เดชเทพนารีสามพิภพ

  นับแต่โบราณ ณ ทิวเขาแถบดินแดนตะวันตก มีขุนเขาสูงใหญ่ ทิวเมฆาลอยมาเอื่อยเฉื่อย สายหมอกหนาเมื่อแลมองเบื้องบนบน เห็นยอดเขาน้อยใหญ่ เล่าลือกันว่า เป็นแดนบำเพ็ญเพื่อเป็นเซียนของเหล่ายอดคน ก่อเกิดตำนานมากมาย ที่นี้ก็เช่น มีเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมาถึงความงดงามราวเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ของสตรีนางหนึ่ง มีเรื่องเล่าดังต่อไปนี้

     "ฉางเอ๋อ" สตรีนางนี้ชื่อคล้ายเทพธิดาจันทรา บนแดนเซียน เหตุของการชื่อนี้มิใช่เหตุผลอื่นไกล เนื่องเพราะความงามของนางเมื่อแรกกำเนิด ตอนนางถือกำเนิดขึ้นมา เป็นตอนเวลากลางคืน ดวงจันทราใสกระจ่างพร่าวพราว ยังแลเห็นหมู่ดาว ระยิบพริบตาอยู่บนฟากฟ้า สายลมโชยมาเอื่อยเฉี่อยคล้ายทักทายผู้คนกลางทาง แลมองไม่ไกลจะเห็นดาวตกเป็นระยะ กินเวลาเนินทาง ซึ่งผิดต่างจากทุกวัน

     และวันนั้นนางได้ถือกำเนิดในตระกูลเศรษฐีแห่งหนึ่งในแดนตะวันตก ตระกูลนี้แท้จริงมีความใกล้ชิดกับดินแดนเทพพฤกษาสวรรค์ ฟังดูคล้ายที่พำนักของเหล่าพระโพธิสัตว์ แต่มิใช่ ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่บนโลกมนุษย์นั่นแหละ

     ที่ฟังดูคล้ายคงเป็นเพราะเหล่าศิษย์ของแดนพฤกษาสวรรค์เป็นสตรีทั้งหมด อีกทั้งลึกลงไปใต้ดินแดงแห่งนี้ยังพฤกษามารกำเนิด เป็นต้นไม้สีดำมืดสนิทใหญ่ล้น รอบๆต้นไม้เป็นที่ตั้งของเรือนน้อยใหญ่ เจ้าสำนักแห่งนี้มีอายุราวห้าร้อยกว่าปีได้แล้ว มีนามว่า "เซียนพฤกษา"

     "เซียนพฤกษา" ประกาศศักดาทั่วดินแดนบู้ลิ้มเมื่อหลายร้อยปีก่อน ขึ้นชื่อเรื่องการลงมือโหดเหียมอัมหิตไร้ปราณี เป็นหนึ่งในพรรคมาร มาครานี้ กำเนิดทายาทผู้สืบทอดนาม "ธิดาเทพฉางเอ๋อ"

     นางผู้อ่อนโยน ไร้เดียงสาสุดเปรียบปาน เยื่องย่างดุจเทพกินรี พลิวไหวดังสายลมในม่านหมอก กริยาการชะม้ายชายตาดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ รอยยิ้มของนางแม้แต่ดอกไม้ทั่วทั้งสามโลกที่ว่างามนักหนาต้องยอมสยบ การก้าวย่างของนางไปทุกแห่ง ปรากฏกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปในอากาศ คล้ายมวลหมู่บุปผาเดินตาม นางสามใส่เสื้อผ้าชุดสีขาวคล้ายนางเวียนผู้บำเพ็ญตน การปรากฏกายของนางล้วนนำมาซึ่งความหวั่นไหว แทบดิ้นตายของเหล่าบุรุษ

     ว่ากันว่า แม้รอยยิ้มของนางคล้ายกับฤดูใบ้ไม้ผลิเมื่อต้นฤดู ยามบุปผาเมื่อยามแย้มกลีบ สีสันน่าดูชม ลือกันว่าถ้ามีใครบังอาจทำนางร้องไห้หรือเสียน้ำตาแม้สักหยด เหล่าบุรุษชายชาตรีทั่วหล้า พร้อมรวมตัวกรีฑาทัพสังหารมันผู้นั้นไร้ที่กลบฝัง

     เรื่องราวดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของความรักแลความแค้นระหว่างนางแล้วบุรุษผู้หนึ่งที่มีนามว่า "โฮวอี้" มหาบุรุษผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาจิต ความพากเพียรในการบำเพ็ญพรตของเขานั่นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วบู้ลิ่ม

................