ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The troublesome stick

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มปะทุ l Welcome there, little one

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.21K
      200
      8 พ.ย. 65

    Prologue l 100%

     

    "เธอหายไปแล้ว"

     

    "เธอหายไปไหนแล้ว"

     

    "เจ้าพวกโง่ แยกย้ายกันตามหาเธอสิวะ!!"

     

    การตะคอกเพียงครั้งเดียวหยุดความสับสนของพวกลูกน้องได้ดีทีเดียว พวกที่ถูกเรียกว่า 'ผู้เสพความตาย' แบ่งคนกันตามหาใครบางคนตามคำสั่ง เงาคนจำนวนมากขยับไปมาอย่างรวดเร็ว

     

    ตัดภาพมาอีกด้านหนึ่ง เสียงเท้าสับวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตผสมกับเสียงหอบหายใจของหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่กลืนไปกับความมืด สัมผัสได้ชัดเจนว่าสถานการณ์ของเธอคงไม่สู้ดีนัก กลับกันเด็กทารกในอ้อมอกของเธอกลับหลับสบายไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย

     

    เมื่อเหนื่อยเกินกว่าจะเดินหน้าต่อไป เธอแวะพักตรงตรอกเล็ก ๆ มันมืดและมองเห็นของข้างในค่อนข้างยาก ยิ่งกับในเวลากลางคืนแบบนี้ หญิงสาวทิ้งตัวลง หลังพิงกำแพง ก่อนจะเปิดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยสมวัยกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มน่าหลงใหล ผมสีเข้มยาวประบ่ายุ่งเหยิงจนน่าหงุดหงิด แต่นี่ไม่ใช่เวลามาจัดผมแต่อย่างใด

     

    หญิงสาวเบนสายตาลงมองเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ รอยยิ้มโล่งอกพร้อมกับเสียงถอนหายใจปรากฏขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตแสนบอบบางไม่เป็นอะไร

     

    "พวกเราจะรอดไปจากตรงนี้ เรเทียน่า" เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาราวกับขนนกที่พร้อมปลิวไปกับแรงลม "ฉันสัญญา"

     

    ยังไม่ทันหายเหนื่อยผู้เสพความตายคนหนึ่งก็เดินผ่านมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แสงจันทร์ส่องมา ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ดวงตาของผู้ค้นพบเบิกกว้าง เขาตะโกนเสียงดัง "เธออยู่ตรงนี้!!"

     

    ทว่าก่อนที่พักพวกของเขาจะได้ยินเสียงและกรูกันเข้ามา หญิงสาวก็พึมพำบางอย่างที่ทำให้ลูกน้องของจอมมารตรงหน้าต้องเลิกคิ้ว

     

    "เธอรู้ดี นี่มันโง่มาก โรเช็ตต้า" ก่อนที่ภาษาพาเซลก็ถูกพ่นออกจากปากของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล แสงสีฟ้าวาบสว่างจ้าออกมาจากตรอกตันเล็ก ๆ รู้ตัวอีกทีร่างของหญิงสาวและเด็กทารกก็หายวับไปอย่างไร้วี่แวว ทิ้งไว้เพียงความฉงนของพวกผู้เสพความตายที่เห็นเหตุการณ์และคนอื่น ๆ ที่พึ่งเข้ามาถึง

     

     

     

    สิบเอ็ดปีต่อมา

     

    เวลาประมาณแปดโมงเช้า ในบ้านหลังสีครีมขนาดกลางในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเสียงสนทนาดังลอดออกมา เป็นแบบนี้ในทุก ๆ เช้าจนเพื่อนบ้านข้าง ๆ ชินชาไปเสียแล้ว

     

    "เรย์!! ข้าวเช้าพร้อมแล้วนะ!" เสียงของหญิงสาววัยกลางคนในชุดผ้ากันเปื้อนและกำลังถือตะหลิวตามฉบับคุณแม่บ้านที่เห็นได้ทั่วไปดังขึ้น

     

    "กำลังลงไปค่ะคุณป้า!" ไม่ต้องให้คอยนานก็มีเสียงเด็กสาวตะโกนตอบกลับมาจากชั้นบนของบ้าน เท้ากระทบกับบันไดไม้ดังตึงตัง จนคนข้างล่างต้องปรามว่าอย่าวิ่งลงมาแบบนั้น เจ้าของชื่อเรย์ก็ได้แต่เบ้ปากขอโทษอย่างไม่เต็มใจนัก

     

    "เอาล่ะ! รีบ ๆ กินล่ะ วันนี้มีทัศนศึกษาใช่ไหม"

     

    เรย์ไม่ได้ตอบกลับไป เธอทำเพียงแค่พยักหน้าและเพลิดเพลินกับอาหารเช้าตรงหน้าเท่านั้น ทว่าคนอายุมากกว่าก็สังเกตเห็นประกายแวววาวที่สพท้อนในดวงตาของเด็กสาวได้อย่างชัดเจน

     

    ท่ามกลางความเงียบงันอันยาวนาน ราวกับพึ่งเรียบเรียงคำพูดได้ คุณป้าของเรย์ก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา แต่เด็กสาวได้ยินชัดเจนเพราะไม่ได้อยู่ไกลกันนัก "สัญญาได้ไหม ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่ลืมฉัน"

     

    คนอายุน้อยกว่าละจากอาหารแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีเดียวกัน เรือนผมสั้นประบ่าสีดำพริ้วไหวตามแรงขยับ ซึ่งมีคนชอบพูดบ่อย ๆ ว่าเรย์กับคุณป้าหน้าเหมือนกันราวกับลอกกันมา กระนั้นมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือตอนนี้คุณป้าคนเก่งของเธอดูกังวลอย่างประหลาด

     

    เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกสงสัย เธอทำท่าจะอ้าปากถาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

     

    เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เลือนลางจนยากจะจำได้ เรย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนหลังจากทัศนศึกษาเธอจะเหนื่อยมากไปหน่อย พอทิ้งตัวลงบนที่นอน สมองก็ตะโกนบอกให้ร่างกายพักผ่อน ร่างกายหนักอึ้งเกินกว่าจะขยับตัว ราวกับกำลังดำดิ่งลงไปในอะไรสักอย่างก็ไม่ปาน ไม่แม้จะมีแรงลุกขึ้นมาอ่านชุดหนังสือโปรดที่ได้จากคุณป้าเป็นของขวัญในวันเกิดปีที่สิบ

     

    หนังสือชื่ออะไรก็จำแทบไม่ได้… ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์หรือเปล่านะ

     

     

     

    "ทำยังไงดี ผ่านมา 3 วันแล้วนะครับ เธอยังไม่ฟื้นเลย"

     

    "หรือบางทีคาถานั่นอาจจะผิดพลาดหรือเปล่า"

     

    "ก็จริงแม้แต่…"

     

    เสียงเซ็งแซ่ใกล้หูที่ดังอยู่ต่อเนื่องและเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่ได้ยินทำให้เด็กสาวบนเตียงย่นจมูก เสียงที่ได้ยินเป็นภาษาอังกฤษทุกประโยค พูดตามตรงว่าฟังแทบไม่ทัน มันไม่ใช่ภาษาที่เธอได้ยินตั้งแต่แรกเกิดและในสังคมที่เรย์อยู่มันก็ไม่ใช่ภาษาหลักที่เขาใช้สื่อสารกัน ทว่ายังโชคดีที่คุณป้าเขาใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานเลยติดมาพูดกับเธอที่บ้าน ดังนั้นก็พอมั่นใจได้เปลาะหนึ่งว่าจะคุยกันรู้เรื่อง

     

    เรย์เปิดตาขึ้นหวังจะมองไปทางต้นเสียงแล้วทำความเข้าใจสถานการณ์ให้มากขึ้น ทว่าแสงจ้าของไฟในห้องทำให้ดวงตากลมโตต้องหรี่ตา ก่อนจะกระพริบถี่รัวเพื่อที่จะปรับสายตาให้คุ้นชิน

     

    "เธอฟื้นแล้ว!" เด็กผู้ชายคนหนึ่งร้อง เขาเป็นคนแรกที่เห็นว่าคนบนเตียงเปิดตาขึ้น ก่อนจะรีบเอามือตะครุบปากตัวเองเพราะเผลอเสียงดังในโรงพยาบาล

     

    "รูเบน เคลเด็น เอเลน" หญิงสาวที่ใส่ชุดเครื่องแบบคล้ายพยาบาลที่เรย์คุ้นตาเอ่ยเสียงดุ เธอดูหัวเสียนิดหน่อย แต่ก็ยังห้ามตัวเองไม่ให้กระแทกเสียงได้ "ดิฉันบอกกี่ครั้งแล้วคะว่าห้ามไปยืนรุมที่เตียงผู้ป่วยและห้ามเสียงดัง"

     

    "ขอโทษครับ" เจ้าของชื่อรูเบนเอ่ยเสียงจ๋อย เขาถอยออกจากเตียงผู้ป่วยเล็กน้อยไปยืนอยู่ข้าง ๆ กับชายหนุ่มวัยกลางคนปริศนาในห้องที่หน้าคล้ายกันจนเดาได้กลาย ๆ ว่าหากไม่ใช่พี่น้องกันก็คงเป็นพ่อกับลูก แล้วบ่นงุบงิบกับตัวเอง "ไม่เห็นต้องดุเลย"

     

    "เอ่อ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ" เรย์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นที่กลับหัวมองก็รู้ว่ากำลังประหม่า แน่ล่ะ จะมีใครไม่กังวลในห้องที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าบ้าง เด็กสาวกระแอมเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าเสียงตัวเองแหบแห้งกว่าปกติ สาวพยาบาลที่สังเกตเห็นเลยยื่นแก้วน้ำมาให้ในทันที "ขอบคุณค่ะพี่สาว"

     

    แต่ก่อนจะดื่นน้ำได้สักอึกก็มีเสียงเปิดประตูอย่างแรง แม้ประตูจะไม่กระแทกกับผนังแต่มันก็ทำให้เรย์สะดุ้งจนเกือบปล่อยแก้วน้ำลงพื้น

     

    "คุณนายเอเลนคะ!" คุณพยาบาลกัดฟันกรอด เธอดูหมดความอดทนแล้วจริง ๆ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจจะรักษามารยาทต่อหน้าเธอ ก็ทำได้แค่กระทืบเท้าปึงปังออกไปจากห้อง

     

    มือเล็ก ๆ ของเรย์ถูกยกขึ้นมาด้วยมือเรียวของหญิงสาววัยกลางคนผู้มาใหม่ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตรงเป็นลอนเล็กน้อยแต่ยุ่งเหยิง ดวงตาสีน้ำตาลที่สั่นไหวเป็นสิ่งที่หยุดไม่ให้เด็กสาวสะบัดมือออกจากการกอบกุมที่แทบไม่ออกแรง คราบน้ำตาบนใบหน้าสวยยังคงเหลืออยู่ไม่น้อย เสียงสะอื้นก่อนหน้านี้คงเป็นเธอคนนี้ล่ะมั้ง?

     

    "ขอบคุณที่ยังมีชีวิตนะ เรเทียน่าของแม่"

     

    เรย์คิ้วกระตุกทันทีที่ได้ยิน "อ.. อะไรนะคะ?"

     

    พลันหน้าตาของหญิงสาวที่กำลังกอบกุมมือของเด็กสาวอยู่ก็ดูหมองลงทันที

     

    ก่อนที่บนใบหน้าของเด็กสาวบนเตียงผู้ป่วยจะมีเครื่องหมายคำถามเยอะไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มวัยกลางคนที่รูเบนไปยืนข้าง ๆ ก็กระแอมขึ้นเพื่อขัดจังหวะ "ผมว่าลูกกำลังสับสน ให้ผมเล่าให้เขาฟังดีกว่านะ"

     

    “ขอแนะนำตัวให้ลูกฟังก่อน พ่อชื่อ โรอานีดัส เอเลน ส่วนคนที่กุมมือลูกอยู่คือ จูเลีย เอเลน พวกเรารู้จักกันในนามคุณและคุณนายเอเลนคนปัจจุบัน” โรอานีดัสเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะดันหลังเด็กชายข้างตัวเบา ๆ "ส่วนนี่ รูเบน เอเลน พี่ชายของลูก เรเทียน่า เอเลน "

     

    "จริง ๆ เรื่องราวมันค่อนข้างยาว คงต้องย้อนกลับไปในยุคมืดของโลกเวทมนตร์ วันที่ 29 ธันวาคม ปีที่ 1980 เกือบ 8 เดือนหลังจากที่ลูกเกิด มีคนทรยศบอกที่ซ่อนของพวกเราให้คนที่รู้ว่าใคร พวกผู้เสพความตายเลยบุกที่หลบภัยของตระกูลเอเลน ด้วยความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อกับแม่พาพี่ชายของลูกหนีไปได้ ในขณะเดียวกัน 'โรเช็ตต้า' พี่สาวของพ่อก็เป็นคนที่พาลูกหนีไป แต่พวกเราก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาอีกเลย โรเช็ตต้ากับลูกกลายเป็นบุคคลสาบสูญ จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโกโทรมาแจ้งพ่อว่าเจอลูก แต่น่าเศร้าที่เรายังไม่เจอเบาะแสของโรเช็ตต้าแม้แต่นิด…"

     

    เรย์เงียบไปเล็กน้อยหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากปากของโรอานีดัส เธอไม่รู้จักคนชื่อโรเช็ตต้า แต่ลองนึกดูดี ๆ ก็เหมือนเคยเห็นชื่อนี้ในสมุดอัลบั้มของคุณป้า แถมใบหน้าของครอบครัวเอเลนก็เหมือนเธอจะเคยเห็นในอัลบั้มเช่นกัน ดังนั้นคำที่กล่าวอ้างเลยเชื่อได้ครึ่งหนึ่ง ทว่าที่น่าสนใจกว่าสิ่งไหนดันเป็นคำจำพวก 'คนที่รู้ว่าใคร' 'ผู้เสพความตาย' และ 'โรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโก' ที่ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นบุคคลและสถานที่จากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ใช่หรือไง

     

    แต่เรย์ก็ส่ายหัวเบา ๆ กับตัวเอง ถ้าไม่มีคุณป้ามายืนยัน เธอก็แน่ใจไม่ได้ทั้งหมดว่าที่พวกเขาพูดเป็นความจริง "บางทีคุณอาจจะจำผิดก็ได้ค่ะ"

     

    "แหวนนั่นน่ะ ที่เธอใส่อยู่" โรอานีดัสชี้คอของตัวเองเพื่อที่จะสื่อให้เรย์ก้มลงมองแหวนที่ถูกร้อยไว้กับสายสร้อยที่เธอสวมอยู่ ก่อนจะอธิบายเพิ่ม "มันเป็นแหวนประจำตระกูลเอเลน ทำจากทอง ที่หน้าแหวนสลักไว้เป็นรูปนิฟเฟลอร์1 และข้างในก็สลักคำว่าเอเลนไว้ เดิมทีมันควรจะอยู่ที่โรเช็ตต้าแต่ดูเหมือนเธอจะให้มันกับลูก"

     

    เรย์-- หรือถ้าจะเรียกให้ถูก เรเทียน่ามองแหวนที่ว่าอย่างเหลือเชื่อ เธอรู้ว่ามันสีเหมือนทองแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นทองจริง ๆ และโรอานีดัสพูดถูก มันเป็นแหวนที่คุณป้าให้กับเธอเมื่อตอนอายุยังไม่ขึ้นสองหลัก นิ้วเด็กมันใส่แหวนขนาดนี้ไม่ได้อยู่แล้ว คุณป้าของเรเทียน่าเลยร้อยไว้กับสร้อยให้หลานสาวใส่แทน

     

    เอาจริงดิ งี้ก็หมายความว่าเธอเป็นแม่มดงั้นเหรอ นี่มันเจ๋งเป็นบ้า!

     

    "แล้วพวกคุณ--" เรเทียน่าเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกฉับพลันเมื่อคุณแม่ที่เธอพึ่งได้รู้จักเมื่อห้านาทีที่แล้วทำหน้าจะร้องไห้ "หนูหมายถึง เอ่อ... คุณพ่อคุณแม่รู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์ไหมคะ"

     

    "..."

     

    "..."

     

    "ลูกรู้จักเด็กชายผู้ถูกเลือกตามคำทำนายของทรีลอว์นีย์ได้ยังไง?"

     

     

     

     

    ท้อคท้อค :

    สวัสดีคนที่หลงเข้ามานะคะ เป็นแฟนฟิคที่แต่งขึ้นเพื่อจะมาอวดลูกสาวกับเจ้าไม้กายสิทธิ์ไม่รักดีโดยเฉพาะเลยค่ะ! เป็นฟิคที่เวลาลงไม่แน่นอน ตามความว่างและอารมณ์ของผู้เขียนค่ะ(…) อย่างไรก็ตามขอให้สนุกกับเรื่องราวเรื่องนี้นะคะ

     

    1 : นิฟเฟลอร์ (Niffler) ประเภทที่ก.ว.ม.จัดไว้ คือ XXX (พ่อมดที่มีความสามารถทั่วไปน่าจะรับมือได้) เป็นสัตว์พื้นเมืองอังกฤษ ตัวมีขนปุกปุย สีดำ จมูกปากยาว อาศัยอยู่ตามโพรง และชื่นชอบของทุกอย่างที่เป็นประกายระยิบระยับ (ข้อมูลจาก หนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่)

     

    *ยังไม่ตรวจคำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×