คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ระเบิดครั้งที่ 1 l Main character
01 l 100%
TW : —
เกิดมา 11 ปีถ้วน เรเทียน่าก็ไม่เคยคาดคิดหรอกว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบที่เคยอ่านเจอในนิยายแฟนตาซีแบบนี้ ตัวเอกที่ได้ไปรับรู้การมีอยู่ของโลกที่ตัวเองไม่เคยรู้จักอะไรแบบนั้น แต่หลักฐานมันคาตาเกินกว่าจะยืนกรานปฏิเสธอย่างไร้ประโยชน์
ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดว่านี่มันเป็นความฝันนะ แต่หยิกแก้มตัวเองจนแดงก็ยังไม่ตื่น สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับความจริง
แต่คิดในแง่ดี นี่มันสุดยอดโอกาสที่จะได้ทำตามความฝันวัยเบียว! ตัดสินใจแล้ว เธอจะเป็นแม่มดที่รวยที่สุดในโลกเวทมนตร์
เรเทียน่ายิ้มอย่างอารมณ์ดี หารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในครอบครัวที่กำลังมองหน้ากันงง ๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เรเทียน่าฟื้น พวกแพทย์ในโรงพยาบาลก็วิ่งเข้าวิ่งออกห้องเธออยู่หนึ่งวันก่อนจะปล่อยตัวเธอกลับบ้าน …ที่ไม่รู้จะเรียกว่าบ้านได้ไหม เพราะมันเหมือนจะเป็นคฤหาสน์มากกว่า
หลังจากพาไปดูห้องหลัก ๆ ในคฤหาสน์เสร็จสรรพ คุณนายเอเลนก็ถามเด็กสาวเรื่องห้องที่ชอบที่สุด แม้สำหรับเรเทียน่าแล้วมันดูเหมือน ๆ กันไปซะทุกห้อง เลยเผลอตอบส่ง ๆ ไป กลายเป็นว่าจูเลียกลับตบปากรับคำอย่างหนักแน่นว่าจะให้เป็นห้องนอนส่วนตัวของเด็กน้อยไปเลย
ห้องนอนบนชั้นสองทางทิศตะวันตกจึงกลายเป็นห้องของเรเทียน่าไปโดยปริยาย แต่ถึงจะบอกว่าเป็นห้องนอน ขนาดห้องก็คงเกือบเป็นสี่เท่าของห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโก หรือไม่ก็คงใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ขนาดวางชั้นหนังสือใหญ่ ๆ ไว้ตั้งสี่ชั้นยังดูกว้างซะจนรู้สึกยุกยิก
ส่วนภายในห้องเป็นการตกแต่งแบบดั้งเดิม สมกับธีมคฤหาสน์ภายนอก โทนสีของห้องส่วนใหญ่เป็นสีเข้ม มีสีสดแซมตัดบ้าง ฟอนิเจอร์ที่ใช้ทำจากไม้เกือบทั้งหมด ดูโอ่อ่าหรูหราซะจนต้องหยีตาให้กับออร่าความรวยนี้ (ถ้าเอาทั้งห้องนี้ไปขายคงเหมาขนมทั้งหมดในร้านขนมหวานสักร้านสองร้านในตรอกไดแอกอนได้แน่นอน)
ถึงจูเลียจะบอกว่าถ้าอยากปรับแต่งหรือเพิ่มอะไรภายในห้องให้บอกเธอได้เสมอ ทว่าสำหรับเด็กสาวนี่มันก็สมบูรณ์แบบและถูกใจเธอพอแล้ว
เรเทียน่านอนลงแผ่ตัวบนเตียงไซส์ขนาดให้ผู้ชายตัวโตสองคนนอนข้างกันได้อย่างสบาย ๆ เด็กสาวกลิ้งไปมาจนผ้าปูเตียงสีน้ำเงินเริ่มมีรอยยับ ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจดังออกมา
แม้จะหวังให้ไม่ใช่ แต่หลังจากสอบถามและลองอ่านหนังสือบนชั้นในห้องจนแน่ใจ เรเทียน่าก็มั่นใจได้อีกมากว่านี่คือเรื่องราวของเด็กชายผู้ถูกเลือกจริง ๆ
ปีนี้เป็นปี 1991 เป็นปีที่แฮร์รี่เริ่มเข้าเรียนฮอกวอตส์พอดี ไม่ต่างกัน ถ้าเด็กสาวได้จดหมายเช่นเดียวกับเขา คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ในรุ่นเดียวกัน ซึ่งนั่นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายในชีวิตของเธออย่างแน่นอน
ปี 1 ตามหาศิลาอาถรรพ์ ปี 2 เปิดห้องแห่งความลับ ปี 3 มีผู้คุมวิญญาณรอบฮอกวอตส์เป็นล้าน ปี 4 การแข่งขันถ้วยอัคนี ปี 5 โดโลเรสครองโรงเรียน ปี 6 ถึงปี 7 ผู้เสพความตายบินว่อน
แค่นั่งไล่เหตุการณ์หลัก ๆ ในหัวก็ขนลุกซู่แล้ว การที่ตัวละครหลักไม่ตายไม่ได้หมายความว่าตัวประกอบเอ็กซ์ตร้าแบบเธอจะไม่ตายนะ! นี่มันอุปสรรคชิ้นโตบนเส้นทางรวยชัด ๆ !!
ถึงจะไม่ไปฮอกวอตส์แล้วนอนอยู่บ้านให้คุณกับคุณนายเอเลนสอนเวทมนตร์ให้เองก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว ทว่าหลังจากปี 1996 เป็นต้นไป สภาพโลกเวทมนตร์กับฮอกวอตส์ก็แทบจะไม่ต่างกันมากนัก รับประกันไม่ได้เลยสักนิดว่าจะปลอดภัยกว่า
สรุปง่าย ๆ คือปัญหามันอยู่ไทม์ไลน์สินะ ทำไมถึงไม่กลับมาตอนอะไรพวกนี้จบไปแล้วเล่า บ้าเอ้ย
เสียงของแข็งกระแทกกับกระจกในห้องทำให้เรเทียน่าหลุดออกจากภวังค์ความคิด เธอหันไปทางต้นเสียงก็พบว่ามีนกฮูกสีขาวตัวหนึ่งกำลังใช้จะงอยปากของมันเคาะกระจกห้องนอนของเธออยู่ ก่อนที่มันจะหยุดกึกเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องเดินเข้าไปหา
เด็กสาวเปิดหน้าต่างขึ้นแล้วรับจดหมายที่มันคาบไว้มาเปิดดู ตราประทับปิดผนึกจดหมายตราที่คุ้นตา พอลองพลิกด้านหลังจดหมายดูก็เป็นดังคาด
ข้างในมีจดหมายเชิญไปที่ฮอกวอตส์ พร้อมกับลิสต์ของใช้ที่เด็กปีหนึ่งต้องมี แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มอ่าน เสียงตึงตังที่เกิดจากมีคนวิ่งขึ้นบันไดไม้ก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงคุณเอเลนที่ตะโกนมาจากชั้นแรกว่าอย่าวิ่ง ชวนให้รู้สึกเดจาวูอย่างประหลาด
ประตูห้องถูกเปิดอย่างแรง ครั้งนี้ไม่เหมือนในโรงพยาบาล มันกระทบกับผนังดังปัง! ส่งผลให้คนทำหน้าเหวอไปเลย เรเทียน่าเกือบจะหลุดขำออกมาทันทีที่เห็นสีหน้าเหมือนอยู่ต่อหน้าผู้คุมวิญญาณของรูเบน แต่พนันได้เลยว่าใบหน้าของคุณกับคุณนายเอเลนที่รู้เรื่องคงจะน่ากลัวกว่าเป็นเท่าตัว
หลังจากก้ม ๆ มอง ๆ อยู่กับประตูเจ้ากรรมสักพักจนแน่ใจว่าไม่มีความเสียหายอะไร รูเบนก็เปิดบทสนทนากับเจ้าของห้องพร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกผิดสักเท่าไหร่ "ไปตรอกไดแอกอนกัน เรย์"
เรเทียน่าเดินยิ้มร่าตลอดทางจนกรทั่งมาถึงตรอกไดแอกอน หนึ่งในความฝันสูงสุดของเธอก็คือการได้มาเห็นฉากในหนังสือที่เคยอ่านตรงหน้านี่แหละ เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลย สาบานกับกางเกงในเมอร์ลิน!
ในทางตรงกันข้าม รูเบนดูฉุนเฉียวไม่น้อย เพราะทันทีที่เดินลงไปถึงชั้นล่างของคฤหาสน์ จูเลียกับโรอานีดัสที่มีสีหน้าทะมึนก็ยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว เขาเลยโดนดุไปไม่น้อย และคงจะยาวนานกว่านี้ถ้าเรเทียน่าไม่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ตั้งแต่เข้ามาที่ตรอกไดแอกอนก็เอาแต่บ่นงุบงิบ เด็กสาวไม่ได้ยินชัดเจนแต่มั่นใจว่ามีประโยค ขนาดแม่ยังทำได้เลย อยู่แน่ ๆ
เรเทียน่าได้แต่ยิ้มแห้งกับท่าทางนั้น เธอหันไปสนใจรายการของที่ต้องซื้อที่แนบมาในจดหมายเชิญเข้าเรียนที่ได้รับ เสื้อคลุมปฏิบัติการแบบเรียบ 3 ชุด หมวกแหลมไม่มีลาย 3 ใบ ถุงมือป้องกัน เสื้อคลุมหน้าหนาว ตำราคาถามาตรฐาน ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ทฤษฎีเวทมนตร์…
เด็กสาวทำหน้าเหยเกกับตัวอักษรมากมายบนกระดาษ แม้มันจะถูกเขียนอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม ทว่าพอมีเยอะ ๆ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนมันกำลังเต้นดุ๊กดิ๊กไปมาแปลก ๆ
มือเล็ก ๆ ยื่นไปจับชายเสื้อของพี่ชายคนใหม่แล้วดึงเบา ๆ "เอ่อ… แล้วเราควรเริ่มจากอะไรก่อนเหรอค—ะ" หรือจะพูดให้ถูก ชายเสื้อของคนที่นึกว่าเป็นพี่ชาย
เรเทียน่าแหงนหน้ามองผู้ชายร่างยักษ์ตรงหน้า— ที่หมายถึงร่างยักษ์จริง ๆ เพราะเขาตัวสูงมาก คงสัก 2-4 เมตรได้ คาดการณ์ได้เลยว่าถ้ายังเงยหน้าแบบนี้ต่อไปต้องปวดกระดูกคอมากแน่ ๆ
"โอ้ เอ่อ สวัสดีแม่หนูน้อย?" เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนที่เด็กสาวโน้มตัวขอโทษอย่างยกใหญ่ด้วยความเคยชินกับวัฒนธรรมที่ตนโตมา แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป "อ่า จริงด้วย พ่อกับแม่เธอคงสอนว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าสิท่า"
ระหว่างที่คนตัวโตกำลังคิดหาวิธีพาเด็กที่เหมือนจะหลงทางตามหาพ่อแม่ เด็กน้อยอีกคนที่อยู่ข้างหลังตัวเขาก็ชะเง้อหน้าออกมาพลางโพล่งถามด้วยความสงสัย
"ใครเหรอฮะ แฮกริด"
"…"
ดวงตาสีมรกต ผมสั้นสีน้ำตาลยุ่งเหยิง แว่นสายตาทรงกลม รอยแผลเป็นรูปสายฟ้าที่มองเห็นไม่ค่อยชัดเพราะหน้าม้าของเขาบังอยู่— ชัดเลย นี่คือแฮร์รี่ พอตเตอร์แบบสำเนาถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์!
"ดูเหมือนจะเป็นเด็กหลงกับพ่อแม่น่ะ แฮร์รี่"
"ที่นี่ไม่มีประชาสัมพันธ์เด็กหายเหรอฮะ"
"ของแบบนั้นจะไปมีได้ไงเล่า"
มีใครให้ชัดกว่านี้อีกไหม
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือไม่ดีดีที่เรเทียน่าเจอกับตัวเอกของเรื่องตั้งแต่บทแรก ๆ ของไทม์ไลน์ในนิยาย แม้ฉากในตรอกไดแอกอนจะเป็นเพียงแค่การซื้อของจริง ๆ แต่เธอควรจะเว้นระยะห่างจากแฮร์รี่ก่อนดีกว่าโดนลากไปพัวพันกับเหตุการณ์ยุ่งเหยิง
"คือว่าพอจะบอกหนูได้ไหมคะ ว่าร้านเสื้อคลุมของมาดามมัลกิ้นอยู่ทางไหน ถ้าเข้าไปรอที่นั่นเดี๋ยวผู้ปกครองก็คงตามหาเจอเองน่ะค่ะ"
แฮกริดกับแฮร์รี่มองหน้ากัน ระหว่างที่เรเทียน่ากำลังภาวนาในใจให้พวกเขาซื้อเสื้อคลุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่ต้องร่วมทางไปด้วยกัน
"แน่นอน ฉันว่าจะพาหนุ่มน้อยข้าง ๆ ไปซื้อเสื้อคลุมพอดี ไปด้วยกันสิ"
สิ้นเสียงของแฮกริด เด็กสาวก็รู้สึกเหมือนมีเสียงอะไรสักอย่างหล่นแตกในหัว
แฮกริด (ที่เหมือนจะมีอาการเมารถตกค้าง) แยกตัวไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่วทันทีที่ถึงหน้าร้านของมาดามมัลกิ้น แต่เขาก็รับปากว่าจะกลับมาพร้อมไอศกรีม ทิ้งให้แฮร์รี่กับเรเทียน่าเดินเข้าไปในร้านกันเพียงสองคน
"โอ้ ที่รัก เครื่องแบบฮอกวอตส์หรือจ๊ะ" แม่มดชุดสีม่วงอมชมพูคนหนึ่งที่เดาว่าคงเป็นมาดามมัลกิ้น หันมายิ้มให้เด็กน้อยทั้งคู่ นั่นทำให้แฮร์รี่ลดความประหม่าลงได้บ้าง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าลูกค้าตัวน้อยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด มาดามมัลกิ้นก็นำทางพวกเขาไปที่ข้างหลังร้าน ในระหว่างเดินตามเธอไป เด็กสาวผมสตรอว์เบอร์รี่บลอนด์ก็เดินสวนออกมา เธอเดินชนเรเทียน่าเล็กน้อยจึงหันมาขอโทษขอโพยทันทีก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะไม่มีตัวละครนี้ตอนที่แฮร์รี่มาซื้อเครื่องแบบที่ร้านนี่นา?
เหมือนเรเทียน่าจะไม่ได้ฟังที่มาดามมัลกิ้นพูดเท่าที่ควร เธอจึงลืมคิดไปว่ามีเด็กชายนิสัยเสียคนหนึ่งก็กำลังวัดตัวเพื่อตัดเสื้อคลุมอยู่ในร้านเช่นกัน
เด็กสาวจึงกลายเป็นพยานสงครามเย็นระหว่างมัลฟอยกับพอตเตอร์ในร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นเสียอย่างนั้น
"ฉันคิดว่าทางโรงเรียนไม่ควรให้คนพวกอื่นมาเข้าเรียนด้วย พวกนายว่าไหม"
เรเทียน่าตากระตุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในทันทีที่ได้ยินประโยคที่ว่า
"พวกนั้นไม่เหมือนพวกเรา ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้รู้จักวิถีชีวิตของพวกเรา คิดดูสิ บางคนไม่เคยได้ยินชื่อฮอกวอตส์มาก่อนเลยจนกระทั่งได้รับจดหมาย"
นี่มันจี้ใจดำแฮร์รี่กับเธอชัด ๆ !
"ฉันว่าโรงเรียนน่าจะเก็บที่เรียนไว้ให้กับคนในตระกูลพ่อมดแม่มดที่เก่าแก่มากกว่านะ"
คำถามเดิม ๆ ผุดขึ้นในหัวของเรเทียน่าราวกับดอกเห็ด นี่ตระกูลมัลฟอยเลี้ยงลูกกันยังไงเนี่ยเดรโกถึงโตมาปากแบบนี้
"เอ้อ… แล้ว—"
"คำก็พวกนั้น สองคำก็พวกนี้ นายเคยเรียนเรื่องสิทธิมนุษยชนหรือเปล่าเนี่ย เด็กทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาทั้งหมดนั่นแหละ ขอแค่ตรงกับเงื่อนไขที่โรงเรียนตั้งไว้ก็เข้าเรียนได้แล้วไม่ใช่เหรอไง ทำไมต้องไปสนเรื่องสายเลือดอะไรนั่นด้วย" เด็กสาวสูดหายใจเข้าทันทีที่พูดจบ
เขาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เด็กหนุ่มผมสีซีดรู้สึกเหมือนโดนหักหน้าท่ามกลางผู้คน ถึงแม้ตรงนี้จะมีเพียงแฮร์รี่และแม่มดที่กำลังวัดตัวพวกเขาอีกจำนวนไม่มากก็ตามที
"อ๋อ เธอคงเป็นพวกเลือดสีโคลนล่ะสิท่า" เดรโกแค่นเสียงหึในลำคอ "ไม่ก็พวกเลือดผสม หรือไม่ก็… พวกทรยศต่อเลือดเหมือนวีสลีย์?"
"เออย่ะ! เรเทียน่า เอเลน จำชื่อฉันไว้ในสมองนายให้ดีก็แล้วกัน"
ดูเหมือนศัตรูของเดรโกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเรื่องราวในนิยายไปเรียบร้อย
"อยู่ไหนเนี่ย" เมื่อมาถึงคราที่ต้องจ่ายเงิน เด็กสาวก็ค้นพบว่าเหรียญทองที่พกติดตัวไว้ไม่กี่เกลเลียนของเธอหายไป ยังถือว่านับเป็นโชคดีที่เงินส่วนใหญ่ที่ได้จากคุณแม่เธอฝากรูเบนไว้
แต่ถ้าเรเทียน่ายังไม่ยื่นเหรียญเกลเลียนไปให้แม่มดชุดสีสดตรงหน้าตอนนี้ บางทีจากใบหน้าที่ดูราวกับนางฟ้าของหญิงวัยกลางคนอาจจะเปลี่ยนเป็นหลังเท้าเลยก็ได้
หลังจากลุกลี้ลุกลนอยู่สักพัก ไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบายอะไรให้มาดามมัลกิ้นฟัง เหรียญทองหลายเหรียญก็ถูกวางลงไปตรงหน้าของแม่มดเจ้าของร้าน มันกระทบกันไปมาบอกถึงจำนวนที่มีไม่น้อย
"จ่ายรวมกับของเธอด้วยเลยครับ"
เรเทียน่าหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มผู้ถูกเลือกอย่างงุนงง ซึ่งเขาก็ไม่ได้มองกลับมา เพียงแค่ก้มหน้าก้มตารับเงินทอนจากมาดามมัลกิ้นเท่านั้น
จนกระทั่งเดินออกมาที่หน้าร้านเสื้อคลุม เด็กสาวจึงค่อยเอ่ยปาก "ขอโทษที่ให้จ่ายแทนนะ"
"ไว้เธอค่อยจ่ายคืนฉันทีหลังก็ได้"
"ถ้าอย่างนั้นนายรอให้พี่ฉันมาที่นี่ได้หรือเปล่า จะได้คืนเงินให้นายเลย"
แฮร์รี่ลำบากใจเล็กน้อย เป็นเวลาเดียวกันกับที่แฮกริดเดินเข้ามาหาทั้งคู่พอดี เขายื่นไอศกรีมให้เด็กน้อยกันคนละโคน และมีของเขาเองอีกโคนหนึ่ง
"ขอบคุณฮะ/ขอบคุณค่ะ"
"ไม่ต้องหรอก" แฮกริดปฏิเสธคำขอบคุณอย่างเก้อเขิน "ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอชอบอะไร เลยซื้อที่เหมือนกับของฉันมาน่ะ ขอโทษด้วยนะ"
เรเทียน่าเลื่อนสายตาไปมองไอศกรีมสองก้อนในมือ ก้อนแรกนับจากข้างบนเป็นสีน้ำตาล ก้อนที่สองเป็นสีชมพูแซมม่วงสด โรยท็อปปิ้งด้วยวัตถุปริศนาสีน้ำตาลอ่อนที่คาดว่าเป็นถั่วบน ซึ่งก็ถือว่าไม่แย่เท่าไหร่
"เอ้อ ว่าแต่แม่หนู" ชายตัวโตร้อง "ฉันต้องพาหนุ่มน้อยตรงนี้ไปทำธุระต่อน่ะ เข้าไปอยู่ในร้านของมาดามเขาในระหว่างที่รอพี่ชายเธอนะ ฉันเชื่อว่าถ้าบอกไปเธอคงเข้าใจและยอมอยู่ดูแลเธอสักพัก"
เมื่อแน่ใจว่าเห็นเด็กสาวพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นแล้ว คนทั้งสองก็เดินจากไป เรเทียน่าตั้งใจมองตามพวกเขาจนโดนฝูงคนบังสนิท ซึ่งในไม่กี่นาทีต่อมาก็ปรากฏร่างของรูเบนที่กำลังรีบตรงดิ่งมาที่ที่เด็กน้อยยืนอยู่
เขาสวมกอดน้องสาวทันทีที่ถึงตัว เด็กสาวได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น ทว่าเมื่อกำลังจะอ้าปากถามอะไร เสียงสะอึกราวกับพึ่งร้องไห้มาหมาด ๆ ของพี่ชายก็ดังขึ้น เรเทียน่าจึงตัดสินใจกอดหนุ่มตัวสูงกลับด้วยมือเล็ก ๆ เธอลูบแผ่นหลังของเขาเบา ๆ เพื่อปลอบใจแม้จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม
เด็ก ๆ กอดกันกลมอยู่หน้าร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นอยู่นาน ก่อนจะเป็นฝ่ายรูเบนเองที่ผละออก
เขาสูดน้ำมูก มือจับไหล่เด็กสาวไว้ "ขอโทษที่ไม่ดูแลเธอให้ดี พี่นึกว่าจะเสียเธอไปอีกครั้งแล้ว ขอโทษจริง ๆ"
เขาพร่ำบอกขอโทษแก่น้องสาวอยู่อีกพักใหญ่ หากเรเทียน่าไม่ปรามไว้คงได้เสียเวลาไปค่อนวันแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นรูเบนก็ยังเอ่ยคำขอโทษกับเธอตลอดการตระเวนซื้อของในตรอกไดแอกอน
ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก
ดวงตาสีเข้มเงยหน้ามองป้ายร้านที่ติดไว้ มันเป็นตัวอักษรสีเด่นหราแต่ก็ดูเก่าโทรมไปในเวลาเดียวกัน
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เด็กสาวต้องใส่ใจ เพราะสิ่งที่ต้องให้ความสนใจที่แท้จริงคือการเข้าไปซื้อหนังสือในร้านที่มีคลื่นมนุษย์ยังไงให้ออกมาได้อย่างสวัสดิภาพ
ซึ่งคำตอบก็ไม่มีหรอก นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เรเทียน่าติดอยู่ตรงโซนหนังสือพิมพ์ประจำวันใกล้กระจกหน้าร้าน
เด็กสาวเขย่งตัวแล้วโยกตัวไปมาเพื่อดูเส้นทางที่พอจะสามารถออกไปอยู่หน้าร้านได้ แต่ช่างน่าเสียดายที่ดูเหมือนจะไม่มีเลย
สุดท้ายเรเทียน่าที่ปลงตกก็หันกลับมาที่หนังสือพิมพ์กองเดิม หมายจะหยิบสักฉบับขึ้นมาฆ่าเวลาพลางหวังให้รูเบนหยิบตำราที่เธอต้องใช้เรียนมาให้ครบ
ทว่ายังไม่ทันจะได้ยื่นมือออกไปด้วยซ้ำ มือของใครบางคนก็ขว้าข้อมือขวาของเด็กสาวเข้าดังหมับ
"จับได้แล้ว ยัยแมวขโมย!"
แถมยังจะมากล่าวหาผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีหลักฐานอีก
...
*ยังไม่ตรวจคำผิด
ความคิดเห็น