คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ❁ วังเทวะโรจนหิรัญ 100% ❁
ประตูฝั่งคนขับ รถหรู BMW I8 ถูกเปิดออกก่อนที่ทหารอากาศหนุ่มจะวิ่งหลังตรงไปเปิดประตูอีกฝั่งอย่างสุภาพบุรุษ
ร่างเล็กที่นั่งกอดอกแก้มยุ้ยอยู่มองคนเป็นพี่อย่างงงๆ
เพราะตัวเองก็กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งตัวเองเช่นกันถึงแม้ก่อนหน้าจะแอบกังวลอยู่
เพราะรถทรงนี้ประตูถูกงัดขึ้นฟ้าไม่ได้เปิดออกเหมือนรถปกติ
ความนำสมัยที่คุณแบมไม่ค่อยได้พบเนื่องจากที่วังภูวกุลใช้เพียงรถธรรมดาๆ เท่านั้น
น้องน้อยเดินต่อกแต่กตามคนเป็นพี่ไปเหมือนเด็กเดินตามผู้ใหญ่
สองแขนโอบอุ้มหนังสือเล่มใหญ่เอาไว้ ขนาดของหนังสือกับร่างกายบอบบางของคุณชายน้อยแห่งวังภูวกุลนั้นช่างไม่สมกันเอาเสียเลย
อดไม่ได้ที่คนตัวใหญ่กว่าจะยื่นความช่วยเหลือไปให้
“ให้เราถือให้ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง พร้อมทั้งก้าวเดินช้าลงเพื่อที่จะได้เดินไปข้างๆ
น้อง
ร่างเล็กเงยหน้าของท่านชายพร้อมก้มมองหนังสือเล่มโตในอ้อมแขนก่อนจะส่ายหน้าไปมาจนผมนุ่มสะบัดพลิ้ว
สายตามุ่งมั่นของคุณแบมทำเอาท่านชายอดอมยิ้มไม่ได้ นี่คงจะกลัวเสียหน้าหรือเปล่าถ้าหากให้เขาช่วย
ดื้อจริงๆ
จริงอย่างที่ร่างสูงคิด
คุณแบมกำลังโชว์ให้เห็นว่าตนนั้นแข็งแรงอย่างกับม้า
หนังสือแค่นี้จะทำอะไรคุณแบมได้ แม้มันจะหนักเกือบสองกิโลก็ตามที... คะ
แค่สองกิโลเอง
ร่างเล็กกำชับอ้อมแขนให้เข้าที่
เมื่อหนังสือเล่มหนากำลังจะล่วงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
คนเป็นพี่ก็อดยิ้มขำกับความพยายามของคุณชายแบมแบมไม่ได้
แต่ในเมื่อร่างบางไม่อยากให้เขายุ่งเขาก็จะไม่ยุ่งเพราะไม่อยากขัดใจเจ้าของแก้มยุ้ยสักเท่าไหร่
แววตามอกตามใจมาแต่ไกลเลยสิน่า...
คุณแบมเดินหอบหนังสือไว้ด้วยกำลังกายที่มีพร้อมทั้งมองไปรอบๆ
ตัว วังเทวะโรจนหิรัญกว้างใหญ่และหรูหรากว่าวังของตน
แน่นอนว่าวังเทวะโรจนหิรัญนั้นมั่งคั่งมากแค่ไหน
เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นคงไม่ต่ำกว่าหลักเจ็ด
ข้ารับใช้ก็แต่งตัวดีแถมมีชุดประจำตำแหน่ง
ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าที่นี่เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ไม่คิดเลยว่าจะยิ่งใหญ่และสวยขนาดนี้
แต่ถ้าให้เลือก
ยังไงคุณแบมก็เลือกวังภูวกุลอยู่ดีนั่นแหละ เพราะที่ไหนจะมาสุขใจเท่าที่บ้านเราล่ะ
“อ้าว มากันแล้วเหรอท่านชาย” เสียงหวานของหม่อมเจ้าหญิงม่านฟ้า
มารดาของท่านชายยืนคุมเหล่าคนรับใช้ให้จัดวางสำรับอาหารให้เข้าที่เข้าทาง
รูปร่างบอบบางของท่านหญิงม่านฟ้าบวกกับใบหน้าหวานหยดย้อยของพระองค์เป็นที่จับตามองของว่าที่ลูกสะใภ้ตัวเล็ก
แก้มกลมใสเปลี่ยนเป็นสีของลูกพรีชเมื่อได้สบพระพักตร์
เกิดความประหม่าขึ้นในหัวอกของร่างบาง
เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้มาเผชิญหน้ากับครอบครัวฝั่งนี้ตามลำพัง
อดไม่ได้ที่จะกลัวว่าตัวเองนั้นอาจเผลอทำอะไรผิดพลาดจนทำให้พวกท่านไม่พอใจพระทัย
ร่างเล็กโน้มตัวนั่งลงกับพื้นในท่าเทพธิดา
ก่อนจะวางมือขวาทับมือซ้ายแนบไว้ที่หน้าท้องแล้วก้มหัวลงจนสุดเพื่อทำความเคารพพระองค์ท่านตามธรรมเนียมที่ได้เล่าเรียนศึกษามาทั้งชีวิต
ว่าที่แม่สามีมองร่างน้อยพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู
ไม่เท่านั้นยังเดินเข้ามาพยุงตัวลูกชายคนเล็กของวังภูวกุลขึ้นอีก
นั่นทำให้ข้าหลวงบริวารที่มองดูอยู่นึกเอ็นดูคุณแบมตามท่านหญิง
และไม่ต้องพูดถึงร่างสูงโปร่งที่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่อีกฟาก
“ตอนนี้พระองค์ท่านยังทรงงานอยู่ที่อิตาลี
พระองค์ฝากมาบอกว่ายินดีต้อนรับคุณแบมเข้าสู่วังเทวะโรจนหิรัญนะคะ” ท่านหญิงยังคงต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้แก้มอูมอย่างดี
ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงข้างผู้ใหญ่ใจดีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
คุณแบมไม่ใช่คนที่เข้ากับใครได้ยาก ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะนิสัยที่ร่าเริงและใบหน้าแสนซนตลอดเวลาของคุณชายตัวเล็ก
ไม่ว่าใครก็มักจะเอ็นดูเสมอ
หลังจากนั้นหม่อมเจ้าชายนายเรืออากาศก็กลายเป็นส่วนเกินเพราะถูกมองข้ามไปโดยปริยาย
เมื่อว่าที่ลูกสะใภ้ตัวเล็กถูกเด็จแม่แย่งตัวไปรอบวัง
และเหมือนคนตัวเล็กก็ดูจะตื่นตาตื่นใจกับการสำรวจรอบๆ
คล้ายเด็กขี้สงสัยได้เผชิญสถานที่ใหม่ ซึ่งท่านชายมาร์คก็เพียงเดินตามอย่างห่างๆ
คอยสอดส่องดูสักพัก ก่อนจะปลีกตัวขึ้นไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอทานอาหารค่ำกับว่าที่ภริยาตัวเล็ก
ซึ่งอีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของวังเทวะโรจนหิรัญ
ตอนนี้ตนจะปล่อยให้อยู่เด็จแม่ไปก่อนแล้วกัน
ส่วนทางด้านว่าที่คุณหมอตัวเล็ก
หลังจากที่ท่านชายเดินออกมาก็เหมือนจะซนหนักกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมพอท่านชายอยู่ด้วย
คุณแบมถึงได้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ยิ่งได้เห็นสายตาของอีกฝ่ายซึ่งมองมานั่นอีก
มันพาลทำให้มือไม้ของคุณแบมเกะกะไปเสียหมด ตอนนี้ได้อยู่กับท่านหญิง
คุณแบมรู้สึกถึงความพระทัยดีของพระองค์ ไม่ต่างอะไรจากหม่อมแม่ของคุณแบมเลย...
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบชั่วโมง การสำรวจบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น
ท่านหญิงปลีกตัวไปดูอาหารเย็นส่วนคุณชายตัวเล็กก็เลือกที่จะดูอยู่ห่างๆ
เพราะตัวเองนั้นไม่สันทัดเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ด้วยนิสัยแล้ว
คุณแบมไม่ใช่คนรักการทำงานบ้าน ตัวเล็กของบ้านภูวกุลชอบที่จะทำงานข้างนอกมากกว่า
เธอไม่ชอบงานบ้านงานเรือนเลย ชอบแอบหนีเวลาหม่อมยายจะสอนการเรือนเสมอ คุณแบมรู้ว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสแต่งภรรยาเข้าวังเพราะสภาพรูปร่างที่อ้อนแอ้นไม่สมชายชาตรีเฉกเช่นท่านชายแห่งวังโรจนหิรัญ
คงหนีไม่พ้นถูกตบแต่งเข้าเรือนอื่น
แต่วิชาการเรือนก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของตนเลย
“แม่วานคุณแบมไปตามท่านชายให้หน่อยได้ไหมคะ
จะได้มาเสวยอาหารพร้อมกัน”
ท่านหญิงเอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่ว่าที่สะใภ้ของวังอย่างเอ็นดู
ยิ่งเห็นใบหน้าน่ารักเลิกลักตกใจยิ่งรู้สึกหมั่นเขี้ยวอยากจะหยิกแก้มกลมๆ
ของเจ้าตัวเล็กเข้าสักที
“อะ เอ่อ... ได้ครับกระหม่อม... ละ แล้วคุณแบมต้องไปตามท่านชายที่ไหนครับ”
คุณแบมเอ่ยถามอย่างจนใจ ร่างเล็กยังคงตื่นเต้นกับคำไว้วานของพระองค์ท่าน
แม้ว่าจะกลัวและหวั่นใจแปลกๆ แต่ก็คงไม่กล้าเลี่ยง
“ตอนนี้ท่านชายคงจะอยู่ในห้องทรงงาน
เดี๋ยวแม่ให้คนพาคุณแบมไปนะคะ”
จบคำท่านหญิง ขาเล็กก็ก้าวตามข้าหลวงสาวคนหนึ่งไปอย่างประหม่า
ใจดวงน้อยเต้นตึกตักอย่างพิกล คุณชายตัวเล็กเดินดุ๊กดิ๊กเหมือนตุ๊กตาน่ากอดยังคงฉงนใจกับอาการของตัวเองที่ไม่อาจหาเหตุผลมาตอบได้
ว่าที่ชายหมอตัวน้อยไม่อาจตอบคำถามที่ว่า เหตุใดเวลาเข้าใกล้ท่านชายมาร์ค
อาการใจสั่นหวั่นไหวมันถึงได้เกิดขึ้น
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูบานใหญ่ดังขึ้นโดยข้าหลวงที่นำทางมาก่อนที่เจ้าหล่อนจะก้มหน้าขออนุญาตเดินหลบฉากไปโดนไม่ทันที่ร่างเล็กของคุณชายแบมแบมจะได้เตรียมใจ
เพราะอย่างนั้นว่าที่คุณชายหมอก็ได้แต่ยืนทำหน้าตื่นเหมือนกระต่ายตกใจเพราะไม่กี่วินาทีจากนั้นก็ได้เสียงตอบรับจากคนด้านในมา
“มีอะไรครับ”
“อะ เอ่อ...” เหมือนน้ำท่วมทั้งปาก
ไม่รู้จะขานตอบเสียงทุ้มที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ทำให้คุณแบมป่วย... ใช่แล้ว
คุณแบมป่วย ไม่งั้นหัวใจคุณแบมไม่เต้นแปลกๆ แบบนี้หรอก
ริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอรี่เม้าแน่นเมื่อได้รับความกดดัน
ก่อนจะทำใจกล้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเพราะความประหม่า
“ท่านหญิงให้มาเชิญท่านชายไปเสวยอาหารครับ”
เพียงได้ยินเสียงตอบกลับมาเป็นเสียงใสของใครคนหนึ่งที่ตนกำลังคิดถึงอยู่
ท่านชายนายเรืออากาศก็ลุกพรวดยืนตรงเต็มความสูง
คราแรกคิดว่าเป็นข้าหลวงในวังจึงได้เปล่งเสียงไปแบบห้วนๆ
ซึ่งความจริงแล้วมันจะไม่ห้วนสักเท่าไหร่หากคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั่นไม่ใช่คุณชายตัวเล็กที่ตนต้องเสน่หานักหนา
สำหรับว่าที่ภริยาของเขา ทุกสิ่งต้องนุ่มนวลกว่าปกติสิถึงจะถูก...
นึกตำหนิตัวเองอยู่สักพัก
ก็นึกเรื่องบางสิ่งออก เกิดรอยยักที่มุมปากบางเฉียบภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา
ถ้าหากคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั่นได้เห็นจะกลัวแค่ไหนกันเมื่อรับรู้ว่ามีคนกำลังวางแผนแกล้งตัวเองอยู่
“ที่วังสั่งไว้ว่ายังไง...
จะเรียนสิ่งใดให้เข้ามาด้านใน ไม่ใช่ตะโกนโหวกเหวกตอบเช่นนั้น”
คนพี่ปั้นเสียงเข้มดุไป ทำเอาคนน้องที่ยืมอยู่ด้านนอกแง่งอนใบหน้าจิ้มลิ้มงุ้มงอลงเมื่อถูกดุ
แต่เพราะอีกคนเป็นถึงท่านชายมาร์ค
สุดท้ายกระต่ายจอมซ่าอย่างคุณแบมจึงทำได้เพียงเม้มปากซ่อนอารมณ์เอาไว้เท่านั้น
“รออะไร... เข้ามาสิ”
ชิ... ขี้เก๊กชะมัด จำไม่ได้หรือไงว่าเป็นคุณแบมน่ะ!
สุดท้ายก็ได้แต่ค่อนขอดในใจ
เพราะยังไงซะก็ต้องเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปอยู่ดี
ใบหน้าน่ารักยังคงซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่ได้ เพราะทันทีที่เปิดประตูเข้ามา
สิ่งที่แรกที่ท่านชายทรงทอดเนตรเห็นก็คือใบหน้าหงิกงอของคนน่ารัก ทำไมกันนะ...
ทำไมต้องงอนได้น่ารักขนาดนี้ด้วย แล้วแบบนี้ใครจะอดใจไม่แกล้งไหวล่ะคุณแบม
“คะ
คุณแบมไม่รู้ว่าคนที่นี่ปฏิบัติตัวยังไง คุณแบมขอโทษครับ” แม้จะบอกว่าขอโทษ
แต่ใบหน้าจิ้มลิ้มกลับบูดบึ้งจนคนเป็นพี่มองแล้วยิ้มตามเพราะขำกับท่าทีแง่งอนของคนน้อง
ท่านชายมาร์คยังคงปั้นหน้านิ่งอยู่เพื่อแกล้งคุณชายตัวเล็กต่อ
ร่างสูงเอนตัวพิงเก้าอี้ราคาแพงก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดไว้ที่อกอย่างสง่า
พร้อมมองไปที่ร่างเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“...”
เมื่อถูกมองและอีกฝ่ายยังนิ่งอีก
นั่นทำให้คุณแบมหลุบตามองเท้าเล็กของตัวเอง สองมือเล็กบีบกันอย่างประหม่า
จากที่เคยพยศก็เริ่มหงอยเหมือนแมวตัวน้อย ท่านชายคงโกรธคุณแบมไปแล้ว
ซึ่งคุณแบมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลัวสายตาเย็นชาของอีกฝ่ายขนาดนี้ด้วย
“คะ คือ...
ท่านหญิงให้มาเชิญท่านชาย...”
“เรายังไม่ได้ว่าอะไรเลย
ทำไมต้องเกร็งขนาดนั้นล่ะคุณแบม” เมื่อได้ยินเสียงขำของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวเล็กก็เงยขึ้นมองตรงหน้าพร้อมคิ้วเล็กที่ขมวดชนกัน
ท่านชายแกล้งคุณแบมอย่างนั้นเหรอ!
ฮึ้ย!! คนนิสัยไม่ดี!
“ท่านชายแกล้งคุณแบมเหรอกระหม่อม!” ร่างบางเอ่ยถามพร้อมมองคนพี่อย่างแง่งอน
ปากบางยู่เข้าหากันช่างยั่วยวนคนมองเสียเหลือเกิน ทั้งสีเชอรี่อวบอิ่ม
บอกตามตรงว่าเขาอยากจะจับคนตัวเล็กฟัดจริงๆ
“หึหึ... เราเปล่าแกล้งเสียหน่อย”
“ท่านชายแกล้งคุณแบม”
“ ^ ᴗ ^ ”
ยัง... ยังจะมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก ( ˵•`⌒´•)
- - ต่อตรงนี้ - -
ร่างเล็กสะบัดหน้าเตรียมเดินหนีอย่างฉุนเฉียว
หากแต่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักลงพร้อมก้มมองฝ่ามือหนาที่คว้าต้นแขนตัวเองเอาไว้อยู่
ดวงตากลมตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้า
สีหน้าบูดบึ้งกับแก้มกลมที่เริ่มเปลี่ยนสีระเรื่อ
ไม่แน่ใจว่าเพราะโกรธหรือเพราะอะไรกันแน่
แต่ถ้าเอาให้ชัวร์คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นพี่ เพราะตอนนี้ชักอารมณ์ดีเสียออกนอกหน้า
“ปล่อยคุณแบมเลยกระหม่อม
(
˵•`⌒´•)”
ทำไมกันนะ
ท่านชายนายเรือไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องงอแงได้น่ารักขนาดนี้
ดวงตาเรียวคมจ้องมองร่างนุ่มนิ่มเบื้องหน้าอย่างเอ็นดู
เนื้อตัวของคุณชายตัวเล็กนุ่มนิ่มแม้กระทั่งแขนที่ตนคว้าไว้
แม้ว่าอยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้เพราะกลัวแมวตื่น
เขาไม่อยากให้คุณแบมจำภาพเขาในมุมเลวร้ายไปหรอกนะ แต่มันยากจริงๆ
กับการข่มความต้องการตัวเองเอาไว้
“ไหนบอกท่านแม่ให้มาตามไง
ไปพร้อมกับสิคุณแบม” เสียงทุ้มเปล่งออกชวนให้ใจสั่น
แต่เพราะคุณแบมกำลังโกรธหรอกนะมันถึงสั่นน่ะ...
“กะ
ก็ปล่อยคุณแบมสิ... มาจับแขนคุณแบมทำไมเล่า... ( ˵._.)” ร่างบางเอ่ยเสียงอู้อี้ เพราะกำลังก้มหน้าคางแทบชิดหน้าอก
รู้สึกร้อนใบหน้าขึ้นมายังไงก็ไม่รู้
ยิ่งท่านชายไม่ยอมปล่อยมือทั้งยังกำแน่นกว่าเดิมยิ่งทำให้คุณแบมใจสั่นหวั่นไหวเหมือนเล่นคุณรถไฟเหาะเลย
“ที่วังภูวกุลนี่น่าอิจฉาจังเลยนะ”
จู่ๆ ท่านชายก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมา ซึ่งทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมอง และต้องพบว่ามีสายตาคมจ้องมองมาด้วยเสน่หามากแค่ไหน...
เพียงแค่คนตัวเล็กไม่เคยเข้าใจความหมายของสายตานั้นเลยเท่านั้น
“วังเทวะฯ ใหญ่กว่าแถมน่าอยู่กว่าวังภูวกุลตั้งมากมาย
ท่านชายจะอิจฉาคุณแบมทำไมกัน?”
“จริงเหรอ แล้วคุณแบมอยากอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“... จะทรง ขะ เขยิบมาใกล้คุณแบมทำไม!” เมื่อถูกร่างกายของอีกฝ่ายเบียดเข้าใกล้
ฝ่ามือเล็กข้างที่ว่างก็ดันแผงอกแกร่งของอีกฝ่ายให้ออกห่าง แต่นั่นกลับเป็นเข้าทางของคนเจ้าเล่ห์
สิงห์อากาศหนุ่มใช้จังหวะนี้คว้าฝ่ามือเล็กมากุมไว้ที่อกด้านซ้ายของตัวเอง
ส่วนแขนอีกข้างก็ย้ายตำแหน่งมาโอบแผ่นหลังบางเพื่อดันคนตัวเล็กมาเบียดร่างกายตัวเองจนกลายเป็นระยะอันตราย
ยิ่งได้มองใกล้ๆ ยิ่งน่ารัก... น่ารักจนอยากจะแกล้ง
“ตอบเราก่อนสิ... ว่ายังไง อยากมาอยู่กับเราที่นี่ไหม...
เราจะได้มั่นใจว่าวังเทวะน่าอยู่จริงๆ...”
ท่านชายมาร์คยื่นหน้าลงไปใกล้คนตัวเล็กที่พยายามเบี่ยงหน้าหนี
แก้มกลมใสแดงระเรื่อลามไปจนถึงใบหู แต่เพราะสัดส่วนที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้คนว่าที่คุณหมอตัวเล็กทำได้เพียงหลบเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าของตนชนกับใบหน้าของร่างสูงเท่านั้น
“ทะ ท่านชายปล่อยคุณแบมนะ”
“ไม่ปล่อย ตอบเรามาก่อนสิ”
“งื้อ!” เมื่อถูกขัดใจ คุณชายตัวเล็กก็ส่งเสียงขู่แง่วๆ ให้คนเป็นพี่อมยิ้ม
ร่างกายนุ่มนิ่มสะบัดดุ๊กดิ๊กไปมาหวังว่าจะให้หลุดเพราะแน่ใจแล้วว่าตัวเองขืนตัวสุดกำลังแล้ว
แต่เพราะอีกคนเป็นถึงนายทหาร แรงเท่ามดแค่นี้จะไปสู้ยังไงไหว
แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้แรงเสียดสีมันปลุกปั่นอารมณ์ดิบของร่างสูงไปเสียได้
มีร่างนุ่มนิ่มๆ มาส่ายไปส่ายมาแบบนี้ใครจะอดใจไหว
“อืมม... อย่าดิ้นสิคุณแบม”
ท่ายชายพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ แม้ว่าตอนนี้กำลังถูกความผิดปกติเข้าจู่โจม
“ท่านชายปล่อยคุณแบมสิ ปล่อยยยย”
แต่ดูเหมือนอีกคนจะยังไม่เข้าใจ
“คุณแบม...”
“...!!”
คราวนี้
ร่างกายเล็กถึงกับชาดิกไม่กล้าขยับตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งซึ่งกำลังดุนดันหน้าท้องของตนอยู่
ใบหน้าหวานร้อนวูบเริ่มลามไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งเสียงกระเส่าของท่านชายก่อนหน้ายิ่งเป็นตัวการันตีได้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันกำลังเป็นยังไง
เสียงหอบหายใจสลับกันไปมาหากแต่ต่างความรู้สึก
กลิ่นกายธรรมชาติหอมละมุนของร่างเล็กเปรียบเสมือนไฟฉนวนเสน่หา
มันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านชายที่จะปล่อยมือออกจากเหยื่อตัวน้อยไปได้ แต่เมื่อเห็นร่างกายสั่นระริกของคนน่ารักกับอาการวิตกอย่างเห็นได้ชัด
เขาก็ต้องยอมคลายร่างนุ่มนิ่มออกไปอย่างอดเสียดายไม่ได้
แต่เพราะไม่อยากให้อีกคนตื่นตกใจไปมากกว่านี้ สำหรับคุณแบม
ท่านชายอยากถนอมอีกคนไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“คราวหลังอย่าดื้อกับเรา... เฮ้อ... รอสักเดี๋ยว
ไว้ค่อยลงไปพร้อมกัน”
สุดท้าย
ลูกแมวตัวน้อยก็ต้องยอมรอลงมาพร้อมท่านชาย
กว่าสิบนาทีที่ต้องยืนรอท่านชายนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ที่เก้าอี้ทรงงานเพื่อสงบสติอารมณ์
คนตัวเล็กต้องยืนเกร็งกัดเล็บด้วยความหวาดระแวงปนกับอาการบางสิ่งที่แทรกแซงด้วยตลอดเวลา
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าสิ่งใด
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียงแค่อยู่ใกล้ท่านชายมาร์คจะทำให้คุณแบมเกิดความรู้สึกได้มากมายขนาดนี้...
ยิ่งคิดแล้วยิ่งอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด...
“ลงมาแล้วเหรอท่านชาย
ทำไมนานจัง นี่แม่จะให้คนไปตามแล้วนะคะ” ท่านหญิงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้เดินมาพร้อมกัน
ยิ่งได้เห็นใบหน้าน่ารักซึ่งกำลังก้มงุดแบบนั้นยิ่งอดมองด้วยสายตาแพรวพราวไม่ได้
สงสัยลูกชายของเธอจะแกล้งอะไรน้องแน่ๆ ถึงได้หน้าแดงแบบนั้น
สงสัยท่าทางงานแต่งคงต้องเลื่อนขึ้นมาให้เร็วเสียแล้วกระมัง
“ไม่มีอะไรหรอกกระหม่อม
แค่เล่นสนุกอะไรกันนิดหน่อย” ท่านชายตอบอย่างอารมณ์ดี
แต่ก็ถูกค้อนมาหนึ่งฉับจากคนที่ตนกำลังเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง
คุณชายตัวเล็กยู่หน้าลงเล็กน้อยแต่ก็ยอมนั่งลงที่เก้าอี้ที่คนเป็นพี่เลื่อนให้
จากนั้นท่านชายมาร์คจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามแทน
บรรยากาศรับประทานอาหารของทั้งสามคนเป็นไปอย่างราบรื่น
คุณชายตัวน้อยที่อารมณ์เสียใจตอนแรก
แต่พอเจออาหารที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของโปรดของตนก็ลืมเรื่องก่อนหน้าไปเสียหมด
และใช้เวลาอยู่กับทานอาหารอย่างมีความสุข
เรียกสายตาเอ็นดูให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะว่าที่สามีในอนาคต
ที่แทบจะไม่ตักอะไรเข้าปากเลย เพียงแค่ได้มองใบหน้าอิ่มเอมของคนตรงข้าม
ก็ทำให้กระเพาะของท่านชายอิ่มสำราญเสียแล้ว
ใช้เวลาไม่นานกับการรับประทานอาหาร
เป็นท่านหญิงกับคุณแบมที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนอีกคนก็เพียงแต่นั่งมองอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ท่านชายมาร์คทรงพอพระทัยที่เห็นมารดาของตนเอ็นดูคุณชายตัวเล็กมากไม่แพ้กัน
ซึ่งนี่เป็นข้อดีของคุณแบม
เพราะอีกฝ่ายมักมีเสน่ห์บางอย่างในการดึงดูดใครต่อใครให้รักและเอ็นดู
ทั้งความใสซื่อ บริสุทธิ์ และความน่ารักที่มีมากน่าหลงใหล
จนอยากจะเก็บไว้แต่เพียงผู้เดียว...
เกือบอาทิตย์แล้วหลังจากที่คุณแบมไปรับประทานอาหารที่วังเทวะโรจนหิรัญ
เป็นภาพปกติเสียแล้วกับการที่ต้องเห็นชายในชุดเครื่องแบบนั่งรถคันหรูมาจอดรอรับส่งว่าที่คุณชายหมอตัวเล็กที่ตึกคณะแพทยศาสตร์
เป็นที่กล่าวถึงกันหนาหูจนเริ่มซาลงเพราะกาลเวลา แต่ก็ยังไม่หมดไป กับข่าวลือที่ว่าจะมีการเกี่ยวสัมพันธ์กันของสองราชวงศ์สูงศักดิ์ในอีกไม่กี่วันที่จะมาถึงนี้
ข่าวว่างานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่ถึงสองอาทิตย์
ซึ่งความจริงก็เป็นไปอย่างที่ทุกคนเล่าลือกัน อีกไม่ถึงสองอาทิตย์หม่อมเจ้าชายมกรธวัชก็จะได้ครอบครองว่าที่คุณชายหมอแห่งวังภูวกุล
ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่เองก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น
จากสรรพนามที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาและความสนิทที่คุณชายตัวเล็กเริ่มจะเปิดใจมองข้อดีของท่านชายมากขึ้นเช่นกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ...
พี่รอได้” เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์กล่าวผ่านสายโทรศัพท์เครื่องหรูไปอย่างอ่อนโยน
ทำให้คนที่แอบมองพระพักตร์อยู่อดหน้าแดงไปตามๆ กัน เช่นเดียวกับคนที่กำลังเป็นสายคู่สนทนาของร่างสูง
ซึ่งไม่เคยชินกับคำพูดคะขาของอีกฝ่ายเลย
“คะ
คุณแบมไม่รู้ว่าจะทำนานขนาดไหน พี่ชายมาร์คกลับไปก่อนเถอะครับ
เดี๋ยวคุณแบมให้คิมไปส่ง”
“หมอนั่นเป็นใคร...”
เสียงเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งและแข็งกระด้างเสียจนคนฟังแอบสะดุ้ง จู่ๆ ท่านชายมาร์คก็เปลี่ยนไปเพียงแค่คุณแบมเอ่ยถึงเพื่อนสนิทที่งานกลุ่มด้วยกัน
ซึ่งมันก็เป็นความจริง
คิ้วหนากำลังขมวดชนกันเป็นปมเมื่อเสียงใสที่เขาหลงใหลเสมอเวลาได้ยินกำลังเอ่ยถึงชายอื่น
ความคุกรุ่นในใจแผดเผาเขาอย่างฉับพลัน
คงเป็นอีกสิ่งที่คุณแบมต้องเตรียมรับมือ...
ท่านชายมาร์คเป็นคนขี้หวงเสียยิ่งกระไร
“พะ
เพื่อนคุณแบมเอง... แค่นี้ทำไมต้องดุด้วยเล่า!” ประโยคหลังได้แต่พึมพำเบาๆ
แต่อีกฝ่ายกลับหูดีได้ยิน
หากเป็นเวลาอื่นท่านชายมาร์คคงจะขำกับความน่ารักน่าชังนี้ไปแล้ว
แต่มันไม่ใช่กับเวลานี้ เวลาที่ความหึงหวงมันนำหน้าสิ่งใด
“ตอนนี้คุณแบมอยู่ที่ไหนคะ
เดี๋ยวพี่จะไปหา”
“เห...
พะ พี่ชายมาร์คจะมาหาคุณแบมทำไม” คุณชายตัวเล็กทำเสียงแปลกใจทันทีเมื่อได้ยินคนพี่พูดแบบนั้น
“พี่จะอยู่รอไงคะ
รีบบอกมา และก็ห้ามดื้อด้วยนะคุณแบม”
ดื้อ
อีกนัยที่ท่านชายจงใจสื่อคือห้ามคุณแบมปฏิเสธความต้องการของตน
ซึ่งคุณชายตัวเล็กรู้ดี
เพราะแบบนั้นถึงได้ทำเสียงฮึขัดใจแต่ก็ยอมทำตามที่ร่างสูงบอกอยู่ดี
ท่านชายมาร์คน่ะเป็นคนเผด็จการจะตาย ชอบมาว่าคุณแบมดื้อ แต่ท่านชายนั่นแหละที่เอาแต่ใจ
คุณแบมล่ะโมโหจริงๆ ( ˵•`⌒´•)
“จะไปไหนล่ะคุณแบม
งานยังไม่เสร็จเลยนะ” เพื่อนสนิทซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยทักคุณชายตัวเล็ก
เมื่อจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมไปที่ไหนสักที่
ทั้งที่ปากก็ยังขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง มันชวนให้บีบจริงๆ ปากสีเชอรี่นั่นน่ะ
และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก
คิม หรือ หม่อมหลวงคิมหันต์ กิตติธนากุล เพื่อนสนิทคนเดียวของคุณชายตัวเล็กซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด
แต่ถึงแม้ไม่ต้องบอกตนก็พอจะรู้ว่าก่อนหน้านี้เพื่อนตัวเล็กคุยสายกับใคร
หากจำไม่ผิดคงกำลังจะถูกดุอยู่... คิมเป็นคนฉลาด
เขาอ่านเรื่องราวตรงหน้าออกอย่างฉะฉาน และพอจะรู้ว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง
“คือ...
พี่ชาย... เอ่อ... ท่านชายจะมารอคุณแบมที่นี่ จะเป็นอะไรหรือเปล่า”
นั่นไง...
อ่านผิดเสียที่ไหน... ดูเหมือนกำลังหึงได้ที่เลยสินะท่านชายมาร์ค
“อื้ม...
ไม่เป็นไร” ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้สึกขำกับท่าทีเด็กๆ
ของอีกคนเสียเหลือเกิน... ท่านชายมาร์คเนี่ยนะ เป็นถึงสิงห์อากาศน่าเกรงขาม แต่กลับมาตกม้าตายหลุดฟอร์มเป็นเด็กเพียงเพราะเพื่อนตัวเล็กของเขา...
เห็นทีเรื่องนี้คงต้องถึงหูหมอนั่นเสียหน่อย
คงหมดความน่าเกรงขามแล้วกระมังสิงห์ตนนี้...
ความคิดเห็น