SF เด็กกว่าแล้วไง? YugNior
ตั้งแต่มีไอ้เด็กนี่เข้ามา ชีวิตผมก็แทบไม่มีความสงบสุขอีกเลย ไอ้เด็กเปรต คิม ยูคยอม ชักจะกวนตีนมากไปแล้วนะ ที่สำคัญแม่งงง ทำใจกูสั่นด้วย
ผู้เข้าชมรวม
1,213
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ
บ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย
แต่ที่แห่งนี้กลับเงียบสงบ บ้านหลังเล็กที่มีสวนหย่อมอยู่หน้าบ้าน
ปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ และบ่อเลี้ยงปลาคราฟอยู่ตรงด้านท้ายของสวน มันสงบ ร่มรื่น
จนกระทั่ง...
“จินยอง น้าฝากดูน้องหน่อยนะลูก ถ้าน้องไม่ติดสอบน้าคงพาน้องไปกับน้าแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกยูนนา
ลูกจินยองของฉันดูแลน้องได้อยู่แล้ว ใช่ไหมลูก?”
ประโยคคำถามที่มาด้วยรอยยิ้มของนางงามมิตรภาพแห่งกวางจูเมื่อสามสิบปีก่อนฉายบนหน้าผู้เป็นแม่ของตัวเอง
คุณนายปาร์ค จีมิน แม่ของผมปาร์ค จินยองโม้กับเพื่อนสนิทของตัวเองใหญ่
ว่าผมสามารถเลี้ยงลูกของเพื่อนคุณนายได้ ในระยะเวลา30วัน ที่คุณนายและเพื่อนคุณนายจะไปเที่ยวยุโรปกัน
จริงๆแล้วผมก็อยากจะปฎิเสธหรอกนะ ไอ้ที่จะให้มาเลี้ยงเด็ก
แต่พอเห็นลูกของเพื่อนคุณนายแล้วก็คงไม่เป็นไรหรอก เด็กนั่นโตแล้ว เรียนมอปลาย
ก็แค่หาข้าวให้กิน หาที่ให้นอนก็พอแล้ว ที่เหลือก็ตัวใครตัวมัน คนอย่างจินยองอ่ะ
อยู่ง่ายๆ แค่ไม่ต้องมีใครมาวุ่นวายก็พอ
“ครับ ไม่ต้องห่วงนะครับน้าคิม
เดี๋ยวผมดูน้องให้ เที่ยวให้สนุกนะครับ” ผมกล่าวกับคุณน้าและคุณนาย ทั้งสองยิ้มรับ
ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบหญ่ลายLV ออกจากบ้านไป
โดยที่ไอ้คนเป็นลูกชายของคุณน้าก็ยังนั่งแหมะกดไอโฟนอยู่บนโซฟา เห้ย
แกจะไม่สนใจแม่แกที่จะไปต่างประเทศหน่อยหรอ?
“นี่นาย ชื่อไรนะ ยูคยอมใช่ไหม?”
ผมถามไอ้เด็กหัวสีเทาที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์แบบนี้มาหลายชั่วโมงละ
“นายอยู่ที่นี่ได้ ห้องนายอยู่ชั้นสอง
ด้านขวา ตรงข้ามกับห้องฉัน ขาดเหลืออะไรให้เรียกป้าจียอง อ้อ
แล้วที่สำคัญห้ามรบกวนฉันหลังเวลาอาหารเย็น เพราะฉันจะใช้เวลานั้นทำโปรเจคจบ
ส่วนนาย จะสอบแล้วก็ควรอ่านหนังสือไปนะ เข้าใจ๋?”
ผมสาธยายทุกอย่างรวมถึงกฎการอยู่ร่วมกันให้เจ้าเด็กหัวเทานั่นฟัง แต่ก็เหมือนเป่าขลุ่ยให้ควายฟังมากกว่า
ไอ้เด็กนั่นทำแค่เพียงลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วมองหน้าผม สายตานั่น...กวนตีนชะมัด
“จบยัง?” ไอ้เด็กหัวเทาถาม
ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วดึงกระเป๋าเป้ที่วางบนตักมาพาดที่บ่าตัวเอง โอ้โห
เพิ่งสังเกต ไอ้เด็กนี่สูงจริงๆ นี่เด็กมอปลายเองนะ ผมนี่ตัวแค่ไหล่มันด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ เด็กสมัยนี้แดกเสาไฟฟ้าเป็นอาหารว่างหรอวะ?
“ถ้าเรื่องกฏน่ะจบ
แต่อีกเรื่องที่นายควรรู้ไว้ นายอยู่เกรด 11 แต่ฉันอยู่มหาลัยปี4 ฉันแก่กว่า เพราะฉนั้น
คิมยูคยอม นายควรพูดจาให้ดีกว่านี้หน่อยนะ”
ยูคยอมทำหน้าเบื่อโลกใส่ผม แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ
ใกล้ และใกล้มาก มากจนจะสิงกูอยู่แล้วโว้ยยยย
แต่จะให้ผมเดินถอยหลังหนีตามวิถีนางเอกนายเอกฟิคอ่ะ คงไม่ใช่แนว นี่ใครครับ ปาร์ค
จินยอง คนแมนนะครับ จะตุ๊ดไม่ได้ ก็เลยยืนนิ่งยืดอกประจันหน้ากับไอ้เด็กเปรตนี่
แต่รู้สึกว่าอยู่ใกล้เท่าไหร่ คอผมจะเขล็ดน่ะ เงยหน้ามองมันเนี่ย
“ครับ ครับ คร้าบบบบ”
พูดจบแม่มก็เดินขึ้นบันไดไปเลย เหลือแต่ผมที่ยืนเช็ดน้ำลาย ที่มันมาพูดครับ ครับ
คร้าบบ ใกล้ๆหน้า คร้าบพ่องงง จะครับห่าไรนักหนา แล้วหน้าอ่ะ เอาไปห่างๆได้ป่ะวะ
น้ำลายกระเด็นใส่ เป็นสิวจะทำไง แม่มมม แค่วันแรกนะ ไอ้เด็กนี่ก็กวนตีนซะแล้ว
นี่ไม่อยากจะมโนไปอีก30วัน
จินยองคนนี้จะอยู่โดยไม่ฆ่าไอ้เด็กเปรตนี่หมกส้วมตายก่อนจะได้ไหมมมม
วันแรกของการเป็นพี่เลี้ยงเด็กยักษ์ผ่านไปด้วยดี...
ดีกับผีสิ ทำไมไอ้เด็กนี่มันกวนตีนอย่างงี้วะ
ผมละอยากจะเตะมันให้โด่งไปถึงยุโรปเลย โว๊ยยยย
ก็หลังจากที่หมอนั่นเดินขึ้นห้องไป
ผมก็เดินกลับไปที่ห้องผมเหมือนกัน แต่ไม่ถึง20นาทีหรอก ยูคยอมก็มาเคาะประตูห้องผมรัวเป็นจังหวะร็อค
“ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“เคาะสามทีก็รู้แล้วป่ะ มีไร?”
ผมถามหน้าหน่ายใส่ไอ้เด็กตรงหน้าที่ยืนยิ้มโชว์ฟันขาว32ซี่นั่น
“ผมยืมสายขาร์จไอโฟนหน่อยดิ ของผมแม่ม อยู่ๆก็พัง”
“แล้วรู้ได้ไงว่าฉันใช้ไอโฟน”
“ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ฮยองเคยได้ยินป่ะว่าเด็กช่างสังเกตุคือเด็กฉลาด”
แหม่...เออ ไอ้ฉลาดดดด
ผมเบ้ปากใส่ไอ้ยูคยยอมไปทีก่อนจะบอกให้มันรอแปปนึง
แล้วเดินไปหยิบสายชาร์จไอโฟนของผมไปให้
“เอาไว้ก่อนก็ได้ ฉันมีสองอัน”
“ขอบคุณค้าบบบบบบ”
ยูคยอมยื่นหน้ามาใกล้ๆแล้วลากเสียงยาวๆแบบกวนตีนใส่ผม....เกลียดว่ะ
และต่อจากนั้น 10นาที
“ก๊อกๆๆ ก๊อกๆ ก๊อกๆ” มาอีกแล้วครับ
ไม่รัวเป็นร็อคนะ แต่มาแนวเพลงในนิทาน มีดนตรีในหัวใจจริงๆนะ ห่า
“บอกว่าให้เคาะสามทีก็พอไง
ไม่รู้เรื่องหรอ?” ผมถามไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้า
แต่มันก็ทำเพียงยักไหล่แบบไม่ใส่ใจให้ผม
“ฮยอง ผมยืมโทรศัพท์หน่อยดิ”
“อะไรวะ โทรศัพท์นายอ่ะ มีไม่ใช่หรอ
เมื่อกี้ก็มายืมสายชาร์จฉันไปอยู่เลย”
“ใช่ ตอนแรกคิดว่าแค่แบตหมดอ่ะ
แต่พอชาร์จแล้วมันก็ยังเปิดไม่ติด หน่า เอามายืมหน่อยดิ
นี่จะโทรไปคุยเรื่องหัวข้อที่จะสอบพรุ่งนี้นะ
ถ้าฮยองไม่ให้ยืมผมต้องทำข้อสอบไม่ได้แน่ๆ พอทำไม่ได้ผมก็สอบตก แม่ด่า พ่อว่า
ผมเครียด กินข้าวไม่ลง ผอมซูบ หรืออาจจะคิดสั้น ฆ่าตัวตาย ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมา
ฮยองน่ะ คือฆาตกรเลยนะ”
เห้ยๆ ไอ้เด็กนี้มันจะเว่อไปหน่อยละป่ะ
แม่มมม บรรยายซะเป็นห่วงโซ่อาหารเลย ผมได้แต่จิ๊ปากใส่แล้วยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้
“เอ้า อย่าใช้นานล่ะ เปลือง”
“คร้าบบบบ
ฮยองก็ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย”
ไอ้เด็กยูคยอมฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะเดินกลับเข้าหัวตัวเองไป ว่าแต่ เลิกพูดได้ไหม
ไอ้คำว่า”คร้าบบบ”ที่ลากเสียงยาวๆเนี่ย พอไปรวมกับเสียงที่โทนสูงๆนั่นหน่อย
มัน....กวนตีนสัส
และหลังจากนั้นมันก็มาเคาะห้องผมรัวๆแบบเดิมประมาณ
3-4 ครั้ง ด้วยเหตุผลและข้ออ้างปัญญาอ่อนต่างๆนานา เช่น
ยืมยางลบ ยืมปากกา อยากินนม และสุดท้าย ยืมบ็อกเซอร์ - -“ แรกๆก็คิดว่ายูคยอมอาจจะจำเป็นจริงๆ
แต่พอยืมถี่ขนาดนี้ ไอ้เด็กนี่เป็นโรคความจำสั้นหรือไง มันไม่ใช่ละ มันแค่แกล้งผม
แล้วไหนจะไอ้คำว่า “คร้าบบบ” ที่พูดพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ๆผมทุกครั้ง
นั่นมัน....โคตรกวนตีน แม่ง จะให้พูดกี่ทีว่าเกลียดดดด
เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์นึงที่ผมใช้ชีวิตแบบมีลูกเพื่อนแม่เข้ามาวุ่นวาย
จริงๆช่วงที่ผ่านมายูคยอมก็ไม่ค่อยได้มากวนตีนผมเท่าไหร่หรอก
หมอนั่นจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบมากกว่า
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีที่ผมได้มีเวลาอันสงบสุข ไม่มีใครมากวนประสาท
แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งวันหรอกนะ เวลาข้าวเย็นที่เราจะต้องทานด้วยกัน
ไอ้เด็กยักษ์นั่นก็ชอบแกล้งผม แล้วหัวเราะเป็นบ้าอยู่คนเดียว เหมือนตอนนี้
“ฮยอง อ่ะ ผมตักให้”
ยูคยอมตักมะเขือเทศในจานผัดเปรี้ยวหวานให้ผม
“อันนี้ด้วย ฮยองต้องกินเยอะๆนะ
มันมีประโยชน์” แล้วก็เป็นผักกาดขาวในถ้วยต้มจืด
“นี่อีกๆ ผักบุ้งนี้ บำรุงสายตา
ฮยองทำงานดึกๆ ต้องบำรุงเยอะ”
อย่า อย่าคิดว่าไอ้เด็กนี่หวังดีกับผม
เปล่าเลยย มันตักผักจากจานอาหารทุกอย่างให้ผมกิน ส่วนมันน่ะหรอ? กินเนื้อสิครับ
ตักมะเขือเทศในผัดเหรี้ยวหวานให้ผม แล้วตักไก่ชิ้นใหญ่ใส่จานตัวเอง
ตักผักกาดในถ้วยต้มจืดให้ผม แล้วตักเต้าหู้ไข่กับหมูเด้งใส่จานตัวเอง
แต่ก็เห็นจะมีแต่จานผัดผักบุ้งนี่แหละ ที่หมอนั่นไม่ตักเนื้อสัตว์ใส่จานตัวเอง
แน่นอนหล่ะครับบ มันเปนผัดผักบุ้งล้วนๆไง ไม่ใส่เนื้อสัตว์เลย
ไอ้เด็กยักษ์นั่นเลยไม่กิน แม่งงงงง
“พอได้ละ
กินๆแล้วรีบขึ้นห้องนายไปได้ละ” ผมปรามยูคยอมที่กำลังตักแตงกว่ามาให้ผมอีก
“ฮ่าๆ คนเค้าอุตส่าห์หวังดีนะ
ฮยองใจร้ายว่ะ” ไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้าทำปากยู่ประหนึ่งว่ามันน่ารักมากกกใส่ผม แต่ผมกลับทำท่ายกช้อนในมือจะเขวี้ยงใส่มันแทน
ยูคยอมไม่ได้มีท่าทีจะหลบแต่อย่างใด ตรงกันข้าม หมอนั่นระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ
หลังจากที่เราจัดการอาหารเย็นเสร็จ ผมย้ายตัวเองมานั่งที่บนโซฟาเพื่อจะดูรายการโปรด
สวบ!
“เห้ออ อิ่มจังเลยยย”
ยูคยอมที่เดินมาจากไหนไม่รู้หย่อนตัวยักษ์ลงข้างๆผม แล้ววาดแขนกว้างสุดความยาวก่อนจะพาดไปไว้ข้างหลังผม
เด็กขี้เกียจ แม่งโคตรเหมือนหมีเลย
“ไปนั่งไกลๆได้ไหม ที่ต้องเยอะแยะ”
“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่ ไม่ได้หรอครับ
จินยองฮยอง” ไอ้เด็กหมี (เรียกแบบนี้ดีกว่า เหมือนมากจริงๆ)
มันพูดพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาแล้วเขยิบมาใกล้ๆผม คุยไกลๆก็ได้ไหม
ทำไมชอบเอาหน้ามาใกล้ๆ เด็กนี่นี่มันโรคจิต!
เออ อยากนั่งใช่ไหม นั่งไปเลย ผมลุกจากโซฟาตัวยาว
มานั่งอีกฝั่งนึงที่นั่งได้คนเดียว ยูคยอมมองผที่เขยิบหนีแล้วก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ ฮยองนี่น่ารักดีนะ
ยิ่งแกล้งยิ่งสนุก”
“กวนตีน”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“พอได้และยูคยอม
นี่มันวันหยุดของฉันแท้ๆ แทนที่จะได้พักผ่อนสบายก็มาเจอเด็กกวนประสาท โว้ยย”
ผมโวยวายใส่ยูคยอม หมอนั่นกลับมองมาที่ผมแล้วกลั้นหัวเราะ
ทำไมไอ้เด็กนี่มันกวนประสาทดีขนาดนี้วะ นี่อยากจะเอารีโมททีวีปาหัวให้แตก
แต่ก็กลัวคุณนายกลับมาแล้วจะตีหัวผมแตกไปอีกคน
“ฮ่าๆ โอเค ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้
แต่ฮยอง...ผมมีเรื่องจะบอก”
“อะไรอีกล่ะ?”
“คือตอนนี้พวกผมก็สอบเสร็จกันแล้วใช่ไหม?
และนี่ก็เป็นช่วงปิดเทอม ผมเลยจะขอปาร์ตี้...”
“จะไปก็ไปเถอะ นายโตแล้วมาขอทำไม
แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนละกัน”
“ป่าว ไม่ได้จะขอไปที่อื่น
แต่จะขอยืมบ้านจัดปาร์ตี้หน่อย”
“เห้ย ไม่เอาเว้ย นี่มันบ้านฉันนะไม่ใช่บ้านนาย
ไอ้เด็กนี่ ไม่เอาเว้ย ไม่ให้ๆ ไปปาร์ตี้ที่อื่นนู่นนน”
“โถ่ ฮยองอ่า นะ นะ น้า
ไม่เสียงดังมากหรอก พวกผมไม่กี่คนเอง อีกอย่างนะ....
ออดดดดดดด ออดดดดดดดดด
ยังพูดไม่ทันจบ
เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“นี่ นาย...อย่าบอกนะว่า...”
“ครับ แหะๆ”
ยูคยอมยิ้มแหยๆแล้ววิ่งไปหน้าบ้านทันที
แบบนี้มันเรียกว่ามัดมือชกขัดๆ จริงๆควรจะบอกล่วงหน้าสักวันนึงก็ยังดีใช่ป่ะวะ
ไม่ใช่พูดยังไม่ทันจบ เพื่อนก็มาถึงหน้าบ้านเลย โว้ยยย จินยองอยากกรีดด (เดี๋ยวนะ)
“มาแล้วโว้ยยย ไอ้ยูคครับ นี่เบียร์ๆ”
เด็กผู้ชายตัวผอม ผิวคล้ำๆหน่อย
เดินเข้ามาพร้อมชูถุงดำเหนือหัว เหมือนเด็กอวดขนม แต่ผิดที่มันไม่ใช่นมครบ
มันคือเบียร์ และตามด้วยเด็กอีกคนตาตี่ๆ ที่ถือถุงแบบคนแรกมาอีกสองถุง ให้ตายเถอะ
ไอ้พวกเด็กแก่แดด นี่มันยังไม่จบมัธยมเลยนะ
“โอ๊ะ ฮยอง อันยองครับ
มาๆมาดื่มกับพวกผมกัน” เด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวไม่สูงมาก เอ่ยทักผม แล้วชวนผมดื่ม
เดี๋ยวนะ นี่ใครเป็นเจ้าของบ้าน?
“ไม่ล่ะ ขอบใจ
เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบน อย่าเสียงดังกันล่ะ ยูคยอม” ผมบอกยูคยอมและเพื่อนๆก่อนจะเดินขึ้นบันไดห้อง
แต่ยังก้าวได้ไม่กี่ขั้นก็ต้องหยุดชะงัก
“พวกมึงได้ยินแล้วใช่ไหม ไอ้แบม
ไอ้ยองแจ ไอ้แจคสัน อย่ารบกวนพี่จินยองของกูนะ” ของมึงอาร๊ายยย
กูไปเป็นของมึงตอนไหนวะ ไอ้เด็กเปรต!!
เวลาล่วงเลย เข้าสู่วันใหม่มาแล้ว 2ชั่วโมง ผมก็ยังนอนไม่หลับเพราะไอ้พวกเด็กข้างล่าง
ยิ่งดึกยิ่งแหกปาก กว่าจะเงียบก็เล่นเอาผมตาสว่าง นอนไม่หลับไปตามๆกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สามทีเป๊ะ
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็พบว่าคนที่มาเคาะห้องผมคือ คิม ยูคยอม
“มีอะไร”
ผมถามยูคยอมที่ตอนนี้ยืนเอาแขนใหญ่ๆนั่นยันขอบประตูห้องผมอยู่ หมอนั่นจ้องหน้าผมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แม้ดวงตานั้นจะเยิ้มๆหน่อย แล้วหน้าของยูคยอมก็แดง...
เมาสินะ....
“เมาก็ไปนอนไป”ผมปัดมือไล่ยูคยอม
ก่อนจะปิดประตู แต่หมอนั่นเอามือดันประตูห้องผมไว้ แล้วจ้องหน้าผมอีก
สายตานั้นมันดูจริงๆจัง เหมือนจะไม่พอใจ แต่แล้วหมอนั่นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง
แล้วเอามือประกบกันเป็นรูปหัวใจ ก็จะกระโดดไปมาหน้าผม
“หัวใจผมอยู่ตรงนี้นะ
หัวใจผมอยู่ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้น้าาาา”
ฟุบ!
เอ้า เต้นๆอยู่แล้ววูบหรือไง
แล้วตัวแม่งก็นั่ง ทับกูมาได้เนี่ย ดีนะว่าจับประตูได้ทัน ไม่งั้นพากันหงายหลังหัวฟ้าดพื้นตายแน่ๆ
ผมค่อยๆดันตัวยูคยอมออก ก่อนจะค่อยๆลากร่างยักษ์มันเข้าไปในห้อง
ให้ตายเถอะ การโตเกินวัยนี่มันแย่มากจริงๆ เด็กอายุไม่ถึง20 แต่ตัวทั้งสูงทั้งใหญ่แบบนี้ มันดูจะเกินไป
โลกมันหมุนไวไปแล้ว
ผมทิ้งตัวยูคยอมลงบนเตียง
จัดแจงท่านอนให้สบาย แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ จะว่าไปก็เกือบจะเดือนแล้วนะที่เด็กนี่มาอยู่ด้วย
ถ้าไม่นับเรื่องที่หมอนี่ชอบกวนตีน ก็....ก็ไม่มีห่าไร กวนตีนนี่แหละ
มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้เห็นตั้งแต่มาอยู่ด้วย โอ๊ยย คิดแล้วอยากจะบีบคอ
“เหวอออ”
สงสัยจะอยากบีบจริงๆ
แค่คิดมือก็ยื่นไป แต่ยังไม่ถึงคอตันๆของหมอนั่นด้วยซ้ำ
ยูคยอมที่ไม่รู้ว่าตื่นหรือละเมอ อยู่ๆก็ดึงแขนผมจนตัวเองล้มลงบนตัวยูคยอม
แก้มของผมสัมผัสกับอกแกร่งๆที่กระเพื่อมตามแรงหายใจ
ส่วนตัวผมนั้นก็ถูกแขนแกร่งรัดรอบเอว
“ย่า ย่า ย่า! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะยูคอยอม”
“อื้มม”
อื้มอะไรของมึงงง แล้วนี่อะไร
บอกให้ปล่อยทำไมมึงกอดกูแน่นกว่าเดิมวะ โว้ยยย
“นี่ตื่นหรือไม่ตื่นวะเนี่ย
ปล่อยนะเว้ย จะไปนอน”
“นอนด้วยกันนี่แหละ”
ไม่ว่าเปล่า
ยูคยอมเหวี่ยงตัวผมให้ย้ายไปนอนข้างๆ โดยที่แขนนั้นก็ยังกอดเอวผมไว้
“ไม่โว้ย ห้องฉันมี จะกลับไปนอนที่ห้อง
ปล่อยนะเว้ยย” ผมดิ้นไปดิ้นมาในอ้อมกอดของยูคยอมหวังว่าให้หลุด แต่เปล่าเลย
ยิ่งดิ้น ยิ่งกอดแน่น แถมตอนนี้ไอ้เด็กยักษ์ลุกขึ้นมานอนค่อมผมไว้
เห้ยๆ ถ้ามันล่อแหลมมาก
ผู้ชายบ้านมึงเค้าทำกันแบบนี้หรอวะ
“ทะ ทะ ทำอะไร”
แล้วทำไมเสียงต้องสั่นวะ แม่ม อยากตบปากตัวเองรัวๆ
“ปล้ำ” ไม่ได้พูดเฉยๆด้วย
มันเลื่อนหน้ามาใกล้ๆซอกคอผม งื้ออออ ขนลุกจนต้องหดคอหนี
“ปล้ำพ่องงง ลุกออกไปนะโว้ยย”
“ฮะๆ” ขำมากไหม ถามใจดู
“ไม่ปล้ำก็ได้
งั้นฮยองก็นอนสิคร้าบบบบ” มาอีกแล้วว ไอ้คร้าบบบเนี่ย บอกว่าเกลียดไง ไม่เข้าใจหรอ
อยากจะเถียงใจแทบขาด
แต่สถานการณ์เราอยู่ใต้”ร่าง” ใต้ร่างมันเนี่ย สงบปากสงบคำไว้ก่อนน่าจะดี
“เออ นอนก็ได้ กลับไปนอนที่ห้องนะ”
“นอนนี่แหละ
ผมกลัวผีไม่กล้านอนคนเดียว” โอ้โหวว กลัวผี มึงเอาความมั่นใจจากไหนมาพูด
นอนมากี่คืนแล้ววะ ทำมาพูดว่ากลัวผี นอนคนเดียวไม่ได้ ห๊า
“ตอ..”
“อ๊ะ งั้นปล้ำ” ไอ้เหี้ยยยย
เอะอ่ะปล้ำ เอะอ่ะปล้ำ เดี๋ยวกูก็ยอมแม่มเลย ไม่ใช่ละ
พูดจาไม่ให้เกลียดเพศชายที่แม่กูให้กำเนิดมาเลยนะ มาปล้ำอาร๊ายยยย แล้วหน้าน่ะ
ไม่ต้องเขยิบมาใกล้ก็ได้ ยอมแล้วๆ
“เออ นอนนี่ก็ได้ เอาหน้าออกไป”
ผมดันหน้ายูคยอมออกห่าง หมอนั้นยกยิ้มมุมปาก แล้วล้มตัวลงไปนอนข้างๆ
“ไม่กอดได้ไหม อึดอัด”
“แอร์แรง หนาวจะตาย” แรงห่าไร กูเปิด 25องศา เบอร์5 ประหยัดไฟขนาดนี้
อย่ามาแถ
“แต่ฉันร้อน”
“อ่ะๆ ก็ได้ ฮู้วว จุ๊บ!”
.
.
.
ตู้ม!!! กูตายแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ห้ามปลุก ปล่อยให้กูตายไปเลย
ไม่อยากตื่นแล้วรับรู้ว่า คอนแมนๆ อย่าง ปาร์ค จินยอง เสียจูบแรกแล้ววววว T^T
เช้าวันใหม่ ในเวลา 12;00 pm. บ้านเรียกเช้าหรอ? แต่ก็นั่นแหละ
ผมเพิ่งตื่นครับ ตื่นมาด้วยอาการสโลสเล ถามว่าหลังจากที่โดนจุ๊บไปแล้ว
ผมหลับไปตอนไหน? บอกเลย เกือบเช้า แต่ไอ้คนทำเรื่องน่ะ หลับทันที
แถมตื่นก่อนก็ไม่ปลุก เหอะ อยากร้องไห้ เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งยังไงก็ไม่รู้
ผมลงมาชั้นล่างของบ้านเพื่อหาอะไรกิน
ป้าจียงบอกว่ามีอาหารเช้าเก็บไว้ในครัว เธอจะอุ่นให้ แต่ไม่เป็นไร ผมทำเองก็ได้
ระหว่างที่เอาอาหารเข้าไมโครเวฟ ผมก็พลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมา ก็นะ
คนไม่เคยจูบกับใครนี่หว่า แถมนี่ก็เป็นจูบแรก
เสียจูบแรกให้ผู้ชายมันไม่น่าคิดมากตรงไหนล่ะ? จริงไหม
ติ๊ง
เสียงจากไมโครเวฟดังขึ้น
ผมเปิดฝาออกเพื่อจะหยิบจานอาหารออกมา
“ฮยอง”
“เห้ยยย โอ๊ย ร้อนๆๆ”
“เห้ย ฮยอง เป็นไรมากป่าว ฟู่วๆ”
ยูคยอมวิ่งเข้ามาจับมือผมก่อนจะเอามันไปเป่า เพราะผมตกใจเสียงยูคยอม
ทำให้มือไปโดนด้านในของไมโครเวฟที่ยังร้อนอยู่ ยูคยอมเป่ามือผมอย่างเบา
ก่อนจะวิ่งไปเอายีสีฟันในห้องน้ำมาทามือผม
“ซุ่มซ่ามจัง”
“เพราะใครล่ะ?”
“เอ้า ฮยองตกใจเองนะ ผมแค่เรียกเฉยๆ”
ยูคยอมเถียงไป แต่มือก็ยังวนทายาสีฟังที่มือผม
ความเย็นของยาสีฟันทำให้ผมหายร้อนที่มือ แต่กลับกัน
ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าว
“ฮยอง...”
“หะ หืม?”
“รู้ไรป่ะ ฮยองหน้าแดง”
“O.O!”
“ฮ่าๆ ฮยองเขิลผมหรอ?”
“บ้า ไม่ได้เขิลเว้ย”
“จริงอ่ะ?” แหนะ เอาแขนมากระแซะด้วย”
“เออ ไม่ได้เขิล” ผมโกหก
“เขิลแน่ๆ อย่าโกหกผมเลย ผมดูออกหน่า”
“ก็บอกว่าไม่ได้เขิลไง
จะให้เขิลอะไรวะ?”
“อืม..เขิลอะไรดีล่ะ?
เขิลที่ผมจับทือตอนนี้ หรือว่า....”
...ว่า ว่าอะไร จะเว้นวรรคทำห่าไรวะ
กูลุ้น
“ที่ผมจุ๊บเมื่อคืน”
“ย่า!! ยูคยอม!”
ป้าบบ! ลงไม้ลงมือไปทีแล้วหนีแม่มเลย
โอ๊ยย ผมอยู่ไม่ได้แล้ว
อยู่ต่อมีหวังได้ฆ่าไอ้เด็กนี่ตายแน่ ถ้ามันไม่ตาย ตัวผมก็ต้องระเบิดตาย
ผมเลยเลิกเดินหนีออกมาจากห้องครัว
“ฮยองๆ จะไปไหน”
พอผมเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ยูคยอมก็วิ่งมาจับแขนผมไว้
“ไปไหนก็ได้โว้ยย ปล่อย”
“เดี๋ยวปล่อย แต่ผมขอพูดอะไรก่อน”
“อะไร รีบๆพูดมา จะไปข้างนอก”
“โอเค งั้นรีบพูดเลยนะ”
“เออ เร็วๆ” รีบพูดเถอะ
“ผมจะจีบฮยองนะ ตกลงเป็นแฟนผมด้วย”
“ห๊ะ!!!!” ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม? แม่ครับ จินยองโดนผู้ชายจีบ โอ๊ยยย อยากตาย
“ผมจะจีบฮยอง ผมชอบจินยองฮยองนะ”
ผมสะบัดแขนตัวเองออกจากมือยูคยอมทันที
ผมอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว มันเขิล หรือมันอะไรไม่รู้
รู้แต่ว่าหัวใจตอนนี้เต้นเป็นจังหวะแซมบ้าเลย หน้าก็ร้อนผ่าว
ผมไม่สามารถอยู่มองหน้ายูคยอมได้ ผมจะไป ผมจะไป
“ไม่ต้องตามมานะโว้ยย”
ผมวิ่งออกไปที่สวนหน้าบ้าน
โดยที่ยูคยอมก็ยังตะโกนบอกว่าจะจีบผม
“ฮยองเตรียมตัวไว้เลย ผมจะจีบฮยองนะ ได้ยินไหม จินยองฮยอง!!”
“ไม่ได้ยินโว้ยยยยยย!!!”
แล้วมาดูกัน
ว่ายูคยอมจะจีบจินฮยองติดไหม?
จบเถอะเนอะ เพลียใจละเกิน 5555555555555
ผลงานอื่นๆ ของ K-Insane ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ K-Insane
ความคิดเห็น