คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Take me back in time (อย่าไปใส่ใจ) - 100%
ตอนที่ 16: Take
me back in time
(อย่าไปใส่ใจ)
ท่วงทำนองหนักหน่วง ละอองไฟระยิบระยับ ทุกสิ่งต่างแต่งแต้มสีสันอยู่ทั่วบริเวณ
ไม่มีทางได้ยินคำพูดหากต่างฝ่ายต่างไม่โน้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเบียดกายให้ชิดแน่น
ซาวน์แรง ๆ ชวนสนุกสนานกำลังบังคับทุกคนให้ขยับร่างกาย แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าคนอโคจรต่างลืมอายโยกย้ายส่ายสะโพกกลับกลายเป็นผลของน้ำพิศวงที่ถูกถืออยู่ในมือ
สถานที่แห่งนี้คนช่างละลานตา แนวเพลง EDM กำลังทำให้ทั้งตึกสั่นไหว ยิ่งดึกขึ้นเท่าไหร่มันยิ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คน ร่างสูงยืนเท้าศอกกับระเบียงที่ชั้นสอง มองเหล่าชายหญิงเต้นแร้งเต้นกาอยู่ตรงฟลอร์ด้านล่างด้วยอาการหลุดโลก
โดฟลามิงโก้กวาดสายตาไปรอบ ๆ ยกแก้วขึ้นมาจรดริมฝีปาก ตอนเห็นหนึ่งในคนคุ้นหน้าโชว์สเต็ปเอวอย่างพลิ้วไหว มันเกือบจะดูเข้าท่าถ้าไม่ติดว่าเจ้าของร่างแต่งตัวอย่างกับดอกทานตะวัน รอให้อีกฝ่ายหยุดวาดลวดลายให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความหรรษา หากเดียมานเต้เหนื่อยเมื่อใด...? การพูดคุยคงจะเริ่มต้นเสียที
“เข้าไม่ได้ครับ!” เสียงลูกน้องพูดจาหนักแน่นดังลอดมา ก่อนพาร่างใหญ่โตมาขวางหน้าผู้บุกรุกทั้งสองไม่ให้ก้าวเข้าไปด้านใน
“เอ๋~ ทำไมเข้าไม่ได้ล่ะคะ? นี่พวกเราเสียเงินจองโซน VIP
ตั้งขนาดนี้ แต่กลับเข้าไปเล่นพูลไม่ได้ ...แบบนี้ทางเจ้าของจะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยรึคะ?”
โดฟลามิงโก้เอนคอมองยามโดนแม่หล่อนพูดพาดพิง
สองสาวดินระเบิด? และดูท่ามันน่าจะระเบิดหนักเพราะหน้าอกหน้าใจพวกหล่อนแทบจะล้นทะลักออกมาจากชุดรัดรูปนั้นอยู่แล้ว
...เจ้าของผับเฝ้ามองแม่สองสาวยังยืนเถียงกับลูกน้องของเขาไม่เลิก เสียงวางอำนาจรวมถึงท่าทางถือดีนั้นแล้ว
คงหนีไม่พ้นพวกลูกคนรวยที่ขยันผลาญเงินพ่อแม่
คนพวกนี้น่ารำคาญ และมันจะยิ่งคูณสองยามที่พวกมันกำลังเมา
“แหม...โต๊ะมันก็ว่างด้วย
ตรงนั้นไม่เห็นมีใครเลยนอกจากเขาคนเดียว ขอเข้าไปเล่นหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไร ให้เข้ามา” ขวักมือส่งสัญญาณบอกให้ลูกน้องปล่อยทั้งคู่เข้ามา ดู ๆ ไปแล้วหน้าตาพวกหล่อนก็ไม่เลวเลยแถมแต่งตัวก็สั้นถึงใจ
อนุญาตให้เข้ามาสร้างสีสันระหว่างคุยเรื่องเครียด ๆ น่าจะช่วยได้เยอะ
“ขอบคุณมากนะคะ อุ๊ยแหม!
คุณโดฟลามิงโก้นี่เอง ไม่คิดว่าจะออกมาดื่มข้างนอกด้วยนะคะ ...ขอโทษจริง ๆ
ไม่คิดว่าคุณจะจองละแวกนี้ไปหมด ฉันนี่แย่จริง ๆ” หญิงสาวช้อนตามอง
ทำสีหน้าสำนึกผิดก่อนจะสะบัดผมแบบมีจริตจะก้านครั้นพบว่าคู่สนทนาเป็นใคร
“อยากเล่นพูลไม่ใช่เหรอ?
พอดีเลย ฝั่งฉันก็มีสองคน เรามาแบ่งทีมกันไหมล่ะ?” แกว่งแก้วในมือเล่นก่อนจะยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ นาน ๆ ทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ไม่เลว
แถมหนึ่งในสองสาวดูน่าจะทำให้เขาพอใจอยู่ไม่น้อย ผมลอนสีเข้มบวกกับหน้าหวาน ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงชอบมองผู้หญิงลุคแบบนี้
“ได้เหรอคะ? แหม ดีใจจัง”
“เฮ้ยดอฟฟี่ รอนานไหม?
ดีเจในผับแกนี่มันเปิดเพลงมันส์ดีจริง ๆ อยู่ที่นู่นนะเก็บกดเป็นบ้า
...หือ? ว่าแต่ว่าสองสาวนี่ใคร?” ร่างสูงชะลูดก้าวเข้ามาด้วยอาการมึนเมา
ก่อนจะหยี่ตาเอามือจับคางจ้องสองสาวสุดเซ็กซี่
“เพื่อนเล่นเกม คุยกันอย่างเดียวมันน่าเบื่อ
ฉันเลยชวนพวกหล่อนมาเล่นด้วยกันน่ะ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“โอ้ว ไม่มีเลย~ ดีเสียอีก ...มาอีหนู มาคู่กับป๋ามา ว่าแต่เราจะเล่นอะไร เล่นพูลใช่ไหม?” เดียมานเต้หัวเราะชอบใจก่อนเข้าไปคว้าหนึ่งในสองสาวแล้วพาเดินไปยังโต๊ะพูล
“แล้วใครจะแทงเปิด?”
“*ขึ้นชิ่งล่ะกัน” สองสาวมองตามทั้งคู่ที่เดินไปเล่นกีฬาด้วยท่วงท่าเคยชิน จริง ๆ
พวกเธอก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดในการเล่นพูลมากนักหรอก
แต่เพราะพวกหล่อนมีเป้าหมายต่างหาก
ทั้งคู่แอบสบตากัน ดูท่าตกเหยื่อไปคราวนี้พวกเธอจะไม่ยอมให้จบแค่กินเหล้าฟรีแน่นอน
………………………
ไวโอเล็ตนั่งทอดอารมณ์อยู่ในห้องรับแขก
นิ้วมือเขี่ยเฝือกที่แขนเล่น หันมองตัวเลขบนผนังก็พบว่าเข็มสั้นมันเบนเลยเลข 12 ไปแล้ว
ภายในบ้านเงียบงัน เด็กสาวหันมองรอบตัวก่อนเลือกเดินไปนั่งรับลมที่ข้างสระว่ายน้ำแทน
เอนกายพิงกับเตียงนุ่ม ดวงตาจ้องมองท้องฟ้าที่ถูกประดับประดาด้วยดวงดารา บรรยากาศแบบนี้ดึงให้เธอเผลอคิดถึงบ้าน...บ้านที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับไปอีกรึเปล่า?
เกือบจะเคลิ้มหลับแต่ต้องตบหน้าเรียกสติเพราะเธอยังมีเรื่องที่ต้องทำ
‘คืนนี้ฉันมีธุระ
...เป็นเด็กดีแล้วรออยู่ที่ห้องนะ’
หลังจากกลับมาร่วมโต๊ะกับทุกคนในแฟมิลี่
อยู่ดี ๆ โดฟลามิงโก้ก็ก้าวเข้ามากระซิบเสียงแผ่ว ชายหนุ่มถอดเสื้อกั๊กมาคลุมหัวเธอ แล้วบังคับให้หล่อนเอามันไปซักคราบน้ำลายตามที่เคยลั่นวาจาไว้
ก่อนจะพาร่างออกจากบ้านไป
ถึงไม่บอกว่าห้องไหนแต่เธอก็มั่นใจว่าไม่ใช่ห้องตัวเองแน่ ๆ
“เมื่อไหร่จะกลับมานะ?”
ไวโอเล็ตพึมพำ ไม่ได้นึกเกิดอารมณ์พิศวาสแต่อย่างใดที่ยอมมานั่งรอเขากลับบ้าน
แค่ตัวเองไม่อยากเข้าไปอยู่ในห้องนอนเขานาน ๆ ...อยากกลับไปนอนห่มผ้าที่ห้องตัวเองเสียเหลือเกิน
แต่พอคิดถึงผลลัพธ์ทั้งร้อยล้านรูปแบบแล้ว ...มานั่งรอให้เขากลับมาน่าจะดีต่อสุขภาพจิตที่สุด
“ไวโอเล็ต? อยู่นี่เองเหรอ?” เสียงนิ่ม ๆ ของโมเน่ดึงให้เจ้าหญิงต้องหันกลับไปมอง
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“อืม ช่วยออกไปกับคนขับรถหน่อยได้ไหม?
พอดีมีคนอยากให้ช่วยไปรับหน่อยน่ะ”
“ที่ไหนคะ?”
“ไม่ไกลหรอก ...ไปเลยนะ
คนขับรออยู่” พูดจบเลขาคนเก่งก็วกกลับเข้าไปในบ้าน
ก่อนต่อสายหาใครสักคนซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ยินบทสนทนา ตัดสินใจปัดฝุ่นออกจากกางเกงแล้วสืบเท้าออกไปหน้าบ้านทันที
เห็นคนขับรถที่คุ้นเคยยืนดื่มยาชูกำลังพร้อมโบกมือทักทายตอนทั้งสองสบตากัน
พ่อหนุ่มรีบซดรวดเดียวหมดก่อนจัดแจงพาสาวน้อยไปส่งยังจุดหมายปลายทาง
เพียงไม่นานล้อรถก็มาหยุดอยู่หน้าสถานบันเทิงย่านดัง
เด็กสาวตาถลน หันมองลูกน้องมาเฟียทันทีตอนเขาพาเธอมายังแหล่งอบายมุขเช่นนี้
“อย่าบอกนะให้มารับคนที่นี่!? แต่ฉันเข้าไปไม่ได้นะ”
“ทำไมครับ ไม่เคยเข้าเหรอ?
ให้ผมเข้าไปเป็นเพื่อนไหม?”
“โอ๊ย ไม่ใช่”
“อ๋อ...เรื่องชุดสินะ
ไม่เป็นไรครับ เอาสูทผมสวมทับก็ดูดีแล้ว” ไวโอเล็ตอยากจะจิกหัวคนข้างตัวเสียเหลือเกิน
เรื่องชุดที่ใส่ไม่เหมาะสมมันก็ใช่แหละ แต่งตัวพร้อมนอนมาเที่ยวผับแบบนี้คงโดนหาว่าเป็นคนบ้า
แต่เหตุที่เด็กสาวฉุนเฉียวคือเรื่องอื่นที่หนักกว่าเรื่องเสื้อผ้าอีก
“เฮ้อ! มาค่ะ เดี๋ยวคุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเข้าไปไม่ได้” พนักงานขับรถทำตาขีด
รีบก้าวขาตามร่างบางไปพร้อมถอดเสื้อมาคลุมให้ผู้หญิงของเจ้านาย
สายตามองการ์ดหน้าทางเข้าสลับกับคนพร้อมนอน ทำไมทั้งคู่ถึงจ้องกันเหมือนจะต่อยกันก็ไม่รู้
“ผมพาคุณไวโอเล็ตมาแล้วครับพี่”
“คุณไวโอเล็ตสินะ?”
การ์ดตัวใหญ่หรี่ตามองสาวน้อยพร้อมทำเสียงดุ
“เอ๊ะ? ก็ใช่ค่ะ”
“เชิญเข้าไปเลยครับ”
“เดี๋ยวสิ! ปกติมันไม่น่าใช่แบบนี้นี่!?” เจ้าหญิงร้องโวยวาย
ก่อนจะโดนคนขับรถดุนหลังให้ก้าวเข้าไปข้างใน
‘บกพร่อง!? การ์ดหน้าประตูกำลังทำงานบกพร่อง ไม่นะ...ที่จริงเธอไม่ควรจะเข้ามาในที่มั่วสุมแบบนี้!?
ตายแล้วชีวิตนี้!’ ระหว่างที่ในใจกำลังร้องเอะอะ
ทัศนวิสัยเธอก็เป็นสีดำ... รอให้การทำงานของร่างกายได้ปรับตัวธรรมชาติสายตาจึงเห็นว่าสถานที่แห่งนี้กำลังเต็มไปด้วยสีสัน
เหล่าชายหญิงต่างกำลังปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลง ระดับเสียงนั้นช่างมากมายเสียจนสาวน้อยไม่ได้ยินสิ่งที่คนด้านหน้าพูด
หลังจากเข้ามาด้านในอีกฝ่ายก็เดินนำหน้าแล้วจูงแขนเธอประหนึ่งพามาเที่ยวทัศนศึกษา
เธอเดินตามอย่างว่าง่ายเพราะหากปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับคลื่นมวลชน
มีหวังได้ประกาศตามหาเด็กหายแน่
แต่ทว่าระหว่างที่พยายามเบียดกายแทรกผ่านผู้คนไป
หัวไหล่เธอก็โดนรั้ง ร่างกายปลิวลอยตามแรงคล้ายถูกดึงดูดเข้าหา ลูกน้องของโดฟลามิงโก้ร้องเสียงหลงเพราะหลังจากเจ้าหญิงหลุดมือไป
เขาก็หันไปหาหล่อนไม่พบ
“ไงจ๊ะ? มาคนเดียวเหรอ? หือ...แขนเจ็บนี่น่า
แอบพ่อแม่หนีมาเที่ยวรึเปล่า? ...มาเถอะ เดี๋ยวพี่ชงเหล้าให้กินนะ
ใช้มือได้แค่ข้างเดียวลำบากแย่เลย” ไวโอเล็ตพยายามขืนตัวออก
แต่พ่อคนหยาบคายก็ตวัดแขนโอบรอบไหล่เธอแล้วดึงให้เข้าไปล้อมวงกับคนอื่น ๆ ที่เหลือ “เป็นไงเด็กใหม่อั๊ว พึ่งจับได้เมื่อกี้เลยนะ น่ารักดีไหม?”
“ยังเด็กอยู่เลยนี่? แต่ก็น่ารักดี” หนึ่งในกงแก๊งกระดกเหล้าเข้าปากพร้อมเอ่ยคุยด้วยคล้ายพวกเธอไปสนิทกันตั้งแต่ชาติปางก่อน
“เอ่อ คือว่าพวกคุณน่าจะจำคนผิดนะคะ
พอดีฉันมากับคนอื่นน่ะหรือถ้ายังไงไว้ค่อยคุยกันหลังจากนี้ดีกว่านะคะ” สาวน้อยพยายามใจเย็น แอบบิดตัวออกเพื่อไปให้พ้นจากที่ตรงนี้
“ไม่จ้ะ พี่อยากคุยตอนนี้เลย~
เมื่อกี้เห็นชัดว่าน้องมาคนเดียว ไม่เอาน่าอย่าดื้อสิ นี่ยอมให้กินเหล้าฟรี ๆ
เลยนะ เอาใจกันหน่อยสิครับ” เธอเริ่มหน้าบูด ดูทรงแล้วหากขอร้องให้ปล่อยดี ๆ
น่าจะไม่เป็นผล คงต้องงัดเอามารยาหญิงมาใช้เพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้เสียแล้ว
นึกขอบคุณเจ้าพ่อมาเฟียอยู่นิดหน่อยที่ทำให้เธอมีภูมิต้านทานเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง
“แหม...ฟรีเหรอคะ? ใจป้ำขนาดนี้ให้ฉันชงให้คุณดีกว่านะ ยืนนิ่งแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวจะป้อนให้เอง~” เด็กสาวรีบดัดเสียงอ่อน แงะเอาวงแขนของชายหนุ่มออกอย่างอ่อนช้อย ก่อนจะหันไปเทเหล้ามั่ว ๆ
ซั่ว ๆ แล้วส่งให้อีกฝ่าย เธอจงใจเทแต่เหล้าเน้น ๆ ไม่มีโซดาผสม แล้วยื่นจ่อไปที่ปากชายหนุ่ม
ยิ้มหวานก่อนจะคะยั้นคะยอให้เขาดื่มมันเข้าไป กดค้างไว้ไม่ให้อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกจากขอบแก้วได้ง่าย ๆ
เพราะเธอหวังให้เขาคอพับไปเลย
คงเพราะความคึกคะนองหรืออยากจะโชว์สาว
อีกฝ่ายจึงกระดกหวังให้หมดแก้ว แต่จังหวะนี้แหละที่ไวโอเล็ตเฝ้ารอ
เธอรีบผละตัว กำลังจะวิ่งหนีเร้นกายหายเข้าไปในฝูงชน
แต่เพราะการเคลื่อนไหวของคนเจ็บคงจะไม่ทันการณ์ แขนซ้ายเธอโดนกระชากให้หันกลับมาเผชิญหน้า
“เดี๋ยวสิ! จะไปไหนฮะ? หลอกให้กินนี่!
แบบนี้คงต้องขอเอาคืน” ระหว่างที่กำลังหมดสิ้นหนทาง จู่ ๆ
บริเวณโดยรอบก็เอะอะดังลั่น
“ปล่อยเธอด้วย! เพื่อความปลอดภัยของตัวแกเอง” เขากลับมาแล้ว
คนขับรถที่วิ่งวุ่นตามหาตัวเธอจนทั่ววิ่งกลับมาขวางหน้าพร้อมจ้องอีกฝ่ายเขม็ง รอบตัวเริ่มตีออกห่างตอนพบว่าอีกไม่นานแถว ๆ
นี้น่าจะมีศึกมวยแสนระทึกใจ
“ห๊า! อะไร! เป็นผัวอีนี่เหรอ? หรือถ้าอยากจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวก็ถอยไป
รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร!?”
“ฉันว่าแกมาหาเรื่องผิดคนแล้ว
ถ้ายังไม่หยุดเดี๋ยวดวงมันจะถึงฆาตเอารู้ตัวไหม?”
“อะไรวะไอ้เวรนี่!”
สถานการณ์จวนตัว ไวโอเล็ตจำต้องรั้งแขนพ่อคนขับรถให้ใจเย็นลงก่อน
“ช่างเขาเถอะ อย่าพึ่งมีเรื่องกันตอนนี้เลยเดี๋ยวมันจะวุ่นวาย เราไปกันดีกว่านะ ...ขอโทษคุณด้วยนะคะ ...โธ่เอ๊ยมาสิคะ จะไปเขม่นเขาทำไม?” ครั้นเห็นเจ้าหญิงพูดเตือน คนขับรถก็ลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจำต้องยอมกัดฟันปล่อยมันไป
ใจจริงเขาอยากจะสั่งสอนไอ้หนุ่มนั้นให้รู้สำนึกว่ามันกำลังยุ่งผิดคน และที่เขาทำไปก็หวังดีกับมันทั้งนั้น
เพราะหากเจ้าของตัวจริงมารู้...มันเองนั่นล่ะที่จะกลายเป็นผีเฝ้าผับไป
“อะไรวะ! คิดว่าจะไปได้ง่าย ๆ เหรอ! มาหาเรื่องอั๊วขนาดนี้แล้วอย่าคิดว่าหน้าแกจะยังดีอยู่นะเว้ย!”
ที่นี่มีมวย! …สาวน้อยยืนปิดปากทำตัวไม่ถูกเพราะทั้งคู่เริ่มตะลุมบอนกันแล้ว
ปกติสถานที่แบบนี้มันก็บ้าคลั่งจนเกินพอดีจะตายชัก แต่ยิ่งมีการชกต่อยมันยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่
ทำไมรอบตัวถึงส่งเสียงเชียร์กันล่ะ? ที่นี่มันไม่ใช่สนามประลองนะ!?
เด็กสาวยืนลังเล กำลังเค้นหาตัวช่วยทุกรูปแบบมาหยุดยั้งสถานการณ์ตอนนี้แบบสุดชีวิต!
‘คุณพ่อช่วยด้วย!’
- 45% -
………………………
นิ้วยาวกำลังใช้ชอล์กฝนหัวคิวอย่างใช้ความคิด
สองบุรุษกำลังนั่งอิงสะโพกกับเก้าอี้บาร์ก่อนไล้มองสองสาวที่กรี๊ดกร๊าดก้ม ๆ เงย ๆ แทงพูลกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากพวกตนเล่นไปได้สักพักก็ปล่อยให้สุภาพสตรีสุดกร้านโลกปิดเฟรมต่อให้จบ แล้วพาร่างมานั่งพูดคุยถึงเรื่องที่เคยคุยค้างไว้ในโทรศัพท์โดยไม่ต้องท่ามากให้มากความ
“ก็อย่างที่ว่า... ทางเลือกนั้นล่ะดีที่สุดแล้ว”
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้
อีกนานไหมกว่าราชามันจะเปลี่ยนท่าที?”
“ประมาณสองสามเดือน” โดฟลามิงโก้โยนชอล์กทิ้งไปตอนพบว่ามันแทบจะใช้การไม่ได้แล้ว แหงนหน้ามองเสียงร้องกรี๊ดดีใจที่คนตรงหน้าแทงลูกสุดท้ายลงหลุม
แม่สาวทีมเดียวกับเขาหัวเราะร่าก่อนวิ่งมากอดคอรายงานถึงผลการชนะ
“กรี๊ด เมื่อกี้เห็นไหมคะ?
เป็นจังหวะที่สุดยอดเลย แบบนี้พวกเราก็ชนะแล้ว ...ว่าแต่ว่าคุณนี่ระหว่างเกมก็ผละตัวออกมานั่งคุยกันสองคน
แบบนี้ต้องขอของรางวัลที่ฉันพาทีมชนะแล้วนะคะ” เด็กสาวในชุดเดรสสีเพลิงเอ่ยกระซิบแนบริมใบหู
แกล้งกรีดนิ้วไปตามร่องอกหวังยั่วยวนอีกฝ่าย
“อืม…เก่งมาก แล้วอยากได้รางวัลอะไรล่ะ?” ยั่วมาก็ยั่วกลับ
ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเล่นขนาดนี้เขาก็จะสนองให้เอง
“รางวัล? นั่นสิน้า~ จะว่าไปพอดีคุณพ่อกำลังลงเล่นการเมืองนะคะ
...เอ~ แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนสนับสนุนเลย แถวนี้จะมีใครใจดีมั่งไหมนะ?”
โดฟลามิงโก้ยิ้มเยาะในลำคอ คิดไว้ไม่มีผิดว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของผู้หญิงพวกนี้มันต้องมีอะไร
“ของแบบนี้มันต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนให้สมน้ำสมเนื้อนะแม่สาวน้อย
เธอมีอะไรมาให้ล่ะ?”
“ของให้คุณน่ะมันต้องมีอยู่แล้ว
แต่อดใจรอก่อนนะคะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่ไว้เดี๋ยวจะรีบกลับมา” เด็กสาวขยิบตา ค่อย ๆ ผละตัวออกก่อนโอบเอวเพื่อนสาวแล้วเดินเฉิดฉายลงชั้นล่าง
ทิ้งให้สองหนุ่มมองตามอย่างลำพองใจ
“ก็ว่าอยู่หน้าคุ้น ๆ ที่แท้ลูกนักการเมืองนี่เอง” เดียมานเต้พูดคล้อยตามหลังดอฟฟี่ที่ลุกไปยืนริมระเบียงก่อนสาดน้ำสีอำพันลงคอ
แค่พวกเขานั่งกันอยู่เฉย ๆ ก็มีเรื่องเข้ามาชนเสียได้... เหม่อมองบรรยากาศในร้านไม่ทันไรจู่ ๆ
ที่ด้านล่างก็มีเสียงแก้วแตกดังลอยมา ทั้งคู่รีบหันลงไปมองก่อนจะได้ยินเสียงโวยวายดังตามมาติด ๆ
มองเห็นกลุ่มคนยืนล้อมวงกันก่อนจะรับรู้ว่าข้างล่างกำลังเกิดการทะเลาะวิวาท
“อะไร? ตีกันอีกแล้วเหรอ?”
“ดูเหมือนจะต่อยแย่งหญิงกันนะ” ชายผมสีน้ำตาลชะโงกหน้าลงไปดูด้วย ก่อนเฝ้าดูเหตุการณ์ชุลมุนที่ชั้นล่างด้วยความสนุกสนาน
“แหม เล่นเอาซะอยากเห็นหน้าแม่ของรางวัลเสียจริง
จะหน้าตาขนาดไหนถึงทำให้ผู้ชายมาต่อยแย่งกันได้”
“จะไม่ลงไปดูหน่อยเหรอ ดอฟฟี่?”
“เรื่องขี้ปะติ๋วฉันไม่สนใจหรอก
ปล่อยให้ลูกน้องจัดการไป” โดฟลามิงโก้จ้องมองผู้ชายสองคนล้มลงไปคลุกฝุ่นก่อนหนึ่งในนั้นจะสลบคาตีน
ฝ่ายตรงข้ามเดินกรูเข้ามาหมายจะรุมกระทืบคนที่ยืนอยู่ แต่เพียงไม่นานพวกการ์ดก็พากันมาห้ามทัพแล้วลากความวุ่นวายออกจากห้องไป
สายตาเขากระตุก มองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนคุ้นตา ก่อนเจ้าของร่างจะวิ่งหายตามกลุ่มก้อนความอลหม่านหายไปเช่นกัน
‘ใคร!? ทำไมดูคุ้น ๆ’
“อ๊ะ! จะไปแล้วเหรอดอฟฟี่!?” เดียมานเต้ร้องถามตอนดอฟฟี่ทำท่าจะเดินออกจากที่ตรงนี้ไป
“ใช่ …ทำไม? ไม่มีเรื่องอะไรแล้วนี่”
ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วตอนหนึ่งในผู้บริหารดูลนลานแปลก ๆ
“แล้วยัยลูกนักการเมืองนั่นล่ะ?”
“ฝากนายจัดการด้วยล่ะกัน ยกให้ทั้งคู่เลย
ถ้าผลประโยชน์มันไม่ดีก็ไม่ต้องเอามาเป็นพวก” โดฟลามิงโก้หยักไหล่ตอบแล้วก้าวลงบันไดไปด้วยท่าทีสบาย ๆ
“โธ่! ก็บอกแล้วไงคะว่าอย่าไปมีเรื่องกับเขา นี่ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มันเป็นหนึ่งในธุรกิจของพวกคุณเรื่องมันจะไม่แย่เอาเหรอ” จู่ ๆ เสียงคุ้นหูก็แว่วดังเข้ากระทบโสตประสาท โดฟลามิงโก้ตวัดสายตา เอียงคอมองคู่รักที่ประคองร่างกันดูหวานแหวว
ก่อนจะเป็นฝ่ายหญิงที่ยกผ้าขึ้นมาซับใบหน้าแฟนหนุ่มให้อย่างน่าหมั่นไส้
“ผมก็ต้องร้องโธ่เหมือนนะ เมื่อกี้ไอ้บ้านั่นมันเกือบจะหอมแก้มคุณอยู่แล้ว”
ขมวดคิ้วมองอย่างไม่แน่ใจตอนร่างทั้งคู่มันดูคุ้นมาก
ยิ่งเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา แสงไฟสาดส่ายก่อนใบหน้าทั้งสองจะเด่นชัดอยู่ในสายตา
“เฮ้ย! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” เจ้าของผับร้องอย่างลืมตัวเพราะตอนนี้ใบหน้าทั้งคู่มันยิ่งกว่าชัดเจน
“อะ...อ้าว นายน้อย?
ผมกำลังจะพาขึ้นไปหาพอดีเลยครับ เฮ้ย!” คนขับรถเขินเก้อเนื่องจากคำพูดตัวเองพึ่งโดนเมินไปแบบน่าสงสาร ก่อนจะล้มหน้าคะมำไปชนขั้นบันไดตอนคนช่วยพยุงโดนดึงให้ลอยไปติดหน้าอกแกร่งแบบไม่ทันตั้งตัว
“มาได้ยังไง? ทำไมจะมาแล้วไม่บอก แล้วใครอนุญาตให้ไปกอดมันแบบนั้น!?”
“เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะ ...เอาเป็นว่ามารับคนน่ะค่ะ” ไวโอเล็ตสับสน เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่โมเน่บอกให้มารับก็คือโดฟลามิงโก้เองรึเปล่า?
“หือ? คิดถึงจนมารับถึงที่เลยเหรอ? ดีจัง แบบนี้ก็ดื่มต่อได้แบบไม่ต้องกลัวใครจะมาทำมิดีมิร้ายแล้ว” ตอนแรกร่างสูงคิดว่าจะกลับไปนอนกอดหมอนข้าง แต่พอหมอนข้างโดนพามาให้กอดถึงที่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่นี่ต่อดีกว่า
ไวโอเล็ตหมกตัวอยู่แต่ที่บ้านไม่ก็ที่ทำงานพาเจ้าหล่อนมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดูเข้าทีดี
“อ้าวเฮ้ย! เดินกลับมาทำไมดอฟฟี่ เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? …อ้าว ว่าไงยัยองค์หญิง
ตอนนี้ประเทศหล่อนร่ำรวยสุด ๆ เลยนะ ขอบคุณพวกฉันซะล่ะ” เดียมานเต้ยกแก้วขึ้นชนอากาศก่อนจะหัวเราะเยาะในความอาดูร
เด็กสาวทนเก็บอาการเพราะเธอไม่ชอบกิริยาแบบนั้นเลย
“ตอนนี้หมดเวลาคุยเรื่องงานแล้ว
ถ้าปากแกว่างก็ซดเหล้าเพรียว ๆ ซะนะ” โดฟลามิงโก้พูดห้ามปราม แสนเกรงว่าไอ้เจ้าดอกทานตะวันมันจะทำให้บรรยากาศดี ๆ
เสียหายหมด พาร่างบางเดินไปที่โต๊ะพูลก่อนจะยื่นไม้คิวส่งมาให้ “อยากเล่นไหม? แต่ใครแพ้โดนลวนลามนะ”
“แขนเดียวจะเล่นยังไงล่ะคะ?
...แล้วคุณเล่นได้เหรอ? เจ็บหลังอยู่ไม่ใช่รึ?”
หัวหน้าแฟมิลี่สะดุ้งโหยง มองลึกเข้าในดวงตาสาวน้อยยามหล่อนเอียงคอมองอย่างจับผิด
‘ฉิบหาย! ลืม’
“อ๋อ ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉันปวดหลังมาก!
ให้ตายสิเจ็บสุด ๆ เลยกินยาไปหลายเม็ด ตอนนี้มันเลยไม่มีอาการแล้ว
...เดียมานเต้มาเล่นกันอีกสักรอบ” รีบแก้ต่างให้ตัวเอง ก่อนจะท้าเดียมานเต้มันแข่งอีกรอบเพราะเกมเมื่อกี้พวกเขาแทบไม่ได้เล่นเลย
ไวโอเล็ตชักรู้สึกทะแม่ง ๆ จึงแอบจับผิดพ่อคนเจ็บอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่ทั้งคู่ต่างเล่นพูลเสียยังกับมืออาชีพจนสาวน้อยเผลอตัวดูอย่างเพลินตา ทั้งแทงชิ่งแทงลูกโค้ง
…นี่พวกเขาเกิดมาก็มาอยู่ในแหล่งอบายมุขเลยสินะ ถึงได้ดูช่ำชองขนาดนี้?
“ว่าแต่นี่เสื้อใคร?
กลิ่นไม่คุ้นเลย” หลังจากเล่นไปได้ไม่นาน โดฟลามิงโก้นั่งลงบนขอบโต๊ะก่อนจะรั้งเธอให้เข้ามาหาเพื่อตรวจสอบกลิ่น
ไวโอเล็ตพยายามเว้นระยะห่างไว้ แต่เอวเธอดันโดนไม้คิวกักกันไว้ให้อยู่ได้แค่ภายในวงแขนแข็งแรง
“เสื้อคนขับรถ...” อธิบายไม่จบดี เสื้อสูทก็ถูกถอดออกจากไหล่ก่อนจะลอยไปแปะหน้าคนขับรถที่นั่งซับเลือดอยู่ตรงมุมห้อง
“หือ...อะไรกัน? ใส่ชุดนอนมาหาเลยเหรอ เนี่ยกะจะมานอนกันที่นี่เลยใช่ไหม? ก็ได้นะ...ฉันไม่มีปัญหาหรอก แต่ที่มันแคบนะ คงต้องนอนเบียด ๆ กันหน่อย”
แหย่เด็กอนามัยเล่นก่อนคว้าแก้วขึ้นมาจิบเบา ๆ
“ก็ไม่รู้ว่าจะมาที่แบบนี้”
“เฮ้ยดอฟฟี่! ตานายแล้วจะเล่นไหม?”
“ไม่เล่น นายเล่นไปเลย”
“คุณดื่มเยอะไปรึเปล่าคะ?” เด็กสาวเอ่ยท้วงตอนพบเขายกแก้วดื่มไม่หยุดมือ
“หึ ๆๆ แบบนี้เขาเรียกเบา ๆ แต่หากฉันเมาไม่รู้เรื่องคงต้องยืมแรงเธอแล้ว จะว่าไป...เกล้าผมแบบนี้แล้วน่ารักจัง”
“พรูดดด!” เสียงพ่นน้ำดังออกมาจากด้านหน้าและด้านหลัง ไม่ต้องเดาให้มากความไวโอเล็ตก็รู้ว่ามันมาจากเดียมานเต้และคนขับรถที่ทำเป็นไม่สนใจพวกเธอทั้งคู่อยู่ สาวน้อยรีบขืนตัวออก แสนอายเหลือเกินเพราะช่วงนี้พ่อคุณพูดจาอะไรหน้าไม่อายมาก
แต่ขนคอต้องลุกซู่ยามได้ยินเสียงร้องแสบแก้วหู!
“เดี๋ยวสิ! นี่มันอะไรกันคะ!?” อารมณ์เหวี่ยงวีนเรียกให้ทุกคนในละแวกหันไปทางต้นเสียง
ไวโอเล็ตทำหน้าสงสัยเพราะที่ปลายทางเธอเห็นหญิงสาวแต่งตัวปลุกใจเสือป่ากำลังถลึงตามาทางนี้
ลูกสาวนักการเมืองเม้มปาก ภาพแนบชิดของโดฟลามิงโก้กับเด็กสาวแปลกหน้ากำลังทำให้แผนของเธอป่นปี้
รีบเดินอาด ๆ เข้าไปกระชากแขนบาง ๆ นั้น ก่อนจะง้างมือหมายจะตบสั่งสอนพวกชุบมือเปิบ
“คิดจะมาแย่งฉันเหรอ!
เด็กกะโปโลอย่างแกกลับไปนอนร้อยพวงมาลัยอยู่ที่บ้านไป!” ยังไม่ได้ทันจะได้ฟาดมือลงพวงแก้ม เข่าของผู้หญิงสุดเซ็กซี่ก็เกือบทรุด ลนลานทำอะไรไม่ถูกตอนโดนปลายปืนของโดฟลามิงโก้ชี้ตรงมายังหว่างคิ้วด้วยความคุกคาม
“อะไร!? นี่คุณคิดจะทำอะไร เราตกลงจะร่วมมือกันไม่ใช่เหรอ?”
“เฮอะ! เห็นชัดว่าลูกสาวมันสมองกลวงขนาดนี้
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพ่อมันน่าจะสมองกลวงยิ่งกว่าที่เลี้ยงลูกมาเป็นแบบนี้ ...ไสหัวไปซะ
ฉันไม่ทำธุรกิจกับพวกไร้สมอง” ไม่ต่อความยาวสาวความยืด บรรดาลูกน้องในละแวกต่างพากันย่างสามขุมเข้ามาหมายจะจำกัดศัตรูให้พ้นทาง
ไวโอเล็ตร้อนรนเพราะเหตุการณ์ในตอนนี้เธอคือต้นเหตุชัด ๆ
“ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณเข้าใจผิดนะคะ
ฉันไม่ได้จะมาแย่งอะไรคุณ... จริงสิ เพื่อนพ่อน่ะค่ะ ฉันแค่มารับเพื่อนพ่อกลับไปเท่านั้น”
“ฮะ!!! เพื่อนพ่อเรอะ!” คนสองคนประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย
แถมยังมีอีกหนึ่งหลุดหัวเราะพรืดออกมายามได้ยินข้ออ้างข้าง ๆ คู ๆ ของแม่เจ้าหญิง
“ใช่ค่ะเพื่อนพ่อ พอดีเขาพึ่งประสบอุบัติเหตุมา
คุณพ่อเป็นห่วงมากเลยขอให้ฉันมาช่วยดูน่ะค่ะ ขอโทษจริง ๆ นะคะที่ทำให้คุณเข้าใจผิดน่ะ
แต่ฉันไม่อยากทำให้ข้อตกลงที่พวกคุณกำลังจะทำมันต้องสูญเปล่านะ ถ้าไม่สบายใจยังไงเดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ
ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เด็กสาวยกมือขึ้นขอโทษขอโพย ก่อนจะสบโอกาสวิ่งปรู๊ดออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ไปด้วยความเร็วเหนือเสียง
“เพื่อนพ่อเหรอ!? เฮ้ยไวโอเล็ต! กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“เอ๊ะ มันยังไงกันแน่คะเนี่ย!?
เดี๋ยวสิคุณโดฟลามิงโก้!” ลูกสาวนักการเมืองโวยวายไล่หลังพ่อมาเฟีย
ตอนคนขายาววิ่งเข่นเขี้ยวตามลูกสาวเพื่อนออกไป
“ฮ่ะ ๆ ปล่อยไปเถอะอีหนู เธออยากจะเจรจากับพวกเราไม่ใช่เรอะ
ถึงไม่ใช่ดอฟฟี่แต่ฉันก็คุยแทนได้เหมือนกัน เพราะฉันเองก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของแฟมิลี่น่ะนะ
...เว้นแต่ว่าเธอจะมีเป้าหมายอื่นนอกเหนือจากนั้น” เดียมานเต้หัวเราะลั่นก่อนจะขยิบตาให้ยัยสาวดินระเบิด อีกฝ่ายมีท่าทางฮึดฮัดแต่สุดท้ายก็ยอมคุยด้วยแต่โดยดี
เพราะหากออกอาการมากไปเดี๋ยวจะเป็นเธอที่ถูกมองไม่ดี
หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงตีเข่าฉาดใหญ่เนื่องจากตนพึ่งได้ดูอะไรเด็ด ๆ มา สมแล้วที่เวอร์โก้มันแนะนำให้ลองพาไวโอเล็ตมาแหย่ดอฟฟี่เล่น ไม่คิดว่าเด็กน้อยของเขาจะเป็นเอามากขนาดนี้
‘เฮ้อ...ได้ของต่อรองไปข่มดอฟฟี่สุดที่รักเล่นแล้วสิเนี่ย~’
………………………
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นฉันปล้ำเธอกลางถนนแน่!” พวกเธอทั้งคู่เดินออกมาแล้ว
ไวโอเล็ตสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดเพราะข้างในมันอึดอัดมาก
“คุณตามออกมาทำไมคะเนี่ย?
ฉันรึอุตส่าห์หาข้ออ้างไม่ให้เรื่องมันแย่ลงนะคะ” สาวน้อยหมุนตัวกลับไป ไม่วายต้องแสดงใบหน้าเหนื่อยหน่าย เธอรึอุตส่าห์คิดหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้เรื่องมันบาดหมางแท้ ๆ
ไม่รู้ว่าเขาแกล้งไม่เข้าใจเจตนาของเธอรึเปล่า?
“ทำไม? จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากจะจับมือด้วยกันอยู่แล้ว ไอ้พวกนั้นมันยิ่งกว่าหมาในเสียอีก
วันดีคืนดีจะแว้งเข้ามากัดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะมีประโยชน์ก็แค่เป็นบันไดให้พวกฉันเหยียบก็เท่านั้นล่ะ”
“ร้ายกาจจัง แบบนี้ฉันก็เล่นละครเสียเปล่าสิเนี่ย?”
“ใช่! แถมยังติดลบด้วย ...เมื่อกี้เธอว่าไงนะ เพื่อนพ่อเรอะ!? คิดจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงฮึ?” โดฟลามิงโก้ยืนกอดอกก้มมองแม่ตัวดีที่แอบด่าเขาทางอ้อมแบบเนียนสุด ๆ ว่า
‘มีอายุ!!!’
“อ่าคือ...ก็ไม่น่าจะผิดเสียทีเดียวนะคะ
แบบว่ายังไงดีล่ะ? ฉันกับคุณมันคนละช่วงวัยกันเลยนะ”
“อะไร? เธออายุสิบกว่าขวบรึไง?” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม เห็นพ้องว่าพอไวโอเล็ตใส่เสื้อยืดกับกางเกงผ้าแบบนี้แล้วแม่สาวดูเด็กจริง ๆ นั่นแหละ
“ที่จริงก็ 19 ค่ะ แล้วถ้าหากมันไม่รบกวนจนเกินไป ขอร้องล่ะ...อย่าบอกให้ฉันเข้าไปในที่แบบนั้นอีกเลยนะคะ
ยังไม่บรรลุนิติภาวะเดี๋ยวงานมันจะเข้าพวกคุณแทน มันค่อนข้างจะลำบากใจ ...เอ่อ โดฟลามิงโก้?”
เด็กสาวยกมือขึ้นโบกเรียกสติ หลังจากพูดจบพ่อคนผมทองก็แข็งทื่อเป็นหินปูนไป
เธอกลับไปยืนเกาหัวแกร๊ก ๆ ก่อนเรียบเรียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงนิ่งไปล่ะ?
“มาแล้วครับ รอสักประเดี๋ยวนะ
เดี๋ยวผมไปวนรถมาให้” สาวน้อยหันมองตามร่างสมส่วนของคนขับรถ ก่อนจะเอนตัวกลับมารับมือกับหินหงอกหินย้อยที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
จวบจนเธอสะกิดเขาให้ขึ้นรถ พ่อคุณก็ยังนั่งนิ่งคล้ายตัวเองพึ่งดับวงจรการเคลื่อนไหวไปอย่างงั้นแหละ
รถกลับมาถึงบ้าน เจ้าหญิงก็ยังเฝ้าสังเกตอาการอีกฝ่ายตลอดเพราะแม้แต่ยามที่เขาเดินเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาใหม่
โดฟลามิงโก้ยังนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน ยามนอนตัวเขาก็ยังนอนตัวตรงจ้องมองเพดานคล้ายคนสติเลื่อนลอย
เธอถามอะไรไปเขาก็ไม่ตอบ จนสาวน้อยต้องยอมแพ้แล้วชิงหลับไปเสียเลย
รุ่งอรุณวันใหม่
โดฟลามิงโก้รีบลุกออกมาก่อนเจ้าหญิงจะตื่น
คว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วยเพราะรู้ว่าคนบนเตียงจะโทรมาปลุกทุก ๆ แปดโมง คงต้องรีบไปบอกให้เธอเปลี่ยนเวลาโทรหาเสียแล้ว
เพราะช่วงนี้เขายังให้สาวน้อยอยู่ใกล้ตัวอยู่เดี๋ยวเจ้าหล่อนจะจับพิรุธได้เสียก่อน
รีบแต่งตัวแล้วลงไปยังโต๊ะอาหารก่อนเอ่ยถามเรื่องที่ตนนอนคิดมาทั้งคืนกับทุกผู้ที่เขาพบหน้า
“ไวโอเล็ตเหรอคะ? รู้สิคะ 19 ไง”
“รู้สึกจะห่างกันห้าปีนะ 19
ใช่ไหม?”
“19 นะ-ดัสยัน เด็กกว่าฉันสองปีเอง”
“19 ครับ ว่าแต่นายน้อยถามทำไม?”
“นายน้อยไม่รู้เหรอ?
นึกว่ารู้แล้วเสียอีก”
“ถึงจะเก่งก็ยังเด็กนะ-จี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบนะ”
“อายุพอ ๆ กับโมเน่ไงคะนายน้อย
แต่อาจจะอ่อนกว่า”
“อายุเท่าไหร่ไม่สำคัญนะ-อิน
แต่ก็ 19 แหละ”
โดฟลามิงโก้กุมขมับ
‘อะไรวะ?
มันเกิดอะไรขึ้น?’ นี่ทุกคนรู้หมดเลยเหรอว่าไวโอเล็ตอายุเท่าไหร่
ทำไมถึงมีเขาคนเดียวที่พึ่งรู้ล่ะ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเธอยังเด็กแต่ไม่คิดว่าจะเด็กถึงเพียงนี้
ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดจู่ ๆ เด็กอายุ 19 ก็เคลื่อนตัวเข้ามาภายในห้องอาหาร บอสของแฟมิลี่ไล้สายตาสำรวจหล่อนอย่างถี่ถ้วน
‘อา ใช่แล้ว! เพราะการแต่งตัวแน่ ๆ เลยทำให้เธอดูแก่กว่าอายุจริง’ ถึงจะหาข้ออ้างให้ตัวเองแต่ความงุ่นง่านยังไม่จางหาย จนต้องถามสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ไวโอเล็ต... เธอรู้รึเปล่าว่าฉันอายุเท่าไหร่?”
“31 ไงคะ ถามทำไมเหรอคะ?” แม้แต่เจ้าหญิงยังรู้อายุเขาเลย ทำไมถึงมีแต่เขาที่ไม่รู้เรื่องของเธอเลยล่ะ
ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมหล่อนถึงบอกเขาเป็นเพื่อนพ่อ
ใช่ รอบหนึ่งเลยทีเดียว อายุระหว่างเขาและเธอมันห่างกันรอบหนึ่งเลยทีเดียว
‘ไม่น่าใช่ คำนวณใหม่ก่อน ...31
ลบ 19 มันเท่าไหร่นะ?’
“...โธ่เอ๊ย! มันแค่สองปีเองหนิ!”
“อะไรคะ?”
“แค่สองปีน่ะมันก็รุ่น ๆ เดียวกัน
เธอน่ะคิดมาก ...ถอนคำพูดเมื่อวานด้วยนะที่บังอาจมาว่าฉันเป็นเพื่อนพ่อ! เดี๋ยวคืนนี้ก็ร้องหรอก” คนถูกพาดพิงชะงักช้อนค้างไว้
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าโดฟลามิงโก้เป็นอะไร?
กินเหล้ามากจนสมองเหลวหมดแล้วผู้ชายคนนี้
*หมายเหตุ: ขึ้นชิ่ง คือการแทงเพื่อหาลำดับในการเล่นของผู้เล่น ผู้ที่ชนะในการ “ขึ้นชิ่ง” มีสิทธิ์เลือกว่าจะให้ผู้เล่นคนใดเล่นก่อน โดยการขึ้นชิ่งจะเสี่ยงทายโดยให้วางลูกไว้หลังเส้นเมืองแล้วให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งแทงลูกออกไปพร้อมกัน ฝ่ายใดกระทบชิ่งแล้วลูกวิ่งกลับมาใกล้ชิ่งล่างมากสุดจะเป็นฝ่ายชนะ
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
- 45 % -
แหล่งอโคจรช่างน่ากลัว บรึ๊ย~
- 100 % -
31 - 19 = ?
(นักเรียนคะ? สามสิบเอ็ดลบสิบเก้าเท่ากับเท่าไหร่คะ?)
โดฟลามิงโก้คุณตกเลขนะคะ
ความคิดเห็น