รอวัน...ฉันรักเธอ (Let me Love you~) - รอวัน...ฉันรักเธอ (Let me Love you~) นิยาย รอวัน...ฉันรักเธอ (Let me Love you~) : Dek-D.com - Writer

    รอวัน...ฉันรักเธอ (Let me Love you~)

    ++อีกรูปแบบของความรักใกล้ๆตัว ที่บางคนอาจจะเคยพบเจอ หรือบางคนอาจจะเลี่ยงที่จะเจอกับความรักในรูปแบบนี้ก้อได้... ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ได้โปรด... Let me Love you...๐oO

    ผู้เข้าชมรวม

    146

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    146

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 49 / 22:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           


                     ^o^ สวัสดีค่ะ  เราชื่อ Maize น๊า... เรื่องที่เราจะลงต่อไปนี้อะ  เหอๆ ขอบอกว่าเราไม่ได้แต่งเองง่ะ  พอดีพี่สาวเค้าฝากมาลงอ้ะ(แกมบังคับ) -*- ผิดกฏป่าวว๊า... - -?   แต่ยังไงก้อช่วยอ่าน และก้อติชมด้วยนะคะ  ในฐานะที่เราเปงเดะใหม่ก้ะขอฝากตัวด้วยนะค๊า....... ถ้ามีโอกาสก้อจะลองแต่งเอามาลงบ้าง(จาดีเร้อ...- -) --_,-- ฮี่ ฮี่~  ลองไปอ่านกานดูเลยจ้า..--->


      รอวัน.... ฉันรักเธอ

             --หวัดดีค่ะ เรื่องที่ฉันจะเล่านี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง ฉันชื่อ โจ ....ฉันเอง ที่จริงแล้ว ก็ไม่ใช่คนสวยอะไรเลย ออกจะขี้เหล่ด้วยซ้ำในสายตา ป๊า กับแม่ (.''.)
            ฉันเกิดในตระกูลคนจีน เลยไม่แปลกเลยที่ฉันจะน่าหมวยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขี้เหล่ มากมายขนาดนั้นหรอกนะ เพื่อนๆ ก็ชมนะ ว่าน่ารักดี โฮะ โฮะ -0-
            ฉันเป็นคนที่แปลกที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆ ไม่ใช่ว่าหน้าตาแปลกนะ แต่เป็นเพราะว่า ตั้งแต่คบ กันมา ฉันไม่เคยมีแฟนเลย ถึงแม้ว่าจะมีคนจีบบ้าง เป็นระรอกๆ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะแปลกตรงไหน เพราะในเมื่อมันไม่ชอบ ต่อให้มาชอบมากขนาดไหน ทำไงมันก็ไม่ชอบอะนะ  *****
            --ตอนนั้นชั้น อยู่ ม.6  แล้วก็ใกล้จะจบแล้วด้วย ตอนนั้นคือช่วง 3 เดือนก่อนที่จะเรียนจบ ที่จริงแล้ว มันน่าจะเป็นการเรียนจบที่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย(เว้นแต่ว่าฉันจะเอ็นไม่ติด) ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ นี้ขึ้น
      ......มีผู้ชายคนนึงมาชอบฉัน คนๆนี้หน้าตาดีมาก-,.- เค้าชื่อว่า พี พีเป็นคนน่ารัก นิสัยดี แล้วก็เป็นที่ต้องการของสาวๆ ใน โรงเรียนมากด้วย(พูดเป็นปลาทูไปได้...) -*- ตอนแรกที่เจอกันในห้อง  ก็คิดว่าคนๆนี้ น่ารักดี    แต่ก็คิดว่ายังไงก็คงไม่มีวันที่จะมาชอบคนอย่างเราได้หรอก T^T (อ้อ..ลืมบอก เราอยู่ห้องเดียวกัน) จนเวลาผ่านไปจะ 3 ปี...
       

      -2 พฤศจิกายน 2547-
       
         "โจ  โจ"      เสียงหนึ่งดังขึ้น จากข้างหลังฉัน

         "มีไรหรอ พี"

         "คือ...เรายืม ยางลบก้อนนั้นได้มั้ย"         พีเข้ามาขอยืม ยางลบของชั้นที่ชั้นถืออยู่

         "นี่จ้ะ ก้อนใหญ่หน่อยนะ ใช้ลำบากหน่อย"

         "ไม่เป็นไร ขอบใจนะ"

        ......ทีแรกฉันก็คิดว่ามันแปลกๆ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็ฉันเห็นที่กระเป๋าเสื้อของ พีเค้า มันมียางลบอยุ่น่ะซิ (จริงๆตั้งใจจะมองอะไรอะ ^,.^เค้ารู้นะ....Maize)  - - ถึงมันจะก้อนไม่ใหญ่มากแต่ก็พอจะรู้แหล่ะ ว่ามันคือยางลบ ตอนนั้นก็คิดเพียงแต่ว่า  อ๋อ...คงลืมมั้ง
             จากวันนั้นมา พีก็มักจะมาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวฉันเสมอ จนเพื่อนๆ ก็พากันสงสัยเหมือนกัน

         "เฮ้ย...โจ พีชอบแก แน่เลยว่ะ เห็นเดี๊ยวนี้ชอบมาเจ๊าะแจ๊ะกับแกจัง"  ฉันทำหน้าเหมือนคิดเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดแหล่ะว่า *อืม..อาจจะเป็นไปได้* ฮิฮิ ^o^

           แต่ถ้าคิดแบบนั้น อาจจะเป็นไปได้ว่า หลงตัวเองไปเองรึเปล่า เพราะพีเอง ก็มีผู้หญิงเยอะแยะมาชอบ แล้วเค้าเองก็ขึ้นชื่อเรื่องที่ว่า คบกับผู้หญิงได้ไม่นานด้วย

         'หรือว่าต้องการจะเล่นๆกับเรา' ความคิดเช่นนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอด

      แล้วคืนหนึ่ง เสียงโทรศัพท์จากเบอร์ ที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

         "หวัดดีค่ะ ฮัลโหล ฮัลโหล"  ไม่มีเสียงคนพูดมีเพียงเสียง หวิว หวิว เหมือนเสียงแมงหวี่...

         "ถ้าไม่พูดจะวางล่ะนะ  บาย" -*-

         "เดี๊ยว ...นี่เราเองนะ พีไง" พีพูดขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะกดสายทิ้ง เพียงเสี้ยววินาที

         "อ๋อ...มีไรเปล่า พี" -///-

         "เปล่าอะ แค่อยากโทรมาคุย ได้ป๊ะอะ" ฉันคิดในใจ 'เอาล่ะเว้ย...มาเรื่องแล้ว'

         "ตอนนั้นก็คุยกันเรื่อยเปื่อย แต่สงสัยว่าจะเปื่อยมากเกินไปนี๊ดซ์...รู้ตัวอีกที ก็ตี 3 แล้ว" -)) ((- 

            ทั้งๆที่ฉันไม่เคยคุยโทรศัพท์กับใครนานขนาดนี้มาก่อน เพราะกลัวเป็นมะเร็งสมองอะนะ... - -  พีเป็นคนคุยสนุก เค้ามักจะมีมุขแปลกๆที่บางทีก็แป้กมาคุยเสมอ
      จนทำให้ฉันไม่รู้สึกเบื่อที่ได้คุยกัน จากวันนั้นพี ก็มักจะโทรมาคุยกับฉันบ่อยๆ  ฉันเองก็ไม่ใช่คนโง่ หรือว่าไร้เดียงสา ขนาดที่จะไม่รู้ว่า พีมีใจให้... แต่ฉันก็ไม่กล้าพูด
      ฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงให้พี เข้าใจอาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยมีความรัก ฉันหนุ่มสาวอะไรแบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่า การที่จะคบใครสักคน มันต้องทำยังไงหรือว่าจะต้องแสดงออกยังไง

      *แล้วที่สำคัญก็คือ ฉันไม่มีความแน่ใจเพียงพอว่า พีรักฉันจริงรึเปล่า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พีมักจะมีข่าว (คาว) เกี่ยวกับสาวๆที่เค้าคบอยู่ด้วยเสมอ อย่างเช่น
      คบแล้วทิ้ง  คบได้ไม่นาน  พอเลิกกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ก็มักจะเอามานินทาลับหลัง  ซึ่งไอ้ข้อหลังนี่ฉันรับไม่ได้จริงๆ หากว่ามันเป็นความจริงล่ะก็ฉันก็คงต้องขอบาย
             แล้ววันนึงวันที่ฉัน (ไม่)รอคอยก็มาถึง พีโทรมาเพื่อบอกความในใจกับฉัน  โอ้...แม่เจ้า -/////-

         "คือว่า โจ คงพอรู้ใช่มั้ยว่าเราคิดยังไง"

         ฉันอึ้งสักครู่ ก่อนที่จะตอบด้วยคำพูดที่ยาวแสนยาวว่า "อือ..." (ก็ไม่รู้จะพูดไรอะ) - -

         "ทำไมถึงชอบเราล่ะ เราไม่เห็นจะมีอะไรดีเลยนะ" ฉันพูดขึ้นแก้เขิน เอิ๊กกก -..-

         "ไม่รู้ซิ การที่เราจะชอบ หรือรักใครสักคนเนี่ยมันต้องมีเหตุผลด้วยหรอ แล้วเราไม่ใช่ที่ใจแคบ ขนาดที่จะมองแต่ข้อเสียของคนที่ชอบนี่นา"

         เอาล่ะซี  งงไปเลยฉันอึ้งสักครู่ หญ่ายๆ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
        
          "ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ" พีถาม

         "เอ่อ....คือว่า พีแน่ใจแล้วหรอว่าชอบเรา พีเองก็มีคนที่ชอบเยอะแยะไม่ใช่หรอ แล้ว..."

           ไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ พีก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
        
           "มันไม่ได้อยู่ที่ว่า เราจะชอบใครรึเปล่า ของแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้หรอก หรือโจจะบังคับให้เราไปชอบคนที่มาชอบเราทุกคนล่ะ... แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เราชอบโจ แล้วมันก็แน่นอน แต่ถ้าโจไม่ชอบเรามันก็ช่วยไม่ได้ แต่เราก็จะไม่ล้มเลิก ความตั้งใจหลอกนะ"

          "มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ชอบ พีหรอกนะ แต่ว่า...ขอเวลาเราหน่อยนะ ได้มั้ย..."  ฉันคิดไม่ออก บอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เพราะตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้เลย ว่าฉันคิดยังไง

         "อืม  งั้นเราจะรอนะ"

       ----จากนั้น ฉันก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยกับพี ต่อไปอีก 2 ชั่วโมง

        ***เช้าวันต่อมา และ ต่อๆมา
        
              ฉันยอมรับว่า พีเป็นคนที่มีความพยายามสูงมาก..พี คอยดูแลฉันทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆทุกอย่างที่ผู้ชายคนนึงจะทำเพื่อผู้หญิงคนนึงได้ แต่มันก็คงจะยังไม่มากพอ ฉันยังไม่รู้อีกอยู่ดี ว่าการที่จะคบใครสักคน มันต้องทำยังไง แล้วฉันจะรักพียังไง
      ........แล้วอีกอย่างที่ฉันยังไม่แน่ใจก็คือนิสัยของพี ว่าจะเป็นจริงอย่างที่ เพื่อนๆฉันบอกรึเปล่า แต่อยู่กับฉัน พีก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เค้าไม่เคยว่าร้ายใครให้ฉันฟัง  บางครั้งฉันก็คิดว่า ถ้าฉันคบกับพี จะเป็นยังไง
        แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดชะงักลง ด้วยน้ำปากของเพื่อนฉันเอง <ฉันคงจะเป็นผู้หญิงที่โง่เง่า ที่สุดในโลก> เฮ้อ..... =3

          "พี น่ะหรอ  อย่าเลยนะโจ เราขอร้อง คอยดูนะถ้าเลิกกันเมื่อไหร่มันต้องเอาเรื่องของเธอไปพูด ในทางเสียๆ หายๆแน่"  - -นี่คือคำพูดของ หนุงหนิง เพื่อนคนละห้อง

          "อย่าเลยนะ โจ พีน่ะมีผู้หญิงอยู่เยอะแยะ เค้าไม่มีวันที่จะจริงจังกับใครจริงๆหรอกเชื่อเรา "  นี่ก็ฟ้า เพื่อนคนละห้องเหมือนกัน -..-

          "โอ๊ย..พีน่ะหรอ เชื่อเถอะ เค้าเห็นเธอ จีบยากน่ะซิ เลยอยากจะลองเท่านั้นแหล่ะ"...  เฮ้อ....ฉันล่ะหน่ายใจจริงๆ -*-

        
                ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะเชื่อการกระทำของเค้าในตอนนี้หรือจะเชื่อคำพูดของพวกผู้หญิงเหล่านี้ดี  พีก็ยังทำดีกับฉันอย่างนี้ อย่างเสมอต้นเสมอปลายอยู่เป็นเดือนๆ พี..ไม่เคยพูดถึง หรือทวงถามคำตอบจากฉันเลย ตั้งแต่วันนั้น...
         ฉันยังคงไปไหนมาไหนกับพี อยู่เสมอ คนนอกอาจจะมองดูว่า เราเป็นแฟนกันเพราะบางทีฉันยังคิดแบบนั้นเลย...ฉันมักจะชอบชวนพี ดูหนังผี อยู่เสมอ...ถึงแม้ว่าพี จะเป็นคนที่เกลียดหนังผี มากก็ตาม แต่ก็ยังทนดูเป็นเพื่อนฉันตลอด สิ่งดีดีที่ฉันได้จากพีนั้นมีมากมาย วีรกรรมของฉันกับพีระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ฉันยังเคยคิดเล่นๆเลยว่า ถ้าจะเอาไปทำหนัง จะเอาไปทำหนังรักโรแมนติก หรือหนังตลกดี 
         
       **พีมักจะชอบแกล้งฉันเล่นอยู่เสมอ ด้วยเพราะฉันเป็นคนที่มีนิสัยเปิ่นๆ ไม่มีวันไหนเลยที่เดินแล้วจะไม่สะดุด...จนเพื่อนๆมักจะเรียกฉันว่า ยายเปิ่นปักษ์ (สงสัยใช่มั้ยว่า ปักษ์คืออะไร มันคือชื่อเล่นของแม่ฉันเอง)
      อย่างที่บอกไปตอนแรก พีเป็นคนสนุก ไม่ว่าใครเมื่อได้อยู่ใกล้ก็จะพลอยมีความสุข ถึงแม้ว่าเวลานั้นจะทุกข์ อยู่ก็ตาม ไม่แปลกเลยที่เค้าจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทั้งรุ่นเดียวกัน และบรรดารุ่นน้อง ต่างจากฉันที่มักจะโดนหาว่าหยิ่งบ่อยๆ เพราะฉันเป็นคนหน้าดุละมั้งเลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย
      แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่นี่ก็เป็นอีกข้อนึงที่ฉันคิดว่า ฉันต่างจากพีมาก

            "ฉันว่านะ  เธอก็ตกลงคบกันเป็นแฟนกับพี ไปเถอะ เค้าก็ดีนี่นา ฉันก็ไม่เห็นว่าเค้าจะเป็นเหมือนที่พวกผู้หญิงพวกนั้นพูดเลยนี่นา"    นี่คือคำพูดของเจน เพื่อนในกลุ่ม เจนพูดขัดขึ้นมาในระหว่าง บทสนทนานินทาชาวบ้านยามพักเที่ยง

             "นั่นซิ เธอจะไปเชื่อทำไมกับพวกปากหอยปากปู ถ้าเธอเจ็บมีใครมาเจ็บกับเธอซะเมื่อไหร่"

             "ช่าย...ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก ของอย่างเนี้ยมันต้องลองเว้ย"  คงจะมีก็แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มนี่แหล่ะที่เชียร์ พี เต็มที่
       
           นั่นซิ บางทีฉีนก็คิดเหมือนกัน พีเองก็เทคแคร์ ดูแลฉันดีทุกอย่าง แต่ไม่รู้ซิ....เฮ้อ...ท่าทางฉันคงจะมีปัญหาทางด้านจิตใจมั้งเนี่ย . '' '' .


         *เช้าวันนึง  วันนี้เหมือนพระเจ้าจะมาโปรดให้คนโง่อย่างฉันให้ได้รู้ใจตัวเองสักที

          "โจ..โจ..แย่แล้ว เธอรู้ข่าวเรื่องพีรึยัง"  ยายเจน วิ่งกระหืดกระหอบมาจากไหนไม่รู้ เหงื่อท่วมตัวไปหมด

          "มีอะไรหรอ พี ทำไมหรอ" ตอนนั้นฉันก็ตกใจมากเหมือนกัน เพราะยายเจน มีท่าทางตื่นเต้นมาก

          "พี น่ะพี...พีรถมอไซด์คว่ำน่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล"

          "แล้ว เป็นยังไงบ้าง" ตอนนั้น ฉันตกใจมาก ในหัวสมองมันรวนไปหมด คิดนู่นคิดนี่ วุ่นวาย  ฉันรีบโดดเรียน ไปโรงพยาบาลกับเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่ทันที
      ตอนนั้นฉันคิดแต่เพียงว่า อย่าให้พีต้องเป็นอะไรเลย....ดูเหมือนฉันจะรู้ใจตัวเองแล้ว

          ฉัน....ไม่ต้องการจะเสียพีไป  ฉันได้แต่วอนขอแก่พระเจ้า ในขณะที่ตัวสั่นระริก 

          'พระเจ้า...ลูกขอร้อง อย่าให้ลูกต้องเสียเค้าไปเลย อย่าทำโทษลูกด้วยวิธีนี้ ขณะนี้ลูกรู้ใจตัวเองแล้ว...ได้โปรด'  ถึงแม้ว่าน้ำตาของฉันมันจะไม่มีเลยสักหยด แต่เพื่อนๆที่ขึ้นรถไปด้วยกัน ก็พอจะรู้ว่าฉันเป็นห่วง พีมากแค่ไหน

      ********

      *โรงพยาบาล

         "เอ่อ...พีรวิทย์ ที่รถคว่ำน่ะค่ะ อยู่ห้องไหนคะ" ฉันวิ่งไปถามประชาสัมพันธ์ ของ โรงพยาบาลก่อนใคร

         "อ๋อ..คุณพีรวิทย์ อยู่ที่ห้องฉุกเฉินน่ะค่ะ คุณหมอกำลังดูอาการอยู่ ตอนนี้ก็....อ้าวคุณ เดี๊ยวค่ะ ฉันยังพูดไม่จบ"

      ------ตอนนั้นสมองฉันรวนไปหมดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉันไม่รอที่จะให้พยาบาลพูดจบ  ก็วิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน โดยมีเพิ่อนวิ่งตามมาข้างหลัง

         "พี...ฉันเคาะประตูห้อง ฉุกเฉินเหมือนคนบ้า ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองบ้าไปรึเปล่าเหมือนกัน"

         "เฮ้ย...โจ เค้าไม่ให้เสียงดังนะ แล้วนี่ก็ห้องฉุกเฉินนะ"  -*- เพือนๆ คงจะอายในความเปิ่น แล้วก็ความบ้าของฉันเหมือนกันในตอนนั้น

         --ขณะนั้น คุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี  พวกเราวิ่งกรูไปที่คุณหมอและแย่งกันถามอาการของพี เหมือน เหยี่ยวกำลังแย่งกัน กระชากเหยื่อ

         "เอ่อ..เดี๊ยวครับคุณ....เพื่อนคุณน่ะใครครับ"  คุณหมอถามด้วยความตกใจเหมือนกัน คงจะคิดว่า เด็กพวกนี้นี่มันอะไรกัน

         "พีค่ะ" / "พีรวิทย์ครับ" / "พี ลูกตาโอ๊ค น่ะครับ"  /"บ้า...ลูกยายกลาย ต่างหาก" 

         โอ๊ยยยย !! นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว อ้ายเวงพวกนี้หนิ-*-   "พีรวิทย์ น่ะค่ะคุณหมอที่รถคว่ำ...น่ะค่ะ" ตอนนั้นคนที่ตั้งสติได้คนแรก แทนที่จะเป็นคนอื่น แต่กลับเป็นฉันแทน

         "อ๋อ...เอ่อ คือว่า พวกคุณเป็นอะไรกับผู้ป่วยครับ"   คุณหมอทำหน้าอึ้ง แบบเริ่มซีดนิดๆสักครู่ ก่อนที่จะถามพวกฉันกลับ  

         "เป็นเพื่อน ครับ/ค่ะ"  ยิ่งคุณหมอ ทำหน้าซีดแบบนั้น ยิ่งทำให้พวกฉันใจหาย 

         "หมอ...ได้พยายามเต็มที่แล้ว  ไม่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนคุณไว้ได้ หมอขอโทษจริงๆ....ขอตัวครับ"  แล้วคุณหมอก็เดินจากไป เหมือนในละครที่ ฉันเคยเห็นบ่อยๆ

      - -'''''
        
      "ไม่จริง...." ToT ฉัน...พูดอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น ฉันกรีดร้องขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู ฉันไม่มีแรงแม้แต่ที่จะยืนด้วยขาทั้งสองข้างของตัวเอง

         "ไอ้พี  อะไรวะ มึงไมทิ้งพวกกูไป" แจ็ค เพื่อนที่สนิทที่สุดของพี ชกกำแพงโรงพยาบาลอย่างแรง  พวกเราตอนนั้น ไม่มีใครเลยที่จะไม่ร้องไห้....

         "ไอ้พี  ไอ้เพื่อนชั่ว....." แจ็คร้องไห้ไปและด่าพี ไปเหมือนจะเป็นการระบาย  ตอนนั้น ฉันไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเปล่งออกมา....

      .......

         "เฮ้ย มึงด่ากูทำไมเนี่ย ไอ้แจ็ค" 

      เสียง...เสียงนี้เป็นเสียงที่พวกเราคุ้นเคยมาก  ทุกคนหันไปทางต้นเสียงนั้น
      และภาพที่พวกเราเห็น ทำเอาช็อค...กันไปทุกคน o_Oมันก็คือภาพพี  ยืนตระง่านอยู่ข้างหลังของแจ๊ค ในมือ ถือเบรคมอเตอไซด์  ตามตัว ไม่มีแผลอะไรเลย มีแค่เพียงที่หัวเข่าที่เหมือนจะมีเลือดซิบๆอยู่

            "อะ  อะ ไอ้พี....ว๊ากกกกกกก  ผีไอ้พี"  แจ็คมีสีหน้าตกใจสุดขีด น้ำมูกน้ำตาที่ไหล ก็ไหลเพิ่มมากเป็น ทวีคูน หน้าตาของแจ็คตอนนั้นเหมือน...ให้คุณคิดเอาเองแล้วกัน (ให้คุณนึกถึงภาพกอลิร่ายักษ์ เป็นหวัดน่ะ นั่นแหล่ะ แจ็คล่ะ)

            ทุกคนต่างก็ตกใจกับภาพที่เห็นในตอนนั้นกันมาก จะมีก็แต่ฉันนี่แหล่ะที่ไม่กลัว (สงสัยเพราะดูหนังผีบ่อยมั้ง) ฉันวิ่งเข้าไปโผลเข้ากอดพี อย่างแรง  พร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย ToT

         "โธ่...พี ตายไปแล้วก็ยังอุตส่าห์ มาหาหรอ" ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น ในอ้อมอกของพี  แต่การร้องให้ก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีอะไรแข็งๆมาเขกหัวฉันเบาๆ

         อ้อ..มันคือ เบรครถ นั่นเอง -''-

         "ใครตาย..ยายบ๋อง ^ ^" พียิ้มให้ฉัน แล้วกอดฉันฉันอย่างแรง  ไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อ

        -- คุณหมอคนเดิม คนเมื่อกี้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาจากอีกที่ใดที่หนึ่ง 

            พอมาถึง ...คุณหมอขี้เก๊กนั่น ก็ กระแอม เป็นเชิงเล็กน้อยแล้วพูดว่า 
           "เอ่อ..คือเมื่อสักครู่นี้พวกคุณเข้าใจผิดนะครับ คุณพีรวิทย์ที่พวกคุณว่าน่ะ เป็นคนละคนกับคนที่ตายนะครับ คนนั้นน่ะเค้ารถสิบล้อคว่ำตายครับ พอดีชื่อเหมือนกัน  แหม...ตกใจกันเลยซินะครับ ฮ่า ฮ่า...เอ่อ..หมอขอตัว"   หึหึ --__,--

         พอพูดจบ แกก็เดินจากไปอย่างสงบ เหมือนกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยปล่อยให้พวกเรายืน อึ้ง กันต่อไป

         "อ้าว  ไอพีนี่แกยังไม่ตายหรอกหรอ" อ้น เพื่อน ในกลุ่มเดียวกันพูดขึ้น
       
         "ก็เออซิวะ ฉันแค่ มอไซด์ ล้มหน่อยเดียวเองเนี่ย..แค่เข่าถลอก  แต่แม่งล่อซะ เบรคหักเลยว่ะ เนี่ย.."  พี ยกเบรคขึ้นให้อ้นดู

         "เอ่อ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว  แต่ช่วยปล่อยเราได้มั้ย" ฉันพูดขึ้นมีเชิงเล็กน้อย เพราะพีคงลืม หรือแกล้งลืมไม่รู้ ว่าตอนนี้กอดฉันอยู่ -////-

         "อ้อ...ขอโทษทีจ้ะ"  พีปล่อยมือออกจากตัวฉัน แต่ก็ยังจับมือข้างนึงของฉันไว้อยู่

       *******ในตอนนั้น ฉันได้แต่พร่ำพรรณาในใจ .....ขอบคุณพระเจ้า  ขอบคุณจริงๆ ที่ให้โอกาสฉันได้แก้ตัว..อีกครั้ง

           วันนั้นทั้งวัน เวลาของพวกเราทั้งหมด 6 คนรวมทั้งพี ก็หมดไปกับการฉลอง ที่พี ฟื้นจากความตาย (ในความเข้าใจผิด) เราคุยกันไม่จบไม่สิ้น แล้วก็วนมาที่ฉันจนได้

            "เฮ้ย..มึงรู้เปล่าพี ตอนที่รู้ข่าวมึงนะ คนที่ร้องไห้มากที่สุดน่ะ โจ..นะเว้ย  มึงต้องเห็นนะ ร้องไห้ขี้มูกโปร่งเลย ฮ่า ฮ่า..."   อ้นพูดเชิงเยาะเย้ย แล้วก็ทำหน้าเหยเกมาทีฉัน

           "ช่าย ช่าย...ปากนะก็พูดว่า พีอย่าเป็นอะไรนะพี อย่าเป็นอะไร ฮือ ฮือ... 555"  เจนพูดสมทบขึ้น  พร้อมกับทำหน้าเบ่ะๆ

         พี หัวเราะขำก๊าก....โดยไม่เกรงใจ ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆสักนิด หนอยยยย!!! >~<

         "นี่ นี่  มารุมอะไรฉันคนเดียวล่ะ  นู่น...คนที่เป็นหนักกว่าฉันนั่งอยู่นู่น มือยังบวมปูดอยู่เลยน่ะ"     ฉันชี้หน้าไปที่แจ็คที่นั่งคลำมืออยู่ เพราะมือที่ชกกำแพงไปนั้น มันเริ่มจะบวมแล้ว

           "เฮ้ยย....ไม่ต้องมาหัวเราะฉันนะโว้ย !! เจ็บงานเนี้ย มันพิสูจน์ความจริงใจโว้ย  อูย..."     แจ็คพูดไปคลำมือไป ทำเอาเราทุกคนขำกันไม่หยุด  ตอนนี้ความเศร้าในตอนแรกได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว

      -----ตกกลางคืน พีขับรถไปส่งฉันถึงที่หน้าบ้าน (อย่าตกใจเพราะรถพีคันนั้น เบรคกระจายไปแล้ว..ยืมรถอ้นมาน่ะ)

         "เราไปนะ ฝันดีจ้ะ" พีบอกลาฉัน ก่อนที่หันหลังกลับ 'ตุ้บ..!!'

         "พี...อะไรตกน่ะ"    ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเก็บของนั่น

         "เฮ้ย..!! O_O" พีทำท่าตกใจมาก เหมือนกับว่าจะไม่อยากให้ฉันเห็นสิ่งที่ตกอยู่นั้น

           ในความคิดของฉัน มันก็เป็นเพียงแค่ สมุดบันทึกเล่มเล็กๆสีชมพู ธรรมดาๆ เล่มนึงเท่านั้นเอง แต่สำหรับพี ฉันคิดว่ามันคงจะสำคัญมาก เพราะทันทีที่รู้ว่ามันตก พีก็กระวนกระวาย เก็บมันขึ้นอย่างทะนุถนอม จนฉันอยากจะรู้ขึ้นมาว่า ในนั้นมีอะไร ถึงทำให้พีหวงขนาดนั้น

         "เอ่อ...มันสำคัญถึงขนาดที่ให้เราจับไม่ได้เลยหรอ"

            พีทำหน้าตกใจทันทีที่ฉันพูดขึ้น ขณะที่เค้ากำลังเช็ด ทำความสะอาดสมุดบันทึกนั่นอยู่ จนแว่บ...นึงฉันก็คิดอิจฉาหนังสือเล่มนั้นเหมือนกัน..ที่ได้รับการดูแลขนาดนั้น ( _  _ )

           "อ๋อ..เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ถ้าโจ อยากรู้ว่ามันคืออะไร สักวันนึง โจก็จะได้รู้  แล้วถ้าถึงวันนั้นจริง โจ..จะเป็นคนแรกลองจากเราที่จะได้เปิดมัน ^ ^" พี ยิ้มนิดๆก่อนตอบ

             ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจที่พีพูด เท่าไหร่แต่ฉันจะทำอะไรได้ นอกจากยิ้มตอบไป

           "งั้นเราเข้าบ้านก่อนนะ  บายจ้ะ"
        
           "บาย  ฝันดีนะ" พียิ้ม และโบกมือให้ฉัน

            จนแล้วจนรอด ฉันก็ไม่ได้บอกความในใจกับพี เสียที  'ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกเยอะ'  ฉันไม่ได้ฉงนใจสักนิดเลยว่า ความคิดนั้นมันทำให้ฉันต้องคิด...มาจนถึงทุกวันนี้

      ************ 

                ก่อนวันพิธีจบการศึกษา 1 อาทิตย์ ซึ่งวันอำลาสถาบันของโรงเรียนเรา มักจะตรงกับวันวาเลนไทน์ ของทุกปี พวกเราทุกคนในห้องช่วยกันเตรียมงานให้ง่วนไปหมด เราได้แต่หวังกันว่า ขอให้งานในครั้งนี้จะทำให้พวกเราไม่ลืมกันตลอดไป...และหวังว่ามันจะเป็นการจากกันอย่างมีความสุข

                ตั้งแต่วันนั้นฉันก็อยู่และคุยกับพี เป็นปกติ จะมีก็แต่ใจของฉันนี่แหล่ะ ที่เปลี่ยนไป    ...'ทำไม..พีไม่ถามเราถึงคำตอบสักทีนะ' ฉันคิดกับตัวเอง พลางคิดไปอีกว่าจะบอกกับพียังไงดี

         "โจ..โจ"  พีสะกิดฉันเบาๆ

         "อ๊ะ..มีอะไรหรอ" พีสะกิดฉัน ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งเหม่อ ใช้นิ้วชี้ม้วนผมตัวเองจนเป็นเกลียว

         "เอ่อ...คือว่า..." พีอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบ

         "โจ..พร้อมแล้วหรือยังที่จะให้คำตอบ พี" พียิ้มเล็กน้อย พลางเอามือลูบผมของตัวเอง

         ' โอ้โห...' ฉันคิดกับตัวเอง  ว่าเหมือนมีญานวิเศษ แค่คิดว่าพีจะถามเมื่อไหร่ พีก็ถามซะงั้น

         "อืม..." ฉันตอบขณะที่ ทำตัวบิดไปมา เหมือนท่าบิดขี้เกียจ

         "เอ่อ..คือว่าเรา..." ฉันกำลังจะพูดในสิ่งที่ พีอยากจะฟังมากที่สุด

         "เอ่อ...เดี๊ยวๆ เดี๊ยวนะ"  พีค้นหาอะไรสักอย่างทีอยู่ในกระเป๋า  "เฮ้ย...!!! ลืมเอามา" พีทำหน้าแบบว่าเศร้าแล้วก็เซ็งสุดๆ

         "มีอะไรหรอ"  ฉันถาม

         "เปล่าหรอกจ้ะ คือว่าเดี๊ยวโจค่อยตอบเราได้มั้ย แม้ว่าเราจะอยากได้ยินมากที่สุดถึงแม้ว่ามันจะออกมาไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็เหอะ" พีพูดพลางมองฉันแบบตาละห้อย

         "แล้วจะให้เราตอบเมื่อไหร่ล่ะ" ฉันถาม พลางทำหน้าตาเจ้าเหล่

         พีทำท่าคิด  "เอางี้ดีมั้ย วันอำลาสถาบันเป็นไง  โจไปรอเราตอนเช้าของวันอำลาสถาบันนะที่ร้านนม ไงที่เราเคยพาไปบ่อยๆน่ะ จำได้ใช่มั้ย"

         "อ๋อ...อืม..แล้วทำไมเราต้องเป็นฝ่ายไปรอด้วยล่ะ" ฉันยักคิ้วให้พี

         "อืม..นั่นซินะ ยังไงก็ตาม โจไปให้ได้นะ เรามีของที่อยากจะให้ โจมาตั้งนานแล้วด้วย"

         "อะไรหรอ ของที่จะให้น่ะ" ฉันทำหน้าอยากรู้เต็มที่

         "เถอะน่า...เดี๊ยวถึงวันนั้นก็รู้เองเองแหล่ะ"

         "อืม...ก็ได้  แต่รีบมานะ เดี๊ยวมาไม่ทันพิธีจบล่ะแย่เลย แล้วเราก็อยากจะจบการศึกษาพร้อมเพื่อนๆด้วย "

         "เถอะน่า...ขี้บ่นจริงนะเราเนี่ย" พีเขกหัวฉันเบาๆ พีมักจะเล่นแบบนี้กับฉันเสมอ เวลาฉันทำอะไรกวนๆหรือเปิ่นๆออกมา

         "อ้อ..แล้วก็ของที่จะให้น่ะ อย่าลืมเอามานะถ้าลืมจะโกรธจริงๆด้วย แล้วก็จะไม่พูดด้วยตลอดชาติเลย" ฉันพูดแล้วจ้องหน้าพี เหมือนข่มขู่อะไรสักอย่าง

         "จ้า  เรารับรองนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ของสิ่งนั้นมันจะต้องตกถึงมือโจ แน่ๆ เรารับรอง"

      ********************

              เวลาผ่านไปไวเหมือน -อแหล  และแล้วก็ถึงวันอำลาสถาบันจนได้ วันนี้เป็นวันที่คนที่มีความรักจะคึกคักเป็นพิเศษ สองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยดอกไม้กุหลาบสีแดงที่สื่อถึงความรักในวันนี้ ฉันเองก็เตรียมมันมาเหมือนกัน เพื่อจะให้แก่คนพิเศษของฉันในวันนี้
      ---ฉันมานั่งรอพีก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง ซึ่งว่าผิดปกติกับนิสัยของฉันมาก เพราะปกติแล้วฉันมักจะเป็นฝ่ายให้คนอื่นรออยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันกลับเป็นฝ่ายมานั่งรอเสียเอง ฉันนั่งรอ พีไประหว่างที่ใจเต้นตึกตักแทบจะทะลักออกมา -..-

              ฉันเตรียมชุดนักเรียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน ทั้งๆที่มันก็เป็นชุดเดิมๆที่ใส่มา 3 ปี แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันจะพิเศษกว่าทุกๆวันที่ฉันเคยใส่มา แต่คงจะเป็นเพราะว่าฉันตื่นเต้นมากเกินไป  ฉันเลยไม่ได้พกอะไรมาจากบ้านเลย นอกจากเงินที่แม่ให้ไปกินโรงเรียนตอนเช้า
      ///////////
            เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พีก็ไม่มาเสียที ทั้งๆที่มันก็เลยเวลานัดมากว่า 10 นาทีแล้ว เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ประตูร้าน ดังหลายครั้งหลายครา ฉันมักจะคิดว่า เสียงกระดิ่งที่ดังนั้น คงจะเป็นพีที่เดินเข้ามาแล้วบอกกับฉันว่า      'ขอโทษนะที่มาสาย'   แล้วก็กระหืดกระหอบพร้อมกับบอกเหตุผลที่ตัวเองมาสายกับฉัน แล้วฉันก็จะแกล้งทำเป็นโกรธพี โดยการจะเดินไปโรงเรียนโดยไม่สนใจพี  ฉันได้แต่คิดไปเล่นๆ เรื่อยๆ

      จน20  นาทีผ่านไป 30 นาที ผ่านไป พีก็ไม่มาเสียที อารมณ์ในตอนนั้นของฉัน ฉันรู้สึกโมโหมาก 

             'หืม...อีตาพีบ้า คอยดูนะถ้ามานะ จะด่าให้เสียผู้เสียคนเลย คอยดู...' ฉันคิดไปสักครู่ จนอารมณ์ขาด

            "ไม่รอแล้ว อยากมาสายดีนัก อีตาบ้า"

                ระหว่างที่ฉันกำลังจะลุกออกจาก โต๊ะนั้น เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ดังมากคิดว่าคนที่เปิดประตูนั้นคงจะรีบมากแน่ๆ แว่บนึง..ฉันคิดว่านั่นคงจะเป็นพี แต่ก็ไม่ใช่ ฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนทีเดินออกจากร้าน ผู้ชายคนเมื่อครู่นี้ก็ดึงมือฉัน อย่างแรงจนฉันตกใจ นึกว่าจะโดนปองร้ายซะแล้ว

             "เอ่อ...น้อง  น้องชื่อโจใช่มั้ยครับ" ผู้ชายคนนั้นพูดไปก็เช็ดเหงื่อที่หน้าตัวเองไป

             "เอ่อ...ใช่ค่ะ พี่มีอะไรกับหนูหรอคะ" ฉันถาม เพราะงงมากที่ผู้ชายคนนี้ คนที่ฉันแทบจะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จะมารู้จักชื่อฉันได้ยังไง

            "คือว่า...มีคนเค้าให้ฝากเอาของนี่มาให้น้องน่ะครับ"

             "อะไรคะนี่" ของนั่นมันคือสมุดบันทึกเล่มเล็กๆที่ฉันรู้สึกคุ้นตามากๆ 'ใช่แล้ว' ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมองฉันทันที

               สมุดเล่มนี้มันก็คือ เล่มเดียวกันกับที่ฉันเห็นวันที่ พีไปส่งฉันที่บ้าน  เป็นหนังสือที่พี หวงมาก ฉันจำได้... นี่นี่เอง ของสำคัญที่เค้าอยากจะให้ฉันในวันนี้

             "เอ่อ..แล้วเจ้าของหนังสือเล่มนี้ เค้าไปไหนซะล่ะคะ" ฉันถามด้วยความมึนงง เพราะปกติแล้ว พีน่าที่จะเป็นคนที่นำของสิ่งนี้มาให้ฉันด้วยตัวเอง ตามที่สัญญากันไว้ เค้าไม่น่าที่จะฝากของที่สำคัญขนาดนี้มากับคนอื่น

              ตึก... ความรู้สึก หนักอึ้งเข้ามาสู่ตัวฉันทันใด  หรือว่าพีจะเป็นอะไรไป ฉันเริ่มจะมือสั่น

              "คือ...คือว่า"         พี่เค้าได้แต่ก้มหน้า แล้วก็หันรีหันขวาง เหมือนคนที่ทำความผิดอะไรมาสักอย่าง แต่ในความรู้สึกฉันรู้ได้ทันทีว่าพี่เค้าต้องไม่ได้ทำความผิดอะไรมาแน่ แต่ต้องมีบางอย่างที่ไม่สามารถบอกกับฉันได้เท่านั้นเอง

         ฉันเริ่มกระวนกระวาย อยากจะรู้คำตอบ  'ต้องเกิดอะไรขึ้นกับพีแน่ๆ'

               "อะไรล่ะคะพี่ รีบบอกมาเร็วๆ พี เป็นอะไรแน่ๆใช่มั้ย นี่พี่พูดอะไรสักอย่างสิคะ" ฉันพยายามซักไซร้ อย่างที่สุด ตอนนี้น้ำตาฉันมันเริ่มจะคลอตาแล้ว เพราะฉันรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น กับพีแน่ๆ อย่าให้มันเกิดอย่างที่ฉันคิดไว้เลย 
       
                "เอ่อ..คือว่า น้องคนนั้นเค้าสั่งพี่ ไว้ไม่ให้บอกน้องน่ะครับ...คือว่า..."

                "อะไรล่ะพี่..บอกมาเถอะ  หนูขอร้องนะพี่นะ" ตอนนั้นฉันตัวฉันสั่นไปหมด อยากที่จะรู้คำตอบเร็วๆ

                "คือ..น้องคนนั้นบอกกับพี่แค่ว่า  ให้เอาของสิ่งนี้มาให้น้องที่ชื่อ โจในร้านนี้  แล้วก็ให้บอกกับน้องว่า ให้น้องเข้าโรงเรียนได้เลย ไม่ต้องรอเค้าแล้ว เดี๊ยวน้องจะเข้าทำพิธีกับเพื่อนๆ ไม่ทัน เค้าฝากให้พี่มาบอกน้องแค่นี้แหล่ะ"

                "แล้วพี เค้าไปไหนล่ะคะ ทำไมไม่เอามาให้หนูด้วยตัวเอง" อารมณ์ฉันเริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

               " งั้น...พี่จะเล่า ให้น้องฟังแล้วกัน พี่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ ตอนที่พี่เจอกับน้องเค้า..คือว่า เค้าก็อาการเริ่มจะแย่เต็มที "         จากคำพูดนั้น มันทำให้ฉันเริ่มหน้าเสีย มือฉันเริ่มสั่น ขาและแขนทั้งสองขางของฉันเริ่มจะชา 
       
              พี่คนนั้นเหลือบมองฉันเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าและเล่าให้ฉันฟังต่อ

               "ตอนที่พี่พบเค้า พี่ก็ไม่แน่ใจในตอนแรกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเห็นว่ามีคนมุงอยู่เต็มไปหมด พี่เลยลองเข้าไปดู เห็นน้องผู้ชายนอนจมกองเลือด กอดแมวตัวนึงอยู่เกือบกลางถนน คิดว่าน้องเค้าคงจะไปช่วยลูกแมวที่โดนรถชน แต่โชคร้ายที่คนที่โดนชน กลับเป็นน้องเค้าซะเอง"

              ฉันพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล ในมือของฉันที่ถือสมุดของพีสั่นจนแทบ หนังสือจะหลุดจากมือ แต่ฉันก็ประคองมันไว้ เพราะมันเป็นของที่สำคัญที่สุดของคนที่ฉันรัก

             "ตอนนั้น พี่เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าไปช่วยน้องเค้า... เพระคนที่มุง ไม่มีใครเลยที่แม้แต่จะเข้าไปดูอาการ ได้แต่ยืนดูและวิพากษ์ วิจารณ์ กันไปต่างๆนานา ทั้งๆที่เพื่อนของน้อง กำลังพยายามพูดอะไรสักอย่างให้คนพวกนั้น ได้ยิน แต่ก็ไม่ใครยอมฟังเลย..."   พี่เค้าเหลือบมองฉันอีกครั้งเพราะเห็นว่าอาการฉันเริ่มจะไม่ดีแล้ว ตอนนั้นขาฉันเริ่มจะอ่อนแรง

               "ทันทีที่พี่ เข้าไปประคองเค้ากับแมวที่เค้าอุ้มอยู่ ที่ดูเหมือนว่าอาการเริ่มจะร่อแร่ทั้งคู่แต่เค้ากับบอกกับพี่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเค้า เค้าไม่เป็นอะไรหรอก ขอเพียงแต่ให้พี่ช่วยอะไรเค้าสักอย่าง  แล้วเค้าก็ยื่นสมุดเล่มนี้มาให้พี่แล้วก็บอกให้พี่เอามาให้น้อง แล้วก็ให้บอกกับน้องอย่างที่พี่บอกไปนั่นแหล่ะ"    ตอนนี้น้ำตาที่ฉันกลั้นไว้ มันเริ่มที่จะไหลออกมาเป็นทาง

                ฉันรู้สึกฝืนมาก กับคำพูดที่จะพูดออกมาแต่ละคำ    "แล้วตอนนี้ เค้า...." ฉันไม่กล้าที่จะพูดต่อ  ฉันไม่กล้าถามอะไรอีก

               "พี่ก็ไม่รู้นะ ว่าหลังจากนั้นเป็นยังไง เพราะน้องผู้ชายบอกให้พี่ ไม่ต้องเป็นห่วงเค้า  แล้วก็ให้พี่เอาของนี่มาให้น้องนี่แหล่ะ  แต่ตอนที่พี่ออกมา ก็เห็นรถพยาบาลมาแล้วนะ คิดว่าคงไปโรงพยายาลแล้วล่ะ น้องรีบไปดูเพื่อนน้องซิ ทีแรกพี่ก็กะว่าจะไม่บอกน้องหรอกนะเพราะเพื่อนน้องสั่งเอาไว้แต่พี่คิดว่า น้องควรจะได้รู้นะ เพราะท่าทางน้องคนนั้นเค้าคงจะเป็นห่วงน้องมากเลย"

              ฉันได้แต่นั่งอึ้ง ในเวลานั้นเองฉันก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็กำลัง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ไปที่ไหนสักแห่ง  ใช่แล้ว!! มันคือโรงพยาบาลนั่นเอง ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใน ณ เวลานั้น โรงพยาบาล กับร้านนมที่ฉันนั่งอยู่มันห่างกันขนาดไหน แต่ฉันก็วิ่งไปจนถึงจนได้  ตอนที่ฉันไปถึง เพื่อนๆก็อยู่กันเต็ม หน้าห้องฉุกเฉินแล้วดูเหมือนว่า ฉันจะเป็นคนสุดท้าย ที่รู้เรื่องนี้ ในใจฉันตอนนั้นได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่อำกันเล่น หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด  เหมือนกับครั้งนั้นที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แล้วเพื่อนๆที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงหน้าม้าที่มาร่วมฉลองกันที่แกล้งฉันสำเร็จ  
      --แต่ทว่า...ทุกคนที่ฉันเห็นในตอนนั้นล้วนมีหน้าที่เศร้าสร้อย และกระวนกระวายใจ จนฉันไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปถามอาการของพี เพราะฉันกลัวที่จะได้รับคำตอบ...ฉันไม่อยากรับรู้
               เพื่อนคนนึงเห็นฉัน ที่ยืนอยู่ในอาการเหมือนคนไร้ความรู้สึก  เจน วิ่งเข้ามากอดฉันด้วยน้ำตาที่นองหน้า พร้อมกับว่าฉันต่างๆนานา 

                "เธอ ไปไหนมาน่ะ รู้มั้ยว่าตอนนี้อาการพี แย่แล้ว หมอบอกว่า พีเสียเลือดมาก พวกเราที่เลือดกรุ๊ปเดียวกับพี ก็ช่วยกันบริจาคเลือด แต่หมอเพิ่งออกมาบอกเมื่อกี้ว่า พีมาถึงช้าไป หมอบอกว่าให้พวกเราทำใจ ฮือ  ฮือ... "         
                เจนร้องไห้เสียงดังมากในตอนนั้น  เพื่อนคนอื่นๆก็วิ่งมาหาฉัน ทุกคนต่างก็ถามฉันว่าฉันไปไหนมือถือก็ติดต่อไม่ได้ แต่ทุกคนก็ต้องเงียบ  เพราะฉันไม่พูดอะไรสักคำ ขาฉันอ่อนแรงเต็มที ฉันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเหมือนจะเป็นลม ฉันได้แต่นั่งก้ม กอดสมุดเล่มสีชมพูเล็กๆไว้ที่อก

       ------ตอนนั้น พ่อ กับแม่ของพี เพิ่งจะมาถึง ท่านเข้าไปถามอาการของพีจากคุณหมอ และได้รับอนุญาติให้เข้าไปดูอาการของพีได้  ท่าทางพ่อและแม่ของพีจะเป็นคนใหญ่คนโตเหมือนกัน เพราะดูจากท่าทางของหมอและพยาบาลแล้ว จะมีอาการเกรงใจกันทุกคน ทุกคนล้วนแต่โน้มไหว้อย่างสุภาพ    ฉันมารู้ทีหลังว่า พ่อของพีนั้นเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก  ตอนนั้นสีหน้าของทั้งสองคนดูแย่มากเพราะพีเองก็เป็นลูกชายคนเดียวที่ทั้งคู่หวงแหนมาก
      พีก็เคยพูดกับฉันเหมือนกันว่าเค้าอยากจะเป็นหมอ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามหรอกว่า ว่าอยากเป็นเพราะอะไร

                นางพยาบาลเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ด้วยอาการเหลอหลา  พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ฉันคิดว่าข้างในห้องนั้นคงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ฉันมองหน้าพยาบาลคนนั้น พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก
        
                 "เอ่อ...คนไหนชื่อโจ คะ"  เพื่อนทุกคนหันหน้ามาทางฉัน

                 "เอ่อ...ฉันค่ะ"    ฉันรีบลุกขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ

                 "งั้นเชิญเข้าไปข้างในหน่อยค่ะ คนไข้กำลังเพ้อถึงชื่อคุณ" นางพยาบาลพูด ก่อนที่จะพยักหน้าให้ฉันเดินตามเข้าไป

                  ตอนนั้นเสียงที่ฉันได้ยิน มีเพียงแค่เสียงแซงแซ่ จากเพื่อนๆ และรุ่นน้องที่พากันมาเต็ม หน้าห้องฉุกเฉิน จนนางพยาบาลต้องมาเตือน

                  ทันทีที่ฉันเห็นสภาพของพี ฉันโผเข้ากอดพีอย่างไม่รีรอ ฉันรู้สึกช็อคมากๆ ตามเสื้อผ้าของพี มีเลือดเปื้อนอยู่เต็มไปหมด ตามตัวของพีก็มีสายระโยงระยาง และเครื่องช่วยหายใจติดอยู่  ตอนนี้พี ไม่มีแรงแม้แต่ที่จะขยับตัว จะมีก็แต่ปากที่ขยับอยู่ตลอดเวลา และมีเสียงเล็ดรอดออกมา อย่าง แผ่วเบา ใช่ มันคือชื่อของฉัน

                 "พี  พีได้ยินเรามั้ย เรามาแล้วนะ"        ฉันพูดพร้อมกับ น้ำตาที่นองหน้า ฉันกอดพีอยู่อย่างนั้นและพูดกับพี สารพัด และหวังเพียงว่าพีจะได้ยินสักคำที่ฉันพูด สักคำเดียวก็ยังดี  ตอนนั้นฉันเห็นพ่อของพีกำลังเจรจาอะไรบางอย่างกับคุณหมออยู่
       ฉันได้ยินคร่าวๆคิดว่าพ่อของพีคงจะขอย้าย โรงพยาบาลนั่นเอง แต่คงถูกปฏิเสธ เพราะอาการของพีนั้น แย่เต็มทีแม่ของพีก็เอาแต่ร้องไห้จนเป็นลมไปแล้วโดยนางพยาบาลช่วยกันดูแลอยู่ นี่เองคงเป็นเหตุผลที่ทำให้นางพยาบาลคนนั้นมีสีหน้าวิตกกังวล ตอนที่ออกไปเรียกฉัน

                 "พี  พี ได้ยินเรามั้ย ตอบเราสักคำเถอะนะ ได้โปรด" ฉันอ้อนวอน..ด้วยตัวที่สั่น และน้ำตาที่เจิ่งนอง

                 "โจ..."      เสียงที่แผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น

                 "พี พีฟื้นแล้ว"       ฉันตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

           หมอและพยาบาลต่างรีบมาดูอาการพี และแน่นอนพ่อกับแม่ของพีก็ด้วย

                  "ขอโทษนะที่ผิดสัญญาทั้งๆที่..บอกว่าจะให้เธอจับเป็นคนแรกแท้ๆสมุดเล่มนั้น...ร้องไห้ทำไมน่ะ ยายบ๊อง"       ฉันสั่นหัวยิกๆ  พียิ้มน้อยๆและพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาสุดฤทธิ์ ฉันสังเกตุเห็น ว่าพีพยายามขยับมือฉันคิดว่าพีคงจะอยากเอามือมาเขกหัวฉันอย่างเคย ฉันจับมือของพี ขึ้นมาเขกหัวฉันแต่มือฉันคงจะหนักเพราะรู้สึกว่าการเขกหัวครั้งนี้จะเจ็บที่สุดกว่าครั้งไหนๆที่ฉันเคยโดนมา มันเจ็บเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ  ฉันยิ้มให้พี ทั้งน้ำตา พีเองก็ยิ้มให้ฉันเหมือนกัน แต่รอยยิ้มของเค้ามันช่างดูเศร้าจริงๆ

                  "อ่านแล้วหรือยัง"        พีพูดถึงสมุดเล่มนั้น ฉันแน่ใจ

                  "ยังเลย เรายังไม่ได้อ่าน เรารอให้พีมาอ่านให้เราฟังนะ"   ฉันยิ้มอย่างฝืนๆ ทั้งน้ำตาที่ยังนองหน้า

                   "เราว่า...โจ..อ่านเองดีกว่านะ.."

                  "ไม่...เราจะรอให้พีมาอ่านให้ฟัง"      ฉันพูดเหมือนเด็กที่โดนผู้ใหญ่ขัดใจ

                 "โจ โจ...รักเรา.."     ไม่ทันที่พีจะพูดจบ พีก็ไอออกมาเป็นเลือด   ฉันตกใจมาก

                  "พี พี...."  

                  "คุณคะออกมาค่ะ ให้คุณหมอดูอาการดีกว่านะคะ"       นางพยาบาลดึงตัวฉันออกมา แต่ฉันไม่ยอม ฉันพยายามสะบัดตัวออก ฉันต้องการจะอยู่ใกล้ๆพีให้มากที่สุด ฉันอยากจะจับมือเค้าไว้ถึงแม้จะช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม

                   "ปล่อย  ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาพี  พี..."     คราวนี้มีนางพยาบาลเพิ่มขึ้นมาอีก มีนางพยาบาลมาจับตัวฉันไว้ถึง 3 คน แต่ฉันก็ยังดิ้นไม่หยุด

                  ฉันเห็น...พีกำลังพยายามเอื้อมมือมาทางฉัน มือนั้นสั่นมาก ตาเค้ามองมาที่ฉันน้ำตาเค้าเริ่มไหลออกมาเป็นทาง ฉันรู้ดี พีกำลังพยายามสู้อยู่กับความเจ็บปวดที่เค้าเผชิญอยู่

                  "พี..พี.... ได้โปรด ปล่อยหนูให้ไปหาเค้าเถอะ  ได้โปรด"     ฉันทรุดตัวลงกับพื้น อ้อนวอนนางพยาบาลทั้งสาม

                  คำขอของฉันได้ผล  นางพยาบาลปล่อยมือออกจากตัวฉัน ฉันวิ่งไปจับมือที่สั่นระรัวของพี ถ้าเป็นไปได้  ฉันก็อยากที่จะขอแบ่งเอาความเจ็บปวดของพีขณะนั้นเอาไว้เสียเอง   ......

                   "พี อย่าเป็นอะไรนะ ไหนสัญญาว่าเราจะเรียนจบพร้อมกันไง นั่นไง เพื่อนๆเรามากันเต็มเลย พวกนั้นคงจะรอให้พีลุกขึ้นเร็วๆ จะได้ไปทำพิธีจบการศึกษาพร้อมกันไง  พี..."
                   น้ำตาฉันไหลออกมาเหมือนเขื่อน  น้ำตาของพีก็เช่นเดียวกัน จะต่างกันก็เพียง ฉัน..ไม่มีน้ำสีแดงๆออกมาด้วย พีพยายามยัดอะไรสักอย่างมาที่มือ ที่ฉันจับเค้าอยู่
                   มันคือแหวนวงเล็ก ๆ ข้างในเขียนไว้ว่า Let me love you (ให้ฉันรักคุณ) ฉันใส่แหวนนั่นทันที ฉันสามารถใส่มันได้พอดี ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่นิ้วเล็กมาก และมักจะหาแหวนที่ถูกใจจริงๆมาใส่ยาก แต่แหวนวงนี้เป็นวงที่ฉันชอบมากที่สุด และใส่ได้พอดีที่สุดด้วย และแน่นอนฉันใส่มันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย

                    "รักเรา..บ้าง..." พีพยายามจะพูด แต่ทุกครั้งที่พูดก็จะมีเลือดออกมาด้วย จนคุณหมอหน้าเสีย ขณะนั้นแม่ของพีก็เป็นลมไปแล้วจะมีก็แต่พ่อของพีที่คอยดูอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง

                    "โถ่พี ลูกพ่อ..อย่าพูดอะไรอีกเลยลูก" พ่อพีพูดขึ้นคงเพราะทนเห็นเลือดเนื้อของตัวเองต้องเป็นอย่างนั้นไม่ได้ และเดินออกไปนอกห้องทันที

                   "พี...เรารักพีนะ รักพีมาก คำนี้ใช่มั้ยที่พีอยากได้ยิน เราบอกแล้วไง พีอย่าเป็นอะไรนะ"        ฉันพร่ำบอกพีอยู่หลายครั้งหลายหน หวังเพียงว่า พีจะได้ยินและรับฟังคำพูดของฉัน แม้เพียงสักคำ..

                   พี ไม่พูดอะไรต่อ... พียิ้มให้ฉันพร้อมกับหน้า ที่เปี่ยมสุขและรอยน้ำตา......ก่อนที่จะหลับชั่วนิรันทร์.....

       //////////////////////////////

                         จากวันนั้น ไม่มีใครพูดถึงเรื่องพี ให้ฉันได้ยินอีกเลย บางครั้งฉันก็คิดว่า น้ำตาของฉันมันคงจะไม่มีให้ไหลเพื่อใครเพื่ออะไรอีกแล้ว...
      .......ฉันไม่เคยแม้แต่ที่จะไปงานศพของพี... ฉันได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่า พียังมีชีวิตอยู่เค้ายังไม่เคยจากฉันไปไหน แหวนที่พีให้มา ฉันไม่เคยคิดที่จะถอดมันออก
      ฉันคิดไม่ออกว่าตั้งแต่ วันนั้น ฉันได้ทำอะไรไปบ้าง
       
                  "โจ...ไปเที่ยวกับพวกเรามั้ย พวกเรามารับนะ"   ฉันรู้ดีว่าเพื่อนๆเป็นห่วงฉันมาก ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนี้เลย

                 "พวกเธอไปกันเถอะนะ เรายังไม่อยากออกไปไหนน่ะ เราไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ"       ฉันยิ้มให้เพื่อนๆเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอน...

                  ฉันเข้าไปนั่งอยู่หน้ากระจก และได้แต่ต่อว่าตัวเอง ว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้  'ถ้าฉันบอกว่ารักพี ตั้งแต่แรก พีก็คงจะไม่ต้อง...     ' ฉันคิดแบบนี้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าตัวเองในกระจก ...

        ***ฉันเปิดลิ้นชักออก เพื่อหา กระดาษทิชชู่  และฉันก็ต้องสะดุดกับสมุดเล่มเล็กๆสีชมพูเล่มหนึ่ง  ใช่แล้ว..มันคือสมุดที่พีให้ไว้ ก่อนที่เค้าจะจากไป สมุดที่ฉันไม่กล้าเปิดมันเลยสักครั้ง  ฉันมือสั่นเล็กน้อย เมื่อจับมัน ฉันเปิดออกทีละหน้า
        
                 ฉันแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง สมุดเล่มนั้น เขียนด้วยลายมือ ค่อนข้างที่จะยู่ยี่นิดๆ  ทุกหน้าทุกตอน ล้วนแล้วแต่เขียนถึงฉันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมที่อยู่ โรงเรียน  เรื่องเปิ่นๆของฉัน และทุกอย่างที่ฉันชอบ น้ำตาของฉันหยดลงไปที่สมุดเล่มนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และที่สำคัญกว่านั้นสมุดเล่มนี้เริ่มบันทึกไว้ตั้งแต่ที่ฉันอยู่ ม.4 ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พี มองฉันมาตั้งแต่ ตอนม.4
       
                   'วันนี้ โจ พูดถึงแนวผู้ชายที่ชอบ ฟังแล้วก็ตลกดี...' วันที่บันทึก 13 กรกฎาคม 2545
       
                   'หว้า...ทำไมต้องมีผู้หญิงมาชอบเราขนาดนี้วะ...แล้วทำไมพอเราบอกว่าไม่ชอบทีไร ไมต้องเอาข่าวที่ไม่ดีมาปล่อยด้วย  เซ็งจริงๆ แล้วโจจะคิดยังไงเนี่ย'  วันที่บันทึก  30 กันยายน 2546

                   'วันนี้ได้รู้ size นิ้วของโจแล้ว คนอะไร นิ้วเล็กชะมัด'  วันที่บันทึก 11 มิถุนายน 2547

        
                     เรื่องราวของฉันทั้งหมดแทบที่จะอยู่ในสายตา ของพีทั้งสิ้น ฉันนั่งอ่านจนจบเล่ม จนวรรคสุดท้าย ของหนังสือ 
                    
                    'เมื่อไหร่ โจจะบอกว่าชอบเราสักทีน้า...'

                    ฉันกอดสมุดไว้แน่น ฉันมันโง่ไปเองทั้งนั้น ฉันคิดเสมอว่า พีไม่ได้รักฉันจริง   ฉันไม่ได้คิดเลยว่า คำว่ารักที่จะออกมาจากปากของใครสักคนนั้นมันยากมากแค่ไหน  ทำไมฉันมันโง่ได้ขนาดนี้นะ  ทำไม.....
                    หากย้อนเวลาได้ ฉันจะกลับไปหาพี  ไปบอกว่ารักเค้าให้เร็วกว่านั้น ก่อนที่มันจะสายเกินไป  ก่อนที่เค้าจะจากไปไม่หวนกลับมาฟังคำนั้นอีก  ตลอดกาล....

       
                    ถึงตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่า  การที่เราจะคบใครหรือรักใครสักคน  เหตุผล 108 มันไม่เคยสำคัญเลย  ขอแค่ให้ได้รัก ความรักมันจะสอนเราเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปหาเวลาเรียนรู้มันให้มาก  ถ้าคิดจะรัก อย่าให้ความรัก มาเป็นตัวทำร้ายเรา ความรักไม่เคยทำร้ายใคร หากแต่คนเรานั่นแหล่ะ ที่ไม่รู้จักคำว่ารักดีพอ....


      ++++++++และฉันก็ได้แต่หวังว่า สักวันนึง.... ฉันคงจะได้พบกับมันอีกครั้ง  และครั้งต่อไป ฉันจะไม่หนีมันอีก   

       พี....ฉันรักเธอ ตลอดไป...........

      l-l-l-THE END.-l-l-l

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×