที่ไหนแล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? ถ้าจำไม่ผิดความทรงจำสุดท้ายก่อนจะมารู้สึกตัวที่นี่คือผมยังนั่งเรียนวิชาสังคมอยู่ในห้องเรียนกับเพื่อนคนอื่น ๆ เลยนี่นา...
"บอกว่าให้รีบ ๆ ออกไปได้แล้วไง ไม่เห็นเหรอว่าคนถัดไปเค้ามายืนรอแล้วน่ะ!"
"เดี๋ยว ๆ คุณเป็นใคร แล้วเรื่องอะไรมาออกคำสั่งกับผม? ที่นี่คือที่ไหนแล้วไอ้เอกสารบ้านี่มันหมายความว่ายังไงกันหา! แบบนี้เข้าข่ายหมิ่นประมาทนะเฮ้ย!"
ใช่ โชคดีคือชื่อของผมเอง เพศอายุและสัญชาติที่ระบุในเอกสารก็ถูกต้องทุกประการ แต่ไอ้ข้อความที่ระบุการตายอะไรเนี่ยมันซี้ซั้วสิ้นดี ก็ผมยังนั่งหายใจอยู่ตรงนี้แล้วจะมาบอกว่า... เอ๊ะ!
"ดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัวแล้วสินะ?"
ชายวัยกลางคนยังคงมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ผมกลับเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งไขสันหลัง ไม่มีลมหายใจ คือความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา ก่อนจะตามติด ๆ ด้วยหัวใจที่ไม่เต้น ส่วนอาการเย็นยะเยือกเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เป็นเพราะร่างของผมมันเย็นเฉียบมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!
@@@@@@@@@@
หลังจากที่อาละวาดโวยวายในห้องนั้นจนโดนเจ้าหน้าที่ตัวล่ำ ๆ สองคนหามออกมาเรียบร้อยแล้ว ตัวผมก็มานั่งในห้องแห่งใหม่ เป็นห้องทำงานสีขาวประดับประดาด้วยของมีค่าดูโอ่อ่าหรูหรากว่าเมื่อครู่ลิบลับ ท่าทางว่าห้องนี้คงจะเป็นของผู้มีตำแหน่งใหญ่โตกว่าชายวัยกลางคนเมื่อครู่แน่
"ฮึกก... ฮืออ..."
ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นอย่างเต็มที่ แน่ล่ะจู่ ๆ เจอแบบนี้ใครจะไปทนไหว อยู่ ๆ ก็ต้องมาตายแถมสาเหตุการตายและวันเวลาที่ตายก็ยังไม่รู้ ตายที่ไหนยังไงไม่รู้สักอย่างเลย ในเอกสารก็ไม่บอกไม่ชี้แจง ไม่ต่างอะไรกับโครงการของรัฐบาลสมัยนี้เลยสักนิด
"อ้าวนี่ยังไม่เลิกร้องไห้อีกเหรอ"
สาวสวยในมาดพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งผลักบานประตูเข้ามา ผมหันไปมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เรือนผมสีทองเป็นประกาย ใบหน้าคมเข้มดวงตาสีฟ้าเด่นตามแบบชนชาติอารยัน ชุดเสื้อนอกและกระโปรงมินิสเกิร์ตสีแดงบาดตา ทรวดทรงองค์เอวตรงตามมาตรฐานในฝันของชายหนุ่มยุคปัจจุบัน รองเท้าส้นสูงสีดำขับเน้นช่วงเรียวขาให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตรงหน้าผมก่อนจะวางเอกสารกองเรียงไว้
"คุณเป็นใครกันครับ?"
ผมถามอย่างระแวดระวัง รู้สึกหวาดวิตกไปกับทุกเรื่องในตอนนี้ สาวสวยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะบอกว่า
"ลองเดาดูสิจ๊ะ... ฮิฮิ"
"โอเค งั้นผมว่าพี่สาวต้องเป็นพระเจ้าหรืออะไรทำนองนั้นแน่ ๆ แล้วก็มาแจ้งว่าผมตายเพราะเหตุสุดวิสัย เป็นความผิดพลาดบางอย่างของสวรรค์เลยจะให้ผมไปเกิดในชาติภพใหม่ ได้เป็นอะไรเทพ ๆ และแน่นอนเลยว่าต้องเป็นประเทศจีนโบราณด้วยใช่มั้ยฮะ?"
พอพูดถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงตกเก้าอี้ สาวสวยคนนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นใต้โต๊ะทำงานของเธอ ก่อนจะปีนขึ้นมาเอาคางเกยกับโต๊ะ ใบหน้าซีดเผือด
"ทะ ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ!!!"
เอ่อคือ... นักเขียนนิยายในหมวดแฟนตาซีกำลังภายในจากเว็บเด็กดีดอทคอมทั้งหลายครับ ผมต้องขอประทานโทษเป็นอย่างสูงที่เคยปรามาสว่าซี้ซั้วเขียนเรื่องพระเจ้าและโลกหลังความตายแบบสั่ว ๆ แถมยังมักง่ายก็อปปี้เนื้อเรื่องลอกกันมาเป็นทอด ๆ อย่างไร้สมองไร้จินตนาการสิ้นดี เพราะบัดนี้ได้รู้ซึ้งแล้วว่าไอ้เรื่องที่พระเจ้าส่งไปเกิดใหม่เนี่ยมันจริงแท้ถูกต้อง 100% ไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน บ้าเอ๊ยย! นี่ผมต้องมีชะตากรรมไปเกิดเป็นนางสนมในวังหรือเนี่ย!!!
"คือถ้าได้ไปเกิดใหม่จริง ผมขอเลยว่าไม่อยากไปเกิดเป็นนางสนมหรือนางร้ายในเกมโอโตเมะนะครับ!"
ทีแรกผมก็แค่กลัวความตาย แต่ตอนนี้เริ่มกลัวการไปเกิดใหม่เสียยิ่งกว่า จึงจำเป็นต้องอ้อนวอนพระเจ้าสาวสวยคนนี้ให้สงเคราะห์ผมไปสู่ชาติภูมิใหม่ที่ดีกว่าการไปฝึกปรุงยาหรือเป็นนางในของท่านอ๋อง แต่เธอกลับส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า
"เธอเข้าใจผิดไปหลายเรื่องอยู่นะ อย่างแรกเลยชั้นไม่ใช่พระเจ้าหรอก เป็นแค่เดมิก๊อดหรือที่เรียกกันว่าพวกกึ่งเทพนั่นแหละ"
สาวสวยกระโปรงแดงแนะนำตัวว่าชื่อ อาธีน่า เป็นทูตสวรรค์ผู้รับหน้าที่คอยดูแลการเกิดและตายของมนุษย์ในแถบเอเชียอาคเนย์ทั้งหมด และสาเหตุที่ทำให้เธอหนักใจอยู่ในขณะนี้ก็คือปรากฏการณ์ไม่คาดฝันที่มีอุกกาบาตลูกใหญ่ตกลงมาบนพื้นโลก แถมยังลงใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้ผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุนี้ ทำให้วิญญาณมนุษย์จำนวนมหาศาลลอยมายังสำนักงานของเธออย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงอาธีน่าต่างไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับวิญญาณปริมาณขนาดนี้นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองและยุคเขมรแดง ทำให้มีการตกหล่นในเรื่องเอกสารและจุดหมายปลายทางของวิญญาณบางส่วน ชวนให้ปวดหัวที่สุด
"และเคสของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น สารภาพตามตรงก็คือพวกเราไม่มีจุดหมายปลายทางให้วิญญาณของเธอ เพราะพาสปอร์ตกลับไปเกิดใหม่นั้นได้โอนถ่ายให้วิญญาณตนอื่นไปหมดแล้ว กว่าจะถึงรอบต่อไปก็ต้องรอไปอีกหมื่นปีเลยเชียว..."
หมื่นปีเลยเหรอ พูดเป็นเล่นไปน่า! ผมยืนอึ้งกับระบบอันห่วยแตกซึ่งไม่ต่างไปจากระบบของข้าราชการในประเทศที่ผมจากมา ให้รอถึงหมื่นปีเลยเหรอไม่เอาน่า แล้วระหว่างนั้นจะให้ทำอะไรฆ่าเวลากันดีล่ะ?
"ระหว่างนั้นเธอก็เป็นสัมภเวสีลอยไปมาอยู่แถว ๆ ชายแดนไทยไปก่อนแล้วกันนะ"
"จะบ้าเรอะ! ใครจะไปยอมกันเล่า!!!"
ผมออกปากโวยวาย แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเจ้าหน้าที่ตัวล่ำ ๆ สองคนเมื่อกี้เดินเข้ามาในห้องเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย อาธีน่าถอนใจยาวก่อนจะบอกว่า
"ก็ว่าอยู่ว่าเธอต้องโวยวายแน่ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะเพราะชั้นมีทางเลือกใหม่ให้ด้วย"
ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปยังรูปของน้องหมาน่ารักตัวหนึ่ง ขนสีน้ำตาลแดงท่าทางสดชื่นร่าเริง ดูจากฉากหลังในรูปแล้วน่าจะเป็นเมืองจีนหรือที่ไหนสักแห่งที่ออกไปในแนวนั้น
"ถ้าไม่อยากเป็นสัมภเวสี ก็ไปเกิดเป็นน้องหมาตัวนี้แทนก็แล้วกัน อีกสักสิบถึงสิบห้าปีค่อยเจอกันใหม่นะ!"
เธอพูดตัดบทแล้วชี้นิ้วมาทางนี้เหมือนปัดรำคาญ ร่างของผมเรืองแสงสีฟ้าในทันทีและก่อนจะได้พูดจาโต้ตอบอะไรกับแม่สาวเดมิก๊อด สติของผมก็ดับวูบไปเสียไม่ทันได้รับรู้อะไรอีก...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น