Diet สื่อรัก - นิยาย Diet สื่อรัก : Dek-D.com - Writer
×

    Diet สื่อรัก

    "ผมรักคุณ" พระพายบอก ฟ้าใหม่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้ยินมาเป็นความจริง เขาจะรักเธอได้อย่างไรในเมื่อเขามีผู้หญิงของเขาอยู่แล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    6,125

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    6.12K

    ความคิดเห็น


    62

    คนติดตาม


    28
    จำนวนตอน :  60 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 มี.ค. 67 / 11:51 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                 บทที่1 Diet สื่อรัก ฟ้าใหม่

     

    ตุ้บ!         

    “โอ๊ย! เจ็บจัง!”  ร่างของหญิงสาวที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง  ร่วงลงมากองกับพื้น  เธอกระพริบตางงๆ มองไปรอบๆ  แล้วกระถดมานั่งพิงขอบเตียง  เธอยังอยู่ในห้องนอนนี่น่า!

      “แล้วเมื้อกี้ล่ะ  มันอะไรกัน?”

      ชายหนุ่ม  ท้องทุ่ง ดินแดนสวยงาม  ปราสาท  อสูรร้ายกาจ  ความมืดมิดเย็นยะเยือกไร้ขอบเขต

        “โธ่!  ที่แท้แค่ฝันไป” 

        เธอฝันร้าย!   ฝันร้ายมากๆด้วย  เธอฝันว่ากำลังเดินตามชายหนุ่มรูปงาม ผ่านท้องทุ่งพุ่มพฤกษ์และป่าสนเขียวชอุ่มไปยังปราสาทแห่งหนึ่ง  ช่างเป็นปราสาทที่งดงามเหลือเกิน  ไม่เคยเห็นที่ไหนสวยเหมือนที่นี่มาก่อนเลย แล้วจู่ๆร่างของผู้ชายที่เธอตามมาก็ยืนนิ่งราวกับรอคอย  เธอก้าวเข้าไปหา  เขายื่นมือออกมา   เธอวางมือลงบนมือของเขา  แล้ววินาทีนั้นเอง  ความสุข ความฝัน ความหวังที่เธอมีก็พลันมลายหายวับไปกับตา เมื่อเจ้าชายรูปงามกลายร่างเป็นปีศาจร้าย ที่มีแต่ความโหดร้ายทารุณ เธอกรีดร้องจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แล้ววิ่งหนีสุดชีวิต เธอหนีไปจนสุดทางถึงหน้าผาสูงละลิบลิ่ว  ทว่าเจ้าปีศาจร้ายตามมาทัน  มันมองมาด้วยดวงตามุ่งร้าย  รังสีแห่งความอำมหิตแผ่ไปทั่ว ความเย็นยะเยือกแปลกประหลาดแล่นเข้าจับขั้วหัวใจ  เธอคุกเข่าลงอ้อนวอนขอชีวิตจากมัน  แต่มันเหี้ยมโหดไร้ซึ่งความเมตตาปราณี  ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง  เธอร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหลอีกแล้ว เธอหวังว่าจะได้รับเศษเสี้ยวหนึ่งของน้ำใจจากมัน  ได้รับซึ่งความเมตตา  และหวังว่าเธอจะรอด  แต่แล้วร่างของเจ้าปีศาจร้ายก็พุ่งเข้าหาร่างของเธอที่อยู่ตรงริมขอบผา  อย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินจะต้านทาน ร่างของเธอร่วงลงสู่หุบเหวลึกที่มีแต่ความมืดมิดดำทะมึนไร้ขอบเขต  รู้สึกตัวอีกทีก็กลิ้งหลุนๆตกเตียงลงมาแล้ว

        “มันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน  ไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อนเลย”  คนที่กลิ้งตกเตียงลงมาสะบัดหัวแรงๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ กลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ ตัวยังสั่นเทา ความกลัวแล่นเข้าจับขั้วหัวใจ เหมือนครั้งหนึ่งที่เธอเคยเจอ 

    ตอนนั้นเธอยังเรียนชั้นประถม ถูกเพื่อนๆที่โรงเรียนแกล้งจับขังในห้องน้ำอันมืดมิด  และอับชื้นเพียงลำพัง  กว่าจะมีคนมาช่วยก็กลัวจนตัวสั่น  ร้องให้จนหมดแรง

     ช่างเป็นความฝันแปลกประหลาด  เธอไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อนเลย   ราวกับความจริง  ตื่นขึ้นมาใจยังสั่นด้วยความกลัว  คนในฝันคล้ายเคยเห็นเคยรู้จัก  แต่นึกไม่ออกว่าใคร 

    ม่านสีฟ้าอ่อนที่หน้าต่างยังไม่ได้รูดเปิดออก ทว่าแสงสว่างเจิดจ้าจากภายนอกยังสาดส่องเข้ามาถึง  จนต้องกระพริบตาเพื่อให้ชิน  คนที่ฝันร้ายจนหล่นตกเตียงลงมาชักเอะใจ  มองหาสิ่งที่ทำให้ความสงสัยคลายลง

     “ตายแล้ว!” เธอคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู “เจ็ดโมงครึ่ง!  ลืมตั้งนาฬิกาปลุก  และกำลังจะเข้าประชุมไม่ทัน”   

    คนที่ตื่นเอาสายโด่งตะวันแยงก้นถลันลุก  รู้สึกขัดยอกที่สะโพกเล็กน้อย  พรวดพราดไปหยิบผ้าเช็ดตัว เลยชนเข้ากับเหลี่ยมเตียง  หน้าแข้งชา  เจ็บจนน้ำตาซึม  แล้วรีบตาลีตาเหลือกเข้าห้องน้ำ  เพราะไม่มีเวลาแล้ว!

     คนที่กำลังจะเข้าประชุมสาย  สวมเสื้อแขนยาวสีขาวถึงข้อมือ และกระโปรงยาวสีดำถึงข้อเท้าวิ่งตึงตังลงมาจากด้านบน ผ่านห้องโถงใหญ่ของบ้านวิ่งกระฮือกระหอบมาถึงเทอเรชด้านหน้า  และกำลังจะวิ่งผ่านเลยไป  เธอพบพ่อและแม่ที่ทานของเช้าเสร็จแล้วนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้น  และคุณแม่บ้านที่ยืนห่างออกมา

    “ฟ้าใหม่ไม่ทานอะไรก่อนหรือลูก?”   คนร้องท้วงรูปร่างอวบนิดๆ หน้าตาแม้จะมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาแต่ยังดูสะสวยและมีเค้าแห่งความใจดี

    ฟ้าใหม่ลูกสาวคนเล็กของคุณไตรและคุณน้ำฟ้า  ลูกที่พ่อแม่เป็นห่วงหนักหนา  ลูกที่คุณไตรถนอมราวกับแก้ว  รักดั่งดวงใจ ลูกที่ท่านให้ความอบอุ่นเป็นพิเศษ คอยดูแลไม่ให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ เพราะเธอไม่เหมือนคนอื่น

    “ใหม่รีบค่ะ  สายแล้ว  ขืนเข้าห้องประชุมไม่ทันพี่ฟ้าดุตายเลย  พี่ฟ้ากลับมาแล้วใช่ไหมค่ะ?”

    ฟ้าใหม่ละล่ำละลักถามถึงพี่ชายคนโต ซึ่งไปงานโรดโชว์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ  และมีกำหนดกลับถึงบ้านเมื่อคืนนี้

    ฟ้าลั่นลูกชายคนโตของบ้านพี่ชายคนเดียวของฟ้าใหม่   บิดามอบหมายให้เขาดูแลกิจการโรงแรมของครอบครัว  โดยมีน้องสาวเป็นผู้ช่วย  เขาเข้มงวดเอาจริงเอาจังกับเรื่องงาน  ยิ่งกับน้องสาวยิ่งเคี่ยวมากเป็นพิเศษ  คนเป็นพี่อยากให้ฟ้าใหม่พิสูจน์ตัวเอง ลบคำครหาจากกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นที่อคติกับฟ้าใหม่  และกล่าวหาว่าน้องสาวของเขาอาศัยอำนาจผู้เป็นพ่อจึงก้าวเข้ามาบริหารโรงแรมได้

    “พี่ฟ้ากลับมาแล้ว   ไปทำงานแล้ว” คุณน้ำฟ้าตอบ

    “ถ้าใหม่ช้าล่ะก็...”   ผู้เป็นน้องห่อไหล่

    “ถึงรีบก็ต้องกิน  หาอะไรรองท้องสักหน่อยก็ยังดี”  คนเป็นแม่ไม่ยอม  เพราะลูกสาวไม่ค่อยดูแลตัวเอง  กินข้าวไม่เป็นเวลาปล่อยให้หิวจัดจนหน้ามืดตาลาย  และชอบกินจุบกินจิบทั้งวัน  ยิ่งขนมกรุบกรอบ  ขนมหวานและพวกเบเกอรี่ยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ

    “ก็ได้ค่ะ...”   ฟ้าใหม่หันมาทางแม่บ้าน  “แม่นิ่มจ๋า ขอขนมและอะไรร้อนๆให้ใหม่กินรองท้องในรถหน่อยสิจ้ะ  ด่วนจี๋เลยนะ ใหม่ไม่อยากโดนพี่ฟ้าบั่นคอทิ้ง” ฟ้าใหม่บอกพร้อมท่าทางสยดสยอง

    “ได้ค่ะคุณหนู”   คุณแม่บ้านหายเข้าครัวว่องไว

    คุณไตรพับหนังสือพิมพ์เก็บ  เขาเป็นชายวัยกลางคน  รูปร่างสูงโปร่งดูภูมิฐาน  ใบหน้ายังมีเค้าคมคาย ผมเริ่มมีสีขาวแซมประปราย  ดวงตาดูเยือกเย็นและสุขุม “พี่ฟ้าบอกว่าไปงานโรดโชว์เที่ยวนี้ประสบความสำเร็จเป็นอันดี เรายังรักษากลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่น  พร้อมกับขยายไปยังกลุ่มประชุมสัมมนา และนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง”

    “ก็ดีสิค่ะพ่อ  พี่ฟ้าเก่งที่สุด  จะดีกว่านี้ถ้าเลิกกดขี่ข่มแหงรังแกน้อง”  คนพูดเบ้ปาก

    ผู้เป็นพ่อหัวเราะร่วนเพราะมีกันอยู่สองคนพี่น้อง แถมยังเป็นน้องสาวไม่ใช่น้องชายดั่งที่ฟ้าลั่นอยากได้ และเป็นน้องสาวที่แตกต่างจากคนอื่นเสียด้วยสิ ฟ้าใหม่จึงต้องเป็นทุกอย่างที่พี่ชายสั่ง มิฉะนั้นเธอจะไม่มีเพื่อนเล่น เพราะคนอื่นๆไม่ยอมรับเธอเป็นเพื่อน นับตั้งแต่สมัยเด็กถ้าฟ้าลั่นเป็นตำรวจฟ้าใหม่ต้องเป็นผู้ร้าย  ถ้าพี่ชายเตะบอลน้องสาวต้องคอยเก็บลูกให้  แต่ถ้ามีขนมน้องสาวต้องได้กินก่อน  ส่วนพี่จะคอยกินของที่น้องกินเหลือ  ถ้าเขามีเรื่องชกต่อยกลับมาบ้าน เธอจะเป็นกองเชียร์ช่วยใส่ยาที่แผลให้และช่วยปกปิดพ่อแม่  พอโตขึ้นมาหน่อยคนเกิดก่อนริจะจีบผู้หญิง  ก็มีคนเกิดทีหลังคอยส่งจดหมาย  ส่งดอกไม้เป็นแม่สื่อแม่ชักให้

    ครั้งหนึ่งฟ้าลั่นไม่เชื่อฟังพ่อ มัวแต่เที่ยวเล่นเถลไถลกลับบ้านผิดเวล่ำเวลา คุณไตรรอด้วยความเป็นห่วงพอเขากลับถึงบ้านจึงดุด่าว่ากล่าว  และเผลอพลั้งปากไล่ลูกชายออกจากบ้านด้วยความโมโห  คนเป็นน้องถึงกับร้องให้จ้า เก็บเสื้อผ้าใส่เป้วิ่งไล่ตามพี่ชายออกไปนอกประตูรั้ว  พลางร้องตะโกนเสียงดังตลอดทางที่วิ่งไป

    ‘พี่ฟ้าจ๋า...ยอน้องด้วย   ขอน้องไปด้วยคน  อย่าทิ้งน้องไว้คนเดียว  ไม่มีพี่ฟ้าแล้วน้องจะเย่นกับใคร’

     น้องสาววิ่งกระฮือกระหอบน้ำตานองหน้าตามมา  พี่ชายหยุดยืนรอ  เขาถึงกับหลั่งน้ำตา ภาพนั้นสะเทือนใจคนเป็นพ่อจนต้องวิ่งตามออกไปกอดลูกทั้งสองไว้แนบอก  นับแต่นั้นคุณไตรไม่เคยดุลูกรุนแรงอีกเลย

    “ไม่มีอะไรหรอก  พี่เขาแกล้งไปอย่างนั้นเอง  เขาเอ็นดูเราจะตาย”  คุณน้ำฟ้าแก้ตัวแทนลูกชาย

    “ถ้าล้อน้องแกล้งน้องแล้วแปลว่าเอ็นดู  แบบนั้นไม่ต้องเอ็นดูดีกว่าค่ะ”  ฟ้าใหม่ย่นจมูก 

    พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวคนเป็นพี่กลับชอบแกล้งน้องเสียนี่  ดึงผมบ้างล่ะ ล็อคคอบ้าง แถมยังชอบพูดจากระแนะกระแหนให้เจ็บใจ ใช้น้องยังกะทาส ยืมเงินก็ยังเคย (ไม่คืนอีกต่างหาก ทั้งต้นทั้งดอกหายเกลี้ยง)  บางทีพลั้งมือถึงกับเลือดตกยางออก  ฟ้าลั่นคงคิดว่าน้องสาวทนมือทนเท้ากระมัง เร็วๆนี้เองที่คนเป็นพี่แกล้งแตะเฉียดๆหน้าน้องสาว  ทว่าเขากะระยะผิด  ฟ้าใหม่ถึงกับปากแตกเลือดไหล เล่นเอาคุณน้ำฟ้าต้องอบรมลูกชายอยู่ห้าชั่วโมงเต็มๆ  ค่าที่ไม่ดูให้ดีทำน้องเจ็บตัว

    คนที่กำลังจะสายชะเง้อคอมองหาคุณแม่บ้าน  “แม่นิ่มช้าจัง...ใหม่ไม่ทันแล้ว”

    “มาแล้วค่ะ!  มาแล้ว!” คุณแม่บ้านร่างท้วมตัวใหญ่ใจดี  ยื่นกล่องขนมและกระติกเครื่องดื่มให้

    “ขอบคุณค่ะ”

    ฟ้าใหม่รับมาแล้ววิ่งปรูดไปที่รถ  ไขกุญแจเปิดประตู  ระบายลมหายใจยาว  สงสัยต้องซื้อคันใหม่ที่มีที่นั่งกว้างกว่านี้เสียล่ะมั่ง  คันนี้ดูท่าจะเล็กไป  เธอวางเอกสาร กระเป๋าถือไว้ที่นั่งฝั่งตรงข้าม แล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที  รีบสำรวจความเรียบร้อย เสื้อผ้าที่สวมอยู่ไม่มีรอยเปื้อนที่เกิดจากความซุ่มซ่ามของตัวเองเสมอ  จะลืมสิ่งของหรือก็เปล่า  เอกสาร กระเป๋า  กล่องใส่ขนมทุกอย่างอยู่ครบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ฟ้าใหม่ก็รีบขับรถออกไปทันที

    ยวดยานบนท้องถนนคับคั่ง  ใจฟ้าใหม่ไปอยู่ที่ห้องประชุมนานแล้ว แต่ตัวยังติดอยู่ที่สี่แยกไฟแดงความเร็วรถที่ใช้ได้ในขณะนี้  หนึ่งกิโลเมตรต่อสองชั่วโมง!

    “ตายแน่!  ตายแน่ๆ!” เพราะความฝันบ้าบอนั่นเชียว เธอจึงตื่นสาย และมาสายเอาวันที่พี่ชายกลับมาพอดี เขาไว้วางใจให้เธอดูแลโรงแรมคนเดียวสองอาทิตย์  เหตุการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยดี  มีขลุกขลักบ้างก็ตอนที่เธอจำชนิดของดอกไม้ในงานแต่งงานของลูกค้าผิด เอาดอกกุหลาบสีขาวจัดแทนดอกกุหลาบสีชมพูที่ลูกค้าต้องการ  คู่บ่าวสาวหน้ามุ่ยไปเหมือนกัน  แต่ที่รอดตัวมาได้เพราะฟ้าใหม่พอจะมีฝีมือด้านการจัดดอกไม้อยู่บ้างเธอจึงไปช่วยเขาจัด และเธอสามารถเนรมิตดอกไม้ในงานเลี้ยงสวยเสียจนแขกเหรื่อออกปากชม  ฝ่ายโน้นจึงไม่ติดใจเอาเรื่อง  ก็ฟ้าใหม่ชอบกุหลาบสีขาวเอามากๆ  จนคิดว่าคนอื่นจะชอบเหมือนเธอ

    สัญญาณไฟเป็นสีแดงมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว  ไม่ยอมเปลี่ยนสักที  ดูเหมือนวันนี้จะติดหนักเสียด้วย จอดมาตั้งนานไม่พ้นแยกนี้สักทีเหลืออีกตั้งสองแยก

    “โอ๊ย!ทำไงดี  เก้าโมงแล้ว ถึงเวลาประชุม”

    โครกคราก!  เสียงท้องร้องหิวจนแสบไส้ ฟ้าใหม่หยิบกล่องขนมที่คุณแม่บ้านเตรียมให้เปิดออกดู  บราวนี่สองชิ้นโตๆยั่วยวนน้ำลายอยู่ในนั้น  แม่นิ่มช่างน่ารักจริงเตรียมของโปรดให้ คนที่กำลังหิวไม่รอช้ารีบหยิบบราวนี่ใส่ปาก  มือขวาถือขนมมือซ้ายถือกระติกช็อกโกแลตร้อน

    “อืม...วิเศษ  รสชาติดีจริงๆ”  หวานหอมนุ่มลิ้น  เวลาลิ้มลองราวกับล่องลอยโบยบิน  ช็อกโกแลตนุ่มละมุนแสนอร่อย  สวรรค์ของฟ้าใหม่โดยแท้

    ฉับพลัน...สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว  รถคันหน้าเคลื่อนออกไป  ขนมยังคาอยู่ในปาก  พร้อมกันนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น...ฟ้าใหม่รีบกลืนขนมลงคอ มันฝืดติดอยู่ที่คอกลืนไม่ลง....เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ เธอไม่สนใจรีบดื่มช็อกโกแลตลงไปก่อนที่ขนมจะติดคอตาย...รถคันหลังบีบแตรไล่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว...โทรศัพท์ไม่หยุดร้องซะทีแต่ไม่มีเวลาดูแล้ว  ก่อนที่จะโดนขว้างกระจกรถกลางสี่แยก...ฟ้าใหม่รีบขับออกไปทันที

    ฟ้าใหม่มาถึงโรงแรมตอนเก้าโมงสามสิบนาที  ผ่านล็อบบี้ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่  ที่มองเธอเป็นจุดเดียว  คนที่จดจ่ออยู่กับการประชุมไม่ได้สนใจ วิ่งปราดเข้าไปในลิฟต์ประตูปิดลงอย่างรวดเร็ว  ไม่ทันเห็นพนักงานต้อนรับคนหนึ่งที่วิ่งตามมา!

     

    เรวดีเลขาสาววัยต้นสามสิบของฟ้าลั่น  คอยืดคอยาวเดินพล่านอยู่หน้าห้องประชุม  เฝ้ารอกระวนกระวาย  ป่านนี้แล้วนายเล็กยังไม่มา นายใหญ่ที่อยู่ในห้องประชุมแทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอ  สั่งให้โทรตามตัวต้นเหตุโดยเร็วที่สุด  ถ้าตามไม่ได้ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า  แล้วจนป่านนี้เธอยังตามตัวคุณฟ้าใหม่ไม่ได้เลย

    ร่างที่พ้นมุมห้องมาใบหน้ามันแผล็บ  เหงื่อเม็ดโป้งไหลย้อย  หอบหายใจจนตัวโยนต้องอ้าปากช่วย  ผมที่มัดไว้หลุดรุ่ยร่าย  คุณเรวดีดีใจนักที่เห็นร่างนั้น  เธอปราดเข้าไปหาเร็วรี่

    “โอ๊ย...เหนื่อย...เกือบ...ตาย...ใหม่วิ่งมา…”   ฟ้าใหม่พูดพลางหอบพลาง

    “ยังไม่ต้องพูดหรอกค่ะ”  เรวดีแย่งเอกสารในมือมาพัดลมให้ “สูดลมหายใจเข้า...หายใจออก...หายใจเข้า...หายใจออก...”

    ฟ้าใหม่ทำตามจังหวะที่เลขาสาวบอกสักพักค่อยดีขึ้น  หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลย้อย

    “ทำไมเพิ่งมาค่ะ?   คุณฟ้าหน้าบึ้งเชียว บ่นว่าเป็นถึงผู้จัดการมาประชุมสายได้ยังไง  สั่งดิฉันโทรตามคุณ ฉันโทรจนมือหงิกคุณก็ไม่ยอมรับสาย”

    “ขอโทษค่ะคุณเร”  ฟ้าไหม่ยิ้มแหย  “เอ้อ...คือมันมีเรื่องนิดหน่อย  เอาเถอะยังไงใหม่ก็มาถึงแล้ว  วันนี้คงประชุมนานเพราะพี่ฟ้าไม่อยู่หลายวัน  เรารีบเข้าไปข้างในดีกว่า”

    พูดจบฟ้าใหม่เคาะประตูห้องประชุมนำหน้าเรวดีเข้าไป ภายในห้องประชุมมีผู้จัดการฝ่ายต่างๆนั่งกันอยู่พร้อมเพรียง  แถมแต่ล่ะคนยังอายุมากกว่าเธอทั้งนั้น  เริ่มจากฟ้าลั่น  เขานั่งหน้าสุดในที่ของท่านประธาน  ถัดไปคือเข็มจิรา  ผู้จัดการแผนกต้อนรับ  คนต่อไป คุณกิตติผู้จัดการฝ่ายช่าง คนสุดท้ายที่นั่งฝั่งนี้คือคุณเริงฤทธิ์ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม  และฝั่งตรงข้าม  เริ่มจากที่นั่งที่ยังว่างอยู่  ซึ่งเป็นของฟ้าใหม่  ต่อด้วยคุณสุนันท์ผู้จัดการฝ่ายบัญชี  คุณธีระเดชผู้จัดการฝ่ายบุคล  คุณวีณาผู้จัดการฝ่ายแม่บ้าน  และคุณปิติพงศ์เชพใหญ่ประจำโรงแรม 

    คนมาสายรู้ตัวดีว่าคงจะโดนที่ประชุมสวดยับเรื่องที่มาไม่ทันเข้าประชุม  แต่จะทำอย่างไรได้ก็มันไม่ทันจริงๆ  ถ้าขืนหายหน้าไปจะโดนหนักกว่านี้  คนที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้วต่างหันมามอง  ฟ้าใหม่ส่งยิ้มจืดสนิทจ่อยจ๋องไปให้  ดวงตาที่มองมามีแววตำหนิติเตียน  ฝ่ายเรวดีพอได้เห็นด้านหลังของอีกฝ่าย  เธอถึงกับอ้าปากค้าง  อารามตกใจเผลอหลุดปากเรียกชื่อ

    “คุณฟ้าใหม่ค่ะ!” 

    ฟ้าใหม่หันขวับกลับมาทันที  เลขาของฟ้าลั่นเพิ่งรู้ตัวว่าเธอทำผิดมหันต์! 

    “ย...อย่าหันมา!” 

    แต่ช้าไปเสียแล้วฟ้าใหม่หันมา  เธอเผยด้านหลังของตัวเองให้ที่ประชุมเห็น  เธอมองหน้าเรวดีอย่างฉงนสนเท่ห์!

    เสียงฮือฮาดังมาจากผู้เข้าประชุม  เสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นทีละน้อย  จนกลายเป็นเสียงหัวเราะ  ไม่มีใครคิดจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้เลย!

    ฟ้าใหม่หน้าตาเลิกลั่กยืนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  เรวดีก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น  คนอื่นหัวเราะสนุกสนานตลกขบขัน  พวกเขาพากันชี้ชวนให้ดูด้านหลังหญิงสาว

    ฟ้าลั่นปวดหัวจี้ดขึ้นมาทันที  เขายกมือขึ้นกุมขมับ  ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินมายังตัวต้นเหตุ พี่ชายถอดเสื้อนอกคลุมสะโพกให้น้องสาวแล้วกระซิบเบาๆ  พอได้ยินกันสองคน

    “ซิบกระโปรงแกแตก เห็นกางเกงชั้นในสีชมพูหวานแหวลายลูกหมูยิ้มแฉ่งถนัดชัดเจนเลยว่ะ”

     

    “เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...”  คนที่วิ่งหนีออกมาจากห้องประชุม  ถอนใจนับพันครั้ง  อยากตายล้างอายเสียให้ได้ เธอนั่งหมดแรงบนเก้าอี้ในห้องทำงานของตัวเอง

    “ทำไมต้องเป็นฉันทุกที  ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วย”

    ฟ้าใหม่กุมขมับรู้สึกบิดมวนในท้องรันทดหดหู่จนไม่อยากทำงานต่อ ถ้ากลายเป็นโต๊ะเป็นเก้าอี้ได้แล้วไม่ต้องทนแบกความอับอายเธอก็อยากจะลองเป็นดู  ต่อไปนี้จะเดินไปไหนมาไหนในโรงแรมได้อย่างไร  ต้องโดนหัวเราะเยาะแน่เลย  เพราะเธอไม่เหมือนคนอื่น กลางที่ประชุมทุกคนจ้องมองมาราวกับเธอเป็นตัวประหลาด เสียงหัวเราะดังลั่นบาดหูเหลือเกิน

    “โอ๊ย...อยากตาย!” 

    ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ  ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา  เจ้าของห้องถลาลุกโผเข้ากอด  เขาเซเล็กน้อยตามแรงปะทะแต่ก็ประคองตัวไม่ให้ล้มลง

    “ฟ้าใหม่เกิดอะไรขึ้น?”

    “คราวนี้แย่แน่เลยนาวิน พรุ่งนี้จะกลับมาทำงานได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”  ฟ้าใหม่บอกรัวเร็ว

    นาวินดันร่างเพื่อนห่างจากตัว  “ใจเย็นก่อน ค่อยๆเล่า  ช้าๆ  ชัดๆ”

    เกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนฟ้าใหม่โทรหาเขา  เสียงที่พูดสั่นและเบาจนจับความไม่ได้   รู้เพียงเพื่อนต้องมีเรื่อง เพราะความซุ่มซ่ามไม่ระมัดระวังตัวของเพื่อนเป็นที่ประจักษ์  เธอและเขารู้จักกันมานาน  ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย  และมิตรภาพก็ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

    นาวินรักความมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่นของฟ้าใหม่  ในยามที่เขามีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจ  เธอจะคอยช่วยเหลือและรับฟัง ขณะเดียวกันถ้าเธอมีเรื่องทุกข์ร้อนโดนรังแกกลั่นแกล้ง  เขาจะคอยปกป้อง  และออกหน้าแทน ขณะนี้เพื่อนสาวกำลังเดือดร้อน พอวางหูโทรศัพท์เขาจึงเร่งรุดมา 

    เพื่อนหนุ่มมองหน้าขาวซีด  ดวงตาสีน้ำตาลโศกสลดเหมือนจะร้องให้  เขาประคองร่างของเพื่อนมานั่งบนโซฟารับแขกเล็กๆตรงมุมห้อง

      “เอาล่ะ  ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

       “เฮ้อ...”  ฟ้าใหม่ถอนหายใจอีกเฮือก  เริ่มเล่ารายละเอียดให้เพื่อนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

        “...เราทะเร่อทะร่าเข้าไปไม่รู้ตัวเลย  ทุกคนหัวเราะกันใหญ่  พวกนั้นชี้มาที่ด้านหลังหัวเราะกันสนุกสนาน มารู้ตัวตอนที่พี่ฟ้าเอาเสื้อมาคลุมให้แล้วกระซิบบอก  แต่ไม่ทันการทุกคนเห็นหมดแล้ว  เราตัวร้อนแล้วก็เย็นสลับกันแล้วกลับไปร้อนอีก ทนตากหน้าอยู่ในห้องประชุมต่อไปไม่ไหวต้องวิ่งหนีออกมา”

          คนฟังเกาหัวแกรกๆ  ปกติเพื่อนซุ่มซ่ามเป็นประจำ  แต่คราวนี้บวกความซวยเข้าไปด้วย

           “แล้วกระโปรงของเธอตอนนี้มัน...เอ้อ...”

            “เปลี่ยนแล้ว เราให้คุณเรเลขาพี่ฟ้าไปเอากระโปรงบนห้องที่เราพักประจำมาให้เปลี่ยน”

             ฟ้าใหม่และพี่ชายมีห้องพักส่วนตัวและเสื้อผ้าสำรองเผื่อมีงานติดพันต้องพักที่โรงแรม  และมันได้ใช้ประโยชน์ในยามฉุกเฉิน

              “คุณเรรู้มาว่ามีคนตั้งฉายาให้เราด้วย”  ฟ้าใหม่ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่  ก่อนจะพูดออกมา  “ยายหมูตอนหวานแหว  และยายหมูตอนยิ้มแฉ่ง”

                นาวินพยายามอย่างยิ่งที่จะสงสารและเห็นใจ  แต่เขาทำไม่ได้  ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะแทบตาย  สุดท้ายต้องปล่อยพรืดออกมาเต็มเสียง

                 ฟ้าใหม่ค้อนตาคว่ำหน้างอ  “ขำมากหรือวิน”  เธอถามเสียงสูง “เราหรือหวังพึ่งพาอุตส่าห์เรียกมาช่วยกันคิด  แต่กลับมาหัวเราะเยาะกันเอง”

                 “ขอโทษ”  ไหล่กว้างยังสั่นไหว  “พยายามแล้วที่จะไม่ขำแต่มันอดไม่ได้”  ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้เพื่อนอีกนิด  “ไม่เอานา อย่าคิดมาก  ทำใจให้สบาย  อันที่จริงฉายานั่นก็เหมาะกับเธอดีออก”   เขายิ้มยิงฟัน   “ ถ้าอันตรารู้มีหวังหัวเราะเสียงดังกว่าฉันอีก”  เขากล่าวถึงเพื่อนสนิทอีกคน

                  “เฮ้อ...”   ถอนใจอีกแล้ว   “มิน่าล่ะก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้า  ใหม่ว่าแล้วเชียวมันมีอะไรแปลกๆ  เย็นวาบแถวด้านหลัง...โอ้ย  ใหม่ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าใหม่เหมือนคนอื่นพวกนั้นคงให้เกรียติใหม่มากว่านี้  ไม่มีใครกล้าล้อกล้าดูถูก  มองใหม่ด้วยสายตาแปลกประหลาดตลอดเวลา  ตั้งแต่เล็กจนโตใหม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ผู้คนทำให้ใหม่รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเสียเหลือเกิน  เพราะใหม่เป็นแบบนี้  เพราะใหม่มัน....”  เสียงพูดเจือสะอื้น 

             นาวินยกมือปิดปากไม่ให้เพื่อนพูดต่อ ไม่บ่อยนักหรอกที่ฟ้าใหม่จะระบายความในใจออกมายาวเหยียด “ไม่เอาน่า  อย่าคิดมากสิ”

                 “ไม่คิดไม่ได้หรอก เพราะคนอื่นทำให้ใหม่รู้สึกแบบนั้นตลอดเวลา  ใหม่รู้สึกแย่มากๆเลยวิน  ชีวิตใหม่มีแต่เรื่องแย่ๆตลอด   เมื่อคืนฝันไม่ดีเสียด้วย  ใหม่สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”

             “บอกแล้วไงอย่าคิดมาก  จะเอาอะไรกับความฝัน  เรื่องวันนี้ก็เหมือนกันไม่นานคนก็ลืม  ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแย่  หาอะไรที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นทำดีกว่า”

           ฟ้าใหม่สั่งสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกดีจากครัวของโรงแรมขึ้นมาบนห้อง บนโต๊ะรับแขกเล็กๆนั้นมีจานข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ   หมีกรอบ สปาเก็ตตี่ผัดฉ่า น้ำอัดลมสองกระป๋อง ไอศกรีมและขนมเค้ก เวลาไม่นานเธอจัดการของคาวจนหมดเกลี้ยง หญิงสาวเป็นแบบนี้เสมอ คราใดมีเรื่องไม่สบายใจหรือเกิดปัญหา เธอมักใช้อาหารเป็นเครื่องปลอบใจ ถ้าเครียดมากๆจะกินช็อกโกแลตหมดไปหลายแท่ง บางทีเครียดหรือเบื่อก็จะกินขนมนมเนยหมดภายในพริบตา จะดีอยู่หรอกถ้าปริมาณที่เธอกินมีเพียงน้อยนิด  พอกินทุกอย่างเกลี้ยงกลับรู้สึกว่าไม่น่ากินเลย

                   “พอได้แล้ว”   นาวินแย่งจานขนมเค้กจากมือเพื่อน

                   “กำลังอร่อยเชียว”  ฟ้าใหม่มองเพื่อนอย่างอายๆ  “ไม่ได้ตั้งใจกินให้หมดหรอก  แต่มันเผลอไป พอรู้ตัวอีกที  ทุกอย่างไม่เหลือ”

                   “ดีขึ้นบ้างไหม?”

                   ฟ้าใหม่ส่ายหน้า “ใหม่รู้สึกว่าอาหารท่วมตัวอึดอัดหายใจไม่ออก  มันแย่ยิ่งกว่าเดิม  เมื่อไหร่ใหม่จะหลุดจากวงโคจรนี้เสียที  ใหม่แย่มากใช่ไหมวิน  ไม่เคยใจแข็งได้สักครั้ง  ใหม่ถึงตกอยู่ในสภาพนี้”

                   นาวินลูบหลังปลอบใจเพื่อน

                   “เลิกว่าตัวเอง  เลิกคิดมาก  เอาเวลามาคิดเรื่องงานของเราดีกว่า  อาทิตย์หน้าแล้วนะ  เสร็จหรือยัง?”  เขาต้องการช่วยเพื่อนออกจากภวังค์ความคิดแย่ๆ 

                   “เสร็จแล้ว  ใหม่เอามาให้ดูนะ” ฟ้าใหม่กระตือรือร้นขึ้นเดินไปยังโต๊ะทำงาน หยิบกระดาษที่ร่างแบบภาพห้องจัดเลี้ยงสำหรับงานของเพื่อน  กลับมาที่เดิม คลี่กระดาษแผ่นนั้นให้ดู เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งไม่มีเสียงใดๆออกจากปากจนกระทั่งเงยหน้าขึ้น 

                   “ชอบหรือเปล่า?” ฟ้าใหม่ถามพลางเขย่าแขนเพื่อน

                   “อืม...”  ท่าทางแบ่งรับแบ่งสู้  “เราว่า...”

                   “ว่าไงล่ะ”  คนรอคำตอบ คันไม้คันมือขึ้นมาตงิดๆ

                   “เราว่าดีนะที่จะจัดงานแบบนี้  ที่เธอร่างไว้เราชอบ  เราว่ามันต้องออกมาดีแน่”

                   งานสำคัญของนาวินเขาเลือกมาจัดที่โรงแรมเพื่อน ให้ฟ้าใหม่เป็นแม่งานคอยดูแลคอนเซ็ปต์ทั้งหมด 

                   “งานของวินนี่ต้องทำให้ดีสิ  ว่าแต่บอกเพื่อนครบทุกคนหรือยัง?”

                   “บอกหมดแล้ว อีกสองสามวันเราจะให้คนขนของที่ต้องการมาให้  ต้องการใช้อะไรมาประกอบเพิ่มเติมก็บอกได้   แต่ตอนนี้เราลงไปดูสถานที่กันก่อนดีไหม?”

                   “ตอนนี้นะเหรอใหม่ไม่กล้าลงไปหรอก”  คนพูดส่ายหัวดิก  “มีหวังโดนหัวเราะเยาะตายเลย  ป่านนี้เขารู้กันทั่วโรงแรมแล้ว เผลอๆอาจจะกระจายไปยังตึกข้างเคียงแล้วด้วย”  ฟ้าใหม่หน้าเศร้าขึ้นมาอีก

                   “จะมีใครกล้าหัวเราะผู้จัดการ  และเป็นถึงลูกสาวท่านประธานใหญ่”

                   “มีสิ  พนักงานที่นี่แหละ  วินก็รู้ว่าใหม่ไม่เหมือนคนอื่น  เซ่อซ่าซุ่มซ่ามเป็นประจำ  พนักงานที่นี่ไม่ค่อยปลื้มใหม่นักหรอก”

                   “ไปเถอะ  ไปกับเรานี่ ใครจะกล้าว่ากล้าหัวเราะ เธอจะเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ได้หรอกนะ ถึงอย่างไรต้องออกไปเผชิญความจริง” เขาฉุดมือเพื่อนให้ลุกขึ้น

                   ฟ้าใหม่ลังเลอยู่ชั่วครู่  แต่แล้ว “ก็ได้ๆไปแล้ว”

                   ฟ้าใหม่เกาะแขนยอมตามเขาไปแต่โดยดี  สองหนุ่มสาวออกจากห้อง  เดินปรึกษาพูดคุยเรื่องงานกันไปตลอดทาง

                   

                   เช้าวันถัดมาฟ้าใหม่เดินก้มหน้างุดด้วยท่าทางเหงาหงอยมาที่โต๊ะอาหารเช้า  ฟ้าใหม่นั่งลงถัดจากพี่ชาย  เช้านี้คุณไตรอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เขาสั่งให้คุณแม่บ้านตั้งโต๊ะกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน  อากาศยามเช้าเย็นสบายสดชื่นแสงแดดอ่อนๆไม่ร้อน  น้ำค้างบนยอดหญ้ายังเกาะพราว 

                   “ไอ้ตัวขายหน้ามาโน้นแล้ว”  พี่ชายเล่าวีรกรรมของน้องสาวให้พ่อกับแม่ฟังจนหมด

                   “หน้าใหม่ยังไม่เคยขายสักที  ถ้าหน้าพี่ฟ้าขายได้บอกน้องด้วยแล้วกัน  เผื่อได้กิโลล่ะหลายตังค์”

                   “หนอย...ยังจะมากวนโอ๊ยอีก  ไอ้ตัวชอบก่อเรื่อง”

                   “ไม่ได้ชอบ เรื่องมันเกิดขึ้นเอง”  ฟ้าใหม่บอกอุบอิบ  พี่ชายเหวี่ยงมือมาทางน้องสาว  เธอหลบวืดฉิวเฉียดไปนิดเดียว

                   “จะหาน้องแบบนี้ได้ที่ไหนอีก” เขาหันมาทางพ่อกับแม่ “ผมแทบจะมุดลงใต้โต๊ะ อายแทนมันเหลือเกิน”

                   “ไม่ต้องมาอายแทนหรอก  ใหม่อายยิ่งกว่าพี่ฟ้าเสียอีก”

                   “ตอนนี้คนทั้งโรงแรมไม่เป็นอันทำงานทำการกันล่ะ  เอาแต่พนันกันว่าวันนี้จะใส่สีไหน?  รูปอะไร?”

                   คุณไตรหลุดปากหัวเราะ  แล้วรีบเก็บอาการเพราะกลัวลูกสาวจะน้อยใจ

                   “พ่อค่ะ!”  ลูกสาวคนเล็กหน้าแดงสลับเขียว

                   พอได้ฟังคำพูดพี่ชายฟ้าใหม่ชักร้อนๆหนาวๆ  ไม่อยากไปทำงานเสียดื้อๆ พวกเขาคงสนุกสนานเสียเต็มประดาในขณะที่เธอทุกข์หนัก  ถึงไม่มีเรื่องทุกคนก็มักจะจ้องมองราวกับเธอเป็นตัวประหลาด  มีสามตา สองจมูก สี่หางอะไรเทือกนั้น เมื่อไหร่เธอจะมีชีวิตเหมือนคนอื่นเสียที

                   ฟ้าลั่นรวบช้อนดื่มน้ำตาม  ฝ่ายน้องสาวยังไม่อิ่ม

    “โชคดีนะครับพ่อแม่”  พอดื่มน้ำเสร็จก็เริ่มพูดต่อ “ที่ประชุมกำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดเรื่องเครื่องแบบพนักงานแผนกต้อนรับ  ที่เป็นชุดไทยว่าจะเปลี่ยนเป็นสีอะไรดี  สีโน้นก็ไม่ดี สีนี้ก็ไม่ถูกใจ เรื่องนี้เขาเถียงกันก่อนผมไปยุโรป ผมกลับมาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ พอไอ้ใหม่โผล่มาเท่านั้นแหละที่ประชุมมีมติเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานเป็นสีชมพู  ผมค้านแล้วนะครับ  ให้เปลี่ยนเป็นสีอื่นแต่เขาไม่ยอมกัน  เสียงส่วนใหญ่อยากได้สีนี้  ผมเลยต้องอนุมัติ”

                   คุณไตรต้องเอามือปิดปากไม่ให้อาหารพุ่งทะลักออกมา  คุณน้ำฟ้าสำลักอาหารไอเสียงดัง  ส่วนแม่นิ่มและแก้วผู้ช่วยที่ยืนข้างๆ โต๊ะต้องกลั้นหัวเราะสุดความสมารถ

                   ฟ้าใหม่ยิ้มแหยๆ  “เห็นไหมค่ะ อย่างน้อยใหม่ยังมีความดีเหลืออยู่บ้าง”

                   “เออ...ดี  แต่ฉันหวังว่าคราวหน้าที่ประชุมคงไม่ต้องพึ่งแกอีกนะ สงสัยฉันต้องออกคำสั่งห้ามพนักงานซุบซิบกันล่ะมั้ง  ถ้าแผนกไหนพูดเรื่องแก  ฉันไล่หัวหน้าแผนกนั้นออกดีไหม?”

                   “ดีค่ะ  พี่ฟ้าน่ารักที่สุด  แต่เอ้...ลืมอะไรไปอย่างหนึ่งหรือเปล่าค่ะ  ไปต่างประเทศตั้งหลายวันไม่มีของมาฝากน้องบ้างหรือค่ะ?”

    “ไอ้จอมงกเอ๋ย”  ฟ้าลั่นพูด ฟ้าใหม่หน้างอ “จะว่าไปก็มีเหมือนกัน แกเห็นแล้วต้องตกตะลึงพรึงเพริดแน่”

                   “ไหนค่ะพี่ฟ้า  มันอยู่ที่ไหน?  เอามาเร็วๆเข้าสิใหม่อยากดู”

                   “ยัง...ยังไม่ใช่ตอนนี้เดี๋ยวแกก็จะรู้เอง  รับรองบิ้กเซอร์ไพร้สแน่ๆ”   พี่ชายยิ้มอย่างมีลับลมคมใน

                   “ดูเลยไม่ได้เหรอพี่ฟ้า?”  ฟ้าใหม่เซ้าซี้ถาม ใบหน้าเริ่มงอง้ำ

                   “ไม่ได้หรอกมันยังไม่ถึงเวลา  แล้วดูทำหน้าเข้า ทำแบบนั้นยังกะดูดีนักนี่”

    “พี่ฟ้า!”  น้องสาวแหว

                   “อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องตะโกนหรอก”  ฟ้าลั่นว่า “แล้วงานเปิดตัวบริษัทเพื่อนแกวันไหนว่ะ?”

                   “วันอาทิตย์นี้ค่ะ”

                   “วันเดียวกับงานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะมาจัดที่โรงแรมของเราเลยนะ”  ฟ้าลั่นเปรย “แกดูงานของเพื่อนแกให้ดีก็แล้วกัน ส่วนงานของธนาคารแห่งประเทศไทยฉันจะให้คุณเข็มมาช่วยดูแลให้”

                   “ค่ะพี่ฟ้า”

     “ว่าแต่งานของเพื่อนแก  แกต้องไปด้วยใช่ไหม?” 

                   “ค่ะ  ใหม่รับปากนาวินเอาไว้แล้วว่าจะไป  จะเบี้ยวก็ไม่ได้เสียด้วย”

                   “เห็นทีฉันจะต้องไปบนบานพระพรมหน้าโรงแรมว่า  ขออย่าให้แกทำงานเขาพัง”

                   ฟ้าใหม่ค้อนพี่ชาย  เธอรวบช้อน ดื่มน้ำ แล้วลุกขึ้นเดินตุปัดตุป่อง  มุ่งหน้าไปยังโรงรถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน  เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวลอยตามลมมา ฟ้าลั่นแลเลยไปยังบ้านหลังที่อยู่ชิดติดกัน  วันอาทิตย์นี้น้องสาวของเขาอาจได้เห็นของขวัญที่นำมาจากอังกฤษ เมื่อตอนนั้นมาถึงฟ้าใหม่จะเป็นยังไงบ้างนะ  ยังจะเหมือนตอนเด็กๆอยู่อีกหรือเปล่า!

     

                   และแล้ววันงานที่นาวินเฝ้ารอก็มาถึงทว่าฟ้าใหม่ไม่คิดเช่นนั้นหรอก ร่างที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ปลายเตียงในห้องนอนหายใจไม่ออกมันอึดอัดคับแน่นไปหมด  เฮ้อ...เสียงถอนหายใจดังมาเป็นระยะ จะไม่ไปก็ไม่ได้งานเปิดตัวบริษัทของเพื่อนรักทั้งที  ที่สำคัญนาวินย้ำหนักย้ำหนาต้องไปให้ได้  เธอตกปากรับคำเขาไปแล้วด้วย

                   เมื่อวานนี้เองก่อนวันงานหนึ่งวัน  เขาแวะมาหาเธอที่โรงแรม  ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนถึงงาน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดสำหรับงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก  ดูเขาจะพอใจที่เธอสามารถเนรมิตห้องจัดเลี้ยงให้ออกมาดีเกินคาด

                   ‘ใหม่ดีใจที่วินชอบ’

                   ‘ฝีมือเธอไม่เลวทีเดียว’

                   ฟ้าใหม่ยิ้มตอบ  มีไม่กี่คนในโลกนี้ที่ชื่นชมผลงานของเธอ  ส่วนใหญ่จะโดนตำหนิเสียมากกว่า

                   ‘แต่ว่า...เราขออะไรอย่างหนึ่งสิ’

                   ‘ขอหลายอย่างก็ได้  สำหรับนาวินใหม่เต็มใจทำให้อยู่แล้ว’

                   ‘เราไม่โลภหรอก  ขออย่างเดียวเอง’  นาวินยิ้มให้ก่อนบอก   ‘พรุ่งนี้เธออย่าพังงานของเราก็แล้วกัน’

                   ฟ้าใหม่ค้อนตาคว่ำงอนตุ๊บป่อง ทุบเพื่อนตัวดีไปหลายที เขายอมให้เธอตีจนเหนื่อยหมดแรงไปเอง

                   ‘อย่าโกรธเลย   เราล้อเล่นนิดเดียว’  โดยปกติฟ้าใหม่ไม่ค่อยโกรธใครง่ายๆอยู่แล้ว  ‘อย่างอนจนพรุ่งนี้ไม่มางานของเราล่ะ’

                   ฟ้าใหม่อึดอัดขึ้นมาทันที  ‘ใหม่ไม่มาได้ไหม?’

                   ‘ไม่ได้’  นาวินบอกจริงจัง   ‘วันสำคัญของเราทั้งทีจะขาดเธอได้ยังไง  เราบอกยายสามคนนั่นแล้วด้วย ทุกคนเคลียร์งานรับปากจะมาให้ได้’

                   ‘คือว่า...’   เธออิดออด

                   นาวินไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด   ‘สัญญาสิฟ้าใหม่  สัญญาว่าเธอจะมา’

                   ‘ก็ได้ๆ  ใหม่จะมา’  ฟ้าใหม่บอกอ่อยๆ

                   นาวินยิ้มพอใจ  เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนจะทำตามคำพูดเสมอ  ถ้าสิ่งไหนที่ฟ้าใหม่รับปาก  เธอจะทำตามนั้นแน่นอน

     

                   ไม่น่าตกปากรับคำนาวินเลยต้องมานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้  การออกงานสังคมกับฟ้าใหม่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันอย่างยิ่ง งานไหนงานนั้นเธอเหมือนตัวประหลาดมีเรื่องให้ขายหน้าทุกงานไป  ครั้งแรกที่ออกงาน  เธอมัวแต่เดินก้มหน้างุด  มองปลายเท้าตัวเองไม่กล้าสบตาใคร  เพราะกลัวสายตาที่มองเธออย่างตลกขบขัน  ระคนสมเภทเวทนา  และที่ร้ายกว่านั้นบางคนมองอย่างเหยียดหยาม  เธอเลยสะดุดสายไฟทำให้ไฟดับทั้งงาน  โกลาหนอนลม่านกันใหญ่  กว่าช่างจะมาแก้ไขได้ก็กินเวลาหลายนาที 

                   อีกงานเป็นงานแต่งของญาติ ฟ้าใหม่เป็นญาติเจ้าสาว ในขณะที่เธอกำลังตักอาหารอยู่นั้นก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับญาติเจ้าบ่าว  จากนั้นเธอกลายเป็นจุดสนใจทันที พวกเขาเอาแต่มองและซักถามเรื่องอาหารที่เธอกิน  วันหนึ่งกินข้าวกี่จาน  ขนมหวานกี่ถ้วย  ของขบเคี้ยวกี่ถุง  ซักไซ้ไล่เลียงจนฟ้าใหม่อายไม่อยากตอบ  ต้องหนีกลับบ้านก่อนงานเลิก  นับแต่นั้นเธอไม่กล้าไปงานไหนอีกเลย

    คนที่นั่งทำใจมาร่วมชั่วโมงบนเก้าอี้ไม้ปลายเตียง  สูดลมหายใจเข้าปอด  ตัดสินใจแน่วแน่  ลงมาข้างล่างสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

                   

    ฟ้าลั่นเดินเคียงมากับร่างสูงของใครคนหนึ่ง คนทั้งคู่เพิ่งจะขึ้นลิฟต์ไปยังห้องราชาวดีซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงอีกห้องของโรงแรมบัวบุรี  ขณะเดียวกันฟ้าใหม่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในล็อบบี้  สองพี่น้องคลาดกันเพียงแค่เสี้ยววินาที ในล็อบบี้วันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา  ที่มาร่วมงานเลี้ยงที่มีถึงสองงานด้วยกัน ฟ้าใหม่เอาแต่เดินก้มหน้าเธอรู้สึกอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้คนได้  ขณะที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น  เสียงพูดคุยของคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนถัดจากเธอไปไม่ไกลก็ดังขึ้นให้ได้ยิน  ทั้งๆที่ฟ้าใหม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังเลย 

                   “เขาว่ากันว่าคนที่จะกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานในวันนี้ มีอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเกรียติให้ทำหน้าที่นี้  ตั้งแต่มีการจัดงานมาทุกปี”   ฟ้าใหม่อดที่จะเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้  แล้วเธอก็เห็นว่าคนพูดเป็นหญิงสาวในชุดสีชมพูไหล่เฉียง

                   “เขาต้องเป็นคนเก่งและมีความสามารถมากทีเดียว  จึงได้ทำหน้าที่สำคัญตั้งแต่อายุยังน้อย”  หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีแดงพูดบ้าง

                   “เห็นว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในธนาคารแห่งประเทศไทย  สั่งให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ  ห้ามแพร่งพรายข้อมูลใดๆว่าใครจะเป็นคนกล่าวสุนทรพจน์ในปีนี้”  คราวนี้คนพูดเป็นชายหนุ่ม  เขาอยู่ในชุดสูทสีเทา

                   “แสดงว่า  เขาต้องเป็นคนพิเศษมากๆ งานในวันนี้ชักน่าสนใจแล้วสิ ฉันตื่นเต้นจัง อยากรู้จริงๆว่าใครคือบุคลคลลึกลับคนนั้น” หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีชมพูพูดอีกครั้ง

                   “ถ้าอยากรู้ก็รีบเข้าไปในงานกันได้แล้ว”  ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่บอก   

                   “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปกันสิ อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่เลย” หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีแดงเอ่ย แล้วเป็นฝ่ายเดินนำทั้งสองคนออกไป

                   ฟ้าใหม่เห็นทั้งสามตรงไปที่ลิฟต์  เพื่อขึ้นไปยังห้องราชาวดี  ห้องจัดเลี้ยงที่อยู่บนชั้นยี่สิบสี่ คำพูดของคนทั้งสามที่ฟ้าใหม่เพิ่งจะได้ยินมา  ทำให้เธออดที่จะสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ว่า  ‘คนพิเศษ’ คนนั้นเป็นใครกัน ทั้งๆที่งานนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย พี่ชายให้เข็มจิราช่วยดูแลให้แล้ว ถึงจะสงสัยอยู่บ้างแต่ฟ้าใหม่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก  เพราะเธอกลับมากังวลกับเรื่องของตัวเอง

                   ผู้คนต่างทยอยกันมาเรื่อยๆ  ฟ้าใหม่หน้าร้อนผ่าวเมื่อมีใครหันมามองเธอ  หญิงสาวจึงเดินหนีเลี่ยงหลบไป  ฟ้าใหม่อยากจะหันหลังกลับแล้วหนีกลับบ้านไปเสีย  แต่เธอทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้  เพราะได้สัญญากับนาวินไว้แล้ว ฟ้าใหม่จึงมุ่งสู่ห้องสะบันงาด้วยความไม่เต็มใจและไม่มั่นใจเลย 

                   เมื่อมาถึงหน้าห้องสะบันงาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่อยู่ชั้นสอง  ฟ้าใหม่ยืนรีๆรอๆอยู่  เธอไม่กล้าเข้าไปภายในงาน  สภาพแบบนี้น่าอายจริงๆ  ฟ้าใหม่เหลียวซ้ายแลขวาเธอไม่พบนาวิน  เขาคงอยู่ด้านใน  เพื่อนอีกสามคนก็ยังไม่มา  นี่เป็นโอกาส เธอหันหลังกลับ!

                   “ฟ้าใหม่จะไปไหน?”   เสียงเข้มๆของนาวินดังมาจากทางด้านหลัง

                   “ป..เปล่าจ้ะ”   ฟ้าใหม่บอกอ่อยๆ  เหมือนคนที่แอบทำผิดแล้วโดนจับได้  เธอหันมาสบตาเขาแล้วยิ้มเจื่อนๆ

                   “เราเห็นเธอยืนจดๆจ้องๆอยู่นาน  ทำไมไม่เข้าไปข้างใน?”

                   “คือว่าใหม่...”   ฟ้าใหม่ตอบตะกุกตะกัก  มองเข้าไปในงานอย่างขลาดๆ  มือไม้เย็นชื้นขึ้นมา

                   “ไม่ต้องกลัวไม่ต้องอาย  มาไปกับเรา”  นาวินเดาความรู้สึกของเพื่อนออก

                   ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเดินเคียงกันเข้ามาภายในห้องสะบันงา  ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมบัวบุรี ฟ้าใหม่หลับตาเริ่มสวดภาวนา 

    พ่อแก้วแม่แก้ว  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  บุญบารมีตลอดจนคุณงามความดีที่ลูกเคยทำ ได้โปรดช่วยลูกช้างด้วยเถิด ขออย่าให้ลูกช้างทำอะไรพลาดเลย ขอให้งานราบรื่น ขอให้ให้ลูกช้างกลับบ้านอย่างสงบปราศจากเรื่องทุกข์

                   ฟ้าใหม่เอาแต่สวดอ้อนวอน โดยไม่รู้ว่าหลังจากคืนนี้ชีวิตเธอจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!

         

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น