คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
กว่าผมกลับถึงบ้านก็ค่ำมากแล้ว และทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้านก็มีเสียงใครสักคนวิ่งลงบันไดด้วยความเร่งรีบ และตามมาด้วย...
“ไอ้กุก!!! ช่วยด้วย!!!”
บ้านผมเป็นแบบนี้ประจำแหละครับ เสียงที่มักจะดังขึ้นต้อนรับผมเวลากลับบ้าน คือเสียงของน้องชายและพี่ชายฝาแฝดของผมเอง 2 คนนี้มักจะต้อนรับผมด้วยประโยคนี้เป็นประจำ และมักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คราวนี้เป็นเรื่องอะไรอีกหล่ะ?
“อะไร?”
ผมถาม ยงนัม พี่ชายฝาแฝดของผมที่โดดหลบหน้าแข้งของ ยองแจ น้องชายตัวแสบได้อย่างหวุดหวิด
“เฮียกุก! เฮียนัมมันขโมยแปรงสีฟันผมไปใช้อ่ะ”
น้องชายของผมเป็นคนเปิดปากฟ้องผมก่อนทันที เห็นมั้ยว่ามันคือเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
“โหย! ก็บอกว่ายืมไง! แปรงสีฟันเฮียมันลงคอห่านไปแล้ว พี่ยืมแค่นี้หวงรึไงเล่า?”
“แปรงสีฟันมันของใช้ส่วนตัวนะ! ใครเขายืมกันบ้างเล่า!?!”
“ก็เป็นพี่น้องกัน ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลยนี่!”
“ถ้าเป็นเฮียกุก ผมจะให้ยืม แต่กับเฮียนัมไม่มีวัน!”
“อ๊าก!!! ยองแจใจร้าย!!! เฮียก็พี่ชายนายเหมือนกันนะ!”
“พอเลยพอ หยุดเลยทั้งคู่ ยงนัม! ในห้องกูมีแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้อยู่อันหนึ่ง ไปเอามาใช้สิ”
ผมเบรกพี่น้องจอมยุ่งทั้ง 2 ก่อนที่จะทะเลาะกันไร้สาระไปมากกว่านี้ พลางเดินไปนั่งตรงโซฟาอย่างอ่อนแรง วันนี้มันเหนื่อยเหลือเกิน...
“คือ... กูยกให้มึงใช้ดีกว่าหว่ะ”
ยงนัมพูดมาอย่างกล้าๆกลัวๆ อา...ชักสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างซะแล้วสิ...
“กูก็มีของกูอยู่แล้วนี่ ไม่จำเป็นต้องใช้อีก”
“คือ...”
“คือ...อะไร?”
ผมถามยงนัมพลางขมวดคิ้ว ทำไมต้องอ้ำๆ อึ้งๆด้วยหล่ะ?
“กูจะบอกว่า แปรงสีฟันที่หล่นลงคอห่านหน่ะ...”
“ทำไม? ก็มึงทำหล่นไม่ใช่หรือไง?”
“ก็ใช่...แต่นั่นมันของมึง...”
“...”
“กูแอบใช้แปรงสีฟันเดียวกับมึงมาเกือบเดือนแล้วหว่ะ แปรงสีฟันของกูมันหาย ขี้เกียจไปซื้อใหม่ น้องกุกสุดหล่อไม่ว่าอะไรพี่ชายคนนี้ใช่มั้ย?”
“...”
“แหะๆ”
“ไอ้ยงนัม!!! มึงตาย!!!”
ผมลุกขึ้นวิ่งไล่เตะยงนัมรอบบ้าน โดยมียองแจวิ่งตามมาห้ามอยู่ห่างๆ แค่คิดก็จะอ้วก นี่ผมทนใช้แปรงสีฟันกับไอ้ยงนัมมาได้ยังไงเกือบเดือน ทำไมชีวิตผมถึงเจอแต่เรื่องแย่ๆแบบนี้นะ?
ผมตื่นเช้ามาด้วยสภาพที่เรียกได้ว่า... อารมณ์คุกรุ่นสุดๆ ผมยังเคืองไม่หายเลยเรื่องที่ไอ้แฝดตัวแสบของผมแอบใช้แปรงสีฟันเดียวกัน แถมยังทำตกคอห่านอีก ฮึ่ม!
“เฮียกุก! ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ จะแดก เอ้ย! กินเลยมั้ย?”
ยองแจถามผมเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน ยองแจรับหน้าที่เป็นพ่อครัวและรับอาสาทำงานบ้านทุกอย่าง เพราะเรื่องอาหาร ฝีมือมันดีที่สุดในบรรดาพวกเราทั้ง 3 คน พูดก็พูดเถอะ ทุกวันนี้ผมยังต้มมาม่าได้รสชาติห่วยแตกอยู่เลยครับ
“ไม่หล่ะ ฉันรีบไปเรียน อ้อ! ถ้าวันนี้ไปซื้อของ ฝากซื้อแปรงสีฟันมาด้วยซัก... โหลหนึ่งก็แล้วกันหล่ะ ฮึ่ย!”
ผมบอกน้องชายที่ยืนเคาะกระทะ หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากบ้าน
นี่มันนานเท่าไหร่แล้วนะที่พวกเราไม่เจอพ่อ? ตั้งแต่แม่คลอดยองแจแล้วแม่ก็เสีย ส่วนพ่อก็โหมทำงานหนัก หาเงินไว้ให้พวกเรา พ่อบอกพวกเรา 3 คน ในวันที่ไปเยี่ยมแม่ที่หลุมฝังศพ คำที่พ่อบอกผมยังจำได้ดีก็คือ
‘ยงนัม ยงกุก... ดูแลน้องได้มั้ย?’
‘ทำไมเหรอครับ? พ่อจะไปไหน?’
ยงนัมกับผมในวัย 14 ปี ถามพ่อที่กำลังยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆ
‘พ่อ...จะบวช แล้วก็จะออกธุดงค์ พ่อคงไม่ได้เจอพวกลูกๆอีก ดูแลน้องดีๆนะยงนัม ยงกุก พ่อเชื่อว่าลูกทำได้’
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อก็บวช แล้วออกธุดงค์ เข้าป่า พวกเราไม่ได้ข่าวของพ่ออีกเลย
“เฮ้อ!~”
ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อๆ จริงๆแล้วเช้านี้ผมไม่มีเรียนหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากอยู่บ้าน อย่างที่บอกนั่นแหละ ชีวิตของผมมันเต็มไปด้วยเรื่องน่าเบื่อ จนผมเบื่อชีวิตตัวเอง
ผมหยุดเดินเพราะสายตาไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า... ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักศึกษา เธอนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไทรต้นใหญ่ เลือดท่วมตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นวิญญาณ ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า?”
นักศึกษาสาวคนนั้น หยุดร้องไห้ ก่อนจะหันมามองผม ถ้าตาไม่ฝาด... ผมเห็นเธอแอบยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนว่ากำลังยิ้มเยาะผม แต่ผมคงจะคิดไปเอง
“ช่วยฉันด้วย~”
“ก็จะช่วยนี่ไง มีอะไรรึเปล่า?”
ผมถามวิญญาณผู้หญิงคนนั้น เธอยิ้มออกมาอย่างมีเลสนัย ก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนผมเอาไว้ จากร่างหญิงสาวในชุดนักศึกษา กลายเป็นอมนุษย์ที่แสนน่าเกลียด ผมอึ้งทำอะไรไม่ถูก นี่มันอะไรกัน? ผมโดนปีศาจบังตางั้นเหรอ?
“ช่วยมาเป็นอาหารของฉันยังไงหล่ะ ฮ่าๆๆๆ”
ผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร ผี ปีศาจ หรืออสูรกาย ผมก็ไม่รู้ หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงอันดุดัน ก่อนจะพุ่งมือมา เป้าหมายคือคอของผม แต่ยังไม่ทันที่ปีศาจตนนั้นจะได้บีบคอผม ผมก็ได้ยินเสียง ฉับ! ดังมาเสียก่อน และภาพที่ผมเห็นก็คือ...
คนชุดดำบนเสาไฟฟ้าเมื่อวานคนนั้น...
เขาเป็นคนใช้เคียวฟันแขนของปีศาจตนนั้น ซึ่งมันปล่อยมือจากคอผมทันที ทำให้ผมหลุดจากการเกาะกุมของมัน ผมถอยไปตั้งหลัก 2-3 ก้าว ก่อนจะมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้า
“เจ้าปีศาจร้าย! หยุดทำชั่วแล้วมาให้ฉันส่งไปยังนรกได้แล้ว”
เสียงห้าวติดหวานพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยอำนาจ ปีศาจร้ายตนนั้นมองเขา ก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังหวาดกลัว แต่มันก็ยังกระโจนเข้าใส่คนๆนั้น เขากระโดดหลบนิดหน่อย ก่อนจะเงื้อเคียวขึ้นสุดแขน แล้วฟันลงมาบนตัวของปีศาจร้ายตนนั้น มันร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด คนชุดดำเดินมาหยุดอยู่ข้างๆปีศาจตนนั้นก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“เจลโล่ เอาใบเบิกทางมาซิ”
สักพักผมก็สังเกตเห็นหมาสีขาวตัวหนึ่งเดินออกมา ในปากคาบอะไรบางอย่างอยู่ด้วย มันเป็นแผ่นกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดง คนชุดดำคนนั้นรับไป ก่อนจะแปะกระดาษแผ่นนั้นลงบนหน้าผากของปีศาจตนนั้น
“ไม่! ฉันไม่อยากไปนรก!!!”
เจ้าปีศาจร้องออกมาสุดเสียง คนชุดดำยิ้มออกมานิดหน่อย แต่ผมว่า...มันเป็นรอยยิ้มที่ดูน่าขนลุกมากกว่า
“แกคอยเล่นงานมนุษย์ แกฆ่ามนุษย์ แกตายแล้วแต่ก็ยังทำบาปให้กับตัวเอง ฉันแค่ชำระบาปให้แก แต่ฉันส่งแกไปยัง ดาร์กเนส โซล ซิตี้ไม่ได้หรอก แกต้องไปชดใช้กรรมในนรกให้หมดก่อน เอาหล่ะ! ถึงเวลาของแกแล้ว ไปซะ!”
คนชุดดำพูด ก่อนจะท่องอะไรบางอย่างแล้วใช้ 2 นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของปีศาจตนนั้น ซักพักก็มีเปลวเพลิงเกิดขึ้นมาห่อหุ้มร่างของเจ้าปีศาจตนนั้น มันร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะหายไป
ผมยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่มันอะไรกัน? ผมกำลังฝันอยู่รึเปล่า? ในระหว่างที่ผมกำลังยืนตะลึงอยู่นั้น คนชุดดำคนนั้นก็มองผมนิดหน่อยด้วยหางตา ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเจ้าหมาสีขาวตัวนั้น เขาคนนี้...เป็นใครกันนะ???
ผมเดินคิดเรื่องที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ไปตลอดทาง พอมารู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดอยู่หน้ามหาลัยของตัวเองแล้ว นี่ผมมาไม่ทันประชุมเช้านี้อีกแล้วสินะ ขืนเข้าไปตอนนี้มีหวังโดนจดชื่อ หักคะแนนอีกแน่ๆ
ผมเดินไปยังที่ๆคุ้นเคย ก่อนจะปีนกำแพงเข้าไปในมหาลัย จากนั้นก็ปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับหน้าต่างห้องเรียนของผม เพื่อที่จะเข้าไปยังห้องเรียนของตนเอง ผมมักจะใช้วิธีนี้ประจำถ้ามาไม่ทันตอนเช้า ฮึ่บ! อีกนิดเดียวเอง ตอนนี้ผมขึ้นมาถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นไปต่างระเบียงห้องแล้วหล่ะ
“ไอ้ยงกุกโดดเรียนอีกแล้วเหรอวะ?”
“คงงั้นมั้ง? สงสัยจะไปม่อสาวอยู่ที่ไหนซักที่แน่เลย”
อ๊ะ! ใครกำลังพูดถึงผมอยู่นะ? ต้องลองฟังซักหน่อยแล้ว...
“คงไม่หรอกหว่ะ หน้าตาอย่างไอ้ยงกุก ฉันว่าจะมีแต่ผู้หญิงนั่นแหละที่มาม่อมัน”
“มันมีดีอะไรว้า? สาวๆถึงชอบมันนัก”
“ข้อนี้ฉันตอบให้...เพราะยงกุกหล่อ ยงกุกเท่ ยงกุกหน้าตาดี ยงกุกเก่งกีฬา ยงกุกแต่งเพลงได้ ยงกุกร้องเพลงเพราะ ยงกุกเรียนเก่ง ยงกุก...”
“พอเถอะๆ อยากจะอ้วกหว่ะ”
ไอ้ท๊อปเบรกเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องที่กำลังสาธยายความเป็นตัวของผม จะว่าไปมันก็น่าภูมิใจเหมือนกันนะเนี้ยตัวผมเนี้ย!
“แต่ทำไมมันถึงไม่สนใจผู้หญิงวะ? ฉันยังไม่เคยเห็นมันควงสาวที่ไหนเลยนะเว้ย!”
อา... ก็ทำไมหล่ะครับ? ผมไม่อยากให้ใครมาเกาะติดนี่นา แล้วอีกอย่างผมก็เอาใจใครไม่เป็นด้วย ผมรักอิสระ มันผิดเหรอ?
“หรือว่ามันจะเป็นเก...อ๊าก!!!”
ผลั่วะ!!!
ผมไม่รอให้ไอ้ท๊อปพูดจบหรอก ผมปีนหน้าต่างเข้ามา ก่อนจะประเคนปลายเท้าเข้าปลายคางมัน ทำให้มันร้องซะลั่นห้อง ผมมองหน้ามันแบบไม่พอใจ ไอ้ท๊อปหลบตาผมก่อนจะยกมือไหว้
“ฉันไม่ได้เป็นเกย์”
ผมพูดออกไปอย่างหัวเสียหน่อยๆ หนอย...มาว่าผมเป็นเกย์ เดี๋ยวผมก็แก้ผ้าโชว์ซะเลยนี่!
“ม... มาเมื่อไหร่คร๊าบ? ท่านยงกุก...”
ไอ้ท๊อปถามผมอย่างตะกุกตะกัก หนอย...ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นเร๊อะ?
“ก็นานพอที่จะได้ยินมึงนินทากูนั่นแหละ”
“ผมขอโทษคร๊าบ!!!”
ไอ้ท๊อปรีบไหว้ผมก่อนจะวิ่งไปหลบที่โต๊ะตัวเอง
“ชิ!”
ผมสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะนั่นลงที่โต๊ะของตัวเอง น่าเบื่อจริงๆเล้ย!
“ยงกุก...อรุณสวัสดิ์จ๊ะ”
ใครอีกหล่ะเนี้ย? ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“เฮ้ย! จีอึนเค้าทักนาย ทำไมไม่ทักตอบหน่อยวะ?!”
เสียงของ จอนฮโยซอง เพื่อนสนิทของจีอึน... ก็ผู้หญิงที่ทักผมนั่นแหละ ดังมาอย่างไม่พอใจ ผมไม่สนหรอกนะว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้ามารบกวนผมในเวลาที่ผมอารมณ์ไม่ปกติแบบนี้หล่ะก็...มีเฮแน่
“ได้ขอให้ทักรึไง?”
ประโยคสั้นๆของผม ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบ ก่อนที่ยฮโยซองจะเลิกทำหน้าเหวอ แล้วเดินมาตบโต๊ะผมดังปัง!
“ไร้มารยาทสุดๆ นายมันเป็นผู้ชายเฮงซวยสุดๆเลยรู้มั้ย?”
ฮโยซองระเบิดอารมณ์ใส่ผม แต่มันไม่ทำให้ผมกลัวเลยซักนิด
“เหรอ?”
“กรี๊ด!!! ‘เหรอ?’ งั้นเหรอ? ไอ้บ้ายงกุก! วันนี้จะยังไงก็ช่าง ฉันขอตั๊นหน้านายซักทีเถอะ!”
ฮโยซองที่ตอนนี้ฟิวล์ขาดไปแล้วเรียบร้อย เข้ามากระชากคอเสื้อของผม ก่อนจะเงื้อหมัดขึ้น ผมไม่ยอมโดนชกหรอกนะ
“ฮโยซองพอเถอะ มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไปทักยงกุกเค้าก่อน ไม่ต้องไปทำเค้าหรอก”
จีอึน เดินเข้ามาดึงเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่ไม่มีทีท่าว่าฮโยซองจะยอมเลยซักนิด ยังไงก็จะชกหน้าผมให้ได้ว่างั้น?
ผมค่อยๆแกะมือของฮโยซองออก ก่อนจะผลักเธอเบาๆ แต่ยัยนั่นกลับเสียหลักหล่นตุ๊บลงกับพื้น บอบบางชะมัดเล้ยยัยนี่!
“ก... กล้าผลักฉันอย่างงั้นเหรอ? ไอ้...”
“ถ้าเธอไม่เงียบ ฉันจะทำให้เธอพูดไม่ได้ไปตลอดชาติเลยคอยดู ฉันอยู่ของฉันดีๆ อย่ามายุ่ง อ้อ! เธอคงรู้นะฮโยซอง ว่าฉันไม่ใช่แค่ขู่”
ผมพูดก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ฮโยซองคงโกรธจัดเลยหล่ะ อย่างที่บอกนั่นแหละ ว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของผมมากนัก ถ้าใครเข้ามารบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผม ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมเอาเรื่องแน่
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีผู้หญิงจากต่างมหาลัยเข้ามาวุ่นวายกับผม เกาะติดผมแจเลยหล่ะ ทั้งเช้าทั้งเย็น ตื้อผมทั้งวัน ให้พาไปเที่ยวบ้าง อะไรบ้าง จนผมทนไม่ไหว ตะคอกเธอกลับ แต่เธอก็ไม่หยุดราวีผม เธอเข้ามาป่วนการใช้ชีวิตของผม จนผมสติแตกในที่สุด เลยเผลอผลักเธอไปทำให้เธอล้มหัวฟาดพื้น เรื่องนี้เค้ารู้กันทั่วมหาลัยแล้วหล่ะ ส่วนใหญ่เลยมีแต่คนขยาดผม ไม่ค่อยวอแวอะไรผมมากนัก แต่ก็ดีแล้วหล่ะ ผมชอบอยู่ของผมเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร จนใครๆต่างก็ให้ฉายาผมว่า 'หุ่นยนต์ผู้ไร้ความรู้สึก'
----------------------------------------------------
แวะมาอัพแล้ว!!!!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะบอกว่าอย่าหาสาระจากฟิคเรื่องนี้นะคะ (ก็หาไม่ได้ซักเรื่องอ่ะฟิคเรา) มันเป็นฟิคที่เคยเขียนไว้อีกคู่นึง เราเอามาแก้นิดหน่อย เขียนไว้นานมากกกกกกกกกแล้ว มันอาจออกมาไม่สนุก ก็คิดว่าอ่านฆ่าเวลาเนอะ เราไม่ถนัดแนวแฟนซีจริงๆ เราถนัดแนวลึกลับเลือดสาด(?) ฮี่~~ สกรีมฟิคที่ #สปชแดวิล นะคะ ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น