ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER iKON GOT7 : : SONGKIM] MAZE♂ FIRST STORY

    ลำดับตอนที่ #10 : MAZE : CHAPTERS 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 645
      4
      1 มี.ค. 58

    © themy  butter



    เด็กคนนี้ ..ก็แค่น้องชายของคนที่ผมแอบชอบ แต่ทำไม??

     

     

    CHAPTERS 8

     

                -JUNHOE PART-

              ผมออกมาจากห้องอัดหลังจากที่ร้องพาร์ทของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะปล่อยซิงเกิ้ลใหม่กันในอีกสามวัน หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาเวิร์ลทัวร์ซึ่งเราจะเริ่มที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก

                ผมยืนบิดตัวคลายความเมื่อยหลังจากอยู่ในห้องอัดนานร่วมชั่วโมง ต่อไปเป็นคิวของแจบอม ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะได้เข้าไปพร้อมกัน แต่เพราะวันนี้มันหนีบจินยอง ผู้ช่วยผู้จัดการวงคนใหม่ของเรามาด้วย เลยต้องอยู่ดูแล ผมเลยต้องเข้าอัดคนเดียวไปโดยปริยาย  เหนื่อยว่ะ ได้ร้องโคตรเยอะเลย หึๆๆๆๆๆ

                “พี่จุนฮเว”

                “อะไร”ผมหันไปหาชานอูที่กวักมือเรียกผมรัวๆ ผมเลยเดินไปนั่งข้างมัน “ว่า?”

                “พี่ดูพี่จินอูกับเฮียดิ”

                ผมหันไปมองตามที่ชานอูพูด จินอูกับเฮียมิโนก็นั่งอยู่ข้างๆกันเหมือนทุกที ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ “แล้วไง”

                “เหมือนแฟนกันเลยเน๊อะ”

                “...”

                “ดูดิดู เหมือนจริงๆนะเว้ยพี่”

                “..ไม่เห็นจะเหมือนตรงไหนเลย มึงอย่ามโน”พูดจบผมก็ตบหัวไอ้น้องบังเกิดเกล้าไปอีกที โทษฐานพูดจาไม่เข้าหู ก่อนจะลุกเดินไปยืนอยู่ข้างหลังจินอู “จินอู พี่ว่าวันนี้ผมร้องเพลงเพราะหรือยัง”

                “หืม? ก็เพราะนะ ปกติเหมือนทุกครั้งแหละ”จินอูหันมาตอบ ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับเฮียมิโนอีกครั้ง นั่นทำให้ผมต้องเดินถอยกลับมา

                ก็เพราะนะ ปกติเหมือนทุกครั้ง..

                ช่วยชมมากกว่านี้ ช่วยสนใจกันมากกว่านี้ได้ไหม เป็นเมเนเจอร์ให้วงนะ ไม่ได้เป็นเมเนเจอร์ให้ลีดเดอร์ของวงคนเดียว ช่วยหันมาดูแลกันบ้าง หันมาชายตามองกันบ้าง..

                แม่ง..

                “เห็นปะ ผมบอกแล้ว สองคนนั้นเหมือนแฟนกันจริงๆ”

                “เงียบปากไป”

                ผมหันไปขึ้นเสียงใส่ชานอู แล้วหยิบหูฟังมาเสียบใส่หูเพราะรำคาญ ไม่อยากได้ยินอะไรอีก ขัดหูขัดตาไปซะหมด ทำไมวะ ผมมีดีไม่พอเหรอ ถึงได้สู้เฮียไม่ได้ หรือจินอูชอบแร็ปเปอร์เลย ให้ผมไปเรียนแร็ปตอนนี้เลยไหมล่ะ ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพื่อคนที่ชอบน่ะ

                ใช่! ผมชอบจินอู ชอบมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ตอนที่รู้ว่าจะได้เดบิ้วท์ก็ว่าดีใจแล้วนะ พอรู้ว่าจะได้เมเนเจอร์เป็นจินอูดีใจยิ่งกว่าซะอีก ต่อให้เขาจะไม่เคยเหลียวแลผมเลยก็เถอะ ผมชอบของผมแบบนี้ แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสังเกตเห็น เพราะผมไม่เคยแสดงอาการใดๆออกมาเลย

                ผมก็แค่แอบมองเวลาที่เขายิ้ม

                แค่แอบดูแลเวลาที่เขาไม่สบาย

                แค่แอบชอบเงียบๆอยู่ในมุมของผม

                ก็แค่นั้น

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                หลังผ่านการอัดเสียง ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่า และผมไม่มีตารางงานต่ออีกแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะชวนจินอูไปกินข้าวด้วยกัน แต่..

                “ฉันไม่ว่างว่ะ วันนี้มีนัดแล้ว”

              “โธ่จินอู กินข้าวแค่แป็บเดียวเอง พี่ค่อยไปตามนัดก็ได้”

              “ไม่ได้ก็ไม่ดิวะเฮ้ย เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”

     
     

              คราวหน้า? คราวหน้าน่ะเหรอ คราวไหนกันล่ะ พูดคำว่าคราวหน้ามากี่ครั้งแล้ว..

                เพราะแบบนี้ ผมเลยต้องมาคนเดียว ไปร้านเดิม ร้านคุณป้ามิซอน วันนี้คงยุ่งมากแน่ๆ ในเมื่อมันคือวันศุกร์นี่นา

                เมื่อมาที่นี่ ผมไม่จำเป็นต้องปิดบังใบหน้าของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเมื่อเห็นผม ลูกค้าก็จะเข้ามาในร้านมากกว่าปกติ แน่นอน ในเมื่อผมเป็นคนดัง ป้ามิซอนก็เป็นผู้มีพระคุณของผม อะไรที่ทำให้เธอมีความสุขผมก็ทำได้หมดแหละเพราะผมนับถือเธอเป็นเหมือนแม่อีกคน ลูกค้าเยอะ รายได้ก็เพิ่ม แถมแฟนๆผมก็มีแต่พวกที่โตและมีเหตุผลมากพอ มันเลยไม่เกิดปัญหาอะไร

                ผมจอดรถไว้ที่เดิมแล้วลงเดินไปยังร้าน แต่เมื่อมาถึงหน้าร้าน ผมก็ต้องหยุดเพื่อดูก่อน เพราะป้ามิซอนไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนอยู่ด้วย

                “ขอบคุณมากนะฮะ”

                ...

                คิมจินฮวาน

                ไอ้ตัวกระเปี๊ยกมาทำอะไรที่นี่ ดูเหมือนว่าจะมาช่วยงาน ผมเลยยืนแอบมองอยู่แบบนั้นพักใหญ่ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ภาพเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่วิ่งวุ่นเสิร์ฟอาหาร แถมยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่เหนื่อยเลยสักนิดนั่นเป็นภาพที่ทำให้เห็นแล้วรู้สึกดีเหลือเกิน

                ดูเหมือนว่าผมจะไม่ต้องไปช่วยอะไรแล้วล่ะ ในเมื่อจินฮวานทำหมดทุกอย่างแล้ว..

                “อ้าวจุนฮเว ไปยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ”

                จากที่ตั้งใจว่าจะแอบดูต่ออีกสักหน่อย เป็นอันต้องยกเลิกไป เมื่อป้ามิซอนหันมาเห็นและทักผม ผมเลยต้องเดินเข้าไปในร้านที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว

                “หวัดดีครับ”

                “พี่จุนฮเว”จินฮวานทักผมด้วยความตกใจ “มะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ”

                “ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”ผมตอบแล้วหันไปหาป้ามิซอน “วันนี้ขายดีไหมครับ”

                “ดีไม่ดีก็ขายหมดเกลี้ยงแล้วล่ะ”คุณป้าพูดก่อนจะดึงจินฮวานไปยืนข้างๆ “ได้พ่อหนุ่มน้อยคนนี้มาช่วย สาวๆเข้าร้านเพียบเลย”

                “ขนาดนั้นเชียว”

                “คะ คุณป้าก็พูดเกินไปฮะ ./////. ไม่เยอะเท่าพี่จุนฮเวหรอก”

                “เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วเว้ย”ผมพูด เอื้อมมือไปยีหัวไอ้ตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว “ว่าแต่ ขายหมดขนาดนี้ ผมก็อดกินน่ะสิครับ”

                “จะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวป้าทำให้”

                “ขอข้าวผัดกิมจิสักจานก็พอครับ แล้วคุณป้าก็ไปพักผ่อนได้เลย เดี๋ยวผมจัดการต่อให้”

                “โอ๊ย ทำงานมาเหนื่อยๆ กินเสร็จก็กลับไปพักเถอะ ป้าทำเอง”

                “ไม่เป็นไรครับ แค่เก็บร้านเอง เดี๋ยวผมทำให้”ผมพูด แล้วดันหลังคุณป้าให้เข้าไปในครัว ก่อนที่ตัวผมจะเดินมานั่งที่โต๊ะ โดยมีจินฮวานตามมานั่งด้วย “ไงล่ะเรา มาอยู่นี่ได้ไง ไม่ทำงานที่ร้านกาแฟเหรอ”

                “วันนี้ผมหยุดงานฮะ ผ่านมาแถวนี้แล้วเห็นคุณป้ายุ่งๆก็เลยเข้ามาช่วย”

                “ฮ่าๆๆๆ นึกว่าร้านกาแฟไอ้หลังเขานั่นจะเจ๊งไปแล้วซะอีก”

                “พี่จุนฮเว ร้านพี่ยุนฮยองขายดีจะตาย”จินฮวานเถียงกลับ นั่นทำให้ผมนึกขำ

                “เออๆ ขายดีก็ขายดี”ผมพยักหน้าส่งๆ มองคนตรงหน้าที่ทำแก้มป่องเหมือนเด็กเวลาโดนขัดใจ “อะไรล่ะ ก็บอกว่าขายดีแล้วไง”

                “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”จินฮวานบ่นอุบ

                และนั่นทำให้ผมโคตรจะหมั่นไส้ ก็เลยยื่นมือไปยีหัวเล็กๆนี่อีกครั้ง “ไอกู เด็กตัวกระเปี๊ยกขี้งอน”

                “ผมไม่ได้งอนซะหน่อยนะ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

                “พี่จุนฮเวอ่ะ ขี้แกล้ง ผมไม่คุยด้วยแล้ว”พูดจบก็ลุกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัว

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

                น่ารักจริงๆเลยนะ ไอ้เด็กคนนี้..

                ผมหัวเราะอยู่ไม่นาน ป้ามิซอนก็เดินมาพร้อมกับจานข้าวผัดกิมจิแสนอร่อย คุณป้านั่งลงแทนที่จินฮวานแล้วยิ้มให้ผมอย่างใจดี

                “จินฮวานนี่เป็นเด็กน่ารักดีนะ ขยันขันแข็งดี ช่วยป้าได้เยอะเลย”

                “ก็คงงั้นมั้งครับ”ผมตอบพลางตักข้าวเข้าปากไปด้วย

                “แต่ดูๆไปแล้วป้ารู้สึกว่าจินฮวานกับจินอูดูคล้ายกันเลยนะ หมู่นี้ไม่เห็นจินอูเลย งานยุ่งเหรอลูก”

                “...”

                ผมเคยพาจินอูมาที่นี่อยู่บ่อยๆเมื่อช่วงปีที่แล้ว ตอนนั้นเฮียมิโนมีงานโซโล่เดี่ยวที่ต่างประเทศ แล้วมีเมเนเจอร์คนอื่นไปดูแล นั่นทำให้ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดจินอูบ้าง แม้จะช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ

                “จินฮวานเป็นน้องชายพี่จินอูครับ”

                “ป้าก็ว่าแล้วเชียว”ป้ามิซอนพูด ตบไหล่ผมเบาๆ “แล้วเราน่ะยังไง”

                “อะไรครับ”

                “จะคนพี่หรือคนน้องดี หืม..”

                “ป้าครับ ไม่ใช่ทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละครับ”ผมตอบปฏิเสธแล้วก้มหน้ากินข้าวเงียบๆจนคุณป้าต้องเดินหนีไป

                คนพี่หรือคนน้องอะไรกันล่ะ..

                คนพี่น่ะไม่เคยสนใจผมอยู่แล้ว

                ส่วนไอ้คนน้อง ผมเองก็ไม่ได้สนใจในทำนองนั้นอยู่แล้วเหมือนกัน

                เด็กคนนั้นก็แค่น้องชายของคนที่ผมแอบชอบ แต่ทำไมผม..

              ..ถึงได้ยิ้มทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                หลังช่วยกันเก็บร้านให้ป้ามิซอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถมาส่งจินฮวานที่คอนโด โดยระหว่างทาง อาจเป็นเพราะเหนื่อย จินฮวานถึงได้หลับคอพับมาตลอดทาง

                “ขอบคุณที่มาส่งนะฮะพี่จุนฮเว”จินฮวานบอกหลังจากลงไปจากรถแล้ว

                “ย๊า ไอ้เปี๊ยก”ผมเรียกไว้ก่อน จากตัวกระเปี๊ยกเหลือเพียงเปี๊ยกอย่างเดียวพอ มันจะได้ไม่ยาวมาก เหอะๆ

                “ฮะ??”

                “ขอขึ้นไปข้างบนหน่อยได้ปะ”

                “พี่จะขึ้นไปทำไมเหรอฮะ”

                แค่อยากเห็นหน้าพี่ชายนายก่อนจะกลับไปนอนน่ะ

                แน่นอน ผมแค่คิด ผมไม่ได้พูดออกไปหรอก “เออน่ะ ขี้เกียจกลับตอนนี้อ่ะ เมื่อย”

                “อ่า งั้นก็ได้ฮะ”

                สุดท้ายผมก็ได้ขึ้นไปบนห้องของจินอูโดยมีจินฮวานเป็นผู้อนุญาตและนำทาง ผมไม่เคยขึ้นไปหรอก อย่างมากก็แค่มาส่งจินอูที่หน้าคอนโดเท่านั้น เพราะจินอูบอกว่าไม่ชอบให้ใครขึ้นไปวุ่นวายบนห้อง แต่ผมกำลังจะขึ้นไปวุ่นวายแล้วล่ะ

                “พี่จินอูกลับมาแล้วนี่”จินฮวานพึมพำ หลังจากที่แตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้องแล้วเห็นรองเท้าของจินอูวางอยู่บนชั้น

                ในขณะที่ผมก็มองสำรวจรอบๆห้อง สะอาด เรียบร้อยสมกับที่เป็นห้องของจินอูจริงๆด้วยแฮะ

                “จินฮวาน มาแล้วเหรอ”

                “ฮะพี่จินอู อ๊ะ!

                ผมรีบเอื้อมมือไปรั้งเอวจินฮวานเอาไว้ เมื่อไอ้เปี๊ยกนี่สะดุดกับขาตัวเองแล้วทำท่าว่าจะล้ม แต่ว่าผมคว้าหวืดน่ะ ร่างของจินฮวานเลยเอนไปข้างหน้า แต่ไม่ล้มเพราะ..

                “ไม่ระวังเลยตัวเล็ก”

                “พี่มิโน!!!!!!

                “เฮีย..”ผมพึมพำเบาๆ มองคนที่โผล่มารับร่างของจินฮวานได้ทันเวลาพอดี

                มาทำอะไรที่นี่วะ? แล้วไหนจินอูบอกว่าไม่ชอบให้ใครขึ้นมาวุ่นวายบนห้องไง

                “ไง มาทำไรที่นี่เนี่ยมึง”

                “แล้วเฮียอ่ะ มาทำอะไรที่นี่”ผมย้อนถามกลับ ตอนนี้ชักจะหงุดหงิดแล้วล่ะ ไม่รู้หงุดหงิดเพราะอะไร

                เพราะขึ้นมาบนห้องจินอูได้ หรือเพราะมือปลาหมึกที่ยังไม่ปล่อยออกจากเอวของจินฮวานสักที

                เฮ้ยจุนฮเว มันก็ต้องเพราะเหตุผลแรกดิวะ อะไรของมึงเนี่ย

                “มารอเจอตัวเล็กนี่ไง”เขาตอบผมแล้วก็หันไปยีหัวจินฮวานเหมือนที่ผมชอบทำ “ไงเรา ไม่เจอกันนาน ตัวยังเท่าเดิมเลยนะ”

                “พี่มิโนอ่ะ ผมสูงขึ้นตั้งห้าเซ็นนะ”

                “จริงๆนะมิโน จินฮวานโตแล้ว แต่หยุดอยู่แค่นั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

                “พี่จินอูอ่ะ ผมจะโกรธพวกพี่แล้วนะ โกรธๆๆ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

                ผมมองทั้งสามคนที่หยอกล้อ หัวเราะกันอย่างมีความสุข แล้วเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นคนนอกบทสนทนา และเป็นส่วนเกินมากขึ้นทุกที ผมหันหลังเพื่อจะเดินกลับ ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ

                “อ๊ะ พี่จุนฮเว”

                แต่กลับมีมือเล็กมาคว้าที่แขนของผมเอาไว้ ผมหันกลับไปมองจินฮวาน แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

                “ไหนพี่บอกว่าเมื่อยไงฮะ อย่าเพิ่งกลับสิ อยู่ด้วยกันก่อน”

                “...”

                “มาฮะ มานั่ง”

                แล้วผมก็โดนจินฮวานดึงเข้าไปด้านใน ก่อนที่จินฮวานจะค่อยๆดันผมกลับเข้าสู่วงสนทนาอีกครั้ง ผมลอบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มร่าเริงสดใสอยู่ข้างๆ

                ขอบใจนะ ที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน.. ขอบใจที่ทำให้รู้สึกดี

              คิมจินฮวาน











    จะไปไหนก็ไปเลยไป เห็นแล้วเกะกะลูกตา...

    จะไปจริงๆเหรอวะ?

     

                -YUNHYEONG PART-

                ผมออกมาเปิดร้านตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้ให้จินฮวานที่ทำงานหนักมาตลอดหลายวันได้หยุดพักบ้าง ตอนแรกเด็กน่ารักคนนั้นจะไม่หยุด แต่ผมก็คะยั้นคะยอแกมขู่บังคับให้หยุดไปจนได้

                ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ เป็นเจ้าของร้านก็จริง ควรจะอยู่แบบสบายๆก็จริง แต่เห็นจินฮวานตั้งใจทำงานหนักขนาดนั้นมันก็รู้สึกผิดด้วยไม่ได้ เห็นทีผมคงต้องจ้างหนักงานเพิ่มแล้วล่ะมั้ง

                กรุ๊งกริ๊ง

                “เอ่อ ร้านยังไม่.. มาทำไร”ผมพูดเสียงอ่อนในตอนแรกแต่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงแข็งในตอนหลังเมื่อเห็นหน้าบุคคลมาเยือนแต่เช้าตรู่

                ไอ้เด็กลักยิ้ม จองชานอู

                “มาช่วย”

                “- -

                “เมื่อวานพี่บอกว่าพี่ให้พี่จินฮวานหยุดนี่นา ผมเลยมาช่วย”ชานอูพูดแล้วเดินมายกเก้าอี้ลง ผมละจากการเรียงของที่เคาน์เตอร์แล้วดึงคอเสื้อไอ้เด็กนี่ไว้ “อะไรอ่ะพี่”

                “ไหนว่าเป็นนักร้องวงดังไง ไอ้ MAZE อะไรนั่นน่ะ”

                “ก็ใช่”

                “แล้วไม่มีการมีงานทำหรือไง มาช่วยฉันได้เนี่ย”

                “มี แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้ว๊างว่าง ผมเลยมาช่วยพี่ได้”พูดจบมันก็ดึงมือผมออกแล้วหันไปยกเก้าอี้ต่อ

                ผมเลยยักไหล่ไม่สนใจแล้วเดินไปทำงานตัวเองต่อ อ่า.. อาจจะดูเหมือนว่าผมไม่ชอบหน้าชานอูนะ แต่เปล่าเลย ไม่ใช่หรอก ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ แสดงออกทื่อๆ อันที่จริงผมรักมันนะชานอูน่ะ มันช่วยผมไว้ตั้งเยอะ รักแบบ น้องชายคนนึงเลยอ่ะ

                “พี่ยุน”

                “อะไร”

                “พี่กินข้าวหรือยัง”

                “ยัง”

                “อ่า อืมๆ”

                แล้วมันก็ยกเก้าอี้เงียบๆ ส่วนผมก็ทำงานเงียบๆกันต่อไป เมื่อยกเก้าอี้เสร็จแล้ว ชานอูก็เดินมาหลังเคาน์เตอร์จัดการเอาถุงขยะมาเปลี่ยน จัดนู่นนี่เหมือนอย่างที่จินฮวานทำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเด็กนี่รู้ได้ไง ว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง

                ตั้งแต่ผมเปิดร้านมา ชานอูมาที่นี่แค่สามครั้งเอง แถมแต่ละครั้งก็มาแค่แป็บเดียว ดูท่าทางจะอยากเป็นเด็กเสิร์ฟมากกว่านักร้องล่ะมั้งนั่นน่ะ

                “พี่ยุน”

                “อะไร”

                “สามสี่วันนี่พี่จะเปิดร้านหรือเปล่า”

                “ก็เปิดทุกวันอ่ะ”

                “อ่า อืม”

                แล้วก็เหมือนเดิม ถามเสร็จก็ต่างคนต่างทำงานตัวเองเงียบๆ

                “พี่ยุน”

                “อะระ.. ไอ้บ้า”ผมโวยลั่นเมื่อจู่ๆชานอูมันก็มายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมหันไปพอดี ปลายจมูกเฉียดกันไปแค่นิดเดียวเท่านั้น “ทำอะไรของแกเนี่ยฮะ”

                “ฮ่าๆๆๆ เขินเหรอพี่”

                “เขินบ้าไรล่ะ จะอ้วก”ผมพูด แล้วเตะมันเบาๆไปที “มีอะไร”

                “เปล่า แค่อยากมองหน้าพี่ใกล้ๆ”

                “...”ผมถึงกับเงียบไปไม่เป็น เผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น นี่ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นผู้ชาย ผมจะคิดว่าชานอูมันเต๊าะผมแล้วนะ ไอ้เด็กนี่

                “มีคนเคยทักว่าพี่หน้าตาเหมือนผมบ้างไหม”

                “ไม่เห็นจะมี”

                “เหรอ แต่ผมว่าเราหน้าตาเหมือนกันนะ”ชานอูพูด เท้าคางแล้วเขยิบมาใกล้ผมอีกครั้ง “เขาว่ากันว่าคนหน้าตาเหมือนกัน จะเป็นเนื้อคู่”

                “นี่ ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ปะ เสร็จงานแล้วนี่ จะไปไหนก็ไปเลยไป เห็นแล้วเกะกะลูกตาว่ะ”ผมพูดไล่

                ชานอูหน้าจ๋อยไปนิดนึงก่อนจะเดินออกไปจากร้านโดยมีผมมองตามไป อ่า ไม่ได้ตั้งใจจะไล่นะเว้ย ตะ แต่ไปก็ดี พูดมากชิบเป๋งเลย

                ...

                เฮ้ย ไปจริงดิ จะไปจริงๆเหรอวะ

                “อะไรวะ..”ผมพึมพำกับตัวเอง อดยอมรับไม่ได้เลยว่ารู้สึกใจหายแค่ชานอูเดินออกไปจากร้าน

                ผมไม่ได้ตั้งใจไล่นะ ทำไมมันบ้าจี้จังล่ะ

                ผมทำงานตัวเองต่อแบบหงอยๆ ใกล้จะได้เวลาเปิดร้านแล้ว เห็นทีว่าผมคงไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วล่ะ ต้องรีบจ้างพนักงานเพิ่มอีกคนอย่างเร่งด่วนแล้วสิ

                กรุ๊งกริ๊ง

              “ยิน.. ชานอู”

                “โห โคตรดีใจเลยอ่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่พี่เรียกผมด้วยความดีใจขนาดนี้”

                ผมมองชานอูที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับถุงอะไรบางอย่าง “ก็ฉันนึกว่าแกไปจริงๆนี่หว่า รู้สึกผิด”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ ผมไม่ไปหรอก ผมรู้ว่าพี่น่ะ ปากไม่ตรงกับใจ”พูดจบมันก็อาจหาญเอื้อมมือมาบีบแก้มผม

                “ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้เด็กนี่”และผมก็ปัดมือมันออกพร้อมกับตบหัวมันไปที “แล้วนั่นอะไร”

                “เห็นบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว คิมบับร้านตรงนั้นอร่อยมาก ผมเลยซื้อมาให้”

                “...”

                “กินกันเถอะพี่ ^^

                นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่มีคนเรียกไปกินข้าวด้วยกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “เดี๋ยวผมก็ไม่เจอพี่อีกตั้งเดือนนึง”

                “จะไปไหนอ่ะ”ผมถามทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ในปาก

                “เวิร์ลทัวร์อ่ะพี่”ชานอูพูด แสดงสีหน้าว่าเสียใจมาก

                ผมเลยตบบ่ามันเบาๆ “ไม่ต้องคิดถึงฉันมากขนาดนั้นก็ได้”

                “จะไม่คิดถึงได้ไง ก็บอกแล้วว่าพี่คือคนสำคัญของผม”

                “...”

                ไอ้.. ทำไมชอบพูดจาชวนขนลุกวะ

                “พี่ยุน”

                “อะไร”

                “ผมขออะไรหน่อยได้ไหม”

                “อะระ..”ผมยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆชานอูก็ดึงผมเข้าไปแล้วกอดผมแน่น

                ผมเผลอปล่อยตะเกียบหล่นลงพื้น อึ้งกับการกระทำนี้ ตอนแรกตั้งใจจะถีบมันออกแล้วด่า แต่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี่ผมกลับทำไม่ลง สิ่งที่ทำตรงกันข้ามกับความคิดของผม

                “ฉันก็จะคิดถึงแกนะเว้ย”ผมพูดแล้วกอดตอบชานอูไป “ไอ้เด็กลักยิ้มของฉัน”

                “จริงๆนะพี่ พี่ต้องคิดถึงผมนะ”

                “เออ”

                “พี่ยุน.. คือผม..”

                กรุ๊งกริ๊ง

                เสียงกระดิ่งจากหน้าร้านดึงขึ้นนั่นทำให้เราสองคนผละออกจากกันอัตโนมัติ ชานอูรีบลงไปนั่งยองๆอยู่ตรงเคาน์เตอร์ทันที แหงสิ ในเมื่อไม่ได้พลางตัวเลยสักอย่าง ซึ่งเห็นแบบนั้นมันทำให้ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

                จองชานอูเอ๊ย.. ไอ้เด็กบ้า


















    #วงมั่นหน้า ติดแท็กเพื่อเร่งฟิค 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×