ชายตัวเหม็นผู้น่ารังเกียจ ตอน 1 - ชายตัวเหม็นผู้น่ารังเกียจ ตอน 1 นิยาย ชายตัวเหม็นผู้น่ารังเกียจ ตอน 1 : Dek-D.com - Writer

    ชายตัวเหม็นผู้น่ารังเกียจ ตอน 1

    เพิ่งลองหัดแต่งเรื่องสั้น ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    36

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    36

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 58 / 01:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      การไปโรงเรียนของผมในแต่วัน มันแตกต่างกับเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันที่ตื่นเช้าไปโรงเรียนด้วยความสุขสดใส นั้นก็เพราะ ผมจะต้องมาโรงเรียนด้วยรถคันเก่าๆ ของชายที่ใส่เสื้อผ้าเก่าไม่แพ้รถ มาส่งที่หน้าโรงเรียนทุกๆ  นั้นคือจุดเริ่มต้นของการโดนเพื่อนล้อทุกๆ วัน และผมมักจะได้ฉายาใหม่ๆ จากเด็กที่โรงเรียนตั้งขึ้นเสมอและที่ดูจะกลายเป็นชื่อเล่นใหม่ของผมเลยก็คือ ไอ้เหม็นแม้ว่าตัวผมจะอาบน้ำแปรงฟันมาอย่างดีแค่ไหน แต่คำพูดของเด็กที่ต้องการความสนุกปาก  ก็ทำให้คนรอบข้างมองผมด้วยความน่ารังเกียจเสมอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนิทกับผมเลยก็ตาม

       

      ใช่.. มันไม่ได้เป็นเพราะผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นเพราะรถคันเก่าๆ คันนั้นกับชายที่ไม่โกนหนวด ใส่แว่นกันแดดปลอมๆ และเสื้อผ้าขาดๆ ที่ขับรถมาส่งผมต่างหาก  ด้วยความคิดแบบนี้มันเป็นเหมือนตะปูที่ถูกตอกซ้ำๆ จนในที่สุดมันก็มิดลงไป พร้อมกับความโมโหที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น และกลายเป็นความเกลียด  พร้อมกับหาใครสักคนมาเป็นผู้ผิดในเรื่องนี้ และนั้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อของผมเอง

       

      เย็นวันหนึ่ง ที่เป็นเหมือนทุกๆ วันหลังจากที่ผมไปโรงเรียนอย่างสะอาด แต่กลับมาอย่างสกปรกจากคำพูดของเด็ก ที่มีชีวิตเหมือนเลือกเกิดได้พวกนั้น  ผมกลับมาด้วยรถประจำทางเพราะนี่เป็นเวลาที่พ่อของผมทำงาน พอกลับถึงบ้านก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดนักเรียนออกอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าผมไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าเรียนที่ไหน จากนั้นเข้าไปหยิบจานใบเก่าที่ใช้มานานจนลายบนจานจางไปแทบทั้งหมด ตักข้าวที่ถูกหุ้งไว้ตั้งแต่เช้าลงบนจาน ผมพยายามกดเม็ดข้าวให้ปิดลายบนจานที่ซีดจาง ราวกับใจของผมเองไม่อยากยอมรับว่ากำลังจะต้องกินข้าวบนจานเก่าๆ ใบนี้ และในตอนนั้นเองชายที่ไปส่งผมในตอนเช้าก็เดินเข้ามาจากประตูหน้า แล้วตะโกนเข้ามาด้วยเสียงแหบแห้งว่า ตักให้พ่อด้วยสิผมหันไปมองตัวของเขาที่ดูแล้วสกปรก เหม็นและเต็มไปด้วยเหงื่อ เดินเข้ามานั่งรอ ทันใดนั้นเองเสียงในใจผมก็ตะโกนขึ้นมาว่า นี่ไงละ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดผมกำจานในมือแน่น ก่อนจะเดินไปกระแทกมันลงบนโต๊ะ    ใช่แล้ว มันไม่ใช่การวาง แต่มันคือการกระแทก เพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่า ผมกำลังไม่พอใจ แล้วเดินขึ้นบันไดไม้ไปนอนที่ชั้นสอง ทิ้งให้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงหน้าจานข้าวที่วางอยู่เปล่าๆ โดยยังไม่มีกับข้าวอะไรมาเสิร์ฟ

       

      ในเช้าวันต่อมา เป็นช่วงเวลาที่เหมือนๆ กับทุกวันอีกครั้ง ผมอาบน้ำโดยสบู่ในมือแน่นลงไปบนตัว เพื่อตอกย้ำถึงความสะอาดของตัวเอง ไปพร้อมกับนึกถึงคำพูดที่จะต้องเจอจากเด็กที่โรงเรียนวันนี้ว่า ไอ้เหม็นอีกแน่นอน  จากนั้นลงมานั่งด้านล่างแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อรอฟังเสียงดังๆ ของรถสภาพเก่าๆ ที่จะมารับผมไปส่ง แต่แล้ววันนี้ เขาก็ไม่มา ผมโมโหมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้ผมจะต้องไปสาย จะต้องยืนหน้าเสาธง จะต้องโดนประจานหน้าชั้น และที่แย่กว่านั้น เพราะมันไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นผม...

       

      ผมเตรียมตัวออกจากบ้านโดยเร็ว เดินเข้าไปในครัว เพื่อลองดูว่ามีอะไรพอรองท้องได้ แต่ต้องเจอกับจานสีซีดใบเมือวานวางอยู่บนโต๊ะอาหารเล็กๆ นั้น โดยที่ไม่มีจานกับข้าว หรือข้าวเหลือแม้แต่เม็ดเดียว  ไม่มีเวลาจะเก็บมันล้างหรอกนะผมเตือนตัวเองก่อนที่จะหยิบกล้วยใบเล็กในตู้แล้วออกมาจากบ้านในทันที ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียน ถ้านั่งรถใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่ถ้าเดิน แน่ละว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที นั้นทำให้ผมจำเป็นต้องวิ่ง วิ่งด้วยขาเล็กๆ ทั้งสองข้างออกมาจากบ้าน เพื่อตรงไปยังโรงเรียน

       

      ในระหว่างทางที่วิ่ง ผมเห็นเด็กโรงเรียนเดียวกัน นั่งอยู่บนรถคันหรูที่ผมไม่อาจจินตนาการได้ว่า เบาะกับแอร์ในนั้นจะสบายสักแค่ไหน บางคนที่ผ่านไปหันมามองผมที่กำลังวิ่งอยู่  และไม่นานนักก็ได้เวลาคำที่ไม่อยากได้ยิน  เฮ้ย!! นั้นมันไอ้เหม็นนิเสียงที่ดังมาจากด้านหลังของผม นั้นทำให้ผมหันไปมองแม้ว่านั้นจะไม่ได้เป็นชื่อเล่นก็ตาม ผมได้เห็นใบหน้ามีความสุขของเด็กพวกนั้นที่กำลังเห็นผมวิ่ง แน่นอนว่าด้วยอารมณ์ตอนนั้นผมโมโหมาก และสะดุดล้มลง พร้อมกับเสียงหัวเราะดังๆ  ที่ค่อยๆ ไกลออกไปบนรถคันหรู ผมร้องไห้ด้วยความคับแค้นในที่ทำอะไรไม่ได้ และก้มหน้ามองพื้นถนน และในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนที่แหบแห้งของชายที่ผมคุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมกับรถสีเขียวคันใหญ่ มาพร้อมเสียงดังเป็นจังหวะ ปี้บ ปี้บ ปี้บ มาจอดใกล้ๆ   ขอบคุณมากที่มาส่งนะนั้นเป็นเสียงที่ทำให้รถคันใหญ่คันนั้นเลี้ยวกลับออกไป ทิ้งให้ผมก้มหน้าร้องไห้โดยที่มีชายอีกคนที่ลงมาจากรถ เดินเข้ามายืนใกล้ๆ แม้ว่าผมจะไม่ต้องหันขึ้นไปมอง ผมก็รู้ดีว่านั้นคือพ่อของผม ที่มาพร้อมรถเก็บขยะคันใหญ่

       

      มือที่หยาบกร้านยืนมาจับที่แขน ก่อนจะพยุงผมขึ้นแล้วถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่าลูกนั้นยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก เพราะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มันไม่ได้ช่วยให้ผมไปถึงโรงเรียนได้ มันไม่ได้ช่วยให้ผมมีความสุข แต่มันกลับตอกย้ำถึงความเป็นต้นเหตุของ ไอ้เหม็นเพราะไอ้รถคันใหญ่นั้นมันกลิ่นแรงสุดๆ ผมกลืนน้ำลายในคอก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า ถ้ามาด้วยรถแบบนั้น พ่ออย่ามาซะดีกว่าคำพูดนั้นทำเอาชายคนนั้นถึงกับนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะตอบว่า  รถพ่อเสีย เลยขอให้เพื่อนขับผ่านมาส่ง  คำแก้ตัวที่แม้ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจก็ไม่ได้ลดความโมโหของผมลงได้เลย ผมปัดมือของชายคนนั้นออกจากแขน ก่อนจะก้มหน้าเดินไปโรงเรียนคนเดียว โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก

       

      สิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนในวันนั้น เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ผมถูกทำโทษ ถูกล้อ ถูกแกล้ง ตั้งแต่ไปถึงโรงเรียน จนในที่สุดมันผ่านไปอีกวัน ผมกลับมาถึงบ้านแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องครัว จานสีซีดใบนั้นหายไป แต่กลายเป็นผัดไทย 2 ห่อ  ในตอนนั้นชายผู้ที่ซื้อมันก็เดินลงมาจากชั้นสอง พ่อซื้อมาไว้ให้ รีบกินสิ มันยังร้อนอยู่ มันเกิดคำถามขึ้นในใจของผมทันทีว่า ทำไมผมต้องกินของที่ได้จากตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดด้วย นั้นทำให้ผมไม่ลังเลที่จะหยิบห่อของตัวเองขว้างมันออกให้พ้นสายตา  ผมไม่กิน ทำไมผมต้องกินด้วย ผมไม่เหม็นเหมือนพ่อ  ถ้าคุณคิดจะทำให้ใครสักคนโมโหแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าวิธีนี้มันได้ผล  ชายที่เคยเป็นคนใจเย็นก้าวลงจากบันไดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟาดมือหยาบๆ ลงบนหน้าของผม แม้ว่ามันจะไม่ได้แรงมาก แต่ก็ทำให้มันเจ็บน้ำตาเล็ดได้   

      ทำไมถึงพูดแบบนี้!”  เสียงตะคอกที่เต็มไปด้วยความโกรธ ทำเอาผมยืนนิ่งเงียบก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบไม้กวาด และเดินตามไปยังห่อผัดไทยที่ตอนนี้กระจายกลายเป็นเพียงเศษอาหารอยู่บนมุมห้อง ผมตัดสินใจไม่ตอบอะไรเดินขึ้นชั้นบนหน้าห้องพร้อมกับล็อคประตู

       

      ปี้บ ปี้บ ปี้บ  เสียงนั้นทำเอาผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ผมออกไปมองที่หน้าต่างเห็นพ่อกำลังเดินออกจากประตูบ้านไปขึ้นรถคันนั้น แล้วก็หายลับไป ผมไม่แน่ใจว่าหลับไปนานแค่ไหน แต่ที่รู้แน่ๆ คือผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนเย็น นั้นทำให้ผมไม่ลังเลที่จะออกห้องแล้วเดินลงมาหาอะไรรองท้อง ผมเจอกับผัดไทยอีกห่อ ที่มันไม่น่าจะเป็นของผม แต่มันกลับวางรอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่าตอนนี้มันเป็นของผมแล้ว แม้ว่ามันจะเย็นสักแค่ไหน แต่ด้วยความหิว นั้นทำให้ความอร่อยของมันเพิ่มมากขึ้นชนิดที่ไม่ต้องปรุงเลย

       

      พอท้องอิ่มผมก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องก่อนจะล้มตัวลงบนฟูกบางๆ แล้วคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ มันมากมายเหลือเกิน ทั้งตอนเช้า ทั้งที่โรงเรียน แล้วที่ผมโดนตบไปในตอนเย็น ความเจ็บนั้นมันหายไปแล้ว แต่ใจผมรู้สึกเหมือนกับมันมีบางที่ไม่ปกติ เป็นความรู้สึกที่ราวกับโดนกดด้วยก้อนหินขนาดใหญ่บนหน้าอก ... ผมทำบางอย่างผิด แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นเด็กฉลาดมาจากไหน แต่ก็คิดมันขึ้นมาได้ เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนมาถึงตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นความผิดของพ่อเลย

       

      ผมกำลังเอาชีวิตตัวเองไปเทียบกับคนอื่น   กำลังเอาความสำคัญของคนที่ไม่เคยแม้แต่จะช่วยเหลือผม มาเทียบกับชายที่ทำงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้ผมมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่  ชายที่เขาพยายามเก็บเงินซื้อรถคันเก่าๆ เพื่อไปส่งไปในตอนเช้า  ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับตัวผมเริ่มเบา สมองผมเบลอไปหมด น้ำตาเริ่มคลอและไหลอย่างที่ไม่สามารถหยุดมันได้

      บางทีตอนนี้ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง และพูดอะไรสักอย่าง เพื่อให้เรื่องนี้มันถูกต้องซะแล้ว..

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×