คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 ❁ ง้อ 100% ❁
กลางดึกคืนนั้น
มีสองร่างนอนเหยียดอยู่ที่เตียงกว้าง
หนึ่งคนนอนหันหลังส่วนอีกคนนอนมองแผ่นหลังกว้างด้วยดวงตาที่กังวล
คุณชายตัวเล็กปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปโดยไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อจากนั้น
หลังจากท่านชายเห็นว่าน้องเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าพูดสิ่งใด
จึงเลี่ยงไปอาบน้ำก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
คุณแบมเองเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่เดินลงมานอนตามท่านชาย
แต่อีกฝ่ายกลับไม่กอดตนอย่างเช่นทุกวัน แถมยังหันหน้าหนีอีกต่างหาก
ภายใต้ความมืดสนิท จึงมีคนว้าวุ่นอยู่หนึ่งอัตรา
จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี
คุณแบมไม่รู้ว่าท่านชายโกรธเรื่องอะไร
เพราะความจริงแล้วตนไม่ได้หนีกลับมานอนที่วังภูวกัลป์โดยที่ไม่บอกกล่าวเพราะส่งข้อความไปบอกแถมมั่นใจว่าพี่ชายมาร์คกดอ่านแล้วด้วย
แต่ทำไมคนตรงหน้าถึงได้ไม่พอใจอีก คิดไปคิดมาก็ชักไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องนี้ไหม
จะให้เดาเองก็เดาไม่ถูก แต่จะให้ถามก็ไม่กล้า
เพราะไม่บ่อยเลยที่ต้องมาเจอกับโหมดนี้ของท่านชาย ถึงได้ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
หรือต้องทำแบบที่ชอบทำเวลาพี่ชายเนียร์กับพี่ชายแจนงอน
คิดอยู่นานเพราะลังเล
รวมถึงหัวใจดวงน้อยซึ่งเต้นแรงจนน่ากลัว
ใบหน้าหวานเปลี่ยนสีเป็นเชอรี่ในความมืดเมื่อตระเตรียมวางแผนการเสร็จ
เอาไงเอากัน!!
หมับ!!
แรงโอบรัดจากแขนเล็กสร้างเดตแอร์ขึ้นอย่างสงัด
จากที่เงียบอยู่แล้วตอนนี้กลับเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
ท่านชายนายเรือตกอยู่ในภวังค์เพราะไม่คิดว่าน้องจะเป็นฝ่ายทำเช่นนี้ก่อน
ไม่แปลกเลยที่ใจแกร่งของท่านชายมกรธวัชจะสั่นรัวราวเสียงกลองตะโพน
ใบหน้าหวานสวยซุกลงที่แผ่นหลังของสามี
แก้มกลมใสแนบลงที่หลังพี่ราวกับออดอ้อนอย่างที่เคยทำกับพี่ชายทั้งสองของตนเอง
คุณชายคนเล็กแห่งวังภูวกุลติดนิสัยขี้อ้อนมาแต่กำเนิด จึงนึกวิธีง้อแบบอื่นไม่ได้
หวังก็แต่เพียงว่าท่านชายจะทรงใจอ่อนไวๆ
“พี่ชายมาร์ค...
หายโกรธคุณแบมเถอะ คุณแบมไม่ชอบเลยที่เราเป็นแบบนี้”
เสียงอู้อี้ดังอยู่ด้านหลังสร้างรอยยิ้มประดับกว้างบนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพจุติ
หม่อมเจ้ามกรธวัชหมดสิ้นความน้อยใจ
ควันสีครึ้มที่อยู่ในทรวงมลายหายสิ้นยามได้รับสัมผัสอบอุ่นนั้น
ทรงไม่คิดว่าน้องจะง้อด้วยวิธีนี้ ทำไมคนเราถึงต้องน่ารักได้ขนาดนี้ด้วยนะ
“...”
แต่ขอแกล้งงอนต่ออีกสักหน่อย...
เพราะอยากโดนกอดนานกว่านี้...
“บอกคุณแบมได้ไหมว่าโกรธอะไรคุณแบม”
“ความรู้สึกพี่คงไม่สำคัญอะไร
จะโกรธไม่โกรธก็ช่างเถอะ... คุณแบมไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
ถึงแม้ปากจะตัดพ้อน้อยใจ
แต่ใบหน้ากลับกลั้นยิ้มจนเกร็ง ในขณะที่เจ้าตัวจ้อยกลับจ๋อยลงจนน่าสงสาร
ทำไมพี่ชายมาร์คต้องพูดแบบนี้ด้วยนะ
มันทำให้คุณแบมรู้สึกผิดโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำเนี่ยว่าตัวเองผิดอะไร
“อย่าพูดแบบนี้สิกระหม่อม...”
น้ำเสียงเริ่มสั่นของคนตัวเล็กทำให้ใจแกร่งแกว่งไปในทันที
เป็นอีกครั้งที่ท่านชายไม่อาจเอาชนะหรือแกล้งคนตัวเล็กได้อีก
ท่านชายแพ้ราบคราบตั้งแต่เสียงจ๋อยนั่นยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
ทรงกลัวเหลือเกิน...
กลัวว่าน้องจะร้องไห้หากแกล้งนานกว่านี้
เป็นดังนั้น
ตอนนี้ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำนัยน์ตากลิ้งไปมาจนน่าสงสาร ด้วยเพราะเป็นคนร้องไห้ยากเวลาร้องไห้ทีย่อมน่าเห็นใจกว่าปกติ
หากคนที่รักของคุณแบมมารู้เข้า ไม่วายที่ท่านชายคงจะถูกสายตาทิ่มแทงเป็นแน่แท้
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจให้ตัวเองดังขึ้น
ก่อนที่ร่างหนาของท่านชายจะพลิกกลับไปดึงน้องมาไว้ในอ้อมกอด หากแต่การกระทำนั้นกลับสร้างความสะเทือนใจให้คุณชายตัวเล็กยิ่งขึ้น
พี่ชายมาร์คระอาคุณแบมแล้วหรือ ไฉนถอนหายใจแบบนั้น
ยิ่งคิดหัวใจดวงน้อยยิ่งเศร้าหมอง
“เกลียดคุณแบมแล้วใช่ไหม”
เสียงน้องเอ่ยถาม แม้ไม่ได้บ่งบอกว่าอีกคนกำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่ต่างสักเท่าไหร่
“พี่ไม่เคยเกลียดคุณแบม
และจะไม่มีวันเกลียด”
แทบไม่ต้องคิด
ท่านชายมีคำตอบที่สัจจริงและเที่ยงตรง ไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัว
เขานั่นหรือจะเกลียดคนในอ้อมแขน เป็นอย่างที่ตนพูดเขาไม่มีทางเกลียดคุณแบมได้
ไม่ใช่เพราะเชื้อพระวงศ์ห้ามผิดสัจจะ แต่มันเป็นความรู้สึกต้องห้ามสำหรับท่านชาย
นอกจากรัก...
คงไม่สามารถรู้สึกสิ่งอื่นได้
“จริงๆ
เหรอกระหม่อม” หัวทุยขยับเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเรียวคมของท่านชาย
แม้ความมืดจะบดบัง แต่หาได้ทำให้ทั้งคู่มองไม่เห็นความนัยน์ของดวงตาของอีกฝ่าย
ท่านชายแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาคิดเช่นไร
“คุณแบมต่างหาก...
เบื่อพี่แล้วหรือยัง เบื่อไหมที่พี่งี่เง่า”
“ไม่
คุณแบมไม่เคยเบื่อเลย”
“...”
“แต่คุณแบมแค่อยากรู้
โกรธอะไรคุณแบม บางเรื่องคุณแบมก็เผลอทำไปด้วยความไม่รู้ คุณแบมอยากให้พี่ชายมาร์คกล่าวเตือนไม่ใช่เมินกันแบบนี้
ความเงียบมันน่ากลัวนะกระหม่อม... คุณแบมไม่ชอบเลย” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นเผยความในใจออกมาทั้งหมด
ด้วยเพราะเป็นคนซื่อตรง จึงอยากรู้ถึงความจริง เป็นท่านชายเองต่างหากที่ระอายใจเอง
โตกว่าแถมเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำไมกลับมีความคิดเป็นเด็ก ผิดกับน้องอย่างนี้
คุณแบมไม่ใช่คนที่มองยากอะไร
น้องนั้นคิดสิ่งใดมักเผยออกมาให้เห็นเสมอ ต่างจากเขาที่ต้องซ่อนทุกอย่างไว้ในใต้ความน่าเกรงขาม
ด้วยภาระหน้าที่แล้วยศนำหน้า มันปลูกฝังให้เขาชินต่อการเก็บกลั้นความรู้สึก แต่คนตรงหน้ากำลังเปลี่ยนท่านชายอย่างสิ้นเชิง
“พี่ขอโทษนะคะ
พี่งี่เง่าเอง พี่คิดว่าคุณแบมไม่สนใจกันแล้วเลยน้อยใจ” ในท่าสุดก็พูดออกไป ท่านชายรวบตัวน้องเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง
คราวนี้พระองค์ทรงซุกพระพักตร์เข้ากับหัวกลมของน้องราวกับคนกำลังมีความผิด ทำเอาคนถูกกอดถึงกับไปไม่เป็น
หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
“นะ
น้อยใจเหรอ... เพราะคุณแบมกลับมานอนที่วังภูวกุลใช่ไหม”
“...”
“พี่ชายมาร์ค”
“ค่ะ
นั่นส่วนหนึ่ง อีกเรื่องคือคุณแบมส่งแค่ข้อความมาบอกพี่”
“แต่คุณแบมโทรไปแล้วพี่ชายมาร์คไม่รับ”
ใช่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านชายถึงได้น้อยใจกับเรื่องนี้ ที่ส่งข้อความไปเพราะท่านชายไม่ว่างรับสาย
หากไม่ทำเช่นนั้นจะให้ทำอย่างไรล่ะ เขางงไปหมดแล้ว
ไม่เข้าใจความคิดของคนเป็นพี่เลย
“พี่ขอโทษนะคะที่ทำตัวเป็นเด็กกับเรื่องแค่นี้
พี่เอาแต่ใจไปจนลืมคิดถึงเหตุผลของคุณแบม แค่เห็นว่าคุณแบมส่งมาแค่ข้อความเดียวมันก็ทำให้คิดว่าน้องไม่ใส่ใจ
ทั้งที่คนผิดมันเป็นพี่ต่างหากที่รับสายคุณแบมไม่ได้”
เมื่อตรองดูแล้ว
คนที่ผิดที่สุดคือตนเอง ท่านชายยิ่งระอาใจเข้าไปใหญ่ เพราะมัวแต่น้อยใจน้องทำให้ละเลยเหตุผลอื่น
หากย้อนไปเขาคิดถี่ถ้วนกว่านี้ น้องคงไม่ต้องรู้สึกไม่ดีเพราะเขา ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
“ที่คุณแบมโทรไปสายเดียวเพราะเกรงใจกลัวพี่ชายมาร์คทำงานอยู่
ไม่ใช่คุณแบมละเลยนะกระหม่อม”
“ค่ะ
พี่รู้แล้ว พี่ขอโทษนะคะ”
เขารู้แล้วว่าน้องเองก็ใส่ใจตน
แค่คิดได้ดังนั้น หัวใจที่เคยเฉา บัดนี้คืนสีอีกครั้งแล้ว
“อย่าเย็นชาใส่คุณแบมอีกได้ไหม...
คุณแบมกลัว... กลัวพี่ชายมาร์คเกลียดคุณแบม”
เป็นครั้งแรกที่เอ่ยเรื่องนี้
และคุณแบมหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูด ถึงแม้จะอ่อนต่อโลก
แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ คุณชายตัวเล็กรู้ตัวว่ากำลังรู้สึกสิ่งใดกับสามีทางนิตินัยของตน
ความรู้สึกกลัวครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะหัวใจเขาไม่สามารถรับได้
หากคนที่ชอบ... จะเกลียดกัน
“เมืองวารีอย่างนั้นหรือ
ทำไมคณะแพทย์ออกเดินสายบ่อยแบบนี้จัง”
คุณชายจูเนียร์เอ่ยถามพลางยกกาน้ำชาทรงสวยรินชาอยู่
เช้าวันใหม่กับอาหารเช้าแสนอร่อยกำลังเริ่มต้นขึ้น
แม้เป็นครั้งแรกสำหรับท่านชาย
อาจมีความเคอะเขินบ้างแต่ไม่ใช่กับท่านชายสูงศักดิ์ แต่กับเป็นคุณชายตัวน้อยของวังภูวกุลเสียมากกว่าที่เงียบจนน่าสงสัย
แต่พอหันไปมองที่ร่างน้อยของคุณแบมก็ได้คำตอบ
ใบหน้าหวานกำลังขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะทำเฉไฉด้วยการก้มงับพานาคอตต้าส้มอยู่ก็ตาม
แม้ตอนนี้คนที่วังจะอยู่ไม่ครบเนื่องจากท่านพ่อกับหม่อมแม่ทั้งสามจะไปพักผ่อนที่แคว้นตะวันตก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหม่อมยายและพี่ชายทั้งสองอยู่ด้วย
จะไม่ให้เขินได้ไง
ทั้งสามคนเอาแต่มองแล้วยิ้มล้อคุณแบมเมื่อเห็นพี่ชายมาร์คเดินลงมาพร้อมกันยามอาหารเช้า
“พึ่งครั้งแรกครับพี่ชายเนียร์
ครั้งที่แล้วคุณไปกับชมรม” คุณแบมเอ่ยตอบพี่ชาย
“อย่างนั้นเหรอ
แต่ครั้งนี้ไปไกลจัง”
สำหรับพี่ชายที่รักน้องยิ่งกว่าไข่ในหินเยี่ยงชายเนียร์แล้ว
เป็นธรรมดาที่จะอดห่วงไม่ได้
เมื่อน้องชายของตนจะไปพักค้างแรมที่อื่นแถมเป็นเมืองใต้สุดของแคว้นอีกต่างหาก
จะกินนอนเป็นอยู่อย่างไร
“อย่าเป็นห่วงเลยพี่ชายเนียร์
คุณแบมโตแล้วนะ” เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายใหญ่แสดงถึงความกังวล พี่ชายรองจึงต้องออกตัวให้เพื่อคลายความกังวล
“ใช่ครับพี่ชายเนียร์
ไม่ต้องห่วงคุณแบมน้า” หัวทุยซบลงที่แขนเล็กของพี่ชายอย่างอดอ้อน
เรียกรอยยิ้มให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นดังขึ้นมือสวยจึงเอื้อมไปลูบศีรษะน้องระคนเอ็นดู
“เราก็อย่าซนมานะคุณแบม
ไกลบ้านแบบนั้นด้วย”
“รับทราบ!”
บรรยากาศของมื้อเช้าเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ
ท่านชายมาร์คนึกเอ็นดูการเลี้ยงดูบุตรของวังภูวกุล
คุณชายทั้งสามคนรักและห่วงหากันอย่างมากแม้จะไม่ได้เกิดร่วมท้องกันก็ตาม
พระองค์โชคดีเหลือเกินที่เด็จพ่อมีเพื่อนสนิทเป็นท่านชายภาษกร
พระองค์ทรงคิดไม่ออกเลยว่าหากภรรยาของตนไม่ใช่คุณชายแห่งวังภูวกุล
บัดนี้จะได้แย้มสรวลไหม
“วันนี้ไม่ต้องเฝ้ายายแล้วนะชายเนียร์
หยุดงานบ่อยๆ มันจะไม่ดีนะลูก” เสียงแหบของหญิงชราหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้น หม่อมหลวงพิสมัยเอ่ยกับหลานชายคนโตของตน
ชายเนียร์ไม่ยอมเข้าบริษัทเลยตั้งแต่เมื่อวาน ถึงแม้จะเป็นผู้บริหาร แต่หยุดบ่อยๆ
ก็อาจถูกมองไม่ดี
“แต่หม่อมยายพึ่งอาการดีขึ้นนะครับ
ให้เนียร์อยู่ดูแลสักวันเถอะนะหม่อมยาย”
“ยายดีขึ้นแล้วลูก อีกอย่างนมจันทร์ก็อยู่ด้วย”
“จริงครับพี่ชายเนียร์
เดี๋ยววันนี้คุณแบมอยู่เป็นเพื่อนหม่อมยายเอง” น้องน้อยเอ่ยเสนอตัว
แต่ก็ต้องถูกชายแจนขัดเสียก่อน
“เราไม่มีเรียนหรือว่าที่คุณหมอจะมาเฝ้าหม่อมยายน่ะ”
“หงึ...”
แน่ล่ะว่าย่อมมี พองแก้มอมลมจนแก้มจะระเบิดขนาดนั้น
ท่านชายมาร์คยกกาแฟดำขึ้นมาจิบแล้วยิ้มเอ็นดูอย่างเงียบๆ
“ไม่ต้องห่วงยาย
กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเสีย” หม่อมยายเอ่ยเสียงเข้ม
ซึ่งนั่นคงเป็นคำประกาศิตแล้วสำหรับคุณชายทั้งสามคน
หม่อมยายเป็นคนเจ้าระเบียบและสอนหลานๆ เสมอให้มีความรับผิดชอบ
เมื่อหม่อมยายกล่าวเยี่ยงนั้นคงขัดอะไรไม่ได้อีก
บริษัทในเครือภูวกุลคือโรงแรมและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
คุณชายจูเนียร์เป็นรองประธานบริษัท ส่วนท่านประธานยังคงเป็นท่านชายภาษกร
แต่ใครก็ต่างรู้กันว่าอีกไม่นานคงวางมือให้ลูกชายบริหารต่อ
แต่ด้วยความสามารถของคุณชายจูเนียร์ที่รอบรู้และมากความสามารถ
จึงไม่มีผู้ใดครหาได้ แม้จะอายุน้อยแต่กลับทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ร่างบางภายใต้ชุดภูมิฐานเดินสง่าเข้าห้องทำงาน
วันนี้มีประชุดคณะผู้บริหารของบริษัท เนื่องจากมีโครงการใหญ่เข้ามา
นี่เป็นอีกเหตุผลที่หม่อมยายอยากให้คุณชายเข้าบริษัท
เนื่องจากการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างมีผลประโยชน์มากเลยทีเดียว
“เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคุณริสา”
เสียงหวานเอ่ยถามเลขาประจำตัว
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนใบหน้าสะสวยยืนรอเจ้านายอยู่หน้าห้องประชุมด้วยท่าทางนอบน้อม
ยื่นแฟ้มให้ท่านรองก่อนจะตอบอย่างฉะฉาน
“เรียบร้อยแล้วค่ะท่านรอง
บริษัท K.I.T มากันพร้อมแล้วค่ะ”
“หืม?
อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นเข้าไปกันเถอะ” คุณชายเอ่ยขึ้น
แม้จะสงสัยว่าทำไมทางนั้นถึงได้มาก่อนเวลาเร็วขนาดนี้
บริษัทเคไอทีคือเครือบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับทัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรวมถึงยังเป็นเจ้าของสายการบิน
K แอร์ไลน์ วันนี้เป็นการคุยร่วมธุรกิจร่วมกันครั้งแรกของทั้งสองบริษัท
การได้ร่วมธุรกิจกับบริษัทใหญ่แบบนั้นมีมูลค่ามาก เขาต้องทำออกมาให้ดีที่สุด
แต่เมื่อประตูห้องประชุมเปิดออกได้พบสบตากับดวงตาเรียวคมคู่เย็นชา
ร่างทั้งร่างก็ชะงักนิ่งราวกับถูกต้องมนต์ ร่างสูงกำยำในชุดแปลกตา สูทสีทมิฬขับออร่าความสง่าชวนเหลียวมอง
ท่านรองของ P กรุ๊ปเริ่มเสียความมั่นใจทันทีที่สบเขากับนัยน์ตาคู่นั้น
คุณชายนายเรืออากาศเอกแต่เดิมทีสวมเพียงชุดปฏิบัติการสีเขียวเข้ม และสถานที่ที่เจอมีเพียงร้านเบเกอรี่ของหม่อมแม่เท่านั้น...
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกันในวันนี้
ในฐานะหุ้นส่วนคนสำคัญ
“...หึ”
รอยยิ้มมุมปากเผยออกมาเพียงชั่วครู่
คุณชายเจบีเตรียมตัวไว้แล้วว่าต้องพบเจอกับผู้ใด แล้วภาพตรงหน้าก็ไม่ต่างจากที่คิดสักเท่าไหร่
คุณชายคนนี้มีปฏิกิริยาให้เขาได้สนใจได้เสมอ... คิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาคุยงานแทนท่านพ่อ
ใช่แล้ว
บริษัทเคไอทีคือบริษัทของเครือตระกูลกิตติธนากุลโดยมีบิดาของเขาเป็นผู้บริหาร ถึงแม้ตนจะเป็นคุณชายใหญ่ของวังกิตติธนากุลแต่ก็ท่านพ่อและท่านแม่กลับไม่ได้บังคับให้ทำงานในทางที่ไม่ชอบ
คนรักอิสระอย่างหม่อมราชวงศ์จารุกิตติ์คงไม่ยอมขึ้นนั่งประธานบริษัทแทนบิดาแน่นอน เพราะฉะนั้นหน้าที่นี้เลยตกเป็นของคุณชายรองของวังแทน
“ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งนะคะ
วันนี้ท่านประธานกันท่านรองติดธุระเฉพาะกิจที่กรุงโรมจึงส่งคุณชายจารุกิตติ์มาแทน
แต่ไม่มีปัญหาต่อการเจรจาแน่นอนค่ะ” เลขาของท่านประธานเคไอทีแจงด้วยความสุภาพ
เมื่อเห็นผู้บริหารระดับสูงของพีกรุ๊ป
ถึงแม้คุณชายเจบีจะไม่ได้มีตำแหน่งในบริษัทอย่างชัดเจน
หากแต่ก็รู้กันดีว่าคุณชายนายทหารทำงานเป็นที่ปรึกษาจำเป็นในบางครั้ง เพราะความฉลาดหลักแหลม
หลายคนต่างเสียดายความสามารถในการบริหารของคุณชายคนนี้ หากไม่เลือกความฝันมากกว่าความสามารถ
บริษัทเคไอทีคงรุ่งเรืองภายใต้การบริหารของเขาอย่างแน่นอน
แต่งานเอกสารไม่ได้เหมาะกับคนรักอิสระอย่างเขานักหรอก
อยู่ช่วยในยามจำเป็นดีกว่า
“อะ
เอ่อ... ครับ ต้องขออภัยที่ให้รอ” คุณชายจูเนียร์กล่าวขึ้น ร่างบางพยายามหลบสายตาคมไปมองคุณเลขาคนสวยแทน
ไม่รู้ทำไมตนต้องรู้สึกไม่เป็นตัวเองทุกครั้งเมื่อเจอคุณชายเจบี โดยเฉพาะหัวใจที่มักเต้นแรงแบบนี้
“ทางเราต่างหากที่มาเร็วเกินไป”
สุรเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าประหม่า
แค่เขาคุยด้วย
ทำไมต้องเป็นถึงขนาดนี้นะเรา... ได้แต่ต่อว่าตัวเองในใจ
“เพราะยังไม่ถึงกำหนด
ผู้บริหารคนอื่นๆ เลยยังมาไม่ครบ ระหว่างรอรับของว่างก่อนนะครับ”
ท่านรองเอ่ยอย่างเป็นทางการ
คุณชายจูเนียร์พยายามเป็นมืออาชีพโดยไม่เอาความรู้สึกภายในใจแสดงออกมาให้งานเสีย
และมันก็เป็นไปในทางที่ดี เพราะบุคลิกสุภาพเรียบร้อยนั่น
เรียกความพอใจให้ที่ปรึกษาเคไอทีเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่สิ...
เป็นความพอใจส่วนตัวอยู่แล้วต่างหาก
ทุกอากัปกิริยาของร่างบางอยู่ในสายตาคมตลอด
คุณชายเจบีนึกแปลกใจและประทับใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าคนขี้อายในสายตาเขายามปกติที่พบกันในร้านเบเกอรี่จะกลายเป็นท่านรองประธานได้อย่างดีเยี่ยม
คุณชายจูเนียร์มีความตั้งใจในการทำงาน บริษัทพีกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่และมีประสิทธิภาพ
ยิ่งเห็นการทำงานของท่านรองในวันนี้ เขาไม่แปลกใจเลยหากมันจะรุ่งเรืองได้ด้วยมือของคนตรงหน้า
ไม่นานการประชุมก็เริ่มขึ้น
โครงการนำเที่ยวภายใต้ทัวร์จากบริษัทเคไอทีจำเป็นอย่างมากที่ต้องติดต่อกับโรงแรม
เป็นครั้งแรกที่ทำร่วมกับพีกรุ๊ปด้วยและครั้งนี้เป็นโครงการใหม่สำหรับการจัดทัวร์ภายในประเทศครบภูมิภาคในแคว้น
เหนือ ใต้ ออก ตก จำเป็นอย่างมากที่ต้องร่วมกับโรงแรมที่มีอยู่ทุกที่ในแคว้น
ซึ่งพีกรุ๊ปอยู่ในตัวเลือก และคงได้ร่วมงานกันอย่างแน่นอน
ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปของการประชุม
“ขอบคุณมากนะครับที่ร่วมทำโครงการกับพีกรุ๊ป
ทางเราจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นปิดท้าย ก่อนจะยื่นมือมาให้ตนจับอย่างเป็นมารยาททางสังคม
มือหนายื่นจับที่ฝ่ามือนุ่มอย่างเชื่องช้า
สัมผัสครั้งแรกทำให้หัวใจสองดวงเต้นในจังหวะเดียวกัน ถึงแม้จะคิดไว้แล้วว่ามันเป็นเพียงมารยาทพื้นฐานเท่านั้น
แต่คุณชายจูเนียร์กดอดไม่ได้ที่จะประหม่า ไม่ต่างคุณชายนายเรืออากาศ เพียงได้สัมผัสก็ไม่อยากปล่อยมือนั้นอีกเลย...
หัวใจทั้งสองดวงกำลังนำพาโลกทั้งสองโลกให้บรรจบเป็นโลกเดียวกัน...
ความคิดเห็น