ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cheesecake Cafe by Jung Daehyun

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] LoDae - Visualiz

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 375
      0
      20 มี.ค. 58

    :) Shalunla





     

     

    ใครๆก็บอกว่าโลกใบนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก สิ่งที่เราเจอเป็นเพียงสิ่งเล็กๆเท่านั้นถ้าเทียบกับความอัศจรรย์ของโลกใบนี้ หลายๆคนอาจจะคิดแบบนั้น แต่คงไม่ใช่กับเขา ชเวจุนฮง คนนี้



    ร่างสูงทอดกายเหยียดยาวลงบนพื้นหญ้านุ่มใกล้สระน้ำหลังโรงเรียน ตาคมมองออกไปไกลอย่างไม่มีจุดหมาย เขารู้สึกเบื่อ... เบื่อกับโลกใบนี้ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันๆ มันก็ยังเหมือนเดิม ตื่นเช้า ไปเรียน เลิกเรียน กลับบ้าน วนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น มันน่าเบื่อจนเขาไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป


    “คาบบ่ายจะโดดอีกเหรอวะเจลโล่?”


    มุนจงออบ เพื่อนสนิทหน้าตี๋ถามเขาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนจอสี่เหลี่ยมของสมาร์ทโฟนในมือ จุนฮงได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะหลับตาลง เป็นคำตอบให้กับเพื่อนสนิทของตัวเอง



     

    ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า พระเจ้ามักจะเล่นตลกกับโชคชะตาของมนุษย์อยู่เสมอ


    ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าใจอยากให้เป็น



     

    จุนฮงไม่เคยชอบอะไรบนโลกใบนี้ นอกจากลมที่พัดแผ่วๆ ท้องฟ้าโปร่งๆ เสียงนกร้องและเสียงลมที่กระทบต้นไม้ใบหญ้าประหนึ่งว่ามันกำลังร้องเพลง


    “โอ๊ะโอ~ เด็กโดดเรียน”


    เสียงห้าวติดหวานของใครบางคนดังขึ้นข้างๆหูของเขา ลมเย็นๆปะทะผิวของเขาจนทำให้รู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก เสียงหัวเราะคิกคักของเจ้าของประโยคเมื่อกี๊ยังดังมาเรื่อยๆให้เขาได้ยิน แต่แปลก... ที่ไม่ว่าเขาพยายามลืมตาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้


    “ใคร? จงออบเหรอ?”


    “ฉันไม่ใช่เพื่อนของนาย แล้วนายก็ไม่เคยรู้จักฉันด้วย”


    เสียงหวานยังคงดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูเขา แขนยาวยื่นออกไปคว้าลมใกล้ๆตัว หวังจะจับเจ้าของเสียงปริศนานั้น ก่อนที่มือหนาจะคว้าเข้ากับข้อมือของใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆตัวเขา




    ข้อมือเล็ก... แต่เย็บเยียบประหนึ่งว่าสิ่งที่เขากำลังจับอยู่นั้นไม่ใช่มนุษย์



    “มือไวชะมัด”


    เจ้าของข้อมือเล็กนั้นพูดออกมาแบบขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสะบัดหรือแกะออก ก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงกังวานใสชวนฟัง


    “คุณเป็นใคร?”


    “อยากรู้จักฉันเหรอ?”


    เสียงหวานใสนั้นยังคงอ้อมค้อมตอบไม่ตรงคำถาม ชเวจุนฮงที่ไม่ว่าจะพยายามเปิดเปลือกตาตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำได้ เหมือนผีอำ...  แต่เขายังขยับร่างกายได้ทุกส่วน


    “ถ้าอยากรู้จักฉัน ก็ปล่อยข้อมือฉันก่อนสิ”


    “ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่หนี?”


    จุนฮงยังคงจับข้อมือเล็กนั้นไว้แน่น ยิ่งจับไว้นานเท่าไหร่ ก็ไม่มีท่าทีว่ามันจะอุ่นขึ้นมาเลยซักนิด คนตัวสูงเปลี่ยนจากจับข้อมือมาเป็นจับมือเล็กของบุคคลปริศนานั้นแทน ซึ่งมันไม่ต่างกับที่เขาจับข้อมือนั้นเลย มือเล็กนั้นเย็นซีดจนน่าใจหาย


    “นายไว้ใจตัวเองมั้ยหล่ะ?”


    เสียงใสพูดมาอย่างอารมณ์ดี จุนฮงลังเลเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือเล็กนั้นให้เป็นอิสระ ทุกอย่างรอบตัวเงียบลง มีเพียงเสียงลมที่กระทบใบไม้ดังมาเป็นจังหวะแผ่วเบา เหมือนว่าจุนฮงอยู่คนเดียว ณ ที่แห่งนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าคนๆนั้นยังอยู่กับเขาตอนนี้เหมือนที่พูดไว้หรือเปล่า?


    “คุณ?”


    “...ลืมตาสิ”


    จุนฮงเปิดเปลือกตาที่เคยหนักอึ้งขึ้นช้าๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆหลายๆครั้งเพื่อปรับโฟกัสของภาพตรงหน้า คนตัวสูงยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมองไปรอบๆแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง


    ทุกอย่างรอบตัวเขา ล้วนเป็นภาพขาว-ดำ ทิวทัศน์ข้างหน้าเป็นสีดำ ประหนึ่งว่าเขากำลังนั่งอยู่คนเดียวตอนเที่ยงคืน แต่ท้องฟ้าที่ควรมืดสนิทกลับเป็นสีขาว ไร้ก้อนเมฆ เหมือนภาพ 2 มิติ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้างเข้าไปอีก นั้นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็น กลับหัวกลับหางจนหมด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่เขาที่นั่งอยู่ตอนนี้...


    “คิ~ ไม่เคยเห็นหล่ะสิ?”


    เสียงหวานใสดังขึ้นข้างหู ก่อนที่เจ้าของเสียงจะขยับมานั่งข้างๆเขา จุนฮงหันไปมองคนแปลกหน้าที่กำลังนั่งยิ้มขำกับท่าทางของเขา คนตัวเล็กในชุดสีขาว ใบหน้าน่ารักติดหวาน ตากลมโตฉายแววซุกซน จมูกโด่งรั้นที่พอจะบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวเป็นผู้ชาย และปากอวบอิ่มดูมีเสน่ห์ ทุกอย่างดูสวยงามลงตัว


    จุนฮงบอกได้เลยว่าเขาไม่เคยเจอใครที่ดึงดูดสายตา และมีเสน่ห์ชวนมองแบบนี้มาก่อน ไหนจะท่าทางซุกซนขี้เล่นนั่นอีก ทุกอย่างของคนตรงหน้า ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้จริงๆ


    “เป็นยังไงบ้าง?”


    เสียงหวานใสดังขึ้นเหมือนเป็นการเรียกสติ จุนฮงได้แต่กระพริบตาถี่ๆมองคนตรงหน้า


    “ที่นี่ที่ไหน?”


    “ที่นี่เหรอ? ก็โลกน่าเบื่อๆของนายยังไงหล่ะ”


    “แล้วทำไม...?”

    ในหัวของจุนฮงเต็มไปด้วยคำถาม คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆเขาลุกขึ้นก่อนจะเดินอย่างอารมณ์ดีขึ้นต้นไม้ จุนฮงได้แต่เบิกตากว้างอย่างตะลึงกับสิ่งที่เห็น


    คนตัวเล็กปริศนาหันมามองเขาก่อนจะยิ้มด้วยอาการขบขัน ถ้านี่เป็นโลกที่น่าเบื่อของเขาจริง คนๆนั้นไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นได้แน่ๆ เพราะแค่เดินขึ้นต้นไม้ คนตัวเล็กคนนั้นจะต้องตกลงมาตามสภาวะแรงโน้มถ่วงของโลก


     

    หรือคนๆนี้จะไม่ใช่คน?


     

    “อย่าทำหน้าเหมือนเจอผีแบบนั้นสิ”


    “อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้มั้ย?”

    จุนฮงรู้สึกสับสน สับสนกับทุกสิ่งที่เขากำลังเจอ คนตัวเล็กคนนั้นหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะเดินขึ้นไปจนปลายยอดต้นไม้ เสียงหวานใสดังขึ้นแผ่วเบา


    “ที่ๆนายกำลังอยู่ในตอนนี้เป็นโลกน่าเบื่อๆของนายนั่นแหละ แต่ที่นายเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวดำ ทุกอย่างกลับหัวกลับหางแบบนี้นั่นเพราะนายกำลังอยู่ในโลกคู่ขนานของโลกน่าเบื่อๆของนายไง”


    “...ผม... ไม่เข้าใจ”


    “นายเคยได้ยินคำว่า มิติคู่ขนานมั้ย?”


    คนตัวเล็กหันมามองหน้าเขา จุนฮงพยักหน้าลงเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กคนนั้นยิ้มออกมา


    “โลกของนายมีมิติที่ซ้อนกันอยู่หลายร้อยหลายพันมิติ นายในโลกน่าเบื่อๆของนายอาจจะกำลังโดดเรียนไปงีบอยู่ใกล้ๆสระ แต่นายในอีกหลายๆมิติอาจจะกำลังอาบน้ำ เล่นฟุตบอล กินข้าว หรืออาจจะกำลังใกล้ตายก็ได้ และที่ๆนายอยู่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายร้อยหลายพันมิติของโลกที่น่าเบื่อๆของนายยังไงหล่ะ”


    จุนฮงเคยได้ยินเรื่องมิติคู่ขนานบ่อยๆ แต่เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นความจริง เขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ เป็นแค่นิทานหลอกเด็กที่เอาไว้เล่าก่อนนอนเพียงแค่นั้น


    “นายลองแหงนมองท้องฟ้าดีๆสิ”


    เสียงใสบอกเขาพลางระบายยิ้มเล็กน้อย จุนฮงเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่ไร้สีสันตามที่คนตัวเล็กบอก ก่อนที่คิ้วทั้งสองของเขาจะขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความฉงน


    เมื่อมองดีๆแล้ว ท้องฟ้านั้นปรากฏให้เห็นอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยสีสัน ซึ่งโลกแห่งนั้นกลับหัวกลับหาง ขนานกับที่ๆเขากำลังนั่งอยู่ตรงนี้... โลกน่าเบื่อๆที่เขาอยู่


    “ผมมาที่นี่ได้ยังไง?”


    “เรื่องนี้นายต้องถามตัวนายเองแล้วหล่ะ ว่านายมาที่นี่ได้ยังไง?”


    คนตัวเล็กเดินลงจากต้นไม้ก่อนจะทรุดตัวนั่งตรงหน้าเขา ใบหน้าหวานยิ้มจนตาหยีส่งมาให้


    “เอาหล่ะ! ตอนนี้หมดเวลาของนายที่นี่แล้ว ฉันต้องส่งนายกลับไปยังโลกที่น่าเบื่อๆของนายแล้วหล่ะ”


    เหมือนมีแสงอะไรบางอย่างวาบขึ้นมาตรงหน้าเขาและนั่นก็ทำให้จุนฮงหลับตาลงทันที และเมื่อเขาพยายามจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง มันก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว


    “เดี๋ยวสิ! ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”


     “แดฮยอน... จองแดฮยอนคือชื่อของฉัน”


    “แดฮยอน... ผมจะได้พบคุณอีกมั้ย?”


    จุนฮงถามออกไป โดยที่ในใจหวังอยู่ลึกๆว่ามันจะเป็นคำตอบที่ดี เพราะอะไรก็ตามแต่ เขารู้สึกว่าอยากเจอคนๆนี้อีกครั้ง อยากฟังเสียงหวานๆนั้น อยากเห็นรอยยิ้มกับแววตาขี้เล่นนั้นอีก


    เสียงหัวเราะหวานใสดังขึ้น ก่อนที่มือเย็นๆจะแตะลงบนแขนของเขา


    “บนโลกใบนี้หน่ะ มันไม่มีคำตอบที่แน่นอนหรอก นายต้องหาคำตอบของคำถามนั้นด้วยตัวของนายเอง”


    มือเล็กนั้นผละออกไปแล้ว พร้อมกับความรู้สึกที่ว่า คนตัวเล็กคนนั้นไม่ได้อยู่ข้างๆเขาอีกแล้ว...




     

    “เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งไป เดี๋ยว!


    “อะไรของมึงวะเจลโล่? กูปวดฉี่ จะแตกแล้วเนี้ยจะมาเดี๋ยวอะไรอีก?”


    จุนฮงลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ เขากลับมาอยู่ที่เดิม ใต้ท้องฟ้าที่สดใส อยู่ท่ามกลางสีสันของธรรมชาติ บ่งบอกว่าตอนนี้ เขาได้กลับมายังโลกเดิมอีกครั้ง


    “เอ้า! ถ้ามึงไม่พูดอะไร กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ปวดฉี่จนไข่แทบจะแตกแล้วโว้ย!


    จงออบมองเพื่อนตัวสูงของตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะรีบวิ่งหายไปยังหลังพุ่มไม้ ปล่อยให้จุนฮงนั่งกุมศีรษะตัวเอง ด้วยอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


    “...ฝันเหรอ?”


    เขาจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่สัมผัสเย็นเยียบที่แตะลงบนแขนของเขายังคงอยู่ ย้ำความรู้สึกของเขาว่าเรื่องทั้งหมดที่เขาเจอ ไม่ใช่แค่ความฝัน


    “จองแดฮยอน... คุณเป็นใครกันนะ?”





     

    จากวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว หนึ่งอาทิตย์ที่จุนฮงพยายามพาตัวเองกลับไปที่โลกแห่งนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีทางที่เขาจะกลับไปยังที่แห่งนั้นได้สำเร็จ


     

    เขาก็แค่เบื่อโลกใบนี้ และอีกเหตุผล... เขาอยากเจอคนๆนั้นอีกครั้ง จองแดฮยอน


     

    “เลิกเรียนแล้วเที่ยวกัน”


    จงออบที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า หันมาชวนเพื่อนตัวสูงของตัวเอง จุนฮงนั่งเหม่อแบบนี้มาเป็นอาทิตย์จนเขาอดห่วงเพื่อนตัวเองไม่ได้


    “ก็ดีเหมือนกัน”


    จุนฮงหันมาตอบเพื่อนสนิทก่อนจะเก็บของลงกระเป๋าบ้างอย่างไม่รีบร้อน จงออบส่ายหน้าให้กับเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเก็บทุกอย่างบนโต๊ะยัดลงกระเป๋าของจุนฮงด้วยท่าทีติดจะรำคาญ


    “จงออบ... มึงเคยรู้สึกเหมือนตกหลุมรักใครเพียงแค่มึงเจอเขาแค่ครั้งเดียวมั้ย?”


    คำถามที่ถูกถามขึ้นโดยเพื่อนตัวสูงทำเอาจงออบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย เพื่อนของเขาไปตกหลุมรักใครเข้าอย่างนั้นเหรอ?


    “โอลาฟไง”


    “เอาที่เป็นคนดิวะ”


    จุนฮงจุ๊ปากจิ๊กจั๊กอย่างขัดใจ จงออบยังคงตีหน้ามึนใส่เขาก่อนจะส่ายหน้ารัว


    “ไม่เคยหว่ะ มีแต่รู้สึกดี พอนานๆไปก็รู้สึกดี แต่มันมากกว่าเดิม”


    “เฮ้ย! ไปชอบใครมาวะ? ไม่เห็นเคยบอกเลย”


    “มึงเคยสนใจอะไรบ้างหล่ะไอ้เจล?”


    คนถูกถามกลับเงียบไม่ตอบ จริงอย่างที่จงออบพูด เขาไม่เคยสนใจอะไรเลยจริงๆ จงออบได้แต่ส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทของตนอย่างเอือมๆ


    “เดี๋ยวกูพามึงไปรู้จักเค้าแล้วกัน”




    จงออบพูดพลางเดินนำหน้าเพื่อนสนิทตัวสูงของตัวเอง จุนฮงได้แต่เดินตามอย่างไม่รีบร้อน จงออบเลี้ยวเข้าไปยังคาเฟ่ขนาดเล็ก บรรยากาศน่ารักแห่งหนึ่ง ก่อนจะตรงไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านที่มีใครบางคนยืนอยู่อย่างเคยชินทันที


    “ยองแจกุน~


    “ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันเป็นพี่นาย จะเรียกฉันก็ช่วยเคารพฉันด้วย”


    จุนฮงมองผู้ชายตัวเล็กหน้าสวยที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของเขาจะเลือกจีบคนที่สวยได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าจงออบจะสนใจแต่เกมกับการ์ตูนเสียอีก


    “พี่ยองแจ ผมพาเพื่อนมาด้วยหล่ะวันนี้ เฮ้ย! ไอ้เจล!


    ผมเดินไปหาจงออบก่อนจะโค้งให้คนตัวเล็กหน้าสวยตรงเคาท์เตอร์เล็กน้อย ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มที่เป็นมิตรตอบกลับมาอย่างดี


    “เพื่อนผมมันชื่อจุนฮง แต่ผมเรียกมันว่าเจลโล่ นี่พี่ยองแจ สวยใช่ป่ะ? มึงห้ามคิดจะจีบเด็ดขาดนะเว้ย!


    จงออบแนะนำจุนฮงกับยองแจให้รู้จักกัน และประโยคท้ายของจงออบก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี


    “ถ้าเพื่อนนายจะจีบฉันก็ช่วยไม่ได้ เพราะฉันหน้าตาดี”

    “ได้ไงอ่ะพี่ยองแจ ผมไม่ยอมนะ อ่ะ! พี่แดฮยอน!

    จงออบที่กำลังงอแงกับยองแจ หันไปเรียกใครบางคนที่กำลังยกถาดขนมออกมาจากหลังร้าน ร่างเล็กๆนั้นดูคุ้นตาเหลือเกินสำหรับจุนฮง และชื่อที่จงออบเรียกนั้นก็ทำให้จุนฮงถึงกับสะดุด


    “อ้าวจงออบ แวะมาจีบยองแจอีกแล้วรึไง?”


    เสียงหวานๆที่จุนฮงอยากได้ยิน กับใบหน้าสวยๆที่เขาคิดถึงตลอดหนึ่งอาทิตย์ คนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีตัวตนในโลกที่น่าเบื่อๆแห่งนี้ คนๆนั้นกำลังยืนอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่ก้าว...


    “จองแดฮยอน...”


    เสียงแผ่วเบา เรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัย ไม่ใช่แค่คนตัวเล็กคนนั้น แต่รวมทั้งจงออบและยองแจที่ต่างก็สงสัยไม่แพ้กัน


    “มึงรู้จักพี่แดฮยอนด้วยเหรอวะ?”


    จงออบหันมาถามจุนฮงด้วยความสงสัย เขามั่นใจว่าไม่เคยเล่าเรื่องแดฮยอนให้จุนฮงฟัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จงออบพาจุนฮงมาที่นี่ และมั่นใจมากว่าจุนฮงเพิ่งเคยเจอแดฮยอน แล้วทำไมจุนฮงถึงรู้จักแดฮยอน? จะว่ารู้จักเพราะเขาเรียกชื่อแดฮยอนเมื่อกี๊ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจุนฮงเรียกแดฮยอนทั้งชื่อและนามสกุล


    ร่างเล็กที่ถูกเรียกชื่อชะงักไปเล็กน้อยเหมือนคนที่กำลังตกใจ แว๊บหนึ่งในแววตาของแดฮยอนที่จุนฮงสัมผัสได้ ฉายแววประหลาดบางอย่างซ่อนอยู่ ก่อนที่คนตัวเล็กคนนั้นจะเปลี่ยนท่าทีเป็นเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย


    “เรารู้จักพี่ด้วยเหรอ?”


    แดฮยอนถามจุนฮงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม แน่นอนว่าเขาไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้ เพิ่งจะเคยเห็นหน้าวันนี้วันแรกด้วยซ้ำ จุนฮงไม่ตอบคำถามแดฮยอน แต่สองขายาวก้าวอ้อมไปหลังเคาท์เตอร์ พลางยกถาดขนมที่แดฮยอนถืออยู่วางบนโต๊ะที่ว่างใกล้ๆตัว ก่อนที่มือหนาจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของคนตัวเล็กตรงหน้า


    จุนฮงจำสัมผัสนี้ได้ดี คนตรงหน้าเขาคือจองแดฮยอนที่เขาเคยเจอไม่ผิดแน่ จะต่างกันก็ตรงที่คนๆนี้ไม่ได้มีสัมผัสที่เย็นเยียบแบบในตอนนั้น


    “เฮ้ยๆๆๆ ไอ้เจล! มึงทำอะไรของมึงวะ?”


    ทุกคนดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของเขา แต่จุนฮงไม่ได้สนใจ เขาสนใจแค่คนตัวเล็กที่กำลังเบิกตากว้างอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เท่านั้น


    “แดฮยอน คุณจำผมไม่ได้เหรอ?”


    “ขอโทษนะ ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันเพิ่งเคยเจอนายครั้งนี้เป็นครั้งแรก”


    “แต่ผมเคยเจอคุณ...”


    จุนฮงส่งสายตาที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น แดฮยอนพยายามแกะมือหนาที่จับข้อมือตัวเองออก แต่จุนฮงกลับจับมันให้แน่นขึ้น ราวกับว่าเขากลัวคนตรงหน้านี้จะหายไป


    “ปล่อยฉันเถอะ ฉันไม่เคยรู้จักนายมาก่อน”


    “จองแดฮยอน... เราเคยเจอกันจริงๆนะ”


    “ขอโทษนะครับ ช่วยปล่อยมือจากข้อมือแฟนผมด้วย”


    “ชิบหายหล่ะไอ้เจล พี่ยงกุกมา”


    เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังมาอย่างสุภาพแต่มีความเฉียบขาดอยู่ในตัว พร้อมมือใหญ่ๆของเจ้าของเสียงที่จับมือจุนฮงออกจากข้อมือของแดฮยอน ก่อนที่เขาคนนั้นจะโอบเอวของแดฮยอนเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ จงออบที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาสบถออกมาเบาๆ แต่จุนฮงได้ยินชัดทุกคำ และนั่นก็ทำให้เขายอมปล่อยข้อมือของแดฮยอนโดยดี


    จุนฮงยอมรับว่าเขารู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเขามีเจ้าของแล้ว แถมคนที่ได้ชื่อว่าแฟนของแดฮยอน ดูเหนือกว่าเขาทุกอย่าง จุนฮงโค้งขอโทษแดฮยอนเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากคาเฟ่แห่งนั้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกของจงออบ


    จุนฮงเดินเตร่ไปอย่างไร้จุดหมาย ความคิดหลายอย่างตีวนอยู่ในหัวของเขา จุนฮงรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไงต่อ? คนที่เขาอยากเจอ คนที่เขาภาวนาขอให้ได้เจอทุกครั้งที่หลับตา วันนี้เขาก็ได้เจอแล้วในโลกน่าเบื่อๆที่เขาอยู่ แต่เหมือนพระเจ้าจะเล่นตลก ที่ให้เขาเจอแดฮยอน พร้อมกับความจริงที่ว่า จองแดฮยอนมีแฟนแล้ว

     




     

    จงออบโวยวายใส่จุนฮงยกใหญ่เมื่อเขาเจอเพื่อนสนิทในวันรุ่งขึ้น จุนฮงไม่ยอมพูด ไม่ยอมตอบคำถามอะไรจงออบทั้งนั้นจนเพื่อนสนิทตาตี่ของเขาเหนื่อยใจ ไม่เซ้าซี้อะไรต่อ จุนฮงนอนแผ่ตรงที่เดิมที่เขาโดดเรียนมาเป็นประจำ สายลมแผ่วๆกับเสียงนกร้อง ไม่ต่างจากวันนั้นที่เขาเจอแดฮยอนเป็นครั้งแรก ตาเรียวคู่สวยปิดลง พร้อมๆกับเสียงนกที่เคยขับขานบทเพลง ได้เงียบลงไปด้วย เหลือเพียงเสียงลมที่พัดล้อเล่นกับปลายยอดหญ้าเพียงเท่านั้น


    “นายนี่ชอบโดดเรียนจริงๆนะ”


    เสียงหวานดังมาตามลมพร้อมกับเสียงหัวเราะกังวานใส จุนฮงใจเต้นรัวอย่างไม่มีเหตุผล เขาพยายามลืมตาแต่ก็ไม่สามารถเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ เหมือนอย่างวันนั้น


    “แดฮยอน...”


    “ฉันอายุมากกว่านายนะ ทำไมไม่เรียกฉันว่าพี่?”


    “แดฮยอน... พี่อยู่ที่ไหน?”


    “ฉันก็อยู่ที่เดิมไง นายเคยเจอฉันที่ไหนหล่ะ?”


    “ผมอยากเห็นพี่...”


    เป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างรอบกายของจุนฮงกลับไปนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงลมพัดเบาๆเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเขา นานจนจุนฮงเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าแดฮยอนยังอยู่ตรงนั้นกับเขารึเปล่า? ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวข้างๆ มือหนารีบคว้าไปตรงนั้นทันทีราวกับว่ากลัวคนที่อยู่ข้างๆเขาจะหายไป ข้อมือเล็กกับสัมผัสเย็นเยียบคือสิ่งที่บ่งบอกว่า คนที่อยู่ข้างๆเขาตอนนี้คือ จองแดฮยอน ไม่ผิดแน่


    “นายนี่เป็นพวกฉวยโอกาสรึไงกัน?”


    เสียงหัวเราะใสๆดังมาจากคนที่เขากำลังจับข้อมืออยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จุนฮงถึงอยากจะกอดคนๆนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจนึก เพราะตาที่ยังลืมไม่ขึ้น ทำให้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด


    “อย่าเพิ่งหงุดหงิดเลยน่า นายต้องรู้จักคำว่ารอ เข้าใจมั้ย?”


    เหมือนจะอ่านความคิดได้ แดฮยอนบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดี ก่อนที่ปลายนิ้วเย็นๆจะวนเล่นอยู่บริเวณข้างแก้มของเขา แม้ว่าปลายนิ้วนั้นจะเย็นชืด แต่จุนฮงกลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจอย่างน่าประหลาด


    “ลืมตาสิ...”


    จุนฮงลืมตาขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อแดฮยอนพูดจบ บรรยากาศรอบๆตัวของเขาเหมือนกับวันนั้นที่เขาเจอแดฮยอนครั้งแรก บ่งบอกว่าตอนนี้ เขาได้หลุดออกจากโลกน่าเบื่อที่เต็มไปด้วยสีสันนั้นแล้ว จุนฮงรีบลุกขึ้นก่อนจะดึงเอาคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆเข้ามากอดทันที คนถูกกอดดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องหรือขัดขืนอะไร


    จองแดฮยอน ไม่ต่างอะไรกับรูปแกะสลักที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหิน แม้ว่าผิวของคนตัวเล็กคนนี้จะนุ่มนิ่มลื่นมือเหมือนคนทั่วไป แต่ความเย็นจากร่างกายของแดฮยอน ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการกอดรูปแกะสลักหิน มันเย็นจนทำให้จุนฮงเจ็บปวด แต่เขาไม่คิดอยากจะปล่อย


    “ผมคิดถึงพี่...”


    จองแดฮยอนเงียบ... เงียบจนจุนฮงเริ่มจะใจเสีย จุนฮงปล่อยกอดแดฮยอนแต่มือหนายังคงกุมมือเล็กนั้นไว้แน่น เหมือนต้องการจะส่งผ่านความอบอุ่นนั้นไปละลายรูปปั้นน้ำแข็งที่ชื่อแดฮยอน จุนฮงมองแดฮยอนด้วยสายตากังวล เขาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรที่ขัดหูคนตัวเล็กคนนี้รึเปล่า?


    แดฮยอนมองตอบจุนฮง ก่อนที่ปากอิ่มนั้นจะยิ้มน้อยๆแล้วหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด ท่าทางของจุนฮงที่เหมือนจะงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากแดฮยอนมากเข้าไปอีก


    “ตลกชะมัด คิดไม่ผิดจริงๆที่แกล้งนาย”


    คำพูดของแดฮยอนทำเอาจุนฮงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น เขาไม่อยากห่างจากแดฮยอนเลยจริงๆ


    “นายเป็นอะไรรึเปล่า?”


    แดฮยอนลูบหลังจุนฮงเบาๆพลางถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แม้ว่าแดฮยอน จะมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งนี้มานาน แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครหลุดเข้ามาในโลกของเขาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นการที่จุนฮงเข้ามาในโลกของเขาได้ แสดงว่าจุนฮงกับเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมต่อกัน แดฮยอนยอมรับว่าเขารู้สึกดีที่ได้เจอจุนฮง อย่างน้อยๆจุนฮงก็ทำให้โลกน่าเบื่อๆสีขาวดำของเขา ดูมีสีสันมากขึ้น


    “พี่แดฮยอน... มันจะมีทางไหนมั้ยที่จะทำให้ผม อยู่ที่นี่ตลอดไป?”


    เสียงแผ่วๆจากคนที่ซบหน้ากับไหล่ของเขาถามขึ้นเหมือนต้องการคำตอบแบบจริงจัง ซึ่งคำถามนั้นของจุนฮง แดฮยอนเองก็จนปัญญาที่จะตอบ


    “ไม่มีหรอก...”


    “...มันไม่มีเลยเหรอ?”


    “นายต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง...”


    “พี่รู้มั้ย? เมื่อวานผมเจอพี่ที่โลกของผม แต่พี่จำผมไม่ได้...”


    “...”


    “...ทั้งๆที่เจอพี่แล้วแท้ๆ แต่พี่กลับมีแฟนแล้ว”


    “...พี่ยงกุกไม่ใช่แฟนฉัน”


    “พี่ว่าอะไรนะ?”


    จุนฮงดันตัวแดฮยอนออกห่างทันทีก่อนจะจับไหล่เล็กนั้นไว้แน่น ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะถามคำถามเดิมซ้ำ


    “พี่ว่าอะไรนะ?”


    “ถึงเวลาที่นายต้องกลับแล้วนะ”


    “พี่ตอบไม่ตรงคำถามนะพี่แดฮยอน”


    แดฮยอนรู้ดีว่าจุนฮงหมายถึงอะไร? แต่เขาไม่อยากพูดอะไรที่เป็นการให้ความหวังจุนฮงอีก มันยังไม่ถึงเวลาที่จุนฮงต้องรู้ และเขาก็อยากให้จุนฮงหาคำตอบพวกนั้นด้วยตัวเองมากกว่า


    “นายต้องหาคำตอบ...”


    “ทำไมพี่บอกผมไม่ได้? ทำไมพี่ต้องพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆอยู่ตลอด? ในเมื่อพี่รู้ทุกอย่าง ทำไมพี่ไม่คิดที่จะบอกผมบ้าง?”


    จุนฮงพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่แดฮยอนจะพูดจบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความน้อยใจจนแดฮยอนรู้สึกกังวล ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่เขามีเหตุผล


    “ถ้านายรู้อะไรง่ายๆ การเจอกันของเรามันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรให้จดจำหน่ะสิ...”


    “...”


    “...ทุกสิ่งมันมีเหตุผลซ่อนอยู่ในตัวของมันเองเสมอแหละจุนฮง”


    “ผม... ขอโทษ...”


    “นายกลับไปเถอะ นานอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว”


    สิ้นคำพูดของแดฮยอน จุนฮงก็ต้องหลับตาลงทันทีเมื่อมีแสงวาบขึ้นมาตรงหน้าเขา เหมือนครั้งนั้น... เขาต้องกลับไปยังโลกของเขาแล้ว โลกของเขาที่ไม่มีจองแดฮยอนที่รู้จักเขาคนนี้อยู่ เขาไม่อยากไป จุนฮงไม่อยากกลับไปในที่ๆไม่มีจองแดฮยอน


    “พี่แดฮยอน...”


    “...ฉันหน่ะ ไม่มีตัวตนหรอกจุนฮง ฉันเกิดจากจินตนาการของนายเพียงแค่นั้น ฉันอยู่ในจินตนาการของนายเพียงแค่นั้นแหละ”


    “...”


    “ถ้าไม่จำเป็น นายอย่ามาที่นี่อีก”





     

    จุนฮงกลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวในโลกที่ไร้สีสันแห่งนี้ แดฮยอนทรุดตัวลงนอนแผ่กับพื้นหญ้า สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ฉายภาพของโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน โลกแห่งนั้น... โลกที่จุนฮงอยู่


    แดฮยอนยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดถึงจุนฮง เด็กตัวโตที่โตแค่ตัว เขายอมรับว่าการเจอจุนฮงที่นี่มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ที่เขาเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เขาสัมผัสตัวจุนฮง ความรู้สึกนึกคิดต่างๆของอีกฝ่ายจะไหลเข้ามายังประสาทรับรู้ของเขา



     

    ใช่แล้วหล่ะ... แดฮยอนรู้ว่าจุนฮงคิดยังไงกับเขา



     

    แดฮยอนยิ้มออกมาอีกครั้ง ความทรงจำต่างๆ การกระทำต่างๆที่ผ่านมาไหลเวียนอยู่ในหัวของคนตัวเล็ก ซ้ำไปซ้ำมา... ครั้งแล้วครั้งเล่า...


     

    จุนฮงไม่รู้หรอก... ว่าจริงๆแล้ว จองแดฮยอนคนนั้นที่อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน จะเป็นคนเดียวกันกับจองแดฮยอนที่อยู่ในโลกสีขาวดำคนนี้...


    จุนฮงไม่รู้หรอก... ว่าจริงๆแล้ว จองแดฮยอนคนที่เขารู้สึกดีด้วย จะเป็นคนเดียวกันกับคนที่คอยเฝ้ามองเขาอยู่ตลอดเวลาในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งนั้น...


    จุนฮงไม่รู้หรอก... ว่าจองแดฮยอนคนนี้หน่ะ... รักจุนฮงมานานเท่าไหร่?


    ใช่... จุนฮงไม่รู้หรอกว่าเรื่องทั้งหมดหน่ะ มันถูกเตรียมไว้แล้วด้วยใครบางคน


     

    ถ้าจุนฮงสังเกตสักนิด เขาคงเห็นคนตัวเล็กคนนี้นั่งอยู่กับเพื่อนหน้าสวยอีกคนข้างสนามบาสทุกเย็น คอยมองเขาเล่นบาสด้วยสายตาชื่นชม ขนมกับน้ำดื่มที่ถูกวางไว้ข้างกระเป๋าของเขาทุกครั้งที่เขาออกมาเล่นสเก็ตบอร์ดกับเพื่อนๆ


    ถ้าจุนฮงสังเกต... แต่เพราะเด็กหนุ่มตัวสูงไม่เคยสังเกต เขาจึงไม่มีวันได้รู้ว่าแดฮยอนหน่ะรู้จักเขามานานแล้ว



     

     “ถ้านายสนใจสิ่งรอบข้างสักนิด นายจะรู้ว่าฉันมีตัวตนกับนายมานานแล้ว... การเจอกันของเราที่โลกนั้นมันอาจจะผิดเวลาและเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ... แต่เชื่อเถอะว่าต่อจากนี้ไป การเจอกันของเรา มันจะเป็นความตั้งใจของฉัน...”


    รอยยิ้มบางถูกแต่งแต้มยังริมฝีปากอิ่มนั้นอีกครั้ง


    “นายอาจมองว่าฉันใจร้ายที่พูดลานายด้วยประโยคนั้น... ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่นี่อีก ใช่! ฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากเจอนาย แต่เพราะว่านับจากวันนี้... ฉันจะไปอยู่กับนายที่โลกนั้นเอง”








    -------------------------------------------------

     งงมั้ย? ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆจะทิ้งปมให้งงกันกว่านี้อีก แต่เกรงว่ารีดที่รักทั้งหลายจะถวายเปลือกทุเรียนมาให้เป็นค่าตอบแทน เรื่องนี้มันไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ตามชื่อเรื่องเลย Visualize แปลไทยง่ายๆ แปล่า 'มโน' นั่นเอง สรุปคือ.. จุนฮงมโน(?) เหมือนที่น้องฮยอนบอก นั่นคือ ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง นะคะ #วิ่งลงหลุมหลบภัย


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×