Behind the Stories♥ (YongSeo ft. Jonghyun)
มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว.. ผมชอบคุณ และคุณก็ไม่เคยรู้อะไรเลย..ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆสินะ..
ผู้เข้าชมรวม
1,770
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เบื้องหน้าที่ดูสวยงาม เส้นทางที่เหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ
ภาพของคนสองคนที่กำลังจูงมือกันบทถนนที่เรียกว่า ความรัก .
คงไม่มีใครสังเกต
คงไม่มีใครรับรู้
ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างเขา
.. ความรู้สึกที่เขาปิดกักขังไว้ในมุมที่ลึกที่สุดของความรู้สึก ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ปล. ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของคนแต่งล้วนๆนะคะ :)
ปล.(2) ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นนะคะ ดีใจที่ทุกคนชอบ เย้~ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ พิมพ์ผิดตรงไหน หรือเราใช้ภาษาแปลกๆ ก็ติกันได้จ้า
One-Sided Love (짝사랑) - Sandeul (B1A4)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Behind the Stories
Paring: Yonghawa x Seohyun x Jonghyun
Rate: Available for every age
Author: imeffa
มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว..
ผมชอบคุณ และคุณก็ไม่เคยรู้อะไรเลย..
ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆสินะ
ซอฮยอน..
กริ๊ง~
เสียงกริ่งดังขึ้นภายในห้องหอของชายหนุ่มสี่คนที่กำลังหมกหมุ่นอยู่กับการทำความสะอาดห้องเป็นพัลวัน ยงฮวาที่กำลังจัดของอยู่ตรงโซฟาสะกิดเรียกชายหนุ่มข้างกายเบาๆ
“แกไปเปิดประตูหน่อยสิไอ้จงฮยอน”
เจ้าตัวพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินพาร่างตัวเองไปหน้าประตู
กริ๊ก.
ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับเผยหญิงสาวร่างบางในชุดเดรสสีพีช แขนเล็กทั้งสองข้างหอบสรรพสิ่งมากมายเสียจนดูเทอะทะ ซอฮยอนยิ้มหวานให้คนเปิดประตูที่ตอนนี้เอื้อมมือมาช่วยเธอถือของ
“มาแล้วหรอ”
จงฮยอนเอ่ยทักเสียงเบา เขามองซอฮยอนที่กำลังเก็บรองเท้าตรงชั้นวางด้านหน้าของห้องด้วยสายตานิ่งสงบ
“ค่ะ รถไม่ค่อยติดก็เลยมาถึงเร็วกว่ากำหนดน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงใส “นี่ทำความสะอาดกันไปถึงไหนแล้วคะ?” ซอฮยอนเอียงคอถามอย่างใคร่รู้ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองส่วนภายในห้องนั่งเล่น ที่อีกสามหนุ่มยังคงวิ่งวุ่นจัดเก็บของกันเป็นหนูถีบจักรเหมือนเดิม
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าอดทำให้ร่างบางหัวเราะเพราะความน่ารักไม่ได้
ไม่เหลือเค้าโครงหนุ่มหล่อของซีเอ็นบูลเลยน้า..
“ขอรบกวนด้วยนะคะ~”
เจ้าตัวบอกกล่าว เป็นสัญญาณกลายๆเพื่อจะให้คนข้างในรู้ว่าตนเองมาถึงแล้ว หญิงสาวหอบร่างตนเองเดินเข้าไปหาบุคคลที่เหลือ ก่อนจะลับหายไปจากสายตาของจงฮยอน
เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติ่ง
เนิ่นนานกว่าสมองจะสั่งการให้เขาขยับตัว
เนิ่นนานกว่าเขาจะจัดการกับความรู้สึกยากจะอธิบายของตนเอง
“เฮ้อ”
จงฮยอนเหลือบมองข้าวของในมือที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะหอบพวกของกินมามากมายขนาดนี้ทำไม
คงเพราะเธอใส่ใจอย่างทุกที..
-
“พี่คะ อย่าถูพื้นอย่างนี้สิคะพี่”
ซอฮยอนผู้สวมร่างเป็นแม่บ้านเต็มตัวเอ็ดให้กับพี่ชายตัวโตที่ตอนนี้กำลังเงอะๆงั่กๆอยู่กับการถูพื้นอันไม่ได้ความ ยงฮวาทำหน้ามุ่ยก่อนจะปาดเหงื่อ “ทำไมทำความสะอาดมันเหนื่อยขนาดนี้นะ”
“มันไม่เหนื่อยหรอกค่ะ” เสียงหวานเถียง “ถ้าพี่ขยันทำทุกวันไม่ใช่มาทำเดือนละครั้งแบบนี้ละก็นะ”
“คร้าบ~ คุณแม่~” ร่างหนาขานตอบเสียงยาวอย่างล้อเลียน จนต้องได้กินลูกมะเหงกของซอฮยอนไปหนึ่งที
วันนี้เป็นวันที่สี่หนุ่มตั้งใจกันว่าจะจัดเก็บหอตัวเองที่สกปรกเลอะเทอะไม่ต่างกับถังขยะเสียที การที่นานๆจะมาเก็บที่ก็เล่นเอาคนอายุไม่ใช่น้อยๆอย่างพวกเขาหอบไปพอควร โชคดีที่ซอฮยอน ผู้หญิงสาวคนเดียวที่สนิทกับทุกคนในวงอาสาจะมาช่วยเพราะวันนี้ไม่มีตารางงานต้องไปถ่ายรายการที่ไหน แถมยังเป็นโอกาสดีที่จะได้นำของหมักของกินเล่นต่างๆที่คุณแม่ส่งมาให้จากบ้านเกิดมาแบ่งปันหนุ่มๆด้วย
“พี่ยงฮวาใช้สรรพนามให้ถูกหน่อยซี้ ~ คุณแม่ที่ไหนกันละ คุณภรรยาไม่ใช่หรอ”
เสียงแซวกวนประสาทดังมากจากบุคคลที่สูงที่สุดในวง จองชินยิ้มกระหย่องพลางสะกิดมินฮยอกที่กำลังกวาดพื้นให้มาเป็นเพื่อนแซวด้วยคน ซึ่งอีกคนก็ตอบรับโดยดี
“เอ้ะ หรือพี่ยงฮวาจะหมายถึงแม่ของลูกหรอครับ”
“ฮิ๊วววว~”
ว่าแล้วทั้งสองหนุ่มก็ฮาครืนกันไป..
ปล่อยให้ชายหญิงที่ถูกแซวมองหน้ากันไม่ติด ซอฮยอนก้มหน้างุดไม่อยากพูดอะไร ยงฮวาหมั่นไส้เจ้าสองแสบที่ทำเป็นแท็กทีมกันเอาใหญ่ จนต้องปาหมอนไปอย่างสุดแรง
หมับ!
มือดีของมินฮยอกคว้าไว้ได้ก่อนที่จะถึงตัว พร้อมกับจองชินที่แซวต่อทันที
“แหม คนมีความรัก เดี๋ยวนี้มือไม้อ่อนไปหมดแล้วหรอฮะ”
“ฮิ๊ววววววว~”
เสียงประสานดังขึ้นอีกรอบ ยิ่งเห็นพี่ใหญ่ทำท่าฮึดฮัดยิ่งได้ใจ หันไปขอแรงสนับสนุนจากพี่รองที่กำลังยืนปัดฝุ่นเงียบๆอยู่ตรงมุมห้อง
“สองคู่นี้เค้าเหมาะกันจริงๆเนอะ พี่จงฮยอน”
เขาชะงัก.
หางตาเหลือบไปมองหญิงสาวที่กำลังถูกล้อจนหน้าแดงด้วยอารมณ์ไหววูบ
ชายหนุ่มหลุบตาต่ำ ..เอ่ยออกไปเสียงเบา
“อืม.. เหมาะกันมากเลยละ”
ยงฮวากับซอฮยอนไม่ใช่คู่รักกัน..
แม้ทั้งสองไม่เคยพูดออกมาว่าต่างฝ่ายรู้สึกต่อกันยังไง แต่พวกเขาก็รู้กันอยู่ในใจ
มันเป็นความรักที่ไม่ต้องการแม้แต่คำพูดใดๆ
เป็นความรักที่คนนอกอย่างพวกเขาก็มองออกชัดเจน
จากสายตาที่ยงฮวามองซอฮยอน มันลึกซึ้ง ถนุถนอม ราวกลับเธอคือของล้ำค่า..
จากการกระทำของซอฮยอนที่แสดงออกว่าเธอเป็นห่วงยงฮวามากกว่าใคร รอยยิ้มที่เธอมอบให้ยงฮวาคนเดียว..
แน่ละ คนนอกอย่าง เขา ก็ดูออก
เขารู้ดีว่าทั้งสองรักกันมากแค่ไหน
รู้ดีว่าความรักของพวกเขามันมากมายสะจนไม่เหลือที่ว่างให้ใคร
.. ไม่มีเลย ..
“นี่ก็จะครบสองปีแล้วเนอะ ตั้งแต่รายการวีก็อตแมรี่จบลงน่ะ” ยงฮวาเปิดประเด็นขณะที่พวกเรานั่งล้อมวงกินชีทพาสต้าที่ซอฮยอนเป็นคนบรรจงทำสุดฝีมือ เขาว่าพลางตักเส้นพลาสต้าเติมให้ซอฮยอน
“กินเยอะๆหน่อยนะเราน่ะ ผอมจนจะเป็นผีกองกอยอยู่แล้ว”
“ผีกองกอยคืออะไรกันคะ” ร่างเล็กเอียงคอถามอย่างใครรู้ จนชายหนุ่มต้องหลุดหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวอย่างเอ็นดู
“อ๊า! อย่าสิคะพี่ ผมยุ่งหมดเลย”
“อะแฮ่มๆ!!!”
เสียงไออย่างจงใจขัดดังขึ้นมาจากในวง จองชินเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“ไม่แคร์สื่อ แต่แคร์พวกเรามั่งก็ได้นะครับ เบาหวานจะรับประทานตายกันอยู่แล้ว”
“หุบปากแล้วกินต่อไป ก่อนที่นายจะไม่มีเวลาบนโลกนี้ได้กินนะจองชิน -_-“ คำประกาศิตจากพี่ใหญ่ทำเอาไอ้เจ้าแสบเมื่อกี้หงอลงราวกับแมวน้อยทันควัน
“เออ แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วจริงๆนะครับ” มินฮยอกเอ่ยทัก “ดูสิ ตอนนั้นที่ซอฮยอนมาเยี่ยมหอ ก็ทำชีทพาสต้าให้เรากินแบบนี้เหมือนกัน”
“แต่ฝีมือตอนนี้อร่อยขึ้นเยอะเลยละ” พี่คนโตเอ่ยแซวสาวข้างกาย จนเจ้าตัวส่งสายตาค้อนก้อนโตไปให้
“อ้ะ จริงสิ” ซอฮยอนโพล่งขึ้นเหมือนนึกออก
“พูดถึงวีก็อตแมร์รี่ จริงๆแล้ว จำได้มั้ยคะ ว่าฉันต้องได้คู่กับจงฮยอนละ”
สายตากระตือรือร้นเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่น่าสนใจแวววับขึ้นมา ซอฮยอนหันไปถามจงฮยอนที่กำลังนั่งกินอยู่
“ถ้าได้คู่กับพี่จงฮยอนจะเป็นยังไงนะ”
“เหวยย~ ไม่เอานะ” ยงฮวาส่ายหัวเป็นพัลวัน “ถ้าซอฮยอนคู่กับไอ้ฮยอนมีหวังได้เฉาตายกันพอดี”
“ยี๋ ตัวเองเป็นหมาหวงก้างก็พูดมาเถอะ” ไอ้แสบตะโกนขัดหลังจากที่เพื่งโดนว่าไปเข็ดๆ “ถ้าพี่จงฮยอนคู่กับซอฮยอน ตัวเองก็จะไม่ได้เจอซอฮยอนแบบทุกวันนี้ใช่มั้ยล่า”
“เคยนั่งกินพาสต้าอยู่ดีๆแล้วล้มลงไปกองปะจองชิน -_-“
สายตาที่ห่ำหั่นระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กยังคงส่งถึงกันไม่หยุดหย่อน เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนในวงกินข้าว ยกเว้นคนๆเดียวที่ดูเหมือนจะกำลังจมพายุความที่พัดโหมกระหน่ำอยู่คนเดียว
นั่นสินะ.
จริงๆตอนนั้น เขาต้องได้คู่ซอฮยอน.. ถ้าไม่ติดว่า..
‘ผมขอเล่นแทนได้มั้ยครับ’
เสียงของยงฮวาขัดขึ้นมาตอนที่กำลังบรีฟงานคร่าวๆกับผู้จัด จงฮยอนเหลือบไปมองเจ้าของเสียงด้วยความแปลกใจ ปกติที่ยงฮวาไม่ใช่คนที่เอ่ยขอร้องอะไรแบบนี้..
จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นรูปของผู้หญิงร่างบางที่จะถูกรับเชิญให้เล่นรายการนี้คู่กับเขาในมือของพี่ยงฮวาก็เริ่มพอเข้าใจ.
พี่อาจจะหลงรักเขาในวินาทีที่เห็นภาพนั้น.
เหมือนที่เขาหลงรักเธอเช่นกัน.
ผู้จัดเริ่มปรึกษาทุกอย่างกันใหม่ในเวลาต่อมา และพบว่าทุกอย่างมันลงตัวมากกว่า ถ้าเปลี่ยนมาเป็นพี่ยงฮวาแทนที่จะเป็นจงฮยอน
มันเหมือนการที่เขาถือเชือกแห่งโชคชะตาอยู่เส้นหนึ่ง และถูกแย่งไปง่ายๆ จากคนใกล้ตัวของเขาเอง
เมื่อก่อนเขาคิดว่าไม่เป็นไร.. ไม่ต้องเล่นรายการด้วยกัน แต่เราอาจจะมีโอกาสได้เจอกันวันไหนวันหนึ่ง อาจจะมีโอกาสได้คุยกัน ได้ทำความรู้จักกัน
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น..
เขาสองคนรักกัน.
“เดี๋ยวผมเอาจานไปเก็บก่อนนะ” จงฮยอนเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินเข้าไปในครัวเงียบๆคนเดียว ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงของซอฮยอนตามมาด้วย
“เดี๋ยวฉันไปเก็บด้วยค่ะ”
“พี่จงฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวถามขณะที่เธอช่วยอีกฝ่ายรางจานด้วยสีหน้าไม่สู้ดี จากการเจอกันทุกครั้ง เขาก็มักจะไม่ใช่คนที่พูดมากอะไรอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะมีอะไรในหัวให้คิดมากเป็นพิเศษ
เงียบเสียจนซอฮยอนกังวล
สิ้นเสียง. จงฮยอนลดสายตาเหลือบมองอีกคนเนิ่นนาน..
มองดูอีกฝ่ายที่กำลังล้างจานอยู่เงียบๆ
แต่ก่อนที่จะได้ทันตั้งตัว ร่างเล็กกลับช้อนขึ้นมาสบตาเขาอย่างบังเอิญ
ดวงตากลมใสคู่นั้นฉงนไปด้วยคำถาม
อาจจะนับครั้งได้ที่เขาและเธอจ้องตากันอย่างนี้
ตึกตึก.. ตึกตึก..
และทุกครั้งมันก็จะทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งได้เสมอ
ขวับ.
จงฮยอนเสมองไปที่อื่น ก่อนจะตอบปัด “ช่วงนี้อยู่ในช่วงทำอัลบั้มใหม่น่ะ .. คงจะเหนื่อยนิดหน่อย”
หางตาของเขาสังเกตว่าซอฮยอนดูสดใสขึ้นมากหลังจากที่ได้รับคำตอบ
เธอคงกังวล.. ว่าเธออาจจะทำอะไรให้เขาไม่สบายใจ..
“หรอคะ” ซอฮยอนยิ้มอย่างกระตือรือร้น “เดี๋ยววันหลังฉันจะปั่นน้ำผลไม้ให้พี่ดื่มนะคะ มันช่วยให้สดชื่นได้มากเลยละค่ะ” เธอหันกลับไปล้างจานต่ออย่างอารมณ์ดี
สร้างรอยยิ้มน้อยๆให้ผุดขึ้นที่มุมปากของชายอีกคนที่น้อยคนนักจะได้เห็นว่าเขายิ้มอย่างมีความสุข
เราพูดกันแทบจะนับครั้งได้
เกือบจะพูดได้ว่า ในบรรดาทั้งสี่คน จงฮยอนกับซอฮยอนห่างเหินกันมากที่สุด แต่ท่ามกลางความห่างเหินนั้นซอฮยอนมักจะหยิบยื่นน้ำใจและความห่วงใยมาผูกมิตรกับเขาเสมอ เธอช่างบริสุทธิและสดใสจนเขาไม่แปลกใจ..
ว่าทำไมเขาถึงเลิกรักเธอไม่ได้สักที
กริ๊ก.
จานผลไม้วางกระทบกับโต๊ะแก้วตรงห้องดังเล่น
ซอฮยอนวางจานผลไม้ที่เธอกับจงฮยอนช่วยกันปอก ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งตรงโซฟาข้างๆยงฮวาที่ตอนนี้อีกคนก็กำลังอ้าปากรอแล้ว
“อ้า -O-“
“คะ?” ซอฮยอนขมวดคิ้วงง อีกฝ่ายก็เลย “อ้า -O- ป้อนหน่อย”
แก้มเนียนระรื่อด้วยสีแดงทันทีที่รู้เจตนาอีกฝ่าย พลางตีแขนเบาๆอย่างเง้างอน
“บ้าเหรอคะพี่”
เพราะอีกฝ่ายเขินจนหน้าแดง ยงฮวาก็เลยหัวเราะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอื้อมมือมาปัดปรอยผมที่ปรกหน้าร่างบางเบาๆ
“ช่วงนี้ทำงานหนักใช่มั้ย” น้ำเสียงยงฮวาอ่อนลงอย่างห่วงใย สายตาทอดซึ้งไปยังอีกฝ่าย
“วันไหนเราไปเดินถนนคังนัมกันนะ ไปรีเล็กซ์กันหน่อยเป็นไง?”
สิ้นคำชวน หญิงสาวก็ไม่รีรอรีบพยักหน้าอย่างตกลง “เค้าบอกว่าที่คังนัมมีต๊อกโบกิร้านนึงอร่อยมากเลยละค่ะพี่ วันไหนเราไปกินด้วยกันนะ”
“อื้อ สัญญา” ยงฮวายื่นนิ้วก้อยขึ้นมาชู พร้อมกับยิ้มรับทันทีที่ซอฮยอนเกี่ยวก้อยตนเอง
“อย่าผิดคำสัญญานะ”
พี่ชายคนโตหลุดขำจากประโยคข้างต้น หมั่นเขี้ยวความน่ารักของเจ้าตัวเล็ก เลยเอื้อมมือไปบีบจมูกเล่นสะเลย
“อ๊า~ หยุดนะคะ”
“ฮ่าๆๆๆ”
ภาพบรรยากาศน่ารักปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกลับจอฟิลม์ภาพยนต์.
หากแต่มันคงเป็นภาพยนต์รักที่ทำร้ายจิตใจเขาที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
จงฮยอนเหม่อมองทั้งสองด้วยความคิดที่ขาวโพลน ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นชาไปทั่วหัวใจ
หากเวลาย้อนกลับไปได้ละก็.
ถ้าหากวันนั้นพี่ยงฮวาไม่พูดประโยคนั้นขึ้นมาในวันบลีฟงานละก็.
มันอาจจะเป็นเขา ที่นั่งอยู่ข้างเธอตอนนี้ก็ได้..
เขารู้ดีว่าพี่ยงฮวารักซอฮยอนมาก มากเสียจนราวกลับมีโซ่มาขึงตรวนรัดทุกส่วนของจงฮยอน
ไม่มีสิทธิแม้จะได้หายใจใกล้กับเธอ ไม่มีสิทธิแม้จะอณุญาติให้หัวใจได้เต้นแรงเมื่อชิดใกล้
ความเจ็บปวดราวกลับเข็มมุดหลายล้านเล่มประดั่งเข้ามาทิ่มแทงหัวใจทุกทีที่เห็นเขาทั้งสองอยู่ใกล้กัน
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาต้องเบือนหน้าหนีให้กับภาพตรงหน้า
เจ็บปวดเกินกว่าจะได้ร้องไห้ออกมา.
จงฮยอนไม่อยากจะคิด.
แต่มันมีเสี้ยวของความรู้สึกจริงๆ ที่มักก่อเกิดคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ
ทำไม.. ทำไม
ทำไมพี่ยงฮวาต้องขโมยทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาไป..
และกลับหยิบยื่นความเจ็บปวดที่เขาไม่ต้องการมาให้มากมายขนาดนี้..
“นั่งเหม่ออะไรของแกน่ะจงฮยอน” พี่ใหญ่ทำมือวูบไหวไปมาตรงหน้าจงฮยอนราวกลับจะเรียกสติ เจ้าตัวกระพริบตาปริบๆ อย่างงงๆ หลังจากสติกลับขึ้นมาจากพวัง
“เมื่อคืนดูหนังโป๊เลยนอนดึกมากไปหรือไง” ยงฮวาเอ่ยแซวขำๆ แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู พลางส่งสายตามาบอกว่า
ถ้าเหนื่อยก็ไปนอนพักสะหน่อยนะ.
จงฮยอนเหม่อมองพี่ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาด
พี่ใหญ่ของวงที่ตอนนี้ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแต่ใบหน้ายังคงปรากฏร่องรอยความอ่อนล้าและการอดหลับอดนอนจากการทำงาน สะดุดความคิดของเขาให้หยุดนิ่ง.
บ้าจริง..
“ฮึ” เขาเค้นหัวเราะขันตัวเองในลำคอ พลางเสหน้าไปมองที่อื่น
อับอาย..
อับอายเหลือเกิน..
แกบ้าไปแล้วหรือไงกันจงฮยอน..
ในวันที่เราเหนื่อยมากที่สุด ลืมไปแล้วหรือไงว่ามีคนที่เหนื่อยกว่าเรา.
พี่ยงฮวาที่ทำงานหนักเพื่อคนในวงอย่างไม่คิดชีวิต อดหลับอดนอน ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเราก้าวไปข้างหน้า
แกกล้าไปคิดเลวๆกับพี่ยงฮวาแบบนั้นได้ยังไง..
จงฮยอนเหยียดยิ้มสมเพชให้ตัวเองราวกลับขยะแขยงตัวเองเต็มทน หลังแกร่งเอนหลังพิงโซฟาช้าๆ ก่อนจะหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อนและปิดกั้นความรู้สึกทุกอย่างจากเรื่องภายนอก
ไม่ว่าเรื่องราวเมื่อก่อนมันจะเป็นยังไง
ทุกอย่างคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
เขาควรจะยิ้มรับให้กับความรักของคนสองคนตรงหน้ามากกว่าไม่ใช่หรอ.
แค่ต้องอยู่อย่างเจ็บปวดให้ชินเท่านั้น
ตะวันตกดินไปนานแล้ว..
จงฮยอนไม่รู้ว่าคนข้างนอกเป็นยังไงกันบ้าง เพราะขอเขาหลบตัวมาแต่งเพลงเงียบๆคนเดียวในห้องให้เหตุผลว่าตัวเองครึ้มๆมีอารมณ์อยากแต่งเพลง แม้ว่าจิตใจของเขามันจะอ่อนล้าเพราะเรื่องราววันนี้ทั้งวันแล้วก็ตาม
เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่ซอฮยอนมาเยี่ยมที่หอ หรือทุกครั้งที่เห้นหน้าเธอ อารมณ์เขามักจะแปรปรวนไม่ต่างจากพายุกลางทะเล มันมักจะอ่อนไหวเสียจนเขาไม่เข้าใจตัวเอง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น จงฮยอนเหลือบไปมองตรงประตูทางเข้า พบกับร่างของยงฮวาที่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าร้อนรน
“จงฮยอน พี่มีเรื่องจะรบกวนให้ช่วย”
พรึ่บ.
ผ้าห่มผืนหน้าบรรจงคุมให้ร่างของหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ในห้องพี่ใหญ่อย่างสลบไสลไม่รู้สึกตัว
ร่างเล็กที่กำลังขดนอนอยู่ในผ้าห่ม ตัวสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาว ใบหน้าที่เคยสดใสของเธอบัดนี้เต็มไปด้วยความซีดเซียว
‘ซอฮยอนเป็นไข้แดด คงเพราะวันนี้เธอตากแดดมากเกินไป’
ยงฮวากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตายังคงจับจ้องไปยังซอฮยอนบนเตียงอย่างเป็นห่วง
‘แต่พี่กับมินฮยอกและจองชินมีคิวต้องไปออกรายการวิทยุวันนี้...’ เขาเว้นวรรค ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับจงฮยอนอย่างขอร้อง ‘พี่ขอฝากซอฮยอนไว้กับนายหน่อยนะ พี่ไม่กล้าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวจริงๆ ถ้า..ถ้าเธอช็อกเพราะพิษไข้ขึ้นมา พี่คง..’
ตุบ.
จงฮยอนตบไหล่พี่ชายตัวเองเบาๆ ‘ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมดูแลให้เอง’
สิ้นประโยค ดวงตาของอีกฝ่ายวูบไหวไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่ก็ยังคลายกังวลไม่หาย เจ้าตัวเลยย้ำอีกคำให้มั่นใจ
‘ผมจะดูแลซอฮยอนให้ดีเหมือนที่พี่ดูแลเลย’
“ซอฮยอน.. “ มือหนาเขย่าคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ปลุกสติของเธอที่สลึมสลือให้ตื่น ซอฮยอนปรือตาช้าๆ อย่างอยากลำบาก อาการปวดหัวแล่นเข้ามาทันทีที่เธอลืมตารู้สึกตัว
“ปวดหัว..” เธอคราง
“กินยาก่อนนะ” จงฮยอนเอ่ยเสียงอ่อน เขายื่นเม็ดยาให้ซอฮยอน ก่อนจะตามด้วยน้ำอุ่นหนึ่งแก้วโต
ซอฮยอนรับคำอย่างว่าง่าย เธอส่งแก้วน้ำกลับคืน ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ”
จงฮยอนพยักหน้ารับ ซอฮยอนเลยได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนเพลีย เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น
“ฉันไม่น่าเป็นภาระให้พี่เลย”
เขามองร่างบางที่ตอนนี้กลับไปนอนไม่มีสติอีกครั้ง แม้ในเวลาแบบนี้.. เธอก็ยังคงใส่ใจคนอื่นเสมอ
สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ในมุมที่ลึกที่สุดของหัวใจเผยออกมา
เขาไล่สายตาไปตั้งแต่ ตาที่กลมโตคู่นั้น.. ที่คอยจะส่งสายตาเป็นห่วงเวลาพี่ยงฮวาทำงานหนัก จมูกที่สันโด่ง.. ที่มักจะเชิดขึ้นอย่างขัดใจเมื่อทะเลาะกับพี่ยงฮวา
แก้มนวล..ที่จะเรื่อด้วยสีชมพูเป็นธรรมชาติทุกทีที่พี่ยงฮวายิ้มให้
ริมฝีปากแดง..ที่เผลอเผยยิ้มหวานอย่างมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้พี่ยงฮวา
.. ทุกเรื่องราวของเธอ จะมีพี่ยงฮวาอยู่ในนั้นเสมอ ..
เธอที่น่าถนุถนอมในสายตาเขา ณ เวลานี้ ราวกลับว่าหากใครจับเธอแรงอีกเพียงนิดเดียว เธอคงจะแตกออกมาเป็นเสียงๆ
จงฮยอนเอื้อมมือออกไปลูบหัวหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน
เธอคงไม่รู้..
ในความคิดเธอ เขาอาจเป็นเพียงคนแปลกหน้า
แต่สำหรับเขา เธอเป็นทุกๆอย่าง
เขาใส่ใจทุกรายละเอียดของเธอ
เขาห่วงใยเธอไม่แพ้ใครไหนๆ ..
เธอแค่.. ไม่เคยเห็นมันก็เท่านั้น
มันอาจจะมองไม่เห็น.. แต่มันก็มีอยู่จริง..
มือหยาบเลื่อนมากุมมือของอีกฝ่ายเบาๆ แต่กระชับแน่นอย่างมั่นคง
มือของซอฮยอนยังคงนิ่มเหมือนเราที่จับกันในวันนั้น ตอนที่พี่ยงฮวามีอีเว้นต้องร้องเพลงคู่กับซอฮยอน แต่พี่เขากลับติดธุระ มาซ้อมคิวก่อนไม่ได้ และกลายเป็นจงฮยอนที่ต้องซ้อมร้องเพลงไปพลางๆ ซึ่งพอมาถึงฉากที่ต้องประสานมือกันตอนจบของเพลง
เธอจะรู้มั้ยนะ ว่าตอนนั้นหัวใจของชายหนุ่มแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
จงฮยอนมองมือเล็กอย่างเลื่อนลอย
บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้ว..
“พี่ไม่เคยบอกสักครั้งว่าเธอคือภาระของพี่”
เขาพึมพัมราวกลับจะพูดกับตัวเอง
“ต่อให้เธอคือภาระ.. มันก็คือภาระที่พี่รับมาด้วยความเต็มใจ”
แกร๊ก.
ประตูห้องเปิดขึ้นทันที ร่างหนาเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบราวกลับจะกลัวว่าเธอจะตื่น จงฮยอนเหลือบไปมองผู้มาใหม่ ชักมือกลับมากจากซอฮยอน แล้วเอ่ย “ผมเพิ่งให้ซอฮยอนกินยาไป”
“หรอ” ยงฮวาพยักหน้ารับรู้ “ขอบใจนายมากนะที่ช่วยดูแล”
“พี่ไม่ต้องไปออกรายการวิทยุแล้วหรอ”
“อื้อ ขอเปลี่ยนตารางงานกันได้แล้วน่ะ ผู้จัดการก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ยงฮวาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งผิดวิสัย อีกฝ่ายทำได้เพียงสังเกตท่าทีนั้นเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เนิ่นนานที่ห้องปกคุลมด้วยความเงียบ
จงฮยอนลุกตัวขึ้นจากที่นั่งข้างเตียง ตั้งท่าว่าจะเดินออกจากห้อง ก่อนจะหยุดลงเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย
“จงฮยอน. เรื่องของซอฮยอน ”
คนถูกเรียกเหลือบไปมอง
เห็นฉากเมื่อกี้จริงๆด้วยสินะ
แววตาของยงฮวาตรงหน้า ไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธ หึงหวง หรือไม่เข้าใจ แต่มันสื่อถึงเขาคล้ายจะ ‘ข้อร้อง’
จงฮยอนยิ้มนิ่งๆก่อนจะตบบ่าพี่ใหญ่
“ขอโทษสำหรับที่ผ่านมานะครับพี่”
“ผมรู้ว่าถ้าเป็นพี่ ผมจะต้องไม่ห่วงอะไรแน่”
“ผมปล่อยมือจากเธอแล้วละ”
“ต่อจากนี้.. ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ”
เขาเดินจากไปโดยไม่เอ่ยออะไรออกมาอีกสักคำ.
ยงฮวามองน้องชายร่วมวงเดินออกจากห้องตัวเองไป ก่อนจะกลับมามองผู้หญิงตรงหน้า
และภาพที่ปรากฏก็ให้คำตอบชัดเจนแก่ตัวเขาเอง เพราะซอฮยอนเป็นแบบนี้..
มันไม่แปลกหรอก.. ที่เขากับจงฮยอนจะชอบผู้หญิงคนเดียวกัน
เขารู้มาตลอด.
ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าสายตาที่จงฮยอนมองซอฮยอน มันเป็นสายตาแบบเดียวกันที่เขามองเธอ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า จงฮยอนเจ็บปวดแค่ไหนเวลาที่เห็นเธอกับเขา
เข้ารู้มาตลอด..
เพียงแค่..
คำพูด.. บางทีก็ไม่สามารถสื่อสารได้ดีกว่าความรู้สึกมากนักเท่าไหร่หรอก
THE END
ผลงานอื่นๆ ของ imeffa:) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ imeffa:)
ความคิดเห็น