คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : #fictober ( 9 ) knight
#fictober2019
Drabble fiction
Pairing lucas & marklee
Rate PG
no. 9 (knight)
“มึงได้ยินข่าวปะวะ”
“ข่าวอะไร”
“ที่ว่าถึงเวลาที่ไนท์ต้องมีเลดี้แล้วไง”
“ไร้สาระ”
มินฮยองที่อุตส่าห์ตั้งใจฟังเพื่อนคนจีนอย่างจงเฉินเล่อพูดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกออกมาทั้ง
ๆ ที่เขาคิดว่าใกล้จะช่วงสอบแบบนี้อีกคนจะมีแนวข้อสอบหรืออะไรดี ๆ มาแชร์กัน
แต่สิ่งที่ได้ยินนั้นมีแต่เรื่องกอซซิบอะไรไร้สาระไปหมด
มินฮยองและเฉินเล่อเป็นเพียงนักเรียนธรรมดาในโรงเรียนที่ค่อนข้าง…คล้าย ๆ กับการ์ตูนตาหวาน เพ้อฝันเหมือนกับหลุดไปยังโลกที่ไม่ใช่ความจริง
ประมาณว่าไอ้โรงเรียนที่ว่าน่ะมักจะมีแก๊งค์หรือคนกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างโด่งดังและมีอิทธิพลต่อคนทั้งโรงเรียน
ทำอะไรก็เป็นที่จับตาไปเสียหมด.. ซึ่งมันดันมีแบบนั้นจริง ๆ
น่ะสิ ซึ่งไอ้โรงเรียนนั่นก็โรงเรียนเขาเอง
“โธ่
คนเรามันก็ต้องมีอะไรให้เม้าท์มอยแก้เบื่อบ้างดิว้า”
เฉินเล่อบ่นอุบ
“งั้นก็ไปเม้าท์มอยกับพวกซูจอง
ยูตะไม่ก็ดงฮยอกสิ”
เฉินเล่อกับเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ไฮสคูลเกรด
7
ในตอนแรกที่เขาเข้าไปคุยกับเพื่อนชาวจีนคนนี้เพราะว่าอีกคนสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีไม่ได้เลย
สามารถพูดคุยกันได้ด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เฉินเล่อสนิท? ไม่สิ
เรียกว่าตามติดเขามาจนถึงตอนนี้ดีกว่า
ซึ่งก็ใช่ว่าเขาและเฉินเล่อจะได้อยู่ห้องเดียวกันจนถึงตอนนี้นะ
พวกเขาทั้งคู่แยกกันเมื่อขึ้นเกรด 11
ที่เริ่มจะแยกห้องตามความชอบและความถนัดของตัวนักเรียนแต่ละคร
ตัวมินฮยองชอบที่จะอ่านหนังสือ
ชอบเขียนเสียมากกว่าเลยเลือกที่จะเรียนสายอาร์ตในแขนงของภาษาและวรรณกรรม
ส่วนเฉินเล่อผู้ที่เกลียดการอ่านหนังสือเยอะ ๆ
อย่างกับอะไรดีเลือกสายอาร์ตเหมือนกันแต่ไปในด้านเอ็นเตอร์เทรน จำพวกร้อง เต้น
แสดงแทน
แต่ก็อย่างที่บอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่เลิกสนิทกันได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะทุกเย็นเฉินเล่อก็จะตามมินฮยองเข้ามานั่งเล่นเกมส์ในห้องสมุดแห่งนี้ ใช่แล้ว
อ่านไม่ผิดหรอก‘เล่นเกมส์’จริงๆ ช่วงแรก ๆ
เจ้าเพื่อนตัวขาวก็บ่นเหมือนกันนะว่าทำไมชอบมานั่งที่ห้องสมุด แต่พักหลัง ๆ
กลับเป็นคนที่ติดใจเสียเองเพราะห้องสมุดคนน้อยไม่พอแถมยังเย็นสบายอีกต่างหาก
ช่างเป็นข้อดีที่น่าเหนื่อยหน่ายใจสำหรับมินฮยองเสียเหลือเกิน
“ไม่เอาอะ ไม่พูดกับพวกปากเปราะ” เฉินเล่อโบกมือปฏิเสธรัว ๆ “พวกนั้นเก็บความลับไม่อยู่
พูดกับมึงดีกว่า”
“นับว่าเป็นเกียรติ…ใช่ปะ?”
“หาไม่ได้อีกแล้วปะที่จงเฉินเล่อคนนี้จะแชร์ความลับกับคนคนเดียว”
“…ว้าว สุดยอดไปเลย” มินฮยองแกล้งทำเป็นตื้นตันแต่น้ำเสียงนิ่ง ๆ
นั้นกับสวนทางกับบริบทที่พูดกับเพื่อนตัวขาว “ลับขนาดนั้นเชียว”
“ที่จริงก็ไม่… แต่ว่านะ นั่นแหละ อยากเล่าให้ฟังไง”
“โอเค๊” มินฮยองพยักหน้ารับ
“สรุปฟังนะ”
แล้วไม่ฟังได้หรอ
มินฮยองคิดในใจ
“อ่าหะ”
“จะไม่พูดถึงพวกรุ่นพี่ที่เป็นไนท์หรอก”
เฉินเล่อกระซิบ “แต่จะพูดถึงไนท์รุ่นเดียวกับเรา”
“ใครอะ”
ทันทีที่มินฮยองถามจบ
เพื่อนตัวขาวถึงกับแสดงสีหน้าเหม็นเบื่อใส่เพื่อนเด็กเนิร์ดแว่นกลมคนนี้ทันที
“ก็พอเข้าใจนะว่าไม่สุงสิงกับใคร
แต่ใช้ชีวิตช่วงที่ไม่กูตอนเรียนยังไงวะ อย่างน้อยก็ควรจะรู้จักคนดัง ๆ บ้างสิ”
“…”
“แต่ก็เอาเถอะ
เห็นแก่ความเป็นเพื่อน”
“อยากเวิ่นเว้อมากกว่ามั้ง”
“เออนั่นแหละ
เดี๋ยวจะเล่าย้อนให้ฟัง จะได้มีอะไรประดับสมองบ้างนอกจากความรู้”
เดี๋ยวนะ… ประโยคนี้มินฮยองว่ามันดูแปลก ๆ
“ก็พอรู้ใช่ปะว่าโรงเรียนเรามันมีกลุ่มที่แสนจะโด่งดังจนคนในโรงเรียนสถาปนาให้เป็นไนท์ประจำโรงเรียน
ไนท์หรือผู้พิทักษ์ที่ว่าเนี่ย สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นและรุ่นเราก็คือลูคัสห้อง C”
“ห้องกีฬา?”
“อ่าหะ แต่ว่าคนที่จะเป็นไนท์ได้เนี่ยคุณสมบัติต้องตรงตามทุกอย่างนะ” เฉินเล่อชี้แจงในขณะที่เพื่อนแสนเนิร์ดก็ดูจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะสายตายังจดจ่อกับตัวหนังสือจาก
texts book อยู่เลย “ที่บ้านเป็นผู้อุปถัมป์โรงเรียน
เรียนเพอร์เฟกต์ ที่สำคัญต้องหน้าตาดีด้วย”
“…”
“ไม่งั้นจะเป็นหน้าตาของโรงเรียนเราได้หรอ
… มินฮยอง? อีมินฮยอง!!”
“หา?”
“ฟังที่เล่าปะเนี่ย” เฉินเล่อทำหน้าหงุดหงิดใส่เพื่อน
“ก็ฟังแต่เห็นว่ามันไร้สาระเลยเลิกฟังไง
โรงเรียนบ้าอะไรมีธรรมเนียมปัญญาอ่อน แบ่งชนชั้นหรอ ไหนคือความเท่าเทียม
สมัยนี้เขาไม่มีอะไรแบบนี้แล้วไหมอะ” มินฮยองเถียงออกมา
“ไม่รู้แหละ เล่าแล้วต้องฟังต่อให้จบ
เห็นแก่เพื่อน”
“เออ”
“แล้วทีนี้อะนะ ทุก ๆ
ปีจะต้องมีพิธีแต่งตั้งเลดี้”
“เพื่อ?”
“เออนั่นดิกูก็ไม่รู้
แต่นักเรียนอย่างพวกเราจริงจังมากเลยนะเหมือนจ้องจะเม้าท์อยู่ตลอดเวลา”
“เหมือนมึง?” มินฮยองจิกกัดเพื่อนช่างพูดไปอีกดอก
“สัด แต่นั่นแหละ
เห็นลือ ๆ กันมาว่าใกล้แล้ว ใคร ๆ ก็อยากรู้ว่าเลดี้ที่จะมาคู่กับลูคัสเป็นใคร”
“แล้ว?”
“จบแล้ว ไม่มีอะไร” เฉินเล่อยักไหล่เมื่อพูดในสิ่งที่ต้องการจะพูดจบ
“ไร้สาระตั้งแต่ต้นจนจบจริง
ๆ” มินฮยองส่ายหน้าอย่างปลงตก “ก็อีแค่พิธีหลอก
ๆ ถ้าโปรไฟล์ดีขนาดนั้นล่ะก็จ้างก็ได้ปะ”
“ไม่ได้ดิ ก็บอกอยู่ว่าคนจ้องจับผิดเยอะจะตาย”
“ดูอินกับเรื่องนี้นะ”
คนสายตาสั้นพูดพลางนั่งสรุปช็อตโน้ตสิ่งที่เพิ่งอ่านมาเพื่อเอาไว้อ่านตอนสอบโดยมีเพื่อนตัวขาวทำเสียงงุ้งงิ้งใส่เพราะเขาไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับท็อปปิคนี้สักเท่าไหร่
“ก็นั่นแหละ ใคร ๆ
ก็จับตามองไง”
“พูดจบแล้วนะ?”
“จบแล้วครับคุณมินฮยอง”
“ดี” มินฮยองปิดหนังสือ “งั้นเดี๋ยวกูไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มก่อน
เฝ้าโต๊ะด้วย”
ยังไม่ทันที่เฉินเล่อจะตอบรับมินฮยองก็เดินตัวปลิวออกมาแล้ว
ร่างโปร่งเดินลัดเลาะไปยังโซนหนังสือที่ตัวเองต้องการ
ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นมุมอับแต่อย่างไร เพียงแต่ว่าโซนนี้เป็นโซนที่งดใช้เสียงไปเลย
จึงทำให้มีคนมาใช้โซนน้อยไม่เท่าไหร่
มินฮยองเดินไปหยุดตรงชั้นที่เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ซีกโลกตะวันตกก่อนจะเริ่มไล่นิ้วไปตามสันเพื่อหาหนังสือที่ต้องการอย่างใช้สมาธิโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังเข้ามาใช้บริการหาหนังสือล็อกเดียวกับตนอยู่
“เฮ้”
มินฮยองสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแหบทุ้มของนักเรียนอีกคนนึงและเมื่อหันไปก็พบว่าอีกคนกำลังทำหน้างุนงงกับชั้นหนังสือตรงหน้า
“หือ”
“ผมหาหนังสือไม่เจอ คุณช่วยได้ไหม”
มินฮยองไม่ได้ตอบกลับไปแต่พยักหน้าให้อีกฝ่ายแทน
นักเรียนคนนั้นเดินเข้ามาก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับสไลด์หน้าจอเพื่อหาอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ซึ่งมินฮยองก็คิดว่าน่าจะเป็นหนังสือที่อีกคนต้องการ
“ผมต้องการหาหนังสือที่เกี่ยวกับกีฬา”
“หะ” มินฮยองร้องออกมาเมื่ออีกคนบอกสิ่งต้องการ “โซนนี้ไม่มีหนังสือที่คุณต้องการหรอกนะ”
“อ่า…”
คนที่ตัวสูงกว่ามินฮยองครางในลำคอก่อนจะเดินกลับไปที่หน้าตู้หนังสือที่แปะหมวดเอาไว้ก่อนจะขมวดคิ้วและเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนมองการกระทำของตนอยู่
“ผมมาถูกแล้วนี่”
“นี่มันโซนหนังสือต่างประเทศหมวดประวัติศาสตร์…”
“นั่นแหละ
ประวัติศาสตร์กีฬาสมัยกรีก-โรมัน” คนตัวสูงยิ้มออกมาเมื่อเห็นคู่สนทนาทำหน้าเหลอหลาเมื่อเขาบอกความต้องการตัวเองไป
“แล้วทำไมไม่บอกให้หมด”
“โทษที แค่คลำทางมาถูกล็อกก็ถือว่าเป็นบุญแล้วครับ”
“…”
“สรุปว่าคุณจะช่วยผมใช่ไหม?”
เมื่อมินฮยองไม่ตอบอีกคนเลยต้องถามย้ำอีกทีจนคนตัวเล็กต้องพยักหน้าอย่างจำยอม
คนตัวเล็กกอดหนังสือที่ตัวเองต้องการเอาไว้ในอกแล้วก็เริ่มหาหนังสือเจ้าปัญหาของอีกคนรวมถึงเขาด้วย
มือเล็ก ๆ เริ่มไล้นิ้วเช่นเดิม คนตัวเล็กย้อนกลับไปที่ล็อกข้าง ๆ
เพราะจำได้ว่าตัวเองเพิ่งผ่านหนังสือสมัยกรีก-โรมันมาเอง
ส่วนคนตัวสูงกว่าก็ไม่ได้นิ่งดูดายให้คนตัวเล็กหาเพียงคนเดียว
เขาเริ่มไล่หาหนังสือที่ต้องการทันที
คนตัวเล็กเริ่มขมวดคิ้วเมื่อหาหนังสือไม่เจอ
เขาหยิบเล่มนู้นทีเล่มนี้ทีมาเปิดดูเนื้อหาด้านในแบบคร่าว ๆ
อย่างตั้งใจจนคนตัวสูงหันมาเห็นถึงกับหลุดขำเพราะท่าทางเหมือนกำลังหาหนังสือของอีกฝ่าย
มันตั้งใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“หรือมันจะไม่มี” คนตัวสูงเดินมาสมทบกับมินฮยอง
“มันต้องมีสิ”
“ครับ ๆ”
“นั่นไง! ตรงนั้น ชั้นบนสุด เทพปกรณัมกรีก-โรมันและกีฬาในอดีตกาล” มินฮยองยิ้มอย่างดีใจก่อนจะชี้ให้อีกฝ่ายดู “ไปหยิบสิ”
คนตัวเล็กกว่าเลี่ยงให้คนตัวสูงเดินไปหยิบซึ่งอีกคนก็ยอมทำตามแต่โดยดี
มินฮยองรู้สึกอิจฉาอีกคนเหลือเกินเพราะคนคนนั้นไม่ต้องเขย่งเท้าเพื่อเอื้อมไปหยิบหนังสือเลยด้วยซ้ำเพราะส่วนสูงที่สูงกว่าคนปกติและช่วงแขนที่ยาวพอสมควรทำให้อีกคนหยิบหนังสือได้สบาย
ๆ ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเอื้อมไปหยิบหนังสือตรงนั้นได้เหมือนอีกคนได้ไหม
“ขอบคุณนะครับ” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มให้มินฮยอง
“ไม่เป็นไร” มินฮยองบอกปัดก่อนสายตากลมโตจะเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่อยู่บนอกของคนตัวสูง
LUCAS W.
ใช่คนที่เฉินเล่อบอกหรือเปล่า?
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ลูคัสถามอีกฝ่ายที่ยืนมองป้ายชื่อของเขาอย่างสงสัย “ชื่อผมมีอะไรหรือเปล่า”
“อ่า ไม่มีอะไร ถ้าได้หนังสือแล้วก็ขอตัวนะ”
มินฮยองโบกมือและเตรียมจะหันกลับไปยังโต๊ะของตัวเองแต่ก็โดนคนตัวสูงคว้าแขนเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“หะ”
“คุณ…ไม่รู้จักผมหรอ”
“มะ-ไม่”
“อ๋อ แปลกดี” ลูคัสลูบคางตัวเอง “ก็ว่าอยู่ถึงมองชื่อผมนานเลย… ได้ยินอะไรเกี่ยวกับผมมาหรอ”
“…ก็ไม่นะ”
“งั้นก็ดีเลย ช่วยผมหน่อยได้ไหม”
“ไม่!!”
“อ้าว
รีบปฏิเสธอะไรขนาดนั้น”
“ก็ถ้านายจะให้ไปช่วยปลอมเป็นเลดี้ของนายล่ะมะ-”
“ :- )”
มินฮยองทำหน้าเหมือนแมวหงอยทันทีที่เผลอหลุดปากออกไปส่วนคนตัวสูงยิ้มออกมาอย่างมีเล่ห์นัย
คนตัวสูงไล่สายตาไปที่ป้ายชื่อของเนิร์ดน้อยตรงหน้าเขาแล้วอ่านมันทีละตัว
“อี-มิน-ฮยอง”
“…”
“ชื่อน่ารักดีนะครับ
แถมยังรู้ด้วยว่าผมเป็นใคร นึกว่าจะไม่รู้จักกันซะแล้ว”
“เพิ่งรู้จักต่างหาก”
“หือ?”
“เพื่อนเพิ่งเล่าเรื่องนายให้ฟังเมื่อกี้”
“งั้นก็ต้องขอบคุณเพื่อนของมินฮยองใช่ไหมครับ”
“ไม่ต้อง” มินฮยองสั่นหัว “หมดธุระแล้วก็ปล่อยฉันไปได้แล้ว”
“ใครว่าล่ะ
คุณยังไม่ช่วยผมเลยนะ”
ลูคัสบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่เอา”
“ก็แค่ช่วยเป็นเลดี้ของผม… ไม่ได้หรอ?”
“มะ-ไม่ได้”
“เฮ้อ
ไม่ยอมหลงกลผมเลยนะ”
คนตัวสูงถอนหายก่อนจะพิงหลังที่ชั้นวางหนังสือ “งั้นเอาใหม่”
“…”
“ช่วยอนุญาตให้ผมจีบคุณได้ไหม?”
“หะ” มินฮยองร้องเสียงหลงก่อนจะทำหน้าตาเหลอหลา
“ก็คุณไม่ยอมเป็นแฟนผมอะ
ผมก็เลยต้องจีบคุณ”
“เดี๋ยว มะ-”
“ไม่มีแต่ครับ
ยิ่งใกล้วันผมต้องยิ่งรีบทำคะแนน เดี๋ยวได้คุณเป็นแฟนไม่ทันล่ะแย่เลย
คนยิ่งจับจ้องผมอยู่”
“นาย”
“จะหาว่าผมเอาแต่ใจก็ได้แต่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถอะ
เพราะผมจีบคุณแน่นอน คุณว่าที่เลดี้ :- )”
Ended
Scream and
comment on #serendipitylm
Talk จริง ๆ
เรื่องนี้นะจะแต่งต่อและเสริมได้อีกเยอะ แต่ด้วยเวลาที่มีไม่มาก
บวกกับงานรุมเร้าก็เลยมาสั้น ๆ กระชับได้ใจความแทนนะคะ แง เสียดายหน่อย ๆ ;; นี่เราไม่เคยลงฟิค 9 วัน 9เรื่องติดกันเลยค่ะ
พลังแห่งฟิคโทเบิลและเดดไลน์ล้วน ๆ แหะ
ความคิดเห็น