ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER iKON GOT7 : : SONGKIM] MAZE♂ FIRST STORY

    ลำดับตอนที่ #6 : MAZE : CHAPTERS 4

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 58


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r





    CHAPTERS 4

     

                ร่างสูงของแจบอมเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องพัก เขาเบี้ยวงาน ไม่ได้ไปอัดเพลง จินอูโทรตามเขาเป็นร้อยสายจนโทรศัพท์แบทหมดไปเองแต่แจบอมก็ไม่สนใจ สิ่งที่เขาสนใจคือคนที่อยู่ในห้องต่างหาก เขาดีใจแทบตายที่รู้ว่าจินยองฟื้นแล้ว แต่ความดีใจก็หายไปในทันทีเพียงแค่ได้พูดคุยกัน

                “คุณเป็นใคร”

                ทันทีที่เห็นหน้าเขา จินยองก็เอ่ยปากถามคำถามที่ไม่คาดคิด สายตาของจินยองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนจนน่ากลัว

                “จินยองอ่า”

              แจบอมเลยเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน หวังให้จินยองคนเดิมกลับมา แต่เปล่าเลย เมื่อ..

                “จินยองเป็นใคร”

                อะไร ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับจินยอง ทันทีที่หมอมาถึง แจบอมก็ถูกให้ออกไปรอที่นอกห้องก่อน ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมหมอยังไม่ออกมา จินยองเป็นอะไรมากหรือเปล่า จินยองจะตื่นขึ้นมาเป็นปกติ แล้วจินยองจะกลับมาเป็นคนเดิมไหม คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนตอนนี้ปวดหัวไปหมดแล้ว

                “คุณแจบอมครับ”

                “หมอ”แจบอมพุ่งไปหาคุณหมอทันทีที่ออกมาจากห้อง “เกิดอะไรขึ้นกับจินยอง เขาปกติใช่ไหม”

                “สภาพร่างกายคุณจินยองปกติครับ ไม่มีอะไรผิดปกติตรงไหน แต่พรุ่งนี้พาคุณจินยองไปเช็คที่โรงพยาบาลก็คงดี”

                “ละ แล้ว จินยอง”

                “แต่สภาพจิตใจภายในไม่ปกติเลยครับ”

                “..กะ เกิดอะไรขึ้น”

                “ตอนเกิดอุบัติเหตุ คุณจินยองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากในส่วนของสมอง อีกทั้งสภาพจิตใจที่ปิดกั้นตัวเองในตอนที่เกิดเรื่องทำให้คุณจินยองไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย แต่ยังใช้ชีวิตได้เป็นปกติครับ”

                “จินยอง ..จำไม่ได้แม้แต่ตัวเอง”

                “ครับ คุณจินยองจำไม่ได้แม้แต่ตัวเอง”

                “แล้วจินยองจะกลับมาเป็นปกติไหมครับ อีกนานแค่ไหน”

                “ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการช่วยฟื้นฟู การรักษามีหลายแบบครับ มีการใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างจะอันตราย หมอไม่แนะนำ หรือบางทีอาจจะใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ อาจจะหนึ่งเดือน สองเดือน หนึ่งปี หรือบางที..”

                “...”

                “เราก็ต้องยอมสละทุกความทรงจำของคุณจินยองออกไปให้หมด”

                “!!!!!!!!!!!!

                “ช่วงนี้ควรมีคนดูแลคุณจินยองอย่างใกล้ชิดนะครับ หมอต้องขอตัวก่อน พรุ่งนี้รบกวนพาคุณจินยองไปตรวจร่างกายด้วย”

                “...”

                เหมือนตอนนี้วิญญาณของแจบอมถูกใครบางคนกระชากออกไปกลางอากาศแล้ว ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ แทบไม่ได้ขยับตัว

                สิ่งที่เขาหวังและรอคอยมาตลอดคือจินยองฟื้นขึ้นมา

                ยิ้มให้เขา

              หัวเราะกับเขา

              พูดกับเขา แค่เรียกชื่อเขา

              แต่..

              ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด จินยองฟื้นขึ้นมาจริง ..แต่จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเอง

                ความทรงจำตั้งมากมายที่ทำมาร่วมกันจินยองก็จำไม่ได้..

                มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้สิ

                ใช้เวลาอยู่นาน แจบอมรวบรวมสติของตัวเอง เปิดประตูเข้าไปในห้อง จินยองนั่งพิงกับขอบเตียงอยู่ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นภาพที่เขาเห็นอยู่บ่อยๆ เวลาที่จินยองต้องใช้ความคิด ก็มักจะทำแบบนั้น

                เมื่อรู้สึกได้ว่าในห้องไม่ได้มีตัวเองอยู่แค่คนเดียว คนป่วยที่เพิ่งหายป่วยก็หันไปมองด้านหน้าของตัวเอง ผู้ชายที่ไม่คุ้นตา ไม่รู้จักกำลังยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยซ้ำ

                แต่ได้ยินใครๆก็เรียกว่า จินยอง

                ผู้ชายคนนั้นก็เรียกว่าจินยอง จินยอง จินยองเป็นใครกันล่ะ หรือจินยองจะคือชื่อของตัวเอง ใช่ไหมนะ?

                ใช่เหรอ

              ไม่รู้เลย ไม่รู้เลยสักนิด

                “จิน..”แจบอมเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว ไปกล้าแม้แต่จะเรียกชื่อของคนตรงหน้า

                “ผมเป็นใคร”

                “...”

                “แล้วคุณเป็นใคร”

                เจ็บมากนะรู้ไหม กับคำถามแบบนี้..

                “จำไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ”แจบอมลองถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หวังว่าจินยองจะยิ้มพร้อมกับหัวเราะแบบที่ทำแล้วก็บอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องล้อเล่น แต่..

                “..ใช่”

                นั่นคือคำตอบ

                คำตอบที่ไม่ต่างอะไรจากมีดที่ลงมากรีดกลางใจของแจบอม

              “ผม.. ขอโทษ”

                เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของคนตรงหน้า ก็รีบพูดออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปขอโทษทำไม

                แจบอมกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ ฝืนยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปนั่งที่ข้างเตียง เอื้อมมือไปแตะแขนเล็กเบาๆ และการกระทำของจินยองก็ยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เขาอยู่แบบเดิม เมื่อจินยองยกแขนหนี

                “ผม..”

                “มะ ไม่เป็นไร”แจบอมพูดเสียงแผ่ว ยิ้มบางๆ “ไม่รู้จักกันก็ไม่เป็นไรนะ เรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีไหม”

                “...”

                “หืม”

                “(_ _)(- -)(_ _)(- -)”

                “โอเค ..พี่ชื่ออิมแจบอมนะ นายเคยเรียกพี่ว่าพี่แจบอม หรือไม่ก็พี่เจบี”

                “..เจบี?”

                “อื้ม มันเป็นชื่อเล่นที่นายตั้งให้พี่น่ะ อ่า.. เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเลยนะ วิ่งเล่นด้วยกันแทบทุกวัน พอจะนึกออกไหม”

                “..ผม..”

                “ยังไม่ต้องนึกตอนนี้ก็ได้จินยอง”

                “ผมชื่อจินยอง”

                “ใช่ ชื่อของนายคือจินยอง”

                “จูเนียร์”

                “หืม”

                “เรียกผม.. ว่าจูเนียร์ได้ไหม”

                “...”

                “ผม ..รู้สึกดีกับชื่อนี้จัง”

                แจบอมเม้มปากแน่น น้ำตาที่กลั้นแทบตายไม่ให้ไหลกลับไหลลงมาอย่างกับเขื่อนแตก หยดแล้วหยดเล่าที่หยดลงบนผ้าปูที่นอน

                จินยองมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ รู้สึกไม่ดีขั้นรุนแรงที่เห็นน้ำตาของคนๆนี้ มือบางยกขึ้นแนบไปที่แก้มของแจบอมก่อนจะไล้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตา

                “ผม.. ไม่ชอบเห็นพี่ร้องไห้เลย”

                “จะ จิน.. จูเนียร์อ่า”

                “อย่าร้องไห้ได้ไหมฮะ”

                “อะ อื้ม”

                แจบอมพยักหน้ารับ ร้องไห้เพราะดีใจ อย่างน้อยในจิตใต้สำนึกของจินยองก็ยังมีเรื่องของเรา..

     

     

                “พี่แจบอมมมมมมมมมมมมมม”

                “อะไร”

                “ผมรู้แล้วแหละ ว่าจะเรียกพี่ว่าอะไรดี”

                “??”

                “เจบี พี่คือพี่เจบีของผม”

                “มันต่างจากแจบอมตรงไหนเนี่ย แต่ก็เอาเหอะ จะเรียกไรก็เรียกไป”

                “แล้วพี่ล่ะ จะเรียกผมว่าอะไร”

                “จินยอง”

                “ง่ะ ที่ไม่ใช่จินยองสิ ที่มันพิเศษ ที่พี่เรียกผมแค่คนเดียวน่ะ”

                “ไม่รู้ คิดไม่ออกหรอก”

                “อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”

                “...”

                “จูเนียร์”

                “...”

                “เรียกผมว่าจูเนียร์นะ ผมคือจูเนียร์ของพี่ แค่คนเดียว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “โอ๊ย!! นี่แจบอมมันไปไหนของมันวะ”

                “- -

                “นี่พวกแกจะเงียบกันทำไมฮะ!! ฉันถามทำไมไม่ตอบ”

                “โอ๊ยจินอู ตอบไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่รู้”จุนฮเวแหวลั่น มองผู้จัดการที่โวยวายไม่ยอมหยุด แถมยังถามคำถามเดิมๆมาตั้งเกือบสิบครั้ง

                ตอนนี้เป็นเวลาอัดเสียง แจบอมหายตัวไปไม่มีใครติดต่อได้เลย แม้แต่รูมเมทอย่างชานอูก็ไม่รู้ว่าแจบอมไปไหนเหมือนกัน นับประสาอะไรกับคนไม่สนใจโลกอย่างเขากับมินโฮล่ะ

                “ใจเย็นก่อนน่า เดี๋ยวมันก็มา”

                “ย๊า นายจะให้ฉันใจเย็นอยู่อีกเหรอมิโน มันเลทมาสองชั่วโมงแล้วนะ ทำไมพวกนายถึงได้ทำตัวเหลวไหลกันขนาดนี้”

                “พี่จินอู อย่าใช้คำว่าพวกนายดิ ผมมาก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมงนะ”ชานอูแย้ง ก่อนจะหงอไปเมื่อจินอูตวัดสายตาคมกริบมอง “ง่า โอเคๆ พวกนายก็ได้”

                “วันไหนที่ไม่โดนด่าคงจะนอนกันไม่หลับสินะ เชื่อเลย ย้ำนักย้ำหนาว่ามันสำคัญมากขนาดไหน ก็ยังจะเหลวไหล”จินอูบ่นยาว “พวกนายไปอัดกันก่อนเลย ส่วนของแจบอมค่อยให้เจ้านั่นมาทีหลัง หรือไม่ก็ไม่ต้องร้อง”

                “โห่ อย่าโหดๆ”

                “ไม่ดีหรือไงล่ะ จุนฮเวนายจะได้ร้องทั้งหมดเลยไง”

                “ไอ้ดีมันก็ดีหรอก แต่เหนื่อยว่ะพี่ จะให้ผมร้องคนเดียวหมดน่ะ แค่ลำพังที่ผมร้องอยู่ ไอ้ชานอูรวมกันทั้งอัลบั้มก็ไม่ถึงแล้ว”

                “- - ไอ้คุณพี่ที่น่าเคารพรักครับ อย่ามั่นหน้าให้มากนักเหอะ”ชานอูพูดพร้อมกับเหวี่ยงหมอนใส่จุนฮเวที่หัวเราะเยาะเย้ย

                “ฉันพูดเรื่องจริงนี่หว่า”

                “ฮึ่ย”

                แล้วจุนฮเวกับชานอูก็ลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปห้องอัด แต่จินอูเรียกทั้งสองคนเอาไว้ก่อน

                “อย่าลืมขอโทษโปรดิวเซอร์เขาด้วยล่ะ นิสัยก็แย่ช่วยมีมารยาทกันสักนิดนึง”

                “รู้น่า”

                รับคำแล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้อง มินโฮที่นั่งอยู่นานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะโน้มตัวลงไปจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับจินอู ยิ้มบางๆ

                “อย่าเครียดสิ หน้าแก่ไม่รู้ด้วยนะ”

                “ลองมาเป็นฉันดูไหมล่ะ จะได้รู้ว่าไม่เครียดไม่ได้เลย”

                “เอาน่ะ ถ้าแจบอมมันกลับมา ฉันจะด่ามันให้เอง ส่วนนาย ก็แค่กลับไปที่ห้อง แต่งตัวหล่อๆ แล้วมาเจอกันที่คลับ โอเค๊”

                “คลับ? ทำไมฉันต้องไปที่นั่นด้วย”

                “ไอ้คนขี้ลืมเอ๊ย”มินโฮพูด เอื้อมมือใหญ่ๆไปหยิกที่แก้มเนียนอย่างเอ็นดู “นัดกับซึงฮุนไว้จำไม่ได้แล้วเหรอ”

                “อ่า จริงด้วยแฮะ”

                “ตามนั้น อย่าสายล่ะ”

                “อือ ฉันไม่เหลวไหลอย่างพวกนายหรอกน่า”จินอูบ่นพึมพำ ดึงมือมินโฮออกจากแก้ม แต่จู่ๆจมูกโด่งก็ฝังลงที่แก้มแทนอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาจินอูตาโตด้วยความตกใจ “นาย..”

                “นายน่ารักดีเวลาทำหน้าแบบนี้ เห็นแล้วอยากขย้ำ..”

                “ย๊า!!!!!!!!

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

                มินโฮยีหัวจินอู แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่จินอูจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่เรื่องแจบอมก็กลุ้มพออยู่แล้ว

                หวังว่าคืนนี้มินโฮจะไม่ไปก่อเรื่องให้กลุ้มเพิ่มนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                แสงสีและเสียงคือสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับจินอู เพราะงานที่เขาทำคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ถึงจะคุ้นเคย ก็ใช่ว่าจะชอบนัก ที่จริงแล้วจินอูเป็นผู้ชายรักความสงบ เขาชอบอยู่ในที่ที่ร่มรื่น สบายตา และน้อยคน แต่สิ่งที่เผชิญทุกวันกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อจินอูเป็นคนเลือกเดินทางนี้เอง ก็ต้องยอม อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้ใกล้..

                ใกล้กับคนที่ชักจะห่างไกลออกไปทุกที

                “คนสวยมาคนเดียวเหรอจ๊ะ”

                “- - อีซึงฮุน อยากตายมากงั้นสินะ”จินอูทักหนุ่มตี๋ที่เดินมาในมาดกวนประสาทสุดๆ

                อีซึงฮุน หนุ่มตี๋เพื่อนที่เรียนมหาลัยรุ่นเดียวกัน และเป็นกลุ่มเดียวกันกับจินอูและมินโฮ ยิ้มร่าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างกับจินอู

                “เจอกันก็จะฆ่ากันให้ตายเลยเหรอจินอูย๊า ใจรว้ายยยยยยยยยยยยย”

                “กวนประสาทเหมือนเดิมไม่มีผิด”

                “นายก็สวยเหมือนเดิมไม่มีผิด”

                “- -*

                “อ่ะๆๆ หล่อเหมือนเดิมไม่มีผิด”

                “หึๆๆๆ”จินอูหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “มานานแล้ว?”

                “อือฮึ”

                “เรื่องเหล้านี่ไวเหลือเกินนะไอ้ตี๋”

                “แน่น๊อนนนนนนนน”ซึงฮุนตอบเสียงสูง มองไปรอบๆ “ว่าแต่ไอ้มิโนอยู่ไหนอ่ะ”

                “ยังอัดเสียงอยู่ แต่เดี๋ยวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตามมา ไม่นานหรอก รายนั้นก็ไวพอๆกับนายแหละ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ นั่นดิ”ซึงฮุนพยักหน้ารัวเห็นด้วยกับสิ่งที่จินอูพูด ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืน แล้วจับมือพร้อมกับเอาไหล่กระแทกตามประสาการทักทายของผู้ชายแมนๆกับอีกคนที่เพิ่งมาใหม่ “โย่ววววว ร็อคเกอร์”

                “โย่ววว นั่นมันฮิปฮอปปะวะ ฮ่าๆๆ แต่ก็ช่างแม่ง โย่วววววว”

                คังซึงยุน คืออีกคนในกลุ่ม ผู้ชายหุ่นดีที่ไม่ว่าสาวที่ไหนได้เห็นผิวหนังใต้ผ้านั่นแล้วล่ะก็ รายไหนรายนั้น หลงหัวปรักหัวปรำกันทุกคน

                “ไง ซึงยุน”

                “จินอู”

                ซึงยุนทักอีกคนที่ตอนแรกเขามองไม่เห็น ไม่สามารถซ่อนประกายในดวงตาได้เลย ตาเขากำลังแวววาว ใช่ ยอมรับ ดีใจที่ได้เจอ ก็ไม่แปลก ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน อยากจะดึงเอาร่างบางๆนั่นเข้ามากอด

                ...

                แต่ก็ทำไม่ได้

                ตราบใดที่ใจยังคิดไม่ซื่อกับจินอู ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นั่นคือสิ่งที่ซึงยุนสัญญากับตัวเองเอาไว้

                “มาๆๆๆ ไหนๆก็มากันเกือบครบละ มาดริ๊งค์กันดีกว่า”

                “ไอ้ซึงฮุน สั่งน้ำเปล่าให้จินอูด้วย”ซึงยุนหันไปบอกซึงฮุนที่กวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์ สร้างความแปลกใจให้ทั้งจินอูและซึงฮุน

                “ทำไมต้องน้ำเปล่าวะ นี่มาเที่ยวนะเว้ย ที่บ้านจินอูไม่มีน้ำเปล่ากินเหรอ”

                “ปากดี มึงลืมเหรอ จินอูคออ่อน”

                “เออว่ะ”

                “โห่ นี่โคตรดูถูกกันเลยนะ”จินอูแหวลั่น คำพูดของเพื่อนทั้งสองคนมันคือการดูถูกชัดๆ “ฉันไม่ได้คออ่อนนะเว้ย มาแข่งกันปะล่ะ ใครเมาก่อนแพ้”

                “อย่ามาท้าครับจินอูครับ โอเค้ๆ น้อง เอาเหล้าที่แรงที่สุดมาเลยขวดนึง”

                “เฮ้ย ซึงฮุน”ซึงยุนร้องเสียงหลง หันไปมองจินอู “แน่ใจเหรอจินอู”

                “สบาย นายก็รู้ ว่าฉันอยู่ในวงการแบบนี้มานานแล้ว ดื่มบ่อยจนชินแล้วแหละ”

                “อ่า..”

                “แล้วนายเป็นไงบ้าง ช่วงนี้ยุ่งมากไหม”จินอูรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อซึงยุนทำท่าว่าจะแย้งอีก

                “ก็ยุ่งๆอ่ะแหละ เตรียมจะคัมแบ็ค กะพุ่งชน MAZE เลยนะ”

                ซึงยุนเองก็อยู่ในวงการบันเทิงเช่นกัน เป็นนักร้องเดี่ยวของอีกค่ายนึงซึ่งดังไม่แพ้กัน ด้วยเสียงร้องและความสามารถของเขา แม้แฟนเกิร์ลจะเยอะไม่เท่ากับ MAZE แต่ถ้าถามถึงแฟนบอย

                คังซึงยุนวินแน่นอน

                “ฮ่าๆๆ ก็ดี พุ่งชนไอ้สี่คนนั้นให้กระเด็นหลุดวงโคจรโลกไปเลยนะ วันๆก่อกันแต่เรื่อง”จินอูพูด นึกถึงเรื่องแจบอมเบี้ยวงานวันนี้ก็หงุดหงิดขึ้นมา บวกกับบาร์เทนเดอร์เอาเหล้ามาเสิร์ฟให้พอดี จินอูเลยยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

                โดยมีสายตาเหวอๆทั้งสองคู่มองตาม

                “เฮ้ยจินอู เหล้ามันแรงนะเว้ย”

                “แล้วไง เกิดกลัวขึ้นมาเหรอครับคุณอีซึงฮุน”

                “ป๊าดดดดดดดดด หยามหน้ากันเกินไปแล้ว แบบนี้ไม่มีกลัว”

                แล้วทั้งสองคนก็ผลัดกันดวลเหล้าโดยมีสายตาเป็นห่วงของซึงยุนมองตามจินอูตลอด แต่ดูเหมือนว่าหน้าที่ของเขาจะสิ้นสุดลงแล้วเมื่อมีมือใหญ่เอื้อมมาดึงแก้วเหล้าออกจากมือของจินอู

                “มิโน!!!!!!!

                “ใครอนุญาตให้ดื่มเหล้าครับ”

                “-o-

                “คุณคิมจินอู”

                เรียกเต็มยศแบบนี้ดูเหมือนจะงานเข้าซะแล้วสิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×