SF Do you know? [BNior]
SF : Do you know ,, BNior
ผู้เข้าชมรวม
709
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
“คุณรู้ไหม ทุกครั้งที่คุณทำตัวไม่น่ารักกับผมจะเป็นทุกครั้งที่ผมจะรักคุณมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่าความน่ารักของคุณจะเริ่มน้อยลง ถ้าความรักของคุณมากขึ้น”
“คุณรู้ไหม ถ้าผมคุณเปียกๆแล้วนอนเนี่ยจะเป็นหวัดง่ายมากเลยนะ ผมก็รู้ว่ามันแห้งยาก เอาเป็นว่า คุณหันหลังมาเดี๋ยวผมเช็ดให้ละกัน”
“คุณรู้ไหม ผมคงตามใจคุณทุกอย่างไม่ได้หรอกนะบนโลกใบนี้มีตั้งหลายอย่างที่ผมทำได้ และผมทำไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด เท่าที่ผมจะทำแทนได้ละกัน”
“ไม่ต้องกลัวว่านี่คือโปรโมชั่นหรือการทำดีชั่วคราว เพราะผมไม่ได้มองว่ามันเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบผมทำเพราะผมมีความสุขที่เห็นคุณมีความสุข”
***********************
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Thankful : #winny
“คุณรู้ไหม ทุกครั้งที่คุณทำตัวไม่น่ารักกับผมจะเป็นทุกครั้งที่ผมจะรักคุณมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่าความน่ารักของคุณจะเริ่มน้อยลง ถ้าความรักของคุณมากขึ้น”
“ออกไปเลยนะ ไปให้ไกล!”เสียงตะโกนมาด้วยความไม่พอใจและตามด้วยหมอนสีขาวใบใหญ่ที่ลอยออกมาจากในห้องนอน
“จินยองอ่า ฟังฉันก่อน”
“หุบปากของนายซะ แล้วจะไปตายที่ไหนก็ไป”
ปัง!
ประโยคเอ่ยไล่สิ้นสุดลงพร้อมเสียงปิดประตูที่ดังลั่น ร่างสูงมองประตูบานสี่เหลี่ยมนั่นแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ในหัวก็พลางนึกไปถึงต้นตอที่ทำให้คนรักของเค้าวีนแตกขนาดนี้ก็เพราะไอ้โปรแกรมแชทออนไลน์ที่มันเด้งเตือนถี่ยิบในขณะที่แฟนสุดที่รักกำลังเล่นเกมส์อยู่น่ะสิ
*1ชั่วโมงที่แล้ว*
“ติ๊ง”
-คุณเจบีคะ-
“ติ๊ง”
-มินนาเองนะคะ ยังจำได้ใช่ไหมเอ่ย?-
“ติ๊ง”
-เสียดายจังนะคะที่เมื่อวานเราไม่ได้ไปทานข้าวด้วยกัน-
“ติ๊ง”
-ไว้โอกาสหน้า ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณนะคะ-
“ติ๊ง”
“ติ๊ง”
“ติ๊ง”
“ติ๊ง”
ตุ้บ!!
มือถือราคาแพงถูกโยนมาใส่หน้าผมดีนะว่ามันโดนหนังสือที่ผมกำลังนอนอ่านอยู่เลยไม่กระแทกเข้าที่หน้าไม่งั้นคงเจ็บมากแน่ๆ
“จินยองอา เป็นอะไรครับ” ดึงหูฟังออกแล้วถามไปด้วยความไม่รู้จริงๆว่าคนรักโมโหอะไรถึงโยนมือถือใส่เค้าแบบนี้ ตอนแรกก็เห็นว่านั่งเล่นอยู่ดีๆ
“ยัยมินนาคือใคร?”
ร่างบางถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่กดต่ำ สายตาที่แข็งกร้าวเต็มไปด้วยอารมณ์จ้องมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง
ผมพยายามนึกว่าใครกันที่ชื่อมินนาอยู่สักพักถึงจะนึกออกว่าเจ้าของชื่อนั้นคือใคร
“อ่อ ลูกค้าที่มาทำเล็บเมื่อวานครับ” ตอบคนรักไปพร้อมรอยยิ้มใช้แล้ว คุณ คิม มินนา คือลูกค้าที่ผมเพิ่งทำเล็บให้เมื่อวานเธอมาเข้ามาทำเล็บครั้งแรกโดยที่มีเพื่อนเธอแนะนำมา
ครับ ผมทำงานอยู่ที่ร้านสปามือและเล็บ ที่ร้านเราจะให้บริการในเรื่องการดูแลมือและเล็บของลูกค้ารวมไปถึงการตกแต่งเล็บซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวๆ ยิ่งพนักงานในร้านของเรามีแต่ผู้ชายนั่นยิ่งทำให้ลูกค้าเราทั้งหมดคือผู้หญิง
“เหอะ ลูกค้าหรอ? แล้วทำไมยัยนั่นถึงมีไลน์นาย ทำไมถึงชวนไปกินข้าวลูกค้าบ้าไรวะ!” เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์เดือดดาล จินยองกำมือแน่น เริ่มพูดจาไม่น่ารักมีวะมีโว้ย และตวาดเสียงดัง
“เธอคงไปเอามาจากพี่ซอนเย โถ่ นายก็รู้ว่าพี่ซอนเยน่ะเห็นเรื่องความพึงพอใจของลูกค้าสำคัญ”พยายามอธิบายเหตุผลให้ฟังอย่างใจเย็น หวังว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจบ้าง
“หึ แต่ฉันไม่พอใจ! ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้ไปลาออกจากที่นั่นซะแต่นายก็ยังไปทำงานบ้าๆนั่นอยู่ได้ ฉันไม่ชอบได้ยินไหมว่าไม่ชอบ!”
“ไม่เอาน่าจินยอง”ว่าพร้อมเดินไปกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขน
“นั่นมันคืองานที่ฉันรักนะ นายก็รู้ดีนี่ ส่วนเรื่องแบบนั้นนายเองก็รู้ว่าฉันไม่เคยสนใจลูกค้าคนไหน ทุกอย่างก็เป็นไปตามหน้าที่ จบแล้วก็จบกัน นายอย่างอแงแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลย” พอจบประโยคที่ว่า *ไม่น่ารักเลย* เท่านั้นแหละ อิม แจบอมอยากจะตบปากตัวเองแรงๆเพราะคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี่สิ ตอนนี้ได้ผลักเค้าหงายหลังลงบนเตียงก่อนจะหยิบข้าวของปามาที่เค้าอย่างไม่ยั้งมือจนเค้าต้องหนีออกมาไม่งั้นคงอาจมีเลือดตกยางออกกันมั่ง
“ไม่น่ารักหรอ? ใช่สิฉันมันไม่น่ารักมันงอแงงี่เง่า งั้นนายก็ไปหาคนอื่นเถอะ ไปเลยนะอิม แจบอม ไป!”
“ไม่ใช่แบบนั้น จินยองอา ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ”
“ไม่ใช่อะไร นายพูดเอง ถ้าฉันไม่น่ารักนายก็ไปหายัยมินนาสิ ยัยนั่นคงน่ารักถูกใจนายมากกว่าฉัน!”
“โถ่ นยอง....” ชื่อเรียกคนตัวเล็กที่เค้าไว้เรียกคนเดียวถูกเอ่ยออกมา
“ออกไปเลยนะ ไปให้ไกล!”
“ฟังฉันก่อน”
“หุบปากของนายซะ แล้วจะไปตายที่ไหนก็ไป”
ปัง!
และนั่นก็ทำให้ผมต้องเดินออกจากห้องมากับข้าวของที่ลอยตามออกมาก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดอย่างแรง มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่จินยองโมโห เวลาที่เราทะเลาะกัน จินยองชอบพูดจาแรงๆโดยไม่คิด ปาข้าวของใส่ผม แต่ผมเองไม่เคยที่จะเบื่อหรือรำคาญเลย ผมกลับยิ้มทุกครั้งเพราะเหตุผลของการทะเลาะกันมันมาจากการที่คนรักของผมนั้นหึงเป็นเรื่องเดียวที่เราจะทะเลาะกันผมเองก็ไม่เคยนอกใจหรือมองคนอื่นในทางชู้สาวเลยนะแต่จะมีก็แค่เวลาผมทำงานเท่านั้นแหละด้วยหน้าที่ที่ผมต้องปฏิบัติกับลูกค้าอย่างอ่อนโยนและให้บริการที่ดีเยี่ยมเพราะนั้นคือพื้นฐานของงานบริการ แต่จินยองไม่ชอบมันและยิ่งลูกค้าที่มาใช้บริการมีแต่ผู้หญิงนั่นยิ่งทำให้คนรักของผมหึงได้ตลอดเวลา แล้วทำไมผมถึงไม่โกรธเลยน่ะหรอ?...
ก็มันทำให้ผมรู้ว่า ยิ่งคนรักของผมหึงผมมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงด้านไม่น่ารักออกมามากแค่ไหน นั่นหมายความว่าเค้ากำลังรักผมมากขึ้นน่ะสิ
ผมหยิบหมอนใบใหญ่ที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาวางไว้บนโซฟาแล้วนั่งมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิทผมนั่งรอเวลาสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าร่างบางในห้องนั้นสงบลงแล้วจึงเดินไปหยิบกุญแจสำรองมาไขเข้าไป
“ฮึก...ฮึก”เสียงสะอื้นของคนที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มทำให้ผมใจกระตุกนี่คงจะเป็นเรื่องเดียวที่ไม่ชอบเวลาทะเลาะกันคือน้ำตาของคนรักที่ไหลออกมาไม่หยุดไหล่บางสั่นเทาไปตามแรงสะอื้น ภาพตรงหน้าทำให้ผมปวดใจเสมอ
"นยองอา” ก้าวไปนั่งตรงหน้าของร่างบางก่อนจะค่อยๆรั้งผ้าห่มที่อีกคนใช้บังใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั้นออก
“มา..ฮึก..ทำไม บอกให้...ฮึก...ไป ไม่เข้าใจหรอฮืออ” แม้จะเอ่ยปากไล่ แต่มือเรียวนั้นกลับกำชายเสื้อผมไว้แน่น
“ไปไหนไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อคนรักของฉันอยู่นี่หัวใจของฉันอยู่ที่นี่”
“ฮึอ...ฉันไม่น่ารัก ฮือออ”
“....”
“นายก็จะไม่รักฉัน ฮึก นายจะรำคาญ เบื่อและสุดท้ายก็จะทิ้งฉันไป ฮืออ” จินยองขยับตัวจากที่นอนเปลี่ยนเป็นหนุนตักผมแล้วกอดเอวไว้แน่น
“ไม่มีวันนั้นหรอกนะจินยองอา...ฉันไม่สามารถทิ้งหัวใจตัวเองได้หรอกนะ”พูดไปพร้อมกับลูบหัวคนที่หนุนตักเป็นการปลอบประโลม
จินยองคลายแขนออกจากเอวผมแล้วดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งตรงหน้าผม
“ห้ามทิ้งนะ ห้ามทิ้งฉัน”
“ไม่มีวันครับ”
“ต่อให้ฉันไล่นายไป นายก็ต้องกลับมาหาฉันอย่าทิ้งฉันไป”
“แน่นอนครับ ต่อให้ไล่ก็จะหน้าด้านไม่ไปไหน”
“ห้ามรักคนอื่น นายรักฉันได้แค่คนเดียวนะอิม แจบอม”
“ผมรักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากคนที่ชื่อ ปาร์ค จินยองเท่านั้น” คำตอบจากผม ทำให้ร่างบางตรงหน้ายิ้มกว้างผมเองก็ยิ้มตามคนตรงหน้าโดยอัตโนมัติ แล้วดึงเอาคนร่างบางมากอดอีกครั้ง นี่แหละ จินยองของผม แม้จะงอแง โมโหร้าย แต่ก็น่ารักที่สุด
“คุณรู้ไหม ถ้าผมคุณเปียกๆแล้วนอนเนี่ยจะเป็นหวัดง่ายมากเลยนะ ผมก็รู้ว่ามันแห้งยาก เอาเป็นว่า คุณหันหลังมาเดี๋ยวผมเช็ดให้ละกัน”
ซ่า...
เสียงสายฝนที่กระหน่ำอยู่นอกหน้าต่างในเวลาค่ำคืนยิ่งลดอุณหภูมิห้องให้ต่ำลงกว่าเดิมความหนาวเย็นโดยไม่ต้องเพิ่งแอร์ตัวใหญ่ถูกสกัดด้วยฮีทเตอร์ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในช่วงที่หนาวเย็นแบบนี้
“ไปอาบน้ำสระผมสิ จินยอง นายเปียกฝนด้วยเดี๋ยวไม่สบาย”ยื่นผ้าขนหนูให้พร้อมเอ่ยบอกร่างบางที่เอาแต่นั่งดูทีวีตั้งแต่กลับมาจากกินข้าวข้างนอก ที่จริงผมบอกให้จินยองไปอาบน้ำทันที่ที่เราฝ่าฝนมาถึงห้องแต่คนตัวเล็กบอกว่ารายการโปรดกำลังจะมา เลยให้ผมไปอาบก่อนและจะตามไปทีหลังผมเลยต้องตามใจ และตอนนี้ผมก็ทำธุระตัวเองเสร็จแล้ว ถึงเวลาของคนน่ารักนี่แล้วแหละ
“รู้แล้วน่า...บ่นเก่งจริงๆ” มือเรียวดึงเอาผ้าขนหนูจากผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปผมเองก็เดินไปในห้องครัวเพื่ออุ่นนมร้อนให้คนรัก อากาศเย็นๆแบบนี้ จินยองชอบดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนเป็นที่สุดเพราะมันจะทำให้เค้าหลับสบาย
แก้วนมอุ่นถูกยกมาวางไว้ที่หัวเตียงร่างสูงล้มตัวลงบนเตียงกว้างก่อนจะกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเพื่อหารายการอะไรสักอย่างที่น่าดูในตอนห้าทุ่มแต่มันก็คงไม่มีอะไรให้ดูหรอก ดึกป่านนี้นิ้วเรียวจึงกดปุ่มปิดจากรีโมทก่อนจะหยิบหนังสือบนหัวเตียงมาอ่านระหว่างรออีกคนที่อาบน้ำอยู่ไม่นาน ร่างบางก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่หยิบไปตอนแรก ผิวขาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ ตั้งแต่เส้นผม ใบหน้าและลำตัวชวนมองอย่างหลงใหลและนั่นก็ทำให้คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงตอนแรกถึงกับต้องวางหนังสือลงแล้วมาสนใจร่างบางตรงหน้าแทน ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ใช่ว่าจะไม่เคยสัมผัส แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้ง ทุกอย่างของจินยองก็ชวนหลงไปทุกครั้ง
“มองอะไร”เอ่ยถามทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจ้อง
“มองนายไง”
“ไอ้บ้า”ว่าไปก็เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิลของตัวเอง แล้วรีบเดินไปแต่งตัว แจบอมยิ้มบางๆกับอาการของคนรักที่กำลังเขิลอย่างปิดไม่มิดหลังจากผิวขาวๆนั้นถูกบดบังด้วยเสื้อนอนแขนยาว ขาเรียวนั้นก็ก้าวมาที่เตียงนอนก่อนจะล้มนอนลงข้างๆร่างสูง
“ผมยังเปียกอยู่เลยนะ”
“รู้ แต่ง่วง”
“เดี๋ยวไม่สบาย เช็ดผมให้แห้งก่อนสิ”
“โหย กว่าจะแห้ง ผมฉันไม่ได้สั้นแบบนายนะแถมเส้นก็หนา กว่าจะแห้งง่วงตายพอดี” พูดไป ก็ทำหน้ายู่ไปเหมือนเด็กโดนขัดใจผมยิ้มให้กับความเป็นเด็กของจินยอง แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดผมในตู้เสื้อผ้า
“ลุกมานอนที่ตักฉันนี่”ตีหน้าขาตัวเองเบาๆเพื่อเรียกให้อีกคนมานอนหนุนตัก จินยองค่อยๆขยับตัวเอาหัวมาพาดขาผมไว้แล้วเอื้อมหยิบนมมาดื่ม
“รู้ว่าผมแห้งยากแทนที่จะรีบอาบน้ำแต่แรกแล้วค่อยออกมาดูทีวี”
“พลาดไปตอนนึงก็แย่น่ะสิ เดี๋ยวคุยกับไอ้ยองแจไม่รู้เรื่อง”
“บ้าละคร” ว่าไปพลางขยี้เส้นผมสีสวยอย่างเบามือ
“บ้างาน” เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เหอๆ” และผมเองที่ต้องยอมแพ้แล้วก้มหน้าเช็ดผมของคนรักต่อไปไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน กว่าผมคนที่หนุนตักจะแห้ง เจ้าตัวก็หลับไปซะแล้วใบหน้าสวยที่หนุนตักผมอยู่ชวนผมมองอย่างละสายตาไม่ได้ ผิวหน้าขาวใสแพรขนตายาวที่เรียงเส้นสวย จมูกโด่งได้รูปและปากกระจับนั้น ช่างเป็นใบหน้าที่เพอร์เฟ็คน่าหลงใหล สวยงาม แม้จะเป็นใบหน้าของผู้ชายก็ตาม จินยองเวลาหลับเป็นอะไรที่เหมือนมนต์สะกดผมเสมอ ผมค่อยๆขยับศรีษะของจินยองให้นอนลงบนหมอนก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหน้ามาปิดร่างกายเอาไว้ เอื้อมมือไปปิดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงและตะแคงกอดร่างบางภายใต้ผ้าห่มเดียวกัน
“ฝันดีนะครับ ที่รักของผม”
“คุณรู้ไหม ผมคงตามใจคุณทุกอย่างไม่ได้หรอกนะบนโลกใบนี้มีตั้งหลายอย่างที่ผมทำได้ และผมทำไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด เท่าที่ผมจะทำแทนได้ละกัน”
“แจบอมอ่า วันนี้หยุดงานไม่ได้หรอ?”ประโยคเดิมๆที่ถูกอ้อนถามตั้งแต่เช้า ที่จริงผมก็แปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้คนรักของผมตื่นเช้ามาก ปกติแล้วผมออกไปทำงานแล้วถึงจะตื่น
“ไม่ได้หรอก วันนี้มีนัดกับลูกค้า” ตอบไปพร้อมกับตักข้าวต้มใส่ปาก
“แต่วันนี้มันวันสำคัญของเรานะ” เริ่มมีอาการไม่พอใจ ใช่ผมรู้ว่านี่คือวันครบรอบ1ปีที่เราคบกัน จริงๆผมจะหยุดก็ได้ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ลูกค้ารายใหญ่ได้นัดที่จะเข้ามาทำเล็บไว้ก่อนแล้วจะให้ยกเลิกก็คงไม่ดีแน่
“ไว้กลับมาค่อยฉลองกันก็ได้นี่”
“เฮอะ ฉันไม่เคยสำคัญเท่างานนายเลย” ประโยคตัดพ้อจากคนรักดังขึ้น จินยองสะบัดหน้ามองไปยังหน้าต่างห้องแขนเรียวยกขึ้นกอดอกตัวเอง ทุกท่าทางคืออาการของคนไม่พอใจและต้องการให้อีกคนนึงง้อทำไมเรื่องแค่นีแจบอมจะไม่รู้ แต่จะให้ตามใจคนตรงหน้าซะทุกอย่างก็ไม่ได้เดี๋ยวจะเคยตัวไปกันใหญ่
“ผมต้องไปทำงานแล้ว แล้วเจอกันตอนเย็นนะ”พูดเสร็จก็ลุกออกไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกคนที่กำลังงอนอยู่อ้าปากค้าง...-0-
นี่จะไม่ง้อกันจริงๆหรอเนี่ย เออ จำไว้เลยนะ!!
ใครว่าผมจะไม่ง้อ ใครว่าผมจะไม่สนใจ ผมน่ะเตรียมทุกอย่างไว้แล้วแต่แค่มันไม่ใช่ตอนนี้ ผมต้องทำงาน ผมมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแต่ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่ ยังไงจินยอ
ก็คือคนแรกที่ผมนึกถึงอยู่แล้วแค่คิดถึงสิ่งที่เตรียมให้คนรัก รอยยิ้มมันก็เผยออกมาไม่รู้ตัวป่านนี้คนขี้งอนคงนั่งหงุดหงิดอยู่แน่ๆ
กริ๊งง
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อประตูร้านถูกเปิดเข้ามาผมไม่ได้ละสายตาจากเล็บของลูกค้าเพื่อไปมองว่าใครเดินเข้ามา ส่วนมากก็ลุกค้าทั้งนั้นจนกระทั่ง...
“อ้าว จินยอง ลมอะไรหอบมาถึงนี่จ๊ะ” เสียงของเจ้านายผม คุณซอนเยเอ่ยทักคนมาใหม่เลยทำให้ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปดูทันทีหน้าสวยนั้นยิ้มเย้ยให้ผมเหมือนจะบอกว่าตัวเองชนะ แต่ผมไม่สนใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ นูน่า ผมแค่จะมาทานข้าวกลางวันกับเจบี” จินยองเรียกชื่อคนรักด้วยฉายาของพนักงานในร้าน ในร้านนี้พนักงานแต่ละคนจะมีฉายาหรืออีกชื่อนึงเพื่อเป็นการไม่ให้ลูกค้าระราบระล้วงความเป็นส่วนตัวของพนักงานมากเกินไป และที่จินยองเรียกแจบอมด้วยชื่อนี้ ก็มีเหตุผลเดียว...ประกาศให้ลูกค้าสาวๆในร้านนี้รู้ไงว่า เจบีน่ะ ของเค้า
“ว๊าว เนื่องด้วยโอกาสพิเศษอะไรจ๊ะ บอกพี่สาวได้ไหม?”
“วันครบรอบ1ปีของเราน่ะครับ”
“1ปีแล้วหรอเนี่ยย ขอให้รักกันนานๆนะจ๊ะ แต่ตอนนี้จินยองไปนั่งกับพี่สาวข้างในดีกว่าเนาะเดี๋ยวเจบีทำงานเสร็จก็รีบตามมานะ อย่าให้จินยองของนูน่ารอนานล่ะ”
“ครับ"
คุณซอนเยควงแขนจินยองเข้าไปด้านในของร้านโดยไม่ลืมจะสั่งพนักงานคนเก่งของร้านไว้ตอนท้าย
เฮ้อ...ให้ได้อย่างงี้สิ จินยองน่ะ เป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้อยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ แม้จะผิดแผนไปหน่อย เพราะไม่คิดว่าคนรักจะมาถึงที่ร้านปกติเจ้าตัวชอบมาที่ไหน บอกว่ามาแล้วหงุดหงิด แต่ดูตอนนี้สิ เดินหน้าระรื่นไปกับเจ้านายผมแล้วคุณซอนเยเองก็เอ็นดูจินยองมาก แถมอยากได้คนน่ารักของผมมาทำงานที่ร้านนี่สุดๆแต่พอเจอฤทธิ์จินยองวีนลั่นเมื่อตอนผมมาทำงานใหม่ๆ คุณซอนเยก็เข้าใจทุกอย่างโดยไม่ต้องอธิบาย
“อย่าลืมทาครีมที่มือบ่อยนะครับ เดินทางกลับปลอดภัย ขอบคุณที่มาใช่บริการครับ”
ส่งลูกค้าเสร็จร่างสูงก็เดินไปล้างมือแล้วเข้าไปหาคนรักของตนที่นั่งคุยกับเจ้านายตัวเองอยู่ด้านใน
“อ้าว มาแล้วหรอจ๊ะ เจบี”
“^^”
ไม่ได้ตอบอะไรไป นอกจากส่งยิ้มให้กับผู้เป็นนายแล้วเดินไปนั่งข้างๆคนรัก
“อ๊า...เธอสองคนช่างเหมาะกันจริงๆพี่ไม่รู้เลยว่าวันนี้คือวันครบรอบ ไม่งั้นพี่ให้มาร์ครับลูกค้าแทนเธอไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“งั้นวันนี้พี่ให้นายเลิกครึ่งวันเลยนะ ไปฉลองกับจินยองเถอะ ดูสิจินยองของพี่อุตส่าห์มารับถึงที่นี่นะ”
“ขอบคุณนะครับนูน่าสวยและใจดีที่สุดเลย” แน่นอน ประโยคออดอ้อนพวกนี้ไม่ได้เป็นของผมแน่ๆ จินยองยิ้มหวานขอบคุณคุณซอนเยแล้วหันมายิ้มให้ผม หึหึ...นี่สินะ แผนที่นายเตรียมไว้
“ขอบคุณนะครับ นูน่าแต่ผมขอเลิกตามเวลาดีกว่า เดี๋ยวไอ้มาร์คต้องออกไปพบลูกค้า ส่วนแจ็คสันก็มีขาประจำมาตอนบ่ายนี้จะเหลือแค่ยูคยอมคนเดียวให้รับลูกค้าคงไม่ไหว ให้ผมอยู่ช่วยดีกว่าครับ”
“อ่า...งั้นหรอ เฮ้อ จินยองอ่านูน่าขอโทษนะจ๊ะ”
เหตุผลของผมทำให้คุณซอนเยเลิกให้ท้ายคนน่ารักที่นั่งหน้างอทันทีที่ได้ยินผมพูดก่อนจะผลักผมให้พ้นทางแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป
“เอิ่ม...เจบีอ่า...จินยองโกรธแล้วเห็นไหม?”
“ทราบครับงั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปเคลียร์ก่อนนะครับ”
“จ้ะๆ รีบๆไปนะ นูน่าเอาใจช่วย สู้ๆ”เจ้านายคนสวยชูสองนิ้วเป็นกำลังใจให้ผมผมได้แต่ยิ้มแล้วก้มโค้งขอบคุณเธอก่อนจะเดินตามอีกคนไป
“นยองอา...รอก่อนสิ”
“ตามมาทำไม ไปทำงานนายสิ”
ปากก็พูดไปแต่สองขาก็ยังก้าวไม่หยุด และดูเหมือนจะเพิ่มความเร็วซะด้วยประตูหน้าร้านถูกผลักให้พ้นทางเพื่อให้ร่างบางเดินออกไป ผมรีบสาวเท้าให้เร็วจนกลายเป็นวิ่งเพื่อให้ทันคนข้างหน้า
หมับ!
“ปล่อยฉัน”
“ไม่ปล่อย เราต้องคุยกันก่อนนะครับ”
“ไม่คุย ไม่ต้องพูด ไม่อยากฟัง เชิญไปทำงานของนายเลยไป”
จินยองพยายามสะบัดแขนตัวเองออกจากมือผมมืออีกข้างก็พยายามแงะนิ้วทั้งห้าของผมออกเพื่อคลายพันธนาการผมเลยเปลี่ยนเป็นดึงร่างบางเบาๆมากอดไว้แทน
“ปล่อยนะโว้ยย”
“ไม่โว้ยสิครับ”
“จะโว้ยแล้วจะทำไม ไม่ชอบก็ปล่อยสิ” พูดไป ก็พยายามดิ้นไปแต่ผมก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“คุยอะไร ไม่คุยทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าไม่คุย งั้นฉันจูบ” ไม่พูดเปล่า แต่แกล้งขยับใบหน้าให้เข้าไปใกล้อีกคนทำให้คนน่ารักหันหน้าหนีทันทีเมื่อรู้สึกทั้งลมอุ่นๆปะทะจมูกรั้นนั่น
“อย่านะ! มะ มีไรก็พูดมาสิ ฟังแล้ว” น้ำเสียงรั้นๆนั้นตอบส่งเหมือนคนหมดทางสู้แต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์ม ผมได้แต่ยิ้มให้กับความดื้อของคนตรงหน้าแล้วค่อยๆคลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้น
“ฉันต้องทำงานจริงๆ ไม่ได้แกล้ง”
“...........”
“ฉันไม่ได้ลืม ว่าวันนี้คือวันอะไร”
“..........”
“ฉันเตรียมทุกอย่างให้แล้ว”
“..........”คนตรงหน้าก็ยังไม่พูดอะไร แต่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วส่งสายตาแทนคำถามจากปาก
*จริงหรอ?*
“เคยโกหกที่ไหน”
“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้แกล้งฉัน”
“ครับ ไม่ได้แกล้งจริงๆ”
“แล้วเตรียมอะไรไว้?”
“ฉันจะบอกนายตอนเย็นนะ ส่วนตอนนี้เดี๋ยวเราไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เสร็จแล้วฉันจะไปส่งนายที่คอนโดและตอนเย็นจะไปรับ โอเคไหม?”
“อื้อๆ ก็ได้ และก็ปล่อยฉันได้ละอึดอัด” ผมปล่อยแขนที่กอดจินยองเอาไว้ออกทันทีตามคำสั่ง แล้วร่างบางก็เดินนำเข้าไปในร้าน
.......เหอๆ ยังแกล้งทำงอนอยู่สินะอะไรจะกลัวเสียฟอร์มขนาดนั้น…..
ผมสั่งอาหารที่จินยองชอบมาทานที่ร้านนั่นก็ทำให้คนรักของผมเริ่มยิ้มได้ และหลังจากทานเสร็จก็พาจินยองมาส่งที่คอนโดแล้วกลับมาทำงานจนตอนนี้ก็จะได้เวลาเลิกงานแล้ว ผมเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเอ่ยลาทุกคน
“กลับแล้วนะครับ”
“เออ รีบๆไปเถอะเดี่ยวเมียมึงจะเหวี่ยงอีก”
“ฮ่ะๆๆฮ่า”
ไอ้เพื่อนรักผมอย่างมาร์คเอ่ยแซวทำให้ทุกคนขำผมได้แต่ชี้หน้าคาดโทษมันไว้แล้วรีบออกจากร้านเพื่อกลับไปรับจินยองที่คอนโด
“ไม่ต้องกลัวว่านี่คือโปรโมชั่นหรือการทำดีชั่วคราว เพราะผมไม่ได้มองว่ามันเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบผมทำเพราะผมมีความสุขที่เห็นคุณมีความสุข”
ทันทีที่รถผมจอดที่หน้าคอนโดของเรา จินยองก็เดินมาที่รถด้วยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักในสายตาผมเสมอผมสำรวจคนสวยข้างๆเมื่อเข้ามานั่งในรถ เสื้อคอกว้างสีขาวคว้านลึกแถมย้วยย้อยลงมาถึงอกเผยให้เห็นผิวขาวๆตัดกับกางเกงยีนสีเข้มขาดๆ โชว์ให้เห็นผิวเนียนบริเวณต้นขา บอกเลยว่าผมไม่ชอบให้จินยองแต่งตัวแบบนี้
“เปลี่ยนชุดก่อนไหม?”
“หืม ก็เปลี่ยนแล้วนิ”
“ไม่สิ ไม่ใช่ชุดนี้”
“แจบอมอา ฉันชอบ”
“แต่ฉันไม่ชอบ มันเห็นผิวขาวๆของนาย”
สิ้นประโยคของผม ร่างบางข้างๆก็นั่งหัวเราะคิกคักก่อนจะเอี้ยวตัวเอาแขนมาโน้มรอบคอผม
“หวงหรอ คิกคิก”
“จินยอง....”
“นายตลกจัง”
“ตลกตรงไหน ฉันหวงนะ”
“คิกคิก ไม่ต้องหวงหรอก อยู่กับนายไม่มีใครกล้ามองฉันหรอก”
“ลองมามองสิ”
“ฮะฮะ แฟนฉันดุนะเนี่ย”
“ขนาดดุ คนแถวนี้ยังดื้อเลย”
ว่าแล้วก็บีบจมูกรั้นๆนั่นไปทีก่อนจะฝังจมูกตรงเองลงไปบนแก้มใสๆนั่น
“บ้า ไปได้แล้ว จะพาไปไหนก็ไป”ร่างบางพูดไปด้วยอาการเขิน
“พาไปไหนก็ไปหรอ?” ถามไปพร้อมๆกับสายตาเจ้าเล่ห์เล่นเอาคนถูกถามอ้าปากค้างก่อนจะฟ้าดมือลงมาที่อกแกร่ง
“บ้ารึไง อย่ามาทะลึ่งนะ!”
“ฮ่าๆ โอเคครับไปๆ” แล้วรถหรูก็เคลื่อนตัวออกไปไม่นานก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตกแต่งสไตล์ตะวันตกบรรยากาศในร้านดูดีและสวยมาก แต่แปลก ที่ร้านนี้ไม่มีลูกค้าเลย
“เค้าเปิดรึป่าวแจบอม”ถามทั้งๆที่เดินตามผมเข้าในร้าน โดยมีผมจับมือไว้ตลอดทาง
“ไม่เปิดครับ”
“อ้าว แล้วเราจะมาทำไมอ่ะ”ยังสงสัยต่อไป และถามคำถามไม่จบไม่สิ้น
“ไม่ต้องถามแล้วมาทางนี้สิครับ”
ว่าแล้วผมก็พาจินยองมามุมด้านในของร้านที่ผมได้เตรียมไว้ ผมขยับเก้าอี้ให้คนตัวบางกว่านั่งในโต๊ะที่มีอาหารเตรียมพร้อมไว้รอแล้วไหนจะไวน์แดงยี่ห้อดีที่ถูกรินเสิร์ฟทันทีที่เรานั่งลง
“คุณแจบอมจะเริ่มเลยไหมครับ?”บริกรที่รินไวน์ให้ ถามคำถามบางอย่าง ที่ทำเอาร่างบางยิ่งทำหน้างงไปใหญ่
“ครับเดี๋ยวผมมานะ” ตอบบริกรเสร็จ ก็หันมาบอกอีกคนที่ยังงงกับทุกอย่างก่อนจะเดินไปยังเปียโนตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางร้าน
เสียงดนตรีที่เกิดจากนิ้วสวยกดไล่โน้ตสลับไปสลับมาจนเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะทำให้คนที่นั่งฟังอยู่ฉีกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาคู่สวยมีน้ำใส่ๆคลอ ก่อนจะไหลลงมาเพราะความสุขและดีใจ
If I should stay,
I would only be in your way.
So I'll go, but I know
I'll think of you ev'ry step of the way.
And I will always love you.
I will always love you.
You, my darling you. Hmm.
Bittersweet memories
that is all I'm taking with me.
So, goodbye. Please, don't cry.
We both know I'm not what you, you need.
And I will always love you.
I will always love you.
I hope life treats you kind
And I hope you have all you've dreamed of.
And I wish to you, joy and happiness.
But above all this, I wish you love.
And I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I, I will always love you.
You, darling, I love you.
Ooh, I'll always,
.
.
.
I'll always love you.
สิ้นเสียงโน้ตตัวสุดท้ายผมยิ้มให้กับร่างบางที่ตอนนี้นั่งร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะรีบเดินไปหาแล้วค่อยๆเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ
“ร้องไห้ทำไมครับ”
“ฉัน...ฮึก...ฮือ”
“อา...นยองอาอย่าร้องสิครับ ผมร้องเพลงให้ฟังนะ ไม่ได้แกล้งซะหน่อย”ว่าพลางดึงอีกคนมากอดไว้ในอ้อมอกเพื่อปลอบประโลมคนรักเอาไว้
“ฮึก...ขอบใจนะฉันชอบมากๆเลย”
“ฉันดีใจนะที่นายชอบ”
“ขอบใจที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษขอบใจที่ทำตามสัญญา”
“ใครว่าฉันตามสัญญาล่ะหืม” จับไหล่คนตัวเล็กกว่าออกมา แล้วจ้องไปที่ใบหน้าของคนน่ารักนั้น จินยองมองผมด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ทำตามสัญญาไม่ได้ทำเพราะนี่เป็นหน้าที่แฟนคนนึงจะทำให้ แต่ทำไปเพราะอยากเห็นนายมีความสุขที่สุดต่างหากนะ”
“แจบอมอา....”
“ฉันรู้ว่านายชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ปาร์คจินยองของฉันดื้อแค่ไหนเวลาอยากได้อะไรสักอย่าง และฉันอาจทำบางอย่างขัดใจนายไปบ้างทำให้เราต้องทะเลาะกัน แต่รู้ไหม ฉันไม่เคยเบื่อเลย ไม่เหนื่อยด้วย เพราะฉันไม่ได้พยายามทำให้มันดีฉันแค่ทำทุกอย่างตามที่หัวใจอยากทำ ทุกอย่างที่ทำเพราะ...ฉันรักนายนะ จินยอง”
“แจบอม...ฉัน..”
“หืม...ว่าไงครับจะบอกอะไรฉัน”
“ฉัน...แม้ฉันจะดื้อจะเอาแต่ใจ จะโมโหร้าย งอแงใส่นายทุกอย่าง แต่นายก็รู้ใช่ไหม ว่าที่ทำไปทั้งหมด ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ”
ประโยคบอกรักตามแบบฉบับปาร์ค จินยองเอ่ยออกมาก่อนที่ร่างบางจะก้มหน้างุดลงที่อกผมอีกครั้งผมค่อยๆช้อนใบหน้าน่ารักนั้นเงยขึ้นก่อนจะมอบจูบที่เต็มไปด้วยความรักให้กับคนรักของผมจูบที่ค่อยๆป้อนความหวานให้แก่กัน จูบที่อ่อนโยนเปรียบเสมือนคำบอกรักที่ฟังเสนาะหูจูบที่เนิ่นนาน เหมือนเป็นสัญญาว่าความรักของผมกับจินยองนั้นก็จะเนิ่นนานและ....ตลอดไป
END.
เป็นยังไงบ้างคะ ชอบเปล่า? ฮ่าๆ จริงๆ เราเคยเขียนเรื่องนี้แต่เป็นคู่อื่น แต่อยู่ๆก็นึกอยากอ่านฟิคตัวเองเลยเปิดอ่าน อ่านไปอ่านมาแล้วแบบ ถ้าเป็นบีเนียร์ก็น่ารักดีนะ เลยรีไรท์ใหม่ ฮ่าๆๆๆ
ถ้าผิดตรงไหน หรือมีชื่อแปลกๆ ก็ขอโทษด้วยน้าา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ไว้เรื่องต่อไปจะเป็นคู่ไหนอีก เดี๋ยวว่ากันนะคะ ฮ่าๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ไรท์ล้วนๆ ฮ่าๆๆ อ้อ อย่าลืมสกรีม #FicDoYouKnow น้า
by: ไรท์เตอร์จับฉ่าย
ผลงานอื่นๆ ของ K-Insane ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ K-Insane
ความคิดเห็น