++love u my pumpkin++(ผู้หญิงโง่คนนี้)
ปากบอก ไม่เคยคิดกับเธอเกินพี่ชาย แต่ภายในรู้ดี....ตรงกันข้าม ใจข้างในอยากบอก รัก เธอทุกโมงยาม แต่เป็นแค่ น้องสาว ในนิยามความสัมพันธ์ จะผิดมั้ยคะ ที่ฉันหลงรักคนที่เรียกว่า "พี่ชาย"
ผู้เข้าชมรวม
294
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
++love u my pumpkin++
ผู้หญิงโง่คนนี้
"ต๊อกแต๊ก...ยัยขี้เเย !!" ฉันยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์วันนั้น ราวกับเพิ่งผ่านมาหมาดๆ...วันนั้นเมื่อหลายปีก่อน ฉันยังเป็นเด็กน้อยวัย 6 ขวบ เปีย 2 ข้างที่เคยเรียบร้อย หลุดลุ่ยจนแทบไม่เป็นทรง ใบหน้าเล็กๆไร้เดียงสานั้น อาบไปด้วยน้ำตา.....พวกเด็กที่ฉันเรียกว่า "เพื่อน" รายล้อมรอบตัวฉันเต็มไปหมด ฉันกอดแม่ไว้แนบอก...อ๋อ...ฉันหมายถึง ตุ๊กตาฝรั่งเศส ตาสีฟ้า ผมเปีย 2ข้างเหมือนฉัน จะผิดไปจากฉันหน่อยก็ตรงที่เปียนั้นไม่ถูกดึงจนลุ่ยนั่นแหละ....ฉันกอดมันไว้แน่น มันเป็นตัวแทนของแม่ฉัน ก่อนที่แม่ฉันจะไปอยู่บนดวงดาว...ไม่รู้สิ พ่อบอกฉันไว้อย่างนั้น บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน ที่ฉันเหม่อมองไปบนฟ้า ทอดสายตาดูดาวที่ดารดาษอยู่บนฟากฟ้านับไม่ถ้วน...แม่ของฉันจะอยู่บนดาวดวงไหนนะ...เอ...เรื่องนี้พ่อไม่ได้บอกไว้ซ่ะด้วยสิ......แต่แล้วเด็กเกเรพวกนั้นก็คว้าเอา "แม่" ไปจากอ้อมแขนของฉัน พวกมันเหยียบย่ำ โดยไม่สนใจฉันที่กำลังร้องไห้จ้าหนักเข้าไปใหญ่เลยสักนิด ฉันพยายามเข้าไปคว้าเอาตุ๊กตาคืน แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียง....ลม ใช่...ฉันทำอะไรไม่ได้เลย วินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่นี้ เวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น นอกจากเสียงร้องไห้ของตัวเอง....จนกระทั่งเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาในห้อง เขาดูโตกว่าฉันสักปีสองปี ใบหน้าเล็กๆนั้นขมึงถึงยิ่งนักเมื่อเห็นฉันที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาเข้าไปแย่งแม่จากเด็กพวกนั้น แล้วตวาดจนแตกกระเจิงไปหมด แล้วเขาก็เดินเข้ามาส่งแม่คืนให้ฉัน...
"ขอบคุณคะ...พี่ชาย" ฉันมองหน้าเขาแล้วยิ้มทั้งน้ำตา รับแม่มากอดแนบอกอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรหรอก....เธอชื่ออะไรล่ะ?....." เขาถามฉันแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
"ต๊อกแต๊ก..."
"อืมม์ พี่ชื่อ ก๊วยเจ๋ง" แล้ว "พี่ชาย" ก็เอามือลูบหัวฉัน
"หา?O_o ถ้วยเจ๊ง..." ฉันในวัย 6 ขวบที่ยังออกเสียงบางคำได้ไม่ชัดเจนนักพูด เขาหัวเราะ
"ไม่ใช่....เอาช้าๆนะ....ก๊วย....เจ๋ง...."
"คะ...ถ้วยยยยย.....เจ๊งงงงงงง..." คราวนี้เขาสั่นหัวแล้วหัวเราะลั่นเลย
"โหย...ยัยนี่ ทำชื่อพี่เสียหมดเลยนะเนี่ย เอ้า...ถ้วยเจ๊ง ก็ ถ้วยเจ๊ง ยัยค่อกแค่ก!!" แล้วเรา 2 คนก็หัวเราะประสานเสียงกัน ตอนนั้นนั่นแหละ ที่ฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอีกต่อไป
****---****---****---****
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไร ที่เรา 2 คนกลายมาเป็นเงาของกันและกัน ฉันไม่เคยมีเพื่อน...เพราะฉันไม่เชื่อมันในคำว่า "เพื่อน" พี่ก๊วยเจ๋งเอง หรือที่ฉันเรียกติดปากมาว่า "ถ้วยเจ๊ง" ก็ไม่เคยมีเพื่อน ไม่ใช่ว่าเขากลัวเพื่อนเหมือนฉันหรอกนะ แต่เพราะว่าฉันไม่เคยอยู่ห่างให้เขาได้มีโอกาสหาเพื่อนคนใหม่เลยน่ะสิ
"ค่อกแค่ก....-_-"
"ฮะ...ไรเหรอ?" ฉันเิงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือการ์ตูน ตอนนั้นฉันอยู่ ป.4...พี่ก๊วยเจ๋งอยู่ ป.6
"นี่ ถ้าเราเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เอ่อ....จะเป็นไรไหม..." ฉันเงียบ...เงียบไปสักพักหนึ่ง ทำไมพี่ต้องถามอย่างนี้ด้วยล่ะ มันหมายความว่ายังไง แล้วน้ำตาก็เริ่มปริ่มออกมา เมื่อนึกหาคำตอบว่า..."จะเป็นไรไหม ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
"เห้ยยย....ค่อกแค่ก เธอร้องไห้ทำไมน่ะ!!-O-!!" พี่ก๊วยเจ๋งเข้ามาปลอบฉันอย่างร้อนรน ใบหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง
"ทำไม...ทำไมอ่ะ ถ้วยจะทิ้งต๊อกแต๊กไปไหน รึว่าเบื่อเค้าแล้ว ไปสิ...ไปเลย ไม่เป็นไรหรอก..." ฉันตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เฮ้อ...พี่จะทิ้งค่อกแค่กไปไหนล่ะ ก็ปีหน้าพี่ขึ้น ม.1 แล้วนะ.." เขาพูดสีหน้าท่าทางลำบากใจ ใช่....ฉันก็ลืมข้อนี้ไป โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่เนี่ย มันไม่มีมัธยมน่ะสิ
"งั้นเค้าไปเรียนมัธยมด้วยนะๆๆๆๆ"
"จะบ้ารึไง ค่อกแค่กเธอน่ะ ฝึกเขียน กอไก่ถึงฮอนกฮูกให้คล่องก่อนเถอะ -_-" เขาหัวเราะ
"ถ้าเขียนได้ แล้วจะได้ไปเหรอ...*-*" ฉันตาลุกวาวทันที
"เปล่า..ต้องรอก่อนนะ เราห่างกันแค่ 2 ปีเอง ไม่นานหรอก แล้วก็ไปเรียนที่เดียวกันอีกไง"
"โหย ตั้ง 2 ปี ไม่รู้ล่ะ ยังไงถ้วยก็ต้องมาหาต๊อกแต๊กทุกวันเหมือนเดิม" ฉันตัดบทอย่างเอาแต่ใจ ใจหายจังเลย....เฮ็อ...
แล้ววันเวลาก็ผ่านไปไวอย่างกะโกหก พี่ก๊วยเจ๋งเข้าโรงเรียนมัธยมทืี่ไม่ไกลจากโรงเรียนของฉัน พี่เขาโตขึ้น เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น พี่ก๊วยเจ๋งสูง ขาว คิ้วดูเข้มๆ ท่าทางขี้เล่น ผมตั้งเริ่มเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จนหลายครั้งที่ฉันทักว่าเขาเปลี่ยนสีบ่อยเหมือนตุ๊กแก แต่ไม่ว่าสีไหน เขาก็ดูน่ารักเสมอสำหรับฉัน กริ๊ดดด >O<!! อย่างกะหนุ่มญี่ปุ่นเลย..นั่นแหละ เขาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่น้องคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป...ฉันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลายครั้งที่เขาพาเพื่อนผู้หญิงมาแนะนำให้รู้จัก ฉันก็ทำท่างี่เง่าเสียทุกครั้ง แล้วผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกะถ้วยของฉันก็เยอะซ่ะด้วยสิ ก็นายถ้วยเจ๊งนี่น่ะ ป๊อปใช่เล่นซ่ะเมื่อไรล่ะ !! ฉันล่ะหมันไส้นังชะนีพวกนี้จริงๆ อุ๊ย...เหอๆๆ -*- เผลอไปนิดส์คะ แร่ดแต่เด็กเลยนะเนี่ยเรา คิคิ -_-^^ แล้วในที่สุดก็ถึงวันที่ฉันกำลังจะจบ ป.6 ใช่....ความหวังของฉัน คือการได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน กับพี่ก๊วยเจ๊ง พี่ก๊วยเจ๊งเองก็ต้องการเช่นนั้น เค้ามานั่งตืวให้ฉันทุกวัน แม้เขาเองจะเอาตัวไม่ค่อยรอดก้เถอะ...
"นี่....ค่อกแค่ก เธอน่ะ ทำเลขถูกแค่ 3 ใน 10 เนี่ยนะ..." เขาบ่นเมื่อตรวจแบบทดสอบเสร็จ
"ก็มันยากนี่หน่า แล้วถ้วยล่ะ ทำได้เท่าไร...-_-^^"
"ฉันน่ะเหรอ โหย ไม่ต้องถามเลย สบายอยู่แล้ว ^^::"
"หนายยยย.....? ^_+" ฉันคว้าหนังสือของเขามาดูทันที ปั๊ดโธ่เอ๊ย....4 เต็ม 10 ดีกว่าฉันคะแนนเดียว ไม่คิดว่านายนี่จะรักฉันถึงขนาดอัปโหลดสมองลงมาเท่ากัน -_-
"แห่ะๆๆๆ -*- หน่าๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ผิดเป็นครู ฉันเป็นครูเธอไงตอนนี้ ฉันเลยต้องผิด"
น่าน...ดูมัน ชักแม่น้ำทั้งประเทศไทยมาจนได้ อนาคตฉันสว่างรำไรเลยนะเนี่ย มีครูดีๆแบบเนี้ย เอิ้กส์ๆๆๆ TT_TT;;
"ไอ้เจ๊ง กุว่านะ เมิงสอนน้องเค้าอ่ะ มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง มานี่ๆๆๆ ต้องกุ" พี่เดวิล เพื่อนพี่ก๊วยเจ๊งเดินมานั่งข้างๆ แล้วเอาสมุดไปนั่งคิด พี่คนนี้....ก้หล่อ หล๊อ หล่อคะ โฮะๆๆ ^O^ ไม่อยากจะเเซดเลย กลุ่มพี่ก๊วยมีแต่คนหล่อๆ อู้ยยยย >_< น้ำลายไหลอย่างรุนแรงค่าาาา....
"เห้ย สมศรีมีเงินอยู่ 120 ยืมสมใจมาอีก 87 บาทจะได้เท่าไรว่ะ" พี่เดวิลเงยหน้าขึ้นมาถามพี่ก๊วยเจ๊งด้วยแววตาอันใสซื่อ บ่งบอกว่า โง่จริงๆ....ไม่ได้แกล้งโง่ โง่แบบขนานแท้ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทนแต่อย่างไร
-_-;; ทำใจเถอะคะ คนหล่อ ไม่เป็นเกย์ ก็ต้องฟรายยย....-*-
"ไอ้ ค ว า ยแค่นี้ก็คิดไม่ออกของกล้วยๆ" พี่ก๊วยเจ๊งเดินไปเบิ๊ดกะโหลกพี่เดวิล เหนป่ะๆๆๆ.....พี่ฉ้านนนน ฉลาดคะ...ซึ้งๆๆๆ ปลื้มใจ *-*
"120 เหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะสมใจไม่อยู่บ้าน ไปช่วยแม่ขายปลาทูที่สุพรรณ เพราะฉะนั้นสมใจเลยไม่ได้ยืม มีเงินเท่าเดิม !!" เ่อ่อ....เกินบรรยายคะ T_Y ช๊อคมากมายมหาศาล การศึกษาไทยจงเจริญ ถ้ามีนักเรียนอย่างมัน 2 คนเยอะๆ -.,-
"ไม่ใช่.....-_- สมใจไม่ได้ไปขายปลาทู วันนั้นน่ะ สมใจไปเก็บค่าแชร์เลยไม่อยู่บ้าน สมศรีมันเลว เลยไปค้นในกระป๋องตังค์ของสมใจเจอตังค์ 15 บาทรวมเป็น 135 ดิว่ะ"
"ใช่....-_-^ แล้วแกรู้ไ้งว่าสมใจเล่นแชร์"
"ไม่ช่ายยยย.....-_-^^ แล้วงั้นแกรู้ได้ยังไงล่ะว่ะ สมใจไปช่วยแม่ขายปลาทูที่สุพรรณ "
"สัญชาติญาณเว้ยยย.....-_-^^^"
ฉันปล่อยให้ ฟราย 2 ตัว เอ้ย พี่ 2 คนนั่งเถียงกันต่อไป ฉันล่้ะ กลุ้มใจกะพวกมัน แล้วนี่จะจบ ม.2 มั้ยเนี่ย !! ขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปซื้อน้ำมากินแก้สมองตื้ออยู่พอดี ก็เจอกับพี่เฟิร์ส พี่สุดหล่อ หล่อ หล๊อ หล่อ ที่ซุ้ดดดดดดดด >_<!!!!! อ๊ากกกก....ต้องสูงขนาดน้านนน...ต้องขาวขนาดเน้...ทุกอย่างกำลังดี คนนี้ช่ายเยยยยยย ฮิ๊ๆๆๆ \^_^//
"หวัดดีอย่างรุนแรงค่า พี่เฟิร์สสสส ^o^"
"ครับ...หวัดดีอย่างรุนแรงเหมือนกัน แล้วค่อก...เอ้ย ต๊อกแต๊กจะไปไหนเหรอครับ.." พี่เฟิร์สส่งยิ้มละลายใจมาให้ฉัน แต่....ใครสอนให้เรียกฉันว่า ค่อกแค่กกันน่ะ...
"อ๋อ...จะไปซื้อน้ำคะ ถ้วยสอนไม่รู้เรื่องเลย....พี่เดก็ด้วย เนี่ยกำลังนั่งเถียงกันอยู่ตรงโน้นนนนนนอ่ะ...." แล้วพี่เฟิร์สก็เดินไปดูมนุษย์ 2 ตัวที่ยังเถียงกันไม่เลิก -*-....นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา พี่เฟิร์สเลยมาทำหน้าที่ติวให้ฉันแทน โดยมีพี่ก๊วยเจ๋งทำหน้าเบื่อหน่ายโลกอยู่ตลอดเวลา....ในที่สุดวันประกาศผลก็มาถึง...
ฉันยืนอยู่หน้าโรงเรียนในฝัน พยายามติดต่อหาพี่ก๊วยเจ๋งให้มารับเข้าไปในโรงเรียน แต่ก็ไม่ยอมรับสายสีกที จนกระทั่งในความพยายามครั้งที่ 15 เขาก็รับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย....
"ฮาโหลลลลลล =_=ใครอ่ะ...แม่เหรอง้าบบบ"
"แต๊กเอง...."
"แต๊กหย๋ออออ โทรมาทำไมแต่เช้ิา พี่นึกว่าเจ้าหนี้ที่หนายยย =_="
"นี่ถ้วย ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วมารับต๊อกแต๊กเข้าโรงเรียนด้วย ไม่กล้าเข้าอ่ะ กลัว -*-"
"โอ๊ยยยย...เด็กควรนอนวันละ 18 ชั่วโมงนะ ไม่เคยเรียนมาเหรอ....-_-^^"
"เรียนน่ะเรียนมา แต่ครูบอกว่า 8-10 ชั่วโมง ลุกได้แล้วววว -O-!!" ฉันตะโกนลั่นใส่หูโทรศัพท์ พี่ก๊วยเจ๋งร้องโอ๊ยด้วยความตกใจ แล้วยอมตื่น พร้อมบอกว่าจะมาถึงโรงเรียนภายใน 10 นาที....
"ถ้วยมาช้าไป 39 วินาที...." ฉันยืนกอดอกทำท่าขรึม
"พี่ขอโทษษษษษษ แบบว่า รีบสุดๆแล้ว จริงๆนะ...*-*" ฉันมองเขาอย่างขำๆ ก็รีบสุดๆอย่างที่เขาว่าจริงๆนั่นแหละ บ๊อกเซอร์ลายมิกกี้เมาส์ หัวสีน้ำตาลชี้โด่เด่ไม่มีวี่เเววการหวี หน้ายังงัวเงียอยู่ด้วยซ้ำ
"อ๊ะ...ให้อภัย เราเข้าไปโรงเรียนกันเถอะ..."
ฉันแทรกตัวเข้าไปในหมู่ฝูงชนจำนวนไม่น้อย โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีคนอยากเข้าเยอะเหมือนกัน คงเพราะมีชื่อเสียงด้วยมั้ง ที่สำคัญ ยูนิฟอร์มน่าร๊ากซ่ะะะะะะ ^^
ฉันไล่รายชื่อลงมาเรื่อยๆ ไม่เจอสักที...ไม่เจอสักที เฮ้ออออ....ไม่ติดแน่เลยเรา T_T
"แง้งงง....TT_TT ถ้วย ถ้าเค้าไม่ติดต้องลาออกไปเรียนที่อื่นกะเค้าน้าาาา"
"อืมม์ ได้สิ แต่ทำไมเธอจะไม่ติดล่ะ นั่นไง" พี่ก๊วยเจ๋งชื่อไปที่ชื่อของฉันเด๊ะๆ โดยที่กวาดตาดูแค่แป๊ปเดียว
"เย้ๆๆๆๆใช่จริงๆด้วยยย >_<" แล้วฉันก็กระโดดกอดพี่ก๊วยเจ๋งแน่น โดยลืมตัวว่าอยู่ที่ไหน พี่เจ๋งเองก็ลืมตัว กอดฉันตอบเช่นกัน ท่ามกลางสายตาอิจฉาของสาวๆแทบทั้งโรงเรียน อู้ยยยย -*-
ถ้วยเจ๊ง ของฉัน ใส่บอกเซอร์มิกกี้เมาส์ยังเท่ห์เลย ฮิ๊ๆๆๆๆ
"ถ้วยยยย เราได้อยู่โรงเรียนเดียวกันเหมือนเดิมแล้วนะ....^_^"
"ฮะแฮ่มๆๆๆ..." เสียงกระแอมของผู้มาใหม่ดังลอดเข้ามา กลุ่มเพื่อนของพี่ก๊วยเจ๋งเดินเข้ามา พี่เดวิล พี่เฟิร์ส พี่โดโด้ พี่เม้ง พี่ซิอิ๊ว พี่ซีอิ๊วเนี่ยตอนแรกนึกว่าอยู่รุ่นเดียวกันกับฉันซ่ะอีก แบบว่า...เอ่อ....เีตี้ยได้โล่มากๆเลย -_-
"เป็นไง ยืนกอดกันกลมเชียวนะ....สองคนนี้" พี่โดโด้เดินเข้ามาแซว พี่โดโด้นี่ออกจะแหวกแนวกว่าทุกคนในกลุ่มหน่อย ตรงที่ว่าคล้ำ....ก็นะ คนอื่นเค้าขาวอย่างกะผีญี่ปุ่นกันหมด แต่ก็นะ ไม่ถึงกับดำหรอก เข้มๆ เหมือนนักกีฬาน่ะ ฉันว่า ก็ดูดีไปอีกแบบนั่นแหละ
"เปล่าสักหน่อย..." เรารีบผละออกจากกันทันที ฉันหน้าแดง พี่ก๊วยเจ๋งดูเฉยๆแต่ไม่สบตาฉัน เอ๊ะ...จะแซวทำไมย่ะเนี่ย กำลังได้ฟิว -_-^^
"เขินกันเหรอ รู้งี้เราไม่มารบกวนก็ได้.." ซีอิ๊วพูด เดี๋ยวแช่งให้เตี้ยจมดินเลยหนิ...
"เปล่าเว้ย...หยุดเห่าไปเลยพวกแกอ่ะ ไปๆๆๆๆๆ ฉันจะอยุ่กับน้องฉัน" พี่ก๊วยเจ๋งไล่พวกเพื่อนๆไป แต่พวกเขาก็ยังคงยืนหน้าด้านหน้าทนอยู่อย่างเดิม
"ถ้วย เดี๋ยวแต๊กไปโทรหาพ่อก่อนนะ ยืนคุยกะพี่ๆอยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้..." แล้วฉันก็เดินออกไปโทรศัพท์บอกพ่อ พ่อฉันเป็นนักธุรกิจ เวลาทุกนาที...อ๋อ ไม่สิ ทุกวินาทีล่ะมั้งย่อมมีค่า พ่อจึงไม่พูดอะไรมากนัก นากจาก "ยินดีด้วยลูก" เหมือนห่างเหินยังไงก็ไม่รู้เนอะ ความจริง ฉันเองก็โทรบอกตามมารยาทที่ลูกควรบอก คนที่เรียกว่า "พ่อ" อ่ะแหละ
และเมื่อฉันเดินไปเกือบจะถึงจุดที่พี่ๆเค้ายืนอยู่เมื่อกี้กันนั้น ฉันก็ได้ยินพวกเค้าคุยอะไรกัน ด้วยความอยากรู้ว่า เวลาฉันไม่อยู่พวกเขาจะคุยเรื่องอะไรกัน ทำให้ฉันยังไม่ก้าวออกไป แล้วยืนแอบฟังอย่างเงียบๆ
"เห้ย ไอ้เจ๋ง ทำงี้ ไม่กลัวโดนจับได้เหรอว่ะ รีไทร์เลยนะเว้ย..." พี่เม้ง พี่คนที่ใส่เเว่น ดูท่าจะเรียนเก่งกว่าพี่เฟิร์สซ่ะอีก ทำสีหน้าเครียดๆ เอ...-_-a พี่ก๊วยเจ๋งทำอะไรเหรอ?
"ไม่กลัว....ถ้ากุไม่ทำ น้องกุก็เข้าไม่ได้" อะไรกัน..รึว่าจะเป็นเรื่องฉันกันนะ
"แต่ทำอย่างนี้มันเสี่ยงนะ คิดกับเค้าแค่เพื่อนจริงเหรอ ทุ่มขนาดนี้น่ะ..."
"แต๊ก ไม่มีใคร อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ถ้าทำอะไรได้ กุก็อยากทำให้เค้า เข้าใจมั้ย" เสียงพี่ก๊วยเจ๊งเริ่มโกรธขึ้นมา
"แม้แต่การช่วยเค้าแบบผิดๆ ด้วยการไปเปลี่ยนคะแนนสอบเนี่ยนะ แกโกงให้เค้า ไม่ใช่ให้เค้าลองใช้ความสามารถของตัวเอง ความรักของแกมันเห็นแก่ตัวรึเปล่า!!"
"แกไม่ต้องมาก้าวก่ายเรื่องของกุหรอก ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะการกระทำของกุ กุจะรับผิดชอบด้วยตัวของกุเอง ไม่หนักหัวอะไรพวกเมิงหรอก พวกเมิงไม่ต้องมากลัวเดือดร้อน..."
"ไอ้เจ๋ง เมิงไม่ฟังพวกกุเลย ที่พวกกุพูดอ่ะ เพราะเป็นห่วงเมิง ไม่ได้กลัวตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วย เพื่อนอ่ะ มีไว้ช่วยกัน ถ้ามีเพื่อนแล้วไม่รุจักช่วยเหลือกัน จะมีไว้ทำพ่อเมิงเหรอ!!"พี่เดวิลตะโกนใส่หน้าพี่ก๊วยเจ๋งอย่างเหลืออด
"กุขอโทษ...." พี่ก๊วยเจ๋งก้มหน้าลง พี่เดวิลเดินเข้่ามาตบบ่าพี่ก๊วยเจ๋งเบาๆ อย่างให้กำลังใจ...
"ไม่เป็นไร...เมองจำไว้ เมิงเป็นเพื่อนกุ พวกกุยอมรับในการตัดสินใจของเมิง แม้หลายๆอย่าง มันจะดูงี่เง่าไปหน่อย แต่กุจะหลับหูหลับตาละกันนะ ยังไง เพื่อนไม่ทิ้งกันหรอกหน่าาา...."
"ขอบใจ...นะ" พี่ก๊วยเจ๋งส่งยิ้มสดใสให้พวกเพื่อนๆ พวกพี่ๆ ก็ยิ้มกลับให้พี่ก๊วยเจ๋งอย่างไม่ถือโทษ นี่ล่ะมั้ง สิ่งที่ฉันไม่เคยได้รับ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ที่ฉันไม่เคยมี "เพื่อน" นอกจากพี่ก๊วยเจ๋งคนเดียว แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว....ที่ฉันหมดศรัทธากับคำว่า "มิตรภาพ" ไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงในโลกที่เห็นแก่ตัวใบนี้ แต่นี่ล่ะ...อย่างน้อยก็มีพวกเขา ที่ทำให้ฉันเชื่อมั่นว่า "เพื่อน" ที่แท้จริง จะไม่มีวันทิ้งกันและกัน....น้ำตาฉันไหลออกมาช้าๆ ทำไมนะ...ฉันต้องเป็นฝ่ายทำให้พี่ก๊วยเจ๋งลำบากเอาอยู่บ่อยๆ ทั้งงอแง งี่เงา เอาแต่ใจที่ 1...
"ถ้วย...ทำไมถ้วยต้องทำอย่างนี้ แต๊กมันโง่เอง ถ้าแต๊กเข้าไม่ได้ถ้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นี่หน่า" ฉันเดินออกไป ถ้วยหันมามองฉันอย่างตกใจ
"ค่อกแค่กร้องไห้ทำไม..." เขาถามเสียงอ่อนโยน
"ไม่ได้เป็นอะไร ก็เพราะถ้วยน่ะแหละ ถ้าโดนรีไทร์จริงๆจะว่ายังไง..."
"ก็ไม่ว่าอะไรหรอก เรา 2 คนก็ไปอยู่โรงเรียนอื่นด้วยกัน พี่ก็จะลาออกจากที่นี่ ไปอยู่โรงเรียนไหนก็ได้ที่
ค่อกแค่กอยากอยู่ ก็อย่างที่ค่อกแค่กบอกพี่เมื่อกี้ไง ^^" พี่ก๊วยเจ๋งส่งยิ้มสดใสให้ฉัน ดวงตาที่มีประกายมุ่งมั่นนั้น ทำให้ฉันเชื่อมั่นว่า ที่พี่เขาพูดไม่ได้เป็นการเอาใจฉัน แต่ฉันมั่นใจว่า...ถ้าเหตุการณ์พาไป เขาพร้อมที่จะทำอย่างที่พูดจริงๆ พี่ก๊วยเจ๋งเอามือลูบหัวฉัน สัมผัสอ่อนโยนแผ่วเบาที่ฝ่ามือนั้นราวกับจะถ่ายทอดมายังร่างกายฉัน ฉันยิ่งสะอื้นไห้หนักเข้าไปใหญ่ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ "พี่ชาย" คนนี้ทุ่มเทให้ฉัน
"ฮือๆ ไอ้ถ้วยติงต๊องบ้าที่สุดเลย ทำอะไรลงไปน่ะๆ นายมันโง่ๆๆๆๆ O-" ฉันต่อว่าเขาทั้งน้ำตา พี่ก๊วยเจ๋งหัวเราะออกมาเบาๆ
"พี่ก็ได้เชื้อโง่ เชื้อบ้ามาจากค่อกแค่กนั่นแหละ ^^;;"
"แต๊กก็ได้มาจากถ้วยอีกที...แล้วนี่ชีวิตนี้ จะเรียกแต๊กว่าแต๊กสักครั้งได้มั้ยเนี่ย -_-^!!"
"ไม่อ่ะ ถ้าพี่เรียกแต๊กก็เหมือนคนอื่นๆสิ พี่ไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นๆ เพราะพี่พิเศษกว่าคนอื่นๆ"
หมายความว่ายังไง...พิเศษกว่าคนอื่นๆ
"ยังไง หลงตัวเองซ่ะไม่มีอ่ะ"
"ก็...พี่หล่อเป็นพิเศษ และหล่อกว่าไอ้พวกนี้ไง ฮ่าๆๆๆ =o=แล้วทำไมไม่เรียกพี่ว่า พี่ก๊วยเจ๋งดีๆล่ะ" โฮ่...ไอ้หลงตัวเอง พี่เฟิร์สหล่อกว่าพี่ก๊วยเจ๋งอีก พี่เดวิลก็น่ารัก แต่..ยังไงในสายตาฉัน พี่ก๊วยเจ๋งก็หล่อที่สุดเสมอแหละ ^O^
"ไม่เอาหรอก มันติดปากแล้วอ่ะ เรียกอย่างนี้ดีแล้ว ไม่เหมือนใครดี"
"อืมม์ ก็จริงนะ เธอจะได้เป็นค่อกแค่กของพี่คนเดียวตลอดไป"
"............" ฉันนิ่งเงียบ....พี่...ต้องการอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ
"ทีหลังอย่าร้องไห้อีกนะ เด็กโง่"
"แล้วผู้ใหญ่โง่ก็อย่าทำอะไรแบบนี้อีกสิคะ" เรา 2 คนมองหน้าและหัวเราะให้กัน (ท่ามกลางสายตาหมันไส้ของพวกเพื่อนๆที่เหลือ)
และแล้ว....แต่น...แตน...แตน....แต๊นนนนน....วันแรกของการเปิดเทอมก็มาถึง ฉันได้เป็นสาวน้อยชั้นมัธยมซ่ะที เย้ๆๆๆ ยิปปี้ ฮุเรๆๆ \^_^// พอแล้วๆ เดี๋ยวโดนเค้าด่าว่าจะไปไล่ควายที่ไหน -_-;
พี่ก๊วยเจ๋งเดินมาส่งฉันถึงห้อง ตอนนี้เขาย้อมผมเป็นสีแดงครึ่งหัว อีกครึ่งยังคงปล่อยเป็นสีน้ำตาลเข้มตามเดิม ฉันล่ะ อยากถามมันจริงๆว่า ผีตัวไหนเข้าฝันให้มันทำทรงนี้ -*-
"พี่เจ๋งงงงขาาาาาา นังหน้าปลาไหลนี่ใครค้าาาาา" เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกพี่ก๊วยเจ๋งด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก เอ๋...-_-a แล้วเมื่อกี้ได้ยินอะไรแว่วๆอ่ะ ยัยหน้าปลาไหลไหน คงไม่ได้หมายถึงฉันเนอะ ฉันหน้าตาคล้าน นาตาลี จะตายไป โฮะๆๆๆ
"พี่เจ๋งอ่ะ ไม่ตอบกิ๊ฟเลย กิ๊ฟน้อยใจนะคะ รึว่านี่แฟนพี่เจ๋งคะ" ยัยกิ๊ฟนั่นจีบปากจีบคอพูดทันที ดูท่ายัยนี่ท่าจะเป็นรุ่นพี่ฉัน 1 ปี ดูแต่งตัวแต่งหน้าเขาสิ ที่ว่าชื่อ กิ๊ฟน่ะ ย่อมาจาก กิ๊บบ้อน (gibbon) ที่แปลว่าชะนีรึเปล่าจ๊ะ -.,-
"พี่เจ๋งอ้าาาาา ไม่ตอบกิ๊ฟเลย O-" ยัยกิ๊บบอนยังคงรบเร้าพี่ก๊วยเจ๋ง(ของฉัน) ต่อไป เอ๊ะ ผู้ชายเค้าไม่สนใจจะมายืนทำโรตีอยู่ทำไมย่ะ ยัยนี่ แล้วพี่เจ๋งเค้าก็หุบอยู่ไม่ได้อ้าาาาาาา ยัยนี่ให้พี่เจ๋งอ้า คิดอะไรอกุศลอยู่รึเปล่า อย่ามาพรากพรหมจรรย์พี่ชายฉันนะ
"นี่น้องกิ๊ฟ อย่ามาไล่ตามพี่เลย ใช่ครับ นี่แฟนพี่ครับ มีอะไรอีกมั้ยครับ" พี่เจ๋งตะคอกใส่หน้ายัยกิ๊บบอนอย่างรำคาญ เท่ห์ ชะมัดเลย กริ๊ดดดด >_<
"กริ๊ดดดดๆๆๆๆๆๆๆ หัวใจถูกทำร้ืาย 99 เปอร์เซ็นคะ พี่เจ๋งโหดร้ายที่สุดดดดด" ยัยกิ๊ฟกริ๊ดๆๆ แล้วก็วิ่งจากไป โ๔..น่าเวทนานัก ไว้ฉันจะทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้นะ T_T
"ถ้วยทำไมไล่พี่เค้าอย่างนั้น พี่เค้าไม่เสียใจเหรอ" ฉันแกล้งถาม ทำตัวเป็นนางเอกสุดฤทธิ์
"พี่รู้ว่า ค่อกแค่กไม่ชอบให้พี่คุยกะผู้หญิงคนอื่นหนิ ตอนพี่มีแฟน ค่อกแค่กอาละวาดจะเป็นจะตาย พี่ไม่อยากให้ตึกถล่มน่ะ ฮ่าๆๆๆ+O+"
"แห่ะๆๆ ก็จริงด้วยเนอะ...ขอบคุณที่ถ้วยทำให้เค้าทุกอย่างนะ" พี่ก๊วยเจ๋งยิ้มให้ฉันเงียบๆ ไม่ตอบว่าอะไร แต่สายตานั้นเหมือนจะสื่ออกมาว่า "ไม่เป็นไร พี่ยินดี" ฮ่าๆๆๆ บางทีอาจเป็นเพราะฉันนี่แหละเข้าข้างตัวเองก็ได้นะ อ่านสายตาคนออกด้วยเหรอเรา ไปเปิดซุ้มหมอดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ -_-
และแล้ว....วันเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกอีกครั้ง ตอนนี้ฉันขึ้น ม.2 แล้ว ส่วนพี่ๆก็ขึ้น ม.4 ตอนนี้พวกพี่ๆสูงขึ้นกันมาก แทบจะเกือบ 180 ทุกวัน...เ่อ่อ ทุกอย่างมันก็ต้องมีข้อยกเว้นอยู่บ้างอ่านะ ก็พี่ซีอิ๊วอ่ะดิ ยังสูงเท่าเดิม สูงพอๆกับฉันเลยมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ เตี้ยได้ใจ ฉันเองก็แทบไม่สนิทกับใครในห้องเลย มีเพียงคุยกันได้บางเวลาเท่านั้น อย่างเช่น พิศ เพื่อนที่ฉันพูดด้วยบ่อยหน่อย เธอเป็นคนน่าสงสารนะ พ่อแม่ตายตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มาอยูกับญาติ.....ที่ฉันไม่ค่อยสนิทกับใครน่ะเหรอ ก็เพราะมีพี่ชายตัวแสบของฉันคนนี้น่ะสิ ฉันกลายเป็นสมาชิกแก๊งของเขาไปซ่ะแล้ว ทำให้ฉันสนิทกะพี่ๆทุกคนไปโดยปริยาย ตอนนี้คนทั้งโรงเรียนเข้าใจว่า ฉันกับพี่ก๊วยเจ๋งเป็นแฟนกันล่ะ >//<
"ถ้วย ตอนเย็นรอแต๊กด้วยนะ..."
"อืมม์...ไม่แน่ใจอ่ะ วันนี้พี่มีธุระนะ..."
"ธุระอะไรอีกอ่ะ ถ้วยเห็นธุระนั่นสำคัญกว่าแต๊กเหรอ แล้วตอนเย็นแต๊กจะกลับบ้านกับใครล่ะ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะแตีก แต่พี่...มีธุระจริงๆ..." พี่ก๊วยเจ๋งทำสีหน้าลำบากใจ ตั้งแต่ 6 ขวบ เขาไปไหนมาไหนกับฉันตลอด ฉันจึงเชื่อว่า ธุระที่ว่าของเขานั่นคงสำคัญจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ทิ้งฉันไว้หรอก
"แต๊กขอโทษ ถ้วยไปเถอะ แตีกกลับคนเดียวได้" พี่ก๊วยเจ๋งมองหน้าฉันนิ่ง เหมือนกับจะค้นหาว่าฉันแกล้งประชด รึงอนหรือเปล่า ฉันยิ้มสดใสให้พี่เค้าเป็นคำตอบ
"เดี๋ยว....ตอนจะกลับ โทรหาพี่ด้วยนะ ถึงบ้านเเล้วก็โทรหาพี่ด้วย -_-"
"ค่าาาา คุณพ่อ เอ๊ะ ไม่เอาดีกว่า เปลืองตังค์ ถ้วยโทรมาดิ"
"อืมม์ ยัยงกเอ๊ยยย ยิงมาแล้วเดี๋ยวพี่โทรกลับเองละกัน"
ตอนเย็นวันนั้น ฉันเดินกลับบ้านคนเดียว รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะ ที่ไม่มีใครเดินอยู่ข้างๆ ปรกติพี่ก๊วยเจ๋งจะเดินกลับบ้านกับฉันอย่างนี้ ทุกวันๆ ในขณะที่ฉันกำลังเหม่อถึงพี่ก๊วยเจ๋งอยู่นั้น ก็เห็นกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่ง น่าจะเป็นนักเรียนสายอาชีพเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อยู่บริเวณทางเข้่าหมู่บ้านของฉัน ตรงนั้นเป็นที่ค่อนข้างเปลี่ยว และด้วยที่มันเป็นเวลาเย็นแล้ว จึงแทบไม่มีใครเดินผ่านเลย
"เห้ยยยย...เด็ก.....ว่ะ..." พวกมันมองเครื่องแบบนักเรียนของฉัน แล้วยิ้มออกมา อะไรอ่ะ...ยิ้มแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย และแล้วสิ่งน่ากลัวที่ฉันคิดไว้ก็เกิดขึ้น พวกมันวิ่งเข้ามาหาฉัน แล้วเอาผ้าปิดปากไว้ น้ำตาฉันไหลทะลักทันทีเมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป....ถ้วยช่วยเค้าด้วยยย T_T มาช่วยเค้าจากคนหื่นพวกนี้นะ พวกมันมองฉันด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ประสงค์ดีเเน่...ฉันกลัวจับจิต
"น้องไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องโวยวายหาใครมาช่วย เสียแรงเปล่า เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า" 1 ในพวกมันว่า แล้วเอามือมาสัมผัสใบหน้าฉัน ....ขยะแขยงนั่นคือความรู้สึกของฉันในเวลานี้...ขยะแขยงเหลือเกิน....แล้วโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่ฉันตั้งไว้ให้พี่เจ๋งโดยเฉพาะ ฉันกดรับแล้วรีบกรอกเสียงเท่าที่ทำได้ลงไปทันที
"อ้วยอ้วยยยยยยยย >_<!!" พวกมันตกใจกันใหญ่ คว้ามือถือของฉันแล้วคว้างไปทันที ฉันได้ยินเิสียงพี่ก๊วยเจ๋งแว่วมา แต่ไม่อาจตอบโต้อะไรได้อีกแล้ว พวกมันชกฉันเข้่าที่ท้องอย่างแรง ฉันล้มลงตัวงอทันที น้ำตาไหลพราก...คงไม่รอดแน่เเล้วงานนี้ พี่ก๊วยเจ๋งคงอยู่ไกลจากที่นี่ คงมาไม่ทัน....แล้วฉันก็คง...
"หุบปากไปเลยนะ ไ่ม่มีใครมาช่วยแกทันหรอก" 1 ในพวกมันตะคอกฉันดังลั่น
"เห้ย เมิงไปดูแถวนี้ดิ๊ ว่ามีใครเดินไปเดินมารึเปล่า" ผู้ชายคนนึงตัวสูงใหญ่สั่งพรรคพวกเดนนรกของมันให้ไปดูลาดเลาแถวนั้น และไม่นานมันก็กลับมา
"ไม่มีเว้ย แล้วใครจะเปิดก่อน" พวกมันมองฉันด้วยสายตาที่หื่นกระหาย นับได้ก็ประพาณ 5-6 คน เวลานี้ ฉันกลัวมาก....ถ้วยยยย ต้องมาช่วยแต๊กทันนะ
"กุก่อนสิ..."
"อะไรว่ะ คราวที่แล้วก็เมิงก่อน กุยังไม่ได้เลย" ได้เดนนรกเริ่มเถียงกัน อะไรนะ ยังมีครั้งก่อนหน้านี้รึนี่ เลว...เลวจริงๆ ฉันไม่เคยมีอคติกะนักเดรียนอาชีวะพวกนี้เลย พวกดีๆก็มีเยอะ ที่ตั้งใจเรียนออกมาเป็นคนดีของสังคม แต่พวกชั่วๆ อีกาที่แฝงอยู่น่ะสิ มันทำให้ด่างพร้อยไปหมด
และแล้วก็มีพวกมันคนหนึ่งเดินเข้ามาทางฉัน และเริ่มลูบเนื้อลูบตัวฉัน ฉันบิดตัวไปมาเพืื่่อให้พ้นการเกาะกุม แต่แล้ว....ก็ไม่เป็นผล ในวินาทีที่ฉันกำลังจะสิ้ื้นหวังแล้วนั่นเอง...... เงาร่างอันคุ้นเคย ผู้ชายตัวสูงๆ ผมสีแดงครึ่งหัวก็ใช้ไม้ทุบลงบนหัวของไอ้เดนนรกที่กำลังพยายามจะลวนลามฉัน...พี่ก๊วยเจ๋ง !! เย้ๆๆๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ก๊วยเจ๋งต้องมาช่วยฉันทัน เพราะนิยายทุกเรื่อง ไม่มีอีคนเขียนที่ไหน มันยอมปล่อยให้นางเอกเสียตัวกับคนที่ไม่ใช่พระเอกหรอก -_-" จริงม่ะคะ คุณคนเขียนขาาาาา *-* นอกจากพี่ก๊วยเจ๋งแล้ว พวกพี่ๆคนอื่นก็มาด้วย ฉันร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เพราะว่ากลัว แต่ฉันร้องไห้ เพราะดีใจและปลื้มใจที่พี่ๆ เป็นห่วงฉันขนาดนี้น่ะสิ
"พวกเมิงจะทำอะไรน้องกุ" ฉันไม่เคยเห็นพี่ก๊วยเจ๋งโกรธขนาดนี้มาก่อน เขาเอาไม้ตีพวกนั้นไม่ยั้ง พี่ๆทุกคนก็เหมือนกัน ฉันเดาได้ด้วยหัวสมองที่มีเซลล์สมองอันน้อยนิดนี้ได้เลยว่า ไม่ตายมันก็เลี้ยงไม่โต -_-;;
ในเวลาไม่กี่นาที ไอ้หื่นเดนนรกพวกนั้นก็ลงไปกองกับพื้นอย่างกะผ้าขี้ริ้วเก่าๆ สกปรก พวกพี่ๆเดินเข้มาหาฉันด้วยสายตาเป็นห่วง พี่ก๊วยเจ๋งมาถึงฉันก่อนคนแรก แล้วก็คว้าตัวฉันไปกอดไว้แน่น...
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม....พวกมันยังไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม" เขาถามฉันด้วยเสียงสั่นเครือ...สั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้ ใช่....พี่ก๊วยเจ๋งกำลังร้องไห้....
"ถ้วยอย่าร้องไห้สิ แตีกไม่เป็นอะไรแล้ว...." ฉันปลอบเขาในขณะที่ฉันเองก็ร้องไห้
"พี่ผิดเอง ถ้าพี่ไปวิ่งค่อกแค่กตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ พี่ไม่น่าเห็นธุระไหนดีกว่าค่อกแค่ก"
"อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิถ้วย มันยังไม่ได้ทำอะไรเค้าสักหน่อย รู้มั้ยถ้วย ตอนเค้าเห็นถ้วยอ่ะ เหมือนเห็นพระเอกขี่ม้าขาวเลยนะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆนะ T_T ขอบคุณพี่ๆทุกคนด้วยคะ พี่เป็นพี่ที่ดีกันจริงๆ"
พวกพี่ๆยิ้มให้ฉัน สีหน้าทุกคนฉายชัดถึงความห่วงใย แม้ว่าพี่เม้งกับพี่ซีอิ๊วกะไม่ได้มีส่วนในการจัดการไอ้พวกนั้นก็เหอะ จะให้พี่แกทำอะไรล่ะ พี่เม้ง ใช้หนังสือฟาดหัวพวกมันคงไม่เหมาะ ส่วนพี่ซีอิ๊วไม่มีหวัง สูงไม่ถพึงไหล่พวกมันเลยมั้ง -_-;; เล่นใต้เข็มขัดก็ดูไม่เป็นนักกีฬา
สิ่งที่ฉันได้รับรู้วันนี้....นอกจากจะได้รู้ถึงความห่วงใยที่พี่ๆทุกคนมีต่อฉันแล้ว ซึ่งฉันจะไม่มีวันลืมมัน ฉันยังได้รู้ถึงบางสิ่ง....นั่นคือ การที่ฉันได้รู้ใจตัวเอง ฉันได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ฉันคิดกับคนที่ฉันเรียกว่า "พี่ชาย" คนนี้ยังไง....
ปากบอก "ไม่เคยคิดกับเธอเกินพี่ชาย"
แต่ภายในรู้ดี....ตรงกันข้าม
ใจข้างในอยากบอก "รัก" เธอทุกโมงยาม
แต่เป็นแค่ "น้องสาว" ในนิยามความสัมพันธ์
จะผิดมั้ย? ถ้า..ใฝ่สูงจะเลื่อนขั้น
เธอกับฉันเปลี่ยนเป็น "คนรักกัน" จะได้ไหม
อยากเป็นแค่...คนสำคัญของหัวใจ
คิดเหมือนกันเมื่อไร....บอกกันด้วยนะคะ "พี่ชาย"
"ถ้วย แตีกมีอะไรจะบอกถ้วย" ฉันตัดสินใจแล้ว....ที่จะบอกเค้า ว่าน้องสาวคนนี้ ไม่อยากเป็นน้องสาวคนเดิมของเขาอีกแล้ว...และ.ตลอดไป
"อะไรเหรอ..?_?" พี่ก๊วยเจ๋งถาม หน้ามีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คขึ้น 3 อัน
"ถ้วย....แต๊กรักถ้วย...>///<" ในที่สุดฉันก็พูดออกไป หน้าฉันแดงเรื่อด้วยความเขินอาย แต่พี่ก๊วยเจ๋งกลับยิ้มบางๆให้ฉัน
"อืมม์ พี่ก็รักค่อกแค่กนะ...ค่อกแค่กเป็นน้องสาวของพี่" คำว่า "น้องสาว" กระทบจิตใจฉันอย่างแรง ในที่สุดเขาก็คิดกับฉันแค่ "น้องสาว" อย่างนั้นเหรอ ที่ผ่านมาเป็นแค่นั้นเหรอ
"แต๊กไม่ได้หมายถึงรักถ้วยเเบบพี่ชาย....แต๊กรักถ้วย......แบบที่ผู้หญิงคนนึงจะรักผู้ชายคนนึงน่ะ เข้าใจไหม !!!" ฉันตะโกนใส่หน้าพี่ก๊วยเจ๋ง น้ำตาไหลมาอีกครั้ง วันนี้น้ำตามันมาจากไหนนักหนาก็ไม่รู้สิ... พี่ก๊วยเจ๋งชะงักนิ่งไปหลายวินาที แว๊บแรก ถ้าฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองไป ฉันเห็นความดีใจในตาคู่นั้น...
"พี่........" และแล้วดูเหมือนความดีใจนั้นหดหายไปด้วยอะไรบางอย่างที่ฉันไม่อาจรู้ได้ "มัน...เป็นไปไม่ได้...เรา...รักกันแบบนั้นไม่ได้นะค่อกแค่ก..."
"ทำไมล่ะถ้วย รึว่าเพราะแต๊กเป็นน้องถ้วยมาตั้งแต่แรก งั้นถ้าเรียกได้ แตีกจะไม่ยอมเป็นน้องสาวถ้วยเลยตั้งแต่แรก!!" เขามองเห็นเววสั่นเทาให้ตาเขา ทำไมล่ะ เขามีเหตุผลอะไรถึงได้ปฏิเสธฉัน รึว่าที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาทำให้ฉันทั้งหมด...ทั้งความห่วงใย ความรัก ความเื้อื้ออาทร และความเสียสละที่มี เป็นเพราะเขาคิดว่าฉันเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ ฉันยังจำได้ในวันแรกที่เราพบกัน..
"ทำไมพี่ชายถึงให้หนูเป็นน้องสาวล่ะคะ"
"พี่ไม่มีน้อง....พี่อยากได้น้องสาว...น่ารักๆ...ย่างนี้มานานแล้ว..."
"หนูเอง ก็ยังไม่มีพี่ชาย ความจริงหนูเองไม่มีใครเลยด้วยซ้ำมั้ง งั้นพี่ีมาเป็นพี่ชายหนูนะคะ"
"อืมม์ ได้สิ...ต่อไปนี้ เรามาเป็นพี่เป็นน้องกันนะ ค่อกแค่กอยากฟังนิทานมั้ย?"
"อยากฟังสิคะ ^^" เสียงของเด็กหญิงน้อยๆคนนั้นตอบแทบจะทันควัน
"งั้นพี่จะเล่าให้ฟังนะ...เป็นเรื่องอของพระจันทร์ กับดวงอาทิตย์ ในสมัยก่อนน่ะ...โลกของเรามีพระจันทร์ 2 ดวง..." ยังไม่ทันเล่าไปถึงไหน ผู้เป็นน้องหมาดๆ ก็ถามขึ้นขัดจังหวะเสียก่อนตามธรรมชาติของเด็ก
"อ้าววว แล้วทำไมเดี๋ยวนี้มีแค่ดวงเดียวล่ะคะ?"
"งั้นก็ฟังพี่เล่าต่อสิ...พระจันทร์ดวงนึงเป็นพระจันทร์ผู้ชาย ส่วนอีกดวงเป็นพระจันทร์ผู้หญิง พระจันทร์ทั้งสองรักักันมาก แต่วันนึงพระจันทร์ผู้หญิงเกิดหลงในความสง่างามของพระอาทิตย์ เธอค่อยๆขยับออกห่างพระจันทร์ผู้ชายเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายไป พระจันทร์ผู้ชายออกตามหาพระจันทร์ผู้หญิง หาเท่าไรก็ไม่พบ ในที่สุด พระจันทร์ผู้ชายก็ระเบิดตัวเองออกเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อออกตามหาพระจันทร์ผู้หญิง วันแล้ววันเล่า....คืนแล้วคืนเล่าผ่านพ้นไป ฝ่ายพระจันทร์ผู้หญืิง แม้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์นานๆ ก็รู้ถึงความร้อนแรงไม่เย็นสบายเหมือนอยู่กับพระจันทร์ผู้ชายของดวงอาทิตย์ พระจันทร์ผู้หญิงออกหาพระจันทร์ผู้ชายที่ได้ระเบิดตัวเองไปเรียบร้อยแล้วด้วยความรัก ความคิดถึง... แต่ก็สายไปเสียแล้ว เหมือนเป็นบทลงโทษของพระเจ้า พระจันทร์ 2 ดวงไม่อาจโคจรมาพบกันได้อีก พระจันทร์ผู้ชายได้กลายเป็นดวงดาวเล็กๆนับล้านบนฟากฟ้า โลกของเราจึงเหลือพระจันทร์ดวงเดียว และที่สังเกตได้ วันใดที่พระจันทร์ส่องแสงสุกสกาว วันนั้นเราจะมองไม่เห็นดาว และในวันใดที่เรามองเห็นดาว วันนั้นย่อมไม่มีพระจันทร์ จำไว้นะ....ค่อกแค่กต้องไม่ขี้งอนหายไปให้พี่ตามหาเหมือนพระจันทร์ผู้ชาย เหนื่อยมากเลยรู้ไหม"
"คะ.....หนูสัญญา..."
ฉันปลุกตัวเองออกจากภวังความคิด ไม่มีอีกแล้วล่ะ พี่ชายคนนี้ของฉันคงเกลียดฉันไปแล้ว ฉันมันไม่เจียมตัวเอง คนหน้าตาดีอย่างเขา ไหนจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉัน...
"เข้าใจพี่นะ....พี่รักเธอมาก....แบบน้องสาว..." พี่ก๊วยเจ๋งมองฉันด้วยสายตาปวดร้าว
"ไม่...แต๊กไม่ได้ต้องการแบบนั้น -_-^^" ฉันระเบิดโทสะใส่พี่ก๊วยเจ๋งทันที พี่เขาเบือนหน้าไปทางอื่น
"พวกเมิงพาแต๊กไปส่งบ้านหน่อย กุปวดหัว ขอกลับก่อน..." แล้วพี่ก๊วยเจ๋งก็เดินจากไป เมื่อกี้เขาเรียกฉันว่า "แต๊ก" แล้วไหนล่ะที่เคยบอก....
"ไม่อ่ะ ถ้าพี่เรียกแต๊กก็เหมือนคนอื่นๆสิ พี่ไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นๆ เพราะพี่พิเศษกว่าคนอื่นๆ"
ตอนนี้พี่คงถอดยศตัวเองแล้วใช่มั้ยคะ ไม่อยากเป็น "คนพิเศษ" ของแต๊กอีกต่อไป...ของยัยค่อกแค่กคนนี้
****--****--****--****--****
หลังจากเหตุการณ์ที่พวกพี่ๆช่วยฉันวันนั้น ทำให้้พี่ๆต้องโดนพักการเรียนอย่างไม่มีกำหนด เพราะไอ้พวกนั้น สะบักสะบอมจนถึงพิการไป 2 คน... T_T แม้จะเป็นการช่วยฉันให้พ้นจากอันตรายก็ตาม แต่มันก็เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ฉันกับพี่ก๊วยเจ๋งจึงไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจ ฉันโทรไปหาพี่เค้าทุกวัน...แต่เขาไม่เคยรับสาย ฉันก้ได้แต่รอ....แค่อยากบอกพี่เค้าว่า "ขอเป็นแค่น้องสาวอย่างเดิมได้ไหม"...ทุกๆปีในวันครบรอบที่เราได้พบกัน วันที่เด็กชายตัวเล็กๆคนนึงไปช่วยเด็กหญิงผมเปียมอมแมมคนหนึ่งจากคนที่เธอ เรียกว่า "เพื่อน" นั้น ฉันมักจะเอาดอกทิวลิปสีขาวไปวางไว้หน้าบ้านเขาอย่างเงียบเชียบเสมอ...ดอกทิวลิปสีขาวของฉัน...ที่ต้องการสื่อความในใจว่า พร้อมที่จะกลับไปเป็น "น้องสาว" คนเดิมของเขา...สีขาวผุดผ่องบริสุทธิ์เหมือนความรักที่พี่ชาย-น้องสาวมีให้แก่่กัน คงต้องยอมรับในบทสรุปว่า...."ฉันเป็นได้เพียงเท่านั้น"....เท่่านั้นจริงๆ....
.......จนปีล่าสุดนี้ ฉันก็ส่งของขวัญชิ้นหนึ่งไปให้เขา เป็นพวงกุญแจเล็กๆชิ้นหนึ่งที่ฉันทำมันกับมือ พวงกุญแจรูปเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายนั่งคู่กันอยู่บนพระจันทร์เสี้ยว....สัญลักษณ์แทนฉันและเขา...ไม่ว่าจะส่งจดหมาย หรือวิธีใดก็ตาม ก็ไม่อาจทำให้พี่เค้าติดต่อกับฉันได้เลย ฉันพยายามอยู่อย่างนั้นเป็นปีๆ.....คงเหมือนในนิทานนั้นมั้ง....พระจันทร์ผู้ชายที่ระเบิดตัวเองเพื่อออกตามหาพระจันทร์ผู้หญิง ใครจะไปรู้นี่อาจเป็นการแก้เเค้นของพระจันทร์ผู้ชายที่ต้องให้พระจันทร์ผู้หญิงอย่างฉันออกตามหาล่ะมั้ง.....ถ้าระเบิดตัวเองได้คงทำไปแล้ว.
...การห่างเหินของพี่ก๊วยเจ๋งมาพร้อมๆกับการเข้ากับกลุ่มเพื่อนใหม่ของฉัน "พิศ" เด็กสาวที่ดูเหงาและว้าเหว่คนนั้น กลายมาเป็นกลุ่มใหม่ของฉัน เธอเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น "พริตตี้" นอกจากพริตตี้แล้วยังมีเพื่อนๆคนอื่นอีก ทั้งเอะริ ยูกะ หลายๆคน แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกัน คือความ "ไม่เข้าใจ" จากครอบครัว ความว้าเหว่และความเหงา เป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกเรามั้ง...และนั่นเองทำให้ฉันกลายเป็นเด็ก "ร้ายและแร่ด" อย่างเต็มตัว....ทุกวัน....ฉันยังคิดถึงพี่ก๊วยเจ๋งของฉันเสมอ แม้รู้ตัวดีกว่า สิ่งที่คิดไปนั้น ไม่อาจที่เราไม่อาจย้อนเข็มนาฬิกาให้หวนคืน...แล้วฉันจะจำเป็นต้องสนใจใครอีกล่ะ นอกจากตัวฉันเอง ในเมื่อฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว? "รักตัวเองให้มากๆ" นั่นล่ะ คือนิยามใหม่ของฉัน
....และแล้วตอนเปิดเทอมขึ้น ม.3 ของฉันนั่นเอง....."พี่ๆ" ก็กลับมา....พี่ทุกคนยังเหมือนเดิม พี่เม้งก็บ่นประปอดกระแปดบ้างที่ต้องเสียเวลาเรียนไปถึง 2 ปี เพราะตอนพี่เค้าโดนพักการเรียนนั้นยังไม่จบ ม.4 ครูจึงให้กลับมาเรียนซ้ำ ม.3 ใหม่ ซึ่งนับเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับฉันพอดี ส่วนพี่ซีอิ๊วน่ะเหรอ ดีใจล่ะสิไม่ว่า อยู่กับเด็กรุ่นน้อง จะได้เตี้ยกลืนๆกัน...พี่โดโด้กับพี่เฟิร์ส โนคอมเม้น เพราะคิดว่าแง่ดีคือได้เหล่สาวรุ่นน้องถนัดๆ -_- ส่วนพี่เดวิล ไม่รู้คิดอะไรขึ้นมา เขาเปลี่ยนชื่อตัวเองจากเดวิล มาเป็น "โน้ต" คงเพราะไม่ต้องการให้ใครจำได้นั่นแหละ ก็ชื่อเสียงพี่แกออกจะดังกระ ฉ่อนซ่ะขนาดนั้น ใครๆก็รู้จักเดวิล แต่ชื่อนี่สิ เชยซ่ะ ตั้งได้ไงอ่ะ-_-;; ก็เข้าใจนะ....ใครๆก็อยากลืมเรื่องเลวร้ายในชีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ส่วนพี่ก๊วยเจ๋ง....ยังเหมือนเดิม เขาไม่แม้แต่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ เวลาเราเดินผ่านกัน มีแต่..สายตาอันว่างเปล่า....เหมือนคนไม่เคยรู้จัก เท่านั้นแหละ...ฉันกับพวกพี่ๆเขาจึงกลายเป็น "คนที่แทบไม่รู้จัก" ไปโดยปริยาย (แต่ก็บ่อยนะ ที่ฉันเข้าไปทำกระแนะกระแหนกับพี่เฟิร์ส เพราะอยากดูปฏิกิริยาของพี่ก๊วยเจ๋ง แต่ขอโทษคะ...ไม่มีเลย!!).....เส้นทางของ 2 เรา ห่างไกลกันขึ้นเรื่อยๆ จนฉันคิดว่าแทบไม่มีวันมาบรรจบกันได้อีกแล้ว ...เหมือนเส้นตรง 2 เส้นที่ถูกขีดลากไปบนถนนเส้นเดียวกัน วิ่งคู่ขนานกัน ทว่า...ไม่อาจมาบรรจบเป็นเส้นเดียวกันได้ ฉันกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า "มนุษย์พลาสติก" ทุกอย่างคือเงินทองและของแบรนด์เนม ช่วยไม่ได้ สังคมมันเสี้ยมสอนฉันมาแบบนี้นี่...
และในวันนึงกำแพงในใจของฉันก็พังทลายลง....ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา....ฉันจะไปทำความเข้าใจกับเขาให้รู้ิเรื่อง ฉันสาวเท้าเข้าไปที่ห้องของเขาทันที.....
"ถ้วย..." เสียงของฉันแผ่วเบาและหายไปในลำคอในที่สุด ภาพที่ฉันเห็น เขายืนจูบกับผู้หญิงคนหนึ่ง....ผู้หญิงคนที่ฉันคิดว่าเป็น "เพื่อน"... ยูกะ!! ฉันร้องไห้ออกมา พอกันทีกับชีวิตแบบนี้ฉันจะไม่โง่เจ็บกับความหลังแบบนี้อีกแล้ว....และวันนั้นแหละ...ทำให้ฉันเป็น "มนุษย์พลาสติก" เต็มตัว สิ่งที่ฉันทำทุกอย่าง ฉันทำเพื่อ "ตัวเอง"เท่านั้น ฉันกลายเป็นคนฉาบฉวย เป็นพวกวัตถุนิยม...ฉันทำเชิ่ดใส่พวกพี่ๆ ที่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดี....
วันเวลาผ่านไปโดยฉันไม่เคยคิดจะสนใจมัน ฉันเฝ้าสังเกตพี่ๆทุกคนอย่างเงียบๆ พี่เดวิลกับพี่เฟิร์สมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ส่วนพี่โดโด้ยังไม่ประสบความสำเร็จกับการเหล่สาวนัก....แหม...ก็สาวสมัยนี้เค้าไม่ค่อยชอบของดำกันนี่คะ....
"นี่แต๊ก...ฉันล่ะหมันไส้นังเตี้ยนั่นนัก...ดักตบมันให้รู้แล้วรู้รอด" พริตตี้เดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ยัยเตี้ยที่เธอว่า คงหมายถึง "จิน" แฟนพี่เดวิล หรือ โน้ต
"เธอปล่อยๆเค้าไปเถอะ โน้ตเขาไม่มีวันหันมาสนใจเธอหรอก" ฉันปลอบอย่างอ่อนใจ
"เอ๊ะ นี่แต๊กเธอเป็นเพื่อนใครกันแน่....ไม่ได้ ถ้ารักแล้ว ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เค้ามาครอบครอง ฉันไม่ยอมหรอก" พริตตี้บอกกับฉัน สำหรับเธอ "รัก" คือการครอบครองเป็นเจ้าของ สำหรับฉัน "รัก" คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุขล่ะมั้ง เมื่อก่อนฉันเคยหัวเราะกับไอ้นิยามความรักงี่เง่าพวกนี้ วันนี้แหละที่ได้รู้ซึ้งกับมัน....
...วันเวลาผ่านล่วงไปอีกครั้ง คราวนี้พวกเราขึ้น ม.6 กันแล้ว ฉันใช้ชีวิตเด็กมัธยมปลายอย่างไม่มีแก่นสาร หลายคนบอกว่า เวลาจะทำให้เราลืมเลือนบางอย่างได้ ลบรอยแผลบางรอยได้ แต่คงไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันยังคงตราตรึงทุกอย่างไว้ในหัวใจ รู้ว่าเจ็บ แต่ก็ยินดีจะจำ...
"พริตตี้ ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ"ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ ฉันไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำหรอก แต่ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก...ฉันอยากอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่จะไม่มีผู้ชายคนนั้นลอยอยู่เต็มสมอง!! ฉันเดินไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการไปที่ไหน..
...และแล้ว...ขณะที่ฉันกำลังเดินเหม่อลอยราวกับร่างไร้วิญญาณอยู่นั้น ร่างของคนคุ้นตาคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา เข้ามองสบตาฉันเพียงชั่วครู่ ก่อนจะมองเลยไป...เหมือนไม่เห็นฉันคนนี้...ตาฉันเริ่มร้อนผ่าว ได้แต่ปลอบโยนตัวเองในใจว่า "เข้มเเข็งไว้" แต่ฉันรู้ดีว่า ความเข้มเเข็งของฉันมันมลายหายไปตั้งแต่ที่เขาจ้องมองฉันราวกับอากาศธาตุนั้นแล้ว...เขาเดินจากไปนานแล้ว...แต่ทว่า...ฉันคนนี้ยังยืนอยู่ที่เดิม ฉันสูดหายใจลึกๆ1 ครั้งก่อนจะเริ่มต้นเดินต่อไป แต่แล้วก็สายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่พื้น ซึ่ง "เขาคนนั้น" เพิ่งเดินผ่านไป....
พวงกุญแจตุ๊กตารูปเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายนั่งบนพระจันทร์เสี้ยวมันถูกร้อยโยงไว้กับสร้อยคอเส้นหนึ่ง ฉันยืนมองมันด้วยความรู้สึกแปลกใจ....เขาเก็บมันไว้ด้วยเหรอ...ดูเหมือนเขาจะเก็บมันไว้กับตัว...ถ้วย...ถ้วยจะทำอย่างนี้ทำไม...ในเมื่อ ถ้วยเกลียดแต๊กแล้ว?
"ขอโทษนะครับ นั่นของผม.." เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างๆตัวฉัน ฉันจำได้ดี เสียงนั้น....นี่คงเป็นประโยคแรกสินะ ที่เขาพูดกับฉันในหลายปีนี้...ฉันค่อยๆเงยหน้ามองเขา...ใบหน้านั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ พี่ก๊วยเจ๋งในวัย 19 ปี ร่างสูง ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลเข้มนั้นส่องประกายเมื่อต้องกับแสง
"ขอของผมคืนด้วยครับ" พี่ก๊วยเจ๋งเรียกฉันอีกครั้ง ฉันหน้าแดงก้มหน้าทันที เพราะรู้ตัวว่าเมื่อกี้จ้องเขามากเกินไป ใจอยากจะเข้าไปกอดแล้วบอกเขาว่า "คิดถึงจังเลย"แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาราวกับคนไม่รู้จักคู่นั้นแล้ว ฉันก็ส่งพวงกุญแจนั้นให้เขาทันที...เขาเดินจากไปอีกครั้ง นี่ล่ะนา...คือฉัน ได้แต่เฝ้ามองเขาเดินจากไป ทุกครั้ง...ทุกครั้ง...โดยไม่อาจเหนี่ยวรั้งไว้ได้เลย...
"ถ้วย...." ในวินาทีนั้นเอง ฉันตัดสินใจเปล่งเสียงเรียกเขาออกไป แม้รู้ว่า มันอาจไม่มีประโยชน์ใดๆเลยก็ตาม พี่ก๊วยเจ๋งหยุดเดิน เสี้ยวหน้าหนึ่งของเขาหันมามองฉัน...
"ถ้วย....เค้ายังรอถ้วยอยู่นะ..." ฉันก้มหน้าแล้วพูดประโยคนั้นออกไปจนได้ พี่ก๊วยเจ๋งหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น....แต่ก็แค่แป๊ปเดียว แล้วเขาก็เดินจากไปอีกครั้ง...โดยไม่มีคำตอบรับใดๆ...นั่นสินะ...มันไม่มีประโยชน์ เข็มนาฬิกาของฉันหยุดอยู่ที่เดิม ในขณะที่เข็มของพี่ก๊วยเจ๋งเลยผ่านไปแล้ว และไม่เคยหมุนกลับมาอีกเลย...พอกันทีกลับการรอคอย...
.....และแล้วฉันก็เรียนจบ ม.ปลาย ฉันเริ่มต้นใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าแพงลิบลั่ว เพียงชั่วระยะ้เวลาไม่กี่เดือน ฉันก็กลายเป็นดาวคณะ ไปไหนมาไหน มีแต่คนรุมล้อมเต็มไปหมด แต่ชั่วชีวิตฉัน สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเจอ คือ... "ความจริงใจ" สังคมคนเราก็เช่นนี้แหละ ฉันรู้ดี คนมากมายที่ปั้นหน้ายิ้มทักทายเป็นเพื่อนฉันนั้นล้วนแล้วแต่ใส่หน้ากาก เพื่อหาประโยชน์ใส่ตน ใช่...หลายปีมาแล้ว ที่ฉันไม่เคยได้รับความจริงใจจากใคร ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่เคยจริงใจกับใครเหมือนกัน นับว่าเป็นหลัก demain-supply ที่สมดุลจริงๆ...และแล้ววันหนึ่งในขณะที่ฉันเปิดล๊อกเกอร์ใส่ของ ฉันก็เจอกับซองสีน้ำตาลเข้ม เหมือนซองไปรษณ๊ย์ ทีแรกฉันกะจะโยนทิ้ง เพราะคิดว่ามันคงเป็นจดหมายสารภาพรักเหมือนทุกๆครั้ง ที่มักจะอัดรวมอยู่ในตู้ฉันเต็มไปหมด แต่แล้วฉันก็สะดุดตากับข้อความบนนั้น...
"ถึง...ยัย ค่อกแค่ก เด็กขี้แย..." ฉันรีบเปิดซองขึ้นมาดูทันที ไม่ผิดแน่..นั่นคือลายมือของพี่ก๊วยเจ๋ง ข้างในซองมีแผ่นวีซีดีแผ่นหนึ่ง พร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง...ฉันคลี่มันออกอ่าน
"ยัยค่อกแค่ก...
พี่รู้ดี เธออาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว เมื่อเธออ่านถึงตรงนี้ เธออาจจะโมโหจนขยำมันทิ้งลงถังขยะเลยก็ได้ แต่พี่ไม่ได้จะแก้ตัวกับการกระทำใดๆ เพียงแต่พี่อยากอธิบายให้เธอรู้...หลายปีที่ผ่านมา พี่ก็ไม่ได้มีความสุขกับการกระทำของพี่เลย รู้ไหม?...ค่อกแค่ก...เธอเปิดวีซีดีดูนะ พี่ไม่ค่อยถนัดเขียนจดหมายซ่ะด้วยสิ...."
ฉันเก็บจดหมายฉบับนั้นลงกระเป๋าอย่างเบามือที่สุด ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข คงเป็นครั้ื้้งแรกละมั้ง...หลังจากที่นานแสนนานมาแล้ว ไม่ได้ยิ้มอย่างนี้....ฉันรีบกลับบ้านไปเปิดซีดีแผ่นนั้นดูทันที วินาทีแรกที่เปิดมันขึ้นมา รูปพี่ก๊วยเจ๋งก็ปรากฏอยู่บนจอ ยิ้มแบบเขินๆ
"หวัดดี ยัยค่อกแค่ก...พี่ไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไงดี? แต่..อืมม์....ก่อนอื่นพี่คงต้องขอโทษนะ....ยัยค่อกแค่ก...พี่...พี่รักเธอ...ไม่ได้รักแบบน้องสาว แต่รักแบบผู้ชายคนนึงที่รักผู้หญิงคนหนึ่งพอใจมั้ยล่ะ?" ใบหน้าของเขาขึ้นสีจัดฉันเองดูภาพนั้นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา...แต่ก็หัวเราะไปด้วย ฉันบ้าไปแล้วรึเปล่าเนี่ย..
"พี่รักเธอมานานแล้วล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไร...แต่พอวันนั้นเธอบอกว่ารักพี่แบบนั้น..พี่ดีใจมากรู้มั้ย...แต่...ค่อกแค่ก...เรารักกันไม่ได้..." สีหน้าสีก๊วยเจ๋งเศร้าลงไปถนัดตา "ไม่ใช่ว่าเพราะเรา เป็นพี่น้องกันมาก่อน รึว่าเหตุผลอะไรก็ตาม เธอรู้มั้ย พี่ไม่อยากจะทำอย่างนี้เลย พี่รู้ว่าเธอคงเจ็บ เธอคงเกลียดพี่มาก พี่ก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน...ฟังนะ...พี่เป็นโรค พี่ไม่เเข็งแรง พี่เป็นฮีโมฟีเลีย บี* เป็นมาตั้งแต่เด็ก มันติดต่อทางพันธุกรรม พี่....อยู่ได้อีกไม่นาน...พี่....พี่..." เสียงของเขาขาดหายไปชั่วครู่ พี่ก๊วยเจ๋งเบือนหน้าไปทางอื่น สักพักเขาก็หันกลับมาใหม่ พยายามปั้นยิ้มให้กล้อง
"ค่อกแค่ก แล้วพี่ก็รู้ว่าเธอรักพี่มาก ต่อไป...เธอคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่...วันนั้นที่พี่ไม่ได้ไปส่งเธอ เพราะพี่ไปหาหมอ...มันไำม่มีทางรักษา เข้าใจพี่นะ...ลืมพี่ซ่ะเถอะ ค่อกแค่กน่ารัก ต้องเจอคนดีกว่าพี่เป็นไหนๆ วันที่เธอได้รับ ซีดีแผ่นนี้ เธอไม่ต้องพยายามตามหาพี่นะ....เพราะเธอหาไม่เจอแน่ๆ ไม่ต้องร้องไห้นะค่อกแค่ก พี่ไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้เลย อย่าร้องไห้ รู้มั้ย เด็กขี้แย เดี๋ยวไม่สวย โตแล้วนะ..."
พี่ก๊วยเจ๋งยิ้ม..ฉันรู้เขาพยายามฝืนยิ้มออกมาเต็มที่ แล้วเขาก็ร้องไห้ออกมา...ฉันมองภาพนั้น แล้วรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาไหลรินออกมาราวกับเขื่อนแตก...ฉันทุบทีีวีราวกับคนบ้าแล้วร้องไห้ไปด้วย..
"จำไว้นะ ค่อกแค่ก อย่ามองว่าโลกนี้ไม่มีใคร...เวลาเธอเหงา มองขึ้นไปบนฟ้านะ จำได้มั้ย? ตอนเด็กๆเรานอนดูดาวกันบ่อยจะตาย แล้วที่พี่เล่านิทานให้ฟังไง เรื่องของพระจันทร์น่ะ...เราไม่ได้จากกันนิรันดรแบบนั้นสักหน่อยนะ....ยัยขี้แย...ถึงตัวพี่จะไม่อยู่ใกล้ๆ แต่พี่สัญญานะ ว่าพี่จะคอยดูแลอยู่บนโน้น แล้วอย่าลืมอุ้มหลานมาโบกมือบ๊ายบายพี่บนท้องฟ้าด้วยล่ะ....ลืมพี่เถอะนะ..เรื่องของเรา...มันเป็นแค่อดีตไปแล้ว...พี่ต้องไปแล้ว แต่ค่อกแค่กยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป...ทำให้พี่ได้ใช่มั้ย? พี่เชื่อมั่นในตัวคนที่พี่รักเสมอ...อ๋อ...ขอบคุณนะ...สำหรับของขวัญนะ....ดอกทิวลิปสวยมาก แต่ถ้าเป็นไปได้พี่ขอดอกกุหลาบแทนดีกว่า เพราะพี่ไม่ได้รักเธอแบบน้องสาว....พวงกุญแจก็น่ารักดีนะ...คงทำเองล่ะสิ ดูก็รู้เลย...อิอิ พี่คงต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ...พี่เชื่อ ว่าเธอทำ...เพื่อพี่ได้..."
ซีดีแผ่นนั้นจบไปนานแล้ว แต่ฉันกลับยังนั่งกองอยู่อย่างนั้น น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปหมด...ฉันไม่รู้ ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร...แต่พอฉันได้สติ..ฉันก็ลุกขึ้นแล้วออกตามหาเขาทันที....ทุกๆที่ที่เราเคยไปด้วยกัน...ทุกๆที่ ที่ฉันไปได้ ฉันไปมาหมด...แต่ก็อย่างที่เขาว่า...ไม่มีแม้แต่เขาของเขาเลย....
ถ้วย...ถ้วยอย่าทรมานแต๊กอย่างนี้สิ...
ฉันออกหาเขาอย่างกะคนบ้าอย่างนั้นอยู่เป็นเดือนๆ คงเหมือนพระจันทร์ผู้หญิงที่คิดได้แล้วออกตามหาคนรัก...เนื้อตัวฉันโทรมจนแทบไม่เหลือมาดของดาวคณะ....และแล้ววันหนึ่งที่ฉันกำลังจะสิ้นหวังนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น...ฉันไม่ได้สนใจจะรับ แต่มันก็ดังติดต่อกัน ฉันจึงหยิบขึ้นมารับด้วยความรำคาญ...
"ฮัลโหล..."ฉันกรอกเสียงลงไป มีเสียงผู้หญิงตอบกลับมา....
"แต๊ก...พี่ก๊วยเจ๋งอยู่โรงพยาบาล เธอจะมาเยี่ยมเค้าไหม...เป็นครั้งสุดท้าย" น้ำเสียงนั้นปนสะอื้นเล็กน้อย ฉันรีบถามสถานที่และไปทันที..
ฉันรีบเรียกแท็กซี่แถวนั้นมาคันหนึ่งทันที แต่แล้วรถก็ติดไฟแดง ฉันตัดสินใจวิ่งลงไป....ฉันวิ่งอย่างไม่สนใจมองสายตาของคนรอบข้างที่มองมาที่ฉันราวกับเห็นคนบ้า...น้ำตาของฉันไหลรินออกมาไม่หยุด...ถ้วย...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ...ฉันวิ่งไป สะดุดล้มจนมีแผลหลายครั้ง แต่ฉันก็ยังคงลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไป จนมาถึงหน้าโรงพยาบาล ฉันรับตรงไปถามพยาบาลเเถวนั้นทันที พวกเธอมองฉันแล้วทำท่าตกใจ แต่ฉันแทบไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว....พี่ก๊วยเจ๋งอยู่ห้อง icu !! ฉันรีบวิ่งไปยังที่ๆพยาบาลบอก...บรรยากาศดูสลดหดหู่ เพื่อนๆทุกคนของเขานั่งก้มหน้า พวกพี่ๆมองหน้าฉันแล้วส่งยิ้มให้เล็กน้อย จินกับเพื่อนๆทำท่าเหมือนจะเข้ามาปลอบใจ...และ ยูกะกำลังยืนร้องไห้อยู่ ถ้าให้ฉันเดา เธอนั่นแหละ เป็นคนโทรเรียกฉันมา...
"ยูกะ....พี่ก๊วยเจ๋งเป็นยังไงบ้าง?" ฉันตรงปรี่เข้าไปหาเธอทันที...นับตั้งแต่วันที่ฉันเห็นยูกะจูบกับพี่ก๊วยเจ๋ง ฉันก็ไม่พูดกับเธออีกเลย ยูกะร้องไห้จนหน้าขาวซีด เธอค่อยๆตอบฉันออกมาด้วยประโยคที่แทบทำให้หัวใจหยุดเต้น....
"พี่....ก๊วยเจ๋ง....ไปแล้ว..."
โลกของฉันหมุนคว้างทันที ฉันหันไปมองหน้าทุกๆคน ราวกับจะให้ใครสักคนพูดขึ้นมาว่า "มันไม่ใช่เรื่องจริง" แต่ทุกคนกลับหลบตาฉัน ทำให้ฉันรู้ว่า...สิ่งที่ได้รับรู้นั้น...มันคือความจริง...
"ไม่จริงอ่ะๆๆๆ....พี่ก๊วยเจ๋งจะไปได้ยังไง...พี่ก๊วยเจ๋งทิ้งฉันไปได้ยังไง...ใจร้ายที่สุด..." แล้วรถพยาบาลคันหนึ่งก็เข็นร่างๆหนึ่งออกมา ฉันดูแว๊บเดียว ก็รู้ทันทีว่าเป็นพี่ก๊วยเจ๋ง ฉันถลาเข้าไปกอดเขาด้วยน้ำตา โลกของฉันมันดับลงแล้ว...มันจบสิ้นลงแล้ว...การตายของเขาได้พรากสิ่งหนึ่งไปจากตัวฉันด้วย....นั่นคือหัวใจ...ฉันเลิกผ้าที่ปิดคลุมใบหน้านั้นออก...พี่ก๊วยเจ๋งยิ้ม...ยิ้มเหมือนวันแรกที่ฉันพบเขาไม่มีผิด...
"อืมม์ พี่ชื่อ ก๊วยเจ๋ง" แล้ว "พี่ชาย" ก็เอามือลูบหัวฉัน
"หา?O_o ถ้วยเจ๊ง..." ฉันในวัย 6 ขวบที่ยังออกเสียงบางคำได้ไม่ชัดเจนนักพูด เขาหัวเราะ
"ไม่ใช่....เอาช้าๆนะ....ก๊วย....เจ๋ง...."
"คะ...ถ้วยยยยย.....เจ๊งงงงงงง..." คราวนี้เขาสั่นหัวแล้วหัวเราะลั่นเลย
"โหย...ยัยนี่ ทำชื่อพี่เสียหมดเลยนะเนี่ย เอ้า...ถ้วยเจ๊ง ก็ ถ้วยเจ๊ง ยัยค่อกแค่ก!!" แล้วเรา 2 คนก็หัวเราะประสานเสียงกัน ตอนนั้นนั่นแหละ ที่ฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอีกต่อไป
...ฉันมองใบหน้าพี่ก๊วยเจ๋งเป็นครั้งสุดท้าย เขาหลับตาพริ้ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับคนมีความสุข...ราวกับคนหลับใหล...ตัวของเขายังอุ่นอยู่เลย...ฉันอยากจะหลอกตัวเอง...หลอกตัวเองว่าเขาแค่เหนื่อยและหลับไป...อีกไม่นานเขาจะตื่นขึ้นมาเรียกฉันว่า ยัยค่อกแค่กได้ใหม่...แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เขาจากฉันไปแล้ว ฉันมักมาช้าำไปก้าวหนึ่งเสมอ...ไม่มีโอกาสแม้จะได้บอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย...
...ภาพความทรงจำพรุ่งพรูขึ้นมาดุจสายน้ำอันเชี่ยวกราก พี่ก๊วยเจ๋งของฉันยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆวัย 8 ขวบคนนั้นเสมอ...คนที่ไปช่วยยัยเด็กขี้แยหน้าตามอมแมมในวันนั้น...ฉันตรึงภาพสุดท้ายของเขาไว้แนบแน่นในหัวใจ...นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะ ที่ฉันจะได้สัมผัสใบหน้านี้...ร่างกายนี้ ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากคนๆนี้....
"คุณคะๆ...ต้องไปแล้วคะ" เสียงพยาบาลที่เข็นรถปลุกฉันขึ้นจากห้วงคำนึง ยูกะเข้ามาดึงเเขนฉันออกห่าง ฉันรู้...เธอเองก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าฉัน..
"เอ่ิอ...น้องผู้ชายคนนี้ เขากำอะไรไว้ในมือตลอดเวลาเลยอ่ะคะ...นี่คะ...น้องเป็นแฟนเค้าใช่ไหมคะ..." พี่พยาบาลคนนั้นส่งบางอย่างให้ฉัน...มันคือ พวงกุญแจรูปเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายนั่งอยู่บนพระจันทร์เสี้ยวที่ถูกร้อยเป็นสร้อย กับกระดาษแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่ง ที่ถูกเขียนด้วยลายมืออันสั่นเทา...
"ว่าไง ยัยตัวยุ่ง คงตามพี่เจออีกสิ...ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ใช่มั้ย ไม่ต้องร้องนะ..พี่บอกแล้ว ไม่สวยเลย...จำไว้นะ...พี่ยังอยู่ข้างๆเธอ...รักแต๊ก...
ต้องอยู่ต่อไป เพื่อพี่นะ..."
ฉันหันไปมองยุกะแล้วยิ้มให้เธอ เธอก็ยิ้มตอบให้ฉันเช่นกัน ไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้งแบบที่ฉันได้รับจากพริตตี้หรือคนไหนๆ ฉันกอดเธอแน่น...ราวกับจะซึมซับ คำว่า "มิตรภาพ" ที่เพิ่งมีโอกาสได้รับในรอบระยะเวลาหลายปีมานี้..
...พี่ก๊วยเจ๋งจากไปแล้ว ในขณะที่ฉันยังคงต้องอยู่ต่อไป ฉันก้มลงมองเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่บนพระจันทร์เสี้ยว เขารู้ไหมนะ? ว่าเขาได้ทิ้งเด็กผู้หญิงคนนั้นได้เดียวดายเพียงลำพัง ไม่รู้อุปทานไปเองรึเปล่า...ฉันเห็นเด็กผู้ชายส่งยิ้มปลอบโยนมาให้ฉัน เขากำมือเด็กผู้หญิงแน่นเหมือนกับจะสื่อว่า "ฉันจะอยู่ข้างเธอตลอดไป"...สายลมพัดพาเอาความหนาวเหน็บแห่งราตรีกาลมาอีกครั้ง มันพัดเอื่อยๆมาระลอกแล้ว....ระลอกเล่า จนน้ำตาที่เคยเกาะพราวอยู่บนใบหน้าฉันเริ่มเหือดแห้ง...สายลมที่พัดมาราวกับจะส่งสาน์นกระซิบจากใครคนหนึ่งที่อยู่ไกล...ไกลแสนไกลมาถึงฉัน...คืนนี้ฟ้ากระจ่างนัก เต็มไปด้วยดวงดาวที่เบียดกันเฉิดฉายบนผืนฟ้ากว้าง และแน่นอน...หากคืนใดที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาว...คืนนั้นย่อมไร้พระจันทร์...ฉันคลี่ยิ้มบางๆให้กับดวงดาว การจากกันของฉันกับเขาไม่ใช่การจากกันนิรันดร...ฉันมองท้องฟ้าแล้วเกิดความสงสัยเหมือนตอนเด็กๆขึ้นมาอีก แม่จะอยู่บนดาวดวงไหนกันนะ...สงสัยต้องไปถามพ่อซ่ะแล้ว ^__^ เอ..-_-a ไม่แน่นะ..ตอนนี้แม่ักับเขาอาจยืนมองฉันลงมาจากที่ไหนสักแห่ง...คงเป็นที่ที่ไกลแสนไกล..
...มองดาราพราวพร่างกลางฟ้ากว้าง...
ฟ้ากระจ่างจันทร์ฉายกว่าคืนไหน
แต่ทุกสิ่งกลับไม่มี...ความหมายใด
เมื่อเธอ...ที่ 1 ของใจ ไม่กลับมา
...ส่งความรักฝากไปกับดวงดาว
ให้บอกกล่าวมาคิดถึงเธอแค่ไหน
ในวันนี้ที่อ้างว้าง...ไม่เหลือใคร
แค่รู้ว่าเธอยังอยู่ใกล้ใกล้...ก็อุ่นใจเกินพอ..
พี่จะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของต๊อกแต๊กตลอดไปนะคะ... ...ยัยค่อกแค่ก...
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆน้าค้า : ฮีโมฟีเลีย บี
ฮีโมฟีเลีย เป็นโรคที่เกิดจากปัจจัยการแข็งตัวของเลือดตัวใดตัวหนึ่งผิดปกติ จึงมีเลือดออกง่าย หยุดยากและถ่ายทอดโรคทางกรรมพันธู ที่พบบ่อยมี 2 ชนิดคือ ฮีโมฟีเลีย เอ )ร้อยละ 80-86) และฮีโมฟีเลีย บี (ร้อยละ 15-20) ฮีโมฟีเลีย เอ เกิดจากการขาดปัจจัยการแข็งตัวในเลือดที่มีชื่อว่า แฟกเตอร์ 8 ส่วนฮีโมฟีเลีย บี เกิดจากการขาดปัจจัยการแข็งตัวในเลือดที่มีชื่อว่า แฟกเตอร์ 9 สาเหตุที่ทำให้ขาดแฟกเตอร์ดังกล่าวก็เนื่องจากมีความผิดปกติของยีน และพ่อแม่ถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติให้แก่ลูก......
ผลงานอื่นๆ ของ knibad~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ knibad~
ความคิดเห็น