คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : MAZE : CHAPTERS 7
CHAPTERS 7
ห้องขนาดใหญ่ซึ่งเป็นห้องพักของเมมเบอร์ MAZE ทั้ง 4 คน ในตอนนี้บรรยากาศรอบห้องแสนจะอึดอัด เนื่องจากการปรากฏตัวของแจบอม ที่หายหน้าไปสองวันเต็มๆ จินอูนั่งนิ่งๆ นั่นยิ่งเพิ่มความน่าอึดอัดอีกเป็นทวีคูณ ถึงแม้ว่าปกติเมมเบอร์จะไม่ค่อยเชื่อฟัง เถลไถลบ่อยครั้ง แต่ทุกคนรู้ดีว่าหากเมเนเจอร์ของพวกเขาเป็นแบบนี้ ทางเดียวที่ทำได้ก็คือการเงียบแล้วฟัง
ทุกคนต่างคุ้นชินกับสถานการณ์นี้ แต่ยังมีอีกคนที่รู้สึกอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก
“จินยอง..”
ทันทีที่แจบอมเรียกชื่อพร้อมกับแตะที่ไหล่เพียงเบาๆ ร่างบอบบางก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ นั่นทำให้สายตาแข็งกร้าวของจินอูอ่อนลงเล็กน้อย เพราะไม่อยากทำให้คนที่ไม่รู้จักต้องกลัวตน
“ฉันให้เวลานายอธิบายแจบอม”จินอูพูดนิ่งๆ มองตรงไปยังแจบอม “หายหัวไปไหนมา”
แจบอมสบตากับเมเนเจอร์ ไม่ได้กลัวจินอูหรอกนะ แต่แค่เกรงใจปนรู้สึกผิดเล็กๆที่ทำให้ตารางงานรวน
“ผมพาจู.. จินยองไปหาหมอ”
“....”จินอูเงียบ รอคำตอบจากปากแจบอมว่าจินยองคนนี้เป็นใคร
“จินยองเป็นน้องชายที่สนิทของผม..”
หลังจากนั้นแจบอมก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้จินอูและเมมเบอร์ฟังอย่างไม่ผิดบัง เขารู้ดีว่าตัวเองผิด และเขาก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย
เมื่อได้ฟังทุกอย่างแล้ว จากที่โกรธๆสุดท้ายจินอูก็ต้องใจอ่อน ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“แล้วแบบนี้จะทำยังไง ฉันหมายถึง เรื่องจินยอง..”
“ผมให้จินยองมาอยู่ที่นี่ด้วยได้ไหม”แจบอมพูด หันไปมองเมมเบอร์คนอื่นๆ “ได้หรือเปล่า”
“ฉันโอเค ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”จุนฮเวตอบ ปกติเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
“ฉันแล้วแต่จินอูน่ะ ถ้าจินอูว่าไงก็ตามนั้น”มินโฮพูด แม้ว่าจะเป็นลีดเดอร์ แต่ว่ากันตามจริงผู้ที่มีอำนาจสูงที่สุดคือจินอูต่างหาก
“อยู่น่ะอยู่ได้ แต่ถ้าหากวันไหนบอสมาเยี่ยมพวกนาย จะให้บอกว่าไง”จินอูพูด เริ่มคิดหนัก
ถึงจินยองจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่ที่นี่คือห้องพักศิลปินอันดับหนึ่งของค่าย ขนาดตัวเขายังต้องออกไปอยู่ที่อื่นเลย แล้วถ้าบอสรู้ว่ามีจินยองมาอยู่ด้วยล่ะ
“ผม.. กะ กลับไปอยู่ที่เดิมก็ได้นะฮะ”จินยองที่เห็นอาการหนักใจของจินอู กระซิบบอกแจบอมที่นั่งอยู่ข้างๆ
แจบอมส่ายหน้า หันไปยิ้มให้จินยองอย่างอบอุ่น “หมอบอกไม่ให้เนียร์อยู่คนเดียวไง จำไม่ได้เหรอ”
“..แต่”
เอาเข้าจริงๆ สำหรับจินยอง ถ้าให้มาอยู่ที่นี่เฉยๆมันก็น่าอึดอัดเหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจกับใครเลยสักคน ขนาดแจบอมยังพูดเต็มปากไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าสบายใจที่ได้อยู่ด้วย
เหมือนว่าสมองสั่งการให้ปิดตายความสัมพันธ์กับทุกคน..
..แม้แต่แจบอม แค่รู้สึกว่าไม่อยากจะรักใครอีกแล้ว ไม่อยากรู้สึกดีกับใครเลยสักคน แค่กลัว..
“เอางี้ ช่วงนี้พวกนายกำลังยุ่ง เดือนหน้าก็จะเวิร์ลทัวร์กันแล้ว ฉันเองก็ดูแลไม่ไหวนักหรอก จินยองมาเป็นผู้ช่วยได้ไหม”จินอูหันไปถามจินยอง “ช่วยพี่ดูแลไอ้พวกนี้ คงไม่หนักเกินไป”
“ผม.. ไม่รู้ว่าต้องทำไง”
“ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่ช่วยพี่คุมความประพฤติ ช่วยดูไม่ให้ใครไปก่อเรื่องก็พอ ทำได้หรือเปล่า”จินอูถาม ยิ้มอย่างอ่อนโยน
และรอยยิ้มของจินอูทำให้จินยองรู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย มองไปยังผู้ชายทั้ง 4 คนอย่างลังเล
“กะ ก็ได้ครับ”แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงจนได้
คนไม่มีครอบครัว ไม่รู้เรื่องอะไร จำไม่ได้แม้แต่ตัวเองแบบเขา จะมีทางเลือกอีกสักกี่ทางกัน..
“งั้นก็ตามนั้น จินยองอยู่ที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่จะหาเวลาเข้าไปคุยกับบอสให้ ชานอู..”
“ฮะ?”
“เก็บของนายแล้วย้ายมานอนกับจุน..”
“สต็อปเลยจินอู”จุนฮเวรีบร้องห้ามเสียงหลง ชี้นิ้วไปยังห้องตัวเอง “ห้องฉันเล็กสุดนะเฟ้ย แค่คนเดียวยังหายใจลำบากเลย ไอ้ชานอูก็ตัวอย่างกับควาย”
“แรงอ่ะ”ชานอูบ่น ย่นจมูก “ทำไมผมต้องเป็นคนย้ายด้วย”
“งั้นก็ให้จินยองมานอนห้องฉัน”มินโฮที่นั่งเงียบอยู่นานพูดเสียงทะเล้น
“ไม่!!!”
ทั้งจินอูและแจบอมต่างก็ตะโกนเสียงดังลั่นออกมาพร้อมกัน แล้วก็มองหน้ากันเองด้วยความเขินๆ จินอูเกาคางตัวเองเก้อๆ
“จะให้จินยองไปนอนกับมิโนได้ไง คนไม่รู้จักกัน ไม่กลัวจินยองจะอึดอัดหรือไง”
“ใช่ ถึงห้องเฮียจะใหญ่สุดก็เหอะ เป็นลีดก็นอนสบายๆไป ไม่สิ ถ้าอยากมีคนนอนด้วยนัก ก็เอาชานอูไปนอนด้วย”แจบอมเสริมจินอูอีกแรง
ชานอูอมลมไว้ในปากจนแก้มพอง มองทุกคนเหมือนตัดพ้อ “เออ จำไว้เลยนะ ถีบหัวส่งกันขนาดนี้ แล้วจะเสียใจ”
“แล้วตกลงแกจะนอนไหม ถ้าแกไม่นอนห้องฉัน ก็นอนห้องนั่งเล่น จบ!!!!”พูดสรุปเสร็จสรรพ มินโฮก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง “จินอู มานี่หน่อย”
“ฮะ? ทะ ทำไม”จินอูหันไปถามด้วยความแปลกใจเมื่อจู่ๆมินโฮก็กวักมือเรียกให้เขาเดินตามไป
“มาคุยเรื่องตารางงานหน่อยดิ๊ มีไรจะปรึกษานิดหน่อย”
จินอูลอบถอนหายใจเล็กน้อย มองมินโฮที่เดินนำเข้าไปในห้องก่อนแล้ว ก่อนจะหันกลับมาหาจินยอง “นอนกับแจบอมนั่นแหละ โอเคไหม”
“..ครับ”
แล้วก็เดินตามมินโฮเข้าไปในห้อง ส่วนชานอูก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อจะเก็บของ เหลือจุนฮเว แจบอม และจินยองที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“กูว่ากูคงจะเป็นส่วนเกินแล้วสินะ”จุนฮเวพูด เกาคางตัวเองเบาๆ “งั้นกูไปดีกว่า”
“...”
เมื่อไม่มีใครพูดอะไร จุนฮเวก็ยักไหล่ แล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง คราวนี้จึงเหลือแค่จินยองกับแจบอมแค่สองคน
“..ผม มาสร้างปัญหาให้ทุกคนหรือเปล่า”จินยองหันไปถามแจบอมด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
แต่แจบอมส่ายหน้าพร้อมกับเอามือวางบนหัวจินยองเบาๆ “อย่าคิดมากเลย ชานอูมันก็เป็นงี้แหละ แต่มันไม่ได้คิดอะไรหรอก ไอ้เด็กนั่นจะนอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”
“...”
“อยู่ที่นี่ให้สบายนะจูเนียร์ แล้วถ้าหากมีอะไรก็ให้รีบบอกพี่”
จินยองมองสบตากับคนตรงหน้า ดวงตาเรียวหรี่แต่มองมาทางเขาอย่างห่วงใย แม้จะไม่สบายใจซะทีเดียว แต่อย่างน้อยก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้า
อิมแจบอมคนนี้..
..ไม่มีทางทำร้ายเขาแน่ๆ
จินอูเดินตามมินโฮเข้ามาในห้อง ก่อนจะจ้องเจ้าของห้องที่ยืนหันหลังให้ จู่ๆมินโฮก็ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เฟิร์มกว่าก่อนเพราะเพิ่งออกกำลังกายหนักๆมา แถมยังยืนหันหลังให้ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ซะอีก
แล้วจะเรียกเข้ามาเพื่อ
“วันนี้มีงานอะไรบ้าง”
จินอูขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ก็หยิบสมุดโน้ตที่พกติดตัวเสมอขึ้นมากางเพื่ออ่านตารางงานให้มินโฮฟัง
“อีกครึ่งชั่วโมงมีอัดรายการเรดิโอคิสทั้ง 4 คน ตอนสี่โมงเย็นต้องเข้าห้องซ้อม เพราะวันนี้นักออกแบบท่าเต้นจากอเมริกาจะมา แล้วสี่ทุ่มครึ่งมีไลฟ์ที่คลับเดิม”
“อ่าฮะ”
“แล้วมีตรงไหนที่นายสงสัย”
“ใส่สีขาวหรือสีดำดีล่ะ”
จินอูนิ่วหน้า เพราะมินโฮไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลย ไหนว่าสงสัยเรื่องตารางงาน แล้วจู่ๆหันมาถามว่าจะใส่เสื้อตัวไหนดีเนี่ยนะ
“สีขาวสิ”
แต่ในฐานะเมเนเจอร์ที่ดีก็ต้องตอบไป ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของมินโฮแล้วไล่นิ้วเพื่อเลือกเสื้อ “แต่เป็นตัวนี้นะ”
“อา ฉันกะแล้ว จินอูนี่มีรสนิยมดีจริงๆ”
“ใส่ซะสิ”พูดจบก็โยนเสื้อใส่ร่างสูง แต่คนถูกโยนใส่กลับส่ายหน้า แล้วโยนเสื้อกลับคืนให้จินอู
“ใส่ให้หน่อย”
“- - ไม่มีมือหรือไง”
“มี แต่เมื่อย เร็วๆเข้า”มินโฮแกล้งพูดเสียงเข้ม แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “เร็วสิ”
“- -“จินอูไม่ได้พูดอะไร สะบัดเสื้อไปทางด้านหลังแล้วจัดการใส่เสื้อให้กับคนชอบใช้ ไล่ติดกระดุมจนครบทุกเม็ด แต่เพราะส่วนสูงของมินโฮที่ค่อนข้างจะมากกว่าเขา ทำให้ต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อจัดปกเสื้อด้านหลัง “อ๊ะ”
แต่จู่ๆมือหนาก็วางลงไปที่สะโพกของคนตัวเล็กแล้วรั้งให้เข้าไปใกล้มากขึ้น จนร่างทั้งสองร่างไม่เหลือพื้นที่ให้มดสักตัวได้ลอดผ่านไปได้
“ทะ ทำอะไร”
“จินยองน่ารักดีเน๊อะ”
“แล้วบอกทำไม”จินอูพูด เสียงแข็งขึ้นกว่าเดิม “ไปบอกเจ้าตัวนู่น”
“ก็อยากบอกนายนี่”
“...”
“จินยองน่ารักดี แต่คิมจินอูน่ะน่ารักกว่าเยอะ”
“.////////.”จินอูก้มหน้างุด ไม่สบตากับคนขี้แกล้งยิ้มกวนประสาทไม่เลิกรา “ปล่อยได้แล้วน่า มันอึดอัดนะเว้ย”
“ทำไมไม่ให้นอนห้องเดียวกับจินยองล่ะ”มินโฮถาม คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่แค่อยากจะแกล้ง และอยากจะได้ยินจากปากจินอูอีกครั้ง
“กะ ก็บอกแล้วไง ว่านอนกับคนไม่รู้จักจะอึดอัดเอา”
“อ๋อออออ”มินโฮลากเสียงยาว ก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกชนกับแก้มเนียนเบาๆ “ไม่ใช่ว่าหวงสินะ”
“ก็ ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่เสียงแสดงชัดเจนมากเลยนะว่าหวงน่ะ”
“อย่ามั่นหน้าให้มากนักเลย ปล่อยได้แล้วโว้ย มันอึดอัด”จินอูโวยวาย ออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงนี่ แต่ก็ไม่สำเร็จ “ซงมินโฮ”
“จ๋า”
“นี่! ไม่ใช่เวลามาเล่นนะ เตรียมตัวไปทำงานเดี๋ยวนี้”
“ก็ใครว่าเล่นล่ะ”
“ย๊า ปล่อยฉันได้แล้ว”
“อยากจูบ”
“!!!”
“อยากจูบ”
“ปล่อย..”
“อยากจูบจริงๆนะเนี่ย”
“ซง..”
ยังไม่ทันที่จะได้เรียกชื่อคนขี้แกล้ง ริมฝีปากบางก็ถูกปิดซะก่อน จินอูดิ้นรนขัดขืนเพราะที่นี่ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ในเมื่อเรื่องความสัมพันธ์นี้ยังเป็นความลับ มินโฮก็ไม่ควรมาทำแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะไม่คิดแบบนั้น
คนมันอยากจูบ ก็จูบ ทำไมต้องไปสนใจอะไรด้วย คิมจินอูอยากทำหน้าตาน่ารักจนน่าจับมาจูบทำไม ไม่รู้ตัวหรือไงว่าเวลาตัวเองโกรธมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด กลับกัน
น่าฟัดซะมากกว่า
“อื้อ..”จินอูส่งเสียงในลำคอ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เมื่อมินโฮไม่ละริมฝีปากออกไปง่ายๆ แถมยังรุกล้ำมากกว่าเก่าซะด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่ถูกสัมผัส เป็นความรู้สึกหลากหลายเหลือเกินสำหรับจินอู ทั้งมีความสุขจนเหมือนจะลอยได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนมีคนมาฉุดให้ดิ่งลงเหวลึกที่หาทางออกไม่เจอ และคนที่ฉุดเขาลงมาก็คือคนที่กำลังมอบความสุขให้กับเขาอยู่
เจ็บปวดที่คนที่ให้ทั้งสุขและทุกข์เป็นคนๆเดียวกัน
..เจ็บปวดที่ต้องรู้ว่าเป็นเพียงแค่คนคั่นเวลาเท่านั้น
มินโฮยอมรับเลยว่าตอนนี้ไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น ในตอนที่จูบจินอู ในหัวก็มโนไปต่างๆนานาแล้วว่าไปถึงขั้นไหน แต่กลับมาที่ความเป็นจริง ยังมีงานรอเขาอยู่ และเขาก็ไม่ได้เป็นคนติดเซ็กซ์จนลืมเรื่องงาน บางทีเขาอาจจะเป็น..
ติดจินอูจนไม่อยากทำงานมากกว่า
แค่ไม่อยากไปไหนเลย แค่อยากให้จินอูอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆกันไปเรื่อยๆ อยู่โดยที่ไม่เคยเรียกร้องอะไร อาจดูเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่เขาก็ยอมรับ เขาทำใจเสียจินอูไปไม่ได้ แค่คิดว่าถ้าวันนึงจินอูทนไม่ไหวแล้วเดินจากเขาไป
ไปอยู่กับคนอื่น แค่คิดเท่านั้น สมองก็อื้ออึงไปหมดแล้ว
“มิโน..”จินอูร้องห้ามเสียงหลงเมื่อคนตัวสูงก้มหน้าลงไปกดริมฝีปากที่ซอกคอ “อย่านะเว้ย”
จินอูพยายามเบี่ยงตัวหลบ ถ้าเกิดมีรอยแล้วมีคนเห็นจะทำยังไง ทำไมทำอะไรไม่คิดแบบนี้วะ จินอูคิดว่าคงไม่รอดพ้นเงื้อมือปีศาจอย่างมินโฮแน่ๆ แต่เหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้างเขา เมื่อจู่ๆประตูก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับการปรากฏร่างของมักเน่ขี้บ่นที่ถือของพะรุงพะรังเดินเข้ามาในห้อง
ทำให้มินโฮรีบผละออกไปทันที แต่ก็เหมือนจะไม่ทันชานอูที่มองเห็นลางๆว่าพี่ทั้งสองคนยืนแนบชิดกันซะแทบจะสิงกันได้ เลยถามออกไปด้วยความสงสัย
“พวกพี่ทำไรกันอ่ะ”
นั่นไงล่ะ ซวยแล้วไง
จินอูถลึงตาใส่มินโฮ ในหัวก็พยายามคิดหาข้อแก้ตัวต่างๆนานาแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก กลับกัน มินโฮมีสติดีกว่าเลยตอบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กระดุมเสื้อมันหลุดอ่ะ จินอูเลยมาดูให้”
“อ๋อออออออออออออ”
และขอบคุณที่ชานอูมันไม่ค่อยไปเรียนหนังสือ มันเลยโง่จับไม่ได้ แถมยังเชื่อสนิทใจอีกต่างหาก “กระดุมเสื้อผมก็หลุดอ่ะ ดูให้ผมหน่อยดิพี่จินอู”
“อ่า โอเค”จินอูพยักหน้าแล้วเดินไปหาชานอู แต่ก็ไม่ลืมส่งสายตาดุๆให้มินโฮที่ยักไหล่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆแล้วเดินออกไปจากห้อง “ให้ตายเหอะ”
“อะไรเหรอพี่”
“ฮะ? อ๋อ เปล่าๆ”จินอูส่ายหน้าตอบชานอู เอาเสื้อที่ชานอูส่งมาให้เพื่อดูกระดุม “ใส่ตัวอื่นไปก่อนละกัน เดี๋ยวจะจัดการให้”
แล้วจินอูก็เดินเลี่ยงไปในห้องน้ำ ปิดประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่..
“ซงมินโฮ นายคิดยังไงกันแน่นะ”
จะเล่นสนุกกับหัวใจของเขาไปถึงไหนกัน
#วงมั่นหน้า
ความคิดเห็น